0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำตอนที่27

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำตอนที่27 Empty ทะเลดำตอนที่27 Thu Nov 07, 2013 12:18 am

0ctogus

0ctogus
Admin

คำพูดของซีวอนดูราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางร่างของคริสให้ร่างสูงตะลึงงัน ดวงตาคู่คมจับจ้องไปที่ใบหน้าของผู้พูดที่แฝงแววเยาะเย้ยและขบขันเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ความจริงที่เข้าใจมาตลอดว่าอีกฝ่ายคือศัตรูทางความรักกลับกลายเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด

“ว่าไงนะ”คริสเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง ก่อนจะได้รอยยิ้มยียวนและคิ้วข้างหนึ่งของซีวอนที่เลิกคิ้วราวกับจะถามว่าต้องการให้เขาย้ำอีกรอบอย่างนั้นหรอ


“นี่ คิมฮีซอล แฟนฉันเอง”ร่างสูงรุ่นพี่เอ่ยตอบพร้อมกับเดินไปโอบไหล่คนรักที่ดูจะหงุดหงิดกับเด็กเสียมารยาทอย่างคริสอยู่


“นายรู้จักกับเด็กนี่ด้วยหรอเนี่ย ซีวอน ให้ตาย นี่นายเลือกคบคนมั่งมั้ย ลำพังแค่แก๊งสามตัวนี่ฉันก็ปวดหัวจะตายแล้วนะ!!!!”ร่างสูงโปร่งพูดพร้อมกับชี้ไปทางซีวอนลู่ฮานและชานยอล เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเองก่อนจะหันไปกระซิบกับร่างเบาเสียงเบา

“เราน่าจะตั้งชื่อแก๊งว่าลูกหมูสามตัวนะ”ฮีซอลที่ได้ยินถลึงตาใส่เด็กหนุ่มด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนที่ลู่หานจะถองสีข้างร่างสูงพร้อมกับฉีกยิ้มแหยๆให้


“เห็นมั้ย ดู! พวกเขานิสัยเสียแค่ไหน คนหนึ่งก็กวนประสาท อีกคนก็ไร้มารยาท!!!”ร่างสูงโปร่งว่าพร้อมกับถลึงตาใส่คริส หากแต่ร่างสูงกลับเฉยเมยไม่สะทกสะท้านอะไร สำหรับเขาการเป็นแฟนซีวอนไม่ได้เพิ่มสิทธิพิเศษในการที่เขาจะญาติดีด้วย


“นายก็ยังไม่ได้ขอโทษฉันเหมือนกัน”ร่างสูงเอ่ยพูดเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววกวนประสาท อย่างที่มักจะชอบทำเวลาต้องการยั่วโมโหใครสักคนจนชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆหยิกสีข้างเป็นการเตือน แต่ร่างสูงก็เพียงแค่เปรยตามามองเล็กน้อยก่อนจะหันไปจ้องกับฮีซอลต่อ



     คนถูกสวนถลึงตาจนแทบจะถะล่นถลน ปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันมือบางกำเข้าหากันแน่น ใบหน้าแดงจัดเพราะความโกรธ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครที่ไหนกวนประสาทเขาได้เท่านี้ ร่างสูงตรงหน้านี่กล้ากวนประสาทเขา และเขาก็ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะได้กวนเขาอีกเป็นครั้งที่สอง

“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ”ฮีซอลตะวาดด้วยความเดือดดาลจนคนอื่นๆต่างสะดุ้งและเริ่มลนลานราวกับตัวเองเป็นคนทำผิด ในขณะที่คนทำผิดตัวจริงกลับเพียงแค่ยืนรับแรงโทสะด้วยความเงียบสงบ


“บางทีเอเรสควรฝึกทำอาวุธที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังของลูกๆเขานะ หรือถ้าไม่รู้วิธีก็ไปถามเฮเฟตัสก็ได้”


“คริส!....ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย”ชานยอลร้องบอกเพราะคำแดกดันของร่างสูงมีผลร้ายแรงถึงขั้นอาจก่อเกิดสงครามย่อมๆเลยทีเดียว เพราะฮีซอลไม่ชอบให้ใครพูดดึงเฮเฟตัส เทพแห่งการช่างที่บาดหมางกับอาเรสตั้งแต่ครั้งที่เป็นชู้กับอะโพไดธ์ซึ่งเป็นภรรยาของเฮเฟตัสและรุนแรงขึ้นเมื่อเทพแห่งการช่างนั่นเคยขังทั้งคู่ประจานเทพองค์อื่น ในฐานะลูกย่อมจะเข้าข้างพ่อตัวเอง และเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว


“จะไม่มีการขอโทษใครทั้งนั้น ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้รับคำขอโทษ!”คริสยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงทรงพลังที่เขย่าขวัญคนฟัง เว้นเสียแต่บุตรแห่งเอเรสที่กำลังถูกโทสะครอบงำ


“นายจะลองดีใช่มั้ย!”ฮีซอลตะคอก


“ถ้ามีให้ลอง ก็เอาสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกใช้แต่กำลังจะใช้วิธีไหนจัดการกับความตาย”ร่างสูงท้า


ใบ“ฮีซอล อย่าถือสาเด็กน่า เราโตแล้วจะทะเลาะกับเด็กทำไม ไปฉลองกันเถอะ วันนี้วันเกิดพ่อฉันนะ”ซีวอนพยายามรบเร้าแต่ก็ได้กลับมาแค่มือเรียวที่
ยกห้ามและบอกเป็นนัยน์ว่าอย่ามายุ่ง


“แล้วนายจะต้องเสียใจ คริส!!   จงออกมา  สหายของข้า!!!” เฉียบพลันนั้นม่านหมอกสีแดงฉานก็พวยพุ่งออกมา ก่อนจะโอบกอดทั้งสองเอาไว้และบังตาสายตาคนจากภายนอก เสียงศาสตราวุธมากมายที่กระทบกันดังขึ้นพร้อมกับเสียงผู้คนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เงาเรือนรางสองร่างปรากฏอยู่ท่ามกลางม่านหมอก  กลิ่นไอที่มีผลในการสั่นประสาทให้หวาดหวั่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อม่านหมอกค่อยๆจาง และร่างสองร่างนั้นก็ค่อยๆปรากฏออกมา



         ผู้ชายสองคนปรากฏอยู่ตรงหน้าคริส พวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่ หากแต่บอกไม่ได้ว่ามีใบหน้าที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะทั้งสองเหมือนจะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ แต่สิ่งเดียวที่บอกได้คือทุกใบหน้าเป็นใบหน้าของคนที่กำลังหวาดผวา ดวงตาเบิกโพล่ง ปากเผยออ้าออกกว้าง ใบหน้าซีดขาวจนดูราวกับวิญญาณที่อยู่ในนรก  ซึ่งคาดว่าใบหน้าทั้งหมดคงเป็นเหยื่อของทั้งสองที่เคยฆ่ามา…



“โฟบอส เดมอส…”คริสเรียกชื่อทั้งสองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และใบหน้าที่ไม่แยแส ในขณะที่คนอื่นๆต่างพากันหวาดกลัว และพยายามร้องห้ามฮีซอล เพราะเทพทั้งสองคือ โฟบอส เทพแห่งความสยองขวัญ เดมอส เทพแห่งความกลัว ดังนั้นโอกาสที่จะชนะทั้งสองคน….แทบไม่มี


“พี่ครับ อย่าสู้กันเลย ผมขอโทษแทนคริสด้วยนะครับ แต่เอาสองคนนี้กลับไปเถอะ ผมขอล่ะ”ชานยอลก้มศีรษะขอโทษขอโพยแทนคริส


“ใช่ วันนี้วันเกิดพ่อฉัน อย่าทะเลาะกันเลยน่า”ซีวอนพยายามรบเร้าแต่ก็ไร้ผล


“เงียบๆไปดีกว่าน่า นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกนาย”ฮีซอลตะวาดก่อนจะหันกลับไปสั่งโฟบอสและเดมอส


“จัดการเขาซะ เอาให้รู้สำนึกซะบ้างว่าอย่าเสียมารยาทกับผู้ใหญ่  และอย่าว่าพ่อของคนอื่นอีก!!!”สองเทพเจ้าพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยเสียงที่ต่างกันนับสิบเสียงทำให้ทั้งคู่ดูน่าหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก


“หึ…งั้นก็มาสอนสิ”คริสท้าทาย ก่อนที่เทพทั้งสององค์จะคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วพุ่งปรี่เข้ามาหาเขา ร่างสูงแค่ยืนนิ่งตั้งรับด้วยท่าทีนิ่งสงบ ไม่แยแสต่อการจู่โจม เพราะเขารู้ดีว่าสองคนนี้มีวิธีการสู้ยังไง…


ไม่ได้ฆ่า แต่จะทำให้กลัว….จนบ้าตาย



“มาดูกันสิว่าเจ้าจะปากดีไปได้สักกี่น้ำ!!!!!!”ทั้งสองพูดด้วยเสียงกว่าสิบเสียงพร้อมกับเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของร่างสูง


“หลบสิ คริส!!”ชานยอลตะโกนบอก หากแต่ร่างสูงกลับทำเพียงแค่ยกยิ้มแล้วยืนอยู่เฉยๆ ไม่แม้แต่จะเรียกภูตผีและปีศาจขึ้นมาจัดการคู่ต่อสู้


“ไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นหรอก”


“หึหึ……งั้นรึ งั้นมาดูกันหน่อยสิ ว่าความกลัวของเจ้าคืออะไร…”หนึ่งในสองคนนั้นพูดก่อนที่ดวงตาของคริสจะเหลือกขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว และเริ่มไร้สติ



        ชานยอลและคนอื่นๆพยายามจะเข้ามาช่วย  ร่างโปร่งควบคุมน้ำในน้ำพุให้รวมกันเป็นเส้นเดียว เตรียมที่จะฟาดฟัน ในขณะที่ลู่หานเริ่มวาดภาพมายาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ส่วนเซฮุนอาศัยความว่องไวในการเคลื่อนที่ไปอยู่หลังฮีซอลรอจังหวะที่จะย้ายร่างรุ่นพี่ให้ไปโผล่สักมุมไหนก็ได้ในโลกที่ห่างไกลจากโอลิมปัส และซีวอนที่เตรียมจะเรียกสายฟ้าขับไล่เทพทั้งสอง  พวกเขาต่างรู้ดีว่าการโจมตีของเทพสองคนนี้อันตรายถึงเพียงใด และทุกครั้งที่พวกเขาสู้ พวกเขาก็ไม่เคยออมมือ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครก็ตาม



        พวกเขาจะทำให้ความกลัวของคู่ต่อสู้กลายเป็นจริงจนจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ผิดเพี้ยนและวิกลจริตจนต้องฆ่าตัวเองตายเพื่อหลีกหนีจากความกลัวในที่สุด        


       ทั้งกลุ่มลุกคืบเข้าไป รอจังหวะจะโจมตี แต่แล้วจู่ๆฮีซอลก็หยุดทุกการเคลื่อนไหวด้วยการเรียกระเบิดให้ติดอยู่กับตัวของทุกคน จนแม้แต่เซฮุนที่ว่องไวที่สุดก็ยังหลบไม่ทัน


“ถ้าพวกนายขยับนิดเดียว มันได้ระเบิดแน่ จบงานนี้แล้วฉันจะไปเอาออกให้แล้วกัน”


“ชักไม่สนุกแล้วนะ”เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดผิดกับนิสัย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายืนดูอยู่เฉยๆ


        ทุกคนจับจ้องไปที่ร่างของคริสที่ถูกควานหาความกลัวภายในจิตใจด้วยเทพป่าเถื่อนทั้งสองอย่างหวาดหวั่น โดยเฉพาะชานยอล ร่างสูงเพิ่งฟื้นไข้ และกำลังจะถูกโฟบอสและเดมอสปั่นหัวด้วยความกลัวจนเป็นบ้าต้องฆ่าตัวเองตาย ทั้งๆที่เรื่องราวกำลังจะไปด้วยดี คริสกำลังลืมความเจ็บปวด และรู้สึกผิดเรื่องแม่ แต่ชีวิตเขาต้องมาจบลงวันนี้น่ะหรอ โหดร้ายเกินไปแล้ว


“ฮึ่มมม…..”เสียงของหนึ่งในคู่แฝดเทพเจ้าครางในลำคอ ใบหน้าของพวกเขาหยุดสับเปลี่ยนไปมา ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงที่สยดสยองไม่แพ้ใบหน้าก่อนๆ ใบหน้าของพวกเขาเป็นส่วนผสมระหว่างตัวตลกและหุ่นกายวิภาคเรื่องกล้ามเนื้อ โดยส่วนที่ควรจะเป็นผิวหนังกลับมีแต่กล้ามเนื้อ ริมฝีปากฉีกกว้างที่ใบหู ดวงตาคลั่งแค้นปั่นป่วนเหมือนคนวิกลจริต บนใบหน้าของเขามีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ชานยอลไม่กลัวเพราะพวกเขากำลังประหลาดใจกับอะไรบางอย่างอยู่


“ไหนล่ะสิ่งที่เจ้ากลัว ไหนล่ะ!!!!”เทพคู่แฝดอีกคนเริ่มหงุดหงิด เขาเริ่มเพ่งจิตควานหาความกลัวของคริสมากขึ้น


“หาให้เจอ สหายทั้งสอง!!”ฮีซอลออกคำสั่ง แต่ถึงไม่ทำ โฟบอสและเดมอสก็อยากทำเองอยู่แล้ว เพราะการทำให้คนอื่นเป็นบ้าเพราะความกลัวถือเป็นสิ่งที่พวกเขารัก


“แปลก…”เดมอสพึมพำอย่างประหลาดใจโดยไม่ทันมองว่าพื้นบริเวณที่เขายืนอยู่กำลังมีวิญญาณผลุดขึ้นมาแล้ว  


“นั่น…”ชานยอลอุทานเสียงเบา ก่อนจะหันไปสบตาลู่หานกับเซฮุน ทั้งสองเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


“หึหึ….”คริสหัวเราะต่ำในลำคอ ดวงตาค่อยๆหลุบต่ำลงมา


“ขอถามอะไรหน่อยสิ…………ใบหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาพวกนั้นเป็นใบหน้าของเหยื่อก่อนตายรึเปล่า”


“ใช่!!! พวกเราทำให้มันตายเอง ตายเพราะความกลัว!!!”โฟบอสพูดอย่างภูมิใจจนไม่รู้ว่าวิญญาณกำลังคืบคลานมาถึงขาของเขาแล้ว


“ความกลัวของพวกเขาคืออะไร”


“ความ…”


“หุบปาก!!!...โฟบอส เจ้ากำลังไขว่เขว มันกำลังทำให้เจ้าเลิกสะกดมันนะ!!!”เดมอสตะวาด


“ที่ถามน่ะได้คำตอบมั้ย….”คริสยังคงเอ่ยถามในขณะที่วิญญาณคลานมาถึงอกของทั้งคู่แล้ว


“หุบปาก!!...บอกมาว่าความกลัวของเจ้าคืออะไร!!!”คริสยกยิ้ม แล้วนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะมองเทพทั้งสองพร้อมกับพูดออกมา


“ใช่…..ความตายรึเปล่า”เฉียบพลันนั้นวิญญาณก็ปรากฏต่อหน้าทุกคนในตอนที่พวกมันกำลังจะบีบคอทั้งสองอยู่


“โฟบอส เดมอส!!!”ฮีซอลเรียกทั้งสองให้รู้สึกถึงภัยร้าย


“เจ้า!!!”ทั้งสองคำรามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว คริสหัวเราะในลำคอก่อนจะมองจ้องไปที่ฮีซอล


“นึกยังไงถึงได้เอาเทพแห่งความกลัวและสยองขวัญมาจัดการฉันน่ะ”คนถูกถามนิ่งเงียบ ก่อนจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง….


“ความกลัวที่น่ากลัวที่สุดของคน….”ร่างสูงเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“คือความตาย…..”


“แล้วคิดว่าความตายอย่างฉัน จะกลัวความตายเองรึไง”ฮีซอลที่ได้ยินถึงกับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนจะตะวาดให้คริสปล่อยโฟบอสและเดมอส


“ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้!”


“ก็ปล่อยพวกเขาก่อนสิ”ร่างสูงพูดพร้อมกับเปรยตาไปที่คนอื่นๆ ทำให้ฮีซอลจำต้องยอมปล่อยทุกคน เมื่ออีกฝ่ายทำตามสัญญา คริสก็ปล่อยเทพเจ้าทั้งสองให้เป็นอิสระ


“อย่าคิดว่าฉันจะแพ้นายนะ!!! ครั้งนี้ฉันแค่ยอมให้เท่านั้น!!!”


“พอเถอะน่า  ฮีซอล นายโมโหจนเกือบจะฆ่าคนแล้วนะ”ซีวอนเข้ามาห้าม


“แล้วจะทำไม นายจะเลิกกับฉันรึไง”


“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ครั้งนี้นายทำเกินไปจริงๆ แล้วนี่นายจะมาหาฉันใช่มั้ย มีเรื่องอะไรรึเปล่า”ซีวอนพยายามเปลี่ยนเรื่อง


“พ่ออยากเจอนาย”


“งั้นก็รีบไปกันเถอะ พ่อนายยิ่งไม่ชอบรอนานอยู่”ซีวอนเอ่ยบอก


“ความอดทนติดลบ”เซฮุนกระซิบกับลู่หานเบาๆแต่ฮีซอลดันได้ยิน


“อยากลองดีใช่มั้ย เซฮุน! คอยดูฉันจะกลับมาเอาคืนพวกนายทั้งสองคน รอฉันกลับจากเจอพ่อก่อนเถอะ!!!”ฮีซอลประกาศกร้าว


“ไปเถอะน่า ฮีซอล อย่าทะเลาะกับเด็กน่า”ซีวอนเอ่ยบอกพร้อมกับลากฮีซอลออกไป พร้อมกับหันมาล่ำลารุ่นน้อง


“ขอโทษแทนฮีซอลด้วย”ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะพาคนรักเดินออกจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาออกไปชานยอลก็วิ่งเข้ามาหาร่างสูง


“เป็นยังไงบ้าง//ทำไมไม่บอกว่าเป็นแค่พี่”ทั้งสองเอ่ยถามออกมาพร้อมกันแต่คนละเรื่อง


“ใจตรงกันเลย”เซฮุนที่กลับสู่โหมดปกติอย่างฉับพลันทันทีที่เห็นทั้งคู่พูดพร้อมกันเอ่ยแซว


“เงียบไปเลย โอเซฮุน!”ลู่หานหันมาดุ เด็กหนุ่มเบ้หน้าก่อนจะหันไปสนใจคู่รักต่อ


“เป็นยังไงบ้าง”คริสยักไหล่ ก่อนจะตอบ


“ ปกติดี ทำไม กลัวฉันจะเป็นบ้าตายรึไง”ร่างสูงถามเสียงเชิงหยอกล้อ ชานยอลถลึงตาใส่ ก่อนจะเฉไฉไปเรื่อย


“ตายก็ดี เบื่อหน้า”


“นายห่วงฉัน ฉันรู้”ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับแววตาที่แทบจะมองทะลุลงไปอ่านใจของชานยอล


“หลงตัวเอง”


“หลงนายมากกว่า หลงจนหึงซี้ซั่ว”ชานยอลชะงักงัน  ใบหน้าแดงก่ำ  ปากอิ่มอ้าพะงาบๆ นึกคำพูดสวนกลับไม่ออก


“งานนี้คนเฝ้าสุสานวิน”เซฮุนที่นั่งดูอยู่พูดขึ้นก่อนจะชูกระดาษที่แบ่งครึ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเขียนชื่อเขา ฝั่งหนึ่งเขียนชื่อคริส
พร้อมกับขีดสีแดงหนึ่งขีด


“นี่ ฉันว่า…”ลู่หานพูดขึ้น ก่อนจะถูกเซฮุนปิดปาก พร้อมบุ้ยหน้าให้นั่งดูละครรักโรแมนติคฉบับแสดงสดต่อ


“หึงอะไร”ชานยอลเปลี่ยนเรื่อง


“ซีวอนกับนาย”ร่างโปร่งขมวดคิ้ว ก่อนจะตอบ


“บ้าบอ”


“ยอมบ้า ถ้าคนที่ทำให้บ้าคือนาย”ร่างสูงพูดพร้อมกับสบตาอีกฝ่าย เป็นอีกครั้งที่ชานยอลหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย ไม่อยาก
จะเชื่อเลยว่าคริสจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย แล้วพอเข้าสู่โหมดนี้ทีไร คนซวยก็เป็นเขาทุกทีที่ต้องมาหัวใจเต้นรัวอยู่อย่างนี้


“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!”


“ภาษาพูดไม่รู้เรื่อง งั้นต้องใช้ภาษากาย”คริสเอ่ยบอกทีเล่นทีจริง ก่อนจะแกล้งโน้มหน้ามาใกล้ชานยอล ร่างโปร่งรีบยกมือขึ้นขวาง ก่อนจะผลักออก


“คนเฝ้าสุสาน 5ล้านแต้ม นางเงือก ติดลบล้านล้าน!!!”เซฮุนพูดก่อนจะเขียนคะแนน


“คือว่า ก็ไม่อยากขัด แต่ว่าตอนนี้พักเรื่องจีบๆนี่ก่อนได้มั้ย พวกนายลืมไปแล้วรึไงว่าพี่ฮีซอลจะมาจัดการพวกเราอีกรอบน่ะ!!” ลู่หานที่หลุดจากพันธนาการของเซฮุนบอกกับทุกคน



“โอ๊ะ โอ ลืมสนิท”


“เราต้องหนีก่อนพี่เขาจะมา”ลู่หานย้ำ


“ทำไมต้องไป”คริสเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ


“โหยยย พี่ ผมรู้ว่าพี่เทพ แต่เจ๊บ้าเลือดนั่นไม่เคยปล่อยเหยื่อรอดเป็นครั้งที่สองหรอก!!!”


“เห็นด้วย  พี่ฮีซอลไม่ปล่อยนายแน่ แล้วเขาก็ไม่ได้มีแค่โฟบอสและเดมอสนั่น เขายังมีอีก…”ชานยอลหยุดพูดไว้เท่านั้น ก่อนจะทำมือบอกจำนวนและสีหน้าที่บอกถึงกำลังหนุนของรุ่นพี่คนนั้น


“เป็นกองทัพ”เซฮุนอธิบายเป็นคำพูด


“หนีไม่ใช่นิสัยฉัน”คริสเอ่ยบอก


“งานนี้ไม่ขอความเห็น  แต่ขอเผด็จการเลย เซฮุน ว๊าบทุกคนไปที่บ้านฉัน!!”เซฮุนพยักหน้าพร้อมกับตั้งท่าจะส่งทุกคนไปที่บ้านลู่หาน แต่แล้วก็หันกลับมาหาร่างเล็กอีก


“บ้านพี่อยู่ไหนนะ  อย่าเพิ่งว่าผม! ผมมีเหตุผล!! พี่ก็รู้ว่าผมมีบ้านอยู่ทั่วโลก ลำพังแค่บ้านตัวเองผมยังจำไม่ค่อยได้เลย บ้านพี่………ไม่ต้องพูดถึง”ลู่หานกลอกตาไปมา เอือมระอาในความสติดีของเซฮุน ก่อนจะบอกที่อยู่บ้านตัวเอง เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้ทุกคน


“ได้เวลาว๊าบแล้วล่ะทุกคน จับผมไว้แน่นๆนะ”เซฮุนเอ่ยบอก ก่อนที่เขาจะพาทุกคนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วเหนือแสง


คริสมั่นใจว่าเขาจะไม่เดินทางโดยบุตรแห่งเฮอร์มีสอีก และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามการเดินทางด้วยวิธีนี้ก็ไม่มีข้อดีอะไรเลยสำหรับเขา เพราะนอกจากที่เขาจะต้องรู้สึกเหมือนร่างตัวเองกำลังถูกฉีกกระชากและใกล้จะแหลกละเอียด เหมือนกับน้ำอัดลมที่อยู่ในกระป๋องแล้วถูกเขย่าอย่างรุนแรงแล้ว เขายังรู้สึกปวดหัวและหน่วงในท้องเมื่อถูกแรงเหวี่ยงจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของเซฮุน สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขารู้สึกดีได้ ก็คือคฤหาสน์หลังงามที่เคยเห็นในอดีตของลู่หาน



   บ้านของลู่หานแตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นอยู่พอสมควร ในอดีตที่นี่เป็นเพียงแค่บ้านธรรมดาเหมือนกับบ้านหลังอื่น แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ทั่วทั้งบ้านถูกทาสีด้วยสีชมพูพาสเทล ดอกกุหลาบหลากสีหลากสายพันธุ์บานสะพรั่งเพิ่มสีสันให้สนามหิมะขาวโพลนที่ไม่ควรจะมีไม้ดอกชนิดใดเติบโตได้ ฝนกลีบกุหลาบและละอองสีทองโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ทำให้บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในห้วงแห่งรักที่ไม่มีวันโรยรา


“นี่บ้านหรอ คิดว่าโลเคชั่นถ่ายงานWeddingสักงาน”เป็นเซฮุนที่พูดขึ้นมา ลู่หานทำหน้าเหมือนเด็กที่กำลังถูกครูว่า ก่อนจะตอบ


“บางครั้งแม่ฉันก็ชอบทำอะไรพิลึกแบบนี้ล่ะ เข้าบ้านกันดีกว่า”ร่างเล็กพาทุกคนเข้ามาไปในบ้าน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปกลิ่นไอหอมหวานก็ปะทะเข้ากับทุกคนราวกับต้องการจะทักทาย จนคริส ชานยอล และเซฮุนต่างผงะไป ร่างกายเหมือนถูกมอมเมาด้วยแรงเสน่ห์หา ในขณะที่ลู่หานทำหน้านิ่ว พร้อมกับปัดกลิ่นไอเหล่านั้นอย่างกับว่ามันเป็นกลิ่นอาหารเน่าค้างคืนที่เขาไม่พึงปรารถนา พร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดว่าบางครั้งเขาก็เบื่อความรักหวานเลี่ยนพวกนี้เต็มทน ก่อนที่ร่างเล็กจะพาทุกคนไปนั่งยังห้องนั่งเล่น


“วันนี้พ่อไม่อยู่ อยากทำไรก็ตามสบายเลยละกัน”


“ขโมยของ!”เซฮุนพูดอย่างกระตือรือร้น ลู่หานกลอกตาก่อนจะตอบ


“นั่นไม่ได้อยู่ในลิสทำตามสบายของฉันนะ”เด็กหนุ่มทำหน้าเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชานยอลที่เอ่ยถามขึ้นมา


“ไอ้เจ้ากลิ่นเครื่องหอม เหมือนควันศักดิ์สิทธ์ของฮาเดสพวกนี้นี่มันคืออะไรน่ะลู่หาน”


“จริงหรอ!นายได้กลิ่นแบบนั้นเหรอ แล้วคนอื่นล่ะได้กลิ่นอะไร”ลู่หานถามอย่างกระตือรือร้น


“ผมได้กลิ่นอืม…..แชมพูเด็ก Johnson สีเหลืองๆนั่นเลย”เซฮุนเอ่ยตอบหลังจากคิดมาสักพักว่าเขาได้กลิ่นอะไร ลู่หานเบ้ปากทันทีที่ได้ยินคำตอบก่อนจะเลี่ยงไปถามคริสแทน


“ฉันได้กลิ่น……ทะเล…”ร่างสูงตอบโดยมองหน้าชานยอลไปด้วย


“นายได้กลิ่นทะเลเนี่ยนะ ที่นี่มันห่างจากทะเลตั้ง200กิโลฯเลยนะ!!!”ร่างโปร่งโวยวายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจลู่หานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับตัวเอง


“รู้มั้ย ว่าทำไมพวกนายได้กลิ่นต่างกัน”ทั้งสามมองลู่หานอย่างรอคำตอบ ร่างเล็กฉีกยิ้มก่อนจะตอบ


“เพราะที่พวกนายได้กลิ่น นั่นคือกลิ่นความรักของพวกนาย เซฮุนได้กลิ่น………..แชมพูที่ฉันใช้ ชานยอลได้กลิ่นเครื่องหอมที่เหมือนกับของฮาเดส และคริสก็ได้กลิ่นมิ้นท์ของชานยอล”คริสและชานยอลสบตากันก่อนที่ร่างโปร่งจะหลบตาแล้วเปลี่ยนเรื่องไปซักไซ้ลู่หานแทน


“นี่อะโพไดธ์ทำหรอเนี่ย”


“ประมาณนั้น ฉันเคยเอาน้ำยาถูบ้านทุกกลิ่นมาถู จนแทบจะเทรวมกันทุกยี่ห้อแล้ว แต่กลิ่นพวกนี้ก็ไม่หายไป จนพ่อบอกให้เลิกทำน่ะ”ร่างเล็กตอบเซ็งๆพร้อมกับหยิบคุ๊กกี้เข้าปาก


“กลิ่นพวกนี้ซ้ำกันได้บ้างมั้ย”


“ไม่นะ ได้แค่คล้าย ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”ชานยอลพยักหน้ารับคำก่อนจะถามต่อ


“งี้บ้านนายก็มีหลายกลิ่นเลยน่ะสิ ฉันว่านายน่าจะเปิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลกนะ”ร่างโปร่งพูดติดตลกพร้อมกับฉีกยิ้ม โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าปากอิ่มสีสดที่คอยขยับขึ้นลง รอยยิ้มที่แต่งแต้ม และเสียงถามเจื้อยแจ้วที่ดังอยู่กำลังทำให้ใครคนหนึ่งหลงใหล และมัวเมาอยู่ในภวังค์ที่ชื่อว่า….ปาร์คชานยอล



    ดวงตาคมจับจ้องปากอิ่มที่ขยับไปมาอย่างหลงใหล ใจสั่นไหวเมื่อได้ยินเสียง พร่ำเพ้อเมื่อเห็นรอยยิ้ม เกือบหยุดหายใจเมื่อเผลอสบตา ความรู้สึกลอยฟุ้งเหมือนลอยอยู่บนก้อนเมฆ รับรู้และได้ยินเพียงคนตรงหน้า ติดอยู่และหลงใหลอยู่ในห้วงแห่งรักจนถอนตัวไม่ขึ้น…



   อยากจะเขยิบเข้าไปใกล้กว่านี้ ใกล้กว่านี้อีกนิด ใกล้ให้ได้สัมผัส ให้ได้รู้ว่าจะกลีบปากนั้นหวานแค่ไหน…
ร่างสูงโน้มหน้าจุมพิตอีกฝ่าย กลิ่นไอแห่งความรักยิ่งรุนแรง คละคลุ้ง กระจายไปทั่วห้อง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปากดึงดูดร่างสูงให้ดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความรัก จนต่อให้เทพทั้งโอลิมปัสช่วยกันฉุดรั้ง ก็มิอาจดึงเขาขึ้นมาได้



กลีบปากหนาดูดดึงกลีบปากอิ่มอย่างอ่อนโยนหากแต่แฝงความซาบซ่าให้หัวใจเต้นระรัว ปลายลิ้นร้อนละเลียดเลียชิมความหวานอย่างแช่มช้าราวกับลูกกวาดที่แสนหวาน ก่อนจะค่อยๆขออนุญาตเข้าไปทักทายภายในโพรงปาก เฉียบพลันนั้นสติของชานยอลก็ค่อยๆกลับมา มือเรียวดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง ก่อนจะรีบผละออก



“ทำอะไรของนาย!!!”ชานยอลโวยวายหากแต่ใบหน้ากลับแดงระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินจัดกันแน่…


“จูบบบบบบไง โหย  พวกพี่ทำไรไม่เกรงใจผมเลย ผมก็มีตัวตนในห้องนี่นา  มา! ช่างเสริมสวย เรามามีตัวตนในห้องนี้กันมั่ง”เซฮุนแกล้งหยอก ก่อนจะหันไปเตรียมจะจูบลู่หาน แต่ก็พลาดท่าได้แค่หอมแก้มร่างเล็ก


“ ลามปาม!”ลู่หานดุ ก่อนจะยันหน้าเซฮุนที่เขยิบเข้ามาใกล้อีกรอบออก แล้วหันไปหาชานยอล


“ก่อนนายจะถูกจูบ นายถามใช่มั้ยว่าไอ้กลิ่นพวกนี้ทำอะไรได้บ้าง”ร่างเล็กทวนคำถามของชานยอล และแน่นอนว่าคำพูดตอนนั้นคริสไม่ได้สนใจจะฟังมัน เพราะจดจ่ออยู่กับกลีบปากของร่างโปร่งอยู่


   ชานยอลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจว่าคำตอบของลู่หานคืออะไร แล้วหันไปมองหน้าคริส


“มันทำให้คนตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก”ลู่หานเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“และกามอารมณ์”ร่างโปร่งเหลือบตาไปมองคริส ก่อนจะพบว่าสายตาที่มองส่งมานั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งลุ่มหลง เร่าร้อน และหลงรัก จนแทบจะหลอมทั้งร่างของเขาให้ละลายราวกับไอศกรีมที่ถูกความร้อน


“ฉะ…ฉัน ฉันว่า เราควรไปที่อื่นกัน”ชานยอลพูดตะกุกตะกัก


“พวกพี่อยากจะไปต่อที่อื่นอย่างนั้นน่ะหรอ”เซฮุนถามขึ้นมาก่อนจะสรุปคำตอบเอง


“ได้เลย เดี๋ยวผมจะส่งพวกพี่ไป โรงแรมอย่างหรูเลย!!!”เด็กหนุ่มพูดก่อนจะตั้งท่าเสก


“ไม่!!! กลับบ้าน!!”ชานยอลร้องห้าม ก่อนจะสั่งให้เซฮุนพาไปที่บ้าน เพราะด้วยเวลานี้เขาควรจะกลับบ้านเสียที และที่สำคัญเขายังไม่ต้องการไปติดอยู่ในโรงแรมกับคนที่กำลังโดนมนตร์สะกดของอะโพไดธ์ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะรุนแรงและยาวนานแค่ไหน การกลับไปที่บ้านที่ซึ่งใกล้ทะเลขุมพลังของเขา และใกล้หูใกล้ตาแม่ของคริสดูจะเป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับร่างกายของเขาตอนนี้!!!


“โอเค ตามนั้น บ้านก็ไม่เลวสำหรับการผลิตลูก” นั่นคือเสียงสุดทายที่ชานยอลได้ยิน ก่อนที่เขาจะถูกบีบอัด กระชาก และเหวี่ยงไปมาอย่างรุนแรงจนแทบอาเจียน และหน่วงในท้องเหมือนมีหนูทั้งเมืองเข้าไปวิ่งอยู่ในนั้น ทำให้เวลาเพียงชั่ววินาทีรู้สึกยาวนานเป็นชาติกว่าจะมาถึงที่หมาย



ชานยอลกับคริสถูกเซฮุนคล้ายย้ายมาที่ห้องของร่างโปร่งในบ้านริมหาด โดยมีที่รองรับเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่เล็กลงในพริบตาเมื่อผู้ชายสูงเกือบสองเมตรสองคนนอนอยู่ด้วยกัน จรวดกระดาษสีชมพูลำหนึ่งแล่นฉิวลงมาหล่นตรงหน้าตักทั้งสองคน ก่อนที่พวกเขาจะหยิบขึ้นมาดู


ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง!!! เซฮุนทัวร์ทั่วโลก สนใจเดินทางกับเรา ติดต่อXXX


“ไอ้บ้านี่!!!”ชานยอลโวยวาย ธุรกิจใหม่ของเด็กนั่นจะเป็นอะไรเขาไม่สน แต่เนื้อความที่อวยพรกึ่งสาปแช่งนี่เสียมากกว่าที่กระตุกหัวใจของเขาไม่ใช่เล่น…คริสไม่ใช่คนธรรมะ และมนตร์นั่นก็ไม่รู้ว่าคลายแล้วรึยัง


“เจ้านั่นพูดจาน่าสนใจดี”ร่างสูงเอ่ยทำลายความเงียบและสติของชานยอลให้แตกกระเจิดกระเจิง


“จะไม่มีอะไรน่าสนใจทั้งนั้นล่ะ!  อีกอย่างนี่นายยังไม่หายจากมนตร์สะกดนั่นรึไง”ร่างโปร่งว่าก่อนจะผละออกห่าง ร่างสูงเลิกคิ้วก่อนจะพูดต่อ


“ยังไม่หาย”


“นั่นมันเรื่องของนาย แต่ตอนนี้เราอยู่ที่บ้าน แล้วแม่นายก็อยู่ด้วย นายก็ควรจะไปหาเธอได้แล้ว หลังจากที่หายเศร้า”ชานยอลพยายามเปลี่ยนเรื่องโดยอ้างเรื่องที่สำคัญมากกว่าขึ้นมา ทันใดแววตาหยอกล้อมลายหายไปจากดวงตาคู่คม ก่อนจะถูกแทนด้วยความจริงจัง ร่างสูงนิ่งเงียบ สีหน้าไม่บ่งบอกถึงความคิด จนชานยอลลุ้นระทึกว่าคริสจะรู้สึกเช่นไร เขาอาจดีขึ้น หรือเศร้าสร้อย หรืออาจจะยังตกอยู่ในมนตร์สะกด ชานยอลไม่อาจรู้ได้


“ฉันจะไปหาเธอ”คริสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ


“มนตร์สะกดหายแล้วหรอ”ร่างสูงยักไหล่ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู


“ตามมาสิ หรือนายจะรอให้ฉันไปทำตามคำแนะนำของเซฮุนกัน”


“ไอ้บ้า!!!”ร่างโปร่งตะโกนกลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก แต่คริสก็ไม่อยู่ฟังแล้ว ร่างสูงเดินลงบันใดไปเสียแล้ว



----------------------------------------------


เคร้ง เคร้ง


   เสียงโลหะบางอย่างกระทบกันดังมาจากในครัว ร่างสูงของคริสกำลังยืนชั่งใจอยู่ที่ตีนบันใด แม้เขาจะไม่ใช่คริส เขาก็รู้ว่าร่างสูงกำลังรู้สึกอย่างไร คริสกำลังประหม่า และเริ่มลังเลที่จะเข้าหาผู้เป็นแม่ที่เพิ่งรู้ว่ามีตัวตนเมื่อหลายชั่วโมงก่อนไม่ถูก


“คุณป้าครับ”ชานยอลเอ่ยเริ่มต้น ดวงตากลมโตเผลอสบตาคม พยายามสกัดกั้นอารมณ์เขินอายให้หมดไป แม้จะทำได้ยากยิ่งเพียงไหนก็ตาม


“อ้าว คริส ชานยอล แม่กำลังจะทำมื้อเย็นให้เราอยู่เลย”หญิงวัยกลางคนขานรับด้วยความดีใจ  ร่างโปร่งเหลือบมองคริสเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ


“เอ่อ….คริส คริสเขาบอกว่า เขาอยากจะช่วยทำน่ะครับ เดี๋ยวพวกผมช่วยนะ”คนถูกพาดพิงขมวดคิ้วมอง ความลังเลแฝงอยู่ในแววตาครู่หนึ่ง ก่อนร่างสูงจะขจัดออกไปแล้วตอบรับเมื่อเข้าใจเจตนา


“…..ครับ  เรามาช่วยครับ”เขาเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“แม่…”หญิงวัยกลางคนระบายยิ้มดีใจ ก่อนจะตอบรับ


“งั้นเข้ามาสิ เรากำลังจะทำอาหารสุดพิเศษ ต้อนรับการกลับมาของคริสกัน”


    ทันทีที่พวกเขาตามมาธาร์เข้ามาในครัว พวกเขาก็ต้องอึ้งระคนทึ่งเมื่อเธอเนรมิตให้ครัวทั้งครัวเต็มไปด้วยผัก และผลไม้ต่างๆ หม้อและกระทะมากมายถูกหยิบออกมาใช้ ชานยอลเลือกที่จะอาสาไปดูแลจัดการเรื่องเคี่ยวซุปเพราะอยากให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน และที่สำคัญคือเขาจะได้ใช้หน้าที่นี้ในการหนีห่างออกมาจากร่างสูงที่ชอบทำให้เขาประหม่าได้


“คริส ล้างผักให้แม่ที เสร็จแล้วใส่ไว้ในนี้นะ”มาธาร์วานลูกชาย ร่างสูงรับคำ ก่อนจะเริ่มล้างผัก กรรมวิธีที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ทำให้ท่าทางของเขาดูงกๆเงิ่นๆ จนชานยอลหลุดขำ ร่างสูงหันไปมอง ร่างโปร่งพยายามกลั้นยิ้มก่อนจะหันกลับไปสนใจหม้อซุป


“คุณปะ………………แม่ครับ  เสร็จแล้ว ผมอยากเพิ่มนี่ลงไปในซุป”คริสเอ่ยบอกก่อนจะหยิบจานแครรอทที่หั่นแล้วขึ้นมา หญิงผู้เป็นแม่ พยักหน้าก่อนที่ร่างสูงจะเดินหยิบจานไปหาชานยอลที่ยังคงสนใจแต่ซุป ไม่รู้ว่าภัยร้ายต่อหัวใจกำลังมาเยือน


“กลับไปคนต่อได้แล้ว หรืออยากจะให้เป่าอีก…..”ร่างสูงเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“แต่คราวนี้นายต้องพองทั้งตัวนะ”ชานยอลหันขวับกลับไปคนซุปต่อ นึกอยากให้ตัวเองหายตัวได้หรือไม่ก็เคลื่อนที่ตัวเองได้รวดเร็วได้แบบเซฮุน เพราะหลังจากที่เจอประโยคสั่นคลอนหัวใจของคริสประโยคนั้น ก็ดูเหมือนว่าหัวใจของเขาจะเกิดอาการAfter Shockที่มีลักษณะการสั่นสะเทือนของคลื่นที่ผิดปกติ คือหัวใจเต้นรัว ใบหน้าร้อนผ่าว  จิตใจว้าวุ่นเมื่ออยู่ใกล้ๆจุดกำเนิดแผ่นดินไหว ที่ชื่อว่า….คริส




“คุณป้าคระ…”ชานยอลกำลังจะร้องเรียกป้าของเขาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าใกล้กันจนเกือบจะชิด ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมมาจับมือที่คนซุปของชานยอลให้หยุดนิ่ง แล้วเทแครรอทลงไป จังหวะนั้นเองซุปร้อนๆก็กระเด็นใส่มือเรียว นิ้วหัวแม่มือของร่างสูงเช็ดออกให้อย่างเบามือ ก่อนที่เขาจะเป่าแผลพองเบาๆ



ควันสีเทาเกลี่ยไปตามแผลอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป พร้อมกับรอยแผล ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโต ก่อนร่างสูงจะยกยิ้ม ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงได้หวั่นไหววูบวาบอย่างนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนแค่ถูกจูบถูกแตะต้องตัว เขาก็มักจะหงุดหงิดและโกรธเคือง มากกว่าการเขินอายและหวั่นไหวอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร…หรือเป็นเพราะสมอง หรือเป็นเพราะสติ หรือเป็นเพราะหัวใจ….ที่กำลังมีรัก


“ชานยอล เหม่ออะไรน่ะลูก หม้อจะไหม้แล้ว”เสียงป้าร้องเรียกสติร่างโปร่ง


“ไหม้!? ไม่ ไม่ไหม้!”ชานยอลรนรานก่อนจะรีบคนซุปในหม้อ เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับแผงอกที่แนบชิดติดแผ่นหลังของเขา และมือหนาที่เอื้อมมาหรี่ไฟลงอีก


“นายกำลังทำให้เราไม่มีกับข้าวกิน”ร่างโปร่งชะงักก่อนจะเรียกสติกลับมา แล้วเดินเลี่ยงไปช่วยป้าของเขาหั่นผักปล่อยให้คริสดูแลซุปไป


“ไหนดูสิ่  เป็นยังไงบ้าง คริส อย่าคนแบบนั้น ต้องแบบนี้”เธอเอ่ยบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงใจดี พร้อมกับจับมือร่างสูงคนซุปไปในทิศทางเดียวกัน ความประหม่าเกาะกุมหัวใจของคริส  ดวงตาคู่คมฉายแวววูบไหวไม่มั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็น  ชานยอลที่เฝ้ามองอยู่พูดให้กำลังใจโดยไม่มีเสียงว่าสู้ ร่างสูงยิ้มนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจคนซุปต่อ


“อย่างนี้…?”คริสเอ่ยถามผู้เป็นแม่




แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Sun Nov 10, 2013 5:29 pm, ทั้งหมด 4 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

0ctogus

0ctogus
Admin

“ใช่จ๊ะ แบบนั้นเลย คนไปเรื่อยๆนะ”เธอเอ่ยบอก ก่อนจะหันกลับไปตั้งกระทะเตรียมที่จะทำอาหารอีกจาน ครัวทั้งครัวดูวุ่นวายและเต็มไปด้วยส่วนผสมต่างๆมากมาย ชนิดที่ว่าชานยอลไม่เคยเห็น และมั่นใจว่าเมนูที่ทำวันนี้คงไม่ใช่อาหารธรรมดา อย่างน้อยก็คงจะหลายเมนูแน่นอน


อาหารหลายเมนูถูกทำขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะมาธาร์กระตือรือร้นที่จะทำให้ลูกชายกิน หรืออาจเพราะวันนี้มีลูกมือมาช่วยหลายคนก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยจานอาหารมากมาย ก่อนที่จานสุดท้ายจะถูกคริสวางลงบนโต๊ะ

“ตอนเป็นคนดีก็น่ารักเหมือนกันนะ”ชานยอลพูดลอยๆโดยยังคงง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะอยู่


“ก็ทำไปอย่างนั้น..”คริสปากแข็ง ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะตอกกลับ


“ปากแข็ง”


“แล้วตอนจูบ….ปากฉันแข็งมั้ยล่ะ”ชานยอลถลึงตาใส่ ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย พร้อมกับชี้ซ้อมขู่ร่างสูง


“เลอะเทอะ!!!”


“งั้นก็มาเช็ดให้สิ”คริสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงยียวน ชานยอลคว้าผ้ากันเปื้อนขึ้นมาก่อนจะละเลงหน้าร่างสูงแรงๆ ให้หายหมั่นไส้


“เช็ดให้แล้ว!!”ร่างโปร่งพูดใส่หน้าด้วยความหงุดหงิดแต่ใบห้าแดงก่ำ พอดีกับที่มาธาร์เดินเข้ามา


“อ้าว เล่นอะไรกันอยู่ มา มาทานข้าวกันเถอะจ้ะ” ทุกคนทรุดตัวนั่งที่โต๊ะอาหาร มาธาร์นั่งหัวโต๊ะ ขนาบข้างด้วยคริสและชานยอลที่กำลังก่อสงครามประสาททางสายตาเล็กๆกันอยู่ หญิงวัยกลางคนได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนจะตักกับข้าวให้ทั้งคริสและชานยอล



“ลองกินดูสิจ๊ะ”เธอเอ่ยบอก พร้อมกับมองคริสที่ตักอาหาของเธอเข้าปากด้วยความลุ้นระทึก ว่าลูกชายจะชอบมั้ย ร่างสูงเหลือบมองผู้เป็นแม่เล็กน้อย ไม่คิดว่าตัวเองจะได้กินอาหารฝีมือแม่ตัวเอง ความดีใจตีตื้นขึ้นมาจนมาจุกอยู่ที่คอจนแทบจะล้นทะลักออกมาเป็นน้ำตา เขาพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยตอบ


“อร่อยมากครับ…..แม่”ผู้เป็นแม่ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะเอ่ยบอกให้ร่างสูงให้กินเยอะๆ


หลังจากนั้นมื้ออาหารก็เป็นไปอย่างอบอุ่น คริสเริ่มจะตักกับข้าวให้แม่ของเขา อาจมีเคอะเขินบ้างในช่วงแรก ก่อนจะค่อยๆปรับตัวได้ในเวลาต่อมา ชานยอลคอยให้กำลังใจผ่านการยิ้มให้อยู่เป็นระยะๆ ทำให้การทานอาหารครั้งนี้เต็มไปด้วยความสุข และอบอุ่นที่สุดในชีวิตของคริส



พอมื้ออาหารจบลง พวกเขาก็ช่วยกันทำความสะอาด ก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน ชานยอลยืนกรานว่าจะให้คริสนอนกับป้าของเขา แล้วเขาจะขอนอนห้องตัวเองคนเดียว แต่คริสและมาธาร์ไม่ยอม พวกเขาจะให้ร่างโปร่งนอนที่นี่ด้วย จนสุดท้ายชานยอลก็ดันทุรังดื้อดึงต่อไปไม่ไหว ยอมนอนด้วยในที่สุด


“ผมนอนที่นี่ก็ได้ แต่อย่ามาว่าผมทีหลังว่ามาขัดขวางเวลาแม่ลูกนะ”ชานยอลเอ่ยบอกพร้อมกับ ทรุดตัวนั่งบนเตียง


“ไม่ว่าหรอก ชานยอลก็เป็นลูกของป้าอีกคนนะ ใช่มั้ยคริส”


“ผมอยากให้เป็นอย่างอื่นมากกว่า…”ร่างสูงเอ่ยตอบพร้อมกับเหลือบตามองชานยอลด้วยสายตามีความนัยน์


“โพไซดอนหวงลูกชายมาก พยายามเข้าหน่อยล่ะ”มาธาร์ตอบด้วยร้อยยิ้ม

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”ร่างสูงตอบโดยไม่ละสายตาไปจากร่างโปร่ง


“ดึกแล้ว ผมว่านอนกันดีกว่า ฝันดีครับคุณป้า”ชานยอลรวบรัดตัดบท ก่อนจะหอมแก้มป้าของเขา แล้วยกผ้าห่มคลุมขึ้นมาจนเหลือแค่ลูกตากับจมูก


“ฝันดีจ๊ะ ชานยอล”เธอพูดก่อนจะบอกคริสให้เข้านอน เมื่อวันพรุ่งนี้ทั้งสองจะต้องตื่นเช้า เตรียมกลับโรงเรียนหลังจากที่หยุดมาหลายวัน


แสงสว่างจากโคมไฟดับลงเมื่อมาธาร์กดปิด ภายในห้องมืดสนิท มองเห็นทุกอย่างเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆ ทั่วทั้งห้องมีเพียงประกายแวววาวของจี้หยดน้ำตาแห่งความตายทอแสงเรืองรองออกมาจากกล่องที่มาธาร์ปิดไม่สนิท หลังจากที่เธอถอดเก็บเมื่อช่วงหัวค่ำ คอยให้แสงสว่าง


คริสเหลือบมองมัน ก่อนจะมองเพดานเบื้องบน พลางปล่อยความคิดให้เลื่อนลอย เขากำลังรู้สึกว้าวุ่นใจ และกระสับกระส่ายแปลกๆ ไม่ใช่ว่าเพราะได้นอนกับแม่ที่ไม่เคยพบเจอกันมานาน เพราะเขารู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำก่อนจะเข้านอนเสียอีก มันคงจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น สาเหตุที่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความรู้สึกของเขาใกล้เคียงกับตอนที่อยู่บ้านลู่หาน แม้จะเบาบางกว่า แต่ก็มากพอจะรบกวนจิตใจของเขา ราวกับว่าในร่างกายและจิตใจของเขากำลังเพรียกหาและต้องการบางสิ่งบางอย่าง…


ร่างสูงกระพริบตาสองสามที ก่อนจะข่มตาหลับ แต่หลังจากพยายามมากว่าครึ่งชั่วโมง ร่างกายของเขาก็ยังคงตื่น และไม่มีท่าทีว่าจะหลับใหลเลยสักนิด เขายันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะพบว่าคิดผิด เพราะสายตาดันสบเข้ากับใบหน้าของชานยอลที่หลับพริ้มอยู่ ความงดงามของร่างโปร่งน่าหลงใหลกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความร้อนรุ่มในตัวยิ่งทวีคูณมากขึ้น ร่างสูงรีบหันกลับมา ก่อนจะเห็นละอองสีชมพูเหลือบทองวิบวับอยู่บนผิวหนังของเขา รับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง…


คริสก้าวลงมาจากเตียง เดินไปหาชานยอลที่ยังคงหลับพริ้มอยู่ ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามโครงหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเพ่งพินิจความงดงามที่เป็นดั่งเชื้อเพลิงเร่งเพลิงความปั่นป่วนในตัวของเขา แล้วค่อยๆโน้มหน้าลงไปจุมพิตกลีบปากอิ่ม


“คริส!...”ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง ลืมตาโพล่งมองคนลักหลับอย่างไม่สบอารมณ์


“ชู่ว์”คริสวางนิ้วชี้ลงบนกลีบปากให้ชานยอลหยุดโวยวาย ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหู


“มนตร์สะกดของอะโพไดธ์……”เขาเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อพร้อมกับฉุดชานยอลให้เดินออกจากห้อง


“มันยังไม่หมด”ชานยอลเบิกตาโพล่ง เตรียมจะโวยวาย แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อเขาถูกผลักลงบนเตียงห้องของตัวเอง ก่อนที่คริสจะตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้ เฉียบพลันนั้นคำพูดของลู่หานไหลกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง…


มันทำให้คนตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก และ……..กามอารมณ์

http://0ctogus.forumth.com

RainbowKY



แง้ โคตรเขินเลยง่า สวีทมาก สวีทสุดๆ อยากให้คริสยอลไปบ้านลู่หานทุกวันเลย แฮ่กกกกกกกกก
คนอะไรไม่มีสติเลย งื้อ จูบชานยอลต่อหน้าคนอื่น หู้ยยยยยย น่าไม่อาย รักน้องมาก หลงน้องแรง งื้ออออออออออ. ตอนเข้าครัวก็รุงรังมาก ไม่อายแม่เลยหรือไง หื้มมมม โอ๊ย เขินจริงๆๆๆ ทุบอกพี่คริสรัวๆ

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ