0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 12 ความลับของซุส

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

พวกเขาถูกพาเข้ามายังด้านในของเกาะ เหล่าเซนทอร์ร้องเพลงมาตลอดทาง พวกกลุ่มโจรสลัดที่อยู่รายล้อมต่างมองด้วยความสนใจ ผู้หญิงบางคนที่เผลอเข้าใกล้พวกเซนทอร์ก็จะถูกฉุดขึ้นหลังแล้วก็พาวิ่งหายเข้าไปในป่า ชานยอลไม่อยากจะคิดว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อ ก่อนที่เขาจะละความสนใจไป เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี่ทำให้เขาตกตะลึงได้มากกว่า ด้านในของป่าถูกเนรมิตรให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญ แสงไฟสีเหลืองอ่อนส่องสว่างให้เห็นร้านค้าที่มากกว่าครึ่งขายแต่เหล้า เครื่องดื่มน้ำสีอำพันจากทั่วทุกมุมโลกล้วนแต่มาอยู่ที่นี่ทั้งนั้น มีเซนทอร์ โจรสลัด และพวกผู้หญิงมากมายนั่งอยู่เต็มในร้าน พวกเขาร้องเพลง เต้นรำ พลอดรัก บางตนกอดจูบกันอยู่บนโต๊ะ บางตนซุกไซร้กันอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ จนบางตนชานยอลก็คิดว่าพวกเขาควรจะไปต่อกันหลังร้านเสียจะดีกว่านี้

"หู้ววววว..."พวกมันอุทานขณะที่มองอะไรบางอย่าง ชานยอลก้มมองตามก่อนจะแทบแหกปากใส่ เมื่อมันกำลังก้มมองหน้าอกหน้าใจ(ที่เขาไม่ได้อยากได้)ที่เด้งขึ้นเด้งลงตามการกระโดด ร่างโปร่งรีบเอามือปิดก่อนจะสั่งให้เหล้าในขวดที่เซนทอร์ถืออยู่พุ่งกระแทกใส่หน้าพวกเขาอย่างจัง

"นี่ เผื่อมันจะช่วยได้"เสียงคริสดังขึ้นพร้อมกับเสื้อคลุมสีดำที่ถูกยื่นมาให้ชานยอล ร่างโปร่งหันไปรับก่อนที่่จะเซไปชนคริสเมื่อจู่ๆเซนทอร์ก็กระโดดแรงขึ้น

"โอ๊ย! ขอโทษ"เขารีบเอ่ยบอกอีกฝ่าย คริสช่วยพยุงเอาไว้ก่อนจะหลบสายตาแล้วเอ่ยถาม

"อืม...ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย" ร่างโปร่งส่ายหน้าก่อนจะหวีดร้องเมื่ออกอวบนั่นกำลังเบียดแขนของคริสอยู่

"ขอโทษ ขอโทษ!!!"เขารีบเด้งตัวเอง พร้อมก้มหน้าซ่อนความเขินอาย ในขณะที่คริสกลับอมยิ้มน้อยๆ ชานยอลนึกอยากจะสาปแช่งเซนทอร์ที่เดินเบียดเสียดกันอย่างนี้จนเขาไปชนคริสได้ แล้วใช้อะไรไม่ชน ใช้.. อั่ก!! ชานยอลอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ!!

เซนทอร์ตัวหัวหน้าเดินนำต่อไป ผ่านร้านที่มีเซนทอร์สองตัวกำลังยิงธนูแข่งกัน ผ่านร้านที่เล่นเกมส์เสี่ยงทายอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนว่าคนแพ้ต้องถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น (ชานยอลจะไม่เล่นเกมส์นี้แน่นอน) ผ่านโรงแรมที่มีแต่โจรสลัดเต็มไปหมด ทุกคนต่างอยู่ในความสนุกสนานครื้นเครง มีผู้คนมากมายขอเดินเข้าร่วมขบวนกันจนหางแถวเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างยิ้มแย้ม และสนุกสนานจนสุดเหวี่ยง แต่ทว่าเสียงเพรียกบางอย่างกำลังดังอยู่ในตัวชานยอล...

เขายังไม่รู้เลยว่าวิธีที่จะโค่นล้มซุสคืออะไร พวกเขาไม่ได้มีเวลามากพอจะร่วมสนุกสนาน

"ท่านครับ..." ชานยอลร้องเรียกหัวหน้าขณะที่ขบวนมาหยุดอยู่ที่หน้าซุ้มๆหนึ่งที่ใหญ่โตและวิจิตรตระการตามากกว่าซุ้มอื่นๆ ไม้รูปร่างโค้งที่ถูกดัดให้เข้าหากันที่ด้านบนนั้นมีหัวสิงโตกำลังอ้าปากอยู่อย่างน่าเกรงขาม ผ้าสีขาวคาดแดงคลุมลงมาจากด้านบนเพื่อปกปิดสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน ทว่าแสงสีเหลืองนวลที่สาดส่องออกมา ก็ทำให้เห็นเงาอันเลือนรางของผู้หญิงรูปร่างอรชร ทั้งฝูงเริ่มส่งสียงฮือฮาก่อนจะค่อยๆเงียบลงเมื่อหัวหน้าควบเท้าหันกลับมาพูดกับขบวนเฉลิมฉลอง

"เอาล่ะทุกคน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการมาเยือนของเพื่อนใหม่ของเรา วันนี้ข้าจึงจัดงานเลี้ยงสุดพิเศษให้พวกเขาด้วย"

หัวหน้าพูดพร้อมกับโอบไหล่ของพวกเขา ชานยอลเบิกตากว้างด้วยความงุนงง ในขณะที่ทั้งขบวนต่างกระสับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น เซนทอร์วัยกลางคนกวาดตาไปรอบๆด้วยสายตาที่พิธีกรชอบมองแขกเรื่อในตอนที่กำลังจะประกาศอะไรสำคัญๆในงาน

"งานเลี้ยงนี้ก็คือ..." เขาพูดยั่วให้ยิ่งอยากรู้ ดวงตาอย่างม้าของเขากวาดตามองอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดแกล้งอีกครั้ง

"งานเลี้ยงนี้ก็คือ...." ทั้งฝูงควบเท้าด้วยความกระสับกระส่าย หัวหน้าหัวเราะลั่นก่อนจะตะโกนเสียงดัง

"ปาร์ตี้เหล้าและเหล่านารี!" ผ้าคลุมหน้าซุ้มถูดเปิดออก เหล่านารีมากมายต่างออกมากรีดกรายแล้วพาพวกม้าเจ้าสำราญทั้งหลายเข้าไปในงาน บริวารสองสามคนเดินเข้ามารับโยดาและโยฟานไปดูแล ในขณะที่คริสกับชานยอลถูกหัวหน้าจูงเข้ามายังซุ้มอาหาร เหล่าบริวารมากมายต่างพากันบริการน้ำ บริการอาหาร ดูแลกันให้ไม่ขาดปาก ชานยอลพยายามอย่างมากที่จะปลีกตัวออกมาจากพวกเขา

"หัวหน้าครับ หัวหน้า" เซนทอร์ตัวนั้นยังคงดีดดิ้นไปมาอย่างไม่สนใจ ชานยอลตะโกนดังขึ้นอีก

"หัวหน้าครับ หัวหน้า เรื่องที่บอกว่าจะช่วยผมล่ะครับ!!!" คราวนี้หัวหน้าหันกลับมามองเขา

"โอ้!!! เรื่องนั้นน่ะหรอเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน นี่คือเวลาของการสนุก สนุก สนุกเท่านั้น!!!" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ชานยอลรีบจับแขนของเขาเอาไว้

"แต่ผมไม่มีเวลาแล้วนะครับ ผมต้องรู้ความลับนั้นให้เร็วที่สุด" หัวหน้าเหลือบมองก่อนที่เขาจะหันไปสนใจเครื่องดื่มสีอำพันนั่นต่อ

"เวลาของทุกข์มักจะอยู่นาน สุขมักจะผ่านไปไวเสมอ แล้วใยเจ้าไม่ดื่มด่ำกับความสุขที่ข้ามอบให้นี้เล่า"

"แต่ผมมีเรื่องต้องทำ ผมขอร้องล่ะครับ ได้โปรดบอกผมที" ชานยอลมองด้วยสายตาเว้าวอน โดยมีคริสลอบมองอยู่ด้วย หัวหน้าสบตาพวกเขาสักพักราวกับกำลังชั่งใจว่าควรจะบอกตอนนี้ดีหรือไม่ เพราะเผ่าพันธุ์เขาถือเรื่องการเคร่งเครียดในเวลาของความสุขเป็นเรื่องผิดจารีตประเพณีมาก และตัวเขาเองซึ่งเป็นหัวหน้าก็ไม่อยากจะทำผิดเช่นนั้นให้เหล่าเซนทอร์ในฝูงมาครหากันได้ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อคนของไครอนมาขอร้องด้วยใบหน้าน่าสงสารนั่น เขาก็คงไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ

หัวหน้าถอนหายใจก่อนจะพูด

"ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ก็ได้ ตามข้ามานี่สิ" เขาเอ่ยบอกก่อนจะควบนำออกจากงาน

เส้นทางนั้นทอดตัวออกมาห่างไกลจากแสงสีเสียงของงานมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงความสนุกสนานถูกทิ้งให้ดังแว่วอยู่เบื้องหลังและปล่อยให้เบาลงเรื่อยๆจนแทบไม่ได้ยิน ชานยอลเหลียวมองกลับไปยังงานเลี้ยงด้านหลังที่กลายเป็นเพียงจุดแสงสีนวลก่อนจะหันกลับมามองบรรยากาศรอบๆ

ที่นี่มืดสนิท

ไม่มีแม้กระทั่งร้านรวง ไม่มีแม้กระทั้งแสงไฟจากหิ่งห้อย มีเพียงป่าสนที่ถูกโอบกอดด้วยความมืดอันน่าขนลุก และเสียงนกเค้าแมวที่ร้องดังขึ้นเป็นครั้งคราวสลับกับเงาอะไรบางอย่างที่พาดผ่านลงมาก่อนที่มันจะหายไปเมื่อพวกเขาเริ่มรู้ตัว ชานยอลหันกลับไปหาคริส ร่างสูงบีบมือเขาเบาๆเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหัวหน้าที่ควบนำอยู่ข้างหน้า

"ท่านจะพาเราไปไหน" เสียงทุ้มเอ่ยถาม ประสาทสัมผัสทุกอย่างค่อยๆตื่นตัวเมื่อเส้นทางพาพวกเขาไปยังความมืดที่มืดมิดขึ้น และป่าที่ถูกพิลึกพิลั่นขึ้นเรื่อยๆ

"เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง" นั่นไม่ใช่คำตอบที่คริสต้องการ ร่างโปร่งขมวดคิ้วอย่างขุ่นข้อง ก่อนที่สัญชาตญาณการระวังตัวทุกอย่างจะตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ เขาไม่ใช่คนที่ไว้ใจคนง่าย และจะไม่เปิดโอกาสให้ใครซุ่มโจมตีเขาได้ในความมืดอย่างนี้หรอก

หัวหน้านำทางพวกเขาไปเรื่อยๆ ร่างสูงสังเกตุเห็นทิศทางที่เซนทอร์นำไปก็ยิ่งฉงน เห็นได้ชัดว่าหัวหน้ากำลังนำพวกเขาไปที่หลังเขา คริสไม่มีความรู้ว่าหลังเขานี่มีอะไร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหามากนักเพราะไม่ว่าอะไรที่กำลังรอพวกเขาอยู่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเป็นแน่ เมื่อเส้นทางที่พวกเขาไปมีแต่ป่าสนที่รูปร่างเริ่มบิดเบี้ยวจนเกิดเป็นเงาหน้าตาประหลาดในความมืด เสียงสัตว์ร้องเริ่มไม่มีให้ได้ยิน มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินตามหลังมา แต่พอหันกลับไปกลับไม่มีใคร ดวงตาของคริสเริ่มเปล่งแสงสีทอง เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย

ผัวะ!!!

จู่ๆพื้นใต้เท้าของพวกเขาก็หล่นลงไป คริสและชานยอลร่วงลงสู่หลุมลึกที่มองไม่เห็นก้นโดยมีหัวหน้าเซนทอร์ยืนดูอยู่ปากหลุม ร่างสูงสบถอย่างหัวเสีย เขาน่าจะรู้อยู่แต่แรกว่าพวกเซนทอร์มันเชื่อถือไม่ได้ จะมาฝากความหวังอะไรกับพวกเสเพลพวกนี่!!!

"คริส!!!" เสียงของชานยอลร้องเรียกพร้อมกับชี้ไปที่ก้นหลุมขัดจังหวะความคิดของเขาก่อนที่ร่างสูงจะเบิกตาโพล่ง เมื่อโครงกระดูกโครงหนึ่งกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่บนกองมหาสมบัติขนาดใหญ่ พวกเขาดิ่งลงไปหามันอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มากพอจะตกลงไปตาย ร่างสูงพยายามขบคิดอย่างเร็วจี๋ว่าควรทำยังไง แต่แรงโน้มถ่วงของโลกไม่ได้ปล่อยให้เข้ามีโอกาสเช่นนั้น ร่างของพวกเขาดิ่งลงไปสู่ก้นเหวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตกไปกระแทกกับกองสมบัติ เหรียญทองนับร้อยแตกกระจาย

"โอ๊ย!!!" ชานยอลหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เขาจะหลับตาแล้วนอนรอความตาย ไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดจากความสูงเท่านั้นได้ แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักความเจ็บปวดกลับค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในร่างมากขึ้น

“คริส…” ร่างโปร่งเรียกคนข้างตัวก่อนจะเห็นคริสค่อยๆยันตัวลุกขึ้น

“นี่เราไม่ได้ตายหรอกหรอคริส!” ชานยอลร้องถามก่อนจะลุกขึ้นนั่งบ้าง

“ใช่เราไม่ได้….”

“ฮ่ะ ฮ่ะ แน่นอนล่ะพวกเจ้าไม่ตาย พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่!!!” เสียงหัวหน้าหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วผนังถ้ำ คริสรีบปรี่เข้าไปหาด้วยความโกรธเกรี้ยว

“แก!!!” ร่างสูงคว้าคอของเขาเอาไว้ ก่อนที่ชานยอลจะร้องเรียก

“คริส! ดูนี่สิ!!” ร่างโปร่งพูดพร้อมกับหยิบม้วนกระดาษเก่าๆที่แทบจะสลายคามือขึ้นมา เขาเผลอไปแตะมันจนทำให้มันคลี่ออกตอนที่กำลังจะวิ่งไปห้ามคริส ร่างสูงหันกลับมาด้วยความแปลกใจ

“มันเป็นหน้าหนังสือ หนังสืออะไรสักอย่าง……….. ตัวอักษรกรีกโบราณ ฉันอ่านมันไม่ออก แต่มันมีรูปของซุสแน่ๆ” ชานยอลชี้ที่รูปวาดของซุสที่แม้มันจะเรือนรางไปมากแล้วแต่ก็ยังพอมองออก คริสเผลอละออกจากเซนทอร์แล้วก้มพินิจดูกระดาษนั้นอย่างสนใจ

“นั่นคือสิ่งที่ข้าจะบอก บันทึกลับของฟีเนอุส (*ชายพยากรณ์ตาบอดผู้มีบทบาทในการทำภารกิจของเจสันกับขนแกะทองคำ เขาเป็นผู้ที่รู้ความลับของเทพเจ้ามากจนเกินไป ซุสจึงลงโทษเขาด้วยการส่งฮาร์ปี้มาคอยแย่งอาหารจากเขา จนกระทั่งที่เซเทสและคาลาอิสจะมาช่วยฆ่ามันให้) ในนั้นมีวิธีโค่นล้มซุสอยู่” หัวหน้าเหยาะเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกับลูบคอที่ถูกบีบไปด้วย คริสหันขวับไปหาอย่างโกรธเกรี้ยว

“นั่นคือสิ่งที่แกจะบอกหลังจากที่ล่อพวกเราตกลงมาตายได้แล้วมากกว่า!! แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ไอ้เซนทอร์สับปรับ!!” ร่างสูงพุ่งไปหาอย่างโกรธแค้น ชานยอลรีบรั้งเขาเอาไว้ ก่อนที่หัวหน้าจะพยายามอธิบาย

“ข้าไม่ได้จะล่อพวกเจ้าลงมาตาย!! แต่ข้าบอกพวกเจ้าไม่ทันต่างหากว่าตรงนั้นมีกับดัก!!!”

“เหลวไหล!! กับดักที่ไหนจะล่อให้ตกลงมายังขุมทรัพย์!!” ร่างสูงเถียงกลับ เซนทอร์โกรธบ้าง

“ถ้าเจ้าดูให้ดี ข้าช่วยพวกเจ้าด้วยซ้ำ เพราะข้าเบี่ยงเบนวิถีการตกให้มาตกตรงนี้ไม่ใช่ตรงนั้น!!!” เซนทอร์ชี้ไปที่ด้านข้างที่ห่างออกไปไม่กี่เมตร ที่ตรงนั้นมีหนามแหลมพุ่งขึ้นมาจากพื้นรอเสียบคนที่ตกลงมาจากเบื้องบน ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองไปยังปากหลุม พลางครุ่นคิด จริงอย่างที่หัวหน้าเซนทอร์ว่า เพราะจากวิถีการตกแล้ว ความจริงพวกเขาควรจะตกลงที่ตรงนั้นมากกว่า

“จริงอย่างที่เขาบอกคริส เขาช่วยเรา” ร่างโปร่งย้ำความบริสุทธิ์ของเซนทอร์เมื่อเห็นว่าวิถีการตกของพวกเขามันถูกเปลี่ยน แต่ถึงกระนั้นร่างสูงก็ยังคงไม่ไว้ใจคนครึ่งม้านั่นจนกระทั่งที่ชานยอลยกมือที่ยังคงมีไอจางๆของเวทมนตร์สีน้ำตาลของเซนทอร์หลงเหลืออยู่ คริสถึงสงบสติลงก่อนจะหันไปโค้งขอโทษให้เซนทอร์ หัวหน้าพยักหน้ารับอย่างไม่ถือสานักก่อนจะเหยาะกีบเท้าไปหาโครงกระดูกจนเกิดเสียงกระทบกันดังก้องไปทั่วถ้ำ

“ที่นี่คือถ้ำแห่งความลับของพวกเรา”เสียงของเขาดังกังวาน

“พวกเจ้าก็คงเห็นแล้วว่าเราผันตัวมาทำการค้าขายกับพวกโจรสลัด พวกเขามีของมีค่า แต่เรามีเงิน เราจะแลกเปลี่ยนทุกอย่างตามที่เราต้องการ และโครงกระดูกของฟีเนอุสก็เป็นหนึ่งในนั้น” เขาอธิบายพร้อมกับชี้ไปที่โครงกระดูกที่นั่งอยู่บนกองสมบัติ ชานยอลมองมันอย่างขนลุกก่อนจะถาม

“ท่านซื้อโครงกระดูกเขามาเนี่ยนะ” หัวหน้าพยักหน้า

“ใช่ ข้าชอบซื้อพวกของขลัง แต่ตอนที่ข้าซื้อข้าไม่รู้ว่าในนั้นมีม้วนความลับซ่อนอยู่ด้วย” หัวหน้าชี้มาที่กระดาษที่ชานยอลถืออยู่ก่อนจะเล่าต่อ

“จนวันหนึ่งที่ข้ามาบังเอิญเจอมันเข้า ข้าใช้เวลาถึงสามเดือนกว่าในการทำความเข้าใจกระดาษแผ่นนี้จนข้าก็ได้รู้ว่า นั่นคือวิธีโค่นล้มซุส…” ชานยอลกับ คริสก้มลงดูกระดาษ มือเรียวแทบจะร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดว่าที่เขาถืออยู่นี่คือวีธีโค่นล้มซุส มหาเทพผู้อยู่ครองโอลิมปัสมานานกว่าหลายพันปี แต่กลับมีจุดอ่อนแค่เพียงกระดาษแผ่นเดียว

“ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก ไม่มีทางที่มหาเทพจะมีจุดอ่อนได้ แต่เมื่อพวกเจ้าถูกส่งมาขอความช่วยเหลือจากคำแนะนำของไครอนข้าถึงได้เชื่อว่ามันต้องเป็นเรื่องจริง”

“ถ้าอย่างนั้นวิธีที่จะโค่นล้มซุสมีอะไรบ้าง” คริสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หัวหน้าเซนทอร์ดูกระสับกระส่ายเมื่อถูกถาม เขากวาดตามองอย่างระแวดระวังราวกับกลัวว่าซุสจะได้ยิน ก่อนที่เขาจะเขยิบเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ

“วิธีที่จะโค่นล้มซุสได้ก็คือ….”

ฉับพลันที่ทั้งสองฟังจบพวกเขาก็ได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น วิธีที่จะโค่นล้มซุส วิธีที่จะโค่นล้มมหาเทพคนนั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาต้องตามหาของสามสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดหามาได้


เมื่อหนึ่งสิ่งคือของล้ำค่าที่ต้องเสี่ยงตายไปหายังถิ่นศัตรู

อีกหนึ่งคือของหายากที่ไม่อาจหาได้


และสิ่งสุดท้ายคือของที่อันตรายเกินกว่ามนุษย์หรือเทพองค์จะไปหามา แล้วจากนั้นก็นำของทั้งสามหลอมรวมที่โรงตีเหล็กใต้สมุทรของเฮเฟสตัสจนบังเกิดเป็นศาสตราวุธที่มิมีผู้ใดต่อกรได้ แผนการดูเรียบง่าย แต่ทว่ามันกลับทำได้ยากยิ่งนัก เมื่อของทั้งสามสิ่งที่ว่านั้นคือ…


โล่เอจีสของซุส เครื่องมือปกป้องอันทรงพลังที่สุดของโลก

น้ำตาของแอทลาส ของหายากที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยหาได้

และสิ่งสุดท้าย…

หัวใจของโครนอส บิดาของซุสผู้ถูกสับเป็นชิ้นแล้วโยนลงสู่ทาร์ทารัส

แทบไม่มีทางที่พวกเขาจะหามาได้


โล่เอจีสอยู่ข้างกายซุสตลอดเวลา และผู้ที่จะจับต้องได้มีเพียงบุตรธิดาแห่งซุสเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางเข้าใกล้มันได้โดยไม่ถูกทำสาปให้เป็นหิน หรือถูกซุสฆ่าไปเสียก่อน เมื่อสิ่งที่ถูกผนึกอยู่กลางโล่นั่นคือศีรษะของเมดูซา อดีตคนรักของโพไซดอนพ่อของชานยอล มิหนำซ้ำพ่อของเขายังเป็นต้นเหตุทำให้เมดูซาต้องกลายเป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู เพราะท่านพาไปลักลอบพลอดรักกันในวิหารอธีน่าจนองค์เทพีโกรธจัดและลงทัณฑ์เมดูซาให้กลายเป็นปีศาจที่เมื่อใครจ้องตาแล้วจะกลายเป็นหินอีกด้วย ให้ตายยังไงนี่ก็ไม่ใช่ศาสตราวุธที่เขาควรจะเข้าใกล้เลยสักนิด

ในขณะที่น้ำตาของแอทลาสก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายกว่า เมื่อแอทลาสคือยักษ์ไททัน กลุ่มเทพเจ้ารุ่นก่อนที่จะถูกซุสโค่นล้ม และผลของการที่เขาคือแม่ทัพแห่งสงครามไททันครั้งนั้นทำให้เขาถูกลงโทษให้ไปแบกโลก ไม่เคยมีเคยไปถึงยังที่ที่แอทลาสแบกโลกอยู่นอกจากเฮอร์คิวลิส ไม่เคยมีใครเคยทำให้เขาโศกเศร้าเมื่อตัวเขาเองอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นที่แทบจะเผาแผ่นดินให้มอดไหม้ได้แม้เพียงมอง และแน่นอนว่า….ไม่เคยมีใครเคยได้น้ำตาของเขาเช่นกัน

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่หายากที่สุดและอันตรายที่สุดจะไม่ใช่ของสองสิ่งที่กล่าวมา แต่มันคือ หัวใจของโครนอส บิดาของซุส ประมุขแห่งยักษ์ไททันผู้โหดเหี้ยมที่เคยกลืนกินลูกแท้ๆของตัวเองทั้งหมด เพราะแค่กลัวคำทำนายที่จะถูกโค่นล้มโดยหนึ่งในลูกของเขา แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้าง ซุสเป็นคนเดียวที่หนีรอดไปได้ แล้วสุดท้ายก็ย้อนกลับมาโค่นล้มพ่อของตนเอง แล้วช่วยพี่น้องของตนเองเอาไว้ จากนั้นก็ร่วมมือกันสับร่างของพ่อเป็นชิ้นๆ ก่อนจะโยนลงสู่ก้นบึ้งแห่งทาร์ทารัส

เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ซากชิ้นส่วนนับร้อย นับพันชิ้นอาจถูกฝังจมอยู่ใต้พื้นอันร้อนระอุที่ไม่มีวันจะสัมผัสได้ หรืออาจถูกแช่แข็งผ่านกาลเวลาจนกลายเป็นหินที่ไม่อาจรับรู้ได้ว่ามันคือชิ้นส่วนของเทพเจ้า...

ต่อให้เป็นคริส ก็ไม่แน่ว่าจะหามันเจอด้วยซ้ำ

“โล่เอจีส น้ำตาของแอทลาส หัวใจของโครนอส…” ชานยอลพึมพำอย่างหวาดหวั่น เขาแทบไม่รู้ว่าควรจะหาสิ่งไหนก่อน ทุกสิ่งล้วนยากเย็นทั้งนั้น

ทั้งถ้ำตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมที่พัดลงมาจากปากหลุมนั่น เสียงของมันดังหวีดหวิวส่งเสียงน่าขนลุกที่ฟังดูราวกับเสียงหัวเราะเยาะจากภูตผีหรือวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่นี้ พวกเขาคงเป็นตัวแทนจากความเศร้าโศก ท้อแท้และหมดหวังที่กำลังสะใจกับโชคชะตาที่โหดร้ายและทารุณของครอบครัวนี้ เสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องก่อนที่มันค่อยๆเริ่มเงียบหายไปพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นภายในใจของคริส…

รอดชีวิตมาจากทาร์ทารัสเขาก็ทำมาแล้ว

แล้วทำไมแค่นี้เขาจะไม่ลองพยายามอยู่ ในเมื่อนี่คือหนทางสุดท้ายที่เขาจะปกป้องลูกๆได้

“เราต้องไปเอาโล่เอจีสมา” จู่ๆร่างสูงก็พูดขึ้น ชานยอลหันมาสบตาก่อนจะถาม

“โดยใครล่ะ” คริสหันกลับไปสบตาก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

“ชเว ซีวอน เราต้องไปขอให้เขาช่วย” ชานยอลตะลึงไปสักครู่ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้

“ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปกันเถอะ หัวหน้า ผมขอบคุณท่านมากนะ ถ้ามีโอกาสผมจะไม่ลืมตอบแทนคุณของท่านวันนี้เลย” ร่างโปร่งบอกลาก่อนจะเตรียมกลับขึ้นไปด้านบน ทว่าพวกเขากลับถูกหัวหน้าเข้ามาขว้างไว้

“พวกเจ้าจะไปไหนกัน”

“ไปเอาโล่เอจีสนั่นมาไง” คริสตอบเสียงเรียบ

“โถ่ อยู่ฉลองด้วยกันก่อนสิ นี่ข้าอุตส่าห์เตรียมงานให้พวกเจ้าเลยนะ”

“ขอโทษที แต่พวกเราต้องไปแล้วจริงๆ” ร่างสูงเป็นฝ่ายตอบก่อนจะเดินหลบเขาไป แต่ฉับพลันที่พวกเขาเดินผ่านหัวหน้ากลับเสกเวทมนตร์ใส่พวกเขา เส้นสายสีน้ำตาลหมุนวนไปทั่วร่าง

“พวกเจ้าจะรีบทำไม นี่มันเวลาของความสนุกนะ เวลาของความสนุก! มาฉลองแล้วค่อยไปตามหาโล่นั่นพรุ่งนี้ก็ได้ กลับไปที่งานเลี้ยงกันเถอะ!!!” สิ้นเสียงนั้นร่างของพวกเขาก็เหมือนถูกดูดก่อนจะกลับมาโผล่ที่งานเลี้ยง พร้อมกับหัวหน้าที่หัวเราะอย่างสนุกสนาน

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!” คริสฉุนขาดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาหัวหน้า แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับหันมาหาก่อนแล้วชิงประกาศกับทุกคนในงานว่า

“เอาล่ะทุกคนเรามาเล่นเกมส์สนุกๆกันเถอะ ต่อไปเราจะมาเล่นเกมส์ท้าดวลกินเหล้ากัน!!!” ฝูงเซนทอร์ส่งเสียงฮือฮาพวกเขาเข้ามาออกันจนแทบไม่เปิดช่องให้คริสทำอะไรได้ และต่อให้เขาจะทำได้นี่ก็ไม่ใช่หนทางที่ดี มันจะกลายเป็นการเปิดศึก เขาต้องนิ่งเอาไว้

พวกเซนทอร์ต่างส่งเสียงถามกติกากันอย่างตื่นเต้น บางตนถึงขั้นเสนอตัวร่วมเล่นตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ามันคือเกมส์อะไร ในขณะที่บางคนก็ตั้งตาที่จะรอชมแล้ว

“เกมส์นี้เราจะจับเป็นคู่ ให้แข่งกันป้อนเหล้าด้วยปาก คู่ใดที่ยอมแพ้ก่อน คู่นั้นจะต้องถอดเสื้อผ้า!!!” หัวหน้าตะโกน เซนทอร์เป่าปากด้วยความลิงโลด ในขณะที่คริสกับชานยอลพยายามหาช่องทางหนีออกมาอยู่ก่อนที่พวกเขาจะต้องหันกลับมาเมื่อได้ยินประโยคต่อไป

“โดยมีคู่รักกิตติมาศักดิ์ คริสและชานยอลให้เกียรติร่วมการแข่งนี้ด้วย!!!!” หัวหน้าผลักพวกเขาเข้าไปยังโต๊ะที่เรียงรายไปด้วยขวดเหล้า เซนทอร์ทั้งหมดถอยล่นให้เกิดวงล้อม พร้อมกับที่เซนทอร์อีกคู่ที่ดูท่าทางเป็นคนขี้เมาจะเดินเข้ามาร่วมแข่งกับเขาด้วย

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร! ผมไม่”คริสชะงักคำพูดเมื่อเซนทอร์ทั้งฝูงเริ่มหันมามองที่เขา ไม่ฉลาดนักที่จะมีเรื่องตอนนี้ ร่างสูงจำต้องเงียบลงแล้วปล่อยให้หัวหน้าพูด

“เอาล่ะๆ ทีนี้ก็มาถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งั้นพวกเรามาเริ่มเกมส์กันเลย!!! เสิร์ฟเหล้า!!!”เหล้ามากมายถูกเอาออกมาเสิร์ฟก่อนที่เซนทอร์คู่แข่งจะพลัดกันป้อนเหล้าให้กันอย่างไม่ลังเล ในขณะที่คริสกับชานยอลมองหน้ากันอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะเป็นคริสที่ป้อนให้ชานยอลก่อนพร้อมกับกระซิบที่ข้างหู

“เล่นๆไปให้มันจบ พวกเราจะได้รีบไปจากที่นี่สักที” " ชานยอลพยักหน้าแม้จะเขินอายอยู่นิดหน่อย แต่พอเห็นท่าทางของร่างสูงที่ดูไม่ใส่ใจอะไรนอกจากเล่นไปตามเกมส์ เขาก็เริ่มป้อนกลับบ้างทั้งๆที่หัวใจเริ่มเต้นโครมคราม

การแข่งขันเกิดขึ้นไปเรื่อยๆจากตอนแรกที่อิดออด แต่พอได้ฤทธิ์เหล้าเข้าไปชานยอลก็เริ่มขาดสติ เหล้าเริ่มพร่องลงจากหนึ่งขวด กลายเป็นสองขวด กลายเป็นสาม และมากขึ้นไปเรื่อยๆ ผนวกกับยิ่งมีเสียงเชียร์จากเซนทอร์ยิ่งทำให้พวกเขาฮึกเหิมและสนุกสนานมากขึ้นไปอีกจนผลัดกันป้อนเหล้าให้อย่างไม่ขาดปาก

"ข้าว่าพวกเจ้าไม่ไหวแล้วล่ะ" หัวหน้าพูดขึ้นขณะที่เข้าไปช่วยพยุงชานยอลเอาไว้ ก่อนที่คริสจะดึงคนรักไปโอบเอวเอง

"ขอบคุณมาก แต่ผมดูแลเขาได้" เซนทอร์หัวเราะอย่างชอบใจ

"ข้าว่าพวกเจ้าไปพักจะดีกว่า ฤทธิ์เหล้านี้แรงนัก" ร่างสูงขมวดคิ้ว แม้ฤทธิ์เหล้าจะทำให้เขามึนเมา แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาต้องออกไปจากที่นี่

“ไม่หรอก พวกเจ้าจะต้องนอนพักที่นี่ก่อนคืนหนึ่ง” หัวหน้าพูดขึ้นราวกับอ่านความคิดของคริสออก ร่างสูงหันกลับมาจะโต้ตอบแต่กลับถูกอีกฝ่ายร่ายเวทมนตร์ใส่ ร่างของพวกเขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างดูดให้ไปหา ก่อนที่พวกเขาจะกระแทกลงบนเตียงพร้อมกับเสียงประตูห้องที่ถูกปิดตามดังปัง ร่างสูงสบถอย่างหัวเสีย แต่พอจะเปิดประตูออกเขากลับเปิดไม่ได้ เซนทอร์หัวเราะชอบใจอยู่หน้าห้อง

“จงดื่มด่ำกับความสุขคืนนี้เถิด ขอให้พวกเจ้าคึกคักดั่งม้าหนุ่มสาว!!!”เขาตะโกนบอกก่อนจะได้รับเสียงด่าทอจากคริส หัวหน้ายิ้มอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนที่เขาจะควบออกมาจากห้องนั้น สีหน้าของเซนทอร์เริ่มเปลี่ยนไป รอยยิ้มที่เคยมีค่อยๆหุบลง แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความเคร่งเครียดแทน

“จงมีความสุขกับค่ำคืนนี้เถิด คริสและชานยอล เพราะนี่อาจเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเจ้าได้หลับสบายเช่นนี้” เขาพูดขึ้นอย่างกังวลก่อนจะค่อยๆเดินจากไป…

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ