เลิกทำหน้าเสียใจขนาดนั้นสักที! เจ้าควรจะดีใจมากๆต่างหากที่ข้ายอมมาดูแลเจ้า!!!
“ผมเสียใจมันก็ถูกแล้ว! ใครจะอยากได้คนดูแลเป็นไก่ย่างจอมขี้บ่นกัน!!!”ผมเถียงกลับ ก็มันจริงนี่ ได้คนดูแลเป็นไก่ย่างจอมขี้บ่นแถมยังจู้จี้จุกจิกมากอย่างนี้มันจะไปดีอะไรล่ะ
แล้วใครใช้ให้เรียกข้าออกมาล่ะ เจ้ามนุษย์หน้าโง่!!!
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าจะมีไก่ย่างออกมาเล่า!”ผมเถียงกลับ เรื่องนี้ผมไม่ยอม อย่ามาโทษว่าผมเป็นคนผิดฝ่ายเดียวนะ ถ้าผมเรียกเขาจริง ถ้าเขาไม่อยากออกมา แล้วจะออกมาตามที่ผมเรียกทำไมล่ะ!
ขืนเจ้าเรียกข้าว่าไก่ย่างอีกแค่ครั้งเดียว ข้าจะจับจงไปลงทะเลแน่!
“หึ แถวนี้ไม่มีทะเลสักหน่อย ไก่ย่างมั่ว”ผมกอดอกเชิดหน้าเถียงจนคอแทบตั้งก่อนจะรีบหดคอหนีเมื่อไอ้ไก่ย่างพุ่งเข้ามาจิกผม ถึงผมจะทนไฟได้ แต่การถูกฟีนิกซ์จิกนี่มันไม่ตลกเลยสักนิด
“ขี้โกง! ขี้โกง!! ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”ผมโวยวายลั่นพร้อมกับยกมือปัดไอ้ไก่ย่างที่รุมจิกหัวผมอยู่ได้ ไหนบอกว่าเป็นคนดูแลไง นี่มันคนรังแกชัดๆ!
ข้ามั่นใจว่าข้าเตือนเจ้าแล้ว
“ไอ้ไก่ย่างบ้า!”
เจ้าว่าไงนะ!
“ก็ว่าว่า หว๊า! อย่านะ!”ผมร้องลั่น ก่อนจะต้องวิ่งหนีหน้าตั้งเมื่อไอ้ไก่ย่างที่ว่ากำลังขยายร่างเป็นฟีนิกซ์ขนาดยักษ์แล้วจิกหัวผม ลำพังแค่จะงอยไซส์ธรรมดายังเจ็บ ไซส์บิ๊กบึ้มงี้ไม่หัวแบะเลยหรอเนี่ย ฮึ่ย! รู้งี้ไม่น่าเรียกออกมาเลย
หลังจากนั้นผมกับเจ้าไก่ย่างก็วิ่งฟัดกันไปเรื่อยๆตลอดทางจนมาถึงบ้าน กว่าจะมาถึงได้ก็เล่นเอาหัวผมโน หัวกระเซิง แถมผมยังร่วงไปตั้งหลายกระจุก นี่ถ้าผมแหว่ง หรือล้านเป็นวงขึ้นมานะ! หึ! ผมจะให้คุณป้าจะมันย่างเป็นมื้อเย็นจริงๆเลยคอยดู ว่าแต่….เดี๋ยวก่อนนะ คุณป้าหรอ คุณป้า!
“เฮ้ย! ลืมซื้อของ!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อกำลังจะไขประตูเขาบ้าน โอ๊ย ให้ตายเถอะ ทำไมลืมได้เนี่ย โดนคุณป้าบ่นแน่เลย
เหอะ! ไม่นึกได้ตอนเจอป้าซะเลยล่ะ
ผมหันขวับไปค้อนไอ้ไก่ย่างที่กลับมาไซส์เท่าเดิมแล้วก่อนจะเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง เอาไงดีล่ะ จะกลับไปซื้อใหม่ หรือจะบอกคุณป้าว่าลืมซื้อไปเลยดี แต่คุณป้าจะต้องว่าแน่เลย แต่ผมก็มีเหตุผลที่ลืมนะ ผมต้องไปช่วยคนถูกไฟคอก อย่างนี้ผมก็ไม่น่าจะผิดอะไรนี่นา ถ้างั้นก็น่าจะเข้าบ้านได้แบบไม่มีปัญหาอะไร
“คุณป้าต้องไม่ว่าหรอก คุณป้าต้องเข้าใจ”ผมพูดกับตัวเองก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วจับลูกบิดประตู
เจ้าตายแน่ๆ
“เงียบไปเลยไป!”ผมบอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คุณป้ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมค่อยๆเดินไปหาคุณป้าพร้อมกับปั้นหน้ายิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดในชีวิตไปด้วย
“คุณป้าครับ”
“อ่าว กลับมาแล้วหรอ ไง เอาเงินไปซื้อขนม….”คุณป้าค่อยๆหันมาหาผมก่อนจะชะงักเมื่อไม่เห็นถุงอะไรในมือผมอยู่เลย
“ไหนล่ะของที่ให้ซื้อ”
เจ้าตายแน่! เจ้าไก่ย่างให้กำลังใจ ถ้าคุณป้าไม่อยู่ล่ะก็ รับรองได้ว่ามันไม่ได้รอดอย่างนี้หรอก!
ผมเม้มปากแน่น หลบตาที่มองมา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องให้คุณป้าฟัง
“ผมเข้าไปช่วยคนติดในไฟไหม้ที่จัตุรัสมาครับเลยลืมซื้อของ”
“ห๊า ว่าไงนะ ! ให้ตายเถอะ แล้วนี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย ทำไมทำอะไรไม่คิดเลย ทนไฟได้แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงอันตรายนะ!!!”คุณป้าดุผมเสียงดังพร้อมกับจับเนื้อจับตัวผมตรวจดูว่าผมมีแผลตรงไหนบ้างรึเปล่า
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับป้า ผมเก่งนะ”ผมยกนิ้วพร้อมกับยิ้มการันตีความปกติของตัวเองให้คุณป้า
“แล้วช่วยเขาออกมาได้รึเปล่า”
“ได้สิครับ แล้วคนพวกนั้นก็ถูกพาส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วด้วย”คุณป้าถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่ผมจะพูดต่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมแนะนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของผม เจ้าไก่ย่าง!~
“อ้อ คุณป้าครับ ผมมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่มาแนะนำคุณป้าด้วยนะ ถึงคุณป้าจะมองไม่เห็นเขาก็เถอะ แต่ผมอยากแนะนำให้รู้จัก นี่เลย ซูนครับ นกของผมเอง”ผมชี้ไปที่ซูนที่เกาะอยู่บนหลังตู้ เจ้าไก่ย่างมองลงมาที่คุณป้าด้วยแววตาที่ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่คุณป้าก็มองไปตามที่ผมชี้
“ทำไมป้ามองไม่เห็นมันล่ะ”
“มันล่องหนต่อคนธรรมดาครับ คงจะมีแค่คนจากเลอร์วันน่าที่จะได้เห็นละมั้ง”
“งั้นหรอ”คุณป้าเออออแต่ก็ดูยังงงๆกับเรื่องเจ้าไก่ย่างนั้นอยู่ ส่วนเจ้าไก่นั้นก็บินร่อนลงมาเกาะที่ไหล่ของผม แล้วพูดในความคิดของผม
จะไปกันได้รึยัง จบเรื่องแล้วก็ขึ้นไปฝึกต่อซะสิ จะมาเล่นอีกนานมั้ย
“รู้แล้วน่า ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ”
“อะไรหรอชานยอล”คุณป้าหันมาถามผมอย่างสงสัย แหงล่ะอยู่ดีๆเห็นหลานตัวเองพูดอยู่คนเดียวก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว
“ก็เจ้าไก่ย่างน่ะสิครับ เร่งให้ผมไปฝึกต่อซะละ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอก งั้นก็รีบขึ้นไปฝึกเลย มัวแต่เล่นอยู่นั้นล่ะ เดี๋ยวป้าจะไปหาอะไรมาทำกับข้าวให้ รีบๆขึ้นไปเลย”
“วันนี้ผมขอสตูไก่นะ!”ผมร้องบอกเมนูโปรดกับคุณป้า
“อยากกินก็รีบขึ้นไปฝึกเลยไป”
“คร้าบบบบบบบบบบบ ไปเร็ว ไอ้ไก่ย่าง! เดี๋ยวอดกินของอร่อย”ผมบอกก่อนจะวิ่งนำขึ้นไปบนห้อง
เจ้าออบตินกำลังนอนหลับอยู่บนพื้นห้อง มันแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะมีเพื่อนใหม่เป็นไก่ย่าง แล้วก็ดูจะไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะเข้ามาในห้องด้วย มันยังคงหลับต่อไปเมื่อผมกระโดดขึ้นไปนั่งเปิดหนังสือบนเตียงแล้ว
เจ้าฝึกไปได้ถึงไหนแล้ว หวังว่าคงไม่ใช่แค่ครึ่งเล่มนะ!
เจ้าไก่ย่างถามผมในความคิด แต่เมื่อกี้ว่าไงนะ ครึ่งเล่มหรอ….
“ยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่เล่มเลย”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่! ทำไมเจ้าถึงได้ขี้เกียจอย่างนี้ห๊า มัวแต่เอาเวลาไปเล่นใช่มั้ย!
เจ้าไก่ย่างพุ่งเข้ามาจิกหัวผมอย่างแรงจนผมต้องรีบยกมือขึ้นป้องกัน
“จิกอยู่นั้นล่ะ สมกับเป็นไก่จริงๆเลย แล้วนี่นะ ถึงผมจะทำได้แค่นิดเดียว แต่ผมก็ควบคุมได้ทั้งห้าธาตุนะ!!”ผมเถียงกลับ ก็มันจริงนี่ ถึงผมจะกากๆ แต่ในร้านไม้ผมก็ควบคุมได้ตั้งห้าธาตุจากแค่การอ่านหนังสือเอง!
นี่เจ้าคิดว่าตัวเองทำทุกอย่างได้เพราะจากการอ่านหนังสือน่ะนะ
ผมพยักหน้ารับคำพูดของซูนอย่างมั่นใจ แหงล่ะ ผมทำทุกอย่างได้จากแค่อ่านแน่นอน เพราะตอนที่ฝึกอยู่ที่นี่ผมไม่มีใรช่วยสอนเลยสักคน!
เหลวไหลทั้งเพ ไม่มีทางที่เจ้าจะทำทุกอย่างได้จากการฝึกตามในหนังสือแค่นั้นหรอก มันต้องอาศัยพลังธาตุมหาศาลถึงจะควบคุมทุกอย่างได้
“แต่ผมทำได้จริงๆ! ผมควบคุมได้ทั้งห้าธาตุ แถมยังพ่นภาษาอะไรก็ไม่รู้ออกมาได้อีก จากแค่การอ่านหนังสือ!”
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูอีกทีสิ!!!
“ได้เลย! คอยดูแล้วกัน!”ผมบอกก่อนจะกระโดดลงมายืนบนพื้นแล้วควบคุมธาตุต่างๆให้ซูนดู แต่พอจะเริ่มควบคุมน้ำ น้ำที่ควรจะเป็นแส้เรียวยาวและพุ่งแรงกับสะบัดไปมาแล้วตกลงกับพื้น กระจายไปทั่วห้อง ออบตินสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาขู่ฝ่อใส่ผม แต่เสียงขู่ของมันไม่ได้ทำให้ผมกลัว แต่ผมกลับรู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า
“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ”
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“อย่ามาทำเหมือนฉลาดอยู่คนเดียวดิ บอกมาเลยว่าคิดอะไรไว้”
เจ้ามันมนุษย์ที่โง่ที่สุดในโลกจริงๆ พลังของเจ้ามันไม่เสถียร และดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้พลังได้ถึงขีดสุดแค่เฉพาะเวลาขับขันเท่านั้น และที่แน่ๆทุกอย่างมันไม่ได้เกิดจากแค่การอ่านหนังสือแน่นอน
ผมนิ่งเงียบไปพร้อมกับคิดตามคำพูดของซูนไปด้วยก่อนจะตอบไปช้าๆชัดๆว่า
“พูดอะไรอะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่! เอาเวลาที่เจ้าฝึกความโง่ในตัวเอง ไปฝึกควบคุมพลังให้เสถียรดีกว่าไป ข้าเบื่อจะคุยกับเจ้าแล้ว!!! ซูนพูดก่อนจะบนไปเกาะที่ชั้นหนังสือ
“อ่าว ก็คงมันไม่เข้าใจนี่ แค่นี้ก็ผิดด้วยหรอ”
ข้าจะนอน! เลิกยุ่งกับข้าสักที!! ซูนตะวาดก่อนที่จะหันหลังให้ผม แล้วนอนหลับตา นี่จะบอกว่าจะไม่สนใจผมจริงๆแล้วใช่มั้ย ฮึ่ย ไม่อยากสนก็ไม่ต้องสน ใครง้อกันล่ะ
“อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย!!!”ผมบอกก่อนจะอุ้มเจ้าออบตินขึ้นมา ดูท่าว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของผมจะไม่น่ารักเท่ากับเจ้าเหมียวนี่ของผมเลย
“ดูน้องใหม่ดิ ทำตัวไม่น่ารักเลยเนอะ”ผมกระซิบบอกเจ้าเหมียว ในขณะที่ออบตินก็ร้องเมี๊ยวๆตอบกลับมา
“เห็นด้วยใช่ป่ะล่ะ ยังไงนายก็เป็นสัตว์เลี้ยงนัมเบอร์วันของพี่ยอลนะ”ผมบอกก่อนจะตบหัวออบตินเบาๆ มันเอาหัวมาถูแขนผมก่อนจะกระโดดหนีไปเล่นตามประสามัน ส่วนผมเองก็ลุกไปหยิบหนังสือเตรียมจะอ่านต่อ แต่ขณะนั้นเองที่เท้าผมเหยียบลงพื้นเสียงออบตินก็ร้องขึ้น สิ่งที่ผมเหยียบไม่ใช่พื้นแต่ดันเป็นหางของออบติน!
ผมรีบชักเท้ากลับทันทีที่ แต่ออบตินก็ตกใจวิ่งพรวดเข้าไปหลบใต้เตียงแล้ว ผมเรียกให้ออกมาเท่าไรก็ไม่ยอมออก สุดท้ายก็เลยต้องใช้มุขบังคับ ควบคุมออกซิเจนในเลือดสั่งให้เดินเข้ามาหาผมซะเลย!
เมี๊ยววว เมี๊ยวววว!!!
เจ้าออบตินร้องประท้วง แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องง้อออบตินให้ได้!
“ขอโทษนะเจ้าออบติน เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจเลย จริงๆนะ”ผมอุ้มเจ้าออบตินให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง เจ้าออบตินยกขาเตรียมจะตะปบหน้าผม ดีที่ผมหลบได้ซะก่อน
“เฮ้! ทำไมทำร้ายพี่ยอลล่ะ!”ผมร้องเสียงดัง ก่อนจะชี้หน้าดุออบติน
“อย่างนี้ต้องโดนทำโทษนะ!”ผมบอกก่อนจะบังคับออบตินให้เต้นไปทางนู่นทีทางนี่ที จากนั้นก็ให้มันหมุนติ๋ว แล้วบังคับให้มันเกาะขาเตียง
“นี่คือการทำโทษ! น้องออบตินต้องเต้นรูดเสา!”ผมบอกก่อนจะบังคับให้มันเต้นรูดเสาไปมา ออบตินร้องครางหงุดหงิดลั่นห้อง เดาได้เลยว่าถ้าเป็นอิสระได้ ต้องมีข่วนผมหลายแผลแน่นอน
นี่เจ้าจะแกล้งแมวนั่นอีกนานมั้ย เสียงซูนดังขึ้นในหัวของผมอย่างรำคาญ
“อ่าวไหนว่าหลับไง!”
ก็คงจะหลับอยู่ ถ้าไม่มีเสียงน่าหนวกหูของพวกเจ้า
“หึ งั้นก็ไปนอนที่อื่นสิ”ผมบอกก่อนที่ออบตินจะร้องดังขึ้นมา
“เฮ้ย! นี่ๆ ตื่นก็ดีแล้ว ดูนี่เลยๆ วิชานี้ผมฝึกเองไม่อิงหนังสือ จะเรียกว่าคิดวิชาเองก็ยังได้!”ผมอวดพร้อมกับชูออบตินให้ซูนดูแล้วบังคับให้ออบตินเต้นไปเต้นมา
“นี่เลย วิชาแมวโอโกโก้!”ผมบอกชื่อวิชาที่คิดโดยตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ แต่ซูนกลับไม่สนใจเลยสักนิด เจ้าไก่ย่างนั่นมองออบตินที่เต้นไปเต้นมาด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะพูดในความคิดของผม
ไม่มีความสง่าเลยสักนิด
“ก็ไม่ได้จะให้สง่านี่ แค่เล่น เข้าใจมั้ยว่าแค่เล่น!!”
ตามใจ ข้าจะนอน ซูนตอบก่อนจะหันกลับไปนอนต่อ
“หึ ไอ้ไก่ขี้เซาเอ๊ย”
-----------------------------------------------------------
ชานยอลเข้าใจผิด….ซูน สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเขาไม่ได้หันกลับมาเพื่อจะนอนต่อ แต่หันกลับมาเพื่อจะครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่างหาก เจ้านายของเขาไม่ได้เก่งขึ้นมาอย่างฉับพลันแค่เพราะอ่านหนังสือ แต่เป็นเพราะสาเหตุอื่น สาเหตุที่ตัวเขารู้ดีว่ามันคืออะไร แต่เจ้านายของเขาดันไม่รู้เสียอย่างนั้น
พลังของชานยอลกำลังตื่น คลื่นพลังกำลังตีรวนอยู่ข้างในจนบางส่วนเริ่มแผ่รังสีออกมาเป็นรัศมีอยู่รอบๆตัวชานยอลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือพลังพวกนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าเมื่อไรจะปะทุเหมือนอย่างที่จัตุรัสเมืองอีก และเขาก็แทบจะเดาไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งต่อไปพลังจะพัฒนาได้ขนาดไหน แต่ก็ควรจะรีบควบคุมมันให้เสถียรให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ปาร์คชานยอลไม่ต่างอะไรไปจากระเบิดนิวเคลียร์ที่รอวันระเบิดพลังงานออกมา
เจ้าจะรู้ตัวรึเปล่าว่าพลังของเจ้ามันมากมายแค่ไหน ชานยอล
ซูนเหลือบตามองชานยอลที่กำลังนั่งกินขนมและบังคับแมวมาไว้บนตักไปด้วย เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองคือขุมทรัพย์ของพลังขนาดไหน
รีบรู้ตัวสักทีสิ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสาย
----------------------------------------------------
“น่าหมั่นไส้นัก”ผมพูดเมื่อแอบมองเจ้าไก่ย่างกำลังหลับตาพริ้ม หน็อย อุตส่าห์โชว์ความเก่ง ดันมาทำเมินซะได้ อย่างนี้มันต้องสั่งสอน!!
ผมค่อยๆหย่องเข้าไปใกล้ซูนที่กำลังนอนหลับอยู่ พร้อมกับค่อยๆเงื้อมือทั้งสองขึ้น ทำท่ากางกงเล็บออกเหมือนเวลาออบตินจะจับเหยื่อ รอจังหวะที่ซูนกำลังหลับสนิทที่สุด ก่อนจะเข้าบังคับออกซิเจนในตัวของซูน!!!
“เสร็จ!!!”ผมตะโกนอย่างดีใจ ทันทีที่เข้าบังคับเจ้าไก่ย่างให้ขยับปีกไปมาได้สำเร็จ
เจ้าเล่นบ้างอะไรเนี่ย!!!
“ฮ่าๆ เอาคืนที่ไม่สนใจวิชาผมไง ไงล่ะ โดนกับตัวสนุกมั้ยล่ะ”ผมเชิดหน้าบอกพร้อมกับบังคับให้เจ้าไก่ย่างตีปีกพรับๆด้วยท่าที่เหมือนกับเวลาเราเต้นท่าไก่แบบนั้น
หยุดควบคุมข้าเดี๋ยวนี้นะ ไอ้มนุษย์หน้าโง่!!! ซูนพยายามขืนตัวเตรียมจะพุ่งใส่ผม แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อผมบังคับให้เขาหมุนตัวท่าบัลเล่ต์แล้วกระโดดไปมา
“ฮ่าๆ นี่มันChicken dancingที่โลกต้องตะลึง!”ผมพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับบังคับให้ซูนทำท่าไก่ขัน
หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ามนุษย์หน้าโง่! เจ้ากล้าดียังไงมาควบคุมข้า!!!!
“ทำไมจะไม่กล้า ในเมื่อผมเป็นเจ้านาย!”ผมบอกอย่างเป็นต่อ
แต่เจ้าควบคุมข้าอย่างนี้ได้ยังไง! ข้าเป็นฟีนิกซ์ชั้นสูงนะ!!!!
“แล้วยังไง นายทำมาจากไฟ ในไฟมีออกซิเจน ผมก็ต้องควบคุมได้สิ ถามอะไรแปลกๆ ” ผมบอกก่อนจะบังคับให้ซูนทำท่าไก่ย่างเก๊กหล่อ ดูแล้วน่าจะเหมาะไปเป็นโลโก้ไก่ย่างจริงๆ
ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!!!
“ชมผมก่อนสิว่าผมเก่ง”ผมยักคิ้วให้
เจ้ามันบ้า!!!
“นั่นไม่ใช่คำชมนะ!!!”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่!!!
“นั่นก็ไม่ใช่คำชมนะ!!!”
ข้าไม่มีวันจะชมเจ้าแน่นอน ไอ้มนุษย์หน้าโง่!!!
“งั้นผมก็จะแกล้งต่อไป”ผมบอกก่อนจะบังคับให้เจ้าไก่ย่างเต้นรำจังหวะแทงโก้โดยเต้นเป็นผู้หญิงและจับคู่กับผมที่เต้นเป็นผู้ชาย ถ้าใส่กระโปรงเข้าหน่อย หมุนทีคงจะพลิ้วมากกว่านี้นะ
ดูถูก! เจ้าดูถูกข้า! เจ้าให้ข้าเต้นเป็นตัวเมีย!!!
“บ้านนอกมาก! เรียกผู้หญิงว่าตัวเมียหยาบคายมากเลยนะ”ผมบอกพร้อมกับบังคับให้ซูนหมุนตัว
ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ!
“อีกนิดนึงน่า”ผมแกล้งหยอกก่อนจะได้ผลมาเป็นเสียงตะวาดดังลั่นอยู่ในหัว
เลิกเล่นบ้าบอสักที!! รีบไปฝึกมนตร์เดินทางผ่านมิติแล้วรีบกลับเลอร์วันน่าสักทีเถอะน่า!!!
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ”ผมชะงักพร้อมกับหันไปมองหน้าซูน
เจ้ามันโง่!
“เมื่อกี้นายพูดอะไรเกี่ยวกับการมนตร์ข้ามมิติ”ผมเดินเข้าไปหามันด้วยท่าทางที่พร้อมจะจับมันไปย่างซะเดี๋ยวนี้เลยถ้ามันไม่ยอมบอกความจริง ซูนมองหน้าผมเหมือนผมพูดคนละภาษาของเขาก่อนจะตอบ
นี่เจ้าไม่รู้รึยังไงว่าในหนังสือเล่มนั้นมีมนตร์เดินทางผ่านมิติ
ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะจับคอมันขึ้นมาคุยประจันหน้ากันตรงๆ
“ว่าไงนะ!”
ก็ในหนังสือเล่มนั้นมีมนตร์เดินทางผ่านมิติไงเล่า!!!
“แล้วทำไมผมหาไม่เจอ! มันอยู่ไหน”ผมวิ่งพรวดไปเปิดหนังสือหา
เจ้ามันโง่จริงๆ
“มันอยู่ไหน!!!”ผมถามย้ำ ซูนถอนหายใจก่อนจะตอบ
หัวข้อเวทมนตร์ต้องห้าม หัวข้อย่อยระดับSหน้าสุดท้ายของหนังสือ
ผมชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบ หัวข้อนั่น….มันเป็นหน้าเปล่านี่ แล้วทำไมถึงได้มีเนื้อหาเขียนไว้ล่ะ
“หัวข้อนั่นเป็นกระดาษเปล่าๆไม่ใช่หรอ”
ไร้สาระ! เจ้าคือผู้ที่หนังสือในตำนานเลือก ไม่มีทางที่เจ้าจะอ่านมันไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าตอนที่เจ้าเปิดดู เจ้ายังไม่มีพลังพอจะอ่านเนื้อหาส่วนนั้น!!!
ผมนิ่งไปกับสิ่งที่ซูนพูด เพราะนอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังสับสนไปหมดอีกต่างหาก
“นายพูดอะไร…”
หนังสือที่เจ้าอ่านอยู่นั้นคือหนังสือในตำนาน ที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีใครรู้ เนื้อหาก็ไม่มีใครอ่านออก รู้แค่ว่าผู้ที่อ่านมันออกได้คือผู้ที่มันเลือกแล้วเท่านั้น !!!
“จะ จะ จะจริงหรอ”
ใช่! หนังสือนั่นคือหนังสือสอนการควบคุมธาตุทั้งห้าที่มีทุกอย่าง ทั้งวิชาที่หายากที่สุด มนตร์ที่สาบสูญ รวมไปถึงเวทมนตร์ต้องห้ามที่มีเงื่อนไขในการเปิด
อ่านคือต้องควบคุมได้ทุกห้าธาตุซะก่อนเนื้อหาถึงจะปรากฏ!!!
“…..ละ ละ แล้วนี่ผมควบคุมได้ทุกห้าธาตุแล้วหรอ”
ก็ลองไปเปิดดูเอาสิว่าเห็นเนื้อหามั้ย!!!
ผมรีบเปิดหนังสือไปที่หัวข้อเวทมนตร์ต้องห้ามก่อนจะพลิกไปหน้าสุดท้าย ก่อนจะต้องเบิกตาโพล่งเมื่อเนื้อหาทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้า หน้ากระดาษ
เปล่าถูกเขียนด้วยตัวหนังสือที่ดูเลือนรางไปบางคำพูด แต่ก็ยังพอเดาออกว่าต้องการจะเขียนคำไหนลงไป
“นี่ผม…นี่ผมควบคุมได้ทุกธาตุแล้วหรอเนี่ย”ผมถามย้ำอย่างไม่เชื่อสายตา
เนื้อหาปรากฏทุกตัวมั้ย
“มีบางคำ บางประโยคหายไป”
รีบฝึกการใช้มนตร์นี้ซะ ก่อนที่เนื้อหาทั้งหมดมันจะหายไปอีก
“ทำไมมันถึงจะหายไปอีก ในเมื่อผมควบคุมได้ทุกอย่างแล้ว”
ตอนนี้พลังของเจ้ามันไม่เสถียร ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีพลังจะลดหรือจะเพิ่มเมื่อไร ถ้าเพิ่มก็ดีไป แต่ถ้าลดทุกอย่างก็จบเห่!!!
ผมนิ่งไปกับคำพูดของซูน ดูท่าว่างานนี้ผมจะต้องรีบฝึกมนตร์บทนี้ให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ข้อความที่บรรยายอยู่ใต้หัวข้อมนตร์นี่มันทำให้กำลังใจหดหายลงไปกว่าครึ่งเลยนะ..
มนตร์เดินทางผ่านมิติ
ความยาก:ที่สุดในเวทมนตร์ต้องห้ามทั้งหมด
แล้วอย่างนี้ผมจะทำได้มั้ยเนี่ย!!!
“ผมเสียใจมันก็ถูกแล้ว! ใครจะอยากได้คนดูแลเป็นไก่ย่างจอมขี้บ่นกัน!!!”ผมเถียงกลับ ก็มันจริงนี่ ได้คนดูแลเป็นไก่ย่างจอมขี้บ่นแถมยังจู้จี้จุกจิกมากอย่างนี้มันจะไปดีอะไรล่ะ
แล้วใครใช้ให้เรียกข้าออกมาล่ะ เจ้ามนุษย์หน้าโง่!!!
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าจะมีไก่ย่างออกมาเล่า!”ผมเถียงกลับ เรื่องนี้ผมไม่ยอม อย่ามาโทษว่าผมเป็นคนผิดฝ่ายเดียวนะ ถ้าผมเรียกเขาจริง ถ้าเขาไม่อยากออกมา แล้วจะออกมาตามที่ผมเรียกทำไมล่ะ!
ขืนเจ้าเรียกข้าว่าไก่ย่างอีกแค่ครั้งเดียว ข้าจะจับจงไปลงทะเลแน่!
“หึ แถวนี้ไม่มีทะเลสักหน่อย ไก่ย่างมั่ว”ผมกอดอกเชิดหน้าเถียงจนคอแทบตั้งก่อนจะรีบหดคอหนีเมื่อไอ้ไก่ย่างพุ่งเข้ามาจิกผม ถึงผมจะทนไฟได้ แต่การถูกฟีนิกซ์จิกนี่มันไม่ตลกเลยสักนิด
“ขี้โกง! ขี้โกง!! ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”ผมโวยวายลั่นพร้อมกับยกมือปัดไอ้ไก่ย่างที่รุมจิกหัวผมอยู่ได้ ไหนบอกว่าเป็นคนดูแลไง นี่มันคนรังแกชัดๆ!
ข้ามั่นใจว่าข้าเตือนเจ้าแล้ว
“ไอ้ไก่ย่างบ้า!”
เจ้าว่าไงนะ!
“ก็ว่าว่า หว๊า! อย่านะ!”ผมร้องลั่น ก่อนจะต้องวิ่งหนีหน้าตั้งเมื่อไอ้ไก่ย่างที่ว่ากำลังขยายร่างเป็นฟีนิกซ์ขนาดยักษ์แล้วจิกหัวผม ลำพังแค่จะงอยไซส์ธรรมดายังเจ็บ ไซส์บิ๊กบึ้มงี้ไม่หัวแบะเลยหรอเนี่ย ฮึ่ย! รู้งี้ไม่น่าเรียกออกมาเลย
หลังจากนั้นผมกับเจ้าไก่ย่างก็วิ่งฟัดกันไปเรื่อยๆตลอดทางจนมาถึงบ้าน กว่าจะมาถึงได้ก็เล่นเอาหัวผมโน หัวกระเซิง แถมผมยังร่วงไปตั้งหลายกระจุก นี่ถ้าผมแหว่ง หรือล้านเป็นวงขึ้นมานะ! หึ! ผมจะให้คุณป้าจะมันย่างเป็นมื้อเย็นจริงๆเลยคอยดู ว่าแต่….เดี๋ยวก่อนนะ คุณป้าหรอ คุณป้า!
“เฮ้ย! ลืมซื้อของ!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อกำลังจะไขประตูเขาบ้าน โอ๊ย ให้ตายเถอะ ทำไมลืมได้เนี่ย โดนคุณป้าบ่นแน่เลย
เหอะ! ไม่นึกได้ตอนเจอป้าซะเลยล่ะ
ผมหันขวับไปค้อนไอ้ไก่ย่างที่กลับมาไซส์เท่าเดิมแล้วก่อนจะเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง เอาไงดีล่ะ จะกลับไปซื้อใหม่ หรือจะบอกคุณป้าว่าลืมซื้อไปเลยดี แต่คุณป้าจะต้องว่าแน่เลย แต่ผมก็มีเหตุผลที่ลืมนะ ผมต้องไปช่วยคนถูกไฟคอก อย่างนี้ผมก็ไม่น่าจะผิดอะไรนี่นา ถ้างั้นก็น่าจะเข้าบ้านได้แบบไม่มีปัญหาอะไร
“คุณป้าต้องไม่ว่าหรอก คุณป้าต้องเข้าใจ”ผมพูดกับตัวเองก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วจับลูกบิดประตู
เจ้าตายแน่ๆ
“เงียบไปเลยไป!”ผมบอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คุณป้ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมค่อยๆเดินไปหาคุณป้าพร้อมกับปั้นหน้ายิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดในชีวิตไปด้วย
“คุณป้าครับ”
“อ่าว กลับมาแล้วหรอ ไง เอาเงินไปซื้อขนม….”คุณป้าค่อยๆหันมาหาผมก่อนจะชะงักเมื่อไม่เห็นถุงอะไรในมือผมอยู่เลย
“ไหนล่ะของที่ให้ซื้อ”
เจ้าตายแน่! เจ้าไก่ย่างให้กำลังใจ ถ้าคุณป้าไม่อยู่ล่ะก็ รับรองได้ว่ามันไม่ได้รอดอย่างนี้หรอก!
ผมเม้มปากแน่น หลบตาที่มองมา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องให้คุณป้าฟัง
“ผมเข้าไปช่วยคนติดในไฟไหม้ที่จัตุรัสมาครับเลยลืมซื้อของ”
“ห๊า ว่าไงนะ ! ให้ตายเถอะ แล้วนี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย ทำไมทำอะไรไม่คิดเลย ทนไฟได้แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงอันตรายนะ!!!”คุณป้าดุผมเสียงดังพร้อมกับจับเนื้อจับตัวผมตรวจดูว่าผมมีแผลตรงไหนบ้างรึเปล่า
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับป้า ผมเก่งนะ”ผมยกนิ้วพร้อมกับยิ้มการันตีความปกติของตัวเองให้คุณป้า
“แล้วช่วยเขาออกมาได้รึเปล่า”
“ได้สิครับ แล้วคนพวกนั้นก็ถูกพาส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วด้วย”คุณป้าถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่ผมจะพูดต่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมแนะนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของผม เจ้าไก่ย่าง!~
“อ้อ คุณป้าครับ ผมมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่มาแนะนำคุณป้าด้วยนะ ถึงคุณป้าจะมองไม่เห็นเขาก็เถอะ แต่ผมอยากแนะนำให้รู้จัก นี่เลย ซูนครับ นกของผมเอง”ผมชี้ไปที่ซูนที่เกาะอยู่บนหลังตู้ เจ้าไก่ย่างมองลงมาที่คุณป้าด้วยแววตาที่ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ในขณะที่คุณป้าก็มองไปตามที่ผมชี้
“ทำไมป้ามองไม่เห็นมันล่ะ”
“มันล่องหนต่อคนธรรมดาครับ คงจะมีแค่คนจากเลอร์วันน่าที่จะได้เห็นละมั้ง”
“งั้นหรอ”คุณป้าเออออแต่ก็ดูยังงงๆกับเรื่องเจ้าไก่ย่างนั้นอยู่ ส่วนเจ้าไก่นั้นก็บินร่อนลงมาเกาะที่ไหล่ของผม แล้วพูดในความคิดของผม
จะไปกันได้รึยัง จบเรื่องแล้วก็ขึ้นไปฝึกต่อซะสิ จะมาเล่นอีกนานมั้ย
“รู้แล้วน่า ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ”
“อะไรหรอชานยอล”คุณป้าหันมาถามผมอย่างสงสัย แหงล่ะอยู่ดีๆเห็นหลานตัวเองพูดอยู่คนเดียวก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว
“ก็เจ้าไก่ย่างน่ะสิครับ เร่งให้ผมไปฝึกต่อซะละ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอก งั้นก็รีบขึ้นไปฝึกเลย มัวแต่เล่นอยู่นั้นล่ะ เดี๋ยวป้าจะไปหาอะไรมาทำกับข้าวให้ รีบๆขึ้นไปเลย”
“วันนี้ผมขอสตูไก่นะ!”ผมร้องบอกเมนูโปรดกับคุณป้า
“อยากกินก็รีบขึ้นไปฝึกเลยไป”
“คร้าบบบบบบบบบบบ ไปเร็ว ไอ้ไก่ย่าง! เดี๋ยวอดกินของอร่อย”ผมบอกก่อนจะวิ่งนำขึ้นไปบนห้อง
เจ้าออบตินกำลังนอนหลับอยู่บนพื้นห้อง มันแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะมีเพื่อนใหม่เป็นไก่ย่าง แล้วก็ดูจะไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะเข้ามาในห้องด้วย มันยังคงหลับต่อไปเมื่อผมกระโดดขึ้นไปนั่งเปิดหนังสือบนเตียงแล้ว
เจ้าฝึกไปได้ถึงไหนแล้ว หวังว่าคงไม่ใช่แค่ครึ่งเล่มนะ!
เจ้าไก่ย่างถามผมในความคิด แต่เมื่อกี้ว่าไงนะ ครึ่งเล่มหรอ….
“ยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่เล่มเลย”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่! ทำไมเจ้าถึงได้ขี้เกียจอย่างนี้ห๊า มัวแต่เอาเวลาไปเล่นใช่มั้ย!
เจ้าไก่ย่างพุ่งเข้ามาจิกหัวผมอย่างแรงจนผมต้องรีบยกมือขึ้นป้องกัน
“จิกอยู่นั้นล่ะ สมกับเป็นไก่จริงๆเลย แล้วนี่นะ ถึงผมจะทำได้แค่นิดเดียว แต่ผมก็ควบคุมได้ทั้งห้าธาตุนะ!!”ผมเถียงกลับ ก็มันจริงนี่ ถึงผมจะกากๆ แต่ในร้านไม้ผมก็ควบคุมได้ตั้งห้าธาตุจากแค่การอ่านหนังสือเอง!
นี่เจ้าคิดว่าตัวเองทำทุกอย่างได้เพราะจากการอ่านหนังสือน่ะนะ
ผมพยักหน้ารับคำพูดของซูนอย่างมั่นใจ แหงล่ะ ผมทำทุกอย่างได้จากแค่อ่านแน่นอน เพราะตอนที่ฝึกอยู่ที่นี่ผมไม่มีใรช่วยสอนเลยสักคน!
เหลวไหลทั้งเพ ไม่มีทางที่เจ้าจะทำทุกอย่างได้จากการฝึกตามในหนังสือแค่นั้นหรอก มันต้องอาศัยพลังธาตุมหาศาลถึงจะควบคุมทุกอย่างได้
“แต่ผมทำได้จริงๆ! ผมควบคุมได้ทั้งห้าธาตุ แถมยังพ่นภาษาอะไรก็ไม่รู้ออกมาได้อีก จากแค่การอ่านหนังสือ!”
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูอีกทีสิ!!!
“ได้เลย! คอยดูแล้วกัน!”ผมบอกก่อนจะกระโดดลงมายืนบนพื้นแล้วควบคุมธาตุต่างๆให้ซูนดู แต่พอจะเริ่มควบคุมน้ำ น้ำที่ควรจะเป็นแส้เรียวยาวและพุ่งแรงกับสะบัดไปมาแล้วตกลงกับพื้น กระจายไปทั่วห้อง ออบตินสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาขู่ฝ่อใส่ผม แต่เสียงขู่ของมันไม่ได้ทำให้ผมกลัว แต่ผมกลับรู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า
“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ”
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“อย่ามาทำเหมือนฉลาดอยู่คนเดียวดิ บอกมาเลยว่าคิดอะไรไว้”
เจ้ามันมนุษย์ที่โง่ที่สุดในโลกจริงๆ พลังของเจ้ามันไม่เสถียร และดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้พลังได้ถึงขีดสุดแค่เฉพาะเวลาขับขันเท่านั้น และที่แน่ๆทุกอย่างมันไม่ได้เกิดจากแค่การอ่านหนังสือแน่นอน
ผมนิ่งเงียบไปพร้อมกับคิดตามคำพูดของซูนไปด้วยก่อนจะตอบไปช้าๆชัดๆว่า
“พูดอะไรอะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่! เอาเวลาที่เจ้าฝึกความโง่ในตัวเอง ไปฝึกควบคุมพลังให้เสถียรดีกว่าไป ข้าเบื่อจะคุยกับเจ้าแล้ว!!! ซูนพูดก่อนจะบนไปเกาะที่ชั้นหนังสือ
“อ่าว ก็คงมันไม่เข้าใจนี่ แค่นี้ก็ผิดด้วยหรอ”
ข้าจะนอน! เลิกยุ่งกับข้าสักที!! ซูนตะวาดก่อนที่จะหันหลังให้ผม แล้วนอนหลับตา นี่จะบอกว่าจะไม่สนใจผมจริงๆแล้วใช่มั้ย ฮึ่ย ไม่อยากสนก็ไม่ต้องสน ใครง้อกันล่ะ
“อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย!!!”ผมบอกก่อนจะอุ้มเจ้าออบตินขึ้นมา ดูท่าว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของผมจะไม่น่ารักเท่ากับเจ้าเหมียวนี่ของผมเลย
“ดูน้องใหม่ดิ ทำตัวไม่น่ารักเลยเนอะ”ผมกระซิบบอกเจ้าเหมียว ในขณะที่ออบตินก็ร้องเมี๊ยวๆตอบกลับมา
“เห็นด้วยใช่ป่ะล่ะ ยังไงนายก็เป็นสัตว์เลี้ยงนัมเบอร์วันของพี่ยอลนะ”ผมบอกก่อนจะตบหัวออบตินเบาๆ มันเอาหัวมาถูแขนผมก่อนจะกระโดดหนีไปเล่นตามประสามัน ส่วนผมเองก็ลุกไปหยิบหนังสือเตรียมจะอ่านต่อ แต่ขณะนั้นเองที่เท้าผมเหยียบลงพื้นเสียงออบตินก็ร้องขึ้น สิ่งที่ผมเหยียบไม่ใช่พื้นแต่ดันเป็นหางของออบติน!
ผมรีบชักเท้ากลับทันทีที่ แต่ออบตินก็ตกใจวิ่งพรวดเข้าไปหลบใต้เตียงแล้ว ผมเรียกให้ออกมาเท่าไรก็ไม่ยอมออก สุดท้ายก็เลยต้องใช้มุขบังคับ ควบคุมออกซิเจนในเลือดสั่งให้เดินเข้ามาหาผมซะเลย!
เมี๊ยววว เมี๊ยวววว!!!
เจ้าออบตินร้องประท้วง แต่ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องง้อออบตินให้ได้!
“ขอโทษนะเจ้าออบติน เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจเลย จริงๆนะ”ผมอุ้มเจ้าออบตินให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง เจ้าออบตินยกขาเตรียมจะตะปบหน้าผม ดีที่ผมหลบได้ซะก่อน
“เฮ้! ทำไมทำร้ายพี่ยอลล่ะ!”ผมร้องเสียงดัง ก่อนจะชี้หน้าดุออบติน
“อย่างนี้ต้องโดนทำโทษนะ!”ผมบอกก่อนจะบังคับออบตินให้เต้นไปทางนู่นทีทางนี่ที จากนั้นก็ให้มันหมุนติ๋ว แล้วบังคับให้มันเกาะขาเตียง
“นี่คือการทำโทษ! น้องออบตินต้องเต้นรูดเสา!”ผมบอกก่อนจะบังคับให้มันเต้นรูดเสาไปมา ออบตินร้องครางหงุดหงิดลั่นห้อง เดาได้เลยว่าถ้าเป็นอิสระได้ ต้องมีข่วนผมหลายแผลแน่นอน
นี่เจ้าจะแกล้งแมวนั่นอีกนานมั้ย เสียงซูนดังขึ้นในหัวของผมอย่างรำคาญ
“อ่าวไหนว่าหลับไง!”
ก็คงจะหลับอยู่ ถ้าไม่มีเสียงน่าหนวกหูของพวกเจ้า
“หึ งั้นก็ไปนอนที่อื่นสิ”ผมบอกก่อนที่ออบตินจะร้องดังขึ้นมา
“เฮ้ย! นี่ๆ ตื่นก็ดีแล้ว ดูนี่เลยๆ วิชานี้ผมฝึกเองไม่อิงหนังสือ จะเรียกว่าคิดวิชาเองก็ยังได้!”ผมอวดพร้อมกับชูออบตินให้ซูนดูแล้วบังคับให้ออบตินเต้นไปเต้นมา
“นี่เลย วิชาแมวโอโกโก้!”ผมบอกชื่อวิชาที่คิดโดยตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ แต่ซูนกลับไม่สนใจเลยสักนิด เจ้าไก่ย่างนั่นมองออบตินที่เต้นไปเต้นมาด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะพูดในความคิดของผม
ไม่มีความสง่าเลยสักนิด
“ก็ไม่ได้จะให้สง่านี่ แค่เล่น เข้าใจมั้ยว่าแค่เล่น!!”
ตามใจ ข้าจะนอน ซูนตอบก่อนจะหันกลับไปนอนต่อ
“หึ ไอ้ไก่ขี้เซาเอ๊ย”
-----------------------------------------------------------
ชานยอลเข้าใจผิด….ซูน สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเขาไม่ได้หันกลับมาเพื่อจะนอนต่อ แต่หันกลับมาเพื่อจะครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่างหาก เจ้านายของเขาไม่ได้เก่งขึ้นมาอย่างฉับพลันแค่เพราะอ่านหนังสือ แต่เป็นเพราะสาเหตุอื่น สาเหตุที่ตัวเขารู้ดีว่ามันคืออะไร แต่เจ้านายของเขาดันไม่รู้เสียอย่างนั้น
พลังของชานยอลกำลังตื่น คลื่นพลังกำลังตีรวนอยู่ข้างในจนบางส่วนเริ่มแผ่รังสีออกมาเป็นรัศมีอยู่รอบๆตัวชานยอลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือพลังพวกนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าเมื่อไรจะปะทุเหมือนอย่างที่จัตุรัสเมืองอีก และเขาก็แทบจะเดาไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งต่อไปพลังจะพัฒนาได้ขนาดไหน แต่ก็ควรจะรีบควบคุมมันให้เสถียรให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ปาร์คชานยอลไม่ต่างอะไรไปจากระเบิดนิวเคลียร์ที่รอวันระเบิดพลังงานออกมา
เจ้าจะรู้ตัวรึเปล่าว่าพลังของเจ้ามันมากมายแค่ไหน ชานยอล
ซูนเหลือบตามองชานยอลที่กำลังนั่งกินขนมและบังคับแมวมาไว้บนตักไปด้วย เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองคือขุมทรัพย์ของพลังขนาดไหน
รีบรู้ตัวสักทีสิ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสาย
----------------------------------------------------
“น่าหมั่นไส้นัก”ผมพูดเมื่อแอบมองเจ้าไก่ย่างกำลังหลับตาพริ้ม หน็อย อุตส่าห์โชว์ความเก่ง ดันมาทำเมินซะได้ อย่างนี้มันต้องสั่งสอน!!
ผมค่อยๆหย่องเข้าไปใกล้ซูนที่กำลังนอนหลับอยู่ พร้อมกับค่อยๆเงื้อมือทั้งสองขึ้น ทำท่ากางกงเล็บออกเหมือนเวลาออบตินจะจับเหยื่อ รอจังหวะที่ซูนกำลังหลับสนิทที่สุด ก่อนจะเข้าบังคับออกซิเจนในตัวของซูน!!!
“เสร็จ!!!”ผมตะโกนอย่างดีใจ ทันทีที่เข้าบังคับเจ้าไก่ย่างให้ขยับปีกไปมาได้สำเร็จ
เจ้าเล่นบ้างอะไรเนี่ย!!!
“ฮ่าๆ เอาคืนที่ไม่สนใจวิชาผมไง ไงล่ะ โดนกับตัวสนุกมั้ยล่ะ”ผมเชิดหน้าบอกพร้อมกับบังคับให้เจ้าไก่ย่างตีปีกพรับๆด้วยท่าที่เหมือนกับเวลาเราเต้นท่าไก่แบบนั้น
หยุดควบคุมข้าเดี๋ยวนี้นะ ไอ้มนุษย์หน้าโง่!!! ซูนพยายามขืนตัวเตรียมจะพุ่งใส่ผม แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อผมบังคับให้เขาหมุนตัวท่าบัลเล่ต์แล้วกระโดดไปมา
“ฮ่าๆ นี่มันChicken dancingที่โลกต้องตะลึง!”ผมพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับบังคับให้ซูนทำท่าไก่ขัน
หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ามนุษย์หน้าโง่! เจ้ากล้าดียังไงมาควบคุมข้า!!!!
“ทำไมจะไม่กล้า ในเมื่อผมเป็นเจ้านาย!”ผมบอกอย่างเป็นต่อ
แต่เจ้าควบคุมข้าอย่างนี้ได้ยังไง! ข้าเป็นฟีนิกซ์ชั้นสูงนะ!!!!
“แล้วยังไง นายทำมาจากไฟ ในไฟมีออกซิเจน ผมก็ต้องควบคุมได้สิ ถามอะไรแปลกๆ ” ผมบอกก่อนจะบังคับให้ซูนทำท่าไก่ย่างเก๊กหล่อ ดูแล้วน่าจะเหมาะไปเป็นโลโก้ไก่ย่างจริงๆ
ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!!!
“ชมผมก่อนสิว่าผมเก่ง”ผมยักคิ้วให้
เจ้ามันบ้า!!!
“นั่นไม่ใช่คำชมนะ!!!”
เจ้ามนุษย์หน้าโง่!!!
“นั่นก็ไม่ใช่คำชมนะ!!!”
ข้าไม่มีวันจะชมเจ้าแน่นอน ไอ้มนุษย์หน้าโง่!!!
“งั้นผมก็จะแกล้งต่อไป”ผมบอกก่อนจะบังคับให้เจ้าไก่ย่างเต้นรำจังหวะแทงโก้โดยเต้นเป็นผู้หญิงและจับคู่กับผมที่เต้นเป็นผู้ชาย ถ้าใส่กระโปรงเข้าหน่อย หมุนทีคงจะพลิ้วมากกว่านี้นะ
ดูถูก! เจ้าดูถูกข้า! เจ้าให้ข้าเต้นเป็นตัวเมีย!!!
“บ้านนอกมาก! เรียกผู้หญิงว่าตัวเมียหยาบคายมากเลยนะ”ผมบอกพร้อมกับบังคับให้ซูนหมุนตัว
ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ!
“อีกนิดนึงน่า”ผมแกล้งหยอกก่อนจะได้ผลมาเป็นเสียงตะวาดดังลั่นอยู่ในหัว
เลิกเล่นบ้าบอสักที!! รีบไปฝึกมนตร์เดินทางผ่านมิติแล้วรีบกลับเลอร์วันน่าสักทีเถอะน่า!!!
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ”ผมชะงักพร้อมกับหันไปมองหน้าซูน
เจ้ามันโง่!
“เมื่อกี้นายพูดอะไรเกี่ยวกับการมนตร์ข้ามมิติ”ผมเดินเข้าไปหามันด้วยท่าทางที่พร้อมจะจับมันไปย่างซะเดี๋ยวนี้เลยถ้ามันไม่ยอมบอกความจริง ซูนมองหน้าผมเหมือนผมพูดคนละภาษาของเขาก่อนจะตอบ
นี่เจ้าไม่รู้รึยังไงว่าในหนังสือเล่มนั้นมีมนตร์เดินทางผ่านมิติ
ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะจับคอมันขึ้นมาคุยประจันหน้ากันตรงๆ
“ว่าไงนะ!”
ก็ในหนังสือเล่มนั้นมีมนตร์เดินทางผ่านมิติไงเล่า!!!
“แล้วทำไมผมหาไม่เจอ! มันอยู่ไหน”ผมวิ่งพรวดไปเปิดหนังสือหา
เจ้ามันโง่จริงๆ
“มันอยู่ไหน!!!”ผมถามย้ำ ซูนถอนหายใจก่อนจะตอบ
หัวข้อเวทมนตร์ต้องห้าม หัวข้อย่อยระดับSหน้าสุดท้ายของหนังสือ
ผมชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบ หัวข้อนั่น….มันเป็นหน้าเปล่านี่ แล้วทำไมถึงได้มีเนื้อหาเขียนไว้ล่ะ
“หัวข้อนั่นเป็นกระดาษเปล่าๆไม่ใช่หรอ”
ไร้สาระ! เจ้าคือผู้ที่หนังสือในตำนานเลือก ไม่มีทางที่เจ้าจะอ่านมันไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าตอนที่เจ้าเปิดดู เจ้ายังไม่มีพลังพอจะอ่านเนื้อหาส่วนนั้น!!!
ผมนิ่งไปกับสิ่งที่ซูนพูด เพราะนอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังสับสนไปหมดอีกต่างหาก
“นายพูดอะไร…”
หนังสือที่เจ้าอ่านอยู่นั้นคือหนังสือในตำนาน ที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีใครรู้ เนื้อหาก็ไม่มีใครอ่านออก รู้แค่ว่าผู้ที่อ่านมันออกได้คือผู้ที่มันเลือกแล้วเท่านั้น !!!
“จะ จะ จะจริงหรอ”
ใช่! หนังสือนั่นคือหนังสือสอนการควบคุมธาตุทั้งห้าที่มีทุกอย่าง ทั้งวิชาที่หายากที่สุด มนตร์ที่สาบสูญ รวมไปถึงเวทมนตร์ต้องห้ามที่มีเงื่อนไขในการเปิด
อ่านคือต้องควบคุมได้ทุกห้าธาตุซะก่อนเนื้อหาถึงจะปรากฏ!!!
“…..ละ ละ แล้วนี่ผมควบคุมได้ทุกห้าธาตุแล้วหรอ”
ก็ลองไปเปิดดูเอาสิว่าเห็นเนื้อหามั้ย!!!
ผมรีบเปิดหนังสือไปที่หัวข้อเวทมนตร์ต้องห้ามก่อนจะพลิกไปหน้าสุดท้าย ก่อนจะต้องเบิกตาโพล่งเมื่อเนื้อหาทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้า หน้ากระดาษ
เปล่าถูกเขียนด้วยตัวหนังสือที่ดูเลือนรางไปบางคำพูด แต่ก็ยังพอเดาออกว่าต้องการจะเขียนคำไหนลงไป
“นี่ผม…นี่ผมควบคุมได้ทุกธาตุแล้วหรอเนี่ย”ผมถามย้ำอย่างไม่เชื่อสายตา
เนื้อหาปรากฏทุกตัวมั้ย
“มีบางคำ บางประโยคหายไป”
รีบฝึกการใช้มนตร์นี้ซะ ก่อนที่เนื้อหาทั้งหมดมันจะหายไปอีก
“ทำไมมันถึงจะหายไปอีก ในเมื่อผมควบคุมได้ทุกอย่างแล้ว”
ตอนนี้พลังของเจ้ามันไม่เสถียร ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีพลังจะลดหรือจะเพิ่มเมื่อไร ถ้าเพิ่มก็ดีไป แต่ถ้าลดทุกอย่างก็จบเห่!!!
ผมนิ่งไปกับคำพูดของซูน ดูท่าว่างานนี้ผมจะต้องรีบฝึกมนตร์บทนี้ให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ข้อความที่บรรยายอยู่ใต้หัวข้อมนตร์นี่มันทำให้กำลังใจหดหายลงไปกว่าครึ่งเลยนะ..
มนตร์เดินทางผ่านมิติ
ความยาก:ที่สุดในเวทมนตร์ต้องห้ามทั้งหมด
แล้วอย่างนี้ผมจะทำได้มั้ยเนี่ย!!!