0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

Doctor Part2

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1Doctor Part2 Empty Doctor Part2 Sun Jul 10, 2016 9:37 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

หลังจากนัดเจอกับซูจีเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาก็ไม่ได้เจอกับเธอไปอีกนาน เพราะตารางเวลาของพวกเขาสองคนมักไม่ตรงกัน สุดท้ายจึงตัดปัญหาด้วยการคุยกันผ่านแอปพลิเคชั่นแชทยอดฮิต หรือโทรศัพท์คุยกันเสียมากกว่า ซึ่งมันก็คงจะเป็นปกติธรรมดาทั่วไป ถ้าเมื่ออาทิตย์ก่อนซูจีไม่ได้กำลังมีปัญหาชีวิตรุมเร้าจึงโทรมาปรึกษาเขาตอนเข้าเวรดึกอยู่บ่อยๆ ทำให้เกิดข่าวลือแปลกประหลาดขึ้นในแผนกว่า ‘หมอมาร์คมีแฟนแล้ว’ สาบานด้วยความสัจจริงเลยว่าครั้งแรกที่รู้เรื่อง เขาถึงกับหัวเราะ มันเป็นแบบนี้ทุกที เป็นมาตั้งแต่เด็กๆจนพวกเขาสองคนเลิกที่จะใส่ใจ ไม่แก้ข่าว ไม่อธิบาย ปล่อยให้คนลือกันไปให้สนุกปาก


“ว้าววว วันนี้คุณซูจีไม่โทรหาหรอคะคุณหมอ” พยาบาลยู พยาบาลสาวสวยขาเม้าส์ที่สามารถพบเห็นได้ตามซีรี่หมอทั่วไปถามเขาเสียงใสหลังจากที่เขาเพิ่งได้พักจากการขึ้นวอร์ด



“เขาไม่อยากกวนเวลางานผมแล้ว กลัวโดนหักเงินเดือน” หมอหนุ่มพูดติดตลก เหล่าพยาบาลที่อยู่แถวนั้นต่างพากันส่งเสียงอวดครวญ บ่นกระปอดกระแปดว่าเมื่อไรจะเลิกรักกันจนเขาต้องกลั้นขำ ซูจีบอกกับเขาแบบนั้นจริง แต่มาจากความเกรงใจมากกว่าความห่วง


“เบื่อคนรักกันจริงๆ” พยาบาลยูพูดก่อนที่เขาจะส่ายหัวไปมาช้าๆผละเดินตรงไปตู้กดน้ำ ทำงานหนักๆมาแบบนี้เขาอยากได้น้ำหวานๆสักกระป๋องมาเติมกูลโคสให้กับร่างกายตัวเอง



ร่างสูงทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ข้างตู้กดน้ำ ช่วงเวลาตีสองกว่าๆทำให้บริเวณนี้ร้างผู้คน เมื่อได้อยู่เงียบๆ เขาก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่องการผ่าตัด คนป่วยจนดื้อที่เขาต้องหลอกล่อสารพัดให้ยอมกินยา เด็กน้อยที่พลัดหลงกับแม่ที่เขาเจอเมื่อกลางวัน ตลอดจนใบหน้าของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันร่วมอาทิตย์



แบมแบมไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเลย แรกๆเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่พอเอาเข้าจริงดวงตาเจ้ากรรมกลับชอบมองไปยังที่ที่คนคนนั้นชอบไป ทั้งร้านกาแฟในตอนเช้า โต๊ะมุมประจำในโรงอาหารตอนกลางวัน คอร์ดสคอชโรงพยาบาลที่ชอบไปในตอนเย็น เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ต้องแปลกใจที่ตัวเองรู้เรื่องของอีกฝ่ายเยอะมากขนาดนี้ เยอะจนบางทีเขาก็กลัวใจตัวเอง…


“ลูกเจ้านายนะเว่ย ลูกเจ้านาย”บ่นพุมพำกับตัวเองขณะที่กระดกน้ำหวานเข้าปาก ปกติเขาไม่ใช่คนชอบหลงรักลูกเจ้านายสักเท่าไร เอาจริงๆแล้วคือไม่เคยหลงรักใครเลย แต่กับเด็กคนนั้น…


“อ่า เจอข้อยกเว้นของตัวเองแล้วหรอเนี่ย” เคาะหัวตัวเองเบาๆเป็นการสั่งสอนก่อนจะโยนกระป๋องเปล่าทิ้งลงถังขยะแล้วยันตัวลุกขึ้นหยอดเหรียญอีกรอบ


“ชอบลูกเจ้านายถือเป็นบาป ยิ่งกับเด็กคนนั้นด้วยแล้วยิ่ง”


“คุณหมอคะ! คุณหมอ!!” พยาบาลยูวิ่งหน้าตาเลิกลักมาหา สีหน้าตื่นตระหนกของเธอทำให้เขาตกใจไปด้วย


“มีอะไรคุณพยาบาล ใจเย็นๆ”


“คุณแบมแบมค่ะ คุณแบมแบม!!”


“ทำไม!?”


“คุณแบมแบมประสบอุบัติเหตุ ซี่โครงหัก ปอดฉีกขาด รีบไปเร็วค่ะ!!!” มาร์ครีบวิ่งตรงไปที่ห้องฉุกเฉินตั้งแต่พยาบาลยังพูดไม่จบประโยคดี ปล่อยให้หญิงสาววิ่งตามหลัง ทิ้งตู้กดน้ำที่ขึ้นสีแดงฉานรอคอยการกดเลือกเครื่องดื่มอยู่อย่างนั้น




ภายในห้องแปเฉินถูกเนรมิตให้กลายเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลทดสอบจิตใจของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์อีกครั้ง พวกที่ชั่วโมงบินสูงก็ถือว่าได้เปรียบกันไป ในขณะที่พวกอินเทิร์นหมอฝึกหัดกำลังลนลานไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งไหนดี และยิ่งเพิ่มคความเลิกลักมากขึ้นไปอีกเมื่อบุคคลตรงหน้าพวกเขาคือทายาทของโรงพยาบาล



“ยืนทื่อกันอยู่ทำไม! จะรอให้คนไข้ตายคามือตัวเองหรือไง!” มาร์คตะโกนว่าเหล่าอินเทิร์นทั้งหลายพร้อมกับแหวกกลุ่มคนเข้าไปหาร่างของแบมแบมที่นอนโชกเลือดอยู่บนเตียง


“เตรียมเครื่องเอ็กซเรย์ให้พร้อม ตามหมอชเวจากแผนกกระดูกมาด้วย” ร่างสูงออกคำสั่งกับพยาบาล “ส่วนพวกคุณ ” ดวงตาคมกริบตวัดมองเหล่าอินเทิร์นที่ยืนสั่นงั่นงก


“ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็ไปอ่านคำปฏิญาณตนของหมอซะ! เผื่อจะจำหน้าที่ตัวเองได้มากขึ้น” เอ่ยบอกก่อนฉีกเสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วใช้เครื่องมือเอ็กซเรย์ปอดที่ถูกซี่โครงทิ่ม ปล่อยให้บรรดานักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายทบทวนคำปฏิญาณด้วยความละอาย…



นับตั้งแต่เวลาที่ข้าฯ ได้เข้าเป็นสมาชิกแห่งวิชาชีพแพทย์ ข้าฯขออุทิศชีวิตของข้าฯ เพื่อรับใช้มนุษยชาติ



ข้าฯ ขอมอบความเคารพบูชาและความกตัญญูแด่ครูของข้า

ข้าฯ จะปฏิบัติวิชาชีพของข้าฯ ด้วยมโนธรรมและด้วยศักดิ์ศรี

ข้าฯ จะคำนึงถึงสุขภาพของผู้ป่วยเหนือสิ่งอื่นใด

ข้าฯ จะรักษาความลับทั้งปวงที่มอบไว้แก่ข้าฯ

ข้าฯ จะพิทักษ์เกียรติยศ และรักษาประเพณีอันสูงส่งแห่งวิชาชีพแพทย์ เพื่อนร่วม
วิชาชีพของข้าฯ ก็คือพี่น้องร่วมสายโลหิตของข้าฯ

ข้าฯ จะไม่ยอมให้ความแตกต่างทางศาสนา เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ อุดมการณ์ทางการเมือง หรือฐานะทางสังคมมาเป็นเครื่องกีดขวางหน้าที่ที่ข้าฯพึงมีต่อผู้ป่วย แม้จะอยู่ในภาวะถูกข่มขู่ ข้าฯ ก็จักยึดมั่นในคุณค่าแห่งชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่เกิดจนตาย ข้าฯ จะไม่ใช้ความรู้แห่งวิชาชีพในทางที่ขัดกับกฎแห่งมนุษยธรรม


ข้า ฯ ขอให้คำปฏิญาณนี้ด้วยความถ่อมสุภาพด้วยอิสระและด้วยเกียรติยศของข้า



พวกเขาได้แต่ยืนมองภาพของมาร์คและรุ่นพี่คนอื่นๆวิ่งวุ่นเข็นเตียงของแบมแบมเข้าห้องผ่าตัด ร่างสูงกำลังผ่าตัดเปิดช่องอก รุ่นพี่จินยองกำลังเป็นแพทย์มือที่สองคอยสนับสนุน หัวหน้าพยาบาลคอยหยิบส่งเครื่องมือให้ทั้งสอง วิสัญญีแพทย์กำลังควบคุมยาสลบ ทุกคนต่างกำลังทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างไม่รีรอ ไม่ลังเล ไม่ตื่นตระหนก รักษาคนไข้ในฐานะบุคคลกรทางการแพทย์ในขณะที่พวกเขา….ได้แต่ยืนมองอยู่ตรงนี้อย่างทำอะไรไม่ถูก…



การผ่าตัดดำเนินไปนานกว่าหกชั่วโมง บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายแขนงถูกเรียกตัวมาผ่าตัด ก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นสุดลงเมื่อแพทย์คนสุดท้ายเย็บแผลที่ช่องอกและตัดด้ายให้สะบั้นก่อนที่เตียงผู้ป่วยจะถูกเข็นไปยังห้องพักICU ร่างสูงของมาร์คเดินออกจากห้องผ่าตัดเป็นคนสุดท้าย มือแกร่งถอดหน้ากากอนามัยออกก่อนจะทิ้งลงในตระกร้าอุปกรณ์ติดเชื้อแล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายพร้อมกับคิดถึงสาเหตุที่ทำให้แบมแบมได้มาเป็นนอนให้เขาผ่าตัดด้วย



เมื่อครู่พยาบาลยูบอกว่าแบมแบมเกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์ มีรถเก๋งอีกคันขับสวนเลนส์มาเพราะเห็นว่าถนนโล่งก่อนจะประสานงาเข้ากับรถของร่างบาง รถพลิกคว่ำไปยังถนนอีกเลนส์ โชคดีที่ได้แอร์แบ็กลดแรงสั่นสะเทือน ไม่อย่างนั้นป่านนี้ร่างบางคงได้ไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่เตียงผ่าตัดแล้ว


“วันนี้ทำได้ดีมาก ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลังขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า


“ผอ.อิล อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมไม่ใช่หมอคนเดียวที่ผ่าตัดสักหน่อย” มาร์คยังคงความขบขัน แต่ลดลงให้อยู่ในเกณฑ์พอเหมาะกับสถานการณ์


“จะอย่างไรก็แล้วแต่ คุณเป็นคนเดียวที่วินิจฉัยได้เฉียบขาด การตัดสินใจของคุณทำให้ลูกชายผมรอด”


“ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธคำขอบคุณยังไง”


“รอลูกชายผมหาย ผมจะเลี้ยงอาหารขอบคุณคุณที่บ้าน เขาคงดีใจที่คุณเป็นคนช่วยเขาเอาไว้” มาร์คยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ


“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงปฏิเสธไม่ได้”




แบมแบมฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายแก่ๆของวัน นับว่าใช้เวลาน้อยกว่าคนปกติ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่มักจะหลับไปเกือบหนึ่งวันเต็มหลังจากผ่าตัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายหรือเป็นเพราะบรรดาแพทย์ที่พากันเฮละโลมาเยี่ยมไข้ราวกับไม่เคยเยี่ยมกันมาก่อนกันแน่


“อาการเป็นยังไงบ้างครับเจ็บแผลมากไหม” หัวหน้าหมอสักแผนกหนึ่งเอ่ยถาม มาร์คที่ยืนพิงกำแพงอยู่ถึงกับกรอกตาไปมา เขาเบื่อสังคมแบบนี้จริงๆ


“เจ็บ ครับ คงต้องให้พี่หมอมาร์คตรวจแล้ว” ร่างบางเปรยตามาทางเขาด้วยแววตาราวกับจะส่งซิก ก่อนที่มาร์คจะเข้าใจสถานการณ์ นายแพทย์หนุ่มเดินกลั้นยิ้มเข้าไปหา เป็นเหตุให้นายแพทย์จอมประจบคนนั้นต้องขอตัวออกไปอย่างปริยาย


“นี่ไล่คนเก่งอย่างนี้ตลอดเลยหรือเปล่า” ร่างสูงถามอย่างขบขันขณะที่เตรียมอุปกรณ์ในการตรวจ


“ก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย ก็ผมเบื่อพวกชอบประจบนี้” แม้น้ำเสียงจะฟังดูเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังคงความสดใสไว้


“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่เหมือนคนพวกนั้น” ถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยท่าทางทะเล้น แบมแบมยู่ปากก่อนจะทำปากขมุบขมิบ


“ผมรู้แล้วกันน่ะ พี่ไม่มีทางจะ…” ร่างบางชะงัก ดวงตาสุกใสมองไปที่มือแกร่งที่กำลังจะเลิกเสื้อของเขาขึ้น นายแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ร่างบางรีบหลบตา ก่อนที่คนแก่กว่าจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นเมื่อเห็นริ้วแดงจางๆที่ข้างแก้มเนียน


“ขี้เขินนะเราน่ะ” มาร์คกลั้นยิ้ม มันดูทะเล้นจนแบมแบมเขินจนอยากจะบ้าตาย ก่อนที่เขาจะอยากตายไปจริงๆเลยเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “ตอนผ่าตัดก็เห็นมาหมดแล้วทั้งตัว”


พระเจ้าครับ


ขอให้ผมหายตัวได้ที


ร่างบางขอพระเจ้าในใจ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ต้องขออีกเรื่อยๆ เป็นเวลานานเกือบอาทิตย์กว่า เมื่อพี่หมอมาร์คคนนั้นต้องมาตรวจอาการให้


“หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ อันตรายแล้วนะ” ร่างสูงพูดขณะใช้เสตทโตสโครปฟังหัวใจเขา

“ผม ผม เป็นอะไร”


“Shy disorder” หลังจากนั้นเกือบห้านาทีเขาถึงจะเข้าใจ Shy Disorder




“หายเร็วแบบนี้ก็แย่สิ”


“ทำไมหรอครับ มันผิดปกติหรอ”


“เปล่า อดมาตรวจให้”




“พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่ ดีใจไหม”


“ดีใจสิ ผมจะได้ไปเที่ยวเล่นสักที อยู่ในนี้เบื่อจะแย่”


“แต่พี่เสียใจอะ”


“……”


“อดเจอหน้า”





‘แบมแบมว่า…..พี่หมอมาร์คเป็นอันตรายต่อหัวใจแบมแบมแล้วล่ะ’ ร่างบางคิดแบบนั้น




ตลอดช่วงเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว มากจนถึงขั้นที่แลกไอดีแอพพลิเคชั่นแชทยอดฮิตกัน โดยร่างสูงให้เหตุผลว่าเอาไว้ถามเวลามีอาการข้างเคียงอะไร ร่างบางอยากจะคิดเหลือเกินว่าแพทย์ทุกคนก็ทำกันอย่างนั้น แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่!



และด้วยเหตุนั้นเอง ทำให้เขาต้องมานั่งกลุ้มอยู่ตลอดว่า ‘เขาชอบเราหรือเปล่าวะ’ ให้น่าปวดหัว ต่อพ่วงไปถึงนั่งเฝ้ารอให้ถึงวันเลี้ยงขอบคุณที่บ้าน และเมื่อวันนั้นมาถึงเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะลงไปร่วมโต๊ะทานข้าวกับร่างสูง ทั้งๆที่หัวยังคงพะวงอยู่เลยว่า….วันนี้แต่งตัวดูดีหรือยัง



“วันนี้แต่งตัวน่ารักดีนะครับ” เสียงทุ้มที่เขาไม่ได้ยินมาหนึ่งสัปดาห์เต็มทักทายขณะที่เขานั่งลงที่เก้าอี้


“ขอบคุณครับ” เขาแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ดูสายตาที่มองมานั่นสิ!



ตลอดทั้งมื้อเย็นแบมแบมต้องเก็บความเขินอายเอาไว้ ไม่ใช่เพราะร่างสูงมากลั่นแกล้งหัวใจให้เต้นโครมคราม แต่เพราะความขี้เขินของตัวเองต่างหาก แค่เพียงเผลอสบตาเข้ากับตาคมเขาก็เขิน แค่ส้อมชนกันเขาก็เขิน แค่อีกฝ่ายยิ้มให้เขาก็เขิน


‘เป็นเอามาก เป็นเอามากแล้ว!’ แบมแบมบ่นกับตัวเองในใจพร้อมกับวางช้อนส้อมลงเมื่อการเลี้ยงขอบคุณสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้ผู้เป็นพ่อของเขาเอ่ยชมเปราะพี่หมอมาร์คให้แม่ของเขาฟังไม่หยุด คุณป้าแม่บ้านกับน้องอิลโฮก็เห็นด้วยแม่ของเขาก็เลยยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่ เห็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกดีใจ แอบเผลอคิดไปว่า ‘ถ้าเป็นแฟนกัน ทุกคนก็คงไม่ว่าอะไรหรอก’


‘อ๊า! นายมีความคิดแบบนี้ได้ไงนะ พี่เขาอาจจะเอ็นดูเหมือนน้องก็ได้’ แบมแบมบอกตัวเองขณะที่เดินไปส่งมาร์ค


“เจ้าแบม! แบมแบม!”เสียงของพ่อตะโกนดังเข้ามาในหู ร่างบางสะดุ้งโหยง


“ ค ค ครับ!??”


“พ่อเรียกตั้งหลายรอบแล้ว คิดอะไรอยู่ ไปส่งพี่มาร์คที่รถเร็ว พี่เขาต้องกลับแล้ว”


“อ อ อ้อ อ้อ! ครับๆ” ร่างบางละล่ำละลักพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถ ขณะที่ย้อนกลับไปคิดเรื่องเดิมด้วย ยิ่งนึกถึงเรื่องที่ได้รู้มาด้วยแล้ว ก็ยิ่งแล้วใหญ่ พี่หมอมาร์คอาจจะไม่ได้ชอบเขาจริงๆก็ได้ เพราะว่าพี่หมอ…


มีแฟนแล้ว


เขาได้ยินข่าวลือมาว่าอย่างนั้น


“เฮ้อ”


“เป็นอะไร ไม่อยากให้พี่กลับจนถึงขั้นถอนหายใจกันเลยหรอ” คนโตกว่าหัวเราะแซว ขณะที่จับประตูรถค้างไว้


“ปะ ปะ เปล่านะครับ ผมแค่คิดอะไรอยู่เฉยๆ” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว


“หื้ม? เรื่องอะไรกันที่ทำให้คนร่าเริงอย่างนายถอนหายใจได้ บอกพี่หมอหน่อย”


“เอ่ออ คือ…” แบมแบมหลบตามองต่ำ ปากเม้มเป็นเส้นเดียว เท้าขยับไปมา อาการประจำตัวที่เกิดขึ้นเวลาไม่มั่นใจอะไรขึ้นมา เขาคควรจะถามดีไหม หรือควรจะปล่อยผ่านแล้วจำกัดสถานะตัวเองให้เป็นแค่น้องของอีกฝ่าย



แต่ว่า…


มันค้างคานี่!


“พี่หมอครับ คือว่าผม”


“……..” มาร์คมองอย่างเฝ้ารอ ร่างบางสูดหายใจลึกก่อนจะรีบกลั้นใจถาม


“พี่มีแฟนหรือยังครับ!!” ร่างสูงหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำถาม คนถามยิ่งหน้าแดงระเรื่อนึกอยากจะเย็บปากตัวเองเหลือเกินที่ดันถามอะไรออกไปก็ไม่รู้ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มจะดังขึ้นหยุดความคิดของเขาเอาไว้


"ยังครับ"


“อะ อ้าว!? แล้วที่เขาลือกัน…”


“ก็ไม่จริงน่ะสิ”มาร์คยิ้มกว้าง แบมแบมเบิกตาโพล่ง


“แล้วทำไมพี่ถึงไม่แก้ข่าวเลย”


“แก้ข่าวเพื่อให้คนแถวนี้ไปสืบมาน่ะหรอ” รอยยิ้มและสายตาล้อเลียนถูกส่งมาให้ ร่างบางรีบก้มหน้างุด


“ผมแค่ได้ยินเขาพูดกันเฉยๆ”


“แต่จริงๆก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ” แบมแบมช้อนตามอง หัวใจที่เคยพองกลับยุบลงเพียงชั่วพริบตา


“…..”


“เขาว่ามีแฟนเป็นหมอแล้วดีนะ มีคนคอยดูแล”


“……”


“พร้อมจะมีคนดูแลตลอดชีวิตหรือยังน้องคนขี้อาย”



เขานิ่งไปชั่วครู่ คำถามข้อหนึ่งผลุดขึ้นในหัว


‘นี่เขากำลังขอเราเป็นแฟนอยู่ใช่ไหม’


“พี่ พี่”


“ตอบช้าแบบนี้โดนหักคะแนนความรักไม่รู้ด้วยนะ”


“พี่หมออ่ะ!”


“ว่าไง ตกลงไหม” ร่างสูงแกล้งก้มหน้ามาหาร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ


“อะ อื้อ!”


“อะไรนะ”


“ก็อื้อไงเล่า!”


“โหอื้ออะไร ใครเขาจะรู้ว่าตกลงด้วย พูดให้”


“ผมจะคบกับพี่!” ร่างบางหลับตาบอกออกไป ใบหน้าแดงซ่านจนดูน่าเอ็นดู


“เขินจัง มีคนขอคบ”


“กลับไปได้แล่ว พรุ่งนี้มีผ่าตัดตอนเช้าไม่ใช่หรอ”


“ครับบ ครับบบ กลับแล้วก็ได้ครับ คุณฟอแฟน” นายแพทย์หนุ่มล้อเลียนพร้อมกับเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของแบมแบม เขาควรจะกลับได้แล้ว


“พี่มาร์คอ่ะ!” ร่างบางยู่ปากใส่


“กลับล่ะ คืนนี้ฝันถึงพี่ด้วยนะ” รอยยิ้มทะเล้นถูกส่งมาให้ก่อนที่ร่างสูงจะสตาร์ทรถออกไป โดยไม่ละสายตาจากคนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งแฟนของเขามาหมาดๆจนขับผ่านหน้าประตูบ้านออกไป หากแต่ทันทีที่ลับสายตา รอยยิ้มที่มีค่อยๆจางหาย แววตาที่เคยมีความสุขค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นความเศร้าและกังวล มือแกร่งล้วงหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดต่อสายหาใครบางคน


“ซูจี จำเรื่องที่เราคุยกันครั้งก่อนได้ไหม”


“จำได้สิ ทำไมหรอ”







“ฉันทำสำเร็จแล้ว”

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ