ร่างบางถูกดันชิดกำแพงจนแผ่นหลังเนียนสะท้าน ความเย็นยะเยือกตรงระเบียงวิ่งแล่นตามร่าง ริมฝีปากบางเผยออ้าเพื่อจะห้ามปรามแต่ก็ไม่ทัน จงอินบดขยี้กลีบปากสีแดงระเรื่อตรงหน้าด้วยความหึงหวงในตัวคริส แรงโทสะที่เกิดขึ้นจากการที่เพื่อนรักบรรเลงบทสวาทกับชานยอลต่อหน้าเขา แม้ร่างเข้มจะรับรู้ดีว่าร่างสูงไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขารู้จักเพื่อนคนนี้ดี เมื่อเกิดอาการเมามาย ร่างสูงมักระบายความใคร่กับคนรักของเขาแทบทุกครั้ง
“จะดิ้นรนทำไม ชอบฉันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ! น่าเสียดายนะที่นายเป็นแฟนกับคริสแทนที่จะเป็นฉัน!” ใบหน้าคมเข้มผละออกมาจากใบหน้าสวยหวาน
ดวงตากลมโตวูบไหวด้วยความไม่เข้าใจ จงอินกำลังโมโหเขาจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้...เพราะหึงหวงในตัวเขาหรือไร
“จงอิน อย่า..ฉันไม่อยากทำร้ายคริสอีก... “ ข้อมือบางพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุมของแขนแกร่ง ร่างบางสั่นเทิ้มเบาๆด้วยความหวาดหวั่น
“ตอบสิว่านายไม่ได้ชอบฉัน แล้วฉันจะปล่อย” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ฉัน...ฉัน...” คำพูดตะกุกตะกักออกมาจากริมฝีปากบาง ดวงตากลมโตหลุบลงโดยไม่กล้าสบกับใบหน้าเข้ม
“สายตาของนายที่มองฉันอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ปาร์คชานยอล” มือหนากระชากข้อมือบางให้เดินตามเขาออกมาจากระเบียง แม้ร่างกายจะพยายามดิ้นรนเท่าไร แต่หัวใจกลับยอมทำตามจงอินอย่างว่าง่าย
ประตูห้องของคริสถูกเปิดออกและร่างบางก็ถูกผลักเข้าไปที่ห้องของคิมจงอินที่อยู่ติดกัน เขาโถมร่างเข้าหาชานยอลบนเตียงและลงมือทำอย่างครั้งก่อน เสียงร้องห้ามปรามถูกกลบทับด้วยลิ้นหนาที่ดูดดุนกลีบปากสีสวยสดไว้ แรงขยับเขยื้อนบนเตียงที่ทั้งสองเสพสมกัน ทำให้กรอบรูปหัวเตียงที่ปรากฏภาพเพื่อนรักสองคนกอดคอกันค่อยๆหล่นลงมาที่เตียงนุ่ม
มือบางโอบกอดร่างหนาไว้ นิ้วเรียวจิกลงบนแผ่นหลังเข้มด้วยความเสียวกระสันต์ เสียงร้องห้ามเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางเมื่อถูกจงอินรุกเร้าที่ช่องทางด้านหลัง ชานยอลปัดป่ายจนกรอบรูปนั้นหล่นแตกลงไปที่พื้น ลางร้ายที่บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสามจะไม่กลับมาเป็นดังเดิม เสียงกระจกกระทบพื้นไม่ได้เรียกสติให้จงอินหลุดจากแรงโทสะ ริมฝีปากหนายังคงซุกไซร้ต้นคอเนียนขาวนั้นอย่างบ้าคลั่ง การร่วมรักที่สร้างความสุขให้กับร่างบางเพียงฝ่ายเดียวโดยที่จงอินเป็นผู้กระทำ....
หลังจากสิ้นสุดกิจกรรมเริงสวาทที่โรมรันจนห้องทั้งห้องร้อนแรง ร่างหนาก็นั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับเหลือบมองเรือนร่างนวนเนียน รอยรักที่คริสฝากไว้เป็นสีชมพูกลีบกุหลาบตามแผ่นหลัง จงอินเองก็ฝากรอยนั้นทับลงไปทั่วทั้งตัวของชานยอล หากมีร่องรอยแบบนี้ ร่างบางคงไม่กล้าที่จะร่วมหลับนอนกับเพื่อนรักของเขาอีก....
“รีบกลับห้องไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้คริสจะตื่น”
“อย่าให้ใครเห็นรอยที่ตัวนายนะชานยอล ฉันหวังว่านายจะเก็บความลับของเราสองคนไว้”
ริมฝีปากหนาจูบซับเบาๆไปที่กลีบปากบางก่อนที่จะโยนเสื้อผ้าให้เขาและเดินตรงเข้าห้องน้ำ หลังจากแผ่นหลังหนาลับหายไป มือบางก็ยกขึ้นมาปิดใบหน้านวลและเริ่มปล่อยน้ำตาแห่งความอัดอั้นออกมา ชานยอลนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจกับความมักง่ายของตนเอง เขาแอบมีใจให้จงอิน แม้จะนานมากแล้วแต่ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันมันก็ทำให้เขามีความสุข กับคริสคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก กลับสร้างเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความอบอุ่นที่แตกต่างกันออกไป หัวใจดวงน้อยสับสนในความรู้สึกลึกๆของตน ทางออกของเขาแทบจะไม่มี มันมืดมนเสียจนเขาไม่อยากจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพียงอยากจะหยุดอยู่ตรงนี้นิ่งๆให้เนิ่นนานเท่านั้น
ร่างบางลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าและบอกลาจงอินที่อยู่ในห้องน้ำ เวลานี้ใกล้รุ่งสางมากแล้ว เมื่อขายาวก้าวเท้ากลับเข้ามาภายในห้องของคริส ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อพบร่างสูงที่นั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ เขานั่งเอนกายพิงโซฟา มือหนากุมขมับด้วยความมึนเมา และเหลือบมองมายังประตูที่เปิดอ้าออกช้าๆ
“ไปไหนมาคะ...พี่ตื่นขึ้นมาไม่เจอใคร เลยเดินออกมาดู”
“คือ..ผะ ผม...ผมหิวนะฮะ เลยจะออกไปดูอะไรทานที่ร้านมินิมาร์ทข้างล่าง” ริมฝีปากบางเผยออ้าออกด้วยความตกใจและเปล่งคำแก้ตัวด้วยความร้อนรน
“พี่ไม่เห็นเราถืออะไรเข้ามาเลย หิวแล้วไม่ซื้อมาล่ะครับ” นิ้วเรียวขยี้ดวงตาคมเบาๆด้วยความงัวเงีย
“ผม...ผมลืมกระเป๋าเงินนะฮะ เลยจะเดินขึ้นมาหยิบ” ร่างบางรีบเดินตรงเข้ามาหาคนรักที่นั่งอยู่ตรงหน้า และคว้ากระเป๋าเงินของตนเองที่โต๊ะกลมตัวเล็กที่อยู่ใกล้กัน
“เด็กโง่...พี่บอกแล้วไงคะว่าให้หยิบกระเป๋าเงินพี่ไป...พี่ไม่อยากให้น้องชานใช้เงินตัวเอง เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าพี่ดูแลแฟนไม่ดี” ใบหน้าคมยกยิ้มละมุน มือหนายื่นกระเป๋าเงินของตัวเองให้แทน เขาไม่ต้องการให้ใครดูถูกว่าคบกับเขาแล้วลำบาก คริสต้องการจะเป็นสุภาพบุรุษในสายตาของทุกคน
ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำ มือบางรับกระเป๋าเงินสีดำขลับมาถือไว้ สีหน้าพยายามปรับให้เป็นปกติและรีบก้าวเท้ากลับออกไปนอกห้อง แต่ก็ต้องชะงักงันอีกครั้งเมื่อคริสเอ่ยถาม
“แล้วไอ้จงอินล่ะ มันหายไปไหน ชานยอลเห็นไหมครับ” เสียงเข้มเปรยลอยๆ
“จงอิน...จงอิน...กลับห้องไปก่อนที่ผมจะตื่นแล้วฮะ...”
เขาพยักหน้ารับช้าๆกับคำตอบ ร่างสูงลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่มดับกระหาย ไม่นานร่างบางก็รีบผลุนผลันออกไปด้านนอก
สองเท้ารีบก้าวเดินและหยุดยืนนิ่งตรงบันไดหน้าหอ ชานยอลทรุดนั่งลงกับพื้นและร้องไห้ด้วยความอึดอัดใจ เขาทำเรื่องที่ผิดพลาดใหญ่โตกับคนที่รักเขา หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูของคริสคนที่รักเขามากอะไรจะเกิดขึ้น มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาและกำลังกลัวสำหรับเหตุการณ์ในอนาคต เขาปฎิเสธความรู้สึกที่มีต่อจงอินไม่ได้ แต่อีกใจก็ไม่ต้องการทำร้ายคนรัก นิ้วเรียวกำกระเป๋าเงินสีดำนั้นไว้แน่น เขาค่อยๆคลี่กระเป๋าสีดำใบนั้นช้าๆ รูปในกระเป๋าสตางค์ปรากฏภาพถ่าย จงอิน คริส และชานยอล สามคนถ่ายรูปร่วมกันด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มอบอุ่นของร่างสูงที่อาจจะไม่มีอีกต่อไป...หากความจริงถูกเปิดเผย....
หลายวันผ่านไป....
ในร้านขนมเค้กเล็กๆบรรยากาศอบอุ่น มีร่างบางนั่งคนแก้วกาแฟเล่นพร้อมรอยยิ้มหวาน ร่างสูงเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์อาหารเพื่อรับเครื่องดื่มและหย่อนตัวลงนั่งข้างๆคนรัก
“จงอิน! เห้ย นั่งนี่ๆ” เสียงเข้มตะโกนเรียกเพื่อนรักให้มองมายังเขา
ร่างหนาเดินตรงเข้ามาช้าๆ สีหน้าของชานยอลเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเมื่อมีบุคคลที่สามเดินตรงเข้ามายังกลุ่มสนทนา
“มึงนี่ใจตรงกับกูเลยมากินร้านเดียวกัน...เออ..แล้วเมื่อไรมึงจะช่วยกูทำรายงานวะ” มือหนาผลักศรีษะเพื่อนผิวเข้มเล่นด้วยความสนิทสนม
“เมื่อชานยอลไม่อยู่ กูจะไปหามึงที่ห้อง...” จงอินพูดพลางจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานของคนข้างๆและยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ชานยอลอยู่ทีไร มึงไม่เคยสนใจทำอย่างอื่นหรอกคริส ชีวิตมึงรู้จักแต่ชานยอลเท่านั้น” เขาเปรยขึ้นมาด้วยความน้อยใจลึกๆ
เพื่อนตัวสูงยังคงหัวเราะร่าเมื่อถูกคนพูดแทงใจดำ ใบหน้าหวานข้างๆเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเซียวเมื่อใบหน้าเข้มเหลือบมองเขาบ่อยขึ้น ชานยอลตัดเค้กตรงหน้าเข้าปาก เนื่องจากเขาเริ่มทำตัวไม่ถูกยามที่ต้องอยู่ด้วยกันสามคน ครีมวานิลลาสีขาวติดที่ริมฝีปากบาง ดวงตาคมเหลือบเห็นและรีบยกนิ้วเรียวขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากคนรัก
“ทานอะไรเป็นเด็กๆอีกแล้วนะคะ...” คริสพูดพลางยกนิ้วที่มีครีมเค้กติดเลอะมาดูดชิมความหวาน
“ว่าแต่คนอื่นมึงก็แดกเลอะ” จงอินแสร้งพูดโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนา เขาหยิบทิชชู่เช็ดที่ริมฝีปากของร่างสูงและโยนมันลงไปบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ
จงอินเหลือบมองดูร่างบางและใช้ปลายเท้าสะกิดขาเรียว สายตาตำหนิกำลังบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจที่ชานยอลและคริสพลอดรักกันต่อหน้าเขา มือหนาเอื้อมมือไปใต้โต๊ะโดยไม่แสดงท่าทีพิรุธ เขาจับข้อมือบางไว้หลวมๆและแสร้งเอ่ยชวนชานยอลคุย
“ไม่ไปหาคริสซักวันสิ ฉันกับมันจะได้ทำรายงานสักที นายทำให้ใคร...บางคน ไม่เป็นอันทำงานนะ” ใบหน้าเข้มยกยิ้มบางๆ คำพูดที่เปรียบเสมือนคำขู่ของคิมจงอินกำลังทำให้ชานยอลรู้สึกหวั่นเกรง
เย็นวันนั้นทั้งสามเดินไปตามทางที่ตรงไปยังหอพัก ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า แสงแดดสะท้อนเงามายังท้องถนนเบื้องหน้า ร่างสูงยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนรักและเพื่อนรัก แขนแกร่งโอบกอดร่างของคนทั้งสองฝั่งไว้ ขายาวเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มและคำหยอกล้อตามนิสัยของเขา
“กูนี่โชคดีจริงๆ มีเพื่อนดีๆไว้ช่วยทำรายงาน มีแฟนดีๆไว้ช่วยทำอาหาร” เขากระชับอ้อมกอดคนทั้งสองเข้ามาแนบลำตัวมากยิ่งขึ้น
“กูรักมึงนะเว้ยจงอิน เลิกงอนกูได้ละ ถ้ากูสนใจชานยอลมากไป” เขาเขย่าร่างหนาของเพื่อนเล่นเบาๆ
“น้องชานก็อย่าน้อยใจพี่นะคะที่มีเพื่อนขี้งอน” ใบหน้าคมคายยกยิ้มบางๆให้กับคนรักข้างๆ
ร่างสูงมีความสุขที่มีทั้งเพื่อนที่ดีและคนรักที่ดีคอยเคียงข้างเขา....คริสไม่เคยรับรู้หรือคิดระแวงใจใดๆเลยในความสัมพันธ์อันซับซ้อน ...
จนกระทั่งวันหนึ่งเดินทางมาถึง วันที่ทำให้เขาตาสว่างและเปลี่ยนชีวิตของเขาไปจนหมดสิ้น..
.
.
.
.
.
.
.
“มึงจับดีๆดิวะจงอิน กูกรีดไม่ถนัด” เสียงเข้มต่อว่าเพื่อนที่กำลังจับเศษกระดาษให้ตรงขอบไม้บรรทัด มือหนากดคัตเตอร์ลงไปขีดเส้นตามทางเพื่อทำรายงานด้วยความตั้งใจ
“มึงเอานิ้วหลีกสิ..” ร่างสูงยังคงบ่นเพื่อนผิวเข้ม ศอกหนากระทุ้งเรียกคนข้างกายเพื่อจะย้ำ
“โอ๊ย! ไอ้คริส กูเจ็บ” จงอินชักมือออกด้วยความตกใจ คัดเตอร์ยาวบาดตรงนิ้วมือของเขาพอดี มือหนารีบสะบัดถี่ๆเพื่อคลายความเจ็บปวด
“จงอิน..กูขอโทษ!” คริสรีบคว้าข้อมือของเพื่อนมาดูบาดแผลนั้น เขาใช้ชายเสื้อกดปากแผลไว้เพื่อห้ามเลือดด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“ใส่ยาก่อนๆ ยาอยู่ในห้องกู” ร่างสูงเดินจูงมือเพื่อนผิวเข้มเข้ามาในห้องนอนด้วยท่าทีรีบร้อน
เสื้อสีขาวเลอะรอยเลือดของจงอินเป็นดวง คริสค่อยๆปล่อยชายเสื้อนั้นออกจากบาดแผลและเอื้อมหยิบกล่องยาที่อยู่บนหัวเตียง ร่างหนานั่งลงบนเตียงนุ่มโดยที่ร่างสูงย่อตัวคุกเข่าดูบาดแผลให้ แอลกอฮอล์ถูกสำลีชุบและซับลงตรงแผลเพื่อฆ่าเชื้อ เพื่อนผิวเข้มร้องอุทานออกมาด้วยความแสบและเริ่มโวยวาย
“กูแสบบบ โอ๊ยๆ” เขาชักมือกลับแต่ฝ่ามือหนาก็ยังคงดึงรั้งไว้
“อดทนหน่อยสิวะ มึงลูกผู้ชายนะเว้ย แค่นี้ทำใจเสาะ....มาๆกูเป่าให้ก็ได้”
ลมหายใจอุ่นออกมาจากริมฝีปาก ร่างสูงตั้งใจเป่าบาดแผลให้เพื่อนเพื่อคลายความแสบร้อน คริสไม่รับรู้เลยว่ามีสายตาคมกำลังจ้องมองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจแค่ไหนกับสัมผัสครั้งนี้
“เมื่อก่อนมึงใส่ยาให้กูตลอดเวลากูต่อยกับคนในห้อง ครั้งนี้กูใส่ให้มึงถือว่าหายกัน” ใบหน้าคมยกยิ้มออกมา จงอินรีบหลบสายตาของเขาเพราะไม่ต้องการให้คริสสังเกตเห็นมัน...
บ่ายวันนั้นจงอินมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาดีใจที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบรัก เพื่อนตัวสูงที่คอยมอบความอบอุ่นให้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...เขาไม่เคยคิดจะปริปากบอกความรู้สึกในใจของตนเองออกไป เนื่องด้วยความลับนี้ก่อตัวขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก เขาไม่ต้องการเสียเพื่อนคนนี้ไปเพราะกลัวกับการถูกปฎิเสธ หากร่างสูงรับรู้ความจริง นอกจากจะไม่ได้รับความสัมพันธ์อันดีของเพื่อนแล้วเขาอาจจะตีตัวออกห่างจงอินด้วยซ้ำ
หลังจากคริสทำแผลให้กับเพื่อนเสร็จ เพื่อนผิวเข้มก็เปิดประตูห้องเดินออกไปด้านนอกเพื่อรับอาสาในการซื้ออาหารกล่อง ขากลับจากการจับจ่ายของกินของใช้ มือหนาหิ้วของพะรุงพะรังและเดินสวนกับร่างบางเมื่อใกล้จะถึงหน้าห้องของคริส
“มาหาคริสอีกทำไม...วันนี้ตกลงกับมันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้มันทำรายงาน” เสียงเข้มเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก
“ฉะ..ฉัน ไม่ได้มาหาคริส” ใบหน้าหวานก้มลงต่ำ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองใบหน้าคมเข้มตรงหน้า
“ฉัน...มาหา..นายนะ..”
“ขอแค่ได้เข้าไปนั่งในห้องพี่คริส แล้วนั่งมองพวกนายทำรายงานกันก็ได้...ฉัน..จะไม่รบกวนเวลาของ...” ประโยคสนทนายังไม่สิ้นสุดดี ฝ่ามือหนาก็กระชากข้อมือบางเดินตรงไปยังห้องของตนเองและผลักร่างของชานยอลเข้าไป
.
.
.
.
.
ร่างสูงเดินหาอุปกรณ์ทำรายงานอยู่ในห้องนอน ดวงตาคมสอดส่ายสายตาหากระดาษสีที่ต้องใช้เพื่อเอามาประกอบการพรีเซนต์ช่วงเปิดเทอม นิ้วยาวเดินเสยผมตนเองไปมาและเริ่มใช้ความคิดว่าเขาเอาไปวางไว้ที่ไหน...
“โธ่เอ้ย...กูไปฝากไว้ที่ห้องจงอินนี่หว่า” เขาส่ายศรีษะเบาๆเมื่อนึกขึ้นได้
ขายาวก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูและหมุนลูกบิดห้องตนเองออก ....เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องเพื่อนผิวเข้มและเอื้อมมือขึ้นเพื่อเปิดลูกบิดห้องของจงอิน... ฉับพลันหูก็ได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยในห้องนั้นดังแว่วมา...
“ใช่! ฉันชอบนายจงอิน ฉันชอบนายมานานแล้ว”
เสียงหัวใจเต้นตึกตักเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากริมฝีปากบางของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา มือหนาค่อยๆผลักประตูเข้าไปให้เบาที่สุด ภาพเบื้องหน้าเขาคือร่างบางทรุดนั่งลงบนเตียงนุ่ม ส่วนเพื่อนรักผิวเข้มกำลังยืนมองดูคนรักเขากำลังร้องไห้
“มาหาฉันเพราะต้องการเรื่องอย่างว่างั้นสิ” เสียงเข้มเอ่ยถามซ้ำๆ ใบหน้าหวานก้มหน้าลง มือเรียวยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนเองช้าๆ
“ไม่นะจงอิน ฉันไม่ได้ต้องการ..” เขาส่ายศรีษะไปมาเหมือนเด็กที่กำลังถูกจับโกหก
“แน่ใจ? งั้นนายก็อย่าร้องครางเรียกชื่อฉันนะ ปาร์คชานยอล” ร่างหนาโน้มใบหน้าเข้าหาและเริ่มดูดดุนกลีบปากนั้นไว้ ทั้งสองล้มลงไปบนเตียงใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นระทึกของคริสที่กำลังยืนมองอยู่ตรงนี้....
ร่างสูงก้าวถอยหลังผละออกมาทีละก้าว ภาพตรงหน้าของเขาเหมือนฟ้ากำลังผ่าลงมาที่หัวใจ สติของเขาหลุดลอยออกนอกร่าง ดวงตาคมเหม่อมองออกไปข้างหน้า น้ำตาแห่งความเสียใจค่อยๆเอ่อล้นออกมา ร่างสูงก้าวช้าๆทีละก้าวออกจากหน้าห้องพัก ฝีเท้าเริ่มเร่งจังหวะจนกลายเป็นวิ่ง...เขากำลังวิ่งหนีความจริงตรงหน้า...ความจริงที่ว่าคือเพื่อนรักและคนรักพร้อมใจกันหักหลังเขา....
ผ่านไปหลายชั่วโมงที่จงอินเดินไปดูเพื่อนตัวสูงที่ห้องพักแต่ก็ไม่พบเขา อุปกรณ์การทำรายงานยังถูกวางกองไว้ในห้องอย่างกระจัดกระจาย ร่างหนาเดินตรงกลับมายังห้องพักของตนในเวลาดึก โทรศัพท์มือถือในห้องของคริสมีไฟกระพริบถี่ๆหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสายอย่างเคย
ช่วงเวลาค่ำมืด ไฟในห้องพักของจงอินถูกดับลง ร่างหนาหลับตาลงด้วยใจพะวงถึงเพื่อนรัก เพื่อนตัวสูงหายไปอย่างไร้ร่องรอยในเวลานี้ ใบหน้าคมแสดงสีหน้ากังวลและขบคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หัวสมองพาลนึกถึงเรื่องของชานยอลเมื่อบ่าย มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงเพื่อจะกดโทรออกหาชานยอล ฉับพลันเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังถี่รัวขึ้นเหมือนกับเกิดเรื่องร้าย...
ประตูหน้าห้องเปิดอ้าออกด้วยความเร่งรีบ ร่างสูงโถมร่างเข้าใส่จงอินจนเขาตั้งตัวไม่ทัน สภาพสีหน้าที่เมามายคล้ายกับคนไม่รู้สึกตัว จงอินคว้าร่างของคริสไว้และช่วยประคองเขาเข้ามาในห้อง
“มึงไม่ต้องมาโดนตัวกู ไอ้เพื่อนชั่ว!” แขนแกร่งสะบัดออกอย่างแรง มือหนาผลักร่างหนาให้ออกห่างจากตัวเขา
“มึงมันเลวจงอิน! มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม!” ดวงตาปรือลงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าคมฉายแววเจ็บปวดเจียนตายเมื่อนึกถึงภาพเมื่อบ่าย คริสกำลังโมโหมากและต้องการจะต่อว่าจงอินเพื่อนที่เขารักและไว้ใจมากที่สุด
“มึงได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักกูแต่สิ่งที่มึงทำ....” แขนแกร่งกระชากคอเสื้อของจงอินและชกเข้าไปที่ใบหน้าเข้มเต็มแรงจนเพื่อนผิวเข้มของเขาเสียหลักล้มลง
“คริส...มึงฟังกูก่อน...” มือหนาแตะที่ริมฝีปากตนเองที่มีเลือดซึมออกมาทีละน้อย และพยายามอธิบาย
“มึงจะแก้ตัวอะไรจงอิน! มึงกับชานยอล....ทำไม..ทำไมมึงถึงทำแบบนี้! กูมันโง่ โง่ที่ถูกพวกมึงหลอกมาตลอด!”
ใบหน้าคมบ่งบอกถึงความเสียใจและเจ็บปวดที่สุด เขาพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ ทุกอย่างมันจบลงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ดีต่อกัน ความรู้สึกรักและไว้ใจในเพื่อนผิวเข้มคนนี้จบสิ้นลงแล้ว
“คริส...มึงฟังกูก่อน...กู..ขอโทษ กูอธิบายได้” ร่างหนาเดินตรงเข้ามาคว้าแขนของเพื่อนตัวสูงไว้ คริสสะบัดออกอีกครั้งพร้อมผลักไปที่ร่างของจงอิน
“กูมันโง่ โง่ชิบหาย โง่ที่หลงคิดว่ามึงคือเพื่อนรักกู...เพื่อนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ!” ร่างสูงยืนนิ่งงัน มือหนาเสยผมตัวเองช้าๆ ดวงตาคมเริ่มแดงก่ำ เขาไม่สามารถปิดบังความเสียใจครั้งใหญ่หลวงนี้ได้อีกต่อไป
จงอินเองก็เสียใจไม่แพ้กัน ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดพร้อมจะถูกระบายออกไปด้วยความโมโหของเขา เพื่อนตัวสูงที่ไม่เคยรับรู้ความในใจตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเวลากว่า 20 ปีที่เขาต้องเก็บมันไว้เงียบๆคนเดียว
“ใช่คริส มึงมันโง่...โง่จนไม่เคยรับรู้เลยว่าใครเขาคิดยังไงกับมึง” เสียงเข้มเปรยออกมาเบาๆด้วยความเสียใจ
“ถ้ามึงตั้งใจมองสักนิด มึงก็จะเห็นมัน” ดวงตาฉายแววเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆของคริสดังขึ้น ใบหน้ายิ้มร้ายของเขากำลังสมเพศตัวเองที่ถูกคนรักและเพื่อนรักรวมหัวกันสวมเขา น้ำเสียงดุดันตะคอกใส่ร่างหนาด้วยแรงโทสะที่ก่อตัวขึ้นและระเบิดมันออกมา
“ฮึ...คิมจงอิน...ถ้ามึงทำเรื่องชั่วๆกับชานยอลได้ กูก็อยากจะรู้ว่าถ้ากูทำชั่วๆกับมึงบ้าง มึงจะเจ็บปวดมากแค่ไหน!!”
“กูจะทำให้มึงเจ็บปวดอย่างสาสมเหมือนอย่างที่กูเป็นอยู่ตอนนี้ ไอ้จงอิน!” แขนแกร่งผลักร่างเพื่อนผิวเข้มลงไปที่เตียงนอนนุ่มพร้อมโถมร่างเข้าไปที่ตัวเขา เข็มขัดที่คาดบนเอวของร่างสูงถูกปลดออกและเขวี้ยงมันลงไปที่พื้นอย่างแรง หน้าขากดยันร่างเขาไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนผิวเข้มดิ้นรน
ความเจ็บปวดใจของคริสที่ไม่สามารถระบายให้ใครรับรู้ได้....ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกำลังจะเริ่มต้น.... เรื่องราวของเขาทั้งสามจะดำเนินไปในทิศทางไหน.... โปรดติดตาม...
“จะดิ้นรนทำไม ชอบฉันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ! น่าเสียดายนะที่นายเป็นแฟนกับคริสแทนที่จะเป็นฉัน!” ใบหน้าคมเข้มผละออกมาจากใบหน้าสวยหวาน
ดวงตากลมโตวูบไหวด้วยความไม่เข้าใจ จงอินกำลังโมโหเขาจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้...เพราะหึงหวงในตัวเขาหรือไร
“จงอิน อย่า..ฉันไม่อยากทำร้ายคริสอีก... “ ข้อมือบางพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุมของแขนแกร่ง ร่างบางสั่นเทิ้มเบาๆด้วยความหวาดหวั่น
“ตอบสิว่านายไม่ได้ชอบฉัน แล้วฉันจะปล่อย” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ฉัน...ฉัน...” คำพูดตะกุกตะกักออกมาจากริมฝีปากบาง ดวงตากลมโตหลุบลงโดยไม่กล้าสบกับใบหน้าเข้ม
“สายตาของนายที่มองฉันอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ปาร์คชานยอล” มือหนากระชากข้อมือบางให้เดินตามเขาออกมาจากระเบียง แม้ร่างกายจะพยายามดิ้นรนเท่าไร แต่หัวใจกลับยอมทำตามจงอินอย่างว่าง่าย
ประตูห้องของคริสถูกเปิดออกและร่างบางก็ถูกผลักเข้าไปที่ห้องของคิมจงอินที่อยู่ติดกัน เขาโถมร่างเข้าหาชานยอลบนเตียงและลงมือทำอย่างครั้งก่อน เสียงร้องห้ามปรามถูกกลบทับด้วยลิ้นหนาที่ดูดดุนกลีบปากสีสวยสดไว้ แรงขยับเขยื้อนบนเตียงที่ทั้งสองเสพสมกัน ทำให้กรอบรูปหัวเตียงที่ปรากฏภาพเพื่อนรักสองคนกอดคอกันค่อยๆหล่นลงมาที่เตียงนุ่ม
มือบางโอบกอดร่างหนาไว้ นิ้วเรียวจิกลงบนแผ่นหลังเข้มด้วยความเสียวกระสันต์ เสียงร้องห้ามเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางเมื่อถูกจงอินรุกเร้าที่ช่องทางด้านหลัง ชานยอลปัดป่ายจนกรอบรูปนั้นหล่นแตกลงไปที่พื้น ลางร้ายที่บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสามจะไม่กลับมาเป็นดังเดิม เสียงกระจกกระทบพื้นไม่ได้เรียกสติให้จงอินหลุดจากแรงโทสะ ริมฝีปากหนายังคงซุกไซร้ต้นคอเนียนขาวนั้นอย่างบ้าคลั่ง การร่วมรักที่สร้างความสุขให้กับร่างบางเพียงฝ่ายเดียวโดยที่จงอินเป็นผู้กระทำ....
หลังจากสิ้นสุดกิจกรรมเริงสวาทที่โรมรันจนห้องทั้งห้องร้อนแรง ร่างหนาก็นั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับเหลือบมองเรือนร่างนวนเนียน รอยรักที่คริสฝากไว้เป็นสีชมพูกลีบกุหลาบตามแผ่นหลัง จงอินเองก็ฝากรอยนั้นทับลงไปทั่วทั้งตัวของชานยอล หากมีร่องรอยแบบนี้ ร่างบางคงไม่กล้าที่จะร่วมหลับนอนกับเพื่อนรักของเขาอีก....
“รีบกลับห้องไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้คริสจะตื่น”
“อย่าให้ใครเห็นรอยที่ตัวนายนะชานยอล ฉันหวังว่านายจะเก็บความลับของเราสองคนไว้”
ริมฝีปากหนาจูบซับเบาๆไปที่กลีบปากบางก่อนที่จะโยนเสื้อผ้าให้เขาและเดินตรงเข้าห้องน้ำ หลังจากแผ่นหลังหนาลับหายไป มือบางก็ยกขึ้นมาปิดใบหน้านวลและเริ่มปล่อยน้ำตาแห่งความอัดอั้นออกมา ชานยอลนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจกับความมักง่ายของตนเอง เขาแอบมีใจให้จงอิน แม้จะนานมากแล้วแต่ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันมันก็ทำให้เขามีความสุข กับคริสคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก กลับสร้างเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความอบอุ่นที่แตกต่างกันออกไป หัวใจดวงน้อยสับสนในความรู้สึกลึกๆของตน ทางออกของเขาแทบจะไม่มี มันมืดมนเสียจนเขาไม่อยากจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพียงอยากจะหยุดอยู่ตรงนี้นิ่งๆให้เนิ่นนานเท่านั้น
ร่างบางลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าและบอกลาจงอินที่อยู่ในห้องน้ำ เวลานี้ใกล้รุ่งสางมากแล้ว เมื่อขายาวก้าวเท้ากลับเข้ามาภายในห้องของคริส ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อพบร่างสูงที่นั่งรอเขาอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ เขานั่งเอนกายพิงโซฟา มือหนากุมขมับด้วยความมึนเมา และเหลือบมองมายังประตูที่เปิดอ้าออกช้าๆ
“ไปไหนมาคะ...พี่ตื่นขึ้นมาไม่เจอใคร เลยเดินออกมาดู”
“คือ..ผะ ผม...ผมหิวนะฮะ เลยจะออกไปดูอะไรทานที่ร้านมินิมาร์ทข้างล่าง” ริมฝีปากบางเผยออ้าออกด้วยความตกใจและเปล่งคำแก้ตัวด้วยความร้อนรน
“พี่ไม่เห็นเราถืออะไรเข้ามาเลย หิวแล้วไม่ซื้อมาล่ะครับ” นิ้วเรียวขยี้ดวงตาคมเบาๆด้วยความงัวเงีย
“ผม...ผมลืมกระเป๋าเงินนะฮะ เลยจะเดินขึ้นมาหยิบ” ร่างบางรีบเดินตรงเข้ามาหาคนรักที่นั่งอยู่ตรงหน้า และคว้ากระเป๋าเงินของตนเองที่โต๊ะกลมตัวเล็กที่อยู่ใกล้กัน
“เด็กโง่...พี่บอกแล้วไงคะว่าให้หยิบกระเป๋าเงินพี่ไป...พี่ไม่อยากให้น้องชานใช้เงินตัวเอง เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าพี่ดูแลแฟนไม่ดี” ใบหน้าคมยกยิ้มละมุน มือหนายื่นกระเป๋าเงินของตัวเองให้แทน เขาไม่ต้องการให้ใครดูถูกว่าคบกับเขาแล้วลำบาก คริสต้องการจะเป็นสุภาพบุรุษในสายตาของทุกคน
ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำ มือบางรับกระเป๋าเงินสีดำขลับมาถือไว้ สีหน้าพยายามปรับให้เป็นปกติและรีบก้าวเท้ากลับออกไปนอกห้อง แต่ก็ต้องชะงักงันอีกครั้งเมื่อคริสเอ่ยถาม
“แล้วไอ้จงอินล่ะ มันหายไปไหน ชานยอลเห็นไหมครับ” เสียงเข้มเปรยลอยๆ
“จงอิน...จงอิน...กลับห้องไปก่อนที่ผมจะตื่นแล้วฮะ...”
เขาพยักหน้ารับช้าๆกับคำตอบ ร่างสูงลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่มดับกระหาย ไม่นานร่างบางก็รีบผลุนผลันออกไปด้านนอก
สองเท้ารีบก้าวเดินและหยุดยืนนิ่งตรงบันไดหน้าหอ ชานยอลทรุดนั่งลงกับพื้นและร้องไห้ด้วยความอึดอัดใจ เขาทำเรื่องที่ผิดพลาดใหญ่โตกับคนที่รักเขา หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูของคริสคนที่รักเขามากอะไรจะเกิดขึ้น มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาและกำลังกลัวสำหรับเหตุการณ์ในอนาคต เขาปฎิเสธความรู้สึกที่มีต่อจงอินไม่ได้ แต่อีกใจก็ไม่ต้องการทำร้ายคนรัก นิ้วเรียวกำกระเป๋าเงินสีดำนั้นไว้แน่น เขาค่อยๆคลี่กระเป๋าสีดำใบนั้นช้าๆ รูปในกระเป๋าสตางค์ปรากฏภาพถ่าย จงอิน คริส และชานยอล สามคนถ่ายรูปร่วมกันด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มอบอุ่นของร่างสูงที่อาจจะไม่มีอีกต่อไป...หากความจริงถูกเปิดเผย....
หลายวันผ่านไป....
ในร้านขนมเค้กเล็กๆบรรยากาศอบอุ่น มีร่างบางนั่งคนแก้วกาแฟเล่นพร้อมรอยยิ้มหวาน ร่างสูงเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์อาหารเพื่อรับเครื่องดื่มและหย่อนตัวลงนั่งข้างๆคนรัก
“จงอิน! เห้ย นั่งนี่ๆ” เสียงเข้มตะโกนเรียกเพื่อนรักให้มองมายังเขา
ร่างหนาเดินตรงเข้ามาช้าๆ สีหน้าของชานยอลเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเมื่อมีบุคคลที่สามเดินตรงเข้ามายังกลุ่มสนทนา
“มึงนี่ใจตรงกับกูเลยมากินร้านเดียวกัน...เออ..แล้วเมื่อไรมึงจะช่วยกูทำรายงานวะ” มือหนาผลักศรีษะเพื่อนผิวเข้มเล่นด้วยความสนิทสนม
“เมื่อชานยอลไม่อยู่ กูจะไปหามึงที่ห้อง...” จงอินพูดพลางจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานของคนข้างๆและยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ชานยอลอยู่ทีไร มึงไม่เคยสนใจทำอย่างอื่นหรอกคริส ชีวิตมึงรู้จักแต่ชานยอลเท่านั้น” เขาเปรยขึ้นมาด้วยความน้อยใจลึกๆ
เพื่อนตัวสูงยังคงหัวเราะร่าเมื่อถูกคนพูดแทงใจดำ ใบหน้าหวานข้างๆเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเซียวเมื่อใบหน้าเข้มเหลือบมองเขาบ่อยขึ้น ชานยอลตัดเค้กตรงหน้าเข้าปาก เนื่องจากเขาเริ่มทำตัวไม่ถูกยามที่ต้องอยู่ด้วยกันสามคน ครีมวานิลลาสีขาวติดที่ริมฝีปากบาง ดวงตาคมเหลือบเห็นและรีบยกนิ้วเรียวขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากคนรัก
“ทานอะไรเป็นเด็กๆอีกแล้วนะคะ...” คริสพูดพลางยกนิ้วที่มีครีมเค้กติดเลอะมาดูดชิมความหวาน
“ว่าแต่คนอื่นมึงก็แดกเลอะ” จงอินแสร้งพูดโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนา เขาหยิบทิชชู่เช็ดที่ริมฝีปากของร่างสูงและโยนมันลงไปบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ
จงอินเหลือบมองดูร่างบางและใช้ปลายเท้าสะกิดขาเรียว สายตาตำหนิกำลังบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจที่ชานยอลและคริสพลอดรักกันต่อหน้าเขา มือหนาเอื้อมมือไปใต้โต๊ะโดยไม่แสดงท่าทีพิรุธ เขาจับข้อมือบางไว้หลวมๆและแสร้งเอ่ยชวนชานยอลคุย
“ไม่ไปหาคริสซักวันสิ ฉันกับมันจะได้ทำรายงานสักที นายทำให้ใคร...บางคน ไม่เป็นอันทำงานนะ” ใบหน้าเข้มยกยิ้มบางๆ คำพูดที่เปรียบเสมือนคำขู่ของคิมจงอินกำลังทำให้ชานยอลรู้สึกหวั่นเกรง
เย็นวันนั้นทั้งสามเดินไปตามทางที่ตรงไปยังหอพัก ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า แสงแดดสะท้อนเงามายังท้องถนนเบื้องหน้า ร่างสูงยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนรักและเพื่อนรัก แขนแกร่งโอบกอดร่างของคนทั้งสองฝั่งไว้ ขายาวเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มและคำหยอกล้อตามนิสัยของเขา
“กูนี่โชคดีจริงๆ มีเพื่อนดีๆไว้ช่วยทำรายงาน มีแฟนดีๆไว้ช่วยทำอาหาร” เขากระชับอ้อมกอดคนทั้งสองเข้ามาแนบลำตัวมากยิ่งขึ้น
“กูรักมึงนะเว้ยจงอิน เลิกงอนกูได้ละ ถ้ากูสนใจชานยอลมากไป” เขาเขย่าร่างหนาของเพื่อนเล่นเบาๆ
“น้องชานก็อย่าน้อยใจพี่นะคะที่มีเพื่อนขี้งอน” ใบหน้าคมคายยกยิ้มบางๆให้กับคนรักข้างๆ
ร่างสูงมีความสุขที่มีทั้งเพื่อนที่ดีและคนรักที่ดีคอยเคียงข้างเขา....คริสไม่เคยรับรู้หรือคิดระแวงใจใดๆเลยในความสัมพันธ์อันซับซ้อน ...
จนกระทั่งวันหนึ่งเดินทางมาถึง วันที่ทำให้เขาตาสว่างและเปลี่ยนชีวิตของเขาไปจนหมดสิ้น..
.
.
.
.
.
.
.
“มึงจับดีๆดิวะจงอิน กูกรีดไม่ถนัด” เสียงเข้มต่อว่าเพื่อนที่กำลังจับเศษกระดาษให้ตรงขอบไม้บรรทัด มือหนากดคัตเตอร์ลงไปขีดเส้นตามทางเพื่อทำรายงานด้วยความตั้งใจ
“มึงเอานิ้วหลีกสิ..” ร่างสูงยังคงบ่นเพื่อนผิวเข้ม ศอกหนากระทุ้งเรียกคนข้างกายเพื่อจะย้ำ
“โอ๊ย! ไอ้คริส กูเจ็บ” จงอินชักมือออกด้วยความตกใจ คัดเตอร์ยาวบาดตรงนิ้วมือของเขาพอดี มือหนารีบสะบัดถี่ๆเพื่อคลายความเจ็บปวด
“จงอิน..กูขอโทษ!” คริสรีบคว้าข้อมือของเพื่อนมาดูบาดแผลนั้น เขาใช้ชายเสื้อกดปากแผลไว้เพื่อห้ามเลือดด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“ใส่ยาก่อนๆ ยาอยู่ในห้องกู” ร่างสูงเดินจูงมือเพื่อนผิวเข้มเข้ามาในห้องนอนด้วยท่าทีรีบร้อน
เสื้อสีขาวเลอะรอยเลือดของจงอินเป็นดวง คริสค่อยๆปล่อยชายเสื้อนั้นออกจากบาดแผลและเอื้อมหยิบกล่องยาที่อยู่บนหัวเตียง ร่างหนานั่งลงบนเตียงนุ่มโดยที่ร่างสูงย่อตัวคุกเข่าดูบาดแผลให้ แอลกอฮอล์ถูกสำลีชุบและซับลงตรงแผลเพื่อฆ่าเชื้อ เพื่อนผิวเข้มร้องอุทานออกมาด้วยความแสบและเริ่มโวยวาย
“กูแสบบบ โอ๊ยๆ” เขาชักมือกลับแต่ฝ่ามือหนาก็ยังคงดึงรั้งไว้
“อดทนหน่อยสิวะ มึงลูกผู้ชายนะเว้ย แค่นี้ทำใจเสาะ....มาๆกูเป่าให้ก็ได้”
ลมหายใจอุ่นออกมาจากริมฝีปาก ร่างสูงตั้งใจเป่าบาดแผลให้เพื่อนเพื่อคลายความแสบร้อน คริสไม่รับรู้เลยว่ามีสายตาคมกำลังจ้องมองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจแค่ไหนกับสัมผัสครั้งนี้
“เมื่อก่อนมึงใส่ยาให้กูตลอดเวลากูต่อยกับคนในห้อง ครั้งนี้กูใส่ให้มึงถือว่าหายกัน” ใบหน้าคมยกยิ้มออกมา จงอินรีบหลบสายตาของเขาเพราะไม่ต้องการให้คริสสังเกตเห็นมัน...
บ่ายวันนั้นจงอินมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาดีใจที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบรัก เพื่อนตัวสูงที่คอยมอบความอบอุ่นให้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...เขาไม่เคยคิดจะปริปากบอกความรู้สึกในใจของตนเองออกไป เนื่องด้วยความลับนี้ก่อตัวขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก เขาไม่ต้องการเสียเพื่อนคนนี้ไปเพราะกลัวกับการถูกปฎิเสธ หากร่างสูงรับรู้ความจริง นอกจากจะไม่ได้รับความสัมพันธ์อันดีของเพื่อนแล้วเขาอาจจะตีตัวออกห่างจงอินด้วยซ้ำ
หลังจากคริสทำแผลให้กับเพื่อนเสร็จ เพื่อนผิวเข้มก็เปิดประตูห้องเดินออกไปด้านนอกเพื่อรับอาสาในการซื้ออาหารกล่อง ขากลับจากการจับจ่ายของกินของใช้ มือหนาหิ้วของพะรุงพะรังและเดินสวนกับร่างบางเมื่อใกล้จะถึงหน้าห้องของคริส
“มาหาคริสอีกทำไม...วันนี้ตกลงกับมันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้มันทำรายงาน” เสียงเข้มเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก
“ฉะ..ฉัน ไม่ได้มาหาคริส” ใบหน้าหวานก้มลงต่ำ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองใบหน้าคมเข้มตรงหน้า
“ฉัน...มาหา..นายนะ..”
“ขอแค่ได้เข้าไปนั่งในห้องพี่คริส แล้วนั่งมองพวกนายทำรายงานกันก็ได้...ฉัน..จะไม่รบกวนเวลาของ...” ประโยคสนทนายังไม่สิ้นสุดดี ฝ่ามือหนาก็กระชากข้อมือบางเดินตรงไปยังห้องของตนเองและผลักร่างของชานยอลเข้าไป
.
.
.
.
.
ร่างสูงเดินหาอุปกรณ์ทำรายงานอยู่ในห้องนอน ดวงตาคมสอดส่ายสายตาหากระดาษสีที่ต้องใช้เพื่อเอามาประกอบการพรีเซนต์ช่วงเปิดเทอม นิ้วยาวเดินเสยผมตนเองไปมาและเริ่มใช้ความคิดว่าเขาเอาไปวางไว้ที่ไหน...
“โธ่เอ้ย...กูไปฝากไว้ที่ห้องจงอินนี่หว่า” เขาส่ายศรีษะเบาๆเมื่อนึกขึ้นได้
ขายาวก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูและหมุนลูกบิดห้องตนเองออก ....เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องเพื่อนผิวเข้มและเอื้อมมือขึ้นเพื่อเปิดลูกบิดห้องของจงอิน... ฉับพลันหูก็ได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยในห้องนั้นดังแว่วมา...
“ใช่! ฉันชอบนายจงอิน ฉันชอบนายมานานแล้ว”
เสียงหัวใจเต้นตึกตักเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากริมฝีปากบางของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา มือหนาค่อยๆผลักประตูเข้าไปให้เบาที่สุด ภาพเบื้องหน้าเขาคือร่างบางทรุดนั่งลงบนเตียงนุ่ม ส่วนเพื่อนรักผิวเข้มกำลังยืนมองดูคนรักเขากำลังร้องไห้
“มาหาฉันเพราะต้องการเรื่องอย่างว่างั้นสิ” เสียงเข้มเอ่ยถามซ้ำๆ ใบหน้าหวานก้มหน้าลง มือเรียวยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนเองช้าๆ
“ไม่นะจงอิน ฉันไม่ได้ต้องการ..” เขาส่ายศรีษะไปมาเหมือนเด็กที่กำลังถูกจับโกหก
“แน่ใจ? งั้นนายก็อย่าร้องครางเรียกชื่อฉันนะ ปาร์คชานยอล” ร่างหนาโน้มใบหน้าเข้าหาและเริ่มดูดดุนกลีบปากนั้นไว้ ทั้งสองล้มลงไปบนเตียงใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นระทึกของคริสที่กำลังยืนมองอยู่ตรงนี้....
ร่างสูงก้าวถอยหลังผละออกมาทีละก้าว ภาพตรงหน้าของเขาเหมือนฟ้ากำลังผ่าลงมาที่หัวใจ สติของเขาหลุดลอยออกนอกร่าง ดวงตาคมเหม่อมองออกไปข้างหน้า น้ำตาแห่งความเสียใจค่อยๆเอ่อล้นออกมา ร่างสูงก้าวช้าๆทีละก้าวออกจากหน้าห้องพัก ฝีเท้าเริ่มเร่งจังหวะจนกลายเป็นวิ่ง...เขากำลังวิ่งหนีความจริงตรงหน้า...ความจริงที่ว่าคือเพื่อนรักและคนรักพร้อมใจกันหักหลังเขา....
ผ่านไปหลายชั่วโมงที่จงอินเดินไปดูเพื่อนตัวสูงที่ห้องพักแต่ก็ไม่พบเขา อุปกรณ์การทำรายงานยังถูกวางกองไว้ในห้องอย่างกระจัดกระจาย ร่างหนาเดินตรงกลับมายังห้องพักของตนในเวลาดึก โทรศัพท์มือถือในห้องของคริสมีไฟกระพริบถี่ๆหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสายอย่างเคย
ช่วงเวลาค่ำมืด ไฟในห้องพักของจงอินถูกดับลง ร่างหนาหลับตาลงด้วยใจพะวงถึงเพื่อนรัก เพื่อนตัวสูงหายไปอย่างไร้ร่องรอยในเวลานี้ ใบหน้าคมแสดงสีหน้ากังวลและขบคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หัวสมองพาลนึกถึงเรื่องของชานยอลเมื่อบ่าย มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงเพื่อจะกดโทรออกหาชานยอล ฉับพลันเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังถี่รัวขึ้นเหมือนกับเกิดเรื่องร้าย...
ประตูหน้าห้องเปิดอ้าออกด้วยความเร่งรีบ ร่างสูงโถมร่างเข้าใส่จงอินจนเขาตั้งตัวไม่ทัน สภาพสีหน้าที่เมามายคล้ายกับคนไม่รู้สึกตัว จงอินคว้าร่างของคริสไว้และช่วยประคองเขาเข้ามาในห้อง
“มึงไม่ต้องมาโดนตัวกู ไอ้เพื่อนชั่ว!” แขนแกร่งสะบัดออกอย่างแรง มือหนาผลักร่างหนาให้ออกห่างจากตัวเขา
“มึงมันเลวจงอิน! มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม!” ดวงตาปรือลงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าคมฉายแววเจ็บปวดเจียนตายเมื่อนึกถึงภาพเมื่อบ่าย คริสกำลังโมโหมากและต้องการจะต่อว่าจงอินเพื่อนที่เขารักและไว้ใจมากที่สุด
“มึงได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักกูแต่สิ่งที่มึงทำ....” แขนแกร่งกระชากคอเสื้อของจงอินและชกเข้าไปที่ใบหน้าเข้มเต็มแรงจนเพื่อนผิวเข้มของเขาเสียหลักล้มลง
“คริส...มึงฟังกูก่อน...” มือหนาแตะที่ริมฝีปากตนเองที่มีเลือดซึมออกมาทีละน้อย และพยายามอธิบาย
“มึงจะแก้ตัวอะไรจงอิน! มึงกับชานยอล....ทำไม..ทำไมมึงถึงทำแบบนี้! กูมันโง่ โง่ที่ถูกพวกมึงหลอกมาตลอด!”
ใบหน้าคมบ่งบอกถึงความเสียใจและเจ็บปวดที่สุด เขาพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ ทุกอย่างมันจบลงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ดีต่อกัน ความรู้สึกรักและไว้ใจในเพื่อนผิวเข้มคนนี้จบสิ้นลงแล้ว
“คริส...มึงฟังกูก่อน...กู..ขอโทษ กูอธิบายได้” ร่างหนาเดินตรงเข้ามาคว้าแขนของเพื่อนตัวสูงไว้ คริสสะบัดออกอีกครั้งพร้อมผลักไปที่ร่างของจงอิน
“กูมันโง่ โง่ชิบหาย โง่ที่หลงคิดว่ามึงคือเพื่อนรักกู...เพื่อนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ!” ร่างสูงยืนนิ่งงัน มือหนาเสยผมตัวเองช้าๆ ดวงตาคมเริ่มแดงก่ำ เขาไม่สามารถปิดบังความเสียใจครั้งใหญ่หลวงนี้ได้อีกต่อไป
จงอินเองก็เสียใจไม่แพ้กัน ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดพร้อมจะถูกระบายออกไปด้วยความโมโหของเขา เพื่อนตัวสูงที่ไม่เคยรับรู้ความในใจตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเวลากว่า 20 ปีที่เขาต้องเก็บมันไว้เงียบๆคนเดียว
“ใช่คริส มึงมันโง่...โง่จนไม่เคยรับรู้เลยว่าใครเขาคิดยังไงกับมึง” เสียงเข้มเปรยออกมาเบาๆด้วยความเสียใจ
“ถ้ามึงตั้งใจมองสักนิด มึงก็จะเห็นมัน” ดวงตาฉายแววเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆของคริสดังขึ้น ใบหน้ายิ้มร้ายของเขากำลังสมเพศตัวเองที่ถูกคนรักและเพื่อนรักรวมหัวกันสวมเขา น้ำเสียงดุดันตะคอกใส่ร่างหนาด้วยแรงโทสะที่ก่อตัวขึ้นและระเบิดมันออกมา
“ฮึ...คิมจงอิน...ถ้ามึงทำเรื่องชั่วๆกับชานยอลได้ กูก็อยากจะรู้ว่าถ้ากูทำชั่วๆกับมึงบ้าง มึงจะเจ็บปวดมากแค่ไหน!!”
“กูจะทำให้มึงเจ็บปวดอย่างสาสมเหมือนอย่างที่กูเป็นอยู่ตอนนี้ ไอ้จงอิน!” แขนแกร่งผลักร่างเพื่อนผิวเข้มลงไปที่เตียงนอนนุ่มพร้อมโถมร่างเข้าไปที่ตัวเขา เข็มขัดที่คาดบนเอวของร่างสูงถูกปลดออกและเขวี้ยงมันลงไปที่พื้นอย่างแรง หน้าขากดยันร่างเขาไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนผิวเข้มดิ้นรน
ความเจ็บปวดใจของคริสที่ไม่สามารถระบายให้ใครรับรู้ได้....ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกำลังจะเริ่มต้น.... เรื่องราวของเขาทั้งสามจะดำเนินไปในทิศทางไหน.... โปรดติดตาม...