“เจ้า!!!!”โพไซดอนทำได้เพียงแค่เรียกอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว และตั้งท่าจะพุ่งตรีศูลใส่เท่านั้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะสายฟ้าที่แล่นปลาบแปลบออกมาจากซองจดหมายเป็นสัญญาณเตือนว่าหากเขาขัดคำสั่งของซุสแม้เพียงนิด บทลงโทษของเขาจะไม่ใช่แค่ก่อกำแพงเมืองอันน่าอัปยศนั่นแน่นอน
“ผมจะไปคุยกับซุส!!!”ชานยอลโพล่งขึ้นมาอย่างเดือดดาล เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้ จะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เอาชนะตัวเองได้เด็ดขาด
“จะไปคุยกับเขาว่ายังไงล่ะ ให้ฉันเลิกเป็นคนดูแลนายน่ะหรอ ทำอย่างนั้นไม่เท่ากับว่านายยอมให้เกียรติของโพไซดอนถูกย่ำยีหรอกหรอ ลูกที่ดีไม่ควรทำอย่างนั้นนะ ผมพูดถูกมั้ยครับ ท่านโพไซดอน”คริสเอ่ยเสียงสบายๆ ไม่ได้ยี่หระต่อความโกรธเคืองของคนทั้งสอง โพไซดอนและชานยอลนิ่งคิดตามคำพูดของร่างสูง ก่อนจะตระหนักได้ว่าทั้งหมดเป็นความจริง หากยื่นเรื่องต่อสภาเทพให้ปลดคริส นั่นเท่ากับว่าเขายอมรับในการถูกหยามเกียรติครั้งนี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นเทพเจ้าอย่างโพไซดอนจะมีอะไรให้น่าเกรงขามอีกเล่า
ชานยอลกำมือแน่น พยายามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด เขาทนอยู่กับคนอันตรายคนนี้ต่อไปไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยอมให้พ่อถูกหยามเกียรติไม่ได้เช่นกัน เท่ากับว่าจะหนีก็ไม่ได้ จะผลักไสก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงเหลืออยู่แค่ทางออกอยู่แค่ทางเดียว คือ...
พุ่งชน
ร่างโปร่งหลับตานิ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะใช้ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปที่คริส ตาคมสีดำขลับมองกลับมาอย่างไม่แยแส แววตานั้นเกือบจะติดแววขบขันนิดๆอยู่ด้วยซ้ำไป
“ก็ได้ ฉันจะไม่ไปฟ้องซุส แต่ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายจะไม่ทำร้ายฉัน”
“อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทำร้ายของนายมันอยู่ในรูปแบบไหน”
“สามหาว!!!”โพไซดอนประกาศกร้าว
“ผมแค่อยากทำให้แน่ใจว่าเราจะเข้าใจตรงกันก็เท่านั้นเองนี่ครับ ท่านเทพ”
“ตอบ”ชานยอลพูดเสียงห้วน
“ถ้าทำร้ายของนายนั่นคือการเอาถึงตาย ขอบอกเลยว่าฉันไม่คิดจะทำอย่างนั้นแน่นอน……………ขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์”คริสพูดประโยคสุดท้ายเพิ่ม เมื่อเห็นแววลังเลในดวงตาของทั้งสอง
“ถ้านายผิดคำแม้แต่นิดเดียว สติกซ์จะสาปแช่งนาย!”
“ได้” โพไซดอนและชานยอลจับจ้องคริสนิ่งอย่างหมดหนทางที่จะเอาชนะคนตรงหน้า ก่อนที่เทพเจ้าจะประกาศกร้าวเมื่อหมดธุระแล้ว
“กลับ!!! ชานยอล!!!”ว่าจบทั้งสองก็ออกจากห้องไป เหลือไว้แต่กลิ่นทะเลคละคลุ้งไปทั่วห้อง คริสเหลือบตามองไปยังที่ที่คนทั้งสองเคยยื่นอยู่ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“ความพิโรธของท้องทะเลน่ะหรอ หึ”
“ท่านครับ ทำไมท่านถึงสัญญาอย่างนั้นกับพวกเขา”โอฟีอุสเอ่ยถาม คริสเหลือบตาไปมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดสลัวคล้ายพายุกำลังจะมา ท้องทะเลและแหล่งน้ำต่างๆปั่นป่วนรุนแรงตามอารมณ์ของเจ้านายของพวกมัน ร่างสูงยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยตอบ
“ฉันไม่คิดจะเอาชีวิตเขาอยู่แล้ว” คริสเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ
“เพราะความตายไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ...” โอฟีอุสพยักหน้ารับ เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายของเขาเป็นยังไง บุตรแห่งฮาเดส ยังต้องการความตายอีกหรือ ไม่เลย ความตายเป็นเพียงเหมือนของเล่นของเขาเท่านั้น สิ่งอื่นต่างหากล่ะที่คริสต้องการ สิ่งอื่นที่หวานหอมมากกว่าความตาย...
-----------------------------------------------
“พ่อไม่ยอมให้มันทำร้ายเจ้าได้อีกเป็นครั้งที่สอง!!!” โพไซดอนพูดอย่างโกรธแค้นจนทั่วทั้งท้องพระโรงสั่นสะเทือน
“เขาเก่ง”ชานยอลยอมรับไปตามความจริง แม้เขาจะต่อต้านมันสักแค่ไหนก็ตาม
“ความกลัวสูงสุดของมนุษย์คือความตาย แล้วเจ้ามนุษย์นั่นก็กุมความตายอยู่ในมืออยู่แล้ว ไม่แปลกที่มันจะชนะเจ้า”
“ผมไม่เคยกลัวเขา”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องระวัง เพราะไม่กลัวเลยทำให้เจ้าไม่ทันระวังถึงภัยที่กำลังจะตามมา” โพไซดอนเอ่ยเตือน น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวของเขาลดระดับเหลือเพียงแค่น้ำเสียงที่เกิดจากการไตร่ตรองหาทางออกมากกว่า
“ผมเป็นลูกพ่อนะครับ ผมยังต้องกลัวอะไรอีก”
“ฝ่ายนั้นก็เป็นลูกของฮาเดสเช่นกัน เขาไม่ใช่คนธรรมดา” ชานยอลเบือนหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองมาตลอด ว่าเขาเป็นถึงลูกของโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล เทพผู้เขย่าโลก ส่วนคริสแม้จะเป็นลูกของฮาเดสแล้วยังไงล่ะ ฮาเดสไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสองมหาเทพด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะต้องกลัวผู้ชายคนนั้นด้วย
“เจ้าไม่ควรประมาท พลังของเจ้ามากก็จริง แต่ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ตลอดเวลาแน่”
“ผมเก่งพอจะปกป้องตัวเอง...”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปเมื่อโพไซดอนยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ชานยอลหยุดพูด เทพเจ้าทำหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเสกหอยมุขสีขาวสะอาดที่ทอประกายแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาในมือ แล้วยื่นให้ลูกชาย
“เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เองว่าต้องใช้มันยังไง”
“ลำพังแค่...”
“อย่าขัดคำสั่งของพ่อ รับมันไป”ชานยอลจำใจต้องรับไข่มุกนั้นมา ตากลมโตจับจ้องมันด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย สำหรับเขา เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งอะไรที่นอกเหนือจากความสามารถตัวเองอยู่แล้ว
“กลับไปจัดของของเจ้าได้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็จะเปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรือ”ชานยอลพยักหน้ารับ เข้าใจว่าพ่อของเขาต้องไปตรวจท้องทะเลต่อแล้ว เด็กหนุ่มโค้งศีรษะลา ก่อนจะเดินออกไปจากท้องพระโรง แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตู โพไซดอนก็เอ่ยขัดเสียก่อน
“จงระวังบุตรแห่งฮาเดสให้ดี ชานยอล”เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินออกไป โดยมีสายตาห่วงใยของโพไซดอนมองส่ง เทพเจ้าถอนหายใจหนัก ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไปทำกิจของตน หากแต่ห้วงความคิดก็ยังไม่ละจากเรื่องของชานยอล เขาอยากจะช่วยลูกชายเขามากกว่านี้ แต่เพราะเหตุที่เป็นเทพเจ้าเขาจึงไม่สามารถเข้าแทรกแซงเรื่องของมนุษย์ไปมากกว่านี้ แม้ว่ามนุษย์คนนั้นจะเป็นลูกเขาก็ตาม....มันเป็นความเจ็บปวดของเทพเจ้า ที่แม้ตัวเองจะมีอำนาจล้นเหลือ แต่ก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อช่วยคนที่ตัวเองรักได้เลย...
ชานยอลเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ผ่านทางเส้นทางที่เลาะริมขอบท้องพระโรง ตลอดเวลาที่เดินมาตากลมก็จับจ้องหอยมุขที่อยู่ในมืออย่างพิจารณา แม้มันจะดูแวววาวและพิเศษกว่าอันอื่นๆ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะช่วยเขายังไง แล้วภยันตรายอะไรที่จะทำให้เขาจนตรอกจนต้องพึ่งมันได้กัน เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่ไร้พลัง เผลอๆยังมีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ พ่อเขาเป็นหนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่ แถมยังเป็นถึงหนึ่งในสิบสองหมาเทพโอลิมปัส ในโลกนี้ยังจะมีอะไรให้เขาต้องเกรงกลัวอีกล่ะ...
“ท่านชานยอล” เงือกชายข้ารับใช้เอ่ยเรียกชานยอลที่เดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ไข่มุกในห้องพักของตัวเอง
“กำลังดูอะไรอยู่หรอครับ” ชานยอลเบ้ปากมองหอยไข่มุกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยตอบ
“ก็แค่หอยมุขธรรมดาน่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะเก็บหอยมุขไป
“มาช่วยผมจัดของหน่อยสิ” ชานยอลเอ่ยพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา
“พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้วสินะครับ มาครับ ผมช่วย ท่านคงต้องเอาของไปเยอะแน่นอนเพราะต้องอยู่โรงเรียนประจำ” เงือกชายพูดพร้อมกับเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มจัดของ เตรียมพร้อมที่จะไปโรงเรียนในปีการศึกษาใหม่พรุ่งนี้...
----------------------------------------
เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาวของโซล สายลมหนาวระลอกหนึ่งหอบเอาความเย็นเยียบของฤดูกาลไปเยี่ยมเยียนทุกที่ที่มันผ่านไป หิมะสีขาวสะอาดค่อยๆตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับพวกมันกำลังต้อนรับวันเปิดภาคเรียนใหม่ของเหล่านักเรียน เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นไปยังหอประชุมของโรงเรียนยื่นมือมารองหิมะ ก่อนจะทำให้มันสลายกลายเป็นน้ำ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหาใครบางคน
“ไอ้ชานยอล! รีบเข้ามาเร็วเข้า!!!” เสียงเพื่อนคนหนึ่งร้องเรียกเขาให้รีบเข้าหอประชุม
“รู้แล้วน่า ไอ้ไค”
“เร็วเลย พิธีปฐมนิเทศจะเริ่มแล้ว ขืนช้าได้โดนทำโทษอีก เทอมที่แล้วนายก็กวาดไปหลายโทษแล้วนะ!”
“เออๆ” ชานยอลรับคำส่งๆ แต่สายตาก็ยังมองหาใครคนนั้น แปลก....ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มา เด็กหนุ่มคิดในใจ พร้อมกับเดินเข้าในหอประชุมของโรงเรียน
ทันทีที่เดินเข้ามาพิธีปฐมนิเทศก็เริ่มขึ้น ชายแก่ที่สวมสูทสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งเดินขึ้นมาพูดอะไรบางอย่างที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สนใจจะฟัง และแน่นอนว่าชานยอลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เด็กหนุ่มนั่งกอดอกหลับตานิ่งพยายามจะหลับ ทดแทนช่วงเวลาที่เสียไป เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอน ในหัวของของเขาเอาแต่คิดเรื่องของคริส คริสจะมาอยู่โรงเรียนเดียวกับเขา แถมโรงเรียนนี้ก็ยังเป็นโรงเรียนประจำอีก นั่นเท่ากับว่าเขาจะผูกติดอยู่กับตัวอันตรายนั่นเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง แวบแรกที่รู้ ความตกใจ และพรั่นพรึงก็เข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ก่อนที่ความลิงโลดแบบแปลกๆจะเข้ายึดพื้นที่แทน มันเป็นความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างดีใจกับเสียใจ เขามีโอกาสที่จะได้เอาชนะคนคนนั้นอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันลึกๆแล้วเขาก็เกรงกลัวที่จะอยู่ใกล้เสือร้ายแสนลึกลับคนนั้น….
และเมื่อพูดถึงเสือแล้ว ทำไมตอนนี้มันถึงยังไม่ออกล่าอีกล่ะ..
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบคนคนนั้น เขามั่นใจว่าโรงเรียนของเขาไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะทำให้คนที่สะดุดตาง่ายแบบนั้นกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆของโรงเรียนไปได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหาคนคนนั้นไม่พบอยู่ดี...
“ชานยอล วันนี้รุ่นพี่คริสจะขึ้นพูดด้วยป่ะวะ”ไคที่กำลังยัดลูกอมเข้าปากถาม
“ว่าไงนะไอ้ไค”
“รุ่นพี่คริสไงวะ จะขึ้นพูดป่ะ” ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะประมวลผล ซุสคงใช้อำนาจบิดเบือนความทรงจำของคนธรรมดา คริสอาจจะเข้ามาในโรงเรียนนี้ในฐานะอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้
“ทำไมต้องขึ้นพูด”
“ก็เขาเป็น.....”
“ลำดับต่อไปจะเป็นการพูดทักทายนักเรียนของประธานนักเรียนปีการศึกษานี้” ทั้งสองละความสนใจ หันไปมองทางเวที ก่อนที่ชานยอลจะเบิกตาโพล่งเมื่อชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังเวที ขึ้นพูดที่หน้าไมค์...
“สวัสดีครับ ผมประธานนักเรียนอู๋อี้ฟาน ยินดีต้อนรับน้องๆสู่ภาคการศึกษาใหม่นะครับ พี่ประธานนักเรียนคนนี้จะพยายามดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ได้รับตำแหน่งมา” น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงเสน่ห์เอาไว้ถูกเอ่ยออกมาจากปากผู้ชายที่เกือบจะฆ่าชานยอลไปเมื่อวาน ภาพลักษณ์ของเขาวันนี้ช่างแตกต่างจากที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง บุตรแห่งฮาเดส ผู้ที่เปรียบเสมือนเงามืดของความตาย กลับกลายเป็นประธานนักเรียนที่ภูมิฐานและดูใสสะอาดราวกับแสงสว่าง
“นั่นไงรุ่นพี่คริส เทพบุตรมาอีกเหมือนเคย”
“เทพบุตร..”ชานยอลเอ่ยทวน ก่อนจะกำมือแน่น แล้วเพ่งสมาธิสั่งน้ำในแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างตัวคริสให้ไหลลงมา แต่ยังไม่ทันที่มันจะหกเลอะคริส ร่างสูงก็รีบคว้ามันไว้เสียก่อน ตาคมจับจ้องมาที่ร่างโปร่ง ก่อนจะเรียกวิญญาณมาจับร่างของเขาเอาไว้ และแน่นอนว่าไม่มีใครมองเห็นมัน...
ชานยอลได้แต่กัดฟันกรอด มองคนตรงหน้าอย่างเคียดแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งอยู่เฉยๆฟังคริสไปเท่านั้น
“เทอมใหม่นี้ พี่ก็ขอให้น้องๆมีความสุขกับการเรียนนะครับ แล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็มาบอกพี่ได้เสมอ พี่ยินดีจะช่วยทุกอย่าง ขอบคุณครับ” ทันทีที่พูดจบ คริสก็ปล่อยชานยอลให้เป็นอิสระ เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นมากลางหอประชุม ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใยดีสายตาตำหนิของเหล่าอาจารย์
“เฮ้ย ไอ้ยอล! เฮ้ย! จะไปไหน!!!” ไคร้องเรียกเพื่อนก่อนจะวิ่งตามออกไป คริสที่นั่งอยู่บนเวทียกยิ้มร้ายออกมา ก่อนจะตีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เขาเข้าใจความรู้สึกของชานยอลดี ความรู้สึกปีศาจร้ายที่เคยทำร้ายเรา กลับสวมหน้ากากกลายเป็นคนดีในสายตาคนอื่นๆ มันทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเจ็บใจ... เขาเข้าใจมันดี....ทุกอย่าง...
----------------------------------------
“ไอ้ยอล ออกมาทำไมวะ เดี๋ยวก็ได้โดนทำโทษอีกหรอก”
“เล่าเรื่องไอ้คริสนั่นให้ฟังหน่อย!!”
“ห๊ะ พี่ประธานน่ะนะ อะไรวะ อย่าพูดเหมือนไม่รู้จักเขางี้ดิ่”
“เล่า!! เร็วๆ”
“อะไรของเขาวะเนี่ย ก็พี่เขาเป็นรุ่นพี่ปีสาม เป็นประธานนักเรียน เป็นอริกับนาย ความจริงก็ไม่เชิง แต่เพราะนายเป็นตัวป่วนของโรงเรียน เขาเป็นประธานจะไม่ถูกกันก็ไม่แปลก”
“ปีสาม ประธานนักเรียน เหอะ!!!” ชานยอลหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เข้าใจซุสเลยสักนิด ว่าใช้เหตุผลอะไรในการให้คริสเป็นประธานนักเรียน ผู้ชายที่ร้ายกาจคนนั้นถูกยกย่องในความคิดของมนุษย์อย่างนั้นน่ะหรอ บ้าบอสิ้นดี!!!
“แล้วที่สำคัญ เขาก็ยังเป็น.....”
“ไอ้ตัวแสบ!!!” เสียงอาจารย์คิมแผดเสียงดังออกมาจากหน้าประตู พร้อมกับขบวนนักเรียนหลายร้อยที่กรูกันออกมาจากหอประชุม
“เป็นเรื่องเลยไง”ไคพูดเสียงกึ่งสลดกึ่งเยาะเย้ย
“ครับอาจารย์”ชานยอลขานรับ
“กล้าดียังไงออกมากลางพิธีหา!!! นี่แค่เปิดเทอมวันแรกเธอก็จะก่อเรื่องอีกแล้วหรอ ปาร์คชานยอล!!!”อาจารย์ตวาดลั่นไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนชั้นอื่นๆ
“ครูจะลงโทษผมยังไงครับ” ชานยอลถามตัดบท ความจริงเขาก็พูดประโยคนี้เป็นสเต็ปอยู่แล้ว ครับ อาจารย์ จะลงโทษผมยังไงล่ะครับ และลงท้ายด้วย....
“เธอนี่มัน.......!!! โอ๊ย ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ชานยอล ฉันไม่รู้จะหาบทลงโทษไหนมาลงโทษเธอแล้วนะ!!!”
“เพิ่งเปิดเทอม งั้นเว้นลงโทษหนึ่งวันมั้ยครับจารย์”
“คิมจงอิน เงียบ!!!” ไคยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะยืนกอดอกต่อไป
“ฉันจะทำยังไงกับเธอ.....”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอครับ” เสียงอีกคนดังขึ้นมาจากทางประตู ก่อนที่ร่างของคนที่ชานยอลไม่อยากเจอมากที่สุดจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย เด็กหนุ่มยืนกอดอกจ้องหน้าหาเรื่องเขาทันที
“จารย์ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาลงโทษชานยอลแล้ว”อาจารย์พูดกับคริสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ชานยอลถึงกับเบ้ปากไม่สบอารมณ์และหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“งั้นให้ผมช่วยมั้ยครับ”ชายหนุ่มเสนอตัวด้วยสีหน้ายิ้มๆ หากแต่แฝงแววเจ้าเล่ห์อยู่ในแววตา
“ยังไงล่ะ”คริสแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบ
“บทลงโทษแบบพิเศษสำหรับปาร์ค-ชาน-ยอล”ตาคมจับจ้องร่างโปร่งอย่างท้าทายแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปตีสีหน้าเหมือนเดิม ชานยอลรีบแย้งขึ้นทันที ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะปล่อยให้คริสลงโทษ..
“ผมไม่....”
“งั้นหรอ............อืม.......ถ้างั้นครูฝากเราด้วยแล้วกันนะคริส เฮ้อ ฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆ”
“แต่ครูครับ ผมขอ...”
“ไม่มีแต่ปาร์คชานยอล หมดเวลาที่เธอจะงอแงแล้ว ฝากด้วยนะคริส ไป คิมจงอิน มานี่!!!”อาจารย์หันไปเรียกไคที่ยังยืนนิ่งอยู่
“อ้าว ผมไม่โดนด้วยหรอครับจารย์ ผมก็ออกมา”
“นายมาช่วยฉันขนของก็พอ ส่วนเพื่อนนายให้คริสจัดการไป”
“อะ เอ่อ.....ครับๆ ยอล โชคดีนะเว้ย แล้วเจอกัน” ไควิ่งตามอาจารย์คิมไปด้วยท่าทางที่ไม่ได้สลดเลยสักนิด ก็จะให้เศร้าไปทำไม ในเมื่อการโดนทำโทษเป็นเรื่องเคยชินของพวกเขาสองคนไปแล้ว แต่สำหรับชานยอล อาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญเลยมากกว่า...
ชานยอลมองเพื่อนที่วิ่งออกไป ก่อนจะหันไปมองรอบๆ แล้วจึงหันกลับมาตวาดใส่คริสเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว
“จะลงโทษอะไร!!!”
“บทลงโทษแบบพิเศษเฉพาะนายไง”สิ้นเสียง ร่างสูงก็ฉุดอีกคนให้เดินตามตนมา
“จะพาฉันไปไหน!”
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำหรอกนะ ชานยอล”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็แฝงความเย็นชาอยู่ในนั้นจนชานยอลรู้สึกได้ ร่างโปร่งถูกร่างสูงลากตามมาเรื่อยๆระหว่างทางตากลมก็คอยมองสภาพแวดล้อมที่ผ่านมา คิ้วได้รูปขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ บทลงโทษของเขาไม่เคยข้องเกี่ยวอะไรกับห้องแล็ปวิทยาศาตร์ อาจจะมีบ้างที่โดนสั่งให้มาทำความสะอาดอุปกรณ์ทดลอง แต่มันก็อยู่แค่ในห้องเก็บอุปกรณ์เท่านั้น ไม่ใช่ห้องสำหรับทดลองแบบนี้
“พามาที่นี่ทำไม!”
“ลงโทษไงล่ะ”
“ลงโทษ? นายจะลงโทษยังไงล่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้...”
“คริส! ตอบฉะ......”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ห้องแล็ปชีวะฯ
“ขออนุญาตที่ขัดจังหวะนะครับอาจารย์ แต่ผมมีนักเรียนบำเพ็ญประโยชน์มาช่วยงานอาจารย์”คริสหันไปอธิบายกับอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ ในขณะที่ชานยอลชะงักไปแล้วกับภาพที่เห็น
“ชานยอลใช่มั้ย โดนทำโทษอีกแล้วล่ะสิ ยังไงก็ช่วยๆดูแลน้องๆแล้วกันนะ”อาจารย์หันมาตอบคนทั้งสองก่อนจะกลับไปสั่งนักเรียนในชั้นต่อ
“นักเรียน เตรียมเอาปลาหางนกยูงขึ้นสไลด์ได้”สิ้นคำสั่ง นักเรียนทุกคนก็จับปลาตัวจิ๋วขึ้นมาวางบนสไลด์ เหงือกของมันผลุบเข้าผลุบออก พร้อมกับดิ้นไปมาอย่างสัตว์ที่กำลังจะตาย...
ชานยอล ชานยอล ช่วยด้วย..
เสียงปลาตัวหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือจากชานยอล เด็กหนุ่มจับจ้องไปที่มันค้าง ก่อนจะกระพริบตาเรียกสติกลับคืนมา
“หยุดนะ!!!”ร่างโปร่งรีบจับปลาตัวนั้นกลับเข้าไปในโหล แต่....
ไม่ได้มีปลาตัวเดียวที่ถูกทดลอง...
ชานยอล ชานยอล ช่วยเราด้วย ช่วยด้วย
“หยุดทดลอง!!!”ร่างโปร่งประกาศก้อง ทุกคนในห้องหยุดชะงักทุกการกระทำ ก่อนที่อาจารย์จะได้สติก่อน
“ชานยอลเธอเป็นอะไร”
“เขาแค่สงสารปลาน่ะครับ เขาเป็นคนขี้สงสาร กลัวมันตาย”คริสตอบแทน
“อ้อ พวกมันไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ เราแค่ดูมันแปบเดียวเอง สบายใจได้นะชานยอล เราไม่ได้ทำให้มันตายหรอก”อาจารย์อธิบายก่อนสั่งให้นักเรียนทดลองต่อ ชานยอลตั้งท่าจะเข้าไปช่วยพวกปลาอีก แต่ก็ถูกคริสดึงกลับมาจนหลังกระแทกอกอีกฝ่ายเสียก่อน
“ปล่อย!”
“ถ้าตอบว่าไม่ล่ะ..”
“คริส!..”
“ว๊ายยยย ปลาดิ้นตกพื้นไปแล้ว พี่คะ พี่คะ ช่วยเก็บมันขึ้นมาหน่อย”
“อ้าว ชานยอล วานเก็บให้น้องที”อาจารย์ที่กำลังเดินตรวจโต๊ะแล็ปเอ่ยขึ้น
“พี่คะ เร็วค่ะ มันจะตายแล้วๆ” ชานยอลรีบก้มไปเก็บปลาตัวนั้นขึ้นมา ก่อนจะตั้งท่าปล่อยมันลงน้ำ แต่ก็ถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นฉวยมันไปวางบนสไลด์เสียก่อน ปลาตัวนั้นหายใจอีกสองสามครั้งก่อนจะค่อยๆ.........
ตายต่อหน้าต่อตาเขา
ชานยอลจ้องไปที่มันนิ่ง มือเรียวสั่นอย่างรุนแรง หยาดน้ำใสเอ่อคลอที่ขอบตา เสียงสุดท้ายของมันยังคงดังอยู่ในหัวของเขา มันร้องขอให้เขาช่วย แต่สุดท้ายมันก็ตายลงต่อหน้าต่อตา เด็กหนุ่มกำมือแน่นอย่างสกัดกั้นอารมณ์ ก่อนจะหันไปมองปลาตัวอื่นๆ...
ช่วยด้วย ช่วยด้วย ชานยอล ช่วยเราด้วย
ซู่!!!
ชานยอลบังคับกระแสน้ำในโหลปลาให้ตวัดเอาตัวปลากลับลงไปในโหลอย่างเก่า ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ขาเรียวพาเจ้าของตรงเข้าไปที่ห้องน้ำทันที เด็กหนุ่มเปิดก๊อกน้ำจนสุด ก่อนจะวักน้ำขึ้นล้างหน้าเร็วๆ น้ำทำให้เขารู้สึกดี และอาจจะช่วยให้เขาหายรู้สึกแย่จากเรื่องเมื่อครู่ได้บ้าง
กึก!
เสียงล็อกประตูดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองแขกผู้มาใหม่ผ่านกระจกอย่างสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนสายตามาเป็นโกรธแค้น
“มาทำไม!!!”
“กะจะให้คนทั้งโลกรู้เลยรึไงว่ามีพ่อเป็นใคร”
“นายพาฉันไปที่แล็ปนั่นทำไม!”
“ก็ลงโทษไง แล้วตามปกติก็ไม่มีบทลงโทษไหนที่ทำให้คนถูกลงโทษรู้สึกดีหรอกนะ”ฉับพลันนั้นชานยอลก็ผลักกระแสน้ำทั้งหมดซัดใส่คริสทันที มันมากเกินไปแล้ว พาเขาไปที่นั่นยังไม่พอ ยังมาพูดจาทุเรศๆแบบนี้อีก มันมากเกินกว่าคนอย่างเขาจะทนไหวแล้ว!!
คริสหลับตานิ่ง ก่อนจะปาดน้ำออกจากหน้าช้าๆ แล้วแย้มยิ้มออกมา
“ทำได้ดีนะ....”
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีก!!!”
“แต่...........ยังไม่ดีพอ”คริสพุ่งเข้าใส่ชานยอล ดันแผ่นหลังของร่างโปร่งจนติดขอบอ่างน้ำ พร้อมกับวาดแขนกักอีกฝ่ายไม่ให้หนีไปไหนได้ ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะชนกัน ก่อนที่ดวงตาสีดำขลับจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า ตรึงให้ชานยอลละสายตาไปไหนไม่ได้ ภาพที่ปลาตัวนั้นตายไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้งราวกับคริสกำลังเล่นให้เขาดูซ้ำอีกรอบ หากแต่ภาพจำลองครั้งนี้มันค่อยๆเล่นไปอย่างช้าๆ ความเจ็บปวด เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และความตายค่อยๆหมุนผ่านไปอย่างทรมาน ราวกับต้องการให้ร่างโปร่งติดอยู่ในห้วงแห่งความสูญเสียให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้...
ปลาตัวนั้นดิ้นพล่านๆบนพื้นช้าๆ เหงือกของมันขึ้นลง ปากอ้าออกปานจะขาดใจ ก่อนที่มือเรียวจะค่อยๆช้อนมันขึ้นมา ณ ชั่วขณะที่มันจะได้กลับคืนสู่แหล่งน้ำ มือเล็กของเด็กหญิงก็หยิบมันไปอย่างช้าๆ ชานยอลมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ เขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เด็กคนนั้นจะเอาปลาไปวางบนสไลด์แล้วมันก็จะตาย ขณะที่จิตใจของร่างโปร่งกำลังผ่านความทุกข์ทรมาน มือเล็กก็ค่อยๆเข้าใกล้จานสไลด์ทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด ก่อนจะ....
“ไม่!!!” เด็กหนุ่มแผดเสียงดัง ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น ดีที่มือหนารั้งตัวไว้เสียก่อน
“หึ”
“ทำอย่างนี้ทำไม!”ถึงจะเหนื่อยอ่อนแค่ไหน แต่เขาก็ยังมีแรงพอจะก่นด่าผู้ชายตรงหน้า คริสยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหู
“ไม่มีการลงโทษไหนที่ไม่เจ็บปวดหรอกนะ ชานยอล”ลิ้นร้อนตวัดติ่งหูร่างโปร่งเบาๆก่อนจะผละออกไป แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ชานยอลจมดิ่งอยู่กับภาพอันแสนน่ากลัวนั้นอยู่คนเดียว เด็กหนุ่มค่อยๆทรุดลงกับพื้นก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้า ความรู้สึกตอนนี้ใกล้เคียงกับเวลาที่เรามองเห็นเพื่อนใกล้จะตาย แต่เรากลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย...
มือเรียวที่สั่นระริกกำแน่น ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างสกัดกั้นอารมณ์ ภาพสีหน้าของคริสที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตัวเองทำเด่นชัดเข้ามาในหัว ก่อนจะถูกตอกย้ำความเกลียดชังด้วยสัมผัสเปียกชื้นจากติ่งหู ชานยอลถูมือกับติ่งหูตัวเองแรงๆ เพื่อลบสัมผัสของอีกคน แต่ยิ่งลบเท่าไร ความทรมานที่มีก็ดูจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวหยุดถูก่อนจะซัดสายน้ำเข้ากับกำแพงอย่างแรงเพื่อระบายความโมโหที่มี สายน้ำที่อยู่ในก๊อกค่อยๆตอบสนองต่อความโกรธของเขา หัวก๊อกเริ่มหมุนเอง น้ำเริ่มรั่วออกมา ก่อนที่มันจะ.....
ตู๊ม!
ก๊อกระเบิดออก น้ำสาดกระจายไปทั่วห้อง
“เฮ้ย ไอ้ยอล!!!” ไคที่วิ่งเข้ามาในห้องน้ำตะโกนเรียก ไม่คิดว่าการมาห้องน้ำครั้งนี้จะทำให้มาเจอกับเรื่องประหลาดแบบนี้ได้ ก๊อกระเบิดน้ำสาดกระจายไปทั่วห้อง แต่ที่ดูจะน่าตกใจมากที่สุดก็คือ เพื่อนของเขาที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น
“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยทำไมเปียกอย่างนี้”ไครีบพยุงเพื่อนออกจากห้องน้ำไป
“เฮ้ย ไอ้ยอล ถามก็ตอบหน่อยดิวะ อย่าสติหลุดแบบนี้ ฉันใจคอไม่ดีนะ”
“คริส..............อยู่ไหน”
“อยู่ไหน ก็ ปีสามห้องAไง” พูดยังไม่ทันจบ ชานยอลก็พุ่งตัวออกไปทันที ดีที่ไครั้งไว้เสียก่อนไม่งั้นปีสามห้องAนั่นคงได้พินาศแน่ถ้าตัวแสบของโรงเรียนในสภาพที่โมโหสุดขีดไปหา
“จะหาเรื่องเขานี่ไม่ว่านะ แต่หลังจากที่เปลี่ยนชุด และเรียนกับอาจารย์ลีก่อนเหอะว่ะ ถ้านายขาด ฉันว่าคราวนี้โดนไล่ออกแน่.......................แล้วคราวนี้ก็จะอดจัดการกับไอ้รุ่นพี่คริสนั่นนะ”ไครีบขยายความต่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังไม่ยอมลดโทสะ
“นรก.....ไอ้เด็กนรก!!!”ชานยอลประกาศก้องก่อนจะถูกไคพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลากไปเรียนกับอาจารย์สุดเฮี้ยวที่หมายหัวพวกเขาไว้อยู่ ตลอดเวลาที่เรียนไปชานยอลไม่มีสมาธิเลย เด็กหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องคริส และทันทีที่โรงเรียนเลิก เขาก็พุ่งตัวไปที่ห้อง3-Aทันที
“คริสอยู่ไหน!!!”
“โอ้ น้องชานยอล สุดเฮี้ยว คริสกลับไปตั้งแต่คาบห้าแล้วครับ” พูดยังไม่ทันจบชานยอลก็เดินออกไปแล้ว มือเรียวกำแน่นอย่างหงุดหงิด เขายังรู้จักคริสไม่มากพอจะรู้ว่าคริสอยู่ที่ไหน แล้วตอนนี้ร่างสูงก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยของความตายไว้ให้เขาตามตัวเจอด้วย ชานยอลสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะตัดสินใจกลับห้องของตัวเองเมื่อไม่มีที่ไป
สองขาเรียวก้าวเร็วๆเข้ามายังตึกหอพัก ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสามแล้วเดินไปที่ห้องของตัวเอง คีย์การ์ดถูกหยิบออกมาก่อนจะถูกเสียบเพื่อปลดล็อกห้อง ร่างโปร่งเดินเข้าข้างใน ก่อนจะต้องชะงักเมื่อสายตาสบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงเขา
“เข้ามาได้ยังไง!!!”
“ทำไมจะเข้ามาไม่ได้..........................ในเมื่อฉันเป็นรูมเมทของนาย”
“ผมจะไปคุยกับซุส!!!”ชานยอลโพล่งขึ้นมาอย่างเดือดดาล เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้ จะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เอาชนะตัวเองได้เด็ดขาด
“จะไปคุยกับเขาว่ายังไงล่ะ ให้ฉันเลิกเป็นคนดูแลนายน่ะหรอ ทำอย่างนั้นไม่เท่ากับว่านายยอมให้เกียรติของโพไซดอนถูกย่ำยีหรอกหรอ ลูกที่ดีไม่ควรทำอย่างนั้นนะ ผมพูดถูกมั้ยครับ ท่านโพไซดอน”คริสเอ่ยเสียงสบายๆ ไม่ได้ยี่หระต่อความโกรธเคืองของคนทั้งสอง โพไซดอนและชานยอลนิ่งคิดตามคำพูดของร่างสูง ก่อนจะตระหนักได้ว่าทั้งหมดเป็นความจริง หากยื่นเรื่องต่อสภาเทพให้ปลดคริส นั่นเท่ากับว่าเขายอมรับในการถูกหยามเกียรติครั้งนี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นเทพเจ้าอย่างโพไซดอนจะมีอะไรให้น่าเกรงขามอีกเล่า
ชานยอลกำมือแน่น พยายามระงับความโกรธอย่างถึงที่สุด เขาทนอยู่กับคนอันตรายคนนี้ต่อไปไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยอมให้พ่อถูกหยามเกียรติไม่ได้เช่นกัน เท่ากับว่าจะหนีก็ไม่ได้ จะผลักไสก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงเหลืออยู่แค่ทางออกอยู่แค่ทางเดียว คือ...
พุ่งชน
ร่างโปร่งหลับตานิ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะใช้ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปที่คริส ตาคมสีดำขลับมองกลับมาอย่างไม่แยแส แววตานั้นเกือบจะติดแววขบขันนิดๆอยู่ด้วยซ้ำไป
“ก็ได้ ฉันจะไม่ไปฟ้องซุส แต่ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายจะไม่ทำร้ายฉัน”
“อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทำร้ายของนายมันอยู่ในรูปแบบไหน”
“สามหาว!!!”โพไซดอนประกาศกร้าว
“ผมแค่อยากทำให้แน่ใจว่าเราจะเข้าใจตรงกันก็เท่านั้นเองนี่ครับ ท่านเทพ”
“ตอบ”ชานยอลพูดเสียงห้วน
“ถ้าทำร้ายของนายนั่นคือการเอาถึงตาย ขอบอกเลยว่าฉันไม่คิดจะทำอย่างนั้นแน่นอน……………ขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์”คริสพูดประโยคสุดท้ายเพิ่ม เมื่อเห็นแววลังเลในดวงตาของทั้งสอง
“ถ้านายผิดคำแม้แต่นิดเดียว สติกซ์จะสาปแช่งนาย!”
“ได้” โพไซดอนและชานยอลจับจ้องคริสนิ่งอย่างหมดหนทางที่จะเอาชนะคนตรงหน้า ก่อนที่เทพเจ้าจะประกาศกร้าวเมื่อหมดธุระแล้ว
“กลับ!!! ชานยอล!!!”ว่าจบทั้งสองก็ออกจากห้องไป เหลือไว้แต่กลิ่นทะเลคละคลุ้งไปทั่วห้อง คริสเหลือบตามองไปยังที่ที่คนทั้งสองเคยยื่นอยู่ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“ความพิโรธของท้องทะเลน่ะหรอ หึ”
“ท่านครับ ทำไมท่านถึงสัญญาอย่างนั้นกับพวกเขา”โอฟีอุสเอ่ยถาม คริสเหลือบตาไปมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดสลัวคล้ายพายุกำลังจะมา ท้องทะเลและแหล่งน้ำต่างๆปั่นป่วนรุนแรงตามอารมณ์ของเจ้านายของพวกมัน ร่างสูงยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยตอบ
“ฉันไม่คิดจะเอาชีวิตเขาอยู่แล้ว” คริสเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ
“เพราะความตายไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ...” โอฟีอุสพยักหน้ารับ เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้านายของเขาเป็นยังไง บุตรแห่งฮาเดส ยังต้องการความตายอีกหรือ ไม่เลย ความตายเป็นเพียงเหมือนของเล่นของเขาเท่านั้น สิ่งอื่นต่างหากล่ะที่คริสต้องการ สิ่งอื่นที่หวานหอมมากกว่าความตาย...
-----------------------------------------------
“พ่อไม่ยอมให้มันทำร้ายเจ้าได้อีกเป็นครั้งที่สอง!!!” โพไซดอนพูดอย่างโกรธแค้นจนทั่วทั้งท้องพระโรงสั่นสะเทือน
“เขาเก่ง”ชานยอลยอมรับไปตามความจริง แม้เขาจะต่อต้านมันสักแค่ไหนก็ตาม
“ความกลัวสูงสุดของมนุษย์คือความตาย แล้วเจ้ามนุษย์นั่นก็กุมความตายอยู่ในมืออยู่แล้ว ไม่แปลกที่มันจะชนะเจ้า”
“ผมไม่เคยกลัวเขา”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องระวัง เพราะไม่กลัวเลยทำให้เจ้าไม่ทันระวังถึงภัยที่กำลังจะตามมา” โพไซดอนเอ่ยเตือน น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวของเขาลดระดับเหลือเพียงแค่น้ำเสียงที่เกิดจากการไตร่ตรองหาทางออกมากกว่า
“ผมเป็นลูกพ่อนะครับ ผมยังต้องกลัวอะไรอีก”
“ฝ่ายนั้นก็เป็นลูกของฮาเดสเช่นกัน เขาไม่ใช่คนธรรมดา” ชานยอลเบือนหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองมาตลอด ว่าเขาเป็นถึงลูกของโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล เทพผู้เขย่าโลก ส่วนคริสแม้จะเป็นลูกของฮาเดสแล้วยังไงล่ะ ฮาเดสไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสองมหาเทพด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะต้องกลัวผู้ชายคนนั้นด้วย
“เจ้าไม่ควรประมาท พลังของเจ้ามากก็จริง แต่ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ตลอดเวลาแน่”
“ผมเก่งพอจะปกป้องตัวเอง...”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปเมื่อโพไซดอนยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ชานยอลหยุดพูด เทพเจ้าทำหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเสกหอยมุขสีขาวสะอาดที่ทอประกายแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาในมือ แล้วยื่นให้ลูกชาย
“เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เมื่อถึงเวลาลูกจะรู้เองว่าต้องใช้มันยังไง”
“ลำพังแค่...”
“อย่าขัดคำสั่งของพ่อ รับมันไป”ชานยอลจำใจต้องรับไข่มุกนั้นมา ตากลมโตจับจ้องมันด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย สำหรับเขา เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งอะไรที่นอกเหนือจากความสามารถตัวเองอยู่แล้ว
“กลับไปจัดของของเจ้าได้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็จะเปิดเทอมแล้วไม่ใช่หรือ”ชานยอลพยักหน้ารับ เข้าใจว่าพ่อของเขาต้องไปตรวจท้องทะเลต่อแล้ว เด็กหนุ่มโค้งศีรษะลา ก่อนจะเดินออกไปจากท้องพระโรง แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตู โพไซดอนก็เอ่ยขัดเสียก่อน
“จงระวังบุตรแห่งฮาเดสให้ดี ชานยอล”เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเดินออกไป โดยมีสายตาห่วงใยของโพไซดอนมองส่ง เทพเจ้าถอนหายใจหนัก ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไปทำกิจของตน หากแต่ห้วงความคิดก็ยังไม่ละจากเรื่องของชานยอล เขาอยากจะช่วยลูกชายเขามากกว่านี้ แต่เพราะเหตุที่เป็นเทพเจ้าเขาจึงไม่สามารถเข้าแทรกแซงเรื่องของมนุษย์ไปมากกว่านี้ แม้ว่ามนุษย์คนนั้นจะเป็นลูกเขาก็ตาม....มันเป็นความเจ็บปวดของเทพเจ้า ที่แม้ตัวเองจะมีอำนาจล้นเหลือ แต่ก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อช่วยคนที่ตัวเองรักได้เลย...
ชานยอลเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ผ่านทางเส้นทางที่เลาะริมขอบท้องพระโรง ตลอดเวลาที่เดินมาตากลมก็จับจ้องหอยมุขที่อยู่ในมืออย่างพิจารณา แม้มันจะดูแวววาวและพิเศษกว่าอันอื่นๆ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะช่วยเขายังไง แล้วภยันตรายอะไรที่จะทำให้เขาจนตรอกจนต้องพึ่งมันได้กัน เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่ไร้พลัง เผลอๆยังมีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ พ่อเขาเป็นหนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่ แถมยังเป็นถึงหนึ่งในสิบสองหมาเทพโอลิมปัส ในโลกนี้ยังจะมีอะไรให้เขาต้องเกรงกลัวอีกล่ะ...
“ท่านชานยอล” เงือกชายข้ารับใช้เอ่ยเรียกชานยอลที่เดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ไข่มุกในห้องพักของตัวเอง
“กำลังดูอะไรอยู่หรอครับ” ชานยอลเบ้ปากมองหอยไข่มุกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยตอบ
“ก็แค่หอยมุขธรรมดาน่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะเก็บหอยมุขไป
“มาช่วยผมจัดของหน่อยสิ” ชานยอลเอ่ยพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา
“พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้วสินะครับ มาครับ ผมช่วย ท่านคงต้องเอาของไปเยอะแน่นอนเพราะต้องอยู่โรงเรียนประจำ” เงือกชายพูดพร้อมกับเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มจัดของ เตรียมพร้อมที่จะไปโรงเรียนในปีการศึกษาใหม่พรุ่งนี้...
----------------------------------------
เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาวของโซล สายลมหนาวระลอกหนึ่งหอบเอาความเย็นเยียบของฤดูกาลไปเยี่ยมเยียนทุกที่ที่มันผ่านไป หิมะสีขาวสะอาดค่อยๆตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับพวกมันกำลังต้อนรับวันเปิดภาคเรียนใหม่ของเหล่านักเรียน เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นไปยังหอประชุมของโรงเรียนยื่นมือมารองหิมะ ก่อนจะทำให้มันสลายกลายเป็นน้ำ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหาใครบางคน
“ไอ้ชานยอล! รีบเข้ามาเร็วเข้า!!!” เสียงเพื่อนคนหนึ่งร้องเรียกเขาให้รีบเข้าหอประชุม
“รู้แล้วน่า ไอ้ไค”
“เร็วเลย พิธีปฐมนิเทศจะเริ่มแล้ว ขืนช้าได้โดนทำโทษอีก เทอมที่แล้วนายก็กวาดไปหลายโทษแล้วนะ!”
“เออๆ” ชานยอลรับคำส่งๆ แต่สายตาก็ยังมองหาใครคนนั้น แปลก....ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มา เด็กหนุ่มคิดในใจ พร้อมกับเดินเข้าในหอประชุมของโรงเรียน
ทันทีที่เดินเข้ามาพิธีปฐมนิเทศก็เริ่มขึ้น ชายแก่ที่สวมสูทสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งเดินขึ้นมาพูดอะไรบางอย่างที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สนใจจะฟัง และแน่นอนว่าชานยอลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เด็กหนุ่มนั่งกอดอกหลับตานิ่งพยายามจะหลับ ทดแทนช่วงเวลาที่เสียไป เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอน ในหัวของของเขาเอาแต่คิดเรื่องของคริส คริสจะมาอยู่โรงเรียนเดียวกับเขา แถมโรงเรียนนี้ก็ยังเป็นโรงเรียนประจำอีก นั่นเท่ากับว่าเขาจะผูกติดอยู่กับตัวอันตรายนั่นเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง แวบแรกที่รู้ ความตกใจ และพรั่นพรึงก็เข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ก่อนที่ความลิงโลดแบบแปลกๆจะเข้ายึดพื้นที่แทน มันเป็นความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างดีใจกับเสียใจ เขามีโอกาสที่จะได้เอาชนะคนคนนั้นอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันลึกๆแล้วเขาก็เกรงกลัวที่จะอยู่ใกล้เสือร้ายแสนลึกลับคนนั้น….
และเมื่อพูดถึงเสือแล้ว ทำไมตอนนี้มันถึงยังไม่ออกล่าอีกล่ะ..
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบคนคนนั้น เขามั่นใจว่าโรงเรียนของเขาไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะทำให้คนที่สะดุดตาง่ายแบบนั้นกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆของโรงเรียนไปได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหาคนคนนั้นไม่พบอยู่ดี...
“ชานยอล วันนี้รุ่นพี่คริสจะขึ้นพูดด้วยป่ะวะ”ไคที่กำลังยัดลูกอมเข้าปากถาม
“ว่าไงนะไอ้ไค”
“รุ่นพี่คริสไงวะ จะขึ้นพูดป่ะ” ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะประมวลผล ซุสคงใช้อำนาจบิดเบือนความทรงจำของคนธรรมดา คริสอาจจะเข้ามาในโรงเรียนนี้ในฐานะอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้
“ทำไมต้องขึ้นพูด”
“ก็เขาเป็น.....”
“ลำดับต่อไปจะเป็นการพูดทักทายนักเรียนของประธานนักเรียนปีการศึกษานี้” ทั้งสองละความสนใจ หันไปมองทางเวที ก่อนที่ชานยอลจะเบิกตาโพล่งเมื่อชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังเวที ขึ้นพูดที่หน้าไมค์...
“สวัสดีครับ ผมประธานนักเรียนอู๋อี้ฟาน ยินดีต้อนรับน้องๆสู่ภาคการศึกษาใหม่นะครับ พี่ประธานนักเรียนคนนี้จะพยายามดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ได้รับตำแหน่งมา” น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงเสน่ห์เอาไว้ถูกเอ่ยออกมาจากปากผู้ชายที่เกือบจะฆ่าชานยอลไปเมื่อวาน ภาพลักษณ์ของเขาวันนี้ช่างแตกต่างจากที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง บุตรแห่งฮาเดส ผู้ที่เปรียบเสมือนเงามืดของความตาย กลับกลายเป็นประธานนักเรียนที่ภูมิฐานและดูใสสะอาดราวกับแสงสว่าง
“นั่นไงรุ่นพี่คริส เทพบุตรมาอีกเหมือนเคย”
“เทพบุตร..”ชานยอลเอ่ยทวน ก่อนจะกำมือแน่น แล้วเพ่งสมาธิสั่งน้ำในแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างตัวคริสให้ไหลลงมา แต่ยังไม่ทันที่มันจะหกเลอะคริส ร่างสูงก็รีบคว้ามันไว้เสียก่อน ตาคมจับจ้องมาที่ร่างโปร่ง ก่อนจะเรียกวิญญาณมาจับร่างของเขาเอาไว้ และแน่นอนว่าไม่มีใครมองเห็นมัน...
ชานยอลได้แต่กัดฟันกรอด มองคนตรงหน้าอย่างเคียดแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งอยู่เฉยๆฟังคริสไปเท่านั้น
“เทอมใหม่นี้ พี่ก็ขอให้น้องๆมีความสุขกับการเรียนนะครับ แล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็มาบอกพี่ได้เสมอ พี่ยินดีจะช่วยทุกอย่าง ขอบคุณครับ” ทันทีที่พูดจบ คริสก็ปล่อยชานยอลให้เป็นอิสระ เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นมากลางหอประชุม ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใยดีสายตาตำหนิของเหล่าอาจารย์
“เฮ้ย ไอ้ยอล! เฮ้ย! จะไปไหน!!!” ไคร้องเรียกเพื่อนก่อนจะวิ่งตามออกไป คริสที่นั่งอยู่บนเวทียกยิ้มร้ายออกมา ก่อนจะตีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เขาเข้าใจความรู้สึกของชานยอลดี ความรู้สึกปีศาจร้ายที่เคยทำร้ายเรา กลับสวมหน้ากากกลายเป็นคนดีในสายตาคนอื่นๆ มันทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเจ็บใจ... เขาเข้าใจมันดี....ทุกอย่าง...
----------------------------------------
“ไอ้ยอล ออกมาทำไมวะ เดี๋ยวก็ได้โดนทำโทษอีกหรอก”
“เล่าเรื่องไอ้คริสนั่นให้ฟังหน่อย!!”
“ห๊ะ พี่ประธานน่ะนะ อะไรวะ อย่าพูดเหมือนไม่รู้จักเขางี้ดิ่”
“เล่า!! เร็วๆ”
“อะไรของเขาวะเนี่ย ก็พี่เขาเป็นรุ่นพี่ปีสาม เป็นประธานนักเรียน เป็นอริกับนาย ความจริงก็ไม่เชิง แต่เพราะนายเป็นตัวป่วนของโรงเรียน เขาเป็นประธานจะไม่ถูกกันก็ไม่แปลก”
“ปีสาม ประธานนักเรียน เหอะ!!!” ชานยอลหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เข้าใจซุสเลยสักนิด ว่าใช้เหตุผลอะไรในการให้คริสเป็นประธานนักเรียน ผู้ชายที่ร้ายกาจคนนั้นถูกยกย่องในความคิดของมนุษย์อย่างนั้นน่ะหรอ บ้าบอสิ้นดี!!!
“แล้วที่สำคัญ เขาก็ยังเป็น.....”
“ไอ้ตัวแสบ!!!” เสียงอาจารย์คิมแผดเสียงดังออกมาจากหน้าประตู พร้อมกับขบวนนักเรียนหลายร้อยที่กรูกันออกมาจากหอประชุม
“เป็นเรื่องเลยไง”ไคพูดเสียงกึ่งสลดกึ่งเยาะเย้ย
“ครับอาจารย์”ชานยอลขานรับ
“กล้าดียังไงออกมากลางพิธีหา!!! นี่แค่เปิดเทอมวันแรกเธอก็จะก่อเรื่องอีกแล้วหรอ ปาร์คชานยอล!!!”อาจารย์ตวาดลั่นไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนชั้นอื่นๆ
“ครูจะลงโทษผมยังไงครับ” ชานยอลถามตัดบท ความจริงเขาก็พูดประโยคนี้เป็นสเต็ปอยู่แล้ว ครับ อาจารย์ จะลงโทษผมยังไงล่ะครับ และลงท้ายด้วย....
“เธอนี่มัน.......!!! โอ๊ย ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ชานยอล ฉันไม่รู้จะหาบทลงโทษไหนมาลงโทษเธอแล้วนะ!!!”
“เพิ่งเปิดเทอม งั้นเว้นลงโทษหนึ่งวันมั้ยครับจารย์”
“คิมจงอิน เงียบ!!!” ไคยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะยืนกอดอกต่อไป
“ฉันจะทำยังไงกับเธอ.....”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอครับ” เสียงอีกคนดังขึ้นมาจากทางประตู ก่อนที่ร่างของคนที่ชานยอลไม่อยากเจอมากที่สุดจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย เด็กหนุ่มยืนกอดอกจ้องหน้าหาเรื่องเขาทันที
“จารย์ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาลงโทษชานยอลแล้ว”อาจารย์พูดกับคริสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ชานยอลถึงกับเบ้ปากไม่สบอารมณ์และหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“งั้นให้ผมช่วยมั้ยครับ”ชายหนุ่มเสนอตัวด้วยสีหน้ายิ้มๆ หากแต่แฝงแววเจ้าเล่ห์อยู่ในแววตา
“ยังไงล่ะ”คริสแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบ
“บทลงโทษแบบพิเศษสำหรับปาร์ค-ชาน-ยอล”ตาคมจับจ้องร่างโปร่งอย่างท้าทายแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปตีสีหน้าเหมือนเดิม ชานยอลรีบแย้งขึ้นทันที ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะปล่อยให้คริสลงโทษ..
“ผมไม่....”
“งั้นหรอ............อืม.......ถ้างั้นครูฝากเราด้วยแล้วกันนะคริส เฮ้อ ฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆ”
“แต่ครูครับ ผมขอ...”
“ไม่มีแต่ปาร์คชานยอล หมดเวลาที่เธอจะงอแงแล้ว ฝากด้วยนะคริส ไป คิมจงอิน มานี่!!!”อาจารย์หันไปเรียกไคที่ยังยืนนิ่งอยู่
“อ้าว ผมไม่โดนด้วยหรอครับจารย์ ผมก็ออกมา”
“นายมาช่วยฉันขนของก็พอ ส่วนเพื่อนนายให้คริสจัดการไป”
“อะ เอ่อ.....ครับๆ ยอล โชคดีนะเว้ย แล้วเจอกัน” ไควิ่งตามอาจารย์คิมไปด้วยท่าทางที่ไม่ได้สลดเลยสักนิด ก็จะให้เศร้าไปทำไม ในเมื่อการโดนทำโทษเป็นเรื่องเคยชินของพวกเขาสองคนไปแล้ว แต่สำหรับชานยอล อาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญเลยมากกว่า...
ชานยอลมองเพื่อนที่วิ่งออกไป ก่อนจะหันไปมองรอบๆ แล้วจึงหันกลับมาตวาดใส่คริสเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว
“จะลงโทษอะไร!!!”
“บทลงโทษแบบพิเศษเฉพาะนายไง”สิ้นเสียง ร่างสูงก็ฉุดอีกคนให้เดินตามตนมา
“จะพาฉันไปไหน!”
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำหรอกนะ ชานยอล”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็แฝงความเย็นชาอยู่ในนั้นจนชานยอลรู้สึกได้ ร่างโปร่งถูกร่างสูงลากตามมาเรื่อยๆระหว่างทางตากลมก็คอยมองสภาพแวดล้อมที่ผ่านมา คิ้วได้รูปขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ บทลงโทษของเขาไม่เคยข้องเกี่ยวอะไรกับห้องแล็ปวิทยาศาตร์ อาจจะมีบ้างที่โดนสั่งให้มาทำความสะอาดอุปกรณ์ทดลอง แต่มันก็อยู่แค่ในห้องเก็บอุปกรณ์เท่านั้น ไม่ใช่ห้องสำหรับทดลองแบบนี้
“พามาที่นี่ทำไม!”
“ลงโทษไงล่ะ”
“ลงโทษ? นายจะลงโทษยังไงล่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้...”
“คริส! ตอบฉะ......”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ห้องแล็ปชีวะฯ
“ขออนุญาตที่ขัดจังหวะนะครับอาจารย์ แต่ผมมีนักเรียนบำเพ็ญประโยชน์มาช่วยงานอาจารย์”คริสหันไปอธิบายกับอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ ในขณะที่ชานยอลชะงักไปแล้วกับภาพที่เห็น
“ชานยอลใช่มั้ย โดนทำโทษอีกแล้วล่ะสิ ยังไงก็ช่วยๆดูแลน้องๆแล้วกันนะ”อาจารย์หันมาตอบคนทั้งสองก่อนจะกลับไปสั่งนักเรียนในชั้นต่อ
“นักเรียน เตรียมเอาปลาหางนกยูงขึ้นสไลด์ได้”สิ้นคำสั่ง นักเรียนทุกคนก็จับปลาตัวจิ๋วขึ้นมาวางบนสไลด์ เหงือกของมันผลุบเข้าผลุบออก พร้อมกับดิ้นไปมาอย่างสัตว์ที่กำลังจะตาย...
ชานยอล ชานยอล ช่วยด้วย..
เสียงปลาตัวหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือจากชานยอล เด็กหนุ่มจับจ้องไปที่มันค้าง ก่อนจะกระพริบตาเรียกสติกลับคืนมา
“หยุดนะ!!!”ร่างโปร่งรีบจับปลาตัวนั้นกลับเข้าไปในโหล แต่....
ไม่ได้มีปลาตัวเดียวที่ถูกทดลอง...
ชานยอล ชานยอล ช่วยเราด้วย ช่วยด้วย
“หยุดทดลอง!!!”ร่างโปร่งประกาศก้อง ทุกคนในห้องหยุดชะงักทุกการกระทำ ก่อนที่อาจารย์จะได้สติก่อน
“ชานยอลเธอเป็นอะไร”
“เขาแค่สงสารปลาน่ะครับ เขาเป็นคนขี้สงสาร กลัวมันตาย”คริสตอบแทน
“อ้อ พวกมันไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ เราแค่ดูมันแปบเดียวเอง สบายใจได้นะชานยอล เราไม่ได้ทำให้มันตายหรอก”อาจารย์อธิบายก่อนสั่งให้นักเรียนทดลองต่อ ชานยอลตั้งท่าจะเข้าไปช่วยพวกปลาอีก แต่ก็ถูกคริสดึงกลับมาจนหลังกระแทกอกอีกฝ่ายเสียก่อน
“ปล่อย!”
“ถ้าตอบว่าไม่ล่ะ..”
“คริส!..”
“ว๊ายยยย ปลาดิ้นตกพื้นไปแล้ว พี่คะ พี่คะ ช่วยเก็บมันขึ้นมาหน่อย”
“อ้าว ชานยอล วานเก็บให้น้องที”อาจารย์ที่กำลังเดินตรวจโต๊ะแล็ปเอ่ยขึ้น
“พี่คะ เร็วค่ะ มันจะตายแล้วๆ” ชานยอลรีบก้มไปเก็บปลาตัวนั้นขึ้นมา ก่อนจะตั้งท่าปล่อยมันลงน้ำ แต่ก็ถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นฉวยมันไปวางบนสไลด์เสียก่อน ปลาตัวนั้นหายใจอีกสองสามครั้งก่อนจะค่อยๆ.........
ตายต่อหน้าต่อตาเขา
ชานยอลจ้องไปที่มันนิ่ง มือเรียวสั่นอย่างรุนแรง หยาดน้ำใสเอ่อคลอที่ขอบตา เสียงสุดท้ายของมันยังคงดังอยู่ในหัวของเขา มันร้องขอให้เขาช่วย แต่สุดท้ายมันก็ตายลงต่อหน้าต่อตา เด็กหนุ่มกำมือแน่นอย่างสกัดกั้นอารมณ์ ก่อนจะหันไปมองปลาตัวอื่นๆ...
ช่วยด้วย ช่วยด้วย ชานยอล ช่วยเราด้วย
ซู่!!!
ชานยอลบังคับกระแสน้ำในโหลปลาให้ตวัดเอาตัวปลากลับลงไปในโหลอย่างเก่า ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ขาเรียวพาเจ้าของตรงเข้าไปที่ห้องน้ำทันที เด็กหนุ่มเปิดก๊อกน้ำจนสุด ก่อนจะวักน้ำขึ้นล้างหน้าเร็วๆ น้ำทำให้เขารู้สึกดี และอาจจะช่วยให้เขาหายรู้สึกแย่จากเรื่องเมื่อครู่ได้บ้าง
กึก!
เสียงล็อกประตูดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองแขกผู้มาใหม่ผ่านกระจกอย่างสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนสายตามาเป็นโกรธแค้น
“มาทำไม!!!”
“กะจะให้คนทั้งโลกรู้เลยรึไงว่ามีพ่อเป็นใคร”
“นายพาฉันไปที่แล็ปนั่นทำไม!”
“ก็ลงโทษไง แล้วตามปกติก็ไม่มีบทลงโทษไหนที่ทำให้คนถูกลงโทษรู้สึกดีหรอกนะ”ฉับพลันนั้นชานยอลก็ผลักกระแสน้ำทั้งหมดซัดใส่คริสทันที มันมากเกินไปแล้ว พาเขาไปที่นั่นยังไม่พอ ยังมาพูดจาทุเรศๆแบบนี้อีก มันมากเกินกว่าคนอย่างเขาจะทนไหวแล้ว!!
คริสหลับตานิ่ง ก่อนจะปาดน้ำออกจากหน้าช้าๆ แล้วแย้มยิ้มออกมา
“ทำได้ดีนะ....”
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีก!!!”
“แต่...........ยังไม่ดีพอ”คริสพุ่งเข้าใส่ชานยอล ดันแผ่นหลังของร่างโปร่งจนติดขอบอ่างน้ำ พร้อมกับวาดแขนกักอีกฝ่ายไม่ให้หนีไปไหนได้ ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะชนกัน ก่อนที่ดวงตาสีดำขลับจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า ตรึงให้ชานยอลละสายตาไปไหนไม่ได้ ภาพที่ปลาตัวนั้นตายไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้งราวกับคริสกำลังเล่นให้เขาดูซ้ำอีกรอบ หากแต่ภาพจำลองครั้งนี้มันค่อยๆเล่นไปอย่างช้าๆ ความเจ็บปวด เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และความตายค่อยๆหมุนผ่านไปอย่างทรมาน ราวกับต้องการให้ร่างโปร่งติดอยู่ในห้วงแห่งความสูญเสียให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้...
ปลาตัวนั้นดิ้นพล่านๆบนพื้นช้าๆ เหงือกของมันขึ้นลง ปากอ้าออกปานจะขาดใจ ก่อนที่มือเรียวจะค่อยๆช้อนมันขึ้นมา ณ ชั่วขณะที่มันจะได้กลับคืนสู่แหล่งน้ำ มือเล็กของเด็กหญิงก็หยิบมันไปอย่างช้าๆ ชานยอลมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ เขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เด็กคนนั้นจะเอาปลาไปวางบนสไลด์แล้วมันก็จะตาย ขณะที่จิตใจของร่างโปร่งกำลังผ่านความทุกข์ทรมาน มือเล็กก็ค่อยๆเข้าใกล้จานสไลด์ทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด ก่อนจะ....
“ไม่!!!” เด็กหนุ่มแผดเสียงดัง ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น ดีที่มือหนารั้งตัวไว้เสียก่อน
“หึ”
“ทำอย่างนี้ทำไม!”ถึงจะเหนื่อยอ่อนแค่ไหน แต่เขาก็ยังมีแรงพอจะก่นด่าผู้ชายตรงหน้า คริสยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหู
“ไม่มีการลงโทษไหนที่ไม่เจ็บปวดหรอกนะ ชานยอล”ลิ้นร้อนตวัดติ่งหูร่างโปร่งเบาๆก่อนจะผละออกไป แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ชานยอลจมดิ่งอยู่กับภาพอันแสนน่ากลัวนั้นอยู่คนเดียว เด็กหนุ่มค่อยๆทรุดลงกับพื้นก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้า ความรู้สึกตอนนี้ใกล้เคียงกับเวลาที่เรามองเห็นเพื่อนใกล้จะตาย แต่เรากลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย...
มือเรียวที่สั่นระริกกำแน่น ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างสกัดกั้นอารมณ์ ภาพสีหน้าของคริสที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตัวเองทำเด่นชัดเข้ามาในหัว ก่อนจะถูกตอกย้ำความเกลียดชังด้วยสัมผัสเปียกชื้นจากติ่งหู ชานยอลถูมือกับติ่งหูตัวเองแรงๆ เพื่อลบสัมผัสของอีกคน แต่ยิ่งลบเท่าไร ความทรมานที่มีก็ดูจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวหยุดถูก่อนจะซัดสายน้ำเข้ากับกำแพงอย่างแรงเพื่อระบายความโมโหที่มี สายน้ำที่อยู่ในก๊อกค่อยๆตอบสนองต่อความโกรธของเขา หัวก๊อกเริ่มหมุนเอง น้ำเริ่มรั่วออกมา ก่อนที่มันจะ.....
ตู๊ม!
ก๊อกระเบิดออก น้ำสาดกระจายไปทั่วห้อง
“เฮ้ย ไอ้ยอล!!!” ไคที่วิ่งเข้ามาในห้องน้ำตะโกนเรียก ไม่คิดว่าการมาห้องน้ำครั้งนี้จะทำให้มาเจอกับเรื่องประหลาดแบบนี้ได้ ก๊อกระเบิดน้ำสาดกระจายไปทั่วห้อง แต่ที่ดูจะน่าตกใจมากที่สุดก็คือ เพื่อนของเขาที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น
“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยทำไมเปียกอย่างนี้”ไครีบพยุงเพื่อนออกจากห้องน้ำไป
“เฮ้ย ไอ้ยอล ถามก็ตอบหน่อยดิวะ อย่าสติหลุดแบบนี้ ฉันใจคอไม่ดีนะ”
“คริส..............อยู่ไหน”
“อยู่ไหน ก็ ปีสามห้องAไง” พูดยังไม่ทันจบ ชานยอลก็พุ่งตัวออกไปทันที ดีที่ไครั้งไว้เสียก่อนไม่งั้นปีสามห้องAนั่นคงได้พินาศแน่ถ้าตัวแสบของโรงเรียนในสภาพที่โมโหสุดขีดไปหา
“จะหาเรื่องเขานี่ไม่ว่านะ แต่หลังจากที่เปลี่ยนชุด และเรียนกับอาจารย์ลีก่อนเหอะว่ะ ถ้านายขาด ฉันว่าคราวนี้โดนไล่ออกแน่.......................แล้วคราวนี้ก็จะอดจัดการกับไอ้รุ่นพี่คริสนั่นนะ”ไครีบขยายความต่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังไม่ยอมลดโทสะ
“นรก.....ไอ้เด็กนรก!!!”ชานยอลประกาศก้องก่อนจะถูกไคพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลากไปเรียนกับอาจารย์สุดเฮี้ยวที่หมายหัวพวกเขาไว้อยู่ ตลอดเวลาที่เรียนไปชานยอลไม่มีสมาธิเลย เด็กหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องคริส และทันทีที่โรงเรียนเลิก เขาก็พุ่งตัวไปที่ห้อง3-Aทันที
“คริสอยู่ไหน!!!”
“โอ้ น้องชานยอล สุดเฮี้ยว คริสกลับไปตั้งแต่คาบห้าแล้วครับ” พูดยังไม่ทันจบชานยอลก็เดินออกไปแล้ว มือเรียวกำแน่นอย่างหงุดหงิด เขายังรู้จักคริสไม่มากพอจะรู้ว่าคริสอยู่ที่ไหน แล้วตอนนี้ร่างสูงก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยของความตายไว้ให้เขาตามตัวเจอด้วย ชานยอลสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะตัดสินใจกลับห้องของตัวเองเมื่อไม่มีที่ไป
สองขาเรียวก้าวเร็วๆเข้ามายังตึกหอพัก ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสามแล้วเดินไปที่ห้องของตัวเอง คีย์การ์ดถูกหยิบออกมาก่อนจะถูกเสียบเพื่อปลดล็อกห้อง ร่างโปร่งเดินเข้าข้างใน ก่อนจะต้องชะงักเมื่อสายตาสบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงเขา
“เข้ามาได้ยังไง!!!”
“ทำไมจะเข้ามาไม่ได้..........................ในเมื่อฉันเป็นรูมเมทของนาย”