“ว่าไงนะ!!”ผมผลุดขึ้นลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับจ้องหน้าคริสเขม็ง แต่เขากลับแค่หัวเราะ แล้วพูดย้ำด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ฝึกใช้โลหะไง ตอนนี้เรารู้แล้วว่านายหลอมโลหะได้มากที่สุดก็แค่แทนทาลัม ต่อไปเราก็มาฝึกใช้โลหะกันไง”
“ตะ ตะ แต่ว่า…”
“หื้ม…..แค่ใช้โลหะ อย่าบอกนะว่านายไม่ไหวแล้วน่ะ”
“ไม่ใช่!”ผมรีบเถียง เพราะอะไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าผมจะแพ้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ คริสพยักหน้ารับอย่างล้อเลียน ก่อนจะพูดต่อ
“ถ้างั้นก็ลุกขึ้นซะสิ จะนั่งรออะไรล่ะ”
“…………พักแปบนึงไม่ได้รึไง”
“ถ้าอยากจะพักก็ตามใจ แต่หายเหนื่อยเมื่อไรนายได้ฝึกโหดขึ้นเป็นอีกสองเท่าแน่”
“ห๊ะ!? บ้าไปแล้ว”
“ไม่บ้าล่ะ เลือกเอาเองละกัน ว่าจะยอมเหนื่อยนิดเดียว หรือเหนื่อยสายตัวแทบขาด”
“ฮึ่ย! คอยดู สักวันฉันต้องชนะนายให้ได้เลย!!!!”ผมตะโกนเสียงดัง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน
“อ่า….ห๊ะ แล้วฉันจะรอวันนั้นนะ…..ถ้ามันมี”คริสยิ้มกวนประสาท ผมเงื้อมือปล่อยลูกไฟออกไป แต่สุดท้ายมันกลับไม่มีอะไรเลยจนอีกฝ่ายหัวเราะเยาะผม
“ทำอะไรของนายน่ะ ชานยอล”ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไค แต่เขาก็กำลังกลั้นยิ้มอยู่เหมือนกัน ยิ่งยัวะให้ผมยิ่งหงุดหงิดและอายมากขึ้นไปใหญ่
“ฮึ่ย! จะฝึกไม่ใช่รึไง รีบๆฝึกสิ!!!”ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะกระทืบเท้าปึงบังเดินออกห่าง
“ฉันเดาว่าถ้านายยังมีพลังอยู่ รับรองว่าโรงฝึกนี่ต้องหลอมละลายแน่”คริสแกล้งว่า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อผมหันไปค้อนขวับ (แต่เอาเข้าจริงๆนะ ผมว่าเขาคิดจะพูดเรื่องอื่นเองอยู่แล้วมากกว่า)
“อย่างแรกที่นายต้องรู้ คือปกติแล้วเผ่าโลหะจะควบคุมได้แค่หนึ่งหรือสองธาตุโลหะเท่านั้น ผู้พิทักษ์ที่นอกเหนือจากธาตุโลหะก็เหมือนกัน พวกเขาไม่ได้ควบคุมได้ทุกธาตุโลหะ แต่แต่ละคนจะควบคุมได้แค่แต่ละชนิดเท่านั้น อย่างไคควบคุมธาตุเหล็ก ลู่หานควบคุมปรอท เซฮุนควบคุมธาตุเงิน”คริสอธิบาย
“จะ จะ จริงหรอ…”ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในคามคิดผม ผมรู้สึกว่าธาตุโลหะเป็นอะไรที่ควบคุมได้ยาก เพราะพวกมันไม่มีชีวิต และยังดูแข็งแกร่งจนควบคุมลำบากอีก
“ไม่เชื่อก็ถามไคสิ”
“จริงครับพี่ เดี๋ยวผมทำให้ดูก็ได้”ไคว่าก่อนจะควบคุมเหล็กให้บิดงอ ก่อนจะทำให้มันสลายกลายเป็นผงโรยลงบนพื้น ผมมองด้วยความทึ่งก่อนจะหันไปหาคริส
“แล้วนายล่ะ ควบคุมอะไร”คริสขมวดคิ้วเหมือนผมถามคำถามที่ไม่น่าถามก่อนจะตอบ
“ทุกธาตุโลหะ”เขาตอบก่อนจะพูดต่อ
“แต่การจะรู้ว่าธาตุประจำตัวของนายคืออะไรก็ยุ่งนิดหน่อยน่ะนะ เอาจริงๆก็ยุ่งแค่กับนาย ไม่ได้ยุ่งสำหรับฉัน”
“หมายความว่าไง”
“นายต้องทดสอบควบคุมทุกธาตุ ธาตุไหนตอบสนองกับนายก็ธาตุนั้นล่ะ”
“อะไรนะ!!”ผมถามเสียงหลง จะให้มานั่งทดสอบควบคุมทุกธาตุเนี่ยนะ แล้วคิดว่าผมจะควบคุมได้หรอ แล้วถ้าเกิดว่าผมยังไม่เก่งพอจะควบคุมได้ล่ะ ถ้าอย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่าผมควบคุมธาตุอะไรได้
“นายก็ยังไม่แก่ หูตึงแล้วรึไง ฉันบอกว่านายต้องทดสอบควบคุมทุกธาตุ”
“อ้าว ถ้าเกิดฉันยังไม่เก่งพอจะควบคุมได้ล่ะ”
“ไม่มีทาง ที่ฉันจะให้นายทดสอบมันง่ายยิ่งกว่านายเสกไฟซะอีก”คริสอธิบายต่อเมื่อเห็นผมยังขมวดคิ้ว
“ฉันให้นายแค่ควบคุมเศษโลหะ แค่ผงโลหะเลยก็ได้เอา ถ้าไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”เขาพูดก่อนจะเสกผงโลหะหลายชนิดมาตรงหน้าผม
“ลองควบคุมดู แค่ให้มันขยับ1มิลลิเมตรก็ได้”คริสประชด ผมหันไปหาไคอยากขอความช่วยเหลือ
“พี่ทำได้ เชื่อผมสิ มันไม่ยากหรอกครับ ลองดูนะ”
“เป็นเด็กรึไง ต้องมีคนคอยให้กำลังใจ เอ้า ลองดู ตัวแรกเลย ลิเที่ยม”เขายื่นโลหะสีขาวเงินที่ถูกเก็บอยู่ในน้ำมันมาให้ผม จากความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด ทำให้ผมรู้ว่าโลหะชนิดนี้ติดไฟและระเบิดได้ง่ายมากเมื่อกระทบกับอากาศหรือน้ำ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องเก็บมันอยู่ในน้ำมันเท่านั้น แต่ดูให้ตายยังไงผมว่าเจ้านี่ก็ไม่ใช่ธาตุของผมแน่นอน
ผมมองหน้าคริสอย่างลังเล ซึ่งก็ได้ผลตอบกลับมาเป็นที่น่าพอใจสุดๆ เมื่อเขาถลึงตาใส่ผม พร้อมกับสื่อทางสายตาว่าให้รีบๆทดสอบสักที เขาเบื่อจะรอแล้ว ให้ตาย!!! ผมไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย!!!
ผมบ่นขมุบขมิบก่อนจะเพ่งสมาธิลองสั่งให้มันขยับดู แต่เพ่งอยู่หลายนาที สุดท้ายมันก็คงที่อยู่เหมือนเดิม คริสก็เลยเอาโลหะอันอื่นมาให้ผมทดสอบใหม่
การทดสอบทำขึ้นไปเรื่อยๆ โลหะจากแค่สองสามชนิดเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเป็นสิบกว่าชนิดแต่ก็ไม่มีชนิดไหนเลยที่ผมควบคุมได้ ทำให้ความมั่นใจจากที่ไม่ค่อยจะมีอยู่ก่อนแล้วค่อยๆลดลงจนเกือบจะติดลบ ผมอาจจะควบคุมธาตุโลหะไม่ได้สักธาตุเลยก็ได้…
“เหลือธาตุสุดท้ายแล้ว”คริสพูดขึ้นก่อนจะยื่นผงสีเทาๆขาวๆมาให้ผม ผมมองดูพร้อมกับใจที่ภาวนาอยู่ลึกๆว่าขอให้ใช่ธาตุของผมสักที
ผมหลับตาลง ก่อนจะตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ แล้วเพ่งจิตควบคุมมัน เกิดความเงียบที่กินระยะเวลายาวนาวอยู่ครู่หนึ่ง ทุกอย่างนิ่งสงบ ไม่มีเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ใจเต้นรัว แต่พอเห็นภาพตรงหน้า หัวใจผมก็กลับไปห่อเหี่ยวอีก….
ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
“เป็นไปไม่ได้”คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ท่าทางสบายๆติดกวนประสาทของเขาหายไปแล้ว เอาจริงๆมันก็หายไปตั้งแต่ธาตุตัวที่สามสิบกว่าๆแล้ว เขาหันไปมองหน้าไคอย่างเคร่งเครียด
“พี่ทำอะไรพลาดไปรึเปล่าครับ”ไคถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น
“นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยทำพลาดในเรื่องของโลหะ โดยเฉพาะการทดสอบ”
“เอ่อ….หรือฉันอาจจะยังไม่เก่งพอจะควบคุม”
“ไม่มีทาง”คริสพูดอย่างไม่ลังเล คิ้วของเขากำลังขมวดเข้าหากัน สีหน้ากำลังคิดอะไรบางอย่างที่เครียดมากๆอยู่ ในขณะที่ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก
เกิดความเงียบระหว่างพวกเราทั้งสามคน คริสกับไคกำลังเครียดกับผลการทดสอบ ส่วนผมเองก็เครียดไม่แพ้กันที่ควบคุมธาตุอะไรไม่ได้เลย ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่นี่มาก แต่อย่างน้อยก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้พิทักษ์จะควบคุมโลหะอะไรไม่ได้เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเท่ากับว่าผมจะควบคุมได้แค่สี่ธาตุหลัก ไม่สิ ธาตุอื่นจะควบคุมได้มั้ย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะยังไม่เคยได้ลองเลยสักครั้ง
“บางที…..บางทีฉันอาจจะควบคุมได้แค่….”
“ไม่มีทาง”คริสพูดดักคอขึ้น ก่อนจะพูดต่อ แต่ดูเหมือนจะพูดกับไคมากกว่าจะคุยกับผม
“ฉันจะไปหา ท่านเดรโก้ ท่านคงรู้ว่าจะต้องทำยังไง”คริสพูดก่อนจะฉุดผมลุกขึ้น ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรมากกว่านั้น คริสก็เปิดประตูจากความว่างเปล่า แล้วเดินเข้าไปข้างใน เหมือนกับตอนที่ผมเข้าไปในพื้นที่ศักดิ์สิทธิตอนนั้น….
-------------------------------------------
พื้นที่ศักดิ์สิทธิของธาตุโลหะต่างจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิของธาตุไม้อย่างลิบลับ สถานที่ที่ผมมาโผล่อยู่นี้ไม่ใช่ผืนป่ากว้างใหญ่แบบนั้น แต่เป็นภายในถ้ำที่ผนังมีแร่โลหะทิ่มแทงออกมา และเมื่อถูกแสงไฟจากลูกไฟในมือของคริสก็เกิดส่องประกาย หลากเฉดสีสันไปทั่ว ทำให้ที่นี่เกือบจะสวยงามในความคิดของผม ถ้าไม่มีเสียงคำรามของตัวอะไรบางอย่างดังออกมาจากภายในถ้ำ
“ท่านเดรโก้นี่คือตัวอะไร”ผมถามคริส พยายามคุมน้ำเสียงให้ดูไม่กลัวจนเกินไป
“เดี๋ยวก็รู้”ผมอยากจะถามต่อ แต่สีหน้าและท่าทางของคริสไม่ได้น่าถามเลย เขากำลังจริงจังแล้วก็เครียดมากนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกังวลตามไปด้วย ผมควบคุมโลหะไม่ได้ แล้วผมจะเป็นผู้พิทักษ์ได้มั้ย ….
เราสองคนค่อยๆเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร เสียงคำรามก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆจนหูผมเริ่มอื้อ ทั้งบรรยากาศโดยรอบดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟส่องให้เห็นถึงแร่ที่ทิ่มแทงออกมา ที่ปลายแหลมของมันมีสีแดงฉานเหมอเลือด ผมภาวนาในใจว่าขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ผมคิดเลย และแล้วสิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นจริง…
ที่พื้นถ้ำโรยไปด้วยกระดูกอย่างกับเจ้าของถ้ำจงใจนำโครงกระดูกพวกนี้มาทำเป็นหินโรยทางเดินเพื่อเพิ่มความสวยงาม แต่ผลมันกลับให้ในทางตรงข้ามมากกว่า เพราะนอกจากจะไม่สวยแล้ว มันยังดูน่ากลัว และชวนขนหัวลุกอีกด้วย ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงโดยไม่เหยียบหัวกะโหลกของใครไปซะก่อน
เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ผนังถ้ำก็ค่อยๆปรากฏเป็นเงาบิดเบี้ยวของสัตว์อะไรบางอย่างที่ผมมองไม่ออกว่ามันคือตัวอะไร แต่ที่แน่ๆมันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่ยิ่งกว่ามังกรของคริสสักสิบเท่าได้ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเจอท่านเดรโก้นี่
แต่ยิ่งไม่อยากเจอมากขึ้นเท่าไร ระยะเวลาก็ยิ่งดูเร็วขึ้นมากเท่านั้น เราเดินกันมาถึงสุดทางเดินที่เปิดออกไปเป็นหน้าผาสูงชัน ถัดออกไปจากที่เรายืนอยู่สักหลายเมตรคือแท่นโลหะที่บนยอดมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกที่ผมเคยเห็นมา มันคือมังกรตัวสูงเฉียดฟ้า ขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าช้างร้อยตัว ตัวของมันเป็นสีเงินแวววาว ฟันแหลมคมเหมือนสว่านที่พร้อมจะเจาะทะลวงทุกอย่าง ดวงตาสีทองเจิดจ้าที่ดูเหมือนจะมองทะลุได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้กำลังจับจ้องมาที่ผมตาเขม็ง
“ผู้พิทักษ์แห่งอัคคี”เสียงของมันดังกังวาน ฟังดูทั้งเพราะและทรงพลัง
“ผมมาขอคำปรึกษา ท่านเดรโก้”คริสพูดก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าท่านเดรโก้ ผมเลยคุกเข่าตามอย่างงกๆเงิ่นๆ
“เด็กคนนี้ไม่มีธาตุเฉพาะตัว ผมทดสอบดูแล้ว”ท่านเดรโก้นิ่งเงียบไป จนผมเหลือบตามอง ดวงตาสีทองคู่นั้นจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนกับหมอเวลาตรวจดูร่างกายของคนไข้ แต่มันดูเคร่งเครียด และน่ากลัวกว่ามาก
“เป็นไปไม่ได้….”มังกรพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับผมหรือคริส
“ทำไมหรอครับท่าน..”
“ก้าวออกมาหาข้า”ท่านเดรโก้สั่งผม ผมหันไปมองคริสอย่างขอความช่วยเหลือ จะให้ไปที่หน้าผาเนี่ยนะ ไม่ตายกันรึไง
พรึ่บ!!!
จู่ๆโลหะก็ผลุดขึ้นมา สานตัวเองเป็นทางเดิน ทอดยาวไปยังจุดที่ท่านเดรโก้นั่งอยู่ ผมหันไปมองหน้าคริสอีกครั้ง เขาพยักหน้ารับก่อนที่ผมจะค่อยๆเดินตรงไปหาท่านเดรโก้ ที่ใต้สะพานไม่มีอะไรนอกจากความลึกมืดมิดและเวิ้งว้าง มองไม่เห็นว่าก้นหลุมอยู่ที่ตรงไหน ผมเงยหน้าหันไปมองท่านเดรโก้อีกครั้ง
“ข้าจะทดสอบเจ้าด้วยวิธีการเผาโลหะ ในตัวของเจ้าจะมีธาตุของเจ้าอยู่ และเมื่อมันถูกเผา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะบอกได้ว่าเจ้าเป็นธาตุอะไร”ผมนิ่งคิดตาม ฟังดูเหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เคยทำ ที่เวลาธาตุถูกเผาแล้วจะเกิดสีอะไร ก๊าซอะไร ถ้ารู้ผลการทดลอง เราก็คงจะพอเดาได้ว่า ธาตุตัวนั้นคือธาตุอะไร บางทีการทดสอบนี่อาจจะเป็นแบบนั้น…
“ท่านจะเผาโลหะยังไงหรอครับ”
“จากตัวของเจ้า….”ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร จู่ๆท่านเดรโก้ก็พ่นไฟสีเงินสว่างใส่ผม ความร้อนของมันไม่ใช่ในแบบที่ผมคุ้นเคย แต่มันร้อนแรง แสบผิว และทิ่มแทง เหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ จนผมเริ่มรู้สึกได้ว่าผิวหนังกำลังจะหลุดร่อนออกไป ณ ชั่วขณะนั้นเองที่ร่างกายผมแทบจะทนไม่ไหว จู่ๆเปลวไฟทุกอย่างก็ดับวูบพร้อมกับผมที่ทรุดฮวบและกับพื้น และเสียงของท่านเดรโก้ที่แผดก้องดังไปทั่ว
“กลายพันธุ์!!!”ดวงตาทรงพลังคู่นั้นมองมาที่ผม มันเต็มไปด้วยความตกใจ รังเกียจ หวาดหวั่น และสับสน ผมได้แต่ชะงักไปกับคำพูดของท่าน ถึงจะไม่เข้าใจความหมายเท่าไร แต่ก็รู้ว่านั่นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ว่าไงนะครับท่าน!”คริสถาม
“กลายพันธุ์!!! เขาเป็นพวกกลายพันธุ์!!!”
“ชานยอล….ควบคุมธาตุอะไรหรอครับ…”คริสถามอย่างลังเล ท่านเดรโก้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ
“……ออกซิเจน”ฉับพลันนั้นมือของคริสก็สั่น เขาเหลือบมามองที่ผม ก่อนจะหันกลับไปมองท่านเดรโก้
“ท่านแน่ใจแล้วหรอครับ…”
“เจ้าก็เห็นปฏิกิริยาต่อเพลิงสีเงินของข้าแล้วไม่ใช่รึ! เพลิงของข้าลุกโหมสูงเสียดฟ้า ธาตุเดียวที่ช่วยให้ไฟติด ก็มีแต่ออกซิเจนเท่านั้น!!!” เกิดความเงียบระหว่างพวกเรา คริสพูดอะไรไม่ออกเพราะเขากำลังอึ้งกับคำตอบของท่านเดรโก้ ในขณะที่ท่านเดรโก้นิ่งเงียบเพราะกำลังจ้องมองผมอยู่ ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนี้ท่านกำลังรู้สึกอะไร แต่ที่แน่ๆสายตาที่มองมามันไม่เป็นมิตรเอาซะเลย มันเกิดอะไรขึ้น กลายพันธุ์คืออะไร แล้วทำไมคริสกับท่านเดรโก้ต้องตกใจซะขนาดนั้น….นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“พาเขากลับไปซะ แล้วอย่าให้มาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง!!!”ท่านเดรโก้แผดเสียง
“ครับ..”คริสรับคำสั้นๆ ก่อนที่เขาจะพยุงตัวผมขึ้นมาแล้วพาออกไปจากที่นี่
ที่โลกความเป็นจริง ไคกำลังยืนรอพวกเราอยู่ สีหน้าเคร่งเครียดของเขาเปลี่ยนมาเป็นมีความหวังเมื่อเห็นพวกเรา ก่อนจะกลับไปเคร่งเครียดอีก เมื่อเห็นสีหน้าของคริสที่บอกอย่างชัดเจนว่ากำลังเครียด
“เป็นยังไงบ้างครับพี่”คริสนิ่งไม่ตอบอะไร เขาตอนนี้เหมือนแทบไม่ได้ยินที่ไคถามด้วยซ้ำ
“พี่ครับ…”
“เรียกประชุมด่วน ตามตัวลู่หานกับเซฮุนกลับมาให้เร็วที่สุด ส่วนนาย ชานยอล เดี๋ยวฉันจะให้ดิคคอนพาไปที่พักห้อง”คริสออกคำสั่ง
“ฉันควรจะได้รู้ด้วย”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาเอาแต่ใจตอนนี้”คริสพูดเสียงแข็ง ก่อนที่เขาจะเดินตรงออกไปจากโรงฝึก พร้อมกับที่ดิคคอนเข้ามา
“กระหม่อมมารับตัวผู้พิทักษ์แห่งอัคคีแล้วพะยะค่ะ!”
“พากลับไปที่ห้องพัก แล้วก็อย่าให้ออกมาป้วนเปี้ยนข้างนอกเด็ดขาด จนกว่าฉันจะไปรับเขาด้วยตัวเอง”
“พะยะค่ะ!!! เชิญทางนี้เลย ท่านผู้พิทักษ์”ดิคคอนบอกพร้อมกับผายมือให้ผมเดินไปอีกทาง
ผมถูกพาตัวมายังห้องพักของตัวเอง ถ้าทุกอย่างมันดีกว่านี้ผมคงจะทึ่งกับห้องนี้ไปแล้ว เพราะข้าวของทุกอย่างทำมาจากทองคำหมด การตกแต่งหรูหราสมกับเป็นพระราชวัง ที่รายล้อมรอบห้องอยู่คือกำแพงไฟ แต่แปลกที่มันไม่หลอมโลหะ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากจะสนใจพวกมันเท่าไร ผมกำลังเครียด กำลังสงสัยอยู่กับเรื่อง ‘กลายพันธุ์’ ที่ทำให้คริสและท่านเดรโก้ต้องตกใจจนขนาดต้องเรียกประชุมด่วน มันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ แหงสิ ผู้พิทักษ์แห่งอัคคีที่กลายพันธุ์ ฟังดูยังไงก็น่าเป็นห่วง เป็นถึงผู้พิทักษ์แต่กลับกลายพันธุ์ แล้วอย่างนี้จะทำยังไง จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม และตำแหน่งของผู้พิทักษ์กัน
ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างร้อนรน ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู พยายามจะเปิดมันออกแต่ก็ไม่ได้ผล ประตูถูกล็อก แต่พอจะหันไปพึ่งหน้าต่างก็ไม่ได้ เพราะมันก็ถูกล็อกเอาไว้แน่นหนาเหมือนกัน สุดท้ายผมก็เลยได้แต่นั่งรออยู่ข้างในอย่างจนปัญญา
“ท่านชานยอล…”จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมหันซ้ายหันขวาหาที่มา มันดังมาจากในห้อง ไม่ใช่ข้างนอกแน่นอน แต่….เขาเข้ามาได้ยังไงกันล่ะ
“ผมอยู่นี่”เขาพูดก่อนที่ผมจะเห็นว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังของผม เทา คนจากสมาพันธ์ที่ผมเจอเมื่อคืน
“นายเข้ามาได้ยังไง!”
“เรื่องมันง่ายจะตายไปครับ”
“….นาย….นายควบคุมธาตุอะไรน่ะ”เขายิ้มก่อนจะตอบ
“โลหะครับ ผมควบคุมเหล็กได้ แล้วก็ควบคุมออกซิเจนได้อีกนิดหน่อย”ผมเบิกตาโพล่งก่อนจะพูดต่อ
“….กลายพันธุ์”
“นั่นคือคำที่พวกเผ่าโลหะเรียกกัน พอใครผิดจากตัวเองเข้าหน่อย ก็ว่าพวกนั้นแปลกประหลาด จริงมั้ยครับ ท่านชานยอล”เทาหันมาถามผมเหมือนรู้ว่าผมเองก็เป็นพวก‘กลายพันธุ์’
“นายรู้?”เขายิ้มก่อนจะตอบ
“ครับ ผมรู้ ท่านเหมือนกับผม เราควบคุมออกซิเจนได้เหมือนกัน”
“นายควบคุมได้แค่สองธาตุหรอ”
“ครับ นั้นนับว่ามากสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับผู้พิทักษ์ นั่นเรียกว่าน้อยมาก เพราะฉะนั้น คริสก็เลยถูกเทิดทูนเหมือนเป็นเจ้าชายอย่างที่ดิคคอนทำยังไงล่ะครับ”
“นายรู้จักดิคคอนงั้นหรอ”
“รู้จักสิครับ รู้จักดีเลยล่ะ”เทาพูด ดูเหมือนเขาจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะคุยกับผม ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่อง
“พวกผู้พิทักษ์คงจะประชุมกันอีกแล้วสินะครับ คราวนี้คงเคร่งเครียดน่าดู”
“ทำไมถึงต้องเครียด กลายพันธุ์มันอันตรายมากนักหรอ”
“พวกเขากลัวพวกเรา กลัวว่าพวกเราจะยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างไป เพราะพวกเราทรงพลังกว่าพวกเขามาก ดูอย่างผมสิครับ ผมควบคุมออกซิเจน ธาตุที่จำเป็นต่อการหายใจของคนได้ อย่างคาร์บอนนั่นก็ทรงพลังมากเหมือนกัน ทั้งสำคัญต่อคน และพืช แถมยังทำเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างพวกเพชรที่มีความคมสูงด้วย เพราะฉะนั้นพวกนั้นก็เลยกลัวพวกเราไงล่ะครับ”
“เขาจะทำยังไงกับพวกกลายพันธุ์”เทานิ่งเงียบไปก่อนจะพูด
“ฆ่า….ฆ่าล้างทั้งครอบครัว เพื่อกำจัดเชื้อพวกกลายพันธุ์”ผมชะงักไปกับคำพูดของเขา พวกกลายพันธุ์จะต้องถูกฆ่าอย่างนั้นน่ะหรอ นี่มัน…..ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
“บ้าน่า…”
“เรื่องจริงครับ……ผมเป็นคนเดียวที่หนีรอดมาได้”
“คริสจะทำอย่างนั้นจริงๆน่ะหรอ คริสน่ะนะ”
“เขาทำแน่ครับ…”เทาเว้นช่วงก่อนจะพูดประโยคที่สั่นประสาทผมมากที่สุด
“เพราะเขาเคยทำมาแล้ว…”
“นะ นะ นายว่าไงนะ”
“เขาเคยฆ่า….โอ้! เขามาแล้วสิ ผมต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะครับ ท่านชานยอล”จู่ๆเทาก็พูดขึ้นมา ก่อนจะปุบปับหายตัวไปจากห้องของผม
“เดี๋ยวก่อนสินาย! นาย นาย!! อย่าเพิ่งไปสิ!!”ผมร้องบอกแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเขาหายไปแล้ว
ผัวะ!!!
จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยคริส ท่าทางของเขาไม่ได้เครียดเท่าตอนแรก แต่มัน……ยิ่งกว่านั้นมาก
“เมื่อกี้นายคุยอะไรกับเทา”
“ฝึกใช้โลหะไง ตอนนี้เรารู้แล้วว่านายหลอมโลหะได้มากที่สุดก็แค่แทนทาลัม ต่อไปเราก็มาฝึกใช้โลหะกันไง”
“ตะ ตะ แต่ว่า…”
“หื้ม…..แค่ใช้โลหะ อย่าบอกนะว่านายไม่ไหวแล้วน่ะ”
“ไม่ใช่!”ผมรีบเถียง เพราะอะไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าผมจะแพ้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ คริสพยักหน้ารับอย่างล้อเลียน ก่อนจะพูดต่อ
“ถ้างั้นก็ลุกขึ้นซะสิ จะนั่งรออะไรล่ะ”
“…………พักแปบนึงไม่ได้รึไง”
“ถ้าอยากจะพักก็ตามใจ แต่หายเหนื่อยเมื่อไรนายได้ฝึกโหดขึ้นเป็นอีกสองเท่าแน่”
“ห๊ะ!? บ้าไปแล้ว”
“ไม่บ้าล่ะ เลือกเอาเองละกัน ว่าจะยอมเหนื่อยนิดเดียว หรือเหนื่อยสายตัวแทบขาด”
“ฮึ่ย! คอยดู สักวันฉันต้องชนะนายให้ได้เลย!!!!”ผมตะโกนเสียงดัง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน
“อ่า….ห๊ะ แล้วฉันจะรอวันนั้นนะ…..ถ้ามันมี”คริสยิ้มกวนประสาท ผมเงื้อมือปล่อยลูกไฟออกไป แต่สุดท้ายมันกลับไม่มีอะไรเลยจนอีกฝ่ายหัวเราะเยาะผม
“ทำอะไรของนายน่ะ ชานยอล”ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไค แต่เขาก็กำลังกลั้นยิ้มอยู่เหมือนกัน ยิ่งยัวะให้ผมยิ่งหงุดหงิดและอายมากขึ้นไปใหญ่
“ฮึ่ย! จะฝึกไม่ใช่รึไง รีบๆฝึกสิ!!!”ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะกระทืบเท้าปึงบังเดินออกห่าง
“ฉันเดาว่าถ้านายยังมีพลังอยู่ รับรองว่าโรงฝึกนี่ต้องหลอมละลายแน่”คริสแกล้งว่า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อผมหันไปค้อนขวับ (แต่เอาเข้าจริงๆนะ ผมว่าเขาคิดจะพูดเรื่องอื่นเองอยู่แล้วมากกว่า)
“อย่างแรกที่นายต้องรู้ คือปกติแล้วเผ่าโลหะจะควบคุมได้แค่หนึ่งหรือสองธาตุโลหะเท่านั้น ผู้พิทักษ์ที่นอกเหนือจากธาตุโลหะก็เหมือนกัน พวกเขาไม่ได้ควบคุมได้ทุกธาตุโลหะ แต่แต่ละคนจะควบคุมได้แค่แต่ละชนิดเท่านั้น อย่างไคควบคุมธาตุเหล็ก ลู่หานควบคุมปรอท เซฮุนควบคุมธาตุเงิน”คริสอธิบาย
“จะ จะ จริงหรอ…”ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในคามคิดผม ผมรู้สึกว่าธาตุโลหะเป็นอะไรที่ควบคุมได้ยาก เพราะพวกมันไม่มีชีวิต และยังดูแข็งแกร่งจนควบคุมลำบากอีก
“ไม่เชื่อก็ถามไคสิ”
“จริงครับพี่ เดี๋ยวผมทำให้ดูก็ได้”ไคว่าก่อนจะควบคุมเหล็กให้บิดงอ ก่อนจะทำให้มันสลายกลายเป็นผงโรยลงบนพื้น ผมมองด้วยความทึ่งก่อนจะหันไปหาคริส
“แล้วนายล่ะ ควบคุมอะไร”คริสขมวดคิ้วเหมือนผมถามคำถามที่ไม่น่าถามก่อนจะตอบ
“ทุกธาตุโลหะ”เขาตอบก่อนจะพูดต่อ
“แต่การจะรู้ว่าธาตุประจำตัวของนายคืออะไรก็ยุ่งนิดหน่อยน่ะนะ เอาจริงๆก็ยุ่งแค่กับนาย ไม่ได้ยุ่งสำหรับฉัน”
“หมายความว่าไง”
“นายต้องทดสอบควบคุมทุกธาตุ ธาตุไหนตอบสนองกับนายก็ธาตุนั้นล่ะ”
“อะไรนะ!!”ผมถามเสียงหลง จะให้มานั่งทดสอบควบคุมทุกธาตุเนี่ยนะ แล้วคิดว่าผมจะควบคุมได้หรอ แล้วถ้าเกิดว่าผมยังไม่เก่งพอจะควบคุมได้ล่ะ ถ้าอย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่าผมควบคุมธาตุอะไรได้
“นายก็ยังไม่แก่ หูตึงแล้วรึไง ฉันบอกว่านายต้องทดสอบควบคุมทุกธาตุ”
“อ้าว ถ้าเกิดฉันยังไม่เก่งพอจะควบคุมได้ล่ะ”
“ไม่มีทาง ที่ฉันจะให้นายทดสอบมันง่ายยิ่งกว่านายเสกไฟซะอีก”คริสอธิบายต่อเมื่อเห็นผมยังขมวดคิ้ว
“ฉันให้นายแค่ควบคุมเศษโลหะ แค่ผงโลหะเลยก็ได้เอา ถ้าไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”เขาพูดก่อนจะเสกผงโลหะหลายชนิดมาตรงหน้าผม
“ลองควบคุมดู แค่ให้มันขยับ1มิลลิเมตรก็ได้”คริสประชด ผมหันไปหาไคอยากขอความช่วยเหลือ
“พี่ทำได้ เชื่อผมสิ มันไม่ยากหรอกครับ ลองดูนะ”
“เป็นเด็กรึไง ต้องมีคนคอยให้กำลังใจ เอ้า ลองดู ตัวแรกเลย ลิเที่ยม”เขายื่นโลหะสีขาวเงินที่ถูกเก็บอยู่ในน้ำมันมาให้ผม จากความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด ทำให้ผมรู้ว่าโลหะชนิดนี้ติดไฟและระเบิดได้ง่ายมากเมื่อกระทบกับอากาศหรือน้ำ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องเก็บมันอยู่ในน้ำมันเท่านั้น แต่ดูให้ตายยังไงผมว่าเจ้านี่ก็ไม่ใช่ธาตุของผมแน่นอน
ผมมองหน้าคริสอย่างลังเล ซึ่งก็ได้ผลตอบกลับมาเป็นที่น่าพอใจสุดๆ เมื่อเขาถลึงตาใส่ผม พร้อมกับสื่อทางสายตาว่าให้รีบๆทดสอบสักที เขาเบื่อจะรอแล้ว ให้ตาย!!! ผมไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย!!!
ผมบ่นขมุบขมิบก่อนจะเพ่งสมาธิลองสั่งให้มันขยับดู แต่เพ่งอยู่หลายนาที สุดท้ายมันก็คงที่อยู่เหมือนเดิม คริสก็เลยเอาโลหะอันอื่นมาให้ผมทดสอบใหม่
การทดสอบทำขึ้นไปเรื่อยๆ โลหะจากแค่สองสามชนิดเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเป็นสิบกว่าชนิดแต่ก็ไม่มีชนิดไหนเลยที่ผมควบคุมได้ ทำให้ความมั่นใจจากที่ไม่ค่อยจะมีอยู่ก่อนแล้วค่อยๆลดลงจนเกือบจะติดลบ ผมอาจจะควบคุมธาตุโลหะไม่ได้สักธาตุเลยก็ได้…
“เหลือธาตุสุดท้ายแล้ว”คริสพูดขึ้นก่อนจะยื่นผงสีเทาๆขาวๆมาให้ผม ผมมองดูพร้อมกับใจที่ภาวนาอยู่ลึกๆว่าขอให้ใช่ธาตุของผมสักที
ผมหลับตาลง ก่อนจะตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ แล้วเพ่งจิตควบคุมมัน เกิดความเงียบที่กินระยะเวลายาวนาวอยู่ครู่หนึ่ง ทุกอย่างนิ่งสงบ ไม่มีเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ใจเต้นรัว แต่พอเห็นภาพตรงหน้า หัวใจผมก็กลับไปห่อเหี่ยวอีก….
ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
“เป็นไปไม่ได้”คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ท่าทางสบายๆติดกวนประสาทของเขาหายไปแล้ว เอาจริงๆมันก็หายไปตั้งแต่ธาตุตัวที่สามสิบกว่าๆแล้ว เขาหันไปมองหน้าไคอย่างเคร่งเครียด
“พี่ทำอะไรพลาดไปรึเปล่าครับ”ไคถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น
“นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยทำพลาดในเรื่องของโลหะ โดยเฉพาะการทดสอบ”
“เอ่อ….หรือฉันอาจจะยังไม่เก่งพอจะควบคุม”
“ไม่มีทาง”คริสพูดอย่างไม่ลังเล คิ้วของเขากำลังขมวดเข้าหากัน สีหน้ากำลังคิดอะไรบางอย่างที่เครียดมากๆอยู่ ในขณะที่ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก
เกิดความเงียบระหว่างพวกเราทั้งสามคน คริสกับไคกำลังเครียดกับผลการทดสอบ ส่วนผมเองก็เครียดไม่แพ้กันที่ควบคุมธาตุอะไรไม่ได้เลย ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่นี่มาก แต่อย่างน้อยก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้พิทักษ์จะควบคุมโลหะอะไรไม่ได้เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเท่ากับว่าผมจะควบคุมได้แค่สี่ธาตุหลัก ไม่สิ ธาตุอื่นจะควบคุมได้มั้ย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะยังไม่เคยได้ลองเลยสักครั้ง
“บางที…..บางทีฉันอาจจะควบคุมได้แค่….”
“ไม่มีทาง”คริสพูดดักคอขึ้น ก่อนจะพูดต่อ แต่ดูเหมือนจะพูดกับไคมากกว่าจะคุยกับผม
“ฉันจะไปหา ท่านเดรโก้ ท่านคงรู้ว่าจะต้องทำยังไง”คริสพูดก่อนจะฉุดผมลุกขึ้น ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรมากกว่านั้น คริสก็เปิดประตูจากความว่างเปล่า แล้วเดินเข้าไปข้างใน เหมือนกับตอนที่ผมเข้าไปในพื้นที่ศักดิ์สิทธิตอนนั้น….
-------------------------------------------
พื้นที่ศักดิ์สิทธิของธาตุโลหะต่างจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิของธาตุไม้อย่างลิบลับ สถานที่ที่ผมมาโผล่อยู่นี้ไม่ใช่ผืนป่ากว้างใหญ่แบบนั้น แต่เป็นภายในถ้ำที่ผนังมีแร่โลหะทิ่มแทงออกมา และเมื่อถูกแสงไฟจากลูกไฟในมือของคริสก็เกิดส่องประกาย หลากเฉดสีสันไปทั่ว ทำให้ที่นี่เกือบจะสวยงามในความคิดของผม ถ้าไม่มีเสียงคำรามของตัวอะไรบางอย่างดังออกมาจากภายในถ้ำ
“ท่านเดรโก้นี่คือตัวอะไร”ผมถามคริส พยายามคุมน้ำเสียงให้ดูไม่กลัวจนเกินไป
“เดี๋ยวก็รู้”ผมอยากจะถามต่อ แต่สีหน้าและท่าทางของคริสไม่ได้น่าถามเลย เขากำลังจริงจังแล้วก็เครียดมากนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกังวลตามไปด้วย ผมควบคุมโลหะไม่ได้ แล้วผมจะเป็นผู้พิทักษ์ได้มั้ย ….
เราสองคนค่อยๆเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร เสียงคำรามก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆจนหูผมเริ่มอื้อ ทั้งบรรยากาศโดยรอบดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟส่องให้เห็นถึงแร่ที่ทิ่มแทงออกมา ที่ปลายแหลมของมันมีสีแดงฉานเหมอเลือด ผมภาวนาในใจว่าขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ผมคิดเลย และแล้วสิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นจริง…
ที่พื้นถ้ำโรยไปด้วยกระดูกอย่างกับเจ้าของถ้ำจงใจนำโครงกระดูกพวกนี้มาทำเป็นหินโรยทางเดินเพื่อเพิ่มความสวยงาม แต่ผลมันกลับให้ในทางตรงข้ามมากกว่า เพราะนอกจากจะไม่สวยแล้ว มันยังดูน่ากลัว และชวนขนหัวลุกอีกด้วย ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงโดยไม่เหยียบหัวกะโหลกของใครไปซะก่อน
เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ผนังถ้ำก็ค่อยๆปรากฏเป็นเงาบิดเบี้ยวของสัตว์อะไรบางอย่างที่ผมมองไม่ออกว่ามันคือตัวอะไร แต่ที่แน่ๆมันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่ยิ่งกว่ามังกรของคริสสักสิบเท่าได้ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเจอท่านเดรโก้นี่
แต่ยิ่งไม่อยากเจอมากขึ้นเท่าไร ระยะเวลาก็ยิ่งดูเร็วขึ้นมากเท่านั้น เราเดินกันมาถึงสุดทางเดินที่เปิดออกไปเป็นหน้าผาสูงชัน ถัดออกไปจากที่เรายืนอยู่สักหลายเมตรคือแท่นโลหะที่บนยอดมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกที่ผมเคยเห็นมา มันคือมังกรตัวสูงเฉียดฟ้า ขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าช้างร้อยตัว ตัวของมันเป็นสีเงินแวววาว ฟันแหลมคมเหมือนสว่านที่พร้อมจะเจาะทะลวงทุกอย่าง ดวงตาสีทองเจิดจ้าที่ดูเหมือนจะมองทะลุได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้กำลังจับจ้องมาที่ผมตาเขม็ง
“ผู้พิทักษ์แห่งอัคคี”เสียงของมันดังกังวาน ฟังดูทั้งเพราะและทรงพลัง
“ผมมาขอคำปรึกษา ท่านเดรโก้”คริสพูดก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าท่านเดรโก้ ผมเลยคุกเข่าตามอย่างงกๆเงิ่นๆ
“เด็กคนนี้ไม่มีธาตุเฉพาะตัว ผมทดสอบดูแล้ว”ท่านเดรโก้นิ่งเงียบไป จนผมเหลือบตามอง ดวงตาสีทองคู่นั้นจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนกับหมอเวลาตรวจดูร่างกายของคนไข้ แต่มันดูเคร่งเครียด และน่ากลัวกว่ามาก
“เป็นไปไม่ได้….”มังกรพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับผมหรือคริส
“ทำไมหรอครับท่าน..”
“ก้าวออกมาหาข้า”ท่านเดรโก้สั่งผม ผมหันไปมองคริสอย่างขอความช่วยเหลือ จะให้ไปที่หน้าผาเนี่ยนะ ไม่ตายกันรึไง
พรึ่บ!!!
จู่ๆโลหะก็ผลุดขึ้นมา สานตัวเองเป็นทางเดิน ทอดยาวไปยังจุดที่ท่านเดรโก้นั่งอยู่ ผมหันไปมองหน้าคริสอีกครั้ง เขาพยักหน้ารับก่อนที่ผมจะค่อยๆเดินตรงไปหาท่านเดรโก้ ที่ใต้สะพานไม่มีอะไรนอกจากความลึกมืดมิดและเวิ้งว้าง มองไม่เห็นว่าก้นหลุมอยู่ที่ตรงไหน ผมเงยหน้าหันไปมองท่านเดรโก้อีกครั้ง
“ข้าจะทดสอบเจ้าด้วยวิธีการเผาโลหะ ในตัวของเจ้าจะมีธาตุของเจ้าอยู่ และเมื่อมันถูกเผา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะบอกได้ว่าเจ้าเป็นธาตุอะไร”ผมนิ่งคิดตาม ฟังดูเหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เคยทำ ที่เวลาธาตุถูกเผาแล้วจะเกิดสีอะไร ก๊าซอะไร ถ้ารู้ผลการทดลอง เราก็คงจะพอเดาได้ว่า ธาตุตัวนั้นคือธาตุอะไร บางทีการทดสอบนี่อาจจะเป็นแบบนั้น…
“ท่านจะเผาโลหะยังไงหรอครับ”
“จากตัวของเจ้า….”ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร จู่ๆท่านเดรโก้ก็พ่นไฟสีเงินสว่างใส่ผม ความร้อนของมันไม่ใช่ในแบบที่ผมคุ้นเคย แต่มันร้อนแรง แสบผิว และทิ่มแทง เหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ จนผมเริ่มรู้สึกได้ว่าผิวหนังกำลังจะหลุดร่อนออกไป ณ ชั่วขณะนั้นเองที่ร่างกายผมแทบจะทนไม่ไหว จู่ๆเปลวไฟทุกอย่างก็ดับวูบพร้อมกับผมที่ทรุดฮวบและกับพื้น และเสียงของท่านเดรโก้ที่แผดก้องดังไปทั่ว
“กลายพันธุ์!!!”ดวงตาทรงพลังคู่นั้นมองมาที่ผม มันเต็มไปด้วยความตกใจ รังเกียจ หวาดหวั่น และสับสน ผมได้แต่ชะงักไปกับคำพูดของท่าน ถึงจะไม่เข้าใจความหมายเท่าไร แต่ก็รู้ว่านั่นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ว่าไงนะครับท่าน!”คริสถาม
“กลายพันธุ์!!! เขาเป็นพวกกลายพันธุ์!!!”
“ชานยอล….ควบคุมธาตุอะไรหรอครับ…”คริสถามอย่างลังเล ท่านเดรโก้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ
“……ออกซิเจน”ฉับพลันนั้นมือของคริสก็สั่น เขาเหลือบมามองที่ผม ก่อนจะหันกลับไปมองท่านเดรโก้
“ท่านแน่ใจแล้วหรอครับ…”
“เจ้าก็เห็นปฏิกิริยาต่อเพลิงสีเงินของข้าแล้วไม่ใช่รึ! เพลิงของข้าลุกโหมสูงเสียดฟ้า ธาตุเดียวที่ช่วยให้ไฟติด ก็มีแต่ออกซิเจนเท่านั้น!!!” เกิดความเงียบระหว่างพวกเรา คริสพูดอะไรไม่ออกเพราะเขากำลังอึ้งกับคำตอบของท่านเดรโก้ ในขณะที่ท่านเดรโก้นิ่งเงียบเพราะกำลังจ้องมองผมอยู่ ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนี้ท่านกำลังรู้สึกอะไร แต่ที่แน่ๆสายตาที่มองมามันไม่เป็นมิตรเอาซะเลย มันเกิดอะไรขึ้น กลายพันธุ์คืออะไร แล้วทำไมคริสกับท่านเดรโก้ต้องตกใจซะขนาดนั้น….นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“พาเขากลับไปซะ แล้วอย่าให้มาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง!!!”ท่านเดรโก้แผดเสียง
“ครับ..”คริสรับคำสั้นๆ ก่อนที่เขาจะพยุงตัวผมขึ้นมาแล้วพาออกไปจากที่นี่
ที่โลกความเป็นจริง ไคกำลังยืนรอพวกเราอยู่ สีหน้าเคร่งเครียดของเขาเปลี่ยนมาเป็นมีความหวังเมื่อเห็นพวกเรา ก่อนจะกลับไปเคร่งเครียดอีก เมื่อเห็นสีหน้าของคริสที่บอกอย่างชัดเจนว่ากำลังเครียด
“เป็นยังไงบ้างครับพี่”คริสนิ่งไม่ตอบอะไร เขาตอนนี้เหมือนแทบไม่ได้ยินที่ไคถามด้วยซ้ำ
“พี่ครับ…”
“เรียกประชุมด่วน ตามตัวลู่หานกับเซฮุนกลับมาให้เร็วที่สุด ส่วนนาย ชานยอล เดี๋ยวฉันจะให้ดิคคอนพาไปที่พักห้อง”คริสออกคำสั่ง
“ฉันควรจะได้รู้ด้วย”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาเอาแต่ใจตอนนี้”คริสพูดเสียงแข็ง ก่อนที่เขาจะเดินตรงออกไปจากโรงฝึก พร้อมกับที่ดิคคอนเข้ามา
“กระหม่อมมารับตัวผู้พิทักษ์แห่งอัคคีแล้วพะยะค่ะ!”
“พากลับไปที่ห้องพัก แล้วก็อย่าให้ออกมาป้วนเปี้ยนข้างนอกเด็ดขาด จนกว่าฉันจะไปรับเขาด้วยตัวเอง”
“พะยะค่ะ!!! เชิญทางนี้เลย ท่านผู้พิทักษ์”ดิคคอนบอกพร้อมกับผายมือให้ผมเดินไปอีกทาง
ผมถูกพาตัวมายังห้องพักของตัวเอง ถ้าทุกอย่างมันดีกว่านี้ผมคงจะทึ่งกับห้องนี้ไปแล้ว เพราะข้าวของทุกอย่างทำมาจากทองคำหมด การตกแต่งหรูหราสมกับเป็นพระราชวัง ที่รายล้อมรอบห้องอยู่คือกำแพงไฟ แต่แปลกที่มันไม่หลอมโลหะ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากจะสนใจพวกมันเท่าไร ผมกำลังเครียด กำลังสงสัยอยู่กับเรื่อง ‘กลายพันธุ์’ ที่ทำให้คริสและท่านเดรโก้ต้องตกใจจนขนาดต้องเรียกประชุมด่วน มันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ แหงสิ ผู้พิทักษ์แห่งอัคคีที่กลายพันธุ์ ฟังดูยังไงก็น่าเป็นห่วง เป็นถึงผู้พิทักษ์แต่กลับกลายพันธุ์ แล้วอย่างนี้จะทำยังไง จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม และตำแหน่งของผู้พิทักษ์กัน
ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างร้อนรน ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู พยายามจะเปิดมันออกแต่ก็ไม่ได้ผล ประตูถูกล็อก แต่พอจะหันไปพึ่งหน้าต่างก็ไม่ได้ เพราะมันก็ถูกล็อกเอาไว้แน่นหนาเหมือนกัน สุดท้ายผมก็เลยได้แต่นั่งรออยู่ข้างในอย่างจนปัญญา
“ท่านชานยอล…”จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมหันซ้ายหันขวาหาที่มา มันดังมาจากในห้อง ไม่ใช่ข้างนอกแน่นอน แต่….เขาเข้ามาได้ยังไงกันล่ะ
“ผมอยู่นี่”เขาพูดก่อนที่ผมจะเห็นว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังของผม เทา คนจากสมาพันธ์ที่ผมเจอเมื่อคืน
“นายเข้ามาได้ยังไง!”
“เรื่องมันง่ายจะตายไปครับ”
“….นาย….นายควบคุมธาตุอะไรน่ะ”เขายิ้มก่อนจะตอบ
“โลหะครับ ผมควบคุมเหล็กได้ แล้วก็ควบคุมออกซิเจนได้อีกนิดหน่อย”ผมเบิกตาโพล่งก่อนจะพูดต่อ
“….กลายพันธุ์”
“นั่นคือคำที่พวกเผ่าโลหะเรียกกัน พอใครผิดจากตัวเองเข้าหน่อย ก็ว่าพวกนั้นแปลกประหลาด จริงมั้ยครับ ท่านชานยอล”เทาหันมาถามผมเหมือนรู้ว่าผมเองก็เป็นพวก‘กลายพันธุ์’
“นายรู้?”เขายิ้มก่อนจะตอบ
“ครับ ผมรู้ ท่านเหมือนกับผม เราควบคุมออกซิเจนได้เหมือนกัน”
“นายควบคุมได้แค่สองธาตุหรอ”
“ครับ นั้นนับว่ามากสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับผู้พิทักษ์ นั่นเรียกว่าน้อยมาก เพราะฉะนั้น คริสก็เลยถูกเทิดทูนเหมือนเป็นเจ้าชายอย่างที่ดิคคอนทำยังไงล่ะครับ”
“นายรู้จักดิคคอนงั้นหรอ”
“รู้จักสิครับ รู้จักดีเลยล่ะ”เทาพูด ดูเหมือนเขาจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะคุยกับผม ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่อง
“พวกผู้พิทักษ์คงจะประชุมกันอีกแล้วสินะครับ คราวนี้คงเคร่งเครียดน่าดู”
“ทำไมถึงต้องเครียด กลายพันธุ์มันอันตรายมากนักหรอ”
“พวกเขากลัวพวกเรา กลัวว่าพวกเราจะยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างไป เพราะพวกเราทรงพลังกว่าพวกเขามาก ดูอย่างผมสิครับ ผมควบคุมออกซิเจน ธาตุที่จำเป็นต่อการหายใจของคนได้ อย่างคาร์บอนนั่นก็ทรงพลังมากเหมือนกัน ทั้งสำคัญต่อคน และพืช แถมยังทำเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างพวกเพชรที่มีความคมสูงด้วย เพราะฉะนั้นพวกนั้นก็เลยกลัวพวกเราไงล่ะครับ”
“เขาจะทำยังไงกับพวกกลายพันธุ์”เทานิ่งเงียบไปก่อนจะพูด
“ฆ่า….ฆ่าล้างทั้งครอบครัว เพื่อกำจัดเชื้อพวกกลายพันธุ์”ผมชะงักไปกับคำพูดของเขา พวกกลายพันธุ์จะต้องถูกฆ่าอย่างนั้นน่ะหรอ นี่มัน…..ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
“บ้าน่า…”
“เรื่องจริงครับ……ผมเป็นคนเดียวที่หนีรอดมาได้”
“คริสจะทำอย่างนั้นจริงๆน่ะหรอ คริสน่ะนะ”
“เขาทำแน่ครับ…”เทาเว้นช่วงก่อนจะพูดประโยคที่สั่นประสาทผมมากที่สุด
“เพราะเขาเคยทำมาแล้ว…”
“นะ นะ นายว่าไงนะ”
“เขาเคยฆ่า….โอ้! เขามาแล้วสิ ผมต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะครับ ท่านชานยอล”จู่ๆเทาก็พูดขึ้นมา ก่อนจะปุบปับหายตัวไปจากห้องของผม
“เดี๋ยวก่อนสินาย! นาย นาย!! อย่าเพิ่งไปสิ!!”ผมร้องบอกแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเขาหายไปแล้ว
ผัวะ!!!
จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยคริส ท่าทางของเขาไม่ได้เครียดเท่าตอนแรก แต่มัน……ยิ่งกว่านั้นมาก
“เมื่อกี้นายคุยอะไรกับเทา”