0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

5Element Part 2

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

15Element Part 2 Empty 5Element Part 2 Fri Oct 11, 2013 8:03 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

“คุณ….พูดว่าอะไรนะ แล้ว…แล้ว….ทำไมคุณถึงรู้ชื่อผม”ผมถามผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้พร้อมกับถอยห่างเขาเรื่อยๆจนหลังชนกับต้นไม้ที่ผมโผล่ออกมา


“โอ๊ะ! ขอโทษที ผมคงจะพูดรวบรัดมากไปหน่อย ”เขาตอบด้วยท่าทีสำนึกผิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมอุ่นใจหรือรู้สึกดีเพิ่มขึ้นเลย


“คุณเป็นใคร… มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน”ผมถามไปอย่างหวาดระแวง


“ผมชื่อไค เป็นผู้พิทักษ์แห่งพฤกษา ส่วนที่นี่คือเลอร์วันน่า โลกต่างมิติของพี่”เขาตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร และใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม


“เลอร์วันน่า…ผู้พิทักษ์”ผมพึมพำตามคำที่เขาพูด เลอร์วันน่า โลกต่างมิติ นี่มันอะไรกัน


“ไม่เข้าใจสินะ งั้นผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆแล้วกัน …..เลอร์วันน่าคือโลกที่ประกอบไปด้วย 5ธาตุหลัก ได้แก่  ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และโลหะ ดังนั้นที่นี่จึงมีห้าเผ่า เผ่าดินปกครองเมืองเอธีรอน มีธาตุหลักคือดิน เผ่าน้ำ ปกครองเมืองวารีอา มีธาตุหลักคือน้ำ เผ่าไม้ ปกครองเมืองวูดีลีฟ เผ่าไฟ ปกครองเมือง อคิวล่า ธาตุหลักคือไฟ สุดท้าย เผ่าโลหะ ปกครองเมือง เมอร์ทีโก้ ธาตุหลักคือโลหะ โดยทุกเมืองจะต้องมีผู้พิทักษ์แห่งธาตุ พวกเขาทั้งห้าต้องควบคุมให้พลังทุกธาตุอยู่ในระดับสมดุล แต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เผ่าไฟเกิดสงครามภายใน ทุกอย่างล้มสลาย ผู้พิทักษ์คนสุดท้ายหายตัวไป……”ผมเบิกตาโพล่งเมื่อเขามองมาที่ผม  ลำพังแค่เรื่องโลกพลังธาตุไรนั่นก็เหลือเชื่อพอแล้ว นี่ผมยังจะมาเป็นผู้พิทงพิทักษ์อะไรนั้นอีกน่ะหรอ ไม่จริงหรอกมั้ง

“ผมจะเชื่อได้ไงว่าคุณพูดจริง”


“งั้นดูนี่”ผู้ชายคนนั้นบอกก่อนจะหยิบวัตถุบางอย่างออกมาแล้วจุดไฟจากนั้นก็ปามาใส่ผม


“เฮ้ย!!! ”ผมรีบวิ่งหนี แต่มันไม่ทันซะแล้ว เมื่อประกายไฟลุกลามจากเสื้อผ้าเข้ามาที่เนื้อของผมแล้ว


“ลองสั่งให้มันหยุดสิครับ”ผู้ชายที่ชื่อว่าไคแนะนำ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผมเลยสักนิด ไฟนะ ไม่ใช่ออบตินที่จะมาสั่งให้หยุดก็หยุด



   ผมวิ่งไปมาอยู่อย่างนั้น จนไฟลุกลามไปทั่วทั่งร่าง  อีกไม่ช้าผมจะต้องตายแน่  ตายด้วยวัยเพียงแค่สิบแปดปีซึ่ง ยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีงานทำ ยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ ทำไมชีวิตผมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย  ไม่ ผมต้องไม่ตาย ต้องไม่มาตายตอนนี้ แล้วก็ที่นี่ด้วย



 ผมหลับตาพยายามลองทำตามที่ไคแนะนำ ถ้าผมเป็นผู้พิทักษ์จริง ผมต้องหยุดมันได้ ผมเพ่งสมาธิพร้อมกับสั่งให้ไฟหยุดในใจพร้อมกับจินตนาการภาพที่ตัวเองไม่มีไฟลุกท่วม เฉียบพลันนั้นที่ผมคิด จู่ๆไฟที่แผดเผาไปทั่วทั้งร่างพลันหายไปในพริบตา ผมหยุดวิ่ง สำรวจร่างกายตัวเองอย่างแปลกใจ อีกแล้ว….ไม่มีแผลเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ไฟปริมาณเท่านั้น มันสามารถทำให้ผมเละไปทั้งตัวได้สบายๆ แต่นี่ผมกลับไม่เป็นอะไรเลย แถมยังสั่งให้ไฟหยุดได้ด้วย….



หรือว่าจะจริงอย่างที่ไคพูด


ผมคือผู้พิทักษ์แห่งอัคคี



“เห็นมั้ยว่าผมพูดจริง พี่คือผู้พิทักษ์แห่งอัคคี”ไคยิ้มหน้าระรื่นแต่กลับดูเป็นมิตรมากกว่าจะดูเยาะเย้ย


“นะนะ นี่ผมเป็นผู้พิทักษ์จริงๆน่ะหรอ ถะ….ถะ…ถ้างั้นแล้วผมต้องทำยังไง”คนถูกถามดีดนิ้วดังเปาะก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ต้องได้รับการฝึกฝนจากทั้งห้าเผ่าเองครับ”พูดเหมือนง่าย  ลำพังแค่ไฟธาตุหลักของตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะให้ไปฝึกธาตุอื่นน่ะหรอ ไม่ไหวหรอก


“ไม่ไหวหรอก  แค่ไฟก็จะแย่อยู่แล้ว”


“ถ้าพี่ไม่ทำ ทุกคนที่นี่จะตาย”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพร้อมกับจับใบไม้ที่ค่อยๆแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ธรรมชาติจะเป็น เหมือนกับว่าโลกใบนี้ถูกเร่งให้เน่าเปื่อยเร็วขึ้น เพราะขาดสมดุลบางอย่างในธรรมชาติไป



  ผมเม้มปากชั่งใจ ถึงจะไม่รู้ว่าไอ้เจ้าผู้พิทักษ์ไรนั่นทำงานยังไง แต่ถ้าให้เดามันก็คงจะยากมากแน่  แล้วคนป้ำๆเป้อๆที่ชอบทำของพังอยู่ตลอกเวลาจะทำได้หรอ เด็กผู้ชายอายุสิบแปดคนนี้จะช่วยคนของโลกนี้ทั้งโลกได้หรอ มันดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย  แต่ถ้าผมไม่ทำ ที่นี่ก็จะล้มสลาย ทุกคนจะตายหมด  มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มกันเลย การหายไปของคนเพียงคนเดียว ทำให้คนอีกมากมายต้องตาย ผมจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมต้องอยู่ที่นี่คือ….ผมต้องการรู้อดีตของตัวเอง ผมเป็นใคร แล้วทำไม….ถึงหายตัวไป


“ก็ได้ ผมจะอยู่ที่นี่”ไคยิ้มรับก่อนจะพูดต่อ



“ถ้าอย่างนั้น วูดีลีฟ อาณาจักรแห่งพฤกษา  ชีวาแห่งเลอร์วันน่า ยินดีต้อนรับ ท่านปาร์คชานยอล ผู้พิทักษ์แห่งอัคคีคนสุดท้าย เข้ารับการฝึกตั้งแต่บัดนี้”





การฝึกฝนของผมถูกจัดขึ้นในโรงซ้อมที่แปลกและพิสดารมากที่สุดในโลก ชนิดที่ว่าไม่เคยมีปรากฏในหนังแฟนตาซีเรื่องไหนของโลกเราแน่ เพราะสถานที่ฝึกซ้อมของผมถูกสร้างมาจากต้นไม้ หลายต้นโน้มเข้าหากันเป็นโดม โดยมีกิ่งก้านสาขาของมันเป็นพื้นให้เรายืน ซึ่งผมบอกได้เลยว่ามันไม่มีความแข็งแรงเลยสักนิด ซ้ำเมื่อลมพัดผ่าน กิ่งก้านพวกนั้นก็จะลู่ไหวไปตามสายลม ทำให้ผมต้องเปลี่ยนท่าทางการยืนไปตามมัน แค่เพียงเท่านี้  ผมก็รับรู้ได้ทันที ว่าการฝึกต่อจากนี้จะไม่ไม่ธรรมดา…


“ถ้าพี่ต้องการจะควบคุมธาตุไม้พี่ต้องเข้าใจลักษณะของมันให้ได้ซะก่อนนะครับ ธาตุไม้ ลักษณะเด่น ข้อแรกก็คือ ชีวิตชีวา มันเป็นธาตุชนิดอย่างเดียวที่เป็นสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นการควบคุมเลยง่ายและยากกว่าทุกธาตุ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ถ้าพี่เข้าใจมันมันก็จะตอบสนองต่อความคิดของพี่ แต่ถ้าไม่เข้าใจมันก็จะไม่ตอบสนอง ไม่เหมือนธาตุอื่นๆที่สั่งให้ทำอะไร มันก็จะเป็นไปตามนั้นน่ะครับ” ไคอธิบายน้ำเสียงอบอุ่น และใจเย็น ผมพยายามจะคิดตามเขา แต่เพราะต้นไม้ที่เอนไปมา ทำให้ผมต้องรีบคว้าหาที่ยึดไว้ก่อนที่ตัวเองจะร่วงลงไปข้างล่าง ด้วยความสูงเท่านี้ แทบไม่ต้องคิดสภาพศพ


“เพราะฉะนั้น การฝึกขั้นแรก  ทำให้เมล็ดนี่โตเป็นต้นอ่อนให้ได้ภายในสามชั่วโมง”ไคพูดพร้อมกับใช้เถาวัลย์หยิบกระถางต้นไม้ที่มีเมล็ดฝังอยู่ในนั้น


“ห๊า สามชั่ว….หว๊า หวา”คำพูดทั้งหมดขาดหายไปเมื่อผมแหกปากร้องลั่นตกใจที่จู่ๆลมก็พัดมาจนเกือบทรงตัวไว้ไม่อยู่ ดีที่เกาะต้นไม้ไว้ได้เสียก่อน


“ใช่ครับ ให้เราคิดว่าตัวเองคือต้นไม้ และต้นไม้คือเรา”ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน ให้เราคิดว่าตัวเองคือต้นไม้ และต้นไม้คือเรา อย่างนั้นน่ะหรอ…


“ใครมันจะไปทำได้กันล่ะ”


“ผู้พิทักษ์ทุกคน”ใครตอบพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้ดูเป็นมิตรกับผมเลย แต่กลับดูกดดันกันอยู่มากกว่า


“เป็นผู้พิทักษ์ไฟก็แค่ควบคุมไฟอย่างเดียวไม่ได้หรอ”


“ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และโลหะ คือสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้นะครับพี่ ทุกอย่างรวมเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเราควบคุมได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งทุกอย่างจะไม่สมดุล”


“ถ้างั้นแล้วทำไมไม่ใช่คนเดียวควบคุมมันทุกธาตุเลยล่ะ”คนถูกถามหัวเราะ ก่อนจะตอบ


“พี่นี่ช่างถามจัง คำตอบมันก็เหมือนกับ ทำไมนักเรียนในโลกของพี่ต้องเรียนทุกวิชา ทั้งๆที่ตัวเองถนัดอยู่วิชาเดียว มันก็เหมือนกันแหละครับ เราจำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แต่ถนัดเพียงแค่อย่างเดียวเพื่อใช้เลี้ยงชีพตัวเอง แต่ในโลกนี้ เราไม่ได้แค่เลี้ยงตัวเอง แต่เราต้องดูแลคนทั้งโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นความสามารถของเราก็ต้องยิ่งสูงตามไปด้วยนั่นแหละ”ไคอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนเรื่องที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายที่จะทำ ทั้งๆที่ความจริง….มันไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว!!!


“หมายความว่าต้องทำให้ได้งั้นสินะ”ไคพยักหน้า นั่นยิ่งทำให้ผมหนักใจขึ้นอีกเท่าตัว ผมต้องควบคุมทุกธาตุให้ได้….แค่คิดก็ยากแล้ว


“ทำตามที่ผมบอกสิ คิดว่าตัวเองคือต้นไม้ และต้นไม้คือเรา”ผมพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงเรียกสมาธิ เสียงลมที่พัดผ่านรอบข้างกลายเป็นเสียงที่ดังที่สุดในตอนนี้ รอบๆตัวผมเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งที่ไม่มีใครนอกจากผมและเมล็ดต้นไม้นี้  จากนั้นผมก็คิดตามที่ไคบอก เราคือต้นไม้ ต้นไม้คือเรา



  ฉันจะต้องโตขึ้น โตขึ้น โตขึ้น โตขึ้น แล้วก็โตขึ้น!!! ผมนิ่งไปพักหนึ่ง รอว่าจะมีเสียงการแตกยอดออกจากเมล็ดหรืออะไรอย่างนั้นมั้ย แต่สุดท้ายมันก็ไม่มี ทุกอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่าน ผมค่อยๆลืมตาดูเมล็ดในกระถาง…เหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีแม้รากโผล่



“พี่ยังไม่เอาหัวใจไปอยู่ในต้นไม้เลย  ต้นไม้เลยไม่โต ลองดูใหม่สิครับ”ไคแนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่มีแม้แต่จะโมโห ผมพยักหน้า ทำหน้ามุ่งมั่นก่อนจะหลับตาตั้งใจทำใหม่



  หลังจากนั้นผมก็จมปลักอยู่กับการสั่งต้นไม้ให้โตแต่ไม่ว่าจะสั่งยังไงต้นไม้ก็ไม่โตสักที ไคพยายามแนะนำให้ผมใส่ใจลงไปด้วย และคิดว่าตัวเองคือต้นไม้และต้นไม้คือตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าต้นไม้ก็ไม่โตสักที  ผมถอนหายใจ ทรุดนั่งลงกับกิ่งไม้ ก่อนจะซบหน้าพิงหน้าผากกับกระถางต้นไม้



“สู้สิครับพี่ อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง พยายามมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว สู้ต่ออีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง”ผมนิ่งฟังที่ไคพูด สู้มาตั้งสองชั่วโมง  สู้อีกสักครึ่งชั่วโมงก็คงไม่เสียหายอะไรงั้นหรอ ก็จริงอย่างที่บอก เอาวะ!!! พยายามอีกสักตั้ง!!!



   ผมยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะสูดหายใจลึก อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น  นายต้องทำได้!!!  ผมหลับตานิ่งรวบรวมสมาธิพร้อมกับตั้งจิตในใจ ฉันคือต้นไม้ ต้นไม้คือฉัน ฉันจะต้องโตขึ้น จะต้องแตกก้านใบสีเขียวสด ผลิใบอ่อนรับแสงแดด ผมพูดพร้อมกับจินตนาการถึงต้นกล้าที่ออกมาจากเมล็ดนั้น และนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กแล้วค่อยๆโตขึ้นมา มันจะต้องได้ ต้นไม้จะต้องโตขึ้น


ปุ!!!


ผมลืมตามองต้นไม้อย่างลุ้นระทึก ต้นกล้าสีเขียวค่อยๆโผล่ออกมาจากเมล็ดแล้วค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ



“ทำได้แล้ว!!!”ผมตะโกนพร้อมกับวิ่งชูกระถางต้นไม้ไปให้ไคดู ด้วยความไม่ระวังทำให้ผมก้าวพลาดร่วงลงมาจากต้นไม้ ผมดิ่งลงมาจากเบื้องบนด้วยความเร็วสูง กิ่งไม้มากมายเกี่ยวแขนขาของผมจนเจ็บ ผมคิดแค่อย่างเดียวว่าผมไม่อยากตาย และจินตนาการถึงต้นไม้ที่เข้ามาดึงผมไว้


พรวด!


จู่ๆต้นกล้าต้นนั้นก็โตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ แล้วพุ่งเข้ามาดึงข้อเท้าผมเอาไว้ก่อนจะฉุดกลับขึ้นไปยังเบื้องบน


“แฮ่ก แฮ่ก นะ นาย…นายช่วยพี่ไว้หรอ”ผมถามไคเพราะคิดว่าอย่างผมไม่มีทางทำได้แน่ ลำพังแค่ทำให้ต้นไม้โตยังปาไปสามชั่วโมง ถ้าจะให้เถาวัลย์ออกมาได้นี่คงเป็นวัน


“…………ผมไม่ได้ทำ”


“อย่ามาตลกน่า เฮ้อ…. คิดว่าจะตายซะแล้ว ขอบคุณนะที่ช่วย”สีหน้าของไคกำลังวิตกกังวล และเคร่งเครียดผิดนิสัย จนผมอดที่จะถามไม่ได้ แต่ทันทีที่อ้าปาก ร่างสูงก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน


“วันนี้ซ้อมแค่นี้ก่อนแล้วกันครับพี่  เดี๋ยวผมพาพี่ไปที่พักเลยแล้วกัน”



   หลังจากนั้นไคก็พาผมไปที่ที่พักที่จัดไว้   ที่พักของผมตั้งอยู่ที่วูดีนเมืองหลวงของวูดีลีฟ ที่นี่เกือบคล้ายกับลอนดอนและเมืองหลวงอื่นๆในโลกของเรา ต่างกันตรงที่มันอยู่บนต้นไม้ โดยต้นไม้หนึ่งต้นมีร้านค้าและบ้านเรือนอยู่ไม่น้อยกว่าสิบหลัง หรืออาจจะมากกว่านั้นเมื่อต้นไม้นั้นเข้าใกล้ใจกลางเมืองมากขึ้น ถนนหนทางคือสะพานไม้ที่เชื่อมส่วนต่างๆเข้าด้วยกัน ผู้คนที่นี่ล้วนแต่งตัวด้วยชุดสีเขียว และมีจิตใจอ่อนโยน บ้านเมืองของเขาจึงดูสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทหรือความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้ก็คล้ายๆกับโลกของเราที่คนพลุกพล่าน ทุกอย่างสะดวกสบายมีทุกสิ่งที่ต้องการอยู่ในเมืองหลวง



   ไคพาผมเดินผ่านร้านค้ามาหลายร้านค้า เท่าที่ผมสังเกตดูที่นี้มีแต่ร้านค้าส่วนใหญ่มักจะเป็นร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชที่มีตั้งแต่ต้นไม้ปกติๆไปจนถึงต้นไม้ที่ร้องเพลงได้ เรืองแสงทำเป็นโคมไฟ  หรือจะส่งเสียงประหลาดๆเวลามีคนแปลกหน้ามาก็ยังมี นอกจากนี้ก็ยังร้านขายดอกไม้ และร้านอาหารที่ส่วนใหญ่จะมีแต่เมนูผัก และเนื้อตัวอะไรก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก  แต่คิดว่าถ้ามีโอกาสก็น่าจะลองกินดู เผื่อว่ามันจะอร่อย



“ใกล้ถึงที่พักแล้วนะครับ ผมการันตีเลยว่าที่นี้สวยและหรูที่สุดในวูดีลีฟ”ไคหันมาบอกผม ทำให้ผมต้องละสายตาออกมาจากร้านอาหาร แต่ขณะที่ผมกำลังจะถามไคกลับ เจ้าตัวก็เดินไปคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวทะมัดทะแมง มีเกราะสีเขียวเข้มที่มีลวดลายใบไม้สีทองประทับอยู่กลางเกราะ พร้อมกับในมือที่ถือหอกเอาไว้ กำลังยืนเฝ้าประตูของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ความใหญ่โตและอลังการของมันกินพื้นที่ไปกว่าหลายไร่ และต้นไม้กว่าร้อยต้น…..นี่มันไม่ใช่โรงแรมแล้วล่ะ นี่มันพระราชวังชัดๆ!!


“เชิญท่านไคกับท่านชานยอลด้านในเลยครับ”ทหารคนนั้นพูดพร้อมกับเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปด้านใน ผมถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า อาคารหลังนี้ทำมาจากไม้ทั้งหลังทำให้ดูอบอุ่นแต่ก็น่าเกรงขาม และเพิ่มความดูหรูหราด้วยการตกแต่งเครื่องเรือนด้วยสีเขียวเข้มและสีทอง เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันทำความเคารพพวกผม เหมือนกับว่าเราเป็นคนสำคัญ



“ไค ผู้พิทักษ์นี่มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ”ผมกระซิบถามขณะที่ไคเดินนำไปที่ห้องของผม คนถูกถามหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“ใช่สิครับพี่ แต่ผมไม่ค่อยสนใจความยิ่งใหญ่อะไรพวกนั้นหรอก เราก็แค่คนธรรมดาที่มีหน้าที่เยอะกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง”ไคพูดก่อนจะหยุดยืนที่ห้องห้องหนึ่งซึ่งสลักตัวอักษรว่า ผู้พิทักษ์แห่งอัคคี แล้วผลักประตูให้เปิดออก ไอความร้อนพุ่งออกมาจากตัวห้องจนไคผะถอยห่าง ในขณะที่ผมกลับรู้สึกสบายๆ


“ถ้าขาดเหลืออะไรพี่ก็บอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมต้องออกไปทำธุระนิดหน่อย พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ พรุ่งนี้เราต้องฝึกกันอีกเยอะ”ผมพยักหน้ายิ้มรับก่อนจะหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินประโยคหลัง จนไคหัวเราะชอบใจ แล้วเดินออกจากห้องไป


หลังจากไคออกไปผมก็เริ่มสำรวจห้องตัวเอง ห้องทั้งห้องถูกตกแต่งด้วยสีแดงเพลิง  มีห้องน้ำและกล่องบางอย่างที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นตู้เย็นอยู่ในตัว แต่พอเปิดออกมากลับเจอแต่ของร้อนที่ยังคงมีควันฉุยออกมา สรุปได้ว่าเจ้าตู้นี้เป็นตู้เก็บความร้อน ถัดจากตู้เก็บความร้อนเป็นชั้นหนังสือที่มีหนังสืออยู่หลายประเภท แต่ดูไม่น่าอ่านสักเล่มเลย เพราะว่ามันหนาเกินไป ผมคงทนอ่านได้ไม่ถึงครึ่งเล่มแน่ ที่อยู่ไกลจากชั้นเก็บหนังสือไปทางซ้ายมือ คือ เตาผิงขนาดใหญ่มีไฟลุกโชติช่วงคอยให้ความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมรู้สึกสบาย


“เฮ้อ ไม่เห็นจะมีอะไรให้ทำเลย”ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง แล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง ที่เผยภาพวูดีนในยามค่ำคืนที่สวยงามอยู่ตรงหน้า ถ้าได้ไปเดินเล่นสักหน่อยก็คงดี หวังว่าคงไม่มีข้อห้ามห้ามออกไปเดินเล่นคนเดียวในตอนกลางคืนหรอกนะ



      เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ก้าวเท้าลงจากเตียง ก่อนจะวิ่งไปเปิดหน้าต่าง จะให้ออกทางประตูน่ะมันก็ได้อยู่ แต่ถ้าออกทางนั้นก็ต้องเจอพวกทหาร คนรับใช้อีกมากมาย เดี๋ยววุ่นวายกันอีก ออกทางนี้นี่ละ ปลอดภัยกว่าเยอะ



      ผมก้มมองพื้นเบื้องล่าง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาวัตถุที่จะพาตัวเองออกจากห้องไปได้ ก่อนจะเจอต้นไม้ขนาดยักษ์ที่มีใบใหญ่ราวฟุตหนึ่งได้ มันแผ่ขยายร่มใบของมันตั้งแต่ห้องผมไปจนถึงริมขอบกำแพงวัง ถ้าผมใช้มันเป็นสะพานได้ผมก็น่าจะไปถึงกำแพงได้สบายๆ โดยที่ไม่มีทหารคนไหนสงสัยเลยสักคน…



    ผมยิ้มให้กับความฉลาดของตัวเอง จะให้ปีนหรอ ไม่มีทางหรอก ไหนๆก็ฝึกวิชามาแล้ว ลองใช้สักนิดสักหน่อยก็แล้วกัน  ผมจ้องมองไปที่ใบไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะหลับตาลองเพ่งจิตสั่งให้มันเข้ามาหา  แล้วทันใดนั้นเจ้าใบไม้ก็เข้ามาหาผมจริงๆ ผมลองทำแบบเดิมกับอีกสองสามใบ  แล้วมันก็ได้ผล !!! ใบไม้เรียงเป็นทางเดินเหมือนก้อนหินที่เรียงเป็นแถวที่น้ำตก  ผมค่อยๆวางเท้าบนใบไม้ทีละข้าง ทันใดนั้นเจ้าใบไม้ก็ทำท่าเหมือนจะขาด  ผมรีบกระโดดไปที่อีกใบ  ก่อนจะสั่งให้ใบอื่นมารองรับก้าวเท้าของผมในก้าวต่อๆไปแล้วรีบวิ่งไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  จนในที่สุดผมก็มาหยุดอยู่ที่ขอบกำแพงพอดี


“เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ”ผมถอนหายใจตัวเองอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อยๆปีนลงกำแพง เฉียบพลันนั้นจู่ๆเสียงของไคก็ดังขึ้น


“ชานยอล…”


“คือ…”ผมพึมพำเบาๆ เม้มปากแน่น ก่อนจะหันไปหารุ่นน้องที่เป็นเหมือนครูฝึกของผม ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อไคไม่ได้พูดกับผม แต่เขากำลังพูดอยู่กับตัวเอง


“พี่เป็นคนในคำทำนายจริงๆน่ะหรอ แย่แน่ ต้องแย่แน่ๆ ต้องรีบบอกทุกคน”ผมเหมือนถูกสาปด้วยคำพูดของไค เขากำลังพูดถึงผม แล้วมันก็ดูไม่ดีเท่าไรด้วย  ผมเป็นคนในคำทำนายอะไร แล้วทำไมมันถึงต้องแย่ด้วยล่ะ แล้วไคกำลังจะไปบอกใครกัน



     ผมก้มหลบไคที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้ ก่อนจะเฝ้ามองว่าเขาเดินไปทางไหน  ไคกำลังเดินไปที่ถนนต้นไม้เส้นหนึ่งซึ่งห่างออกไปราวสองสามเมตรได้ โดยไม่มีทหารสักคนคอยคุมกัน ผมรีบสะกดรอยตามไป โดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้าเริงรมย์ต่างๆ ทำให้คนพลุกพล่าน ไคเลยไม่รู้ว่าผมกำลังสะกดรอยตาม แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผมมองหาไคยากเช่นกัน



        ผมเดินตามไคไปเรื่อยๆ มีบางครั้งที่ร่างสูงหันกลับมามองด้านหลังเมื่อรู้สึกถูกตาม แต่สุดท้ายเขาก็เดินต่อไป  ที่ที่ไคไปยิ่งร้างผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่พลุกพล่าน ตอนนี้คนเริ่มน้อยจนแทบไม่มี ร่างสูงเดินเลี้ยวไปยังถนนเส้นหนึ่งที่ทอดไปยังต้นไม้อีกต้นที่แทบร้างผู้คน  ผมรอให้เขาเดินห่างออกไปสักระยะ ก่อนจะเดินตามไป พร้อมกับสอดส่ายสายตาสำรวจสภาพแวดล้อม ที่ทางแถวนี้ เต็มไปด้วยร้านค้าแปลกๆ ที่ดูไม่น่าไว้ใจ บางร้านขายเครื่องดื่มมึนเมา ที่ไม่มีคนเข้าร้าน แต่เจ้าของกลับยังคงเสิร์ฟเครื่องดื่มต่อไป ส่วนร้านที่อยู่ข้างๆมีต้นไม้ร้องเพลงกำลังร้องเพลงอยู่ ทั้งๆที่ไม่มีใครนั่งฟังเลย นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้นไปอีก เพราะต้นไม้ชนิดนี้จะร้องเพลงต่อเมื่อมีคนฟังเท่านั้น อย่างกับว่าร้านค้าที่ต้นไม้นี้กำลังบริการแขกที่ไม่มีตัวตนอยู่….



     ผมรีบสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากบริเวณนั้น  ก่อนจะตามไคที่กำลังเดินเลี้ยวเข้าไปยังถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง รอบๆถนนมีร้านค้านเพียงร้านเดียว ผมเหลือบมองป้ายชื่อที่แปะอยู่หน้าถนนก่อนจะต้องชะงัก


ตรอกคร่ำครวญ


“นายมาหาใครกันนะ ไค”ผมพึมพำก่อนจะวิ่งไปหลบที่ด้านข้างของร้าน เสียงการพูดคุยภายในดังแว่วออกมาให้ได้ยิน


“บอกตามตรงเลยนะ เปลี่ยนที่นัดเป็นที่อื่นสักทีเถอะ ที่แถวนี้ไม่น่ามาเอาซะเลย”เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย  ก่อนที่ไคจะเอ่ยตอบ


“ถ้าภายในวังมันปลอดภัย ผมก็คงให้ไปเจอกันที่น่ะล่ะครับ พี่ก็รู้ว่าที่นี่เป็นที่เดียวในวูดีนที่พวกนั้นจะแทรกแซงแอบดักฟังพวกเราไม่ได้”ผมขมวดคิ้วตามคำพูดของไคไม่ทัน  พวกนั้น คือใครกัน  ทำไมเรื่องมันถึงได้วุ่นวายไปหมดอย่างนี้


“จะยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้คงต้องรอคุณชายเย็นชานั่นก่อนถึงจะเริ่มประชุมกันได้”


“ครั้งนี้เรียกมากะทันหัน หวังว่าเรื่องมันต้องสำคัญพอนะ ไค”เสียงชายอีกคนที่ดูเฉื่อยชาถามไคด้วยคำพูดกวนประสาท


“คนในคำทำนายเลอร์วันน่าอาจจะเป็นพี่ชานยอล”


“ว่าไงนะ! คนในคำทำนายที่ว่า….”จู่ๆเสียงหนึ่งก็กระซิบข้างหูของผม


“แอบฟังคนอื่นคุยกันน่ะ มันเสียมารยาทนะ รู้มั้ย”ผมตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นระรัว รู้สึกกลัวจนตัวสั่นยิ่งกว่าถูกอาจารย์จับได้ว่าโกงข้อสอบ


“ผม…..”


“มันยังไม่ถึงเวลาที่นายจะรู้ประวัติตัวเอง กลับไปนอนพักเตรียมฝึกพรุ่งนี้เถอะ ผู้พิทักษ์แห่งอัคคี”เฉียบพลันนั้นจู่ๆแสงสีเงินแปลกประหลาดก็อาบไล้ไปทั่วทั้งร่างของผม


วูบ!!!



ทุกอย่างกลายเป็นแสงขาว ผมรู้สึกเหมือนท้องไส้ตัวเองปั่นป่วนไปหมด หัวสมองเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเขย่าจนเละ  รู้สึกอยากจะอ้วกออกมา  แต่ก่อนที่ได้ทำอย่างนั้น ตัวผมก็กระแทกกับพื้นอย่างแรงเสียก่อน


“โอ๊ยยยย”ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บ ก่อนจะลูบก้นตัวเองป้อยๆแล้วหันไปมองรอบๆ
ห้องน้ำในพระราชวังของไค…


“ผู้ชายคนนั้นย้ายร่างเราได้!!!!”ผมอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะพึมพำอย่างสงสัย



“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันนะ”

http://0ctogus.forumth.com

25Element Part 2 Empty Re: 5Element Part 2 Fri Jul 11, 2014 6:09 pm

ky_palm



หืมมม ยอลทำไม?
ยอลมีอะไร?
ทำไมต้องปกปิด ผู้ชายคนนั้นคือใครกันงิ ?

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ