0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำ ตอนที่15

4 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำ ตอนที่15 Empty ทะเลดำ ตอนที่15 Sun Jul 14, 2013 1:22 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

ชานยอลเดินออกมาจากห้องของคริสได้สักพักนึงแล้ว หากแต่ขาเรียวไม่ได้เดินกลับเข้าห้องของตน แต่กลับมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องป้าของเขา  ก่อนที่มือเรียวจะเปิดเข้าไปในห้องนั้น แล้วทรุดตัวนอนกอดร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนหลับอยู่จากด้านหลัง


“ชานยอลหรอลูก”เสียงเธอถามขึ้นในความมืด


“ครับ คืนนี้ผมขอนอนกับคุณป้านะครับ”ชานยอลกระชับอ้อมกอดที่กอดเธอเอาไว้แน่นราวกับเด็กที่กำลังหาที่พักพิงในยามที่ถูกฝันร้ายหลอกหลอน


“เป็นอะไรมาหื้ม คนเก่ง”เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ยิ่งทำให้ชานยอลอ่อนแอมากขึ้นไปอีก หยาดน้ำตาแห่งความอับอายและเหนื่อยล้าคลอหน่วงอยู่ที่ขอบตา ก่อนร่างโปร่งจะปรับน้ำเสียงเป็นปกติแล้วเอ่ยตอบไป


“แค่ฝันร้ายน่ะครับ” ชานยอลตอบไปตามจริง เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับเขา มันเป็นฝันร้ายที่ยากจะหลีกหนี...เป็นฝันร้ายในความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ



      ชานยอลกอดป้าของเขาแน่นขึ้น ใบหน้านวลซบลงกับแผ่นหลังบอบบางของเธอ แววตาหมองหม่นด้วยความเศร้าและเหนื่อยล้าทางจิตใจจนหัวใจดวงน้อยเต้นอย่างเชื่องช้าและปวดร้าว ราวกับรอเวลาที่จะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้งดั่งฝันร้ายที่หลอกหลอนซ้ำไปซ้ำมาจนประสาทเสีย  และต่อให้คริสจะหยุดยั้ง และรับคำขอของเขาแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเลิกละอายแก่ใจต่อการกระทำของตัวเองได้ เขาจดจำได้ทุกการกระทำ ทุกสุ่มเสียง ทุกอย่างเด่นชัดในหัวสมองและติดตรึงตอกย้ำลงไปในหัวใจให้เจ็บปวด



      ตัวเขามันสกปรก โสมม ..... และแปดเปื้อนด้วยตัณหา



      หากป้าของเขารู้ว่าเด็กน้อยที่เคยใสซื่อและบริสุทธิ์ของเธอ กลับกลายเป็นเด็กไม่เอาไหนที่ยอมแลกแม้กระทั่งร่างกายตัวเองเธอยังจะรักเขามั้ย ยังจะมองว่าเขาเป็นเด็กผู้น่ารักของเธออยู่รึเปล่า และหากเรื่องนี้รู้ถึงพ่อเขา ท่านยังจะนับเขาเป็นลูกอยู่มั้ย ยังจะนับลูกที่ยอมให้คนอื่นย่ำยีเกียรติยศและศักดิ์ศรีของบุตรแห่งเทพเจ้าคนนี้อยู่รึเปล่า...



      แค่คิด หยาดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาเป็นสาย แทบบุบสลายเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เมื่อก่อนเขาแข็งข้อและต่อสู้เพื่อปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเองแม้ว่าจะถูกทำร้ายอย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้ล่ะ....เขาจะยืนหยัดเพื่ออะไร....




ในเมื่อตัวเองได้ทำลายมันไปหมดแล้ว...



     ชานยอลกระชับอ้อมกอดที่โอบกอดหญิงวัยกลางคนแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินจะสู้ไหว ร่างโปร่งนอนขดคู้ตัวร่ำไห้ออกมาเงียบๆโดยไร้เสียงสะอื้น เพราะกลัวว่าคนที่กอดอยู่จะรู้ตัว เขาไม่อยากทำให้ป้าของเขาต้องงเป็นห่วง ไม่อยากงอแงเรียกร้องความสนใจ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยง เขาเพียงแค่อยากจะขอเศษเสี้ยวของความอบอุ่นของเธอมาชโลมหัวใจตัวเองให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้งก็เท่านั้น....แค่เศษเสี้ยวที่จะทำให้เขาลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง แค่เศษเสี้ยวให้คนไร้เกียรติคนนี้ได้เดินต่อไป...



         ชานยอลซบหน้าผากกับแผ่นหลังของคนในอ้อมกอด พร้อมกับร่ำไห้ออกมาอย่างอัดอั้น เขาทนไม่ไหวแล้ว เหนื่อยแล้วที่ต้องเข้มแข็ง ล้าแล้วที่ต้องฝืน
ตัวเอง ทั้งๆที่แท้จริงแล้วเขาอ่อนแอและอ่อนไหว แต่ก็ต้องยอมเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ แบกรับทุกสิ่งเสียจนบ่านี้เหนื่อยล้า และปิดบังความจริงไว้จากสายตาคนอื่น...



  แต่เขาคงไม่รู้ว่าตอนนี้ไม่ได้มีเแค่เขาคนเดียวแล้วที่รับรู้ความอ่อนแอของตัวเอง..



      คริสไม่รู้ว่าอะไรสั่งให้เขาทำการกระทำที่งี่เง่าผิดวิสัยของเขาอย่างนี้ และไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำ แต่หลังจากที่ชานยอลเดินออกจากห้องไป เขาก็รู้สึกอยากรู้แปลกๆว่าร่างโปร่งจะเป็นเช่นไร จนรู้ตัวอีกที...


เขาก็กำลังลอบมองชานยอลอยู่ตอนนี้



     นัยน์ตาคมของผู้ลอบมองที่ยืนอยู่ที่ประตูลอบมองภาพชานยอลที่นอนคู้ตัวร้องไห้อย่างน่าสงสารด้วยความรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าที่กำลังรู้สึกอยู่นี่มันคืออะไร รำคาญ เกลียด หรือกำลังห่วงเขาอยู่กันแน่ แต่ที่รู้แน่ๆคือเขาไม่ชอบเวลาที่เด็กคนนั้นร้องไห้



      ชานยอลที่รู้จักคือเด็กผู้ชายใจกล้าที่กล้าต่อกร กล้าที่จะต่อปากต่อคำและเอาเรื่องกับปีศาจอย่างเขา   แต่ที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เด็กคนนั้นกำลังอ่อนแอ กำลังจะบุบสลาย และร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่คนเดียว โดยไร้อ้อมกอดที่คอยปลอบโยน…



       คริสเหลือบมองร่างโปร่งบางที่สั่นระริกจากการร้องไห้ ก่อนจะค่อยๆปิดประตูที่แง้มไว้อย่างเบามือ และหยุดชะงักที่หน้าห้องสักครู่หนึ่งแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ร่างสูงทรุดนั่งลงที่ปลายเตียง ตาคมเหลือบมองไปที่เตียงนอนที่ยับยู่ยี่ พลันนึกถึงร่างโปร่งที่คู้ตัวร้องไห้อยู่อีกห้อง ก่อนจะนึกประหลาดใจกับตัวเองในสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึก เขากำลังสงสารเด็กคนนั้น และเริ่มลังเลในการกระทำของตัวเอง



    ในหัวสมองเริ่มเกิดคำถามว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่มันดีจริงๆหรือ มันถูกต้องแล้วหรือ ที่เขาลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องมือ และทำลายคนๆนั้นเสียจนแทบไม่เหลือสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิต ความรู้สึกที่อ้างว้างและเคว้งคว้างแบบนั้นเขาเข้าใจดีว่ามันร้ายกาจมากแค่ไหน เพราะครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยเจอจากการหมดศรัทธาในตัวฮาเดส เขาหมดที่พักพิง และไร้ที่ยึดเหนี่ยว สิ่งเดียวที่ทำให้เขายืนหยัดได้คือความแค้นที่ต้องชำระ    แต่ชานยอลล่ะ เด็กคนนั้นยึดถือเกียรติยศและศักดิ์ศรีในการค้ำจุนชีวิต และหากมันหมดสิ้นซึ่งทุกอย่างแล้ว......เด็กคนนั้นจะเป็นเช่นไร


        เขาไม่ใช่คนขี้สงสาร ไม่ใช่คนที่ชอบใส่ใจคนอื่น และยิ่งไม่ใช่คนที่จะหยุดเป้าหมายตัวเองเพื่อใครเด็ดขาด แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกอยากเปลี่ยนวิธีการล้างแค้นของเขา...


อาจไม่จำเป็นต้องทำร้ายคนอื่น


อาจไม่จำเป็นต้องทำลายคนนอก


อาจมีวิธีที่ดีกับเขา....และชานยอลอยู่





---------------------------------------------
     




  แสงเรืองรองจากราชรถพระอาทิตย์ของสุริยเทพอะพอลโลสาดส่องไปทั่วห้องนอนของหญิงวัยกลางคน ร่างร่างหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เปลือกตาบางแดงกล่ำและช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก บดบังให้ความงามและสดใสของเขาลดลงไป  มือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่น ราวกับกำลังหวาดกลัวและหวาดหวั่นว่าจะมีคนมาทำร้าย คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างคนกำลังกังวล ร่างกายขุดคู้นอนขดก่อนจะกอดเข่าตัวเองจนกลายเป็นก้อนกลม



“ชานยอล”เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการเคาะประตูสองสามที จากนั้นร่างของหญิงวัยกลางคนก็ค่อยๆเปิดเข้ามา  


“ชานยอล ตื่นได้แล้วลูก”มือบางของเธอเขย่าตัวร่างโปร่งที่หลับใหลอยู่เบาๆ เปลือกตาบางค่อยๆปรือขึ้นช้าๆ


“คุณป้า..”


“ตื่นได้แล้วลูก ได้เวลากินข้าวเช้าแล้วนะ รีบลงไปกินเร็ว”ชานยอลพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะค่อยๆลุกไปจัดการตัวเองที่ห้องน้ำ แล้วเดินออกมาหาเธอที่รออยู่ที่หน้าประตู


“เชื่องช้าเชียว เร็วสิลูก คริสรออยู่นะ”ทันทีที่ชื่อนั้นดังเข้าโสตประสาท ใบหน้านวลก็หม่นลง ความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมเลือนย้อนกลับมากรีดแทงเขาซ้ำๆหากแต่ไม่ปล่อยให้ตาย แต่ทิ้งไว้ให้ทรมานเจียนตายอยู่อย่างนั้น...



          ขาเรียวเดินตามร่างของหญิงวัยกลางคนลงบันใด มือเรียวคอยจับราวบันใดไว้ยึดเกาะ ก้าวแต่ละก้าวที่ย่างไปเชื่องช้าราวกับต้องการประวิงเวลาในการเจอคนคนนั้น เขายังไม่พร้อมที่จะเจอร่างสูงตอนนี้ และยังไม่พร้อมจะเจอการกระทำเลวร้ายเหล่านั้นหลังจากที่ตัวเองยอมโดนย่ำยีไป...



“อ่าว คุณป้ามาแล้วหรอครับ”เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับร่างของคริสที่หยุดอยู่ที่ตีนบันใด ดวงตากลมโตที่หม่นหมองเหลือบตาดูด้วยแววตาราบเรียบราวกับสติของเขาไม่ได้มีไว้ใส่ใจผู้ชายคนนี้


“จ๊ะ รอนานมั้ย”

“ไม่ครับ คุณป้านั่งก่อนครับ”เขาพูดก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ ชานยอลมองตามทุกการกระทำของร่างสูงด้วยดวงตาราบเรียบไร้แววร่าเริงเหมือนเดิม ก่อนจะชะงักเมื่อร่างสูงเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เขาเช่นกัน ตากลมสบกับดวงตาคมแวบหนึ่งก่อนจะทรุดตัวนั่ง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคริสอยากทำมันจริงๆหรือเพราะแค่เล่นละครไปตามที่เขาขอกันแน่...


     ร่างโปร่งเบนความสนใจไปมองโต๊ะอาหารเบื้องหน้าที่ผิดแผกไปจากทุกครั้ง ก่อนที่คิ้วได้รูปจะขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ ป้าของเขาไม่จัดจานแบบนี้ นี่มันจัดตามแบบในพระราชวังของฮาเดส...



“คุณป้าเปลี่ยนแบบการจัดโต๊ะหรอครับ”ชานยอลเอ่ยถามป้าของเขา


“เปล่าจ๊ะ คริสเป็นคนจัดเองทั้งหมด”ดวงตากลมเผลอสบเข้ากับดวงตาคมที่จ้องมองเขาอยู่ ก่อนที่จะรีบหลบตากลับไปจ้องที่จานอาหารเหมือนเดิม คำตอบของป้าของเขาดังก้องซ้ำๆอยู่ในหัวและดังไปถึงหัวใจของชานยอลให้อุ่นวาบขึ้นมา อย่างน้อยความพยายามของเขาก็ไม่ไร้ประโยชน์....


“คริสเขาจัดเองทั้งหมดเลยนะ ป้าบอกจะช่วยก็ไม่ยอม จะรอให้เรามาช่วยก็บอกว่าไม่เอาอีก”ชานยอลพยักหน้ารับช้าๆ แม้จะดีใจที่คริสทำดีกับป้าของเขา แต่ลึกๆก็อดน้อยใจกับคำพูดที่ฟังดูเหมือนแม่กำลังชื่นชมลูกตัวเองให้คนอื่นฟังไม่ได้ เหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอก เหมือนไม่ใช่ลูกที่เธอจะชื่นชม


“แค่นี้เล็กน้อยน่ะครับคุณป้า นี่ครับคุณป้า อันนี้ดีต่อสุขภาพ”ร่างสูงพูดพร้อมกับตักผักให้ป้าของเขา  เธอฉีกยิ้มละมุนก่อนจะตักอาหารให้ทั้งคริสและชานยอล


“เราสองคนเป็นเด็กกำลังโต กินเยอะๆนะจ๊ะ” คริสและชานยอลพยักหน้าพร้อมกัน ก่อนที่ทุกคนจะทานข้าวของตัวเองต่อ



      ตลอดเวลาที่ทานข้าวชานยอลก็คอยลอบมองคริสที่ทำดีกับป้าของเขาเป็นระยะๆ เขาไม่แน่ใจนักหรอกว่าที่ทำมาทั้งหมดมันมาจากใจ หรือเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ แต่สำหรับเขาแค่เห็นป้าของเขาได้สิ่งที่ต้องการและยิ้มได้อย่างจริงใจเท่านั้นเขาก็พอใจแล้ว



     ดวงตากลมเหลือบมองดูรอยยิ้มของเธอที่ยิ้มเพราะคริส ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาบางๆแม้จะไม่สามารถลบภาพเมื่อคืนไปได้ แต่อย่างน้อยความต้องการของเขาก็เป็นจริง  มือเรียวเอื้อมไปตักอาหารอย่างเหม่อลอย แต่ก็ถูกคริสปัดอาหารนั้นตกไปเสียก่อน



“ตักอะไรดูบ้างสิ นายแพ้มันไม่ใช่รึไง”ชานยอลมองร่างสูงด้วยแววตาไร้สติหากแต่ก็เจือไปด้วยความประหลาดใจ......จำได้ด้วยหรอว่าเขาแพ้อะไร...


“ชานยอล! เผลออีกแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเข้าโรงบาลแบบครั้งนั้นอีกหรอก”


“ผมขอโทษ”ชานยอลตอบเสียงเบาก่อนจะหันไปตักกับข้าวอื่นที่ตัวเองกินได้ โดยมีสายตาของคริสคอบจับจ้องอยู่ หญิงวัยกลางคนที่รอบมองอยู่ระบายยิ้มละมุน ก่อนจะพูดขึ้น


“แบบนี้เราดูเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยนะที่ทุกคนคอยห่วงใย คอยดูแลกัน”ชานยอลมองคริส ดูท่าทีว่าร่างสูงจะตอบว่าอย่างไร อีกฝ่ายนิ่งเงียบจนเด็กหนุ่มใจหาย รู้แน่ว่ายังไงคริสก็คงไม่ยอมถึงขั้นนั้นหรอก เพราะสำหรับคริสครอบครัวของตัวเองคงจะสำคัญที่สุด...


“คริสคงจะไม่อยากเป็น....”เธอพูดเสียงอ่อนและเจือแววผิดหวังเมื่อเห็นร่างสูงเงียบไป


“ไม่หรอกครับ”คริสเว้นช่วงก่อนจะเอ่ยต่อ


“ที่นี่คือครอบครัวของผม”ทั้งโต๊ะอาหารชะงักงันกับคำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากปากของร่างสูง ดวงตากลมโตมองร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เช่นเดียวกับดวงตาหวานของหญิงวัยกลางคนที่มองมาที่เขา เพราะทั้งสองรู้ดีที่สุดว่าครอบครัว คือสิ่งเดียวที่คริสปกป้องและหวงแหน รักมากเสียจนสงวนพื้นที่ตรงนั้นไว้ให้มีแค่แม่ของตนเพียงคนเดียว และไม่อนุญาตให้ใครกร่ำกลายเข้าไปเด็ดขาด...


“พูดจริงหรอคริส”เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความดีใจราวกับคำพูดของร่างสูงคือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ



   ร่างสูงเหลือบตามองดูเธอ ก่อนจะฉีกยิ้มให้ การแสดงสีหน้าท่าทางของเขายากจนชานยอลไม่รู้ว่ามันจริงใจหรือแค่แกล้งทำเท่านั้น



“ครับ ที่นี่คือครอบครัวที่ผมตามหา”


“ขอบคุณนะคริส ขอบคุณที่ให้เราเป็นครอบครัวของคริส”มือบางกุมมือแกร่งของร่างสูงเอาไว้ คริสเผลอกระตุกมือก่อนจะกลับมาสงบนิ่งและยกมือขึ้นกุมมือบางของเธอเอาไว้


“ผมมากกว่าที่ต้องขอบคุณที่คุณป้าให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้” คนฟังยิ้มกว้าง หยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันคลอหน่วงที่ขอบตา เธอรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง เมื่อกลัวว่าตัวเองจะแสดงอาการผิดปกติไปมากกว่านี้


“ทานข้าวอิ่มแล้ว เดี๋ยวป้าไปล้างจานให้นะจ๊ะ” เธอพูดก่อนจะเก็บจานไปล้าง แล้วปลีกตัวออกไป กลัวว่าหากอยู่นานกว่านี้ เธอจะเผลอบอกคริสว่าเธอคือแม่แท้ๆของเขา


        ชานยอลมองตามแผ่นหลังบางที่หายลับเข้าไปในครัว ก่อนที่จะก้มมองมือที่กุมกันเอาไว้ของตัวเอง เขาควรจะดีใจที่เห็นผู้หญิงที่รักมากที่สุดสมหวังและมีความสุข แต่เปล่าเลย แม้เขาจะสั่งให้ตัวเองรู้สึกดีเท่าไร แต่ลึกๆแล้วเขารู้สึกเสียใจ คำตอบรับของคริส เปรียบเสมือนเครื่องผลักดันที่ไสเสือกให้เขาไกลห่างออกไปจากป้าของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากตอบกันตามจริงแล้ว ครอบครัวย่อมแน่นแฟ้นและผูกพันเมื่อคนในครอบครัวเกี่ยวดองกันทางสายเลือดเท่านั้น ส่วนคนนอกก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง...


“เมื่อกี้นายพูดจริงหรอ // เมื่อคืนนอนกี่โมง”สองเสียงประสานพร้อมกัน ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่ชั่ววินาทีนั้น ทั้งสองเหมือนถูกตรึงวิญญาณจากอีกฝ่าย เมื่อเขาไม่อาจละสายตาไปได้ คนหนึ่งตราตรึงเพราะแววตาที่เหมือนเว้าวอนคู่นั้นมองมา อีกคนติดตรึงเพราะแววตาที่เหมือนห่วงใยคู่นั้นจ้องมอง...


“...........นาย  นายพูดก่อน”ชานยอลเอ่ยทำลายความเงียบ ก่อนจะหลุบตาลง ร่างสูงนิ่งเงียบไปก่อนจะตอบ


“ไม่มีอะไร” คริสเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ


“เมื่อกี้นายถามอะไร”


“ที่นายพูดกับคุณป้า...........จริงหรอ”ตาคมเหลือบมองน้ำที่อยู่ในแก้ว ก่อนจะไล้นิ้ววนรอบปาก น้ำใสสะอาดค่อยๆขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีดำสนิท


“แค่ทำตามสัญญาของเรา”ดวงตากลมวูบไหว นึกละอายใจที่แวบหนึ่งเขาดีใจที่ร่างสูงไม่ได้พูดจริง มันเหมือนกับเขากำลังทรยศและหักหลังผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดอยู่


“ถึงจะโกหก แต่ก็ขอบคุณที่ทำตามสัญญา”


“แค่ข้อแลกเปลี่ยนมันดีเท่านั้นเอง”คริสเผลอหลุดปากไปตามนิสัย ใบหน้านวลหมองลงเมื่อร่างสูงตอกย้ำถึงความจริงที่เขาใช้ร่างกายแลกคำสัญญานั่นมา มือเรียวที่สั่นระริกกำกันแน่น ดวงตากลมที่มัวหม่นเอาแต่หลุบต่ำมองมือของตัวเอง หยาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอเอ่อล้นอยู่ริมขอบตาเตรียมที่จะร่วงเผาะลงมาได้ทุกเมื่อ



             คริสมองภาพตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด ท่าทางของชานยอลทำให้เขารู้สึกไม่ดี และไม่อยากจะเห็นมัน เพราะมัน....


บีบหัวใจเขาแปลกๆ



“เมื่อไรจะเลิกทำหน้าเศร้าสักที”  คริสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ



           ชานยอลเหลือบมองร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะนิ่งเงียบเหมือนเดิม ดวงตากลมมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างที่เมฆสีเทาพายุหลงฤดูกำลังแผ่คลุมไปทั่วบริเวณ เสียงฟ้าร้องดังมาเป็นระลอกๆ เป็นสัญญาณเตือนที่พายุที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ท้องทะเลสีครามส่วนที่นอกเหนือจากการเป็นน้ำแข็งปั่นป่วนและอลหม่านราวกับตรีศูลของโพไซดอนกำลังฟาดฟันไปที่น่านน้ำบริเวณนี้ กลิ่นไอทะเลเหมือนมีโลหะหนักและโอโซนบริสุทธิ์เจือปน สายลมแรงพัดกรรโชกผลักต้นไม้น้อยใหญ่ล้มระเนระนาดไปตามทาง ก่อนที่อากาศรอบๆจะเย็นเยียบลงอย่างฉับพลันจนผิดธรรมชาติ เสียงอากาศเสียดซีกันดังเปรี๊ยะๆ ก่อนที่กลิ่นโลหะและโอโซนจะเข้มขนขึ้นเรื่อยๆ และชั่วอึดใจต่อมา สายฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงกลางฟากฟ้า แสงสว่างวาบจนท้องฟ้ากลายเป็นสีขาวแสบตา



กรุ่ง กริ๊ง


ร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่กรอบประตู โดยมีพายุสายฟ้าเป็นฉากหลัง


“พี่...”ชานยอลเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปโผกอดผู้มาใหม่เต็มแรง ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำให้คริสรู้คำตอบของคำถามที่ตัวเองถามไปเมื่อกี้ได้ทันที


เมื่อไรจะเลิกทำหน้าเศร้าสักที


เมื่อเจอกับผู้ชายคนนี้สินะ



“ว่าไง  ยอลลี่”  รอยยิ้มละมุนถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอีกฝ่าย ก่อนที่ดวงตาเฉี่ยวคู่นั่นจะจับจ้องมาที่คริส ชั่ววินาทีนั้นดวงตาสีดำก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาพายุทันที ดวงตาคมจับจ้องอย่างไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า...



ของของเขา ไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด


แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็น....





บุตรแห่งซุส ราชาแห่งเทพก็ตาม!!!

http://0ctogus.forumth.com

Oomim



พี่คริสห่วงชานยอลลลลลลล อ้าวชงงงงงง!!!

armiyeol



ห่วงและหวงชานยอลใช่ไหมพี่คริสสสสส

RainbowKY



หวงมากกกกก รักน้องเขามากไหมลูก หื้มมมมมมม

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ