ร่างสูงเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองที่เชื่อมติดกับห้องของชานยะ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ปลายจมูกโด่งพรูลมหายใจเหมือนแบกรับภาระอะไรไว้มากมาย ฝ่ามือหนาลูบใบหน้าตนเองช้าๆด้วยความเหนื่อยล้า ไม่ใช่อาการล้าเกี่ยวกับร่างกาย หากแต่เป็นจิตใจของเขาเอง..
หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าและจัดการธุระส่วนตัวของตนเองเรียบร้อย ขายาวนำพาร่างของเขาเดินตรงไปยังห้องนอนชั้น 3 ห้องที่ถูกปิดตายกว่า 2 ปี และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่มย่ามที่ห้องนั้น ลูกบิดประตูถูกไขเปิดออกช้าๆ กลิ่นอับของห้องที่ถูกปิดตายปะทะใบหน้าหล่อเหลา ห้องที่เก็บรวบรวมความทรงจำไว้มากมาย ทั้งเจ็บปวดและสุขใจเมื่อได้กลับมาเห็นบรรยากาศเดิมๆในห้องนี้อีกครั้ง
มือหนาหยิบกรอบรูปบนโต๊ะไม้สักขึ้นมาจับจ้อง ริมฝีปากหนายกยิ้มช้าๆ ฝุ่นละอองเกาะภาพจนหนา เขาใช้ปลายนิ้วถูไถทำความสะอาดลวกๆ ดวงตาคมเศร้าสลดลงเมื่อนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต
"นายนี่มันเก่งจริงๆ อย่างนี้พี่ก็หมดห่วงเรื่องกิจการของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ถ้าพี่ไม่อยู่ นายต้องดูแลตัวเองดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ" ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยกับน้องชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฝ่ามือใหญ่บีบไหล่คนที่อายุน้อยกว่า
"พี่จะไปไหน"
"ทำไม นายกลัวว่าพี่จะหนีไปไหนเหรอ" เขายีผมน้องชายเล่นเบาๆ
"ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าพี่ต้องเข้มแข็ง" ใบหน้าคมยกยิ้มบาง
คริสมีความเฉลียวฉลาดกว่าพี่ชายมากนัก เขาทั้งสองแตกต่างกันอย่างสุดขั้วทั้งความคิด รูปร่างหน้าตาและการดำรงชีวิต การสนทนากันวันนั้น คือวันสุดท้ายก่อนที่พี่ชายของเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาคุยกับน้องชายคนนี้อีกเลยชั่วชีวิต
"พี่ไม่เคยเชื่อผม ถ้าพี่ฟังผมสักนิดเหตุการณ์มันคงไม่เป็นแบบนี้" ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาวางกรอบรูปลงเสียงดัง ฝ่ามือหนาเสยผมตนเองด้วยความหงุดหงิดใจ
ร่างสูงเดินออกไปจากห้องนอนขนาดใหญ่นั้นโดยที่ลืมล็อคประตู....
.
.
.
.
.
.
.
ชานยะนอนกระสับกระส่ายบนเตียงนอนนุ่ม แม้เครื่องปรับอากาศจะทำหน้าที่กระจายความเย็น แต่ร่างกายของเธอกลับร้อนรุ่ม เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายบนใบหน้าสวยใส แขนเรียวหยัดกายลุกขึ้นนั่ง หล่อนตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ สายน้ำหลั่งไหลจากปากก็อกเมื่อถูกเปิดออก ร่างบางวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาเพื่อช่วยให้สดชื่นขึ้น ดวงตากลมโตเหลือบมองอ่างจากุชชี่สีขาว ภาพที่เธอและนายจ้างเริงรักกันอย่างสนุกสนานฉายซ้ำไปมา
"เงินซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ" คำพูดของคริสยังคงดังก้องในโสตประสาท
"เงินคุณกำลังจะซื้อชีวิตของพ่อฉัน ถ้ามันทำได้ ฉันจะเชื่อว่าคุณพูดถูก.." ริมฝีปากเล็กเปรยออกมาเบาๆ
หล่อนเดินกลับไปล้มตัวลงนอน หัวสมองครุ่นคิดไปมา ห้องที่ถูกปิดตายและเจ้าของบ้านสั่งห้ามนักหนามีความสำคัญยังไง เพราะอะไรจึงทำให้นักธุรกิจหนุ่มที่เพียบพร้อมอย่างคริสเย็นชาได้ถึงเพียงนั้น เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวทอแสงระยิบระยับเป็นประกาย แม้ในความมืดมิดยังมีแสงสว่างอยู่เสมอ คงเหมือนกับชีวิตของเธอ แม้ตอนนี้จะดูมืดครึ้มไร้ซึ่งหนทาง แต่อีก 10 ปีข้างหน้าเธอจะหลุดพ้นและเป็นอิสระ กลับมาสดใสสว่างไสวได้ดังเดิม
"นอนไม่หลับเหรอ" ร่างสูงเอ่ยถาม เขาลอบมองเข้ามาตามช่องประตูที่เปิดอ้า
ดวงตากลมรีบหลับลงอย่างรวดเร็ว เธอเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบคำถามนั้น
"ชานยะ.." เขาเรียกหล่อนเบาๆ
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ ร่างสูงจึงหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองอีกครั้ง
รุ่งเช้าวันนั้นนักธุรกิจหนุ่มมีประชุมทั้งวัน ผลการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้เป็นไปได้ด้วยดี สถานบันเทิงที่ตระกูลอู๋ร่วมหุ้นมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ชื่อเสียงของคริสเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากที่เขาตัดสินใจซื้อชานยะมาเคียงข้างกาย
หลังจากที่ร่างบางทานอาหารเช้าเสร็จตรงตามเวลา เธอเดินสำรวจรอบๆคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะรู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ ที่นี่ไม่มีคนสวนแต่เธอสังเกตว่ามีต้นไม้นานาพรรณที่แปลกประหลาด บางต้นเป็นไม้จากต่างประเทศซึ่งปลูกยาก บางต้นเหี่ยวเฉาเพราะขาดคนดูแล ฝ่ามือเล็กหยิบสายยางขึ้นฉีดน้ำเพื่อรดให้ต้นไม้ดูสดชื่นขึ้น ไม่นานคนรับใช้ของบ้านก็วิ่งมาห้ามปรามเธอ
"อย่าค่ะคุณ อย่ายุ่งกับต้นไม้พวกนั้น" หญิงสูงวัยเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีตกใจ
"ทำไมล่ะคะ"
"ต้นไม้พวกนี้คุณคริสเธอปล่อยให้มันตายเองค่ะ อย่าให้มันกลับมามีชีวิตอีก"
"คะ? ต้นไม้ไปทำอะไรให้คุณคริสไม่พอใจเหรอคะ"
"ต้นไม้ไม่ได้ทำ แต่เจ้าของต้นไม้เป็นคนทำค่ะ"
"ป้า!" เสียงคนขับรถตะโกนเรียกมาเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"อย่าปากมากน่ะ" ชายหนุ่มเดินมาสะกิดให้คนรับใช้สูงวัยหยุดพูด
ร่างเล็กฉงนสงสัยกับพิรุธของคนในบ้าน หลายคนเหมือนมีอะไรเก็บไว้ในใจและมีความลับมากมายที่เธอไม่สมควรรู้ ชานยะวางสายยางเพื่อเดินปลีกออกมาเพียงลำพัง หล่อนตรงเข้าบ้านหลังใหญ่ ฝ่าเท้าเหยียบบันไดทีละขั้นช้าๆ ดวงตากลมเหลือบมองซ้ายขวาก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ชั้นต้องห้ามที่ร่างสูงกำชับไว้นักหนา..
ริมฝีปากบางเป่าลมออกมาเบาๆเพื่อคลายความตื่นเต้น เธอตัดสินใจบิดลูกบิดหน้าห้องที่ถูกปิดตาย ฝ่ามือเล็กผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นอับภายในห้องโชยออกมา แสงสว่างภายนอกสาดส่องเข้ามาเพียงรำไร บรรยากาศเงียบสงบชวนให้เธอขนลุกอย่างไม่มีคำตอบ
ห้องนอนขนาดใหญ่ดูหรูหราแต่เรียบง่าย ดูจากการตกแต่งบ่งบอกถึงนิสัยเจ้าของห้องได้คร่าวๆว่าเป็นคนสุขุม บนโต๊ะไม้มีกรอบรูปวางไว้ระเกะระกะ ฝ่ามือเล็กหยิบขึ้นมาพิจารณาดู ภายในภาพมีชายหนุ่มหน้าตาดีโอบกอดหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอรู้สึกคุ้นหน้าคนในรูปอย่างบอกไม่ถูก ใกล้กันเป็นกรอบรูปของสมาชิกในตระกูลอู๋ มีทั้งชายสูงวัย หญิงสูงวัยและชายวัยรุ่นซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน
ร่างบางเดินสำรวจรอบๆห้อง เธอถือวิสาสะเปิดดูลิ้นชักหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ภายในกล่องสีแดงมีแหวนคู่กันของชายหญิง ดูคล้ายแหวนแต่งงานของแทนใจสำหรับคู่รัก เอกสารในซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ใกล้กันเผยออ้าออก เรียกร้องความสนใจจากชานยะให้เธอหยิบมันขึ้นมาอ่าน
-เอกสารสิ้นสุดสัญญาว่าจ้างระหว่างนางสาวมิยากะและบริษัท Private Company-
นิ้วเรียวพลิกเอกสารอ่านทีละหน้า เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งสนิทที่หน้าตึก ร่างสูงก้าวลงมาเพื่อเดินตรงเข้าตัวอาคารอย่างรวดเร็ว เขาได้รับโทรศัพท์จากคนรับใช้ว่าเห็นชานยะที่ชั้น 3 ของคฤหาสน์ ขายาวก้าวขึ้นบันไดวนด้วยความร้อนรน ภายในใจหวังไว้ว่าความลับของตระกูลที่ทุกคนต่างปิดบัง ซ่อนเร้นจะยังคงเป็นความลับต่อไป
ฝ่ามือหนาผลักประตูบานใหญ่เข้าไปเสียงดัง ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบกับเจ้าของบ้าน ใบหน้าคมดุดัน แขนแกร่งกระชากข้อมือเล็กลากไปตามทาง เขาคว้าแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือของเธอมาถือไว้
"ฉันเตือนแล้วใช่ไหมว่าห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องนั้น!"
"คำสั่งของฉันมันไม่มีความหมายใช่ไหมชานยะ!"
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องนอน เขาถอดเข็มขัดที่สวมใส่มาพันข้อมือตนเองไว้ด้วยความโมโห แฟ้มเอกสารถูกปาใส่ร่างระหงส์ แผ่นกระดาษในแฟ้มกระจุยกระจายปลิวว่อนทั่วทั้งห้อง
"กล้ามากที่ท้าทายฉัน!"
"ห้องนั้นมีความลับอะไร ทำไมคนที่นี่ต้องพยายามปิดบัง" หล่อนตัดสินใจแผดเสียงกลับไป ความสงสัยใคร่รู้ทำให้เธอไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
"ห้องนั้นเคยมีผู้หญิงโสโครกแบบเธออยู่! เลิกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวฉัน เธออยู่ที่นี่ในฐานะสินค้าที่ฉันจ่ายเงินซื้อมา ไม่ใช่เมีย!"
ชายหนุ่มง้างมือฟาดเข็มขัดลงบนร่างเล็ก ชานยะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาสบถต่อว่าเธอ และนี่คือบทลงโทษที่เคยตักเตือนหล่อนไว้ก่อนหน้านี้
"แผลที่ร่างกายเธอเทียบไม่ได้สักนิดกับแผลที่จิตใจของครอบครัวฉัน! พวกผู้หญิงชั้นต่ำที่เห็นแก่เศษเงิน!"
เขาเดินไปหยิบขวดบรั่นดีในตู้โชว์มาเทราดร่างขาวเนียน ดวงตากลมโตปิดลงช้าๆ หล่อนเริ่มร่ำไห้กับการกระทำหยาบคายป่าเถื่อน
"ต่อให้ใส่ตะกร้าล้างน้ำหรือฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ ผู้หญิงสกปรกก็กลับตัวกลับใจไม่ได้ พี่ชายฉันมันโง่เอง"
เข็มขัดในมือถูกพันธนาการแขนเรียวไว้ ร่างบางถูกมัดไว้กับเตียง เสื้อซีทรูโดนกระชากจนขาด ผิวขาวเนียนเปรอะเปื้อนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์
"คุณคริส ปล่อยฉันนะ! ฉันเจ็บ!"
"ผู้หญิงอย่างเธอจะต้องการอะไร นอกจากเงินและเซ็กส์" ใบหน้าคมโน้มลงกัดริมฝีปากบางจนห้อเลือด เขาโกรธหล่อนจนหน้ามืดเกินที่จะหักห้ามแรงโทสะได้
"ในเมื่อพี่ชายคุณโง่เอง แล้วคุณมาลงที่ฉันทำไม!"
เธอด่าทอเขาสารพัด ร่างบางดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลัง เมื่อต้องทนฟังคำดูถูกดูแคลนทุกครั้งที่เจอหน้า
"เพราะพี่ชายผมเขาตายไปแล้วไง! เขาไม่มีโอกาสมาทำแบบนี้กับผู้หญิงอย่างคุณ!" ใบหน้าสวยถูกบีบริมฝีปากจนซีดเซียว เขาผลักร่างเล็กออกห่าง ทั้งเกลียดชังทั้งโกรธแค้นผู้หญิงประเภทนี้
ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่น ภาพเหตุการณ์ที่เขากอดร่างพี่ชายชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉานย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง คริสแผดเสียงร้องลั่นเมื่อไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตพี่ชายของตนเองได้
"มิยากะหลอกลวงพี่ ผู้หญิงคนนั้นเสนอตัวให้ผมทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกัน แค่นี้พี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเธอเป็นคนยังไง!"
"เลิกโง่ซะทีเถอะครับ เธอต้องการแค่เงินของพี่ มันไม่ใช่ความรัก มันคือความใคร่ต่างหาก" คำพูดที่ก้องในโสตประสาทของชายหนุ่มที่ตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนเพื่อฆ่าตัวตายยังคงหลอกหลอนเขา
"คริส..พี่ขอโทษที่ไม่เคยเชื่อเรา พี่ขอโทษที่เป็นพี่ชายที่ดีไม่ได้ พ่อแม่ครับ ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ผมขอโทษ.." เขาพร่ำพรรณาประโยคสุดท้ายก่อนที่จะจบชีวิตในห้องนอนใหญ่บนชั้น 3 ห้องที่ถูกปิดตายและเหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่เจ็บปวด
การเสียชีวิตของพี่ชาย นำพาความโศกเศร้าเสียใจระคนโกรธแค้นมาสู่จิตใจของร่างสูง เขาไม่เคยมอบความรักให้กับผู้หญิงคนไหนยกเว้นมารดา ชายหนุ่มใช้เงินของครอบครัวในการซื้อหาเซ็กส์ ความรักและเพื่อนฝูง อำนาจของเงินคือสิ่งเดียวที่เขาเชื่อว่าซื้อได้ทุกสิ่ง...
ขายาวพาร่างสูงเดินออกไปจากห้องนอน ปล่อยให้ชานยะนอนสะอื้นบนเตียงนุ่ม ข้อมือบางถูกพันธนาการไว้กับเตียง เธออยู่ในสภาพกึ่งเปลือยและยังคงไม่เข้าใจคริส มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลายเป็นคนรองรับอารมณ์ สัญญาทาสนั้นจะสิ้นสุดเมื่อถึงระยะเวลาสิบปี แต่หากชานยะทนไม่ได้จนเธอเลือกจากไป นั่นก็คือจุดสิ้นสุดของสัญญาฉบับนั้นเช่นกัน..
เรื่องราวโศกนาฎกรรมความเจ็บปวดของครอบครัวตระกูลอู๋กับชานยะสาวน้อยเอวีจะดำเนินไปในทิศทางไหน โปรดติดตาม
รบกวนติดแทค #ChanyaMyAV เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ไรท์เตอร์ ขอบคุณ _/\_
หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าและจัดการธุระส่วนตัวของตนเองเรียบร้อย ขายาวนำพาร่างของเขาเดินตรงไปยังห้องนอนชั้น 3 ห้องที่ถูกปิดตายกว่า 2 ปี และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่มย่ามที่ห้องนั้น ลูกบิดประตูถูกไขเปิดออกช้าๆ กลิ่นอับของห้องที่ถูกปิดตายปะทะใบหน้าหล่อเหลา ห้องที่เก็บรวบรวมความทรงจำไว้มากมาย ทั้งเจ็บปวดและสุขใจเมื่อได้กลับมาเห็นบรรยากาศเดิมๆในห้องนี้อีกครั้ง
มือหนาหยิบกรอบรูปบนโต๊ะไม้สักขึ้นมาจับจ้อง ริมฝีปากหนายกยิ้มช้าๆ ฝุ่นละอองเกาะภาพจนหนา เขาใช้ปลายนิ้วถูไถทำความสะอาดลวกๆ ดวงตาคมเศร้าสลดลงเมื่อนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต
"นายนี่มันเก่งจริงๆ อย่างนี้พี่ก็หมดห่วงเรื่องกิจการของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ถ้าพี่ไม่อยู่ นายต้องดูแลตัวเองดูแลคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ" ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยกับน้องชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฝ่ามือใหญ่บีบไหล่คนที่อายุน้อยกว่า
"พี่จะไปไหน"
"ทำไม นายกลัวว่าพี่จะหนีไปไหนเหรอ" เขายีผมน้องชายเล่นเบาๆ
"ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าพี่ต้องเข้มแข็ง" ใบหน้าคมยกยิ้มบาง
คริสมีความเฉลียวฉลาดกว่าพี่ชายมากนัก เขาทั้งสองแตกต่างกันอย่างสุดขั้วทั้งความคิด รูปร่างหน้าตาและการดำรงชีวิต การสนทนากันวันนั้น คือวันสุดท้ายก่อนที่พี่ชายของเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาคุยกับน้องชายคนนี้อีกเลยชั่วชีวิต
"พี่ไม่เคยเชื่อผม ถ้าพี่ฟังผมสักนิดเหตุการณ์มันคงไม่เป็นแบบนี้" ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาวางกรอบรูปลงเสียงดัง ฝ่ามือหนาเสยผมตนเองด้วยความหงุดหงิดใจ
ร่างสูงเดินออกไปจากห้องนอนขนาดใหญ่นั้นโดยที่ลืมล็อคประตู....
.
.
.
.
.
.
.
ชานยะนอนกระสับกระส่ายบนเตียงนอนนุ่ม แม้เครื่องปรับอากาศจะทำหน้าที่กระจายความเย็น แต่ร่างกายของเธอกลับร้อนรุ่ม เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายบนใบหน้าสวยใส แขนเรียวหยัดกายลุกขึ้นนั่ง หล่อนตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ สายน้ำหลั่งไหลจากปากก็อกเมื่อถูกเปิดออก ร่างบางวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาเพื่อช่วยให้สดชื่นขึ้น ดวงตากลมโตเหลือบมองอ่างจากุชชี่สีขาว ภาพที่เธอและนายจ้างเริงรักกันอย่างสนุกสนานฉายซ้ำไปมา
"เงินซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ" คำพูดของคริสยังคงดังก้องในโสตประสาท
"เงินคุณกำลังจะซื้อชีวิตของพ่อฉัน ถ้ามันทำได้ ฉันจะเชื่อว่าคุณพูดถูก.." ริมฝีปากเล็กเปรยออกมาเบาๆ
หล่อนเดินกลับไปล้มตัวลงนอน หัวสมองครุ่นคิดไปมา ห้องที่ถูกปิดตายและเจ้าของบ้านสั่งห้ามนักหนามีความสำคัญยังไง เพราะอะไรจึงทำให้นักธุรกิจหนุ่มที่เพียบพร้อมอย่างคริสเย็นชาได้ถึงเพียงนั้น เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวทอแสงระยิบระยับเป็นประกาย แม้ในความมืดมิดยังมีแสงสว่างอยู่เสมอ คงเหมือนกับชีวิตของเธอ แม้ตอนนี้จะดูมืดครึ้มไร้ซึ่งหนทาง แต่อีก 10 ปีข้างหน้าเธอจะหลุดพ้นและเป็นอิสระ กลับมาสดใสสว่างไสวได้ดังเดิม
"นอนไม่หลับเหรอ" ร่างสูงเอ่ยถาม เขาลอบมองเข้ามาตามช่องประตูที่เปิดอ้า
ดวงตากลมรีบหลับลงอย่างรวดเร็ว เธอเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบคำถามนั้น
"ชานยะ.." เขาเรียกหล่อนเบาๆ
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ ร่างสูงจึงหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองอีกครั้ง
รุ่งเช้าวันนั้นนักธุรกิจหนุ่มมีประชุมทั้งวัน ผลการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้เป็นไปได้ด้วยดี สถานบันเทิงที่ตระกูลอู๋ร่วมหุ้นมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ชื่อเสียงของคริสเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากที่เขาตัดสินใจซื้อชานยะมาเคียงข้างกาย
หลังจากที่ร่างบางทานอาหารเช้าเสร็จตรงตามเวลา เธอเดินสำรวจรอบๆคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะรู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ ที่นี่ไม่มีคนสวนแต่เธอสังเกตว่ามีต้นไม้นานาพรรณที่แปลกประหลาด บางต้นเป็นไม้จากต่างประเทศซึ่งปลูกยาก บางต้นเหี่ยวเฉาเพราะขาดคนดูแล ฝ่ามือเล็กหยิบสายยางขึ้นฉีดน้ำเพื่อรดให้ต้นไม้ดูสดชื่นขึ้น ไม่นานคนรับใช้ของบ้านก็วิ่งมาห้ามปรามเธอ
"อย่าค่ะคุณ อย่ายุ่งกับต้นไม้พวกนั้น" หญิงสูงวัยเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีตกใจ
"ทำไมล่ะคะ"
"ต้นไม้พวกนี้คุณคริสเธอปล่อยให้มันตายเองค่ะ อย่าให้มันกลับมามีชีวิตอีก"
"คะ? ต้นไม้ไปทำอะไรให้คุณคริสไม่พอใจเหรอคะ"
"ต้นไม้ไม่ได้ทำ แต่เจ้าของต้นไม้เป็นคนทำค่ะ"
"ป้า!" เสียงคนขับรถตะโกนเรียกมาเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"อย่าปากมากน่ะ" ชายหนุ่มเดินมาสะกิดให้คนรับใช้สูงวัยหยุดพูด
ร่างเล็กฉงนสงสัยกับพิรุธของคนในบ้าน หลายคนเหมือนมีอะไรเก็บไว้ในใจและมีความลับมากมายที่เธอไม่สมควรรู้ ชานยะวางสายยางเพื่อเดินปลีกออกมาเพียงลำพัง หล่อนตรงเข้าบ้านหลังใหญ่ ฝ่าเท้าเหยียบบันไดทีละขั้นช้าๆ ดวงตากลมเหลือบมองซ้ายขวาก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ชั้นต้องห้ามที่ร่างสูงกำชับไว้นักหนา..
ริมฝีปากบางเป่าลมออกมาเบาๆเพื่อคลายความตื่นเต้น เธอตัดสินใจบิดลูกบิดหน้าห้องที่ถูกปิดตาย ฝ่ามือเล็กผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นอับภายในห้องโชยออกมา แสงสว่างภายนอกสาดส่องเข้ามาเพียงรำไร บรรยากาศเงียบสงบชวนให้เธอขนลุกอย่างไม่มีคำตอบ
ห้องนอนขนาดใหญ่ดูหรูหราแต่เรียบง่าย ดูจากการตกแต่งบ่งบอกถึงนิสัยเจ้าของห้องได้คร่าวๆว่าเป็นคนสุขุม บนโต๊ะไม้มีกรอบรูปวางไว้ระเกะระกะ ฝ่ามือเล็กหยิบขึ้นมาพิจารณาดู ภายในภาพมีชายหนุ่มหน้าตาดีโอบกอดหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอรู้สึกคุ้นหน้าคนในรูปอย่างบอกไม่ถูก ใกล้กันเป็นกรอบรูปของสมาชิกในตระกูลอู๋ มีทั้งชายสูงวัย หญิงสูงวัยและชายวัยรุ่นซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน
ร่างบางเดินสำรวจรอบๆห้อง เธอถือวิสาสะเปิดดูลิ้นชักหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ภายในกล่องสีแดงมีแหวนคู่กันของชายหญิง ดูคล้ายแหวนแต่งงานของแทนใจสำหรับคู่รัก เอกสารในซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ใกล้กันเผยออ้าออก เรียกร้องความสนใจจากชานยะให้เธอหยิบมันขึ้นมาอ่าน
-เอกสารสิ้นสุดสัญญาว่าจ้างระหว่างนางสาวมิยากะและบริษัท Private Company-
นิ้วเรียวพลิกเอกสารอ่านทีละหน้า เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งสนิทที่หน้าตึก ร่างสูงก้าวลงมาเพื่อเดินตรงเข้าตัวอาคารอย่างรวดเร็ว เขาได้รับโทรศัพท์จากคนรับใช้ว่าเห็นชานยะที่ชั้น 3 ของคฤหาสน์ ขายาวก้าวขึ้นบันไดวนด้วยความร้อนรน ภายในใจหวังไว้ว่าความลับของตระกูลที่ทุกคนต่างปิดบัง ซ่อนเร้นจะยังคงเป็นความลับต่อไป
ฝ่ามือหนาผลักประตูบานใหญ่เข้าไปเสียงดัง ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบกับเจ้าของบ้าน ใบหน้าคมดุดัน แขนแกร่งกระชากข้อมือเล็กลากไปตามทาง เขาคว้าแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือของเธอมาถือไว้
"ฉันเตือนแล้วใช่ไหมว่าห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องนั้น!"
"คำสั่งของฉันมันไม่มีความหมายใช่ไหมชานยะ!"
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องนอน เขาถอดเข็มขัดที่สวมใส่มาพันข้อมือตนเองไว้ด้วยความโมโห แฟ้มเอกสารถูกปาใส่ร่างระหงส์ แผ่นกระดาษในแฟ้มกระจุยกระจายปลิวว่อนทั่วทั้งห้อง
"กล้ามากที่ท้าทายฉัน!"
"ห้องนั้นมีความลับอะไร ทำไมคนที่นี่ต้องพยายามปิดบัง" หล่อนตัดสินใจแผดเสียงกลับไป ความสงสัยใคร่รู้ทำให้เธอไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
"ห้องนั้นเคยมีผู้หญิงโสโครกแบบเธออยู่! เลิกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวฉัน เธออยู่ที่นี่ในฐานะสินค้าที่ฉันจ่ายเงินซื้อมา ไม่ใช่เมีย!"
ชายหนุ่มง้างมือฟาดเข็มขัดลงบนร่างเล็ก ชานยะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาสบถต่อว่าเธอ และนี่คือบทลงโทษที่เคยตักเตือนหล่อนไว้ก่อนหน้านี้
"แผลที่ร่างกายเธอเทียบไม่ได้สักนิดกับแผลที่จิตใจของครอบครัวฉัน! พวกผู้หญิงชั้นต่ำที่เห็นแก่เศษเงิน!"
เขาเดินไปหยิบขวดบรั่นดีในตู้โชว์มาเทราดร่างขาวเนียน ดวงตากลมโตปิดลงช้าๆ หล่อนเริ่มร่ำไห้กับการกระทำหยาบคายป่าเถื่อน
"ต่อให้ใส่ตะกร้าล้างน้ำหรือฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ ผู้หญิงสกปรกก็กลับตัวกลับใจไม่ได้ พี่ชายฉันมันโง่เอง"
เข็มขัดในมือถูกพันธนาการแขนเรียวไว้ ร่างบางถูกมัดไว้กับเตียง เสื้อซีทรูโดนกระชากจนขาด ผิวขาวเนียนเปรอะเปื้อนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์
"คุณคริส ปล่อยฉันนะ! ฉันเจ็บ!"
"ผู้หญิงอย่างเธอจะต้องการอะไร นอกจากเงินและเซ็กส์" ใบหน้าคมโน้มลงกัดริมฝีปากบางจนห้อเลือด เขาโกรธหล่อนจนหน้ามืดเกินที่จะหักห้ามแรงโทสะได้
"ในเมื่อพี่ชายคุณโง่เอง แล้วคุณมาลงที่ฉันทำไม!"
เธอด่าทอเขาสารพัด ร่างบางดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลัง เมื่อต้องทนฟังคำดูถูกดูแคลนทุกครั้งที่เจอหน้า
"เพราะพี่ชายผมเขาตายไปแล้วไง! เขาไม่มีโอกาสมาทำแบบนี้กับผู้หญิงอย่างคุณ!" ใบหน้าสวยถูกบีบริมฝีปากจนซีดเซียว เขาผลักร่างเล็กออกห่าง ทั้งเกลียดชังทั้งโกรธแค้นผู้หญิงประเภทนี้
ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่น ภาพเหตุการณ์ที่เขากอดร่างพี่ชายชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉานย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง คริสแผดเสียงร้องลั่นเมื่อไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตพี่ชายของตนเองได้
"มิยากะหลอกลวงพี่ ผู้หญิงคนนั้นเสนอตัวให้ผมทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกัน แค่นี้พี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเธอเป็นคนยังไง!"
"เลิกโง่ซะทีเถอะครับ เธอต้องการแค่เงินของพี่ มันไม่ใช่ความรัก มันคือความใคร่ต่างหาก" คำพูดที่ก้องในโสตประสาทของชายหนุ่มที่ตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนเพื่อฆ่าตัวตายยังคงหลอกหลอนเขา
"คริส..พี่ขอโทษที่ไม่เคยเชื่อเรา พี่ขอโทษที่เป็นพี่ชายที่ดีไม่ได้ พ่อแม่ครับ ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ผมขอโทษ.." เขาพร่ำพรรณาประโยคสุดท้ายก่อนที่จะจบชีวิตในห้องนอนใหญ่บนชั้น 3 ห้องที่ถูกปิดตายและเหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่เจ็บปวด
การเสียชีวิตของพี่ชาย นำพาความโศกเศร้าเสียใจระคนโกรธแค้นมาสู่จิตใจของร่างสูง เขาไม่เคยมอบความรักให้กับผู้หญิงคนไหนยกเว้นมารดา ชายหนุ่มใช้เงินของครอบครัวในการซื้อหาเซ็กส์ ความรักและเพื่อนฝูง อำนาจของเงินคือสิ่งเดียวที่เขาเชื่อว่าซื้อได้ทุกสิ่ง...
ขายาวพาร่างสูงเดินออกไปจากห้องนอน ปล่อยให้ชานยะนอนสะอื้นบนเตียงนุ่ม ข้อมือบางถูกพันธนาการไว้กับเตียง เธออยู่ในสภาพกึ่งเปลือยและยังคงไม่เข้าใจคริส มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลายเป็นคนรองรับอารมณ์ สัญญาทาสนั้นจะสิ้นสุดเมื่อถึงระยะเวลาสิบปี แต่หากชานยะทนไม่ได้จนเธอเลือกจากไป นั่นก็คือจุดสิ้นสุดของสัญญาฉบับนั้นเช่นกัน..
เรื่องราวโศกนาฎกรรมความเจ็บปวดของครอบครัวตระกูลอู๋กับชานยะสาวน้อยเอวีจะดำเนินไปในทิศทางไหน โปรดติดตาม
รบกวนติดแทค #ChanyaMyAV เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ไรท์เตอร์ ขอบคุณ _/\_