ผมเกลียดวันวาเลนไทน์...
เกลียดมากที่สุดในชีวิต เพราะมันทำให้ผมซวย! ซวยทุกปี! ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่รู้จะซวยอะไรนักหนา ส่วนไอ้เจ้าสาเหตุเนี่ย ก็เพราะ…
โรงเรียนสุดฟรุ้งฟริ้งของผมดันจัดงานล่าความรักในวันวาเลนไทน์!!!
ฟังดูไร้สาระ แต่ถ้าพวกคุณรู้ว่าโรงเรียนนั้นคือโรงเรียนสอนคิวปิดล่ะ…
คุณได้ยินไม่ผิดแล้ว โรงเรียนสอนคิวปิดหรือที่พวกเราเรียกสั้นๆว่าโรงเรียนคิวปิด เป็นโรงเรียนที่ถูกก่อตั้งโดยคิวปิด ใช่ ใช่เลย คิวปิด เทพแห่งความรักคนนั้นนั่นแหละ โดยเปิดสอนให้บรรดาเหล่าเทพองค์น้อยๆอย่างพวกเราเป็นคิวปิดนัมเบอร์ทู ดังนั้นเกมส์ล่าหัวใจ(ชื่อเต็มชื่อว่าอามัวดิคาตูรา)จึงถึงเป็นเกมส์ที่สำคัญมากสำหรับพวกเรา!!!
เกมส์นี้จะทำการแข่งขันระหว่างแต่ละบ้านในโรงเรียน โดยมีบ้านจะมีทั้งหมดสี่บ้าน
บ้านหลังแรก พาทีโน่ : รวมพวกเพอร์เฟ็ค ครบทุกคุณสมบัติตั้งแต่หน้าตายันหัวสมอง เลยยาวไปถึงนิสัย
บ้านหลังที่สอง โอโร่ : รวมพวกเด็กหน้าตาหวาน หน้าสวยอะไรทำนองนั้น แต่นิสัยพวกนี้ไม่ต้องพูดถึง สร้างภาพ!!
บ้านหลังที่สาม พาทาร์ : ในบรรดาทั้งหมด บ้านนี้แหละที่พอจะคบได้ เป็นพวกหน้าตาดีแต่ไม่ค่อยถือตัว ติดแค่อย่างเดียวคือเป็นพวกขี้เกียจ
บ้านหลังที่สี่ บรอนเซ่ : นอกจากชื่อที่เพราะแล้วมันก็ไม่มีดีอะไร และใช่แล้ว มันคือบ้านของผมเอง…
โดยปกติเกมส์นี้บ้านที่ถูกจับมาแข่งขันกัน เด็กในบ้านต้องทำยังไงก็ได้ให้เด็กจากบ้านตรงข้ามหลงรักตัวเองให้ได้ ซึ่งโดยปกติบ้านของผมก็มักจะรั้งท้ายที่สุด -______- และผมก็คงจะไม่เครียดอะไรเลยถ้าบ้านที่มีคนแพ้เยอะที่สุดจะต้องถูกทำโทษโดยการเป็นเบ๊ของบ้านผู้ชนะ (ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรจะซวยเลย) แล้วปีนี้ท่านคิวปิดดันเปลี่ยนกฎกติกาใหม่ ล้มเลิกการแข่งรวมกันทั้งบ้าน แต่ให้มีตัวแทนหนึ่งคนขึ้นทำการแข่งขัน โดยผลของการแข่งขันจะมีผลกับเด็กในบ้านที่เหลือทั้งหมดด้วย!!!
โคตรยุติธรรม…
และด้วยเพราะเหตุนั้นเอง ผมถึงได้เกลียดวันวาเลนไทน์ขึ้นอีกทวีคูณ
“ปีนี้เราจะโดนบ้านไหนวะ” เสียงเพื่อนของผม คิมยูคยอมหันมาถามขณะที่พวกเรากำลังนั่งรอบาสเซอร์รี่ เทพีผู้คุ้มครองโสเภณี อาจารย์ผู้ดูแลบ้านของพวกเราประกาศข่าวร้ายที่ห้องโถง
“ใบไหนก็ซวยเหมือนกันอะ” ผมเอ่ยตอบก่อนที่เสียงอาจารย์จะดังขึ้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนะจ๊ะ” เธอถือกระดาษสีทองแดงในมือไว้แน่น พร้อมกับขยับส่ายตัวไปมาอย่างมีความสุขท่ามกลางเด็กๆในบ้านที่นั่งฟังผลอย่างเคร่งเครียด
“และการแข่งขันอามัวดิคาตูราครั้งที่หนึ่งร้อยเก้าสิบห้า บ้านที่เราจะต้องทำการแข่งขันในครั้งนี้ก็คือ” เธอคลี่กระดาษออกมาอ่าน
“ก็คือบ้านหลังที่หนึ่ง! บ้านพาทิโน่จ้า”อาจารย์กวาดสายตามองไปมาอย่างตื่นเต้น ตอนนี้จังหวะหัวใจของพวกเราแทบจะรัวเป็นกลองแล้ว
อะ
ไร
นะ!!!
“ซวยแล้ว” พวกเราทั้งบ้านอวดครวญกันเหมือนโลกจะแตก ครั้งที่แล้วขนาดแข่งกับบ้านพาทาร์ยังแพ้แบบยับเยินเลย แล้วนี่! แล้วนี่! บ้านพาทิโน่ มีหวังซี้แหงแก๋แน่ๆ
“ตื่นเต้นกันอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ แต่นี่มันยังไม่ไฮไลท์ของเราเลยนะ เพราะต่อไปเราจะต้องคัดเลือกหาผู้ที่จะเป็นตัวแทนในการแข่งขันครั้งนี้”
ทุกคนแทบกลั้นหายใจ ปกติการแข่งครั้งนี้ก็เคร่งเครียดอยู่แล้ว นี่ครั้งนี้ดันเลือกตัวแทนไปแค่หนึ่งคนซึ่งจะแบกรับชะตากรรมของทั้งบ้านไว้ แล้วใครบ้างจะอยากรับหน้าที่หนักหนาขนาดนั้นไว้
“อาจารย์จะเสกขนนกวิเศษออกมาถ้ามันไปตกอยู่ที่ใครคนนั้นคือผู้ถูกเลือก” เสียงของเธอยังคงใสแจ๋วไม่รู้สึกอะไร อาจารย์เสกขนนกวิเศษขนาดยาวเท่าฝ่ามือออกมาก่อนที่จะสั่งให้มันเริ่มทำหน้าที่คัดสรร
เป็นอีกครั้งที่พวกเราลุ้นแทบจะหัวใจวาย ทุกคนประสานมือไว้แน่น ภาวนาให้ไม่ให้มันตกอยู่ที่ตัวเอง แต่ขนนกเจ้ากรรมกลับเล่นตลกลอยต่ำ จนเกือบจะวางนิ่งอยู่บนโต๊ะของใครหลายคนมากมายก่อนที่มันจะลอยตัวสูงขึ้นแล้วเริ่มปลิวว่อนอีกครั้ง
“ขออย่าให้เป็นฉัน อย่าให้เป็นฉัน” ผมหลับตาสวดภาวนาด้วยใจที่ลุ้นระทึกก่อนที่ทั้งห้องจะเริ่มเงียบไป
“…..”
“เห้ย แบมแบม…” เสียงยูคยอมดังขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนะ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นดันมาวางแหมะอยู่บนโต๊ะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลอยไปที่ไหนอีก
“ผ ผ ผมหรอ” ผมชี้หน้าตัวเอง หวังให้อาจารย์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ขอโทษทีจ่ะ มีข้อผิดพลาดทางเทคนิค ขนนกของอาจารย์พัง แต่อาจารย์กลับ…
ยืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ คู่แข่งของเธอไม่ได้ช่ำชองเรื่องรักอะไรนักหรอก เขาเป็นแค่” อาจารย์ตบบ่าเบาๆก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคที่มีเนื้อหารุนแรงและทารุณจิตใจของผมอย่างถึงที่สุด
“ต้วนอี้เอิน เด็กจากบ้านพาทิโน่เอง”
อะ
ไร
นะ!!!
ต้วนอี้เอิน เด็กจากบ้านพาทิโน่ที่ได้ฉายาว่าเป็นคิวปิดคนต่อไปของโอลิมปัสเนี่ยนะ!!!
โอ๊ยยย ซวยแล้วไอ้แบมเอ๊ย
…………………………
การแข่งขันถูกเริ่มขึ้น ทุกบ้านต้องระดมหาความคิดที่จะทำให้คู่แข่งตกหลุมรักเด็กจากบ้านของตนกันอย่างแข็งขัน โดยจะมีอาจารย์ประจำบ้านพักมาคอยช่วยให้คำปรึกษา ซึ่ง เอ่อ ถ้าดูจากอาจารย์ของผมแล้ว ผมคิดว่าพวกเราน่าจะช่วยกันเองได้มากกว่า
“อาจารย์ว่านะ เราควรจะค่อยๆเดินแก้ผ้าเข้าไปหาเขา ค่อยๆถอด ทีละชิ้น ทีละชิ้น จากนั้นก็”
“อาจารย์ครับ! พวกเราอยากได้วิธีที่ทำให้เขารักนะ ไม่ใช่มีอะไรกับเขาอะ” เด็กๆในบ้านโอดครวญ อาจารย์ตีหน้าเศร้า เบ้ปากน้อยๆแล้วหยิบเซ็กส์ทอย ใช่ครับ อ่านถูกแล้ว เซ็กส์ทอยนี่แหละครับขึ้นมาลูบเล่นอย่างหดหู่(แต่ดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด)
“ฉันว่านะ นายควรจะเริ่มจากการศึกษานิสัยใจคอเขา ดูว่าเขาชอบอะไร แล้วก็พยายามทำตามที่เขาชอบ” ยูคยอมเสนอ ผมหยิบใบประวัติของตามาร์คนั่นออกมา ก่อนจะลมแทบจับเมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดจบ
ชอบความท้าทาย
เจ้าชู้
อารมณ์ร้อน
อันตราย
เสือผู้หญิง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง!!!!
“จะรอดหรอวะ!!!” ผมสบถออกมาอย่างปลงตก
“เห้ย อย่าเพิ่งท้อดิ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าควรจะทำยังไงดี!!” ยูคยอมให้กำลังใจ เพื่อนๆทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่พวกเราจะเริ่มระดมความคิด รุ่นพี่ช่วยแนะแนวทาง เพื่อนๆพากันคิดแผนพิชิตใจ รุ่นน้องช่วยกันหาประวัติมาร์คเพิ่มขึ้น ฟังดูเหมือนจะต้องได้อะไรบางอย่าง แต่ในความจริงแล้ว….
จนถึงตีสามนี่ยังไม่ได้อะไรเลย
เด็กๆในบ้านค่อยๆทยอยขอตัวไปนอนกันจนหมดแล้ว ยูคยอมคนสุดท้ายที่อยู่เป็นเพื่อนผมก็เพิ่งจะขอตัวไปบรรทมเมื่อกี้ ดังนั้นทั้งห้องโถงเลยเหลือแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ ทำยังไงถึงจะชนะนายได้นะ” ผมมองไปที่รูปเหมือนขนาดเท่าคนจริงของมาร์คที่เด็กในบ้านคนหนึ่งเสกมันขึ้นมาติดที่ผนังห้องเพื่อเป็นอนุสรณ์อะไรไม่รู้ของมัน แต่เห็นแล้วยิ่งเครียด ดูยังไงนี่ก็เทพบุตรชัดๆ จะไปทำให้เขารักได้ยังไง
“จ้องมากๆแล้วจิตตก ขอปิดหน้าแล้วกัน” ว่าก่อนจะคว้าผ้าเช็ดหน้าใครสักคนที่ลืมไว้อยู่ตรงนั้นขึ้นมาปิดหน้าเขาไว้
“ปิดหน้าฉันแบบนี้ ฉันก็หายใจไม่ออกสิ”
กึก!
ผมชะงักค้าง ภาพที่เห็นแทบทำผมหัวใจวาย เพราะรูปภาพที่เห็นเมื่อกี้ดันกลายเป็นคนจริงๆขึ้นมาแถมกำลังจับมือผมไว้อยู่ด้วย!
“ตกใจอะไรขนาดนั้น แค่มาหาเฉยๆเอง” เสียงทุ้มนั่นดังขึ้นพร้อมกับกลั้วหัวเราะเบาๆ ผมรีบชักมือกลับก่อนจะผละถอยห่างออกจ้องหน้าเขาตรงๆ
“นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
ตามกฎเด็กจากบ้านอื่นจะไม่มีสิทธิเข้าบ้านที่ไม่ใช่ของตนตามลำพังถ้าไม่มีสมาชิกเด็กบ้านนั้นๆพาเข้ามา และอีกอย่างตอนนี้มันก็เลยเวลาที่เขาอนุญาตให้เข้าออกมานานแล้ว
“นี่นายไม่ได้สังเกตอะไรเลยหรอ เด็กที่มาติดรูปนี้ไม่ใช่เด็กบ้านของนาย แต่เป็นบ้านของฉัน ฉันใช้เขามาติดรูปเวทมนตร์เพื่อดูว่าพวกนายทำอะไรกัน” อี้เอินพูดอย่างอารมณ์ดี สองขายาวเดินไปทรุดนั่งด้วยท่าทางสบายๆที่โซฟา
“นี่นายโกงนี่!? นายเอารูปมาติดไว้อย่างนี้ก็เท่ากับโกงพวกฉัน”
มาร์คเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง
“ความรักเคยยุติธรรมที่ไหนล่ะ แล้วนี่ยืนนานๆอยากให้ฉันชมหุ่นนายหรอ มานั่งนี่” ไม่ว่าเปล่าเขาดันดึงผมให้ไปนั่งข้างๆเขาด้วย ทว่า…ด้วยความไม่ระวัง ดันทำให้ผมไปล้มตัวนั่งจุ๊มปุกบนตักของซะได้
เราสองคนเผลอสบตากันอย่างไม่มีใครพูดอะไร ผมได้แต่เบนสายตามองไปทางอื่น พยายามขืนตัวออก แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย วาดแขนโอบรอบเอวขังผมเอาไว้
“อย่ามาลามปาม…”
“ชอบจริงๆคนดุๆ” มาร์คมองผมแล้วยิ้มทะเล้น
“ตลก! อยากโดนหรอ!” ผมชูกำปั้นขึ้นขู่ มาร์คหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วสบตาผมตรงๆ
“ความจริงตอนแรกว่าจะมาทักทายเฉยๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“หมายความว่าไง!?”
“มาทำให้ตกหลุมรักหน่อยสิ”
ผมมองเขาค้าง หัวสมองทบทวนคำพูดของเขาซ้ำๆ ตอนที่เรียนมาก็พอรู้อยู่ว่ากามเทพฝึกหัดแต่ละคนจะมีวิธีที่ตัวเองจะตกหลุมรักคนอื่นไม่เหมือนกัน บางคนแค่จากคำพูด บางคนจากการกระทำ หรือบางคนก็จากการมีความสัมพันธ์ทางกาย….ซึ่งมาร์คอยู่ในกลุ่มนั้น
“นายไม่ได้กำลังหมายถึง เรื่องนั้นอยู่ใช่มั้ย” ผมถามหยั่งเชิงอย่างไม่มั่นใจนัก
“แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
ผมนั่งนิ่ง เอาจริงๆแล้วเรื่องพวกนี้สำหรับพวกเราถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แทบจะยกขึ้นมาพูดคุยเวลาอยู่บนโต๊ะอาหารได้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเราถูกสอนมาให้เป็น ‘กาม’เทพ เรื่องอย่างว่าก็จัดเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับความรักเหมือนกัน แต่การจะให้มามีอะไรกับมาร์ค กามเทพที่ใครๆต่างหลงรัก ผมมองว่ามัน…
“นายไม่อยากชนะดูบ้างหรอ” ผมนิ่งเงียบ ใครบ้างมันจะไม่อยากชนะ…
“แต่ แต่ แต่ฉันก็ทำไม่เป็น”
“’ฉันจะนำให้เอง ทุกอย่างมันง่ายจะตายไป เราแค่สมมติว่าเราเป็นแฟนกัน” รอยยิ้มแบดบอยวาดขึ้นที่กลีบปากได้รูปก่อนที่ผมจะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขา เมื่อผู้ชายที่คนทั้งโรงเรียน ทั้งสวรรค์อยากทอดกายให้เขากำลัง…จูบผมอยู่ตอนนี้
ผมได้แต่นั่งนิ่งจ้องหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก แก้มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่าอาย มาร์คสบตากับผมด้วยสายตาลึกซึ้งเหมือนอย่างที่คู่แฟนมองกันก่อนจะบดจูบลงมาอย่างนุ่มนวล เรียวปากขยับดูดเม้มอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น สัมผัสร้อนแผ่ซ่านไปทั่วกลีบปาก มือแกร่งประคองใบหน้าของผมให้หันตามองศาอย่างชำนาญ ก่อนจะค่อยๆโน้มกายเข้าหาแล้วจูบปากของผมซ้ำๆ
“นายคงไม่รู้ตัวว่าฉันแอบมองนายมาสักพักแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก หัวใจของผมเต้นโครมครามอย่างตื่นเต้น
“เด็กบ้านบรอนเซ่ที่สดใสอยู่ตลอดเวลา นายคงไม่รู้ว่าทำให้เด็กบ้านพาทิโน่เกือบทั้งบ้านหลงนายจนไม่อยากไปหาใครอีกแล้ว”
บ้า
บ้าน่า
ผมเนี่ยนะ
“ฉันจะขอเป็นแฟนของนายสักคืนหนึ่งได้ไหม เพราะต่อให้แพ้เกมส์นี้ไป ก็จะได้เอาไปคุยฟุ้งกับคนอื่นได้ว่าหัวใจนายเคยเป็นของฉันแค่ชั่วยามหนึ่ง” ดวงตามีเสน่ห์คู่นั้นสบตากับผมอย่างมีความหมาย พาลเอาให้หัวใจของผมสั่นไหว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าอยู่ในสายตาของผู้ชายคนนี้มาตลอด
“นายเองก็ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่มอง ฉันเองก็มองนายมานานแล้ว”
ดวงตาของเราสอดประสาน มาร์คคลี่ยิ้มละมุนที่ต่อให้ปีศาจไร้หัวใจในทาทาร์รัส(นรกขุมที่ลึกที่สุดของกรีก)มาเห็น ก็ยังต้องหวั่นไหว เขาค่อยๆประทับริมฝีปากลงมาอย่างเชื่องช้า เปลือกตาค่อยๆปิดลง แล้วดูดเม้มกลีบปากของผมราวกับเป็นขนมหวาน เรียวลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปากช้าๆ ก่อนจะมอบรสจูบหวานละมุนเหมือนครีมเค้กที่นุ่มลิ้น แล้วตวัดเลียไปมาแลกรสหยาดน้ำใสที่หวานหอมราวกับน้ำเชื่อมจากดอกไม้ในสวนเฮสเพอร์ริเดส(สวนต้องห้ามที่งดงามที่สุดบนสรวงสวรรค์)
มือแกร่งค่อยๆดันผมให้นอนราบกับโซฟาอย่างไม่รีบร้อน ยิ่งสัมผัสนั้นอ่อนหวาน ละมุนละม่อม และเต็มไปด้วยความสุภาพมากเท่าไรร่างกายและจิตใจของผมก็ยิ่งหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขามากเท่านั้น
เสื้อผ้าของพวกเราค่อยๆถูกถอดออกทีละชิ้น ทีละชิ้น ดวงตาของเราสบตากันอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนผ่าวจะเลื่อนขึ้นมาจูบไล้คลอเคลียไปทั่วใบหน้า ลากเฉียดระเรี่ยไปตามผิวเนื้อ ปลายจมูกโด่งลากไล้เก็บเกี่ยวกลิ่นหอมแล้วกดหอมฟอดแรงๆ
“เป็นของผมนะ เจ้าหญิง” หัวใจของผมอ่อนยวบยาบลงอีกครั้ง ร่างกายไม่รักดีแทบจะยอมโอนอ่อนให้กับเขาง่ายๆ
ชายผู้สูงศักดิ์จากบ้านพาทิโน่ค่อยๆพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของผม สัมผัสร้อนผ่าวคลอเคลียอยู่ที่เนินอก ก่อนจะค่อยๆวาบหวามเมื่อลิ้นร้อนฉ่ำหยาดน้ำสีใสแตะสัมผัสเบาๆที่ยอดอกที่ไม่เคยถูกรุกล้ำมาก่อน
“อื้อออ!” เผลอครางเสียงหลงพร้อมหยัดกายขึ้นตามอัตโนมัติ มาร์คยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพิ่มแรงตวัดเลียชิมมากขึ้นพร้อมกับส่งนิ้วเข้าสะกิดเขี่ยอีกข้างไปด้วยจนร่างกายผมสั่นสะท้าน
เกลียดมากที่สุดในชีวิต เพราะมันทำให้ผมซวย! ซวยทุกปี! ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่รู้จะซวยอะไรนักหนา ส่วนไอ้เจ้าสาเหตุเนี่ย ก็เพราะ…
โรงเรียนสุดฟรุ้งฟริ้งของผมดันจัดงานล่าความรักในวันวาเลนไทน์!!!
ฟังดูไร้สาระ แต่ถ้าพวกคุณรู้ว่าโรงเรียนนั้นคือโรงเรียนสอนคิวปิดล่ะ…
คุณได้ยินไม่ผิดแล้ว โรงเรียนสอนคิวปิดหรือที่พวกเราเรียกสั้นๆว่าโรงเรียนคิวปิด เป็นโรงเรียนที่ถูกก่อตั้งโดยคิวปิด ใช่ ใช่เลย คิวปิด เทพแห่งความรักคนนั้นนั่นแหละ โดยเปิดสอนให้บรรดาเหล่าเทพองค์น้อยๆอย่างพวกเราเป็นคิวปิดนัมเบอร์ทู ดังนั้นเกมส์ล่าหัวใจ(ชื่อเต็มชื่อว่าอามัวดิคาตูรา)จึงถึงเป็นเกมส์ที่สำคัญมากสำหรับพวกเรา!!!
เกมส์นี้จะทำการแข่งขันระหว่างแต่ละบ้านในโรงเรียน โดยมีบ้านจะมีทั้งหมดสี่บ้าน
บ้านหลังแรก พาทีโน่ : รวมพวกเพอร์เฟ็ค ครบทุกคุณสมบัติตั้งแต่หน้าตายันหัวสมอง เลยยาวไปถึงนิสัย
บ้านหลังที่สอง โอโร่ : รวมพวกเด็กหน้าตาหวาน หน้าสวยอะไรทำนองนั้น แต่นิสัยพวกนี้ไม่ต้องพูดถึง สร้างภาพ!!
บ้านหลังที่สาม พาทาร์ : ในบรรดาทั้งหมด บ้านนี้แหละที่พอจะคบได้ เป็นพวกหน้าตาดีแต่ไม่ค่อยถือตัว ติดแค่อย่างเดียวคือเป็นพวกขี้เกียจ
บ้านหลังที่สี่ บรอนเซ่ : นอกจากชื่อที่เพราะแล้วมันก็ไม่มีดีอะไร และใช่แล้ว มันคือบ้านของผมเอง…
โดยปกติเกมส์นี้บ้านที่ถูกจับมาแข่งขันกัน เด็กในบ้านต้องทำยังไงก็ได้ให้เด็กจากบ้านตรงข้ามหลงรักตัวเองให้ได้ ซึ่งโดยปกติบ้านของผมก็มักจะรั้งท้ายที่สุด -______- และผมก็คงจะไม่เครียดอะไรเลยถ้าบ้านที่มีคนแพ้เยอะที่สุดจะต้องถูกทำโทษโดยการเป็นเบ๊ของบ้านผู้ชนะ (ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรจะซวยเลย) แล้วปีนี้ท่านคิวปิดดันเปลี่ยนกฎกติกาใหม่ ล้มเลิกการแข่งรวมกันทั้งบ้าน แต่ให้มีตัวแทนหนึ่งคนขึ้นทำการแข่งขัน โดยผลของการแข่งขันจะมีผลกับเด็กในบ้านที่เหลือทั้งหมดด้วย!!!
โคตรยุติธรรม…
และด้วยเพราะเหตุนั้นเอง ผมถึงได้เกลียดวันวาเลนไทน์ขึ้นอีกทวีคูณ
“ปีนี้เราจะโดนบ้านไหนวะ” เสียงเพื่อนของผม คิมยูคยอมหันมาถามขณะที่พวกเรากำลังนั่งรอบาสเซอร์รี่ เทพีผู้คุ้มครองโสเภณี อาจารย์ผู้ดูแลบ้านของพวกเราประกาศข่าวร้ายที่ห้องโถง
“ใบไหนก็ซวยเหมือนกันอะ” ผมเอ่ยตอบก่อนที่เสียงอาจารย์จะดังขึ้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนะจ๊ะ” เธอถือกระดาษสีทองแดงในมือไว้แน่น พร้อมกับขยับส่ายตัวไปมาอย่างมีความสุขท่ามกลางเด็กๆในบ้านที่นั่งฟังผลอย่างเคร่งเครียด
“และการแข่งขันอามัวดิคาตูราครั้งที่หนึ่งร้อยเก้าสิบห้า บ้านที่เราจะต้องทำการแข่งขันในครั้งนี้ก็คือ” เธอคลี่กระดาษออกมาอ่าน
“ก็คือบ้านหลังที่หนึ่ง! บ้านพาทิโน่จ้า”อาจารย์กวาดสายตามองไปมาอย่างตื่นเต้น ตอนนี้จังหวะหัวใจของพวกเราแทบจะรัวเป็นกลองแล้ว
อะ
ไร
นะ!!!
“ซวยแล้ว” พวกเราทั้งบ้านอวดครวญกันเหมือนโลกจะแตก ครั้งที่แล้วขนาดแข่งกับบ้านพาทาร์ยังแพ้แบบยับเยินเลย แล้วนี่! แล้วนี่! บ้านพาทิโน่ มีหวังซี้แหงแก๋แน่ๆ
“ตื่นเต้นกันอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ แต่นี่มันยังไม่ไฮไลท์ของเราเลยนะ เพราะต่อไปเราจะต้องคัดเลือกหาผู้ที่จะเป็นตัวแทนในการแข่งขันครั้งนี้”
ทุกคนแทบกลั้นหายใจ ปกติการแข่งครั้งนี้ก็เคร่งเครียดอยู่แล้ว นี่ครั้งนี้ดันเลือกตัวแทนไปแค่หนึ่งคนซึ่งจะแบกรับชะตากรรมของทั้งบ้านไว้ แล้วใครบ้างจะอยากรับหน้าที่หนักหนาขนาดนั้นไว้
“อาจารย์จะเสกขนนกวิเศษออกมาถ้ามันไปตกอยู่ที่ใครคนนั้นคือผู้ถูกเลือก” เสียงของเธอยังคงใสแจ๋วไม่รู้สึกอะไร อาจารย์เสกขนนกวิเศษขนาดยาวเท่าฝ่ามือออกมาก่อนที่จะสั่งให้มันเริ่มทำหน้าที่คัดสรร
เป็นอีกครั้งที่พวกเราลุ้นแทบจะหัวใจวาย ทุกคนประสานมือไว้แน่น ภาวนาให้ไม่ให้มันตกอยู่ที่ตัวเอง แต่ขนนกเจ้ากรรมกลับเล่นตลกลอยต่ำ จนเกือบจะวางนิ่งอยู่บนโต๊ะของใครหลายคนมากมายก่อนที่มันจะลอยตัวสูงขึ้นแล้วเริ่มปลิวว่อนอีกครั้ง
“ขออย่าให้เป็นฉัน อย่าให้เป็นฉัน” ผมหลับตาสวดภาวนาด้วยใจที่ลุ้นระทึกก่อนที่ทั้งห้องจะเริ่มเงียบไป
“…..”
“เห้ย แบมแบม…” เสียงยูคยอมดังขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนะ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นดันมาวางแหมะอยู่บนโต๊ะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลอยไปที่ไหนอีก
“ผ ผ ผมหรอ” ผมชี้หน้าตัวเอง หวังให้อาจารย์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ขอโทษทีจ่ะ มีข้อผิดพลาดทางเทคนิค ขนนกของอาจารย์พัง แต่อาจารย์กลับ…
ยืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ คู่แข่งของเธอไม่ได้ช่ำชองเรื่องรักอะไรนักหรอก เขาเป็นแค่” อาจารย์ตบบ่าเบาๆก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคที่มีเนื้อหารุนแรงและทารุณจิตใจของผมอย่างถึงที่สุด
“ต้วนอี้เอิน เด็กจากบ้านพาทิโน่เอง”
อะ
ไร
นะ!!!
ต้วนอี้เอิน เด็กจากบ้านพาทิโน่ที่ได้ฉายาว่าเป็นคิวปิดคนต่อไปของโอลิมปัสเนี่ยนะ!!!
โอ๊ยยย ซวยแล้วไอ้แบมเอ๊ย
…………………………
การแข่งขันถูกเริ่มขึ้น ทุกบ้านต้องระดมหาความคิดที่จะทำให้คู่แข่งตกหลุมรักเด็กจากบ้านของตนกันอย่างแข็งขัน โดยจะมีอาจารย์ประจำบ้านพักมาคอยช่วยให้คำปรึกษา ซึ่ง เอ่อ ถ้าดูจากอาจารย์ของผมแล้ว ผมคิดว่าพวกเราน่าจะช่วยกันเองได้มากกว่า
“อาจารย์ว่านะ เราควรจะค่อยๆเดินแก้ผ้าเข้าไปหาเขา ค่อยๆถอด ทีละชิ้น ทีละชิ้น จากนั้นก็”
“อาจารย์ครับ! พวกเราอยากได้วิธีที่ทำให้เขารักนะ ไม่ใช่มีอะไรกับเขาอะ” เด็กๆในบ้านโอดครวญ อาจารย์ตีหน้าเศร้า เบ้ปากน้อยๆแล้วหยิบเซ็กส์ทอย ใช่ครับ อ่านถูกแล้ว เซ็กส์ทอยนี่แหละครับขึ้นมาลูบเล่นอย่างหดหู่(แต่ดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด)
“ฉันว่านะ นายควรจะเริ่มจากการศึกษานิสัยใจคอเขา ดูว่าเขาชอบอะไร แล้วก็พยายามทำตามที่เขาชอบ” ยูคยอมเสนอ ผมหยิบใบประวัติของตามาร์คนั่นออกมา ก่อนจะลมแทบจับเมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดจบ
ชอบความท้าทาย
เจ้าชู้
อารมณ์ร้อน
อันตราย
เสือผู้หญิง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง
ชอบคู่ขาที่เจนจัดเรื่องบนเตียง!!!!
“จะรอดหรอวะ!!!” ผมสบถออกมาอย่างปลงตก
“เห้ย อย่าเพิ่งท้อดิ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าควรจะทำยังไงดี!!” ยูคยอมให้กำลังใจ เพื่อนๆทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่พวกเราจะเริ่มระดมความคิด รุ่นพี่ช่วยแนะแนวทาง เพื่อนๆพากันคิดแผนพิชิตใจ รุ่นน้องช่วยกันหาประวัติมาร์คเพิ่มขึ้น ฟังดูเหมือนจะต้องได้อะไรบางอย่าง แต่ในความจริงแล้ว….
จนถึงตีสามนี่ยังไม่ได้อะไรเลย
เด็กๆในบ้านค่อยๆทยอยขอตัวไปนอนกันจนหมดแล้ว ยูคยอมคนสุดท้ายที่อยู่เป็นเพื่อนผมก็เพิ่งจะขอตัวไปบรรทมเมื่อกี้ ดังนั้นทั้งห้องโถงเลยเหลือแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ ทำยังไงถึงจะชนะนายได้นะ” ผมมองไปที่รูปเหมือนขนาดเท่าคนจริงของมาร์คที่เด็กในบ้านคนหนึ่งเสกมันขึ้นมาติดที่ผนังห้องเพื่อเป็นอนุสรณ์อะไรไม่รู้ของมัน แต่เห็นแล้วยิ่งเครียด ดูยังไงนี่ก็เทพบุตรชัดๆ จะไปทำให้เขารักได้ยังไง
“จ้องมากๆแล้วจิตตก ขอปิดหน้าแล้วกัน” ว่าก่อนจะคว้าผ้าเช็ดหน้าใครสักคนที่ลืมไว้อยู่ตรงนั้นขึ้นมาปิดหน้าเขาไว้
“ปิดหน้าฉันแบบนี้ ฉันก็หายใจไม่ออกสิ”
กึก!
ผมชะงักค้าง ภาพที่เห็นแทบทำผมหัวใจวาย เพราะรูปภาพที่เห็นเมื่อกี้ดันกลายเป็นคนจริงๆขึ้นมาแถมกำลังจับมือผมไว้อยู่ด้วย!
“ตกใจอะไรขนาดนั้น แค่มาหาเฉยๆเอง” เสียงทุ้มนั่นดังขึ้นพร้อมกับกลั้วหัวเราะเบาๆ ผมรีบชักมือกลับก่อนจะผละถอยห่างออกจ้องหน้าเขาตรงๆ
“นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
ตามกฎเด็กจากบ้านอื่นจะไม่มีสิทธิเข้าบ้านที่ไม่ใช่ของตนตามลำพังถ้าไม่มีสมาชิกเด็กบ้านนั้นๆพาเข้ามา และอีกอย่างตอนนี้มันก็เลยเวลาที่เขาอนุญาตให้เข้าออกมานานแล้ว
“นี่นายไม่ได้สังเกตอะไรเลยหรอ เด็กที่มาติดรูปนี้ไม่ใช่เด็กบ้านของนาย แต่เป็นบ้านของฉัน ฉันใช้เขามาติดรูปเวทมนตร์เพื่อดูว่าพวกนายทำอะไรกัน” อี้เอินพูดอย่างอารมณ์ดี สองขายาวเดินไปทรุดนั่งด้วยท่าทางสบายๆที่โซฟา
“นี่นายโกงนี่!? นายเอารูปมาติดไว้อย่างนี้ก็เท่ากับโกงพวกฉัน”
มาร์คเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง
“ความรักเคยยุติธรรมที่ไหนล่ะ แล้วนี่ยืนนานๆอยากให้ฉันชมหุ่นนายหรอ มานั่งนี่” ไม่ว่าเปล่าเขาดันดึงผมให้ไปนั่งข้างๆเขาด้วย ทว่า…ด้วยความไม่ระวัง ดันทำให้ผมไปล้มตัวนั่งจุ๊มปุกบนตักของซะได้
เราสองคนเผลอสบตากันอย่างไม่มีใครพูดอะไร ผมได้แต่เบนสายตามองไปทางอื่น พยายามขืนตัวออก แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย วาดแขนโอบรอบเอวขังผมเอาไว้
“อย่ามาลามปาม…”
“ชอบจริงๆคนดุๆ” มาร์คมองผมแล้วยิ้มทะเล้น
“ตลก! อยากโดนหรอ!” ผมชูกำปั้นขึ้นขู่ มาร์คหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วสบตาผมตรงๆ
“ความจริงตอนแรกว่าจะมาทักทายเฉยๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“หมายความว่าไง!?”
“มาทำให้ตกหลุมรักหน่อยสิ”
ผมมองเขาค้าง หัวสมองทบทวนคำพูดของเขาซ้ำๆ ตอนที่เรียนมาก็พอรู้อยู่ว่ากามเทพฝึกหัดแต่ละคนจะมีวิธีที่ตัวเองจะตกหลุมรักคนอื่นไม่เหมือนกัน บางคนแค่จากคำพูด บางคนจากการกระทำ หรือบางคนก็จากการมีความสัมพันธ์ทางกาย….ซึ่งมาร์คอยู่ในกลุ่มนั้น
“นายไม่ได้กำลังหมายถึง เรื่องนั้นอยู่ใช่มั้ย” ผมถามหยั่งเชิงอย่างไม่มั่นใจนัก
“แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
ผมนั่งนิ่ง เอาจริงๆแล้วเรื่องพวกนี้สำหรับพวกเราถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แทบจะยกขึ้นมาพูดคุยเวลาอยู่บนโต๊ะอาหารได้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเราถูกสอนมาให้เป็น ‘กาม’เทพ เรื่องอย่างว่าก็จัดเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับความรักเหมือนกัน แต่การจะให้มามีอะไรกับมาร์ค กามเทพที่ใครๆต่างหลงรัก ผมมองว่ามัน…
“นายไม่อยากชนะดูบ้างหรอ” ผมนิ่งเงียบ ใครบ้างมันจะไม่อยากชนะ…
“แต่ แต่ แต่ฉันก็ทำไม่เป็น”
“’ฉันจะนำให้เอง ทุกอย่างมันง่ายจะตายไป เราแค่สมมติว่าเราเป็นแฟนกัน” รอยยิ้มแบดบอยวาดขึ้นที่กลีบปากได้รูปก่อนที่ผมจะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขา เมื่อผู้ชายที่คนทั้งโรงเรียน ทั้งสวรรค์อยากทอดกายให้เขากำลัง…จูบผมอยู่ตอนนี้
ผมได้แต่นั่งนิ่งจ้องหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก แก้มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่าอาย มาร์คสบตากับผมด้วยสายตาลึกซึ้งเหมือนอย่างที่คู่แฟนมองกันก่อนจะบดจูบลงมาอย่างนุ่มนวล เรียวปากขยับดูดเม้มอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น สัมผัสร้อนแผ่ซ่านไปทั่วกลีบปาก มือแกร่งประคองใบหน้าของผมให้หันตามองศาอย่างชำนาญ ก่อนจะค่อยๆโน้มกายเข้าหาแล้วจูบปากของผมซ้ำๆ
“นายคงไม่รู้ตัวว่าฉันแอบมองนายมาสักพักแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก หัวใจของผมเต้นโครมครามอย่างตื่นเต้น
“เด็กบ้านบรอนเซ่ที่สดใสอยู่ตลอดเวลา นายคงไม่รู้ว่าทำให้เด็กบ้านพาทิโน่เกือบทั้งบ้านหลงนายจนไม่อยากไปหาใครอีกแล้ว”
บ้า
บ้าน่า
ผมเนี่ยนะ
“ฉันจะขอเป็นแฟนของนายสักคืนหนึ่งได้ไหม เพราะต่อให้แพ้เกมส์นี้ไป ก็จะได้เอาไปคุยฟุ้งกับคนอื่นได้ว่าหัวใจนายเคยเป็นของฉันแค่ชั่วยามหนึ่ง” ดวงตามีเสน่ห์คู่นั้นสบตากับผมอย่างมีความหมาย พาลเอาให้หัวใจของผมสั่นไหว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าอยู่ในสายตาของผู้ชายคนนี้มาตลอด
“นายเองก็ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่มอง ฉันเองก็มองนายมานานแล้ว”
ดวงตาของเราสอดประสาน มาร์คคลี่ยิ้มละมุนที่ต่อให้ปีศาจไร้หัวใจในทาทาร์รัส(นรกขุมที่ลึกที่สุดของกรีก)มาเห็น ก็ยังต้องหวั่นไหว เขาค่อยๆประทับริมฝีปากลงมาอย่างเชื่องช้า เปลือกตาค่อยๆปิดลง แล้วดูดเม้มกลีบปากของผมราวกับเป็นขนมหวาน เรียวลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปากช้าๆ ก่อนจะมอบรสจูบหวานละมุนเหมือนครีมเค้กที่นุ่มลิ้น แล้วตวัดเลียไปมาแลกรสหยาดน้ำใสที่หวานหอมราวกับน้ำเชื่อมจากดอกไม้ในสวนเฮสเพอร์ริเดส(สวนต้องห้ามที่งดงามที่สุดบนสรวงสวรรค์)
มือแกร่งค่อยๆดันผมให้นอนราบกับโซฟาอย่างไม่รีบร้อน ยิ่งสัมผัสนั้นอ่อนหวาน ละมุนละม่อม และเต็มไปด้วยความสุภาพมากเท่าไรร่างกายและจิตใจของผมก็ยิ่งหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขามากเท่านั้น
เสื้อผ้าของพวกเราค่อยๆถูกถอดออกทีละชิ้น ทีละชิ้น ดวงตาของเราสบตากันอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนผ่าวจะเลื่อนขึ้นมาจูบไล้คลอเคลียไปทั่วใบหน้า ลากเฉียดระเรี่ยไปตามผิวเนื้อ ปลายจมูกโด่งลากไล้เก็บเกี่ยวกลิ่นหอมแล้วกดหอมฟอดแรงๆ
“เป็นของผมนะ เจ้าหญิง” หัวใจของผมอ่อนยวบยาบลงอีกครั้ง ร่างกายไม่รักดีแทบจะยอมโอนอ่อนให้กับเขาง่ายๆ
ชายผู้สูงศักดิ์จากบ้านพาทิโน่ค่อยๆพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของผม สัมผัสร้อนผ่าวคลอเคลียอยู่ที่เนินอก ก่อนจะค่อยๆวาบหวามเมื่อลิ้นร้อนฉ่ำหยาดน้ำสีใสแตะสัมผัสเบาๆที่ยอดอกที่ไม่เคยถูกรุกล้ำมาก่อน
“อื้อออ!” เผลอครางเสียงหลงพร้อมหยัดกายขึ้นตามอัตโนมัติ มาร์คยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพิ่มแรงตวัดเลียชิมมากขึ้นพร้อมกับส่งนิ้วเข้าสะกิดเขี่ยอีกข้างไปด้วยจนร่างกายผมสั่นสะท้าน
แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Sat Feb 13, 2016 7:59 pm, ทั้งหมด 4 ครั้ง