0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

5Element Part 3

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

15Element Part 3 Empty 5Element Part 3 Fri Oct 18, 2013 2:31 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

เช้าวันต่อมา เป็นอีกเช้าที่ผมไม่อยากลุกจากที่นอน ทั้งจากนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนขี้เซา แถมได้มานอนห้องอุ่นสบายแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่อยากตื่นเข้าไปใหญ่ และทั้งจากการนอนดึกเพราะมัวแต่คิดเรื่องความหลังของตัวเองว่าเป็นมายังไงอีก ทำให้เช้านี้เป็นอีกเช้าที่ผมอยากจะยืดเวลานอนออกไปอีก แต่ก็ทำไมได้เมื่อเสียงของไคตะโกนเรียกจากนอกประตู


“พี่ชานยอลครับ อีกสิบนาทีจะได้เวลาซ้อมแล้วนะครับ ตื่นรึยัง”ผมบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะกลิ้งไปมาบนเตียงแล้วกอดมันไว้แน่น จากนั้นก็หลับตาเตรียมจะหลับต่อ


“คนที่นี่รอพี่อยู่นะครับ ถ้าพี่ขี้เกียจซ้อมหนึ่งวัน โลกก็จะเข้าสู่ขั้นวิกฤตอีกหนึ่งวันนะครับ”


“หว๊า……ทำไมต้องเอาเรื่องความรับผิดชอบมาอ้างด้วยเนี่ย โอเคๆ กำลังจะแต่งตัวแล้ว รอแปบนึงนะ”ผมโกหกก่อนจะหันมาจูบเตียงแรงๆ


“คืนนี้จะมาหาตั้งแต่หัวค่ำนะ น้องเตียง พี่ยอลไปอาบน้ำก่อน”ผมบอกก่อนจะลุกไปอาบน้ำ และจัดการตัวเองให้พร้อมสำหรับการไปฝึกซ้อมวันนี้



    หลังจากนั้นเราสองคนก็ตรงไปยังโรงฝึกซ้อมที่ตั้งอยู่นอกวัง โดยระหว่างทางผมก็ชวนไคคุยนู่นนี่ไปเรื่อย โดยคำถามที่ถามส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่นว่าทำไมเราไม่ซ้อมในวัง  ทำไมต้องสร้างบ้านอยู่บนต้นไม้ทั้งๆที่บนพื้นก็อยู่ติดกับธาตุไม้อย่างหญ้าเหมือนกัน และทำไมคนที่นี้ไม่มียานพาหนะอะไรเลย  คำตอบส่วนใหญ่ของไคมักจะตอบว่า คนพลุกพล่าน รบกวนสมาธิ หรือไม่ก็ขัดต่อพลังธาตุ ซึ่งทฤษฎีทั้งหลายแหล่ของเขาก็ไม่ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นหรอก ผมเลยเลือกจะถามอะไรที่มันดูน่าจะเข้าใจง่ายมากกว่าอย่างเรื่องตัวเองแทน


“ไค…ทำไมนายถึงรู้ชื่อพี่ล่ะ แล้วทำไมถึงรู้ว่าพี่เป็นผู้พิทักษ์ล่ะ  แถมตอนเจอครั้งแรกเหมือนว่านายจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมาเวลานั้น”


“ขอตอบรวมกันเลยนะครับ พวกเรารู้ได้เพราะสารแห่งผู้พิทักษ์แห่งอัคคีคนก่อนบอกไว้อย่างนั้น ตอนแรกก็ไม่เชื่อกันหรอก แต่สารนั้นมาจากผู้พิทักษ์แห่งอัคคีคนก่อนจริงๆเลยลองทำตามดู แล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ”


“ผู้พิทักษ์คนก่อนกับคนปัจจุบันเกี่ยวข้องกันยังไง แบบต้องเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือคัดเลือกเอา”


“ความจริงการหาผู้พิทักษ์คนต่อไป คือการหาคนที่มีจิตวิญญาณแห่งธาตุนั้นเต็มตัวแค่นั้นเองครับพี่ บางทีมันก็อยู่กับญาติๆเรา แต่บางทีก็อยู่กับคนอื่น”


“แบบนี้เขาอาจไม่เกี่ยวข้องกับพี่ก็ได้สินะ”


“อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ เรื่องของเผ่าไฟน่ะเป็นความลับจะตายไป”ไคพูดขณะที่พวกเราใกล้ถึงโรงฝึกซ้อมแล้ว

“ทำไมล่ะ”


“เพราะเผ่านั้น เป็นเหมือนลูกหลานของ ฟีนิกซ์ สัตว์ในตำนานของเลอร์วันน่ามั้งครับ ทุกอย่างก็เลยดูลึกลับไปหมด”ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงฝึก ในขณะที่ผมอึ้งกับคำตอบของเขาไปแล้ว ผมเป็นลูกหลายของ นกไฟตัวนั้นน่ะนะ……มันจะอลังการเกินไปแล้วนะ อย่างปาร์คชานยอล ลูกหลานไก่ย่างก็พอมั้ง


“พี่ครับ เข้ามาสิ ยืนเอ๋อเลย เดี๋ยวก็เผลอตกลงไปข้างล่างแบบเมื่อวานอีกหรอก”


“ห๊ะ…หว่ะ หว๊า เฮ้ยยยย!!!”ผมร้องเสียงหลงเมื่อตัวเองเกือบพลาดตกลงไปอีกเพราะมัวแต่เหม่อ ดีที่จับต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ได้เสียก่อน


“ดีนะที่ไม่ตกไปน่ะ พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”ผมส่ายหัวแรงๆพร้อมกับฉีกยิ้มรับปะกันความปลอดภัยของตัวเองจนไคหัวเราะ


“งั้นเรามาเริ่มฝึกกันเลยแล้วกัน วันนี้ผมจะสอนให้พี่เข้าใจที่ลักษณะเด่นของธาตุไม้ ข้อที่สอง คือ นุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง เหมือนพวกเถาวัลย์ ที่ดูพลิ้วไหว บอบบาง แต่ถ้ามันเกาะติดกับอะไรแล้วก็จะยึดตรงนั้นไว้แน่น การฝึกวันนี้ผมจะให้พี่เสกเถาวัลย์มารัดแขนผมให้ได้ภายในสามชั่วโมงเหมือนเดิมนะครับ”ไคพูดจบก็ผายมือให้ผมเริ่มฝึกได้ ผมเบิกตากว้าง ทำหน้าตกใจ ก่อนจะถามเขาด้วยความสงสัย


“แค่นี้หรอ ไม่มีคำแนะนำอะไรหรอ แบบเราคือต้นไม้ ต้นไม้คือเรา คือครั้งนี้เราต้องเสกจาก………….ความว่างเปล่าเลยนะ”ผมทำหน้าจริงจัง ก็จะไม่ให้เครียดได้ยังไง ในเมื่อคราวนี้ไม่มีเมล็ดอะไรมาให้เลยนี้ ให้เสกมาเฉยๆ ใครจะทำได้


“ไม่มีครับ นักเวทคนอื่นก็ต้องเสกจากความว่างเปล่าทั้งนั้นล่ะ”ผมเบ้ปาก ก่อนจะทำหน้าบึ้ง เสกจากความว่างเปล่า มันดูเป็นไปไม่ได้เลยนะ  ให้ไปนั่งเพาะต้นไม้แบบเมื่อวานยังสนุกกว่าอีก


     ผมทรุดนั่งลงกับกิ่งไม้ โดยเอนหลังพิงกับต้นไม้ขนาดใหญ่ก่อนจะเริ่มคิดหาวิธีที่จะเสกเถาวัลย์ออกมาจากความว่างเปล่า โดยระหว่างที่คิดก็ใช้นิ้ววาดรูปบนต้นไม้ไปด้วย เพราะติดเป็นนิสัยเวลาต้องคิดอะไรเครียดๆ ความว่างเปล่าต้นไม้จะออกมายังไงล่ะ นี่มันเถาวัลย์นะไม่ใช้เห็ดที่สปอร์จะได้ลอยมาตามลม แล้วไปตกบนพื้น ผลิเป็นดอกเห็ด ทำไมไคให้ผมทำอะไรยากจัง  คนอย่างปาร์คชานยอลจะทำได้หรอ



“ต่อรองได้มั้ย  อย่างทำให้ดอกไม้บาน หรือต้นไม้โต หรือปลูกเห็ดอย่างนั้นไม่ได้หรอ”


“เป็นผู้พิทักษ์นะครับพี่ ไม่ใช่ชาวสวน”ไคว่างติดตลก ส่วนผมก็หน้างอกว่าเดิมเมื่อบทต่อรองไม่ได้ผล สุดท้ายเลยมาจมปลักอยู่กับปริศนาที่ผมไม่มีวันคิดออก



    เมื่อคิดไม่ออกผมก็เริ่มไร้สาระ มองต้นไม้ มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ก่อนจะก้มมองรูปที่ตัวเองวาด ดูไปดูมามันเหมือนก็เหมือนลูกไฟเลย แต่ดูอีกทีก็เป็นใบไม้ได้เหมือนกัน เฉียบพลันนั้นคำพูดของไคเมื่อวานก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวของผม….ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และ โลหะ คือสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้…
งั้นถ้าจะเสกไม้จากไฟล่ะ จะทำได้มั้ย…



    ผมลองหลับตาลง พร้อมกับเพ่งจิต นึกถึงลูกไฟ ไม่นานสัมผัสลามเลียที่อุ้งมือก็ปลุกให้ผมลืมตาขึ้น ลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นกำลังลูกโชติอยู่ในอุ้งมือของผม  ผมยิ้มพรายก่อนจะเริ่มเล่นไรแผลงๆ


   ผมหลับตาลง จินตนาการถึงเถาวัลย์ที่ออกมาจากเปลวเพลิง พร้อมกับออกคำสั่งกับจ้าลูกไฟในมือไปด้วย จงกลายเป็นเถาวัลย์  กลายเป็นเถาวัลย์ กลายเป็นเถาวัลย์เดี๋ยวนี้…


พรวด!!


เฉียบพลันนั้นเปลวไฟก็กลายเป็นเถาวัลย์สีแดงเพลิง ขนาดคืบกว่าๆในมือผม


“พี่….ชานยอล….”


“อย่าเพิ่งตกใจ ยังไม่ได้รัดเลย ผู้พิทักษ์แห่งพฤกษา~”ผมหัวเราะชอบใจ ก่อนจะสั่งให้เถาวัลย์สีแดงเพลิงโตขึ้นกว่าเดิม แล้วบังคับมันให้ตรงดิ่ง พุ่งเข้าใส่ไค แล้วรัดแขนของเขาเอาไว้


“อั่ส…”ไคอุทานด้วยความเจ็บปวดเมื่อเถาวัลย์เพลิงลวกผิวหนัง ผมรีบสลายเถาวัลย์ที่รัดเขาอยู่ทันที


“ไค!  เจ็บมั้ย พี่ขอโทษ”ผมร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งเข้าไปหาไค ลืมไปเสียสนิทว่าคนอื่นทนไฟไม่ได้แบบผม


“ดับ….ไฟ”ไคบอกด้วยเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่อเปลวไฟกำลังลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ


“ดับยังไงอะ”ผมถามอย่างร้อนรนพร้อมกับเต้นเป็นเจ้าเข้าเมื่อทำอะไรไม่ถูก


“แบบ….ตอนนั้น”


“ครั้งนั้นมันฟลุ๊ค!! จะทำไงดีอะ ทำไงดี  ทำไงดี เจ้าไฟ ดับสิ ดับ!!!”ผมตะโกนสั่งไฟที่กำลังแผดเผาแขนของเขา พร้อมกับเอามือตบๆให้มันดับ ในขณะที่ไคเสกเถาวัลย์ขึ้นมาช่วย แต่สุดท้ายพวกมันก็ถูกไฟเผาจนหมด


“น้ำ!”


“เสกน้ำไม่เป็น!!!”


“ไปเอาน้ำ!”


“น้ำ น้ำ น้ำ!!”ผมตะโกนทวนซ้ำๆก่อนจะตาลีตาลานตั้งท่าจะวิ่งไปหาน้ำ แต่แล้วจู่ๆกำแพงน้ำจากที่ไหนก็ไม่รู้ก็ขวางทางผมเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่สายน้ำอีกส่วนจะพุ่งไปดับไฟที่เผาแขนไคอยู่…


“ใครบ้าที่ไหนให้เล่นไฟในป่าห๊ะ!!”เสียงนี้มัน…..เสียงเดียวกับคนหนึ่งในกลุ่มของไคนี่…
ผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่ง แต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน ยืนดักหน้าผม ดวงตาหวานของเขาจับจ้องมาที่ผมด้วยแววตาดุดันเหมือนสายน้ำที่กำลังโกรธจัดเตรียมจะถล่มทุกสิ่งให้ราบคาบ


“พี่ลู่หาน…”ไคพูดด้วยน้ำเสียงติดจะกลัวนิดหน่อย ไม่ต้องให้ไคอธิบายความน่ากลัวของเขาผมก็พอจะเข้าใจ…


“อย่าไปว่าพี่ชานยอลเลย”ร่างสูงออกตัวปกป้องผม พร้อมกับแผลไหม้ที่แขน


“นายใจดีเกินไปอีกแล้วนะไค ไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นี่รู้จักคำว่าโกรธหรือดุกันมั่งมั้ย หรือต้องรอให้ป่ามันโดนเผาไปก่อนถึงจะรู้สึก”ผู้ชายที่ชื่อลู่หานร่ายยาวก่อนจะจ้ำพรวดไปหาไคจนผมต้องรีบหลบทางให้ มือบางเสกน้ำออกมาก่อนจะใช้มันรักษารอยแผลของไค ไม่นานนัก แผลก็ค่อยๆทุเลาลงจนกลายเป็นเพียงแค่รอยแดงเฉยๆเท่านั้น ก่อนเขาจะหันขวับมาหาผม


“ทำผิดยังไม่รู้จักขอโทษ”


“ก็มัน….”ผมอ้าปากเตรียมจะแก้ตัวแต่เมื่อเจอสายตาดุนั่นตวัดมามองผมก็รีบกลืนคำพูดตัวเองแล้วก้มหัวขอโทษทันที


“พี่ลู่หาน พี่ชานยอลเพิ่งมาที่นี่นะ พี่จะ…”


“ไม่ฟังข้อแก้ตัว….ชานยอลนี่เป็นความผิดของนาย เพราะฉะนั้นนายต้องไปหาสมุนไพรมารักษารอยแดงนี่”ลู่หานกอดอกสั่งผม ส่วนผมคนทำผิดก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างหงอๆ ก่อนที่ร่างเล็กจะยื่นแผ่นหนังแผ่นหนึ่งมาให้ผม


“นี่รายชื่อสมุนไพร หามาให้ครบภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ทัน………….”ลู่หานเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“ฉันจะดับไฟนายไปให้ถึงแก่นของพลังเลย”


“ไปแล้วครับๆ”ผมตอบรับก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดถึงนิสัยของผู้มาใหม่ที่เพิ่งรู้จักได้แค่ไม่กี่นาทีแต่ก็แผลฤทธิ์ใส่ผมเสียแล้ว


“นี่มันธาตุน้ำหรือธาตุไฟเนี่ย น้ำมันต้องใจเย็นไม่ใช่รึไง”


“ขอโทษทีปาร์คชานยอล…………….แต่ฉันเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราด แล้วถ้านายยังโอ้เอ้อยู่อย่างนี้ อีกสักพักสึนามิจะได้ถล่มลูกไฟอย่างนายแน่”


“ไปแล้วๆ”ผมรีบบอกก่อนจะวิ่งข้ามสะพานไปยังต้นไม้อีกต้น แล้วตรงดิ่งไปตามหาสมุนไพรที่ลู่หานบอก จะไปหามาจากไหนล่ะเนี่ย ต้นเป็นยังไงก็ไม่รู้ ซื้อที่ไหนก็ไม่รู้


ผมบ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง ก่อนจะเริ่มมองซ้ายมองขวาหาร้านที่เข้าข่ายจะขายสมุนไพร ก่อนจะเดินตรงลิ่วไปที่ร้านหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้สารพัดประโยชน์ เจ้าของร้านยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับเอ่ยถามว่าต้องการต้นไม้ประเภทไหน


“นี่ครับ ผมต้องการทั้งหมดนี่เลย”ผมตอบพร้อมกับยื่นแผ่นหนังไปให้เขาดู เพราะถ้าจะให้อ่านนี่คงไม่ไหว ชื่อมันอ่านยากเกินไป  


“โอ้  สมุนไพร ร้านเราไม่มีนะครับ ต้องไปร้านขายสมุนไพร”เจ้าของร้านบอกก่อนยื่นแผ่นหนังมาให้ผม


“แล้วคุณลุงพอจะรู้มั้ยครับ ว่าร้านสมุนไพรที่ใกล้ที่สุดอยู่แถวไหน”


“ต้องไปที่ต้น55Bนะครับ ร้านอยู่ตรงฝั่งR2”ลุงบอกก่อนจะหันกลับไปง่วนอยู่กับการบริการลูกค้าที่เข้ามาอย่างล้นหลาม


“เอ่ คุณลุงครับ ไอ้ต้น55Bมันอยู่ตรงไหนหรอครับ”ผมพยายามจะตะโกนถามด้วยเสียงที่ดังที่สุด เพื่อเรียกร้องความสนใจของคุณลุงแต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผล!!! คุณลุงไม่ได้ยินผม และผมก็ไม่มีเวลามารอให้คุณลุงสนใจด้วย เพราะผมต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง!!!



     ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านก่อนจะถามทางคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วไปตามทิศทางที่เขาบอก แต่กว่าผมจะมาถึงที่ได้ก็หลงไปหลายรอบอยู่เหมือนกัน



     ร้านขายสมุนไพรของที่นี่เป็นลูกผสมระหว่างร้านสมุนไพรยาจีนและร้านขายต้นไม้ที่โลกของเรา แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือร้านที่นี่มีกลิ่นสมุนไพรลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณและรัศมีใกล้เคียงให้ได้ฉุนจมูกกันถ้วนหน้า แต่ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ได้ในทุกโลกคือคนขายต้องเป็นคนแก่วัยใกล้ม้วย


“คุณยายครับ มีสมุนไพรพวกนี้มั้ยครับ”ผมถามคุณยายเจ้าของร้านที่กำลังง่วนอยู่กับการคุยกับลูกค้าอีกคนหนึ่งอยู่


“มีทุกอย่างนั้นแหละ หาเอาเลย ถ้าจะเอาสดๆก็ตรงนี้ ถ้าจะเอาแบบแห้งก็ตรงโน้น”เธอตอบก่อนจะหันกลับไปสนใจลูกค้าคนอื่นต่อ ในขณะที่ผมได้แต่ยืนเอ๋อ ขมวดคิ้วงุนงง พร้อมกับถามตัวเองในใจว่า…….ลู่หานจะเอาแห้งหรือสด


“ซื้อมันไปทั้งสองอย่างเลยแล้วกัน”


“มันต้องใช้ของสด”เสียงนี้มัน…..เสียงไอ้ผู้ชายคนเมื่อคืนนี้!!!


“คุณ!!!”ผมหันขวับไปหาเจ้าของเสียง ผู้ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังยืนกอดอกมองหน้าผมอยู่


“คุณ!!! คุณคนเมื่อคืนนี้แน่ๆ!!!”ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้ว ก่อนจะตอบ


“นี่…ไม่รู้จัก อย่ามาทำสนิทสิ เด็กซื้อของ”ผมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ให้ตายยังไง ตานี่ต้องเป็นคนเมื่อคืนแน่ ผมจำเสียงเขาได้ แล้วทำไมเขาถึงมากวนประสาทผมงี้ล่ะ


“ทำไมคุณพูดงี้ล่ะ! รู้มั้ยว่าเมื่อคืนผมเจ็บก้นแค่ไหนอะ”


“นี่ คุณนายให้มาซื้อของไม่ใช่หรอ ไม่รีบซื้อซะล่ะ มาโม้อยู่ได้”


“คุณจะเอาอย่างนี้จริงๆใช่มั้ย  จะไม่รู้จักกันจริงๆใช่มั้ย!”ตานั่นหัวเราะ ก่อนจะหันมาตอบผม


“ถ้านายรู้จักฉัน งั้นฉันชื่ออะไรล่ะ”ผมเม้มปากแน่น พยายามทบทวนว่าผู้ชายคนนี้ชื่ออะไร แต่ที่ได้ยินมันก็แค่ว่า…..คุณชาย ซึ่งไม่ใช่ชื่อแน่…


“ก็ได้!! ไม่รู้จักก็ได้!!”เขาพยักหน้าล้อเลียนผม ก่อนจะพูดให้ผมหมั่นไส้หนักขึ้นไปอีก


“ไปจ่ายตลาดแทนคุณนายได้แล้วไป ฉันจะซื้อของของฉัน”


“รู้แล้ว!!!”ผมกัดปากตัวเองแน่น เกิดมาไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อน ทำไมต้องทำเป็นเหมือนไม่รู้จัก จริงอยู่ว่าผมไม่รู้ชื่อเขา แต่ผมจำเสียงเขาได้ แล้วก็มั่นใจมากด้วยว่าต้องใช่เขาแน่ แต่เขากลับแกล้งไม่รู้จักผม แถมหาว่าผมเป็นคนใช้มาซื้อของแทนเจ้านายอีก เรื่องนี้ล่ะที่ยิ่งโมโห หาว่าผมเป็นคนใช้เนี่ยนะ เหอะ! ตัวเองมากกว่ามั้งที่เป็นคนใช้น่ะ



   ผมเดินหน้าบูดไปที่โซนสมุนไพรสด ก่อนจะคลี่แผ่นหนังออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ทันทีที่เห็นรายชื่อสมุนไพรและป่าสมุนไพรที่ร้านผมก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว อื้อหือ ที่ลู่หานเขียนมาให้ บอกแค่ชื่อ แต่ไม่ได้บอกว่าต้นเป็นยังไง แล้วอย่างนี้จะไปหาเจอมั้ยเนี่ย ทำไมยายมาติดป้ายชื่อบอกไว้นะ


“เอ่อ คุณยายครับ…”


“แปบนะหลานๆ ยายดูตรงนี้ก่อน…”เยี่ยม! ยายไม่ว่าง ต้องพึ่งตัวเอง ตอนนี้เหลือเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่ทันแน่ถ้าจะหาเอง เพราะฉะนั้น…..หาตัวช่วย


   ผมเริ่มมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเห็นตานั่นกำลังยืนเลือกสมุนไพรอยู่ข้างๆ ถึงไม่อยากจะยุ่ง ก็คงต้องยุ่งแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มันไม่ทันแล้ว ถ้าไปช้าลู่หานเอาตายแน่ เอาวะ!! ยอมเสียหน้า ดีกว่าเสียชีวิตละกันปาร์คชานยอล!!!


“คุณ…..หาพวกนี้ให้หน่อยสิ ผมไม่รู้จัก”ผมพูดอ้อมแอ้มก่อนจะยื่นแผ่นหนังไปให้ ผู้ชายคนนั้นหัวเราะก่อนจะรับแผ่นหนังไป


“คนใช้บ้านนี้ไม่ได้เรื่องเลย”ผมอ้าปากเตรียมจะสวนแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ เพราะเขาคือคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ขืนไปต่อล้อต่อเถียงมาก แล้วเขาเปลี่ยนใจ
ไม่ช่วยขึ้นมา มันจะซวยเอา


    หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็เลือกสมุนไพรให้ผม ไม่นานนักก็ได้มาครบ ผมรับมาก่อนจะกล่าวคำขอบคุณพอเป็นพิธีแล้วเดินไปจ่ายเงินกับคุณยาย แล้วตั้งท่าจะเดินออกจากร้านไป


“รีบกลับละ…..ระวังน้ำมันจะเดือด” น้ำมันจะเดือด….ลู่หานคือน้ำ น้ำมันจะเดือด คือลู่หานโมโหแน่!!! ผมหันขวับกลับไปมอง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยู่
ซะแล้ว ความจริงแล้วเขาเป็นใครกัน หนึ่งในผู้พิทักษ์อย่างนั้นหรอ ถ้างั้นแล้วพิทักษ์ธาตุไหนกันล่ะ…



   ผมไม่มีเวลาได้คิดหาคำตอบนานนัก เพราะต้องรีบกลับไปสนใจเรื่องเอาสมุนไพรไปให้ลู่หาน ผมรีบวิ่งกระหืดกระหอบไปตามสะพานไม้ ตรงไปยังโรงฝึกซ้อม ก่อนจะเอาสมุนไพรไปให้ลู่หานที่ยืนกอดอกหน้าหงึก ตาขวาง โดยมีไคนั่งอยู่ข้างๆคอยส่งยิ้มแหยๆมาให้ผมอยู่


“ผมมาทันนะ!!”ผมรีบแก้ตัวแม้ยังไม่มีข้อกล่าวหาก่อนจะยื่นสมุนไพรทั้งหมดให้ลู่หาน


“ก็ทัน แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้ ปกติธาตุไฟมันต้องใจร้อน ทำอะไรรวดเร็วไม่ใช่รึไง!!”ลู่หานว่าพร้อมกับคว้าสมุนไพรไป มือบาง คลี่ซองออก ก่อนจะใช้น้ำทำเป็นสายเล็กแต่ไหลแรงตัดใบไม้ทั้งหมดจนแหลกละเอียด แล้วใช้น้ำตวัดพวกมันลงไปพอกที่แผล  จากนั้นก็ฉีกชายเสื้อออกมาพันแผลของไคอีกทีหนึ่ง


“ขอโทษนะ”ผมขอโทษไคอย่างสำนึกผิด


“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ พี่น่ะเก่งๆมากเลย ที่พี่ทำมันไม่ผิดหรอก การผสานพลังทั้งสองธาตุมันคือการควบคุมขั้นสูงเลยนะ”


“พี่ก็แค่ทำมั่วๆ แค่คิดว่าอยากลองเฉยๆ”


“คราวหลังควรจะคิดก่อนลอง!!! ดีแค่ไหนแล้วที่ไคไม่เป็นอะไรมากน่ะห๊ะ!!!”ลู่แผดเสียง พร้อมกับถลึงตาใส่ผม จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองตัวหดเล็กลง เวลาที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ คนอะไรดุชะมัด ไม่สมกับเป็นธาตุน้ำเยสักนิดเดียว


“ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่นา…”ผมพึมพำเสียงเบา ลู่หานอ้าปากเตรียมจะสวน ดีที่ไคยั้งไว้เสียก่อน


“วันนี้พี่กลับไปพักผ่อนได้แล้วครับ แล้วคืนนี้ก็รีบนอนด้วยนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”


“โหย….ตื่นเช้าหรอ พรุ่งนี้จะฝึกหนักหรอ”ผมพูดอย่างอดมลายตายอยาก ความรู้สึกใกล้เคียงกับตอนที่อาจารย์วิชาเลข วิชาที่ผมเกลียดที่สุด บอกผมว่า ชานยอล พรุ่งนี้มาเช้านะ เรามีติวก่อนสอบอย่างไงอย่างนั้น


“ครับ ผมคิดว่าเราควรจริงจังกับพลังของพี่ให้มากกว่านี้”ไคพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดนิสัย พร้อมกับเหลือบมองแขนที่ถูกไฟลวก ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น


“พี่ขอโทษ…..แล้วที่ว่าฝึกหนัก เราจะฝึกกันยังไงหรอ เอ่อ….มีน้ำเข้ามาฝึกด้วยมั้ย”ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆพร้อมกับเหลือบตามองลู่หานที่ยืนปั้นหน้ายักษ์อย่างหวาดๆ


“เสียใจด้วย…ที่ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับการฝึกของนาย”ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกไม่ออกว่าถ้าได้ฝึกกับลู่หานแล้วสภาพตัวเองจะเป็นยังไง


“วันนี้พี่กลับไปพักผ่อนกันเถอะครับ พรุ่งนี้เราจะต้องฝึกกันหนัก”ไคพูดก่อนจะบังคับใบไม้ให้ลู่ลงมาเสมือนเป็นทางเดิมธรรมชาติแทนการใช้สะพานไม้เหล่านั้น สีหน้าของไคดูไม่ค่อยดีนัก ไม่แน่ใจว่าเพราะเจ็บแผล หรือเรื่องอื่น แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถาม เพราะกลัวจะทำให้เขาอึดอัดมากขึ้น ในขณะที่ลู่หานยังคงทำหน้าเหมือนหมีจอมหงุดหงิด ดวงตาหวานที่ดูจะกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลามองมาที่ผมเหมือนต้องการจะมองไปให้ทะลุที่จิตใจของผม จนผมรู้สึกไม่ปลอดภัย เลยเลี่ยงที่จะเบนสายตามองไปทางอื่นแทน




 บรรยากาศรอบๆเราทั้งสามดูแย่ลงเรื่อยๆ ไคนิ่งเงียบไปตลอดทาง เหมือนเขากำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องใช้สมาธิสูงอยู่จนลืมสิ่งรอบตัว ส่วนลู่หานก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ท่าทางกราดเกรี้ยวนั้นหายไปแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าจริงจัง ที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนโมโห ทำให้ตลอดการเดินทางของผมน่าอึดอัด และดูจะยาวนานมากกว่าปกติ ผมเลยเลือกที่จะเดินทางต่อไปเงียบๆ และภาวนาให้ถึงพระราชวังเร็วๆ



 ทันทีที่ผมถึง ไคกับลู่หานก็ไปส่งผมที่ห้อง ก่อนจะออกไป ผมทรุดนั่งลงกับเตียง มองห้องที่ตกแต่งด้วยสีแดงเพลิงอย่างครุ่นคิด ไคกับลู่หานกำลังคิดเรื่องอะไรกัน ทำไมสองคนนั้นถึงได้ดูเคร่งเครียดอย่างนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมรึเปล่า ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เหมือนเรื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ความเงียบภายในห้องกำลังทำให้ผมฟุ้งซ่าน ผมต้องหาอะไรทำให้ตัวเองลืม



   ผมตัดสินใจออกไปเดินเล่นด้านนอกเพื่อให้ตัวเองเลิกคิด ทางเดินสว่างไปด้วยกระเปราะที่บรรจุเหล่าหิ่งห้อยอยู่ในนั้น ผมเดินไปตามทางที่เหล่าทหารอยู่น้อยที่สุด เพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใคร ระหว่างที่เดินอยู่ จู่ๆเสียงลู่หานกับไคก็ดังขึ้นที่ปลายทางอีกด้าน ผมจะไม่สนใจบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันเลย ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้กำลังพูดเรื่องผมอยู่…


“พลังของพี่ชานยอลกำลังตื่นขึ้นมาแล้ว เขาผสานเวทย์ได้ภายในการฝึกแค่สองวัน ทั้งๆที่ผู้พิทักษ์คนอื่นใช้เวลาเกือบปีกว่าจะผสานเวทย์ได้ เราต้องรีบแล้วก่อนที่พลังจะฟื้นคืนมาทั้งหมด ไม่งั้นเราแย่แน่”


“ฉันอยากให้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ เด็กนั่นจะทรงพลังจนแม้แต่คริสก็อาจควบคุมไม่อยู่”


“ใช่….แล้วเราก็ต้องรีบหาทางจัดการพลังนั้นก่อนที่มันจะตื่นมาทั้งหมด”


“อืม หวังว่าท่านลาลิออนจะมีคำตอบให้พวกเรา”เสียงทั้งคู่หายไป ก่อนที่เสียงเหมือนประตูเปิดจะดังขึ้น ผมวิ่งไปตามเสียงที่ดังขึ้น ทันเห็นไคเดินเข้าไปในประตูที่จู่ๆก็ปรากฏอยู่บนกำแพง ผมรีบวิ่งตามเขาเข้าไป ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นอีกฝากฝั่งของประตู



    ผมยืนอยู่บนก้อนหินที่ลายล้อมไปด้วยแม่น้ำลาวาที่เดือดปุดๆ ท่ามกลางภูเขาไฟนับร้อยลูก ทุกลูกล้วนแต่ปะทุลาวาพ่วงพุ่งสูงเฉียดฟ้าขึ้นมา เขม่าควันและกลิ่นกำมะถันลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ แสงสีประหลาดประกอบไปด้วยสีแดง เงิน ฟ้า น้ำตาล และเขียวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่มองไม่เห็นว่ามีจุดกำเนิดอยู่ที่ตรงไหน ผมละสายตาออกมาจากมัน พยายามมองหาไคและลู่หาน แต่ก็ไม่พบวี่แววของพวกเขาเลย ซ้ำร้ายประตูที่พาเข้ามาก็หายไปแล้ว...ดูท่าว่าผมจะติดอยู่ที่นี่ซะแล้วสิ

http://0ctogus.forumth.com

25Element Part 3 Empty Re: 5Element Part 3 Fri Jul 11, 2014 6:18 pm

ky_palm



ชานยอลเป็นใครง่ะ?
ตัวอันตรายหรือ?

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ