0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำ ตอนที่10

5 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำ ตอนที่10 Empty ทะเลดำ ตอนที่10 Mon Jun 24, 2013 12:54 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

ชานยอลโดดเรียนเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ นับเป็นสถิติธรรมดาในชีวิตการเรียนของเขา อาจจะถือได้ว่าน้อยกว่าที่เคยทำมาในครั้งก่อนๆเสียด้วยซ้ำ แต่ที่ผิดปกติก็เพราะทุกครั้งที่โดดเรียนเขามักจะทำมันเพราะเบื่อ หรือขี้เกียจ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่โดดเพราะไม่มีแรงใจจะเรียนอย่างในตอนนี้ และอีกสิ่งที่ผิดไปคือสถานที่ที่ไปถ้าไม่เป็นคอกม้าหลังโรงเรียน ก็เป็นห้องพักของตัวเอง ไม่ใช่ท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้
    



    ผืนน้ำสีน้ำเงินครามไหวกระเพื่อมไปมา ส่งเกลียวคลื่นเข้าปะทะโขดหินจนเกิดเสียงดังเป็นจังหวะๆ ขับกล่อมเป็นทำนองเพลงแห่งท้องทะเลยามเย็นที่แสนจะเงียบสงบ  ท้องฟ้าอาบไล้ไปด้วยแสงสีที่ม่วงแต่งแต้มด้วยริ้วสีชมพู แสงรำไรสีส้มอ่อนระบายแทรกอยู่เล็กน้อยก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไปพร้อมกับพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้า  สายลมที่พัดเอาความสดชื่นจากท้องทะเลพัดโชยมาคลอเคลียกับผิวแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม  ถ้าเป็นในยามปกติเขาคงจะรู้สึกดี แต่ตอนนี้....ไม่มีอะไรทำให้รู้สึกดีได้เลย
  




    ชานยอลหลับตาลงพร้อมกับสูดกลิ่นทะเลเข้าเต็มปอด แล้วออกเดินไปยังบ้านหลังน้อยสีฟ้าที่เพิ่งจากมาเมื่อเช้า  แสงไฟนีออน และเสียงเพลงจากแผ่นเสียงภายในบ้านบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ ขายาวไม่รอช้าพาร่างของเจ้าของเดินตรงไปยังที่หมาย ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านมองมาที่ชานยอลเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจขนมตรงหน้า หญิงวัยกลางคนที่พักพิงหนึ่งเดียวของร่างโปร่งกำลังง่วนอยู่กับการพูดคุยกับลูกค้าโต๊ะหนึ่งอยู่ เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะข้างๆ ถึงจะทุกข์แค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ใครลำบาก




“สั่งเพิ่มหน่อยคะ”เสียงลูกค้าคนหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่พนักงานทุกคนในร้านกำลังวุ่นวายกันอยู่ ชานยอลลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาเธอ



“จะสั่งอะไรเพิ่มหรอครับ” แม้จะไม่เคยต้องมาบริการใคร แต่เขาก็ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีจนแยกแยะเวลาไม่ออก



“ขอชามะลิแก้วหนึ่งค่ะ แล้วก็คุกกี้มะพร้าว”



“งั้นรอสักครู่นะครับ”เด็กหนุ่มฉีกยิ้มให้ตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปบอกฝ่ายครัว โดยระหว่างทางก็ชนเข้ากับคุณป้าของเขาที่กำลังเก็บจานและแก้วที่ใช้แล้วพอดี



“ขอโทษจ๊ะ อ้าว ชานยอล”รอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าเลือนหายไป  นี่ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วที่ชานยอลจะมาที่นี่ทั้งๆที่เพิ่งกลับไป



“ผมมารบกวนอีกสักวัน....คุณป้าอย่าเพิ่งเบื่อผมนะ”ชานยอลพูดติดตลกหากแต่แววตาสุกใสนั้นกลับเจือไปด้วยความทุกข์
เด็กหนุ่มยิ้มบางๆให้เธอ ก่อนจะเดินเข้าไปบอกออร์เดอร์ในครัว


“สั่งเพิ่มหน่อยค่ะ”หญิงวัยกลางคนตั้งท่าจะเดินไปรับออร์เดอร์ลูกค้า แต่ก็ถูกชานยอลเดินเข้าไปรับแทนเสียก่อน  เธอมองเด็กหนุ่มก่อนจะเดินถือถาดที่เต็มไปด้วยจานและแก้วเข้าไปในครัว  พลางมองเด็กหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องเปิดที่เชื่อมระหว่างครัวกับภายในร้านด้วยแววตากังวล  





       เธอเลี้ยงชานยอลมาตั้งแต่เล็กจนเปรียบเสมือนเป็นแม่ที่แท้จริงแทนแม่ของเด็กหนุ่มที่เสียไป ตั้งแต่เล็กจนโตชานยอลเป็นคนเข้มแข็ง  ก๋ากั่นและบ้าบิ่น ในตอนเด็กอาจมีบ้างที่ร้องไห้จ้ามาหาเธอเพราะเจอเรื่องไม่ดี แต่พอโตจนเข้าไปอยู่โรงเรียนประจำชานยอลก็มาเยี่ยมเธอน้อยลง แต่ทุกครั้งที่มาล้วนเป็นเพราะเด็กหนุ่มกำลังเจอเรื่องไม่สบายใจ แล้วการที่เด็กหนุ่มกลับมาที่นี่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน




“ไปเจอเรื่องอะไรมานะ ชานยอล”เธอพูดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดโต๊ะแล้วเดินออกไปทำความสะอาดโต๊ะเมื่อครู่ ในขณะที่ชานยอลเดินไปรับออร์เดอร์จากลูกค้าอีกโต๊ะ ใบหน้าของเด็กหนุ่มฉาบด้วยรอยยิ้มบางๆแม้ไม่ได้สดใสอย่างในเวลาปกติแต่ก็ยังดีกว่าตอนร้องไห้ เห็นอย่างนั้นความคิดที่อยากจะปิดร้านเร็วเพื่อผักผ่อนก็ถูกล้มเลิกไป บางทีการให้ชานยอลมีอะไรทำก็อาจทำให้ร่างโปร่งเลิกจมดิ่งอยู่ในปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ก็ได้….





              ชานยอลหันไปยิ้มให้คุณป้าที่มองมาที่เขาอย่างกังวล เพื่อไม่ให้คนอาวุโสกว่าห่วงเขาไปมากกว่านี้ ก่อนจะเดินไปหยิบของให้ลูกค้า   แม้สภาพจิตใจของเขาตอนนี้จะไม่ได้กลับมาดีดังเดิม แต่ก็ไม่ได้แย่ลงอย่างในตอนแรกแล้ว อาจเพราะเขามีกิจกรรมให้ทำ และได้กลับมาอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด  ที่เรียกว่าบ้านของตัวเอง...




กรุ่ง กริ๊ง


เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามา




“ยินดีต้อนรับ....”




เพล้ง!





   ชานยอลตกใจจนเผลอทำแก้วในมือหล่นแตกกระจัดกระจายบนพื้น  ร่างโปร่งชาวูบไปทั้งร่างเหมือนมีมือเย็นเยียบกำลังลูบสันหลังของเขาอยู่ สถานที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุดตอนนี้มันกลับไม่ใช่อีกแล้วเมื่อลูกค้าคนนี้เดินเข้ามา




“ยินดีที่จะมาเหมือนกันครับ”คริสฉีกยิ้มก่อนจะเดินไปทรุดนั่งที่โต๊ะที่ชานยอลยืนอยู่บริเวณนั้น สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างสูงด้วยเพราะท่าทางที่ดูเด่น และรัศมีบางอย่างที่ดูผิดแผกไปจากมนุษย์ธรรมดา...



“คริส...”



“ชานยอลทำของแตกหรอลูก! โดนบาดรึเปล่า”เสียงคุณป้าที่วิ่งออกมาจากครัวดังขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมกับจับมือที่ยังคงแบออกของชานยอลเอาไว้ ก่อนจะหันมาพูดขอโทษขอโพยกับคริส แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงเธอก็ชะงักงันไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ



“ขอโทษด้วยนะคะ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ใช่ลูกค้าคนสำคัญอะไรหรอก”คริสพูดพร้อมกับยิ้มละมุนให้ ดวงตาคมกริบเหลือบมองท่าทางที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจนเกินขอบเขตุผู้ว่าจ้างกับลูกจ้างก่อนจะหันไปถามร่างโปร่งที่จับจ้องมาที่เขาเขม็ง


“เอ่อ คุณป้าคนนี้เป็น....”


“กลับไปซะ”ชานยอลที่เริ่มได้สติกลับมาแผดเสียงจนคุณป้าตกใจ เขาจะไม่ยอมให้คริสกร่ำกรายเข้ามาในบ้านของเขาเด็ดขาด เพราะที่นี่คือแหล่งพักพิงสุดท้าย คือที่ที่เขารักมากที่สุดยิ่งกว่าวังของโพไซดอน


“ชานยอล....พี่รู้ว่าเรายังโมโหเรื่องนั้นอยู่ แต่เราไม่ควรทำแบบนี้กลางร้านนะ”คริสติ



“กลับไปซะ!”



“ชานยอล....”คุณป้าเรียกชื่อปรามชานยอลที่กำลังเดือดดาล



“พี่จะกลับไปทั้งๆที่ยังไม่ทักทายคุณแม่ของเราได้ยังไงชานยอล ไม่เอาสิ ไม่โมโหสิครับ” คริสพูดก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วโค้งศีรษะให้คุณป้าคน
นั้นอย่างนอบน้อมเป็นเชิงทักทาย


“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับคุณแม่ ผมคริส เป็นรูมเมทของชานยอลน่ะครับ”คริสแนะนำตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดกับชานยอลที่สีหน้าปั้นปึงใกล้จะ
ระเบิดโทสะเต็มที



“คริส...”เธอพึมพำชื่อของเขาเบาๆ ก่อนจะรีบกลับมาทำตัวตามปกติดังเดิม


“คงจะเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับชานยอลมากสินะจ๊ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคงมาที่นี่ไม่ได้ วันนี้อยากทานอะไรจ๊ะ”


“คุณป้า...”ชานยอลท้วงแต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อทั้งสองดูจะเป็นมิตรกันเสียเหลือเกิน


“คุณป้า?”


“ไม่ใช่แม่แท้ๆหรอกจ้ะ แต่ก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ  วันนี้อยากจะทานอะไรดี”


“อะไรก็ได้ครับ ผมรู้ว่าร้านของคุณป้าอร่อยทุกอย่าง” คริสตอบพร้อมกับฉีกยิ้มให้ หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวไปจัดขนมให้คริส ชานยอลรีบเดินตามไปแต่ก็ถูกมือหนารั้งกลับให้ทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆเสียก่อน


“บ้านน่ารักดีนะ”คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนชื่นชม.....แต่เป็นในแบบที่อยากจะทำลายเสียมากกว่า


“ต้องการอะไร กลับไปซะ คนสารเลว!” ชานยอลลดเสียงลงเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจพร้อมกับสะบัดมือที่จับข้อมือของเขาทิ้งอย่างรังเกียจ  คริสเหลือบตามองการกระทำของร่างโปร่งก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบที่ทำเอาคนฟังขนลุกไปทั้งตัว


“ทำตัวน่ารักหน่อยสิ........หรือว่าอยากให้แม่บุญธรรมของนายรู้เรื่องของเรา”ชานยอลกำมือแน่น ดวงตากลมที่แดงก่ำด้วยแรงโทสะจ้องเขม็งไปที่
ใบหน้าของอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มมาให้เขาอย่างไม่ยี่หระ



“เลว”


“ฉันเลวได้ยิ่งกว่านี้อีกชานยอล ถ้านายขัดใจฉัน”ชานยอลเม้มปากแน่นอย่างอัดอั้น ก่อนจะเขยิบตัวออกห่างแล้วเบี่ยงตัวออกอย่างขยะแขยงคนด้านข้าง คริสมองอีกฝ่ายอย่างขบขันราวกับการกระทำเหล่านั้นทำให้เขาสนุกสนานขึ้นมา


“แม่นายเดินมานู่นแล้ว จะเป็นลูกที่ดีหรือเลวกันล่ะ ชานยอล” เปลือกตาบางหลับลงอย่างข่มอารมณ์ สำหรับเขาไม่ว่าจะดีหรือเลว การกระทำทุกอย่างมันก็แย่พอกัน ดีแต่ต้องเสแสร้ง เลวแต่ได้โกหก จะทางไหนก็ทุเรศพอกัน!!!


“ได้แล้วจ่ะ เค้กมะพร้าว กับชากุหลาบ”เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับถาดขนมที่ถูกถือมาด้วย



“มาครับ ผมช่วย”คริสแสร้งทำเป็นมีน้ำใจช่วยถือของก่อนจะจัดแจงวางจานและแก้วลงกับโต๊ะโดยมีสายตาของชานยอลมองตามทุกการกระทำ มือเรียวกำแน่นอย่างเจ็บใจ ทำไมเขาต้องพ่ายแพ้ให้คนเลวคนนี้อีกแล้ว ทำไมต้องเดินไปในครรลองที่ผู้ชายคนนี้ต้องการทั้งๆที่ชีวิตนี้เป็นของเขา ทำไมเขาต้องกลายเป็นเบี้ยให้ผู้ชายคนนี้คอยลิขิตชะตา



“ทานให้อร่อยนะจ๊ะ ชานยอลดูแลพี่เขาด้วยล่ะ” คริสหันมายิ้มให้ชานยอล แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นมิตรแต่แท้จริงแล้วแฝงแววบังคับให้ชานยอลตอบรับคำพูดของหญิงคนนั้นในดวงตา   ชานยอลเม้มปากแน่นก่อนจะจำใจรับคำ



“ค....ครับ” คุณป้าระบายยิ้มก่อนจะขอตัวไปจัดการธุระต่อ ทิ้งให้คริสและชานยอลอยู่กันตามลำพัง  เธอเดินยกถาดจานและแก้วที่ใช้แล้วกลับ
เข้าไปในครัว ก่อนจะลอบมอบร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างชานยอลแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆ...



“บุตรแห่งฮาเดส....”



แม้ว่าร่างสูงจะเป็นบุตรแห่งฮาเดสเทพเจ้าแห่งความตาย แต่เธอก็ไม่อยากนำความน่ากลัวของนรกใต้พิภพมาตัดสินเด็กคนนั้น เพราะสำหรับเธอการที่เขามาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยชานยอลก็จะได้มีเพื่อนคุยแก้เหงา มีคนที่ทำให้ลืมความเจ็บปวดและความเศร้าไปได้บ้าง แต่เธอไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังฉากหน้าที่เห็นแท้จริงแล้วเก็บงำอะไรไว้บ้าง...




--------------------------------------





 
    คริสละเลียดชิมเค้กอย่างเชื่องช้า เขาไม่ถูกกับของหวานสักเท่าไร แต่ก็ยังยอมทานมัน ไม่ใช่ว่าเกรงใจเจ้าของร้านอะไรนักหนาหรอก แต่เป็นเพราะต้องการทำทุกอย่างไปเพื่อให้คุณป้าของชานยอลตายใจต่างหาก เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆนี่ล่ะที่จะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ และไม่สงสัยอะไรเขา ส่งผลให้การแสดงของเขาแยบยลมากยิ่งขึ้น...



   ทั้งสองนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันไปเรื่อยๆ โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน คริสก็มักจะยิ้มแย้มเสแสร้งเป็นคนดี ในขณะที่ชานยอลเองก็พยายามอย่างหนักที่จะไม่แผดเสียงอาละวาดกลางร้าน เด็กหนุ่มเฝ้าเพียรภาวนาให้ชุดขนมหวานชุดนี้หมดๆไปสักที เพราะร่างสูงจะได้หาข้ออ้างอยู่ต่อไม่ได้แล้วไปให้พ้นๆหน้าเขาเสียที ตากลมจับจ้องไปที่เค้กสลับกับนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆอย่างใจจดใจจ่อ ระยะเวลาที่ติดอยู่ในความอึดอัดเริ่มจากห้านาที เป็นสิบนาที สิบห้านาที เรื่อยไปจนตอนนี้เกือบชั่วโมงแล้ว แม้ว่าลูกค้าเริ่มกลับไปจนหมดแล้ว แต่คริสก็ยังไม่กลับไปสักที


“เมื่อไรจะกลับ” ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจอยู่ในนั้น


“ขึ้นอยู่กับนายว่าทำตัวดีแค่ไหน”คริสพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาราวกับเขากำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศไม่ได้กำลังขู่ใครอยู่ พร้อมกับจิ้มซ้อมไปบนเค้กชิ้นนั้น พลางคิดถึงขนมในนรกใต้พิภพที่ส่วนใหญ่มักไม่มีรสชาติหวานเลี่ยนลิ้นแบบนี้


“หมายความว่าไง”


“ถ้าทำตัวดี ฉันก็อาจจะกลับ แต่ถ้าไม่….”คริสเว้นวรรคก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอาบยาพิษ


“ก็ค้างคืน” เหมือนสายฟ้าของซุสผ่าลงมากลางหัว  ค้างคืนอย่างนั้นหรอ ไม่มีทาง! เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด จะไม่ปล่อยให้ปีศาจได้เข้ามาในบ้านของเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว


“ไม่มีทาง”


“หึ ก็ลองดู”ชานยอลอ้าปากเตรียมจะพูดต่อ แต่ก็ถูกเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดเสียก่อน


“เป็นไงบ้างเค้กถูกปากมั้ย” คุณป้าเอ่ยถามคริสอย่างเป็นมิตร


“อร่อยมากเลยครับ ไว้ผมจะแวะมากินอีกบ่อยๆนะครับ”


“ได้สิจ๊ะ แต่ว่าวันนี้จะกลับยังไงล่ะเนี่ย นี่ก็ค่ำแล้ว รถก็ไม่มี” เธอเอ่ยถามพร้อมกับมองเข้มบนนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสามทุ่ม


“จริงด้วย ป่านนี้โรงเรียนก็คงจะปิดแล้วด้วย ถึงกลับไปได้ก็คงเข้าโรงเรียนไม่ได้อยู่ดี” คริสแสร้งทำหน้าหนักใจที่ตัวเองกลับโรงเรียนไม่ได้ จนหญิงวัยกลางคนนึกสงสาร


“งั้นอยู่ค้างที่นี่สักคืนมั้ยจ๊ะ”


“ได้หรอครับ”


“ได้สิจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก นึกซะว่ามาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลเขา  เดี๋ยวป้ามานะไปเก็บของโต๊ะอื่นก่อน”


“เดี๋ยวผมช่วยครับ!”คริสเสนอตัวอย่างแข็งขัน ก่อนจะวิ่งไปช่วยเธอเก็บของ ชานยอลมองภาพนั้นอย่างหมั่นไส้  ผู้ชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง และหลอกลวง  ตบตาได้แม้กระทั่งผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เขาเป็นปีศาจร้ายที่สุดแสนจะอันตรายไม่ควรเข้าใกล้




          ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเดินไปหาร่างสูง ก่อนจะแผดเสียงเมื่อไม่มีใครอยู่ในร้านแล้วนอกจากพวกเขาสามคน





“กลับไปได้แล้ว”


“ชานยอล”คุณป้าปราม


“อย่าดุน้องเลยครับ เขาคงยังโกรธผมอยู่ จะไล่ผมก็ไม่แปลก  ชานยอลพี่ขอค้างแค่คืนเดียวเท่านั้นล่ะ มันกลับไม่ได้จริงๆ นี่พี่ตามมาก็เพราะเป็นห่วงเรานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้ว” หากเขาสามารถทำร้ายคนโกหกตรงหน้านี่ได้เสียเดี๋ยวนี้เขาก็จะทำมันยังไม่ลังเลแน่นอน โกรธอย่างนั้นหรอ  เรื่องที่ผู้ชายคนนี้ทำ โกรธมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ  กลับไม่ได้งั้นหรอ  จงใจจะอยู่ที่นี่อยู่แล้วมากกว่า  ตามมาเพราะเป็นห่วงงั้นหรอ…………เสแสร้งสิ้นดี!!!


“เสแสร้ง เขาไม่ได้ห่วงผมสักหน่อย !!!”


“ชานยอล!”



“อย่าดุน้องเลยครับ  น้องคงยังโกรธที่ผมไปขัดใจเขาเมื่อตอนกลางวัน” ขัดใจ!!! แบบนั้นเรียกว่าขัดใจงั้นหรอ!!!



“ชานยอล เลิกเอาแต่ใจ ยังไงวันนี้ป้าก็จะให้คริสค้างที่นี่  ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”คุณป้าดุชานยอลก่อนจะยกถาดจานและแก้วไปล้างที่ครัว  ชานยอลได้แต่กำมือ เม้มปากแน่น อย่างอับจนหนทางที่จะขับไล่ปีศาจออกจากบ้าน



“ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลยนะ” คริสกอดอกพูด



“แล้วไง!”



“ก็แค่จะเตือนว่าถ้ามีอีก ฉันไม่อยู่เฉยแน่”


“จะทำอะไร” ปลายเสียงชานยอลสั่นอย่างหวาดกลัว คริสไม่เคยปราณีเขา และก็จะไม่มีวันเมตตาคนที่เขารักเช่นกัน…



“รู้ตอนนี้มันก็ไม่สนุกสิ”คริสยิ้มให้อย่างเลือดเย็นจนชานยอลใจคอไม่ดี ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินกว่าที่จะเดาแผนการของเขาได้



“ขึ้นบ้านกันเถอะ” คุณป้าที่เดินออกมาจากห้องครัวพูดขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นบันใดนำไป


“ทำไมไม่ให้คริสนอนข้างล่าง”ถึงจะต้องยอมให้ค้างแต่อย่างน้อยก็ขอให้ไม่ต้องใกล้ชิดกันไปมากกว่านี้เลย



“ชานยอล”คุณป้าเรียกชานยอลเสียงเข้มบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังโมโห และขู่กรายๆว่าหากชานยอลยังคงดื้อแพ่งอยู่อย่างนี้ก็จะต้องถูกลงโทษแล้ว  เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ นึกลังเลว่าตัวเองจะทำยังไงต่อไปดี เขาไม่อยากถูกคุณป้าลงโทษ เพราะครั้งล่าสุดที่โดนมันไม่ใช่บทเรียนที่ควรจะไปเจอซ้ำสองอีก แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจปล่อยให้คริสล้ำเส้นไปมากกว่านี้ได้  ชานยอลอ้าปากเตรียมจะท้วงแต่ก็ถูกมือหนารั้งตัวเข้ามาหาพร้อมกระซิบเสียงเย็น



“ฉันเตือนนายแล้วนะ ชานยอล” ชานยอลไม่มีโอกาสได้ขอคำอธิบาย เมื่อผีตายโหงที่มีดวงตาสีแดงอมหิตตัวหนึ่งผุดขึ้นมาจากขั้นบันใดที่อยู่ระหว่างเขาและคุณป้าก่อนที่มือหงิกงอของมันจะจับขาคุณป้าแล้วกระชากลงมาจนตกบันใด




โครม!!!




“คุณป้า!!!”  ชานยอลรีบวิ่งลงไปหาหญิงเคราะห์ร้ายคนนั้นที่ตกบันใดลงมากว่าสิบขั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น ที่ศีรษะมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากการฟาดอย่างแรงกับขอบบันใด



“คุณป้า!! คุณป้าเป็นยังไงบ้าง!!!”



“ป้าไม่เป็นไร ชานยอล”เธอพยายามคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุด แต่ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะที่ศีรษะและก้นกบ



“ไปหาหมอเถอะครับคุณป้า” คริสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสร้งทำเป็นตกใจ และห่วงใยคุณป้าพร้อมกับวิ่งมาหาเธอ



“ไปให้พ้น คนสารเลว!!!” ชานยอลตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด จะให้เขายอมก้มหัวให้ จะให้ต้องเสียศักดิ์ศรีเท่าไรเขายอมหมดแต่การทำร้ายคนที่เขารักอย่างนี้ เขายอมไม่ได้!!!



“ชานยอล ไม่เอา”คุณป้าพูดอย่างอิดโรย ก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง



“คุณป้าไปปกป้องมันทำไม!!!” หญิงวัยกลางคนอ้าปากเตรียมจะต่อว่าแต่ก็ถูกคริสยั้งไว้เสียก่อน



“อย่าเพิ่งว่าชานยอลเลยครับ ไปโรงพยาบาลก่อนนะครับคุณป้า” คริสพูดพร้อมกับอุ้มคุณป้าไปนั่งที่โซฟาก่อนจะกดโทรหารถพยาบาล



“ไม่ต้อง  ก็ได้ จ๊ะ  ป้าไม่ได้”



“ไปเช็คดีกว่าครับ”



“สารเลว!!!” ชานยอลตะโกนใส่หน้าพร้อมกับผลักคริสจนเซไปชนกำแพง ดวงตากลมโตแววโรจน์ด้วยแรงโทสะ  หมดความอดทนกับผู้ชายเสแสร้งที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย  กำปั้นถูกเงื้อขึ้นกลางอากาศเตรียมจะต่อยลงมาหากไม่มีเสียงร้องห้ามเสียก่อน



“ชานยอล  อย่า!”



“แต่….”



“อย่า” ชานยอลหันไปมองคุณป้าอย่างขัดใจก่อนจะหันกลับมามองคริส รอยยิ้มมาดร้ายถูกวาดขึ้นโดยจงใจให้ชานยอลเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ฉับพลันนั้นเส้นความอดทนก็ขาดผึ้ง



ปึง!!!



เสียงกำปั้นต่อยเข้ากับกำแพงจนเกิดเสียงดัง ก่อนจะตามมาด้วยเลือดที่ซึมออกจากหลังมือเรียว  เขาโมโห โมโหมากแต่ก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของคนที่รักที่สุดได้…




“หึ”คริสหัวเราะในลำคอก่อนที่เสียงรถพยาบาลจะดังขึ้น และบุรุษพยาบาลที่เดินเข้ามาในบ้าน  ร่างสูงอุ้มผู้บาดเจ็บไปขึ้นรถพยาบาล ก่อนที่ชานยอลจะตามขึ้นมาทีหลัง  
         



        หยดเลือดจากบาดแผลของหญิงวัยกลางคนที่หยดลงบนพื้นเป็นจุดๆ ค่อยๆแทรกซึมลงไปใต้ผืนดิน ของเหลวสีแดงฉานไหลไปตามแรงโน้มถ่วง ผ่านชั้นหิน ดิน และอัญมณีล้ำค่าต่างๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆหยดลงไปในผนังห้องโถงสีดำแวววับ แล้วร่วงหล่นลงบนมือสีขาวซีดของชายคนหนึ่ง…
     



        ตาคมกริบที่คล้ายกับคริสจ้องมองมันนิ่งก่อนจะกำมือ แล้วค่อยๆแบมือออก เผยให้เห็นดอกไม้สีขาวสะอาดนวลตา



“ท่านฮาเดสครับ”ทหารรับใช้ตนหนึ่งเรียกชายคนนั้นเพื่อเป็นสัญญาณเตือนถึงกำหนดการต่อไปของงานที่องค์เทพต้องทำ



“ยกเลิกกำหนดการนั้น ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ” สิ้นเสียงทรงพลัง ร่างขององค์เทพก็พลันหายไปจากสายตาราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น...




---------------------------------------





         รถพยาบาลขับออกไปจากบ้านหลังเล็กด้วยความเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันใจเด็กหนุ่มที่กำลังจับมือหญิงเคราะห์ร้ายคนนั้น  ชานยอลมองใบหน้าซีดเซียวเพราะขาดเลือดของเธออย่างเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยชอบเลือด ยิ่งมาเห็นมันออกมาจากคนที่เขารักและเคารพก็ยิ่งไม่ชอบมากขึ้นไปอีก  ร่างโปร่งบีบมือที่กุมอยู่แน่น ก่อนจะเหลือบมองปีศาจสองหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาอาฆาต ณ ชั่วขณะหนึ่งที่เขาคิดอยากจะกระโจนเขาทำร้ายคนคนนี้ จู่ๆทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ราวกับมีใครไปหยุดเข็มของนาฬิกาโลกเอาไว้




           ชานยอลมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตระหนก แม้จะคลุกคลีอยู่กับเทพเจ้าจนเจอเรื่องแปลกประหลาดจนเคยชิน แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักครั้งเดียว




       อุณหภูมิในรถตู้ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ลมหนาวที่มีกลิ่นไอชวนขนลุกที่ไม่ควรจะเล็ดรอดผ่านประตูรถเข้ามาได้ กลับกำลังคลอเคลียอยู่กับร่างกายของเขา เสียงสะอึกสะอื้นและบทเพลงในงานศพดังแว่วมาจากที่ไกลๆ มันมีหลากหลายภาษา หลากทำนองอยู่ในเพลงเดียว ราวกับนี่คือบทเพลงแห่งงานศพของคนทั่วโลก




        ความน่ากลัวและเศร้าโศกสั่นประสาทให้หัวใจของเขาเต้นรัว ก่อนจะชะงักงันเมื่อม่านหมอกที่ลอยเอื่อยจู่ๆก็ค่อยๆรวมร่างเป็นร่างของใครบางคนข้างๆเขา…



“ฮาเดส!”ชานยอลร้องเสียงหลงเมื่อเทพที่ไม่ควรปรากฏตัวกำลังยืนอยู่ข้างๆเขา


“ข้ามีเวลาไม่มากนัก  ฟังคำเตือนของข้าให้ดี  บุตรแห่งโพไซดอน จงระวังบุตรแห่งข้า อย่าให้เขาเข้าใกล้หญิงผู้นี้เป็นอันขาด”



“ทำไม” แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคริสอันตราย แต่มากจนถึงขั้นที่พ่อของเขาจะมาเตือนเองเลยหรือ


“ข้าไม่ควรแทรกแซงเรื่องของมนุษย์ไปมากกว่านี้  จำคำเตือนของข้าเอาไว้ให้ดี........อย่าให้เขาเข้าใกล้ผู้หญิงผู้นี้เด็ดขาด”เสียงของฮาเดสเบาลงไปเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆสลายหายไป ราวกับควันที่ถูกอากาศกลืนกิน


“ดะ เดี๋ยว ท่าน!!!” เสียงของชานยอลดังโพล่งขึ้นมาท่ามกลางรถตู้ที่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง


“เป็นอะไรของนาย” คำถามของคริสถูกละเลยอย่างสิ้นเชิง เมื่อประตูรถตู้ถูกเปิดออก แล้วบุรุษพยาบาลเข็นเตียงผู้ป่วยออกไป




          เตียงผู้ป่วยถูกเข็นลงมาก่อนจะถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน  พยาบาลรีบรัวคำถามและให้กรอกเอกสารทางราชการต่างๆนานา เมื่อเสร็จชานยอลก็รีบมารอหน้าห้องฉุกเฉินทันที ตากลมมองประตูห้องด้วยแววตาเป็นกังวลก่อนจะเปลี่ยนมาแข็งกร้าวเมื่อร่างสูงเดินเข้ามายืนพิงประตูด้วยท่าทางไม่ยี่หระและไม่รู้สึกผิดอะไรเลย



“ไปให้พ้น”


“พูดแบบนี้กับคนที่ช่วยคนสำคัญของตัวเองงั้นหรอ”


“สารเลว!!!”


“หึ ถ้าจะบอกว่าฉันไม่รู้สึกอะไรกับคำๆนั้นเลยล่ะ” คริสหันมาถามด้วยรอยยิ้ม


“นายมันเลว ฉันทำผิดอะไรนักหนา ทำไมถึงต้องจองล้างจองผลาญกันอย่างนี้”


“นายไม่ได้ผิดอะไรหรอก แค่ดันโชคไม่ดีที่ถูกเทพเจ้าลากลงมาให้อยู่ในเกมส์ของฉัน”


“นายต้องการอะไรกันแน่ คริส!”


“ต้องการอะไรงั้นหรอ…”คริสเว้นช่วง ก่อนจะหันมาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดกับถ้อยคำที่เปล่งออกมา








“ชีวิตของนายไงล่ะ ชานยอล...”

http://0ctogus.forumth.com

akanishibluecat

akanishibluecat

อิพี่คริส มันเลวจิงๆๆเลย หาอะไรมาเทียบไม่ได้เลย ขนาดป้า ของยอลที่ไม่รุ เรื่องด้วย

ยังทำกับเค้าไปได้ แต่ทำไมนะ ฮาเดส ถึงต้องปกป้อง ป้ายอลด้วย ต้องมีอะไร เกวข้องกันแน่เลย Question Question Question 

ยอล ชั้นว่า แกต้อง  สู้แล้ว แกหนี แบบนี้ ไม่ได้แล้ว เพราะ คริส ตามแกเจอ และ ทำร้าย คนข้างๆๆ แก ไปด้วยอะ


swearhp



คนเค้าอ่อนแอ อยากหนีมาเงียบๆก็ตามมารังควาน

เสแสร้ง เลว แค้นไม่รู้จักจบสิ้น ทำได้แม้กระทั่งคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องด้วย

คือแบบ ถึงจะเป็นเด็กนรกก็ขอให้นรกกินแกคริส

ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ รักชานเลี่ย

Oomim



เออ เสแสร้ง เข้าไปปปปป!!!!! อยากตบพี่คริสเว้ยยยย

RainbowKY



โอ๊ย อิเลว อิชั่ว อิเด็กนรก แม่ง ทำคนอื่นได้ไงวะ บันไดเป็นสิบขั้นนะ ป้าเค้าทำอะไรแก ออกจะดีกับแกด้วยซ้ำนะเว้ย แม่ง ขอกระทืบหน้าเมนสิบที อิพี่คริสคนเลว

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ