0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

โอปปาติกะ3

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1โอปปาติกะ3 Empty โอปปาติกะ3 Fri Apr 25, 2014 7:19 am

0ctogus

0ctogus
Admin

ชานยอลมองภาพตรงหน้าค้าง ความตกใจเข้าจู่โจมทุกความรู้สึก ผู้ชายที่ช่วยเขาตายเสียแล้ว ทั้งยังมาตายต่อหน้าต่อตาเขาโดยที่เขายังไม่ทันได้ขอบคุณ หรือแสดงน้ำใจอะไรตอบแทนเลยสักนิด


“คะ…ไค”ชานยอลเรียกชื่อเพื่อนเสียงเบาหวิว มือเรียวบีบมือของเพื่อนอย่างต้องการหาที่พึ่ง ไคส่ายหน้าไปมาช้าๆ พร้อมกับโบกมือไปมา


“……….นายจะไม่ให้ฉันตกใจหรอ…เขา….เขา…เขาตายเพราะฉันนะ…..ไม่ว่าเขาจะเป็นคนหรืออะไร…แต่เขาก็ตายเพราะฉันนะ..ไค”เด็กหนุ่มพึมพำด้วยความรู้สึกผิด ดวงตากลมโตมองร่างที่ถูกปิดตาลง ก่อนจะถูกเข็นออกไป พร้อมกับผ้าที่ยกขึ้นคลุมร่างเอาไว้


“ไค…”


“อื้อ!”ร่างสูงจับไหล่บางไว้พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ในขณะที่ชานยอลได้แต่ช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นภาพที่ติดอยู่ในใจเขา….มันเหตุการณ์ที่เขาไม่มีวันลืม….โอปปาติกะตนหนึ่งได้ช่วยชีวิตเขาไว้…


“ย้ายคนไข้ไปอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ”เสียงนายแพทย์คนหนึ่งเอ่ยบอกพร้อมกับชี้มาที่เขากับไค ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงเขาไปยังห้องผู้ป่วย ดวงตากลมโตพยายามมองหาร่างที่ถูกเข็นออกมาก่อน แต่ก็หาไม่พบ ร่างสูงคนนั้นถูกเข็นไปไว้ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้


“พี่ครับ….คนที่โดนไฟไหม้คนนั้นถูกเข็นไปที่ห้องดับจิตแล้วหรอครับ”ร่างโปร่งเอ่ยถามเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดยังติดตรึงอยู่ที่หัวใจ


“ใช่ครับ  น้องรู้จักเขาหรอครับ”


“เปล่าหรอกครับ แต่เขาแค่ช่วยชีวิตผมไว้….เอ่อ….พี่ครับ….”ร่างโปร่งเว้นช่วงก่อนจะเอ่ยถาม


“ห้องดับจิตอยู่ตรงไหนหรอครับ”บุรุษพยาบาลเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


“น้องจะถามทำไมหรอครับ”


“……ผมอยากไปขอบคุณเขา”


“ทำบุญให้ดีกว่าครับ ห้องดับจิตไม่ใช่สถานที่น่าไปนักหรอกครับ….”บุรุษพยาบาลตอบเสียงเข้มก่อนจะเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปในห้องพักพิเศษแบบเตียงคู่


“แต่ผมอยากไป….ถ้าไม่มีเขาป่านนี้ผมตายไปแล้ว”


“หื้อ!”ไคร้องประท้วง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง


“อย่าไปเลยครับ ทำบุญให้เขาแทนดีกว่า ขอตัวก่อนนะครับ”บุรุษพยาบาลเอ่ยตัดบทก่อนจะผละออกไปจากห้อง ทิ้งให้ชานยอลและไคอยู่ในห้องตามลำพัง


“ฉันอยากขอบคุณเขา เขา….เขา….ดูมีอะไรบางอย่าง….บางอย่างที่ต่างจากคนอื่น….ฉันแค่รู้สึกว่าคำขอบคุณของฉันมันมีค่าสำหรับเขา….ฉันแค่อยากจะบอกเขาแค่นั้น”ร่างโปร่งอธิบายกับเพื่อน ไคแสดงสีหน้าเคร่งเครียด พยายามหากระดาษและปากกามาเขียนข้อความตอบ


“นายจะห้ามฉันใช่มั้ย มันแค่ห้องดับจิตไค เมื่อก่อนเขาก็คนเหมือนๆเรา แค่ไม่มีลมหายใจแล้ว เผลอๆน่ากลัวน้อยกว่าคนเป็นๆซะอีก”ร่างโปร่งแย้ง


“อือออ!”ไคส่ายหน้า มองหากระดาษอย่างหงุดหงิด  อึดอัดที่พูดไม่ได้


“ฉันจะไปไค คืนนี้ฉันจะไปหาเขา มันก็แค่ห้องดับจิตนั้นแหละ”ชานยอลพูดอย่างมุ่งมั่น บุรุษพยาบาลที่อยู่หน้าห้องได้ยินเข้า


“ถ้ามันเป็นแค่นั้นก็คงดีน่ะสิ….”เขาพูดเสียงแผ่วก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณ ทิ้งให้คำพูดนั้นเป็นปริศนาอยู่ในอากาศรอวันคนมาไขคำตอบ….




-------------------------------------------------



    โรงพยาบาลในตอนกลางคืนนั้นวังเวงและเงียบสงบจนสั่นประสาทให้หวาดระแวง เสียงล้อรถเข็น พร้อมด้วยเสียงรองเท้าของใครสักคนหนึ่งดังก้องอยู่ในโถงทางเดินห้องพักผู้ป่วย จังหวะการเกิดเสียงนั้นเนิบนาบบ่งบอกว่าผู้เข็นเข็นรถไปอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เสียงจะดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้ห้องของชานยอล



    ร่างโปร่งลืมตาตื่นขึ้นในความมืด ดวงตากลมโตเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง เข็มสั้นชี้บอกเวลาตีสอง ก่อนจะมองเลยผ่านไปที่ไค ร่างสูงกำลังนอนหลับสนิท ชานยอลค่อยๆเงี่ยหูฟังเสียงประหลาดนั้นอย่างใจจดใจจ่อ….เขาไม่กลัวผี…แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เชื่อว่ามันไม่มีอยู่จริง….


ครืดดด ครืดดดด

เสียงล้อรถเข็นหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขา ก่อนที่มันจะนิ่งไปนาน ร่างโปร่งรู้ดีว่าควรทำยังไง….ต้องหยุดนิ่ง ทำเป็นไม่รู้ซะว่ามีมัน…


ก๊อก ก๊อก…


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชานยอลยันตัวขึ้นนั่ง มองประตูนิ่งอยู่ในความมืด ก่อนจะเหลือบตาไปมองไคที่เริ่มขยับตัวอย่างรำคาญแล้ว


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ไม่ใช่พยาบาลแน่ เพราะพยาบาลถ้าเคาะแล้วต้องเปิดเข้ามาเลย


“หื้อ!”ไคส่งเสียงรำคาญ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น พร้อมหันไปมองที่ประตูห้อง ก่อนชะงักไปเมื่อสัมผัสอะไรได้…


ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก



    ไคกับชานยอลมองหน้ากันก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบหายไปอยู่พักใหญ่ พร้อมกับเสียงล้อที่ค่อยๆดังขึ้น แล้วไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ร่างโปร่งลุกพรวด กระเผลกไปเปิดประตูออก ร่างของพยาบาลที่สวมชุดมอซอคนหนึ่งกำลังเข็นรถไปตามทาง เธอหยุดเคาะประตูทุกๆห้อง ราวกับว่าคิดว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่ก่อนที่เธอจะค่อยๆหายไป…


“ถ้าบนตึกยังเฮี้ยนขนาดนี้แล้วที่ห้องดับจิตล่ะ…”ร่างโปร่งพึมพำ


“หื้อ!”ไคที่ตามมาด้วยพยายามพูดด้วย แต่ร่างโปร่งไม่สนใจ ตีความหมายว่าเพื่อนต้องการจะห้าม


“ฉันจะไป”ชานยอลบอกเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินนำออกไป พร้อมกับไคที่ต้องตามไปอย่างจำใจ ทั้งคู่ต้องคอยระวังไม่ให้พยาบาลเห็นก่อนจะหลบไปขึ้นลิฟท์ พร้อมกับคิดว่าห้องดับจิตมันอยู่ที่ไหนกัน…


      การตามหาห้องดับจิตไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะห้องดับจิตมักไม่อยู่ในตัวอาคารใหญ่ แต่จะแยกไปอยู่อีกส่วนหนึ่งเสมอ ซ้ำร้ายยังต้องมีมาตรการดูแลที่แน่นหนาด้วยเพราะศพบางศพก็อาจแพร่เชื้อได้ ร่างโปร่งของชานยอลและไคหลบเจ้าหน้าที่ออกมาหลังตึกของโรงพยาบาล สายตามองหาตึกที่น่าจะเข้าข่าย ก่อนจะเหลือบไปเห็นบุรุษพยาบาลกำลังเข็นศพคนไข้เข้าไปในตึกหลังหนึ่ง


“รีบเข็นไปเก็บเถอะ ดึกๆอย่างนี้ฉันไม่อยากอยู่นาน”เสียงบุรุษพยาบาลคนหนึ่งเอ่ยบอก ก่อนที่จะเข็นเข้าไป ร่างโปร่งแอบอยู่หลังเสาร์


“วันนี้มีศพคนถูกไฟไหม้ด้วยไม่รู้กลางคืนจะออกมาเฮี้ยนรึเปล่า”บุรษพยาบาลอีกคนหนึ่งพูดต่อ


“แล้วศพนี้เก็บไว้ที่ล็อกไหน”


“ล็อกA-13 ข้างๆกับศพที่ถูกไฟคอกนั้นแหละ” ชายคนนั้นตอบพร้อมกับหายเข้าไปในห้องดับจิต ชานยอลยืนรอจนกระทั่งพวกเขาออกมาแล้วเดินหายลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องดับจิต  ไอความเย็นแผ่ซ่าน กลิ่นฟอร์มาลีนคลั่งคลุ้งไปทั่วห้อง ผสมเข้ากับกลิ่นศพชวนให้คลื่นไส้ ร่างโปร่งรีบปิดจมูก ก่อนจะมองหาตู้เก็บศพของชายหนุ่มที่ช่วยเขาไว้


“อื้อ!”ไคร้องเรียก สีหน้าท่าทางดูไม่ไหวเต็มที


“รอแปบนึง”ร่างโปร่งว่าก่อนจะมองหาต่อ ก่อนจะเดินกระเผลกไปที่ตู้เก็บศพล็อกที่A-13  แล้วเริ่มมองซ้ายขวา แม้จะมีชื่อติดอยู่แต่เขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นชื่ออะไรอยู่ดี


“คนไหนล่ะ”ร่างโปร่งพึมพำ


กึก!! จู่ๆเสียงอะไรบางอย่างก็ดังออกมาจากตู้เก็บศพด้านซ้าย ชานยอลสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ


กึก กึก!!! เสียงนั้นดังขึ้นอีก  แต่คราวนี้ตู้เก็บศพกลับสั่นสะเทือนน้อยๆ  


“อา อา!!!”ไคเขย่าแขน  ใจดวงน้อยสังหรณ์ถึงอะไรบางอย่าง


กึก กึก กึก เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ หัวใจชานยอลเต้นถี่รัว ถึงจะไม่กลัวแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“อา!!!”


กึก กึก กึก กึก กึก กึก เสียงนั้นดังอย่างบ้าคลั่ง น้ำเหลืองและหนองขุ่นไหลเยิ้มออกมาจากรอยต่อ ชานยอลตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน


“อา อา อา!!!”ไคร้องเรียก


กึก กึก กึก กึก กึก กึก คลิ๊ก! เสียงล็อกด้านในถูกปลดออก ศพในนั้นเลื่อนออกมาจากตู้ หยุดอยู่ตรงหน้าชานยอล ร่างโปร่งผงะทำอะไรไม่ถูก ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนั้นโชกไปด้วยน้ำเหลือง น้ำหนอง และเลือด กลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วจนเขาแทบอาเจียน ดวงตากลมโตน้ำตาคลอหน่วงอยู่ที่ตา ทั้งตกใจทั้งกลัวสภาพที่เห็น


“ไค….”ร่างโปร่งร้องเรียก ไคจับแขนไว้ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ซึ่งแน่นอนว่าชานยอลไม่เข้าใจความหมาย


ตึ๋ง ตึ๋ง


เลือดหยดลงบนพื้น กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


“ฮืออออ ฮือออออ”เสียงครางดังแว่วมา ชานยอลมองนิ่งไปที่ซากศพ แวบหนึ่งที่เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในร่างร่างนั้น แต่บอกไม่ถูกว่ามันคือสิ่งมีชีวิตหรือคนตาย


“ไค….นี่รึเปล่าที่นายจะบอกฉัน”ร่างโปร่งหันไปถามเพื่อน ไคเพียงแค่พยักหน้าช้าๆ พร้อมเหลือบไปมองศพที่อยู่บนเตียง


“ฮือออออ”เสียงครางต่ำในลำคอ ก่อนที่ร่างร่างนั้นจะกระตุกขึ้น ร่างกายบิดเกร็งไปมา น้ำเลือดน้ำหนองไหลท่วมร่าง สร้างความสะอิดสะเอียนให้กับผู้พบเห็น ร่างโปร่งจำต้องยกมือขึ้นปิดจมูกเพราะทนกลิ่นไม่ไหว


ครืดดดด ครืดดด


ร่างร่างนั้นค่อยๆดิ้นไปมาบนเตียง ท่าทางดูทรมานแสนสาหัส มือที่ชุ่มไปด้วยเลือดหงิกหงออย่างเจ็บปวด ก่อนจะยกขึ้นกระชากเลือดและหนองที่ไหลเยิ้มที่อกอย่างทรมาน


“แฮ่ก….”เสียงนั้นร้องอวดครวญจนชานยอลนึกกลัว ผงะถอยออกห่าง เขามั่นใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ผี…แต่เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้นเยอะ…


 ซากศพตรงนั้นดีดดิ้นไปมาอย่างทรมาน มือใหญ่คู่นั้นตะกรุยเตียงอะลูมิเนียมอย่างบ้าคลั่ง เลือดและหนองไหลเยิ้มไปทั่ว  ร่างทั้งร่างบิดเกร็ง ชักกระตุกอย่างรุนแรงราวกับมีใครมาฉีกกระชาก


“ไค…”ชานยอลพึมพำ คนถูกเรียกบีบมือเรียวเบาๆย้ำเตือนว่าไม่เป็นไร ก่อนจะยืนมองร่างที่ชักไปมาอยู่บนเตียง


“อั่ก….อั่ก….”ซากศพส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด มันดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย


“ไค….เขาเป็นอะไร”ร่างโปร่งถามอย่างตื่นกลัว ก่อนที่ร่างบนเตียงจะดิ้นพล่านๆ แล้วกระตุกเกร็งถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆสงบลง เสียงหอบหายใจดังมาจากซากศพ แผ่นอกนั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเร็ว มือหนาค่อยๆยกมือขึ้นปาดเลือดและหนองบริเวณใบหน้าออกช้าๆ ใบหน้าผุดผ่องเหมือนมนุษย์ค่อยๆปรากฏ ร่างโปร่งจ้องอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะพูดด้วยความตกใจ…


“พรเหนือธรรมชาติของคุณ….”ชานยอลชะงักก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่น


“คืออมตะงั้นหรอ….”ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามกลับ


“ทำไมคุณถึงรู้”ดวงตาคมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประเมิน


“.........ความจริงก็รู้ว่าคุณเป็นอะไรตั้งแต่ตอนเข้าไปช่วยผมแล้ว แต่แค่ไม่รู้ว่าด้านไหนเท่านั้นเอง”อี้ฟานผงะออก ขมวดคิ้วมองอีกคนด้วยแววตาไม่ไว้ใจ


“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นอะไร”


“ผมต้องรู้แน่ล่ะ ต้องรู้แน่ๆ…..”ชานยอลเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“เพราะผมเป็นผู้ปลดปล่อย”


“หมายความว่ายังไง ผู้ปลดปล่อย”อี้ฟ่านถามอย่างไม่เข้าใจ


“คนที่สามารถปลดปล่อยโอปปาติกะให้เป็นอิสระจากบ่วงกรรมพวกนี้ได้ไง”ร่างสูงชะงักไป ก่อนที่จู่ๆจะยิ้มสมเพชตัวเองออกมา


“นายไม่มีวันปลดปล่อยฉันได้หรอก”


“ผมจะทำ แล้วผมก็ต้องทำให้ได้ด้วย คุณช่วยชีวิตผมกับเพื่อน ผมก็จะช่วยคุณเหมือนกัน หรือต่อให้คุณไม่มาช่วยผมตอนนั้น ผมก็ต้องช่วยคุณอยู่ดี”ร่างโปร่งบอกด้วยเสียงหนักแน่น


“ขอบคุณที่อยากจะช่วยผม แต่มันไม่มีวันนั้นหรอก ผมเป็นอมตะ ไม่มีวันปลดปล่อย”ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับค่อยๆหยัดกายขึ้นยืน


“มี…ต้องมี….ผมจะช่วยคุณ…..”


“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ผมไม่ใช่คนที่คุณจะช่วยเหลือได้ เอาเวลาไปช่วยคนอื่นเถอะ”ร่างสูงเหลือบไปมองไค ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา


“ผมจะช่วย ยังไงผมก็จะช่วยคุณ!”ชานยอลวิ่งมาดักหน้า


“คุณจะต้องเสียใจ เพราะมันจะไม่มีวันนั้น”ร่างสูงพูดเสียงเย็น ก่อนจะเดินเลี่ยงไป


“ทำไมไม่ลองดู ในเมื่อคุณเป็นอมตะ จะลองสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย ถ้าทำได้คุณก็จะได้เป็นอิสระ แต่ถ้าไม่คุณก็แค่กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม”อี้ฟานชะงักงันกับคำพูดของอีกฝ่าย ชั่งใจคิดทบทวนตาม แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจ จู่ๆเสียงบุรุษพยาบาลก็ดังแว่วเข้ามา


“บนตึกน่ะวุ่นไปหมดเลย คนไข้สองคนหายไปไหนไม่รู้!!!”อี้ฟานหันไปมองเด็กหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะเริ่มมองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่


“นั่นสิ นี่เอาศพนี้ไปเก็บล็อกไหน”


“B16”ดวงตาคมมองหาทางหนี ก่อนจะรีบคว้าตัวเด็กทั้งสองให้วิ่งตามไปที่ประตูหลัง เฉียดฉิวกับที่บุรุษพยาบาลสองคนนั้นเข้ามาในห้องพอดี



    พวกเขาทั้งสามขโมยรถของชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นเป็นยานพาหนะหลบหนี การรู้จักกันด้วยความบังเอิญในระยะเวลาอันสั้นทำให้พวกเขาไม่สนิทกันเท่าที่ควร หรืออย่างน้อยก็ในความรู้สึกของอี้ฟาน เขาไม่ใช่คนไว้ใจคนง่าย แต่ถึงกระนั้นข้อดีของการเป็นอมตะก็ทำให้เขาไม่กลัว ต่อให้อีกฝ่ายทำร้ายเขามากเท่าใด ยังไงเขาก็ไม่ตายอยู่ดี….


“ผู้ปลดปล่อยคืออะไร” อี้ฟานเอ่ยถามขณะที่ขับรถไปตามท้องถนนที่มืดมิด


“คุณชื่ออะไร”ชานยอลหันไปถามอย่างสนอกสนใจ อี้ฟานเหลือบตามองด้วยสายตาตำหนิแต่ก็ยอมเอ่ยตอบ


“อี้ฟาน อู๋อี้ฟาน”


“ผมปาร์คชานยอล เรียนอยู่มหาลัยฯปีหนึ่ง วันนี้ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะ”ร่างสูงพยักหน้ารับอย่างเก้ๆกังๆ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น หลังจากที่เข่นฆ่าชีวิตบริสุทธิ์มาเป็นร้อย


“ส่วนนี้ ไค คิมจงอิน โอปปาติกะ”ไคพยักหน้ารับ


“นายพิเศษยังไงแล้วข้อเสียล่ะ”คนถูกถามควานหากระดาษและปากกาในรถ ก่อนจะเขียนข้อความ แล้วยื่นให้


ผมรู้อนาคต ส่วนราคาของมัน คุณก็เห็นอยู่กันอยู่……


ผมพูดไม่ได้


ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ พาลนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ไคพูดไม่ได้ เพราะโดยปกติแล้วราคาค่างวดที่ต้องจ่ายมักเป็นบทลงโทษบาปที่ตัวเองได้ก่อในตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่ถึงแม้จะสงสัยเพียงใด อี้ฟานก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถาม เพราะเห็นว่ายังไม่สนิทกันถึงขนาดนั้น


“โอเค ฉันรู้แล้วว่าพวกนายเป็นน้องฉัน ทีนี่นายจะบอกได้รึยังว่าผู้ปลดปล่อยคืออะไร”อี้ฟานตัดบท ชานยอลทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้ซักต่อเล็กน้อยก่อนจะตอบ


"พูดง่ายๆก็คือถ้าพี่อยู่ใกล้ผม ทำบุญกับผม บุญที่พี่ทำก็จะมากกว่าที่พี่ทำกับคนอื่น เพราะบรรพบุรุษของผมเป็นผู้ชำระล้างกันมานานแล้ว เราทำบุญกันทุกวัน เพื่อที่จะส่งบุญให้ไปถึงโอปปาติกะฝั่งเรา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้พี่หลุดพ้นได้นะ  เราแค่ทำให้เจ็บปวดน้อยลง ทรมานน้อยลง แต่ถ้าพี่อยากหลุดพ้นนั่นต้องขึ้นอยู่กับพี่เอง พี่ต้องสำนึกในบาปที่ทำ ละกิเลสทุกอย่าง และแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่พี่เคยทำร้ายเขาไว้ พี่ต้องให้เขา จนกว่าพวกเขาจะพอใจนั้นแหละ"


“ทำความดีเพื่อลดโทษอย่างนั้นน่ะหรอ....”


“ใช่ ลดความทรมาน พวกผมก็เหมือนกับยาแก้ปวดของพวกโอปปาติกะประมาณนั้นแหละ”ไคหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำเปรียบของชานยอล ในขณะที่ร่างสูงกลับทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อได้ฟังคำเปรียบแปลกๆนั่น


“บทลงโทษของฉันมันลดได้ด้วยหรอ”อี้ฟานพึมพำ


“ได้สิ ลดได้ทุกบทลงโทษนั้นแหละ อย่างเมื่อก่อนไคแค่ส่งเสียงแค่คำเดียว เขาก็จะเจ็บไปทั้งปาก แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแล้ว”


"งั้นหรอ...."ร่างสูงถามอย่างไม่แน่ใจ ไคพยักหน้าตอกย้ำความน่าเชื่อถือของชานยอล


"ผมไม่หลอกพี่หรอก พวกเราโกหกไม่ได้"


“แล้วต้องทำยังไง”


“แค่ใจที่บริสุทธิ์กับแรงศรัทธาก็พอ”ชานยอลตอบ พร้อมกับมองหาอะไรบางอย่างข้างทาง


“แค่นั้น? ....แค่นั้นเนี่ยนะ....นายปลดปล่อยได้จริงหรอ”


“จริงสิ อย่าดูถูกจิตใจของคนเราเชียว ไม่เคยได้ยินรึไงว่าศรัทธามันอยู่เหนือทุกอย่าง มันทำให้คนสิ้นหวังกลับมาอยากมีชีวิต ทำให้คนกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน  นี่ๆ อู๋อี้ ถึงทางแยกข้างหน้า แล้วเลี้ยวขวานะ”จู่ๆชานยอลก็เปลี่ยนเรื่องพร้อมกับชี้ไปที่สี่แยกข้างหน้า


“นายเรียกฉันว่าไรนะ!!!”


“อู๋อี้ อู๋อี้ อู๋อี้ จะเรียกอย่างนี้อะ ทำไม" ร่างโปร่งยียวน ในขณะที่ร่างสูงกลับหลุดยิ้มเล็กๆ พลางคิดในใจว่าเวลาที่เด็กนี่เรียกเขา อู๋อี้ๆ ซ้ำๆมันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน


"นี่! ถึงแยกแล้วเลี้ยวขวาสิ”ชานยอลโวยวายเสียงดังพร้อมกับชี้มือไปทางขวา



“นี่นายจะไปไหน แล้วนายรู้ทางแถวนี้ได้ยังไง”อี้ฟานเอ่ยถามอย่างหวาดระแวง ก่อนจะได้กระดาษจากไคยื่นมาให้อ่าน


ชานยอลเคยมาที่นี่ พี่ไม่ต้องกลัวหรอก หมอนี่ไม่ทำร้ายใคร


“ทำไมถึงเคยมา…”อี้ฟานถามด้วยความสงสัย ทีทางแถวนี้เปลี่ยวมาก เด็กวัยรุ่นอย่างชานยอลน่ะหรอจะมาแถวนี้ได้….


“มีครั้งหนึ่งที่ผมหนีพวกโอปปาติกะนอกรีดมาน่ะ แล้วมาเจอวัดหนึ่งเขา เลยมาขอเขาหลบ”


“นอกรีด…หมายความว่ายังไง”อี้ฟานถามอย่างไม่เข้าใจ


“โถ่ พี่ ก็เหมือนในหนังไงมีฝ่ายดีก็ต้องมีฝ่ายไม่ดี พวกนอกรีดนั่นคือพวกโอปปาติกะที่ไม่อยากถูกชำระ มันยอมแลกความเจ็บปวดกับพรเหนือธรรมชาติ  ก็เลยคิดจะกำจัดพวกผม เมื่อบ่ายที่วัดไฟไหม้ ก็เพราะพวกมัน……นี่ เลี้ยวซ้ายซอยหน้า วัดอยู่ทางขวามือ ขับเข้าไปเลย”ร่างสูงขับไปตามที่ชานยอลเอ่ยบอก ก่อนจะจอดรถที่หน้าทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง


“นายไม่ต้องหนีไปตลอดงั้นหรอ”คนถูกถามยักไหล่


“ก็อาจใช่ แต่ก็อาจไม่ใช่ด้วย พวกมันไม่ได้เจาะจงต้องตามล่าผมหรอก มันแค่ว่าเจอเมื่อไรก็ฆ่าเมื่อนั้น ที่ทำได้ก็แค่ไม่เผลอตายไปซะก่อนแค่นั้นล่ะ ป่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”ชานยอลว่าก่อนจะเดินนำเข้าไป พร้อมกับที่ไคยื่นกระดาษมาให้แล้วเดินตามเพื่อนไป


ชานยอล เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องห่วงหรอก


“งั้นหรอ…”ร่างสูงพึมพำ ไม่มั่นใจว่าเด็กหนุ่มที่เพื่อนการันตีว่าเอาตัวรอดได้จะช่วยเขาได้จริงหรือเปล่า เพระลำพังแค่ไฟไหม้ยังเกือบเอาตัวรอดไม่ได้แล้วเลย


“หวังว่านายจะช่วยฉันหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ได้นะ เพราะถ้าให้ฉันทนโดนลงโทษทุกวันพระอย่างนั้น….ฉันคงรับไม่ไหว”

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ