0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

My Alyssa Part4

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1My Alyssa Part4 Empty My Alyssa Part4 Fri Jan 31, 2014 11:29 am

0ctogus

0ctogus
Admin

“พี่มาทำอะไร”ร่างโปร่งถามออกไปด้วยใจที่หวังลึกๆว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคิด ก่อนจะถูกอีกฝ่ายผลักติดประตู สองแขนแกร่งยกขึ้นกักขังไม่ให้หนี ริมฝีปากหยักคลอเคลียอยู่ที่กลีบปากอีกฝ่าย


“คิดว่าฉันจะมาทำอะไรล่ะ”คริสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยั่วยุ ก่อนจะประกบปากจูบกับอีกฝ่าย ทำสิ่งที่ชานยอลกลัวให้กลายเป็นจริง คริสมาหาเขาเพราะต้องการแค่สัมผัสทางกาย มาหาเขาเพราะเห็นเขาเป็นพวกอย่างนั้น มาหาเขาเพราะเขาคือที่ระบาย…



   ร่างโปร่งยืนนิ่งไม่ตอบสนอง แต่ก็ไม่ขัดขืนอะไร เขาปล่อยให้ร่างสูงได้ทำอย่างที่ต้องการ มือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อ ก่อนจะลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างแล้วกระชากให้เข้ามาใกล้ พร้อมกับที่กลีบปากดูดเม้มไปตามซอกคอขาว โดยไร้เสียงครวญครางจากชานยอล แต่ถึงกระนั้นคริสก็ยังไม่หยุด ร่างสูงผลักอีกฝ่ายลงบนโซฟา เลิกเสื้อคนใต้ร่างขึ้น ก่อนจะเลียยอดอกเร็วๆ หากแต่อีกคนก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น



   ความหงุดหงิดเริ่มจู่โจมเข้าใส่จิตใจของคริส ร่างสูงจับขาเรียวแยกออกก่อนจะลูบไล้ส่วนอ่อนไหวนั้น เร่งเร้าให้ชานยอลร้องครางออกมา  แต่ร่างโปร่งกลับยังอยู่เฉย ไม่ขัดขืนอะไร แต่ก็ไม่ยอมตอบสนอง จนคริสหมดความอดทน


“เป็นบ้าอะไร!!!”คนถูกตวาดไม่ยอมตอบอะไร เอาแต่นิ่งเฉย ยิ่งยุให้อีกคนโมโหมากขึ้นไปอีก


“จะกวนประสาทฉันหรอ ชานยอล”ใบหน้านวลส่ายไปมาช้าๆเป็นเชิงตอบ ก่อนจะถูกคริสดึงให้เข้ามาหา


“ถ้างั้นแล้วเป็นบ้าอะไร”ชานยอลกลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง ส่งผลให้ความอดทนของคริสขาดผึง


“ได้! จะกวนฉันใช่มั้ย! ได้!”ร่างสูงตวาดใส่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครบางคน ในขณะที่ดวงตาคมก็จับจ้องมาที่อีกฝ่ายอย่างเดือดดาล


“มารีล มาหาผมที่ห้องXXXหน่อย ผมอยู่ที่คอนโดคุณอยู่ เดี๋ยวนี้เลย”หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ คริสกำลังเรียกคนอื่นมา
กำลังพาคนอื่นมาทำอย่างนั้นที่ห้องของเขา….โหดร้าย….โหดร้ายเกินไปแล้ว



  ร่างโปร่งยันตัวขึ้น เตรียมจะเดินออกไปจากห้องของตัวเอง เขาทนไม่ไหวจริงๆหากต้องมาทนเห็นภาพแบบนั้น



“จะไปไหน!”คริสตวาดใส่หน้า ก่อนจะกระชากให้เขากลับเข้ามาในห้อง


“ปล่อยผม”ร่างโปร่งร้องตอบ พร้อมกับที่เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ดวงตากลมโตสั่นระริก ในขณะที่รอยยิ้มร้ายกระตุกที่มุมปากของคริส  พร้อมกับที่ร่างสูงกระชากให้ประตูเปิดออก


“ คริส…อะ อ้าว นี่ใครคะ”หญิงสาวผู้มาใหม่อุทานเมื่อเห็นชานยอลอยู่ที่นี่ด้วย


“ผู้ชม ไปที่ห้องนอนกันเถอะ”ร่างสูงออกคำสั่ง ในขณะที่หญิงสาวแม้จะงงแต่ก็ยอมทำตาม ชานยอลพยายามหนีออกไปจากห้อง
แต่ก็ถูกอีกฝ่ายลากกลับมา ก่อนจะถูกมัดไว้กับเก้าอี้


“ดูซะ! ดูให้เต็มตา!”คริสตวาดใส่หน้า ก่อนจะตามขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาว ริมฝีปากบิดเบียดเข้ากับกลีบปากอีกฝ่าย มือหนาเคล้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มอย่างมันมือ พร้อมกับส่วนอ่อนไหวที่บดเบียดกับของอีกฝ่าย หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจแหลกสลายไปกองอยู่บนพื้น เรี่ยวแรงที่มีมลายหายไปสิ้น ภาพตรงหน้ากรีดแทงบาดลึกลงไปในหัวใจ เหมือนมือที่มองไม่เห็นกำลังปิดจมูก ทรมานเขาให้ตายทั้งเป็น แววตาเย้ยหยันและสะใจมองมาที่เขาอย่างไม่ใยดี ความใจร้ายของอีกฝ่ายทารุณหัวใจเขาจนแหลกลาน


“พะ พอ …พอที”ร่างโปร่งขอร้องเสียงเบา แต่คริสกลับตอบแทนเขาด้วยการเลียยอดอกของอีกฝ่าย และลูบไล้ส่วนนั้นของเธอแทน


“อ๊ะ คริส…เบาๆ….…สิคะ”มือเรียวสั่นระริก อยากยกขึ้นปิดหูแทบตายแต่ก็ไม่มีแรงพอจะทำ ได้แต่ร้องไห้ ให้น้ำตามันบดบังภาพเบื้องหน้าที่กำลังทรมานหัวใจ


“ฮึก….หยุด..หยุด”


“อ้า อื้อออ คริส  คริส”เสียงหญิงสาวครางกระเส่าเมื่อนิ้วแกร่งกำลังสอดเข้าไปในช่องทาง พร้อมกับเรียวลิ้นที่เลียยอดอกอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีจากภาพที่เห็น  พร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขารับไม่ไหว ให้เขาดู เขารับไม่ไหว มันโหดร้ายเกินจะทน


“อ่า….ข้างในนี่ดีจริงๆ”เสียงแหบพร่าถูกกระซิบของหูอีกฝ่าย คำพูดอ่อนหวานถูกส่งให้อีกคน ต่างจากเขาที่แทบไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้ ร่างสูงก้มลงบรรจงจูบอ่อนหวานให้ร่างข้างใต้ ก่อนจะขยับนิ้วเข้าออกภายในช่องทาง


“อ้า อ้ะ คริส…..คริสสส”หญิงสาวครวญคราง ก่อนจะจับมือคริสให้เคล้นคลึงหน้าอกของเธอมากยิ่งขึ้น


“ฮึก…หยุด…หยุดที …..ได้..โปรด”ชานยอลสะอึกสะอื้นพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย แต่ก็เปล่า คริสไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงมองอย่างสะใจก่อนจะยกยิ้มชั่วร้าย


“ผมขอนะ มารีล ผมขอนะ”ความเป็นชายถูกสอดเข้าไปในตัวหญิงสาวรวดเดียวจนหมด ก่อนจะขยับเข้าออกเร็วๆ ฉับพลันนั้นหัวใจของชานยอลก็แตกสลาย หยาดน้ำตาพรั่งพรูมาเป็นสาย ร่างโปร่งกัดปากตัวเองแน่นจนเลือดไหล เขาอยากตาย ถ้าจะทำอย่างนี้ฆ่าเขาให้ตายยังดีซะกว่า! พี่คริสของเขา คนที่เขาเฝ้าหลงรักมาตลอด กำลังมีอะไรกับคนอื่น บนเตียงของเขา!!!



            หัวใจของชานยอลค่อยๆถูกปลิดไปทีละนิดๆ จนแทบไม่เหลือ ทุกสัมผัส ทุกจังหวะ ดังก้องอยู่ในหูและเด่นชัดอยู่ในสายตาของเขา พอจะหนีก็ถูกตวาดสั่งให้กลับมา พอนั่งดูก็แทบจะตายทั้งเป็น ที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขาตอนนี้มันไม่ใช่หัวใจแล้ว แต่กลับเป็นช่องว่างกลวงโบ๋ที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น มีแต่น้ำตา ความเสียใจ  สูญเสีย และผิดหวังอัดแน่นอยู่ในนั้นจนก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างของหัวใจสีเทาที่บิดเบี้ยว  



ที่เต้นอยู่ไม่ใช่หัวใจ แต่แค่ก้อนเนื้อที่เลี้ยงชีวิต
เป็นดั่งร่างกายที่กลวงโบ๋ เหลือแต่ซากที่ยังหายใจ



“อ้า…..อื้อออ….ไม่…ไม่ไหวแล้ว คริสคะะะ.... ”หญิงสาวครวญครางก่อนที่ร่างสูงจะถอดความเป็นชายออกแล้วจ่อใส่ปากอีกคน น้ำสีขาวขุ่นพุ่งใส่ปากอีกฝ่าย ก่อนที่หญิงสาวจะเลียให้ทุกหยาดหยด แล้วดูดดุนจนมันกลับมาขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง


“เรามาต่อกันอีกรอบดีกว่า เผื่อใครเขาอยากจะดูต่อ”ร่างสูงจงใจแกล้งชานยอล ก่อนจะพลิกร่างของอีกคนขึ้นมาคร่อมตัว แล้วเริ่มบรรเลงบทรักอันเร่าร้อนอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงสะอื้นของชานยอลที่ร้องไห้ไปตลอดเวลา โดยที่อีกฝ่ายไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย คริสกำลังสะใจ ยิ่งเด็กนั่นร้องไห้เขาก็ยิ่งสะใจ มีความสุขที่เด็กนั้นทุรนทุราย เจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าที่เขาเคยรู้สึก ให้รู้ซึ้งว่ามันเป็นยังไง ตอนที่เห็นองครักษ์ของตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่น เหมือนอย่างที่เขาเห็นเจ้าหญิงของตัวเองไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น!!!



  เจ้าหญิงองค์น้อยที่ถูกเข้าใจผิดได้แต่นั่งร้องไห้กับตัวเองเงียบๆที่ปลายเตียง บทเพลงรักสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่บทเพลงแห่งความเสียใจของชานยอลยังคงดังก้องต่อไปในใจของร่างโปร่ง และดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ


“หึ! เจ้าหญิงคนเก่งของผม ร้องไห้เลยหรอครับ”คริสที่ลุกขึ้นมาจากเตียงถามยั่วเย้า  ดวงตากลมโตมองสบกับอีกฝ่าย ก่อนจะพูดเสียงเบา


“ปล่อยผม”


“หึ! ไม่อยากอยู่กับองครักษ์แล้วหรอครับ”ปากอิ่มเม้มแน่น เขารักสองคำนี้มากที่สุด แต่ตอนนี้ร่างสูงกลับมาใช้มันในทางแบบนี้


    ชานยอลเก็บงำความเศร้าเสียใจในอก ดวงหน้าหวานเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมตอบอะไรกลับไป เพราะตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงจะพูดจะทำอะไรแล้ว หลังจากที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างไป



“ดูหนัง เราก็ต้องดูให้จบสิ”คริสพูดกวนประสาท  ก่อนจะเดินกลับไปทรุดตัวนอนลงข้างๆร่างหญิงสาวที่กำลังหลับ แล้วคว้าร่างอีกฝ่ายมาสวดกอดเอาไว้ ดวงตาคมมองที่ชานยอลอย่างสะใจก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่นิทรา โดยมีสายตาร้าวรานของชานยอลมองร่างทั้งสองที่หลับอยู่บนเตียงของเขา…



“ทำไมทำกับผมได้ลง”ชานยอลตัดพ้อเสียงเบา ก่อนที่เขาจะนั่งมองคนทั้งสองแล้วร้องไห้ไปตลอดทั้งคืน…



-----------------------------------------------------



       ชานยอลเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เขาคงจะเพลียมากจนเผลอหลับไป ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคนคุยกัน และเมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็แทบอยากหลับต่อทันที




      เสียงคุยกันที่ว่ามาจากคริสและผู้หญิงคนนั้นที่คุยกันกระหนุงกระหนิง  พวกเขาแต่งชุดเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนกำลังจะออกไปที่ไหนสักที  ชานยอลเตรียมจะแกล้งหลับ ตัดการรับรู้ทางสายตา



“อ้าว ตื่นแล้วหรอ ชานยอล”คริสพูดขึ้นก่อนจะโอบเอวผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหา ดวงตากลมโตมองสบก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นโดยไม่ตอบโต้อะไรกลับไป


“หึ! เงียบได้ก็เงียบไป ขอบคุณมากนะที่ให้ยืมห้อง ไว้วันหน้าจะมาขอยืมใหม่นะ”ร่างสูงเอ่ยบอก ก่อนจะพูดต่อ


“ไปล่ะ คุณเจ้าหญิง”พูดพร้อมกับตบแก้มเบาๆ แล้วพาผู้หญิงคนนั้นออกจากห้องไปโดยไม่สนใจจะแก้มัดให้ชานยอลเลยสักนิด ร่างโปร่งที่น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วกลับมาร่ำไห้อีกครั้ง


“พี่…ไม่เคยจะสนใจผมเลย  ไม่เคยเลย…”ชานยอลตัดพ้อเบาๆ ก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัดอยู่ จนโดนความคมของเชือกบาดข้อมือเสียจนแดงก่ำและเริ่มห้อเลือด แต่ถึงกระนั้นความเจ็บทางกายก็เทียบไม่ได้กับบาดแผลที่ใจ



  หลังจากเหตุการณ์นั้น ชานยอลก็ไม่ค่อยได้เจอคริสอีก ต่างฝ่ายต่างทำงานของตัวเอง จะมีบ้างที่ต้องบังเอิญเจอตอนที่ชานยอลไปปรึกษาเรื่องงานกับอลิซ ร่างโปร่งพยายามทำตัวเป็นปกติ ไม่แสดงออกอะไรมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าคริสไม่พอใจกับมัน ร่างสูงคอยพูดจาสาดเสียเทเสียใส่ หาว่าเขาเป็นพวกอย่างว่า ว่าในทางร้ายๆต่างนานา บางครั้งก็ทำแรงกว่านั้นโดยการพาผู้หญิงมาจู๋จี๋กันถึงในบ้าน แต่เขาก็ยังคงเฉยๆ ไม่โวยวาย ไม่ตอบโต้อะไรทั้งๆที่ข้างในมันเจ็บ เจ็บเสียยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าต้องจากร่างสูงไป ใจดวงน้อยเพียรย้ำกับตัวเองว่าเขาไม่มีค่าอะไร ไม่ได้มีสิทธิจะไม่พอใจ อีกฝ่ายจะยัดเหยียดความรู้สึกและฐานะอะไรให้ ก็จงรับไป อย่าได้อิดออด


“มาจนรู้ทุกซอกทุกมุมในบ้านของฉันยังล่ะ”ร่างสูงที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามถามประชดประชัน ขณะที่อลิซไปทำธุระ แล้วปล่อยให้เขาอยู่คุยกับร่างสูงไปก่อน เธอแค่อยากสร้างโอกาสให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกัน แต่เธอไม่รู้เลยว่ายิ่งใกล้ พวกเขาก็ยิ่งไกลจากกัน



  ชานยอลเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่อยากตอบโต้ ต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับร่างสูง เขาเพียงแค่นั่งอ่านเอกสารต่อไปเงียบๆ ก่อนจะถูกร่างสูงคว้ากระดาษออกมาจากมือ


“เป็นใบ้รึไง!!  กระดาษนั่นมันมีอะไรน่าสนใจกว่าฉันนักหนา”


“เปล่าครับ”


“หึ มาบ้านฉันบ่อยแบบนี้ สำรวจทั่วรึยัง ไปห้องฉันมารึยัง ถ้าอยากจะนอนก็บอกได้นะ”ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ ก่อนจะตีหน้าเพิกเฉยไม่สนใจถ้อยคำสบประมาทนั่น


“แต่ถ้าจะนอนช่วยเอาแอลกอฮอล์เช็ดตัวตัวเองซะก่อนล่ะ มันสกปรก”มือเรียวกำกางเกงตัวเองแน่น น้ำตาลพาลจะไลออกมาอีกแล้ว


“อ้าว คุยอะไรกันอยู่”อลิซที่เพิ่งเสร็จธุระเดินเข้ามาขัดจังหวะพอดี ร่างสูงยกยิ้มให้พี่สาวก่อนจะเอ่ยตอบ


“ทักทายตามประสาคนรู้จักน่ะครับ”ชานยอลนั่งนิ่งไม่เถียงอะไร


“ดีละ รู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว เผื่ออนาคตจะได้ช่วยเหลือกัน”พี่สาวคริสพูดหยอกเย้า ร่างโปร่งได้แต่คิดในใจว่าร่างสูงน่ะหรอจะอยากรู้จักกับเขา จะช่วยเหลือเขาน่ะหรอ ไม่มีทางหรอก ถ้าจะทายกันอย่างนั้นมันยังพอเป็นไปได้

“เอ้อ นี่คริสพรุ่งนี้ไปตรวจสุขภาพประจำปีตอนเก้าโมงนะ  อย่าตื่นสายล่ะ”


“ครับ ตรวจถึงกี่โมง ตอนบ่ายผมมีนัดไปกับสาวต่อ”ดวงตาคมเหลือบมามองอีกฝ่าย แต่ร่างโปร่งก็ซ่อนความเสียใจไว้ได้อย่างแนบเนียน


“ไม่เกินเที่ยงก็น่าจะเสร็จแล้วนี่คริส  เพลาๆลงมั้งเถอะเรื่องผู้หญิงน่ะ ยุ่งแต่ละคน ดีๆซะที่ไหน ไอ้คนดีๆน่ะไม่เคยจะสนใจ”อลิซเปรยตามามองชานยอล  ร่างสูงยักไหล่ก่อนจะพูดขึ้น


“ผมขึ้นห้องก่อนล่ะ เมื่อคืนเที่ยวหนักไปหน่อย”เอ่ยบอกก่อนจะเดินขึ้นห้องไป ไม่สนใจว่าทิ้งความเจ็บช้ำไว้ที่หัวใจของใครบ้าง…..นานแค่ไหนพี่ก็ยังคงเป็นคนเดิม ไม่เคยสนใจผม ไม่เคยมองเห็นผมคนนี้เลย ชานยอลได้แต่ตัดพ้อในใจ


“ป่ะ ชานยอล ไปทำงานกันดีกว่า”อลิซพูดก่อนจะเดินนำชานยอลขึ้นไปบนห้อง



-----------------------------------------------------



  วันนี้งานไม่เคร่งเครียดเท่ากับครั้งที่แล้ว ปัญหาของงานดูแทบจะแก้ได้ด้วยตัวคนเดียวเสียด้วยซ้ำ แต่ชานยอลก็ยังคงไม่เข้าใจว่าอลิซจะเรียกเขามาที่บ้านทำไม แต่ถึงอย่างนั้นร่างโปร่งก็ไม่เอ่ยถามอะไร เพราะไม่ได้เป็นคนนิสัยชอบขัดผู้ใหญ่ ตัวเขาก็ถือว่าการมาบ้านอีกฝ่ายคือได้มาเห็นหน้าคริสบ้าง แม้ว่าร่างสูงจะทำนิสัยไม่ดีกับเขามากมายแค่ไหนก็ตาม


“ชานยอล วันนี้ขอบคุณมากนะ  แล้วนี่จะกลับยังไง”


“คงกลับเองแหละครับ วันนี้ไม่มีใครว่างมารับเลย”ร่างโปร่งตอบยิ้มๆ ก่อนจะเตรียมเดินออกจากห้องไป


“งั้นเดี๋ยวให้คริสไปส่ง”หญิงสาวเสนอ ก่อนจะเดินลิ่วไปเคาะประตูห้องคริส


“คริส ไปส่งชานยอลให้พี่หน่อย”ภายในห้องเกิดเสียงดังกุกกักอยู่เสี้ยววินาทีก่อนที่คริสจะเปิดประตูออกด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่ลำคอมีรอยลิปสติกอยู่ประปราย แม้จะมองลำบากแต่ก็รู้ว่าในห้องมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง ชานยอลหน้าชา ตัวแข็งทื่อ เลือดในกายพาลจะเย็นเยียบไปทั่วทั้งร่าง อีกแล้วหรอ เขาต้องมารับรู้อะไรอย่างนี้อีกแล้วหรอ


“ผมไม่ว่าง”


“ให้ตายเถอะ! จะไปทำไรก็ไปทำเลยคริส!!!!”พี่สาวเขาว่าก่อนจะปิดประตูใส่หน้า แล้วกันมาขอโทษขอโพยชานยอล


“ขอโทษนะชานยอล”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เดี๋ยวผมกลับเองดีกว่า”ร่างโปร่งเอ่ยบอก  ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน หนีกลับไปพักใจที่ถูกร่างสูงทำร้ายมาอีกครั้ง และยิ่งนับวันแผลนั้นก็ยิ่งรักษาให้หายยากขึ้นทุกที


 ทุกครั้งที่ชานยอลต้องไปบ้านคริส หัวใจของเขาก็มักจะพกความเสียใจกลับมาบ้านด้วยทุกครั้ง แต่ละครั้งล้วนได้แผลเล็กแผลใหญ่กลับมา บางแผลก็รักษาไม่หาย ต้องปล่อยให้มันเหวอะหวะ ในขณะที่บางแผลต่อให้รักษาหายก็ฝากรอยแผลเป็นให้นึกถึงอยู่ในหัวใจ จนพักๆหลังการไปเจอหน้าคริสที่บ้าน กลายเป็นเรื่องที่ชานยอลเริ่มไม่แน่ใจว่ามันจะสุขหรือจะทุกข์ดี อาจจะสุขที่ได้เห็นหน้า แต่คงจะทุกข์ที่ได้พูดคุย แบบนั้นเสียกระมัง


-------------------------------------------------


 ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาชานยอลแทบไม่เจออลิซเลย เหมือนว่ารุ่นพี่คนนี้กำลังมีเรื่องให้เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ารายละเอียดของเรื่องมากนัก จนกระทั่งวันนี้ที่ร่างโปร่งบังเอิญเห็นอลิซที่ลานจอดรถของบริษัท เธอกำลังเดินอยู่คนเดียว สีหน้าดูเคร่งเครียดและกังวลกับอะไรบางอย่างจนดูผิดปกติ ปกติผู้หญิงคนนี้ไม่ทำหน้าอย่างนี้ต่อสิ่งอื่นถ้าไม่ใช่กองเอกสารของบริษัท แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำสีหน้าอย่างนั้นออกมาได้


“พี่อลิซครับ สวัสดีครับ”ชานยอลเดินตรงเข้าไปกล่าวทักทาย หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมาตอบด้วยสีหน้าที่แม้จะยิ้มให้แต่ก็ดูกังวลกับอะไรบางอย่าง


“ว่าไง ชานยอล”


“จะกลับบ้านแล้วหรอครับ เอ่อ….พี่อลิซมีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าเครียดจัง”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ดวงตาของเธอสั่นระริก และดูอ่อนแอกว่าที่เคย ก่อนจะหลบตาลงต่ำ แล้วถอนหายใจออกมา


“ชานยอล…”เธอเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนจะเงียบไปนาน เหมือนลังเลว่าควรจะเล่าเรื่องดีมั้ย


“พี่เล่าให้ผมฟังได้นะครับ เผื่อมันจะช่วยให้หายเครียด”หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะตอบ


“ไม่หรอกชานยอล มันไม่ช่วยให้หายเครียดหรอก”ร่างโปร่งเม้มปากแน่น นึกเครียดตามอลิซไปด้วย


“…….มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอครับ”หยดน้ำตาของหญิงสาวร่วงเผาะลงมาจนชานยอลตกใจ ร้อยวันพันปีผู้หญิงเก่งคนนี้ไม่เคยร้องไห้ให้เรื่องไหนๆ แล้วนี่…ทำไม….ถึง…


 มือเรียวเอื้อมไปกุมมือรุ่นพี่อย่างให้กำลังใจ พร้อมยื่นทิชชู่ให้


“ถ้าไม่อยาก…”


“ชานยอล….”เธอเรียกชื่อรุ่นน้อง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วจึงพูดต่อ


“พี่….พี่….พี่ไม่รู้จะพูดยังไง พี่เครียดมาก แต่ แต่…พี่ไม่รู้จะทำยังไง พี่อยากเล่า อยากหาคนมาช่วยน้อง แต่มัน มัน”


“พี่คริส…พี่คริสไม่สบายหรอครับ พี่คริสเป็นคนแข็งแรงเดี๋ยวก็ต้องหายแน่นอนครับ”ร่างโปร่งพยายามปลอบใจเธอ ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง หญิงสาวส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ


“ไม่ มันรักษาไม่หาย คริสไม่มีวันหายหรอกชานยอล!”หัวใจคนฟังกระตุกวูบ คริสของเขากำลังป่วยเป็นโรคอะไรกัน


“ต้องหายสิครับ พี่คริสต้องไม่เป็นไร ผมมีเพื่อนเป็น…”


“ไม่ ชานยอล นายไม่เข้าใจ ต่อให้หมอทั้งโลกมารักษามันก็ไม่หาย! คริสเป็นเอดส์นะ คริสไม่มีวันหายหรอก!…..”มือเรียวที่กุมมืออีกคนชะงัก ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายค้าง หัวสมองเหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะ คำพูดของอลิซช็อตเข้าที่หัวใจของเขาจนหยุดเต้น คริส….รุ่นพี่คริสของเขาเป็นเอดส์….เอดส์ โรคเอดส์น่ะหรอ เป็น…เป็น…เป็นได้ยังไง.



“พี่….พี่….ล้อเล่น ใช่มั้ย…”ชานยอลถามเสียงสั่น อลิซตอกย้ำความกลัวด้วยการส่ายหน้าก่อนจะเล่าเรื่อง


“อาทิตย์ที่แล้วบ้านเราไปตรวจสุขภาพประจำปีกัน…………แล้วทุกอย่างมันก็เกิดขึ้น  หมอบอกผลเลือดของคริสเป็นบวก ชานยอล คริสเป็นเอดส์ คริสเป็น พี่…พี่….ไม่รู้…พี่….สงสารน้อง”ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ยังช็อกไม่หายกับสิ่งที่รู้มา เขานิ่งไปชั่วครู่ ในขณะที่อลิซก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน หัวสมองของชานยอลกำลังขาวโพลนด้วยความตกใจ คริส…รุ่นพี่ที่เขารักเป็นเอดส์ โรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ไปทั่วอย่างนั้นน่ะหรอ โรคที่ไม่มีวันจะรักษาหายอย่างนั้นน่ะหรอ


“ชานยอล….พี่  พี่กลับก่อนนะ คริสอยู่บ้านคนเดียว”เสียงอลิซปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ก่อนที่คลื่นความห่วงใยจะเข้ามาแทนที่ความตกใจ


“ผมขอไปบ้านพี่ด้วยคนได้มั้ยครับ”ดวงตาหวานของหญิงสาวมองอีกฝ่ายยอย่างไม่เชื่อสายตา


“ชานยอล…..ไม่กลัวหรอ”


“ไม่ครับ”ร่างโปร่งตอบเสียงหนักแน่น ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นรถขับตรงไปที่บ้านของคริส หัวใจของชานยอลเต้นระรัว อยากให้ถึงบ้านของร่างสูงให้เร็วที่สุด เขากำลังห่วง ห่วงอีกฝ่ายอย่างมาก ป่านนี้คริสจะเป็นยังไง ร่างกายจะอ่อนแอรึเปล่า สภาพจิตใจจะเป็นยังไง การใช้ชีวิตจะเป็นยังไง ต้องเก็บตัวอยู่บ้านคนเดียวอย่างนั้นน่ะหรอ คำถามมากมายเป็นร้อยคำถามผุดขึ้นมามากมายตลอดระยะทางที่ไปถึงบ้านร่างสูง และทันทีที่มาถึง ชานยอลก็รีบลงจากรถ เดินตามอลิซที่เดินเข้าไปในบ้าน หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว อยากจะเจอหน้าคริสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


   อลิซเดินนำชานยอลเข้ามาในห้องอาหาร ภาพเบื้องหน้าที่เห็นกระตุกหัวใจของชานยอลให้วูบไหว คริสที่ร่างกายสูบผอม  หมดสภาพความดูดี และสีหน้าที่ดูเหมือนอยากจะตายกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมด้วยพ่อกับแม่ที่เพิ่งกลับมาถึงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวถัดไป ดวงตาคมเหลือบมองผู้มาใหม่ ก่อนจะเบิกตาโพล่งและสั่นระริกเมื่อเห็นชานยอลมาด้วย


“มีแขกมา เดี๋ยวผมขึ้นไปกินข้างบน”ร่างสูงพูดขึ้น ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้


“ไม่ ไม่ต้องหรอกครับ”ชานยอลรีบร้องบอก พร้อมกับคว้าแขนอีกคนเอาไว้ไม่ให้เดินหนี หากแต่อีกฝ่ายกลับสะบัดออก สีหน้าดูตื่นกลัวมากกว่าจะรังเกียจการสัมผัส


“ไม่ต้องขึ้นไปทานข้างบนหรอกครับ ทานด้วยกันก็ได้”ชานยอลบอกย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของครอบครัวของคริสทั้งหมด ความปลาบปลื้มและปิติแทรกซึมอยู่ทุกอณูในหัวใจ ลูกชายของเขากำลังป่วยเป็นโรคน่ารังเกียจ ที่แม้แต่คนใช้ยังหวาดระแวง แต่เด็กคนนี้กลับไม่เกรงกลัวอะไรเลย


“คริส พี่ซื้อของโปรดนายมาด้วยนะ”อลิซพูดก่อนจะชูถุงอาหารจากภัตตาคารหรูให้ดูก่อนจะให้แม่บ้านไปจัดใส่จาน


“ขอบคุณครับพี่”ร่างสูงขอบคุณ ก่อนจะหันไปพูดกับแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล


“ป้าคิมครับ ผมขอถ้วยชุดใหญ่ชุดหนึ่ง”ถ้วยชุดชุดหนึ่งถูกยื่นมาให้ร่างสูง ก่อนที่เขาจะรับมา แล้วเริ่มตักอาหารแต่ละอย่างใส่ถ้วยใบเล็กๆนั่นแล้วแยกกับข้าวมากินเองต่างหากเพียงคนเดียว การกระทำทุกอย่างช็อตร่างของชานยอลไปทั้งร่าง ความหดหู่เกาะกุมหัวใจของร่างโปร่งเสียจนหยุดเต้น ได้แต่มองการกระทำของอีกฝ่ายนิ่ง


“คริส ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย ตักแยกทำไม”อลิซร้องถามน้อง พยายามไม่ให้เสียงตัวเองสั่นไปมากกว่านี้


“มีแขกมาด้วย กินด้วยกัน เดี๋ยวเขาจะรังเกียจ”น้ำตาแทบร่วงเผาะลงมาจากตากลมโต ชานยอลมองการกระทำของคริสนิ่งๆ ก่อนจะเม้มปากแน่น ความหดหู่มันกัดกินหัวใจของเขาจนแทบนั่งเฉยๆไม่ได้


“กินข้าวกันเถอะครับ”คริสเอ่ยบอกก่อนจะตักกับข้าวในถ้วยของตัวเองมากิน ชานยอลหยิบช้อนขึ้นมา ก่อนจะตักกับข้าวในจานของคริสทาน ร่างสูงมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา เหมือนกับที่อลิซมองชานยอลด้วยความตกใจ



    มื้ออาหารผ่านไปอย่างหดหู่ คริสทานอาหารของตัวเองเงียบๆโดยไม่พูดจาจิกกัดหรือกวนประสาท พร้อมกับมองการกระทำของชานยอลเงียบๆ ในขณะที่คนถูกมองก็ร่วมรับประทานอาหารอย่างไม่นึกรังเกียจหรือเกรงกลัวเลยสักนิด ร่างโปร่งทำเหมือนคริสเป็นคนปกติ ไม่ได้ป่วยเป็นโรคน่ารังเกียจ จนหัวใจของร่างสูงสั่นไหวไปกับการกระทำของอีกฝ่าย  แต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ เมื่อเขากำลังจะตายในอีกไม่ช้า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง…


“ชานยอล กลับเองได้รึเปล่า”อลิซเอ่ยถามร่างโปร่ง เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว


“ได้ครับ วันนี้ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะครับ อร่อยมากๆเลย”หัวใจของอลิซสั่นไหว ทานอาหารร่วมกับคนเป็นเอดส์น่ะหรอ อร่อย ความอยากอาหารนั้นยังมีอยู่หรือไร


“จ๊ะ ขอบคุณเราเหมือนกันที่ไม่รังเกียจคริส กลับบ้านดีๆนะ”


“ครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกันครับ”ชานยอลเอ่ยบอก พร้อมกับโค้งศีรษะเป็นเชิงลา โดยก่อนจะเดินออกจากบ้าน ร่างโปร่งก็เหลือบขึ้นไปมองห้องของคริส พร้อมกับเอ่ยคำลาในใจ ‘กลับก่อนนะครับ คุณองครักษ์ ดูแลตัวเองนะ’


    ร่างสูงที่แอบมองอีกฝ่ายอยู่บนห้องรีบหลบอยู่หลังม่าน กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขากำลังมองอยู่ ก่อนที่หัวใจจะปวดหนึบเมื่อนึกถึงการกระทำของร่างโปร่งที่โต๊ะอาหาร เขามั่นใจว่านอกจากครอบครัวเขาแล้วคงไม่ใครกล้าทำอย่างนั้น ไม่มีใครกล้าเสี่ยงร่วมโต๊ะอาหารกับคนเป็นเอดส์ แต่ร่างโปร่งกลับทำ ทานอาหารจากถ้วยของเขาอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะติดเชื้อ กระตุกหัวใจของเขาให้สั่นไหวไปกับความเมตตาของอีกฝ่าย


“ช้าไป…ทุกอย่างมันช้าไป”คริสพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อสายไปแล้ว….



ก๊อก ก๊อก


“คริส เปิดประตูให้พี่หน่อย พี่มีเรื่องจะคุย”เสียงอลิซดังขึ้นที่อีกฟากฝั่งของประตู ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปเปิดประตูให้


“มีอะไรหรอครับ”คริสถามด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย ชีวิตดูหมดเรี่ยวแรงและแรงใจจะอยู่ต่อ จนคนดูรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย


“คริสเคยรู้จักกับชานยอลมาก่อนรึเปล่า” ร่างสูงหันไปมองพี่สาว ก่อนจะหันกลับมา ดวงตาคมมองเหม่อออกไปหาคนที่ตอนนี้กำลังกลับบ้านไปแล้ว


“รู้ครับ…….รู้จักกันมาได้สิบกว่าปีแล้วด้วยซ้ำ”หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเอ่ยถาม


“เล่าให้พี่ฟังหน่อย”คริสหลับตานิ่ง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟัง ทุกจังหวะที่เล่าเหมือนกับว่าเขากำลังทวนความทรงจำว่าตัวเองเคยเลวขนาดนั้น และย้อนกลับไปดูว่าเขาเคยทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง แต่กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว เขาป่วยเป็นเอดส์ จะตายวันนี้หรือวันพรุ่งรึเปล่าก็ไม่รู้ ชีวิตของเขามันไม่มีค่าอะไรแล้ว จะให้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับชานยอลมันคงสายไปแล้ว สายไปแล้วจริงๆ….


----------------------------------------------------------




  หลังจากวันนั้นคริสก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ร่างสูงไม่ออกไปไหนเหมือนอย่างเก่า ลำพังแค่เดินเล่นในบ้านยังไม่อยากทำ จะมีลงมาบ้างเมื่อถึงเวลากินข้าวหรือต้องไปหาหมอเท่านั้น วันๆเอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง พร่ำบอกกับตัวเองว่าจะตายแล้ว จะตายแล้ว อีกไม่นานก็ต้องลาโลกนี้ไปแล้ว พอที่บ้านชวนให้ออกไปเที่ยวบ้าง ทำตัวปกติเหมือนที่เคยทำ หาความสุขให้ตัวเองบ้าง ร่างสูงกลับตอบมาเพียงว่า เดี๋ยวก็ตายแล้ว จะหาความสุขไปทำไม จนทุกคนที่บ้านต่างเคร่งเครียดและเศร้าสลดกับเรื่องของคริส
 


 ความเครียดของคริสเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆจนครอบครัวหนักใจ จากที่ไม่ค่อยทำอะไรอยู่แล้ว กลายเป็นไม่ทำอะไรเลย อาหารยังไม่อยากจะแตะ พูดยังไม่อยากจะพูด ร่างสูงเอาแต่บอกอย่างเดียวว่า อยากตายๆ น่าจะตายไปซะ พ่อแม่กับพี่จะได้สบาย ไม่ต้องมาคอยดูแล ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามว่าลูกชายคนเดียวของบ้านหายไปไหน ป่วยเป็นอะไร แล้วจะรักษาหายเมื่อไร จนที่บ้านสงสารและหดหู่ จึงตกลงกันว่าสุดสัปดาห์นี้จะพาคริสไปเที่ยวต่างจังหวัด พาไปคลายเครียด ออกไปสูดอากาศดีๆชมวิวทิวทัศน์สวยงามให้หัวใจกลับมามีแรงใจขึ้นอีกครั้งบ้าง


“คริสเอาของไปเท่านี้หรอ”พี่สาวเอ่ยถามร่างสูงที่จัดของของตัวเองเรียบร้อยแล้ว


“ครับ แค่นั้นก็พอแล้ว”คริสตอบรับ สำหรับเขาการไปเที่ยวครั้งนี้คงเป็นการเที่ยวครั้งสุดท้ายแล้วก่อนที่เขาจะถูกโรคทั้งหลายรุมเร้าจนทำอะไรไม่ได้  ตอนนี้ยังพอมีแรงก็ไปซะ ก่อนจะหมดโอกาส


    อลิซที่ลอบมองเสี้ยวหน้าของน้องชายก็นึกกังวล เธอรู้ว่าตอนนี้น้องกำลังหมดกำลังใจและสูญเสียจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อ เสียจนเธอใจหาย


“คริส…..”พี่สาวเอ่ยเรียกด้วยเสียงเบาหวิว ก่อนที่น้องชายจะเลิกคิ้วถามเป็นเชิงให้พูดต่อ


“ลองชวนชานยอลไปด้วยมั้ย”ดวงตาคมมองคนเป็นพี่ก่อนจะหันกลับไปมองนอกหน้าตา พลางตอบเบาๆ


“อย่าเลยครับ เขาคงไม่อยากยุ่งกับคนอย่างผมหรอก”คนฟังปวดแปลบที่หัวใจ แต่ก็ยังพยักหน้ารับคำพูดของน้องชายช้าๆ


       ครอบครัวตระกูลวูออกเดินทางในตอนเช้าตรู่ของเช้าวันถัดมา จุ่งมุ่งหมายของเขาคือบ้านพักตักอากาศแถวต่างจังหวะ ตลอดทางที่นั่งรถ ทุกคนพยายามทำตัวตามปกติ ไม่เคร่งเครียด ไม่เศร้าสลด และไม่ร้องไห้ให้คริสเห็น พวกเขาอยากให้คริสกลับมาพูดคุย กลับมาร่าเริงอีกครั้ง ถึงจะไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ขอให้ยิ้มแย้มบ้างก็ยังดี


“คริสจำได้มั้ย ที่ที่เราจะไปกัน ตอนเด็กคริสชอบมากเลยนะ”คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คริสพยักหน้าก่อนจะตอบ


“ผมจำได้ มันมีน้ำตก” แม้จะเป็นประโยคที่สั้นกว่าเมื่อก่อนตอนยังปกติ แต่ก็ถือว่ายาวมากสำหรับตอนนี้


“ใช่ น้ำตกนั้นเลย ที่เดียวกับที่ตอนเด็กนายชอบพาพี่ออกไปเที่ยวโดยไม่ยอมขอคุณพ่อคุณแม่นั้นแหละ”


“ผมไม่ได้บังคับพี่เลยนะ พี่เดินตามมาเอง”ร่างสูงเถียงกลับไปตามนิสัยเดิม แต่แค่นั้นก็เรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้แล้ว ทั้งครอบครัวชวนคริสคุยกันไปเรื่อยๆตลอดทาง บรรยากาศในรถเริ่มดีขึ้น ร่างสูงเริ่มยิ้มออกมาบ้าง จนกระทั่งมาถึงยังที่พัก


    บ้านพักตากอากาศขนาดกลางตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ ตัวบ้านร่มรื่นด้วยแมกไม้ที่ขึ้นอยู่รอบๆบริเวณบ้าน ชิงช้าตัวหนึ่งถูกผูกไว้ที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ สถานที่ที่อบอวลไปด้วยความทรงจำสมัยเด็กของคริส หากแต่เมื่อขายาวก้าวลงรถ ร่างกายก็พลันจะทรุดฮวบลง เมื่อดวงตาคมสบเข้ากับดวงตากลมโต คนที่ไม่ควรจะมาที่นี่


“ชานยอล…”

http://0ctogus.forumth.com

2My Alyssa Part4 Empty Re: My Alyssa Part4 Wed Oct 08, 2014 4:05 pm

boonboo_bb



....
พี่คริสเป็นเอดส์ !!
เห้ย สงสารคริส สงสารชานยอล T.T
ทำไมมันเป็นแบบนี้ !

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ