0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

โอปปาติกะ4

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1โอปปาติกะ4 Empty โอปปาติกะ4 Sun Apr 27, 2014 12:46 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

วัดที่ชานยอลพามาเงียบสงบ และวิเวกวังเวงกว่าวัดทั่วไป อาณาเขตของวัดไม่กว้างขวางมากนัก แค่พอมีศาสนสถานเบื้องต้นอยู่ครบเท่านั้น ร่างโปร่งคนรู้ทางเดินนำไปที่อาคารหลังหนึ่งที่ก่อสร้างเรียบง่ายกว่าตัวเรือนใหญ่ใจกลางวัด แสงจากตัวอาคารบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ในนั้น ก่อนที่เสียงจากในนั้นจะดังแว่วออกมา


“นั่นใคร”เสียงชายสูงวัยดังถามออกมาจากด้านใน ชานยอลแย้มยิ้มก่อนจะเลื่อนบานประตูเปิดอย่างถือวิสาสะ


“ผมเองครับ”ร่างโปร่งเอ่ยบอก ก่อนจะเดินนำเข้าไปทรุดนั่งอยู่ตรงข้ามกับนักบวชชราท่าทางน่าเลื่อมใสคนหนึ่งที่กำลังนั่งสมาธิ นับลูกปะคำอยู่


“เจ้านั้นเอง แล้วนั่นพาใครมาด้วย”นักบวชเปรยตาไปมองอี้ฟานที่ทรุดตัวนั่งหลังชานยอล


“เพื่อนใหม่น่ะครับ วันนี้ผมจะมาขอค้างคืนด้วยสักคืนหนึ่ง พอดีเพิ่งเกิดเรื่องนิดหน่อย ท่านไม่ว่าอะไรนะครับ”


“ตามสบายเถอะ ที่นี่ก็เงียบเหงามานานแล้ว จะมีเจ้ามาวุ่นวายบ้างคงไม่เป็นไร”ร่างโปร่งยิ้มกว้างก่อนจะโค้งศีรษะขอบคุณ


“ขอบคุณครับท่าน”นักบวชพยักหน้ารับ หากแต่สายตากลับจดจ้องไปอี้ฟานด้วยสายตาประเมิน


“งั้นผมขอพักที่ห้องเดิมเลยแล้วกันนะครับ  นอนสามคนพะ..…..”


“ฉันขอนอนคนเดียว”จู่ๆอี้ฟานก็โพลงขึ้นมา ร่างโปร่งมองกลับด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่สนใจ เลือกที่จะพูดต่อไป


“มีห้องว่างอีกมั้ยครับ ผมขอนอนเดี่ยวดีกว่า” นักบวชสบตาคู่คมนั้นก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ


“มี…ห้องท้ายสุด ถัดไปจากห้องของชานยอลสามห้อง เจ้าพักห้องนั้นก็แล้วกัน”นักบวชตอบรับ ก่อนที่ชานยอลจะพูดแทรกขึ้น


“ทำไมนอนด้วยกันไม่ได้ พี่กลัวพวกผมจะฆ่าพี่รึไง”


“ไม่ใช่ แต่ฉันไม่อยากนอนกับพวกนาย”


“หมายความว่ายังไง”ชานยอลถามอย่างไม่พอใจ แต่กลับถูกนักบวชพูดแทรกขึ้น


“ไค  พาเขาไปที่ห้องสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม ส่วนชานยอล อยู่ที่นี่ก่อน ฉันมีเรื่องจะคุย”ไคพยักหน้ารับคำอย่างเสียมิได้ ก่อนจะพาอี้ฟานไปที่ห้องโดยมี
ชานยอลมองตามด้วยสายตาไม่พอใจอยู่


“เขาเสียมารยาทมากนะครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะใจแคบแบบนี้”ร่างโปร่งพูดด้วยความไม่พอใจ


“ชานยอล…”นักบวชเอ่ยเรียกด้วยเสียงสุขุมผิดกับอารมณ์ของอีกคนที่คุกรุ่น


“เขาตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ยอมนอนห้องเดียวกับพวกเจ้า”


“หมายความว่ายังไงครับ”นักบวชสบตาอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด


“หลังเที่ยงคืนจะกลายเป็นคืนวันพระ….."เขาเว้นช่วงไป ก่อนจะพูดต่อ


"เจ้าไม่อยากอยู่กับเขาในตอนนั้นหรอก”


"ทำไมล่ะครับ ทำไมผมถึงอยู่ด้วยไม่ได้”


“ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็คงจะรู้…..และหากเจ้าต้องการจะช่วยเหลือเขาในวันนี้เลยก็ควรทำก่อนเที่ยงคืน หรือไม่ก็รอให้ถึงวันพรุ่งนี้แทน”


“ทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น  ทำไมต้องสนใจเวลาด้วย”


“แต่สำหรับโอปปาติกะตนนี้เกี่ยว….เอาล่ะ ฉันหมดเรื่องจะคุยกับเธอแล้ว ไปพักผ่อนเสียเถิด ชานยอล  นี่ก็มืดค่ำแล้ว”นักบวชตัดบท


"แต่ผมยังไม่เข้าใจเลย ทำไมถึง..."


"ชานยอลข้าหมดธุระจะคุยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ"



"แต่ว่า..........ก็ได้ครับ.....ผมจะกลับไปที่ห้อง"ร่างโปร่งจำใจตอบเสียงอ่อยเมื่อนักบวชใช้สายตาดุเขาเป็นเชิงสั่งให้หยุดถาม ก่อนที่เขาจะตั้งท่าลุกออกจากห้องไป


“อย่าลืมที่ฉันบอก อย่าเข้าไปในห้องของเขาหลังเที่ยงคืน…”ชายชราเอ่ยพร้อมกับปิดไฟ ร่างโปร่งจำต้องเดินออกไปอย่างเสียมิได้ พร้อมกับสมองที่ขบคิดอย่างหนักว่า…..ทำไมต้องทำก่อนเที่ยงคืน ทำไมต้องห้ามเข้าไปในห้องของอี้ฟาน แล้วทำไมนักบวชถึงได้กังวลขนาดนั้น…


“มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ…”ชานยอลพึมพำ ก่อนจะหันไปสบตากับไคที่เพิ่งเดินกลับมาจากไปส่งอี้ฟานที่ห้อง ร่างโปร่งก้มมองนาฬิกา ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท

“ไค เดี๋ยวฉันมา ลืมของไว้ที่รถ นายนอนไปก่อนได้เลย”ร่างโปร่งเอ่ยบอก ไคพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องไป ร่างโปร่งรีบเดินไปที่ห้องของอี้ฟานทันที…

เสียงคนสวดมนต์ดังออกมาจากห้องของร่างสูง บทสวดที่ถูกสวดกล่าวถึงพระคุณของคำสอนของพระศาสดา ท้วงทำนองฟังแล้วสงบน่าเลื่อมใส แต่แฝงความตื่นกลัวและกังวลอะไรบางอย่างอยู่ในน้ำเสียง


“ไอ้ที่ห้ามไว้น่ะ มันคืออะไรกันแน่…”ชานยอลพึมพำก่อนจะเลื่อนบานประตูออก



ครืดดดดดด


เสียงประตูที่เลื่อนออก ทำให้อี้ฟานหันกลับไปมอง


“นายมาทำอะไร ห้องนายอยู่ตรงนู่นไม่ใช่หรอ”


“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่”ชานยอลแสร้งขัดใจอีกฝ่าย หาเรื่องถ่วงเวลาให้ทะเลาะกันถึงเที่ยงคืน…


“ไม่มีทาง!!!”


“ทำไมพี่ถึงไม่อยากให้พวกผมอยู่ด้วยคืนนี้”ร่างโปร่งก้าวเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ


“มันเรื่องของฉัน นายควรกลับไปที่ห้องของนายแล้วนอนซะ”ร่างโปร่งเหลือบตามองนาฬิกา ก่อนจะเถียงต่อ


“ผมไม่กลับ ผมคือผู้ปลดปล่อยนะ แล้วก็จะเป็นคนที่มาช่วยพี่ด้วย ผมมีสิทธิจะได้รู้”    


“ ไม่ใช่ตอนนี้ ชานยอล  ฉันยังไม่พร้อมจะให้ใครเห็นสภาพฉันตอนนั้น”


“ผมเจอมาทุกอย่างแล้ว ผมเป็นผู้ปลดปล่อยนะ ผมรู้ดี”


“แล้วนายเคยเจอโอปปาติกะตนไหนเป็นอมตะรึเปล่าล่ะ”อี้ฟานพูดสวนกลับ ร่างโปร่งถึงกับชะงัก


“ไม่เคย แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”


“พรเหนือธรรมชาติที่ได้มา ยิ่งมากเท่าไร ราคาที่ต้องจ่ายก็ต้องมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนนายน่ะแค่พูดไม่ได้ แต่ฉันน่ะ…..”ร่างสูงเกือบหลุดพูดออกมา
ก่อนจะรีบพูดคำอื่น


“ยิ่งกว่านั้นเยอะ”


“ผมทนเห็นมันได้”


“นายอาจทนเห็นมันได้ แต่ฉันไม่รู้จะทำร้ายนายรึเปล่า!!!”ร่างสูงตะคอกใส่ ชานยอลสะดุ้งโหยง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างลังเล


“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ”


“ใช่ มัน…”



ตี๊ด ตี๊ด เสียงนาฬิการ้องบอกเวลาเที่ยงคืน อี้ฟานรนรานก่อนจะไล่ให้ชานยอลออกไป



“ออกไปซะ!!!”


“ผมไม่ออกไป”ร่างโปร่งดื้อรั้น ดันทุรังจะอยู่ต่อ อี้ฟานพุ่งตัวเตรียมเข้ามาผลัก แต่แล้วจู่ๆกลับทรุดฮวบลงกับพื้น ชานยอลรีบพุ่งเข้าไปหา แต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักออกมา


“ออกไปซะ”ร่างสูงสั่งอีกฝ่ายได้อย่างยากลำบาก สีหน้าดูเจ็บปวดราวกับกำลังถูกทำร้าย ชานยอลยิ่งเข้าหา อยากช่วยเหลือ


“ราคาของมันคืออะไร”ร่างโปร่งถามอย่างร้อนรน หากแต่อี้ฟานเจ็บปวดจนไม่มีกะจิตกะใจจะตอบแล้ว


“อั่ก…” เนื้อตัวค่อยๆแดงก่ำ  ชานยอลยิ่งรนรานพยายามจะช่วย


“พี่เป็นอะไร…บอกผมสิ…ผมจะได้ช่วย!”มือเรียวจับแขนอีกฝ่าย ก่อนจะชักกลับทันทีที่แตะต้อง ตัวของร่างสูงร้อนระอุราวกับถูกลวกในน้ำร้อน


“ไป…อั่ก!!!”อี้ฟานสั่งเสียงแผ่วก่อนจะทรุดลงไปนอนกับพื้น ผิวหนังค่อยๆผุพอง เนื้อเปื่อยยุ่ยลงเรื่อยๆ เลือดไหลออกซิบๆ  ร่างทั้งร่างดิ้นทุรนทุราย
ไปมาอย่างทรมาน


“พี่…พี่…”ร่างโปร่งร้องเรียกก่อนจะวิ่งไปเอาผ้าคลุมมาคลุมร่างอีกฝ่าย แต่กลับเปล่าประโยชน์ อี้ฟานดิ้นไปมาจนผ้ากระเด็นออก เนื้อครูดไปกับพื้นจนเลือดเลอะเต็มพื้น ผิวหนังยิ่งถลอก


“พี่…ทำใจดีๆไว้นะ”ชานยอลทำอะไรไม่ถูก พยายามแตะตัวอีกฝ่าย แต่ร่างสูงกลับชักไปมาอยู่บนพื้น ร่างกายค่อยๆถูกกัดกร่อนด้วยบางอย่างที่มอง
ไม่เห็น ผิวหนังเปื่อยยุ่ยเหมือนถูกน้ำกรดสาด เนื้อหลุดร่องแร่งออกมาจนน่ากลัว ร่างสูงโหยหวนอย่างทรมาน


“อ๊ากกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกกก”อี้ฟานหวีดร้องเสียงดัง มือหนาจิกไปตามลำตัว ก่อนจะครูดเนื้อที่ผุพองของตัวเองออก เพื่อหวังจะกำจัดความเจ็บปวด


“ไม่…ไม่อย่าทำอย่างนั้น!”ชานยอลพยายามร้องห้าม แต่อี้ฟานกลับยิ่งครูดเนื้อหนักขึ้น พร้อมทั้งกระแทกร่างตัวเองกับผนังห้องเพื่อระบายความเจ็บ
ปวด


“พี่! พี่อย่าทำแบบนี้สิ พี่!”ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปกอด หยุดการกระทำของร่างสูง แต่กลับถูกอีกฝ่ายสะบัดออกมา แล้วกระแทกตัวเองกับผนังต่อ

   เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง อี้ฟานโหยหวนอย่างทรมาน ร่างกายของเขายิ่งเน่าเปื่อยลงเรื่อยๆ ผิวหนังผุพองจนกลายเป็นสีขาว เลือดไหลท้วมร่าง อวัยวะส่วนปลายอย่างนิ้วห้อยร่องแร่ง ก่อนจะหลุดออกมาเมื่อถูกกัดกร่อน


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”ร่างสูงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดิ้นพล่านไปทั่วห้อง กระแทกตัวใส่อะไรได้ก็กระแทกอย่างแรง มือหนาครูดใบหน้าจนเกิดแผลเหวะหวะ ก่อนจะยกขึ้นกุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวด


“ทำยังไงดี ทำยังไงดี”ร่างโปร่งพึมพำอย่างจนปัญญา ก่อนที่จู่ๆประตูจะถูกเลื่อนโดยไคที่ตามมาเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องของอี้ฟาน


“ไค!....ทำยังไงดี นายรู้อนาคต นายดูให้ที!”คนถูกมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกใจและหวาดกลัว ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วหลับตาลง หากแต่นิมิตกลับไม่ปรากฏ เขาเห็นแค่ร่างสูงที่ทรมานจนตาย และวิญญาณเด็กกว่าหลายร้อยคนที่มารอเอาชีวิตแค่นั้น…


ฉันเห็นแค่เขาตาย และมีวิญญาณเด็กมารอรับแค่นั้น


ไคยื่นกระดาษให้อีกฝ่าย ชานยอลเม้มปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียด แม้จะไม่เข้าใจว่าวิญญาณเด็กมาทำไม แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่เอื้อให้หาคำตอบ


“ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรอ”ร่างโปร่งถามขณะที่มองอี้ฟานกำลังดิ้นพล่าน เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ไคเขียนคำตอบก่อนจะยื่นให้


มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย เราช่วยอะไรไม่ได้


“แต่เขาจะตาย ไม่ช้าก็ต้องทนไม่ไหว…”ร่างโปร่งพูดอย่างร้อนรน ต่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอมตะเดี๋ยวก็กลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ได้ แต่ความเจ็บปวดที่อี้ฟานรู้สึกอยู่ตอนนี้เป็นของจริง และทรมานอย่างแสนสาหัส


เราช่วยอะไรไม่ได้  ไคยื่นคำตอบมาให้ ตัวเขารู้ดีว่าชานยอลรู้สึกยังไง การเห็นคนกำลังทรมานต่อหน้าแล้วช่วยอะไรไม่ได้ มันอึดอัด แต่ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจว่าราคาค่างวดของพรเหนือธรรมชาตินั้นไม่เคยผ่อนผันได้ และต้องจ่ายทุกครั้งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม…



   อี้ฟานยังคงดิ้นทุรนทุรายไปมา ร่างกายค่อยๆถูกกัดกร่อน ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลับโชกไปด้วยเลือด แทบไม่เหลือเคล้าโคลงหน้าเดิม ร่างสูงกระแทกตัวเข้าหากำแพงซ้ำๆ มือหนาปัดป่ายไปทั่ว กวาดเอาเฟอร์นิเจอร์ตกลงมาแตก ก่อนจะหยิบเศษแจกันขูดเนื้อหนังให้หลุดออก หวังช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน หากแต่เขาก็ยังคงดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด



“เขาทำบาปอะไรมา ไค ทำไมต้องจ่ายขนาดนี้”คนถูกถามส่ายหน้าช้าๆ ไม่กล้าตอบตามสิ่งที่ตัวเองคิด


  ทั้งสองได้แต่ทนดูร่างของอี้ฟานค่อยๆถูกกัดกร่อนจนเนื้อหลุดลุ่ย ความเจ็บจากบาดแผลทำให้เขาดิ้นพล่าน เลือดยิ่งไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วห้อง สภาพร่างกายไม่ต่างอะไรไปจากซากศพเด็กที่ถูกทำแท้งโดยการใช้น้ำเกลือกัดกร่อน...


"เหมือนเด็กที่ถูกทำแท้งเลย...."ชานยอลพึมพำเสียงเบา ก่อนที่อี้ฟานจะเริ่มช็อค ชักกระตุกเกร็งถี่ๆ ลิ้นจุกปาก ถูกกัดขาดสะบั้น ก่อนที่ร่างกายจะแน่นิ่งไป


“พี่…”ชานยอลรีบพุ่งตัวเข้าไปหาตามสัญชาตญาณ


เดี๋ยวเขาก็ฟื้น เขาเป็นอมตะ ไคยื่นกระดาษมาให้ ร่างโปร่งมองภาพตรงหน้าด้วยความหดหู่ ร่างของชายหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้กลับโชกไปด้วยเลือด ร่างกายถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือชิ้นดี จนน่าหวาดหวั่นว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาทำบาปอะไรมา…



ร่างของอี้ฟานค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ลักษณะใกล้เคียงเหมือนในห้องดับจิต ชานยอลและไคผงะถอยออก ก่อนจะยืนดูภาพตรงหน้าด้วยความพรั่นพรึง อี้ฟานเป็นเหมือนปีศาจที่ไม่รู้จักตาย เหมือนร่างทั้งร่างไม่แยแสต่อกลไกลของโอปปาติกะเลยสักนิด


“ยังมีอีกรึเปล่า โอปปาติกะที่เป็นอมตะ”ชานยอลเอ่ยถาม ไคส่ายหน้าช้าๆพร้อมยื่นกระดาษมาให้
อมตะต้องทำบาปหนามาก


“นั่นสิ….แล้วเขาทำอะไรมา..”ร่างโปร่งพึมพำขณะที่มองร่างของอี้ฟานค่อยๆคืนสภาพเดิมช้าๆ เนื้อที่เคยพุพองค่อยๆสมานตัวกันเหมือนเดิม แผลต่างๆค่อยๆจางหาย ก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆฟื้นกลับคืน…


“พี่…”ชานยอลร้องเรียกอีกฝ่าย มือเรียวแตะไหล่เบาๆ อี้ฟานเหลือบตาขึ้นดู ก่อนจะยัดตัวขึ้นนั่งช้าๆ…


“ฉันเตือนนายแล้ว..”เสียงทุ้มพูดอย่างเหนื่อยอ่อน ชานยอลเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม


“เล่าเรื่องพี่ให้ผมฟังหน่อย”ร่างสูงเปรยตามองเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่า เมื่อปิดบังไปไม่ได้อะไรขึ้นมา


“ฉันเคยทำแท้งให้ผู้หญิงมาก่อน………”แล้วเรื่องเล่าทั้งหมดก็ถูกบรรยายขึ้นอย่างช้าๆ ชานยอลและไคฟังเรื่องของอี้ฟานด้วยหลากหลายความรู้สึก ทั้งตกใจ ไม่คาดคิด หวาดกลัว และสงสาร ทุกความรู้สึกผสมปนเปกันไปจนไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องของร่างสูงดี…


“พี่คงรักเธอคนนั้นมาก ถึงได้คิดฆ่าตัวตาย”ชานยอลพูดเสียงเบาหวิวพร้อมกับเปรยตาไปที่แหวนสีเงินที่อี้ฟานใส่เอาไว้ไม่เคยถอด ร่างสูงยิ้มสมเพชเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ


“ทั้งรักทั้งเกลียด…”


“พี่ไม่ควรทำอย่างนั้นเลย ทุกอย่างมัน….”


“ผิดหมด….ฉันรู้ ฉันรู้ว่ามันผิดชานยอล แต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”


“ได้สิ….อย่างน้อยผมจะทำให้พี่่ทรมานน้อยลงเอง เรามาเริ่มพิธีกันเถอะ”ร่างโปร่งพูดด้วยความมุ่งมั่นและสงสาร อี้ฟานยิ้มบางๆพร้อมกับส่ายหน้า


“ไม่ใช่สำหรับวันนี้ ชานยอล…ไม่ใช่สำหรับวันที่ฉันต้องถูกลงโทษ”คิ้วได้รูปขมวดมุ่นไม่เข้าใจความหมายของอีกคน


“หมายความว่ายังไง ก็พี่เพิ่งโดนลงโทษไปไม่ใช่หรอ”


“ไม่ ชานยอล….นั่นมันแค่เริ่มต้น…”


“เริ่มต้น..”ชานยอลทวนคำพูดซ้ำอย่างงุนงง ก่อนที่ร่างการของคริสจะเป็นคนตอบ


“อั่ก!....มันจะไม่จบ….จนกว่าจะ….หมดวัน”ร่างสูงพูดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะทรุดฮวบลงไปกับพื้นอีก ร่างทั้งร่างค่อยๆผุพองอีกครั้ง ชานยอลหันกลับไปหาไค  เด็กหนุ่มเพียงแค่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยพร้อมส่งกระดาษมาให้


จนกว่าจะเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ เขาจะเกิดแล้วตายไปเรื่อยๆ ตามจำนวนเด็กที่เขาเคยฆ่า ฉันเห็นอย่างนั้น…


ร่างโปร่งชะงักงันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งมองภาพอี้ฟานทรมานอยู่อย่างนั้นอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่อี้ฟานสร้างขึ้นมาเพื่อผูกติดตัวเองเอาไว้กับบ่วงกรรมทั้งสิ้น…



“ผมจะช่วยพี่นะ ผมจะช่วยพี่ หมดวันเมื่อไร  ผมจะช่วยพี่เจ็บปวดน้อยลงเอง”ชานยอลพึมพำบอกร่างที่ดิ้นพล่านอยู่กับพื้น อย่างน้อยร่างสูงก็เคยช่วยชีวิตเขา และเขาก็ควรจะช่วยร่างสูงตอบแทนบ้างเช่นกัน แม้ว่าการช่วยครั้งนี้จะต้องหนักหนามากแค่ไหนก็ตาม…



----------------------------------------------------



    ชานยอลไม่เคยรออะไรนานขนาดนี้มาก่อน เวลาแค่หนึ่งวันดูยาวนานเป็นชาติในความรู้สึกของเขา เหมือนมีใครสักคนไปยื้อเข้มนาฬิกาให้เดินช้าลง ร่างโปร่งได้แต่นั่งนับเวลารอให้หมดวันอย่างใจจดใจจ่อ


“อีกแค่ชั่วโมงเดียว”ชานยอลพึมพำขณะที่มองดูนาฬิกา ร่างโปร่งเดินตรงไปยังห้องของอี้ฟาน เสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดยังคงดังต่อเนื่องออกมาจากห้องให้ได้หวาดกลัว


ไคที่เดินตามหลังมาหลับตานิ่งไปชั่วครู่ ภาพในนิมิตปรากฏอยู่ในหัว สีหน้าเด็กหนุ่มพลันเคร่งเครียดขึ้น ความกังวลฉายชัดอยู่ในดวงตาขณะที่มองร่างของเพื่อนสนิทเดินเข้าไปในห้องของอี้ฟาน…


“พี่….”ร่างโปร่งเรียกอีกฝ่ายเสียงเบาหวิว ต่อให้เห็นภาพนี้มาสักร้อยสักพันครั้งเขาก็ทำใจให้ชินไม่ได้


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”ร่างสูงแทบไม่รู้การมาเยือนของเขา เอาแต่กรีดร้อง ดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด ชานยอลที่มองดูอยู่ได้แต่สงสาร


“มันคงเป็นบาปที่พี่ทำไว้กับเด็กพวกนั้น….”ร่างโปร่งพึมพำเสียงเบา ในขณะที่ไคเองก็มองร่างตรงหน้าด้วยความหดหู่ บาปที่เขาทำยังไม่ร้ายแรงเท่านี้เลย  นับว่าบทลงโทษของเขายังดีกว่าต้องทนทุกข์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้…


“นายยังโชคดีกว่าเขาเยอะนะ….ไค”ชานยอลพึมพำเมื่อคิดถึงสิ่งที่ไคต้องจ่าย…


“อือ”เด็กหนุ่มครางตอบ พลางคิดถึงเรื่องเมื่อก่อน นับว่าเขายังไม่ต้องทรมานเท่าอี้ฟาน นับว่าสิ่งที่ทำยังไม่ผิดบาปเท่า แต่ถึงจะไม่สาหัสเท่า สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องจ่ายทุกอย่างไปในราคาที่แพงอยู่ดี….


มันไม่คุ้มกันเลย การฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา มันไม่คุ้มกันเลย….



“อั่ก!”เสียงอี้ฟานร้องด้วยความเจ็บปวดดึงทุกคนกลับเข้าสู่ปัจจุบัน ร่างสูงร้องอย่างทรมาน ก่อนจะแน่นิ่งไป หลังจากนั้นกระบวนการของการเป็นอมตะก็ค่อยๆเกิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเข้มนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืน เข้าสู่วันใหม่พอดี


“พี่เป็นยังไงบ้าง”ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างสูงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อดีตนายแพทย์หนุ่มปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง ด้วยท่าทางอิดโรย


“อีกสักพักหนึ่ง…”ร่างสูงเอ่ยบอกเสียงอ่อนล้า ก่อนจะหลับตานิ่งนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ชานยอลกำมือแน่นขณะที่รอ ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายด้วยความสงสาร แม้จะรู้ว่าบาปที่อีกฝ่ายทำมาหนักหนามาก แต่เมื่อเห็นอีกคนทรมานด้วยบทลงโทษนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอย่างนี้


“ผมจะช่วยพี่เองนะ….”ร่างโปร่งเอ่ยบอก


“ต้องทำยังไง”ร่างสูงเอ่ยถามเสียงแผ่ว


“ใจที่ศรัทธาแห่งความดีหนึ่งดวง และคำสาบานหนึ่งคำสาบาน”ร่างสูงพยักหน้ารับ ก่อนที่ชานยอลจะพูดต่อ

“หลับตาลง ตั้งสมาธิ นึกถึงแต่สิ่งดีๆ และศรัทธาในพระพุทธศาสนานะ" อี้ฟานพยักหน้ารับก่อนที่ร่างโปร่งจะพูดต่อ


“พูดตามผม….ข้าพเจ้า”


“ข้าพเจ้า”


“ขอสาบานกับพระผู้เป็นเจ้า”


“ขอสาบานกับพระผู้เป็นเจ้า”


“ว่าข้าพเจ้าจะคิดแต่สิ่งดี กระทำแต่ความดี และประพฤติตนอยู่แต่ในความดี”


“ว่าข้าพเจ้าจะคิดแต่สิ่งดี กระทำแต่ความดี และประพฤติตนอยู่แต่ในความดี”


“และขออำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า”


“และขออำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า”


“ได้โปรดชี้ทางดับทุกข์ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”


“ได้โปรดชี้ทางดับทุกข์ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองคนจมดิ่งสติของตัวเองลงในความสงบ ปล่อยความคิดให้ไปกับความศักดิ์สิทธิของคำสาบาน ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ


"พี่กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาแล้ว"ชานยอลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มบางๆ ร่างสูงพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่าย



"แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ"



"เราต้องทำบุญร่วมกัน เพื่อที่จะได้อนิสงฆ์ผลบุญที่สูงขึ้น แล้วพี่ก็อุทิศส่วนกุศลผลบุญนั้นให้เจ้ากรรมนายเวรของพี่ เผื่อว่าความเจ็บปวดที่พี่ต้องทนรับนั้นมันจะทุเลาลงบ้าง" ร่างโปร่งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสงบราวกับพิธีกรรมเมื่อครู่ช่วยกล่อมเกลาจิตใจของเขา


“งั้นหรอ………ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะ”อี้ฟานเอ่ยตอบพลางนึกถึงเหล่าวิญญาณเด็กที่ตามติดเขาอยู่………มันต้องเป็นจำนวนไม่น้อยเลยแน่ๆ


“วันนี้พี่พักเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมมาปลุก”

“ปลุก…ทำไมต้องปลุก เราต้องไปไหนกันหรอ”ร่างโปร่งแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ


“ทำบุญน่ะสิ ช่วยให้พี่ทรมานน้อยลงไง วันนี้ผมไปละ ง่วงแล้ว พี่พักผ่อนเยอะๆล่ะ ตอนเช้าจะได้สดชื่น ทำอะไรจิตใจจะได้แจ่มใส~”ชานยอลเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องพร้อมกับไค ปล่อยให้ร่างสูงได้พักผ่อนหลังจากถูกทรมานมาทั้งวัน ดวงตาคมมองแผ่นหลังบางที่หายลับไปหลังบานประตูเลื่อน ก่อนจะเอ่ยพึมพำเบาๆ


“ทำบุญอย่างนั้นน่ะหรอ…”ร่างสูงว่าก่อนจะปล่อยให้ความเงียบครอบครองบรรยากาศในห้องช้าๆ และทิ้งดิ่งความรับรู้ทุกอย่างลงในห้วงนิทราช้าๆ เพื่อพักผ่อนทดแทนความเหน็ดเหนื่อยและอาการต่างๆหลังจากที่ถูกทรมานมาทั้งวัน….



แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Sat May 03, 2014 2:16 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ