0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

My Alyssa Part6

3 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1My Alyssa Part6 Empty My Alyssa Part6 Sat Feb 01, 2014 9:55 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

หลังจากวันนั้นชานยอลก็มาเยี่ยมคริสแทบทุกวัน ร่างโปร่งทำหน้าที่ดูแลร่างสูงแทบทุกอย่างจนเกือบจะเท่าที่พยาบาลทำ หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ  เขาทั้งคอยดูแลตอนกินข้าว ให้ทานยาให้ครบ คอยหยิบจับนู่นนี่ให้คริสเวลาที่ร่างสูงไม่ถนัด คอยอยู่เป็นเพื่อนในเวลาที่เหงา จนบางครั้งคริสถึงกับลืมความเศร้าจากการป่วยเป็นโรคไปได้ชั่วขณะ…


“วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วนะ คุณองครักษ์”ชานยอลเอ่ยถามพร้อมกับฉีกยิ้มอบอุ่นให้กับคริส


“ก็ดี เบื่อโรงพยาบาลจะแย่”ร่างสูงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ร่างโปร่งยิ้มน้อยๆ รู้ดีว่ารุ่นพี่ของเขาคนนี้เกลียดโรงพยาบาลแค่ไหน


“อย่าเพิ่งเบื่อโรงพยาบาลสิครับ วันนี้ยังมีนัดไปหาหมอคิมอีกนะ ต้องไปเอายาเพิ่ม”ร่างโปร่งพูดถึงหมอที่รักษาโรคเอดส์ของคริส แววตาคมดูหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง


“ไม่ทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่เองนะ ไปเอายาด้วยกันนะ”มือเรียวกุมมือหนาเอาไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่นราวกับจะบอกคริสว่าโลกทั้งใบนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เขาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคริสทุกเวลาเอง


“ก็ได้”ร่างสูงตอบรับไปอย่างนั้น หากแต่แววตาก็ยังเจือความเศร้าอยู่ดี


“คุณองครักษ์ คุณองครักษ์อยู่ไหนครับ  คุณองครักษ์ของผมอยู่ไหน”ชานยอลแกล้งมองหาคุณองครักษ์ของเขา ไปตามใต้เตียง โซฝา เปิดผ้าห่มของคริสดู จนร่างสูงแอบยิ้มให้กับท่าทางของอีกฝ่าย


“ติงต๊อง”


“เห็นองครักษ์ของผมมั้ยครับ”ชานยอลว่าก่อนจะประครองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะแกล้งตีหน้าขรึม แกล้งเอ็ดร่างโปร่งที่เล่นเหมือนตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่


“เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยนะ เจ้าหญิง”รอยยิ้มสดใสคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่ชานยอลจะพูดขึ้น


“คุณองครักษ์ของผมกลับมาแล้ว”คริสที่เห็นท่าทางดีใจของอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ความกังวลถึงโรคร้ายหายไปราวกับเขาลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังป่วยอยู่


“องครักษ์อุตส่าห์กลับมา มีรางวัลมั้ย”ร่างสูงแกล้งถาม


“รางวัลคือไปหาหมอคิมกับเจ้าหญิงนี่ไง”ทันทีที่ได้ยินคริสก็หน้าบึ้งทันที แต่ร่างโปร่งก็ยังคงไม่สนใจ ดึงแขนให้คริสออกจากห้องพักผู้ป่วย เพื่อไปหาหมอคิมของเขาอยู่ดี



      การมาหาหมอคิมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คริสไม่รู้สึกหดหู่และอยากจะตายเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา กลับกันแล้วอาจรู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ชานยอลที่มากับเขาเปรียบเสมือนเจ้าหญิงผู้บริสุทธิ์และสดใส ความร่าเริงของร่างโปร่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลืมว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นเอดส์ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้บ้าง



“เบอร์9กับเบอร์10 เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ”เสียงพยาบาลเรียกคิว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปพบหมอคิมด้วยกัน นายแพทย์วัยกลางคนเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นผู้ป่วยของเขามีสีหน้าดีขึ้น ผิดจากช่วงแรกๆที่มาหาเขา ร่างสูงมักจะหน้าบูดบึ้งอยู่เสมอ


“สวัสดีครับ”


“สวัสดีครับคุณหมอ”ชานยอลกล่าวทักทายพร้อมกับโค้งศีรษะให้หมอเล็กน้อย ในขณะที่คริสทำเพียงแค่ทักทายตามมารยาทเล็กน้อย


“วันนี้คุณคริสสีหน้าดีขึ้นนะครับ ไม่เครียดเหมือนเดิมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็จะคุมโรคได้ง่ายขึ้นด้วย”


“ถ้าคุมโรคได้ ก็จะอยู่ไปได้นานๆเลยใช่มั้ยครับ”ร่างโปร่งเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ในขณะที่คริสดูแทบจะไม่สนใจข้อมูลอะไรมากมายนัก


“ใช่แล้วครับ มันขึ้นอยู่กับกำลังใจและการดูแลตัวเอง และที่สำคัญกินยาให้ครบตามที่หมอสั่ง คุณคริสกินยาตามที่หมอสั่งครบทุกครั้งมั้ยครับ”


“ครบครับ”


“ถ้าไม่บังคับก็ไม่ครบหรอกครับ”ชานยอลแทรกขึ้นมา ก่อนที่หมอคิมจะตีหน้าดุทันที


“ไม่ได้นะครับ มันสำคัญมาก มันหมายถึงชีวิตของคุณเลยด้วยซ้ำ คุณจะต้อง…”แล้วคำบ่นอีกยาวเหยียดก็ถูกร่ายยาวไปเรื่อยๆ โดยที่คริสแทบจะไม่สนใจฟัง ผิดกับชานยอลที่ดูฟังอย่างตั้งใจ และดูเหมือนว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนข้างๆเสียมากกว่า


  ร่างโปร่งขอคำแนะนำจากหมอมากมายหลายคำถาม ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเรื่องของคริสทั้งสิ้น  ทั้งถามเรื่องผลกระทบจากนิสัยการกินไม่ค่อยตรงเวลาของเขา การไม่ค่อยออกกำลังกายของเขาจะส่งผลอะไรบ้างจนบางครั้งร่างสูงก็อดทึ่งไม่ได้ที่ชานยอลรู้เรื่องเขาละเอียดยิ่งกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก


“วันนี้คุณชานยอลเอาเคล็ดลับไปตั้งเยอะ สุขภาพคุณคริสจะต้องแข็งแรงขึ้นแน่นอน”หมอคิมพูดอย่างอารมณ์ดี ร่างโปร่งยิ้มให้ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ


“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ คุณหมอ”


“ครับ อย่าลืมทำตามที่หมอบอกด้วยนะครับ ไว้เดือนหน้าเจอกันอีกทีนะครับ”แล้วทั้งสองก็ออกมานั่งรอที่ห้องจ่ายยา ดวงตาคมทอดมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ


“ทำไมถึงถามแต่เรื่องของฉัน ไม่ถามเรื่องตัวเองบ้างรึไง”


“คุณองครักษ์สำคัญกว่าผม”


“แล้วนายไม่สำคัญเลยรึไง”


“อย่างน้อยก็ไม่เท่าคุณองครักษ์”คริสชะงักงันไปเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เด็กคนนี้ไม่เคยสนใจชีวิตของตัวเองเลย สิ่งเดียวที่ร่างโปร่งสนใจมีแต่เรื่องของเขา ที่ผ่านมาเขาละเลยคนที่รักเขามากขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน…


“รับยาคนไข้เบอร์9กับ10ค่ะ”เสียงเจ้าหน้าที่เรียก ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินไปรับยา พร้อมกับยื่นถุงหนึ่งมาให้คริส


“ต่อไปนี้เรามากินยาด้วยกันนะ ยาต้านไวรัส จะทำให้คุณองครักษ์ของผมดีขึ้น”เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีที่ได้กินยา เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วย เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรักจากใครสักคนหนึ่ง


“ฉันไม่ใช่เด็ก”ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน


“นายก็ด้วย”ร่างโปร่งหันมายิ้ม ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รู้ดีที่สุดว่าคริสเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงออกความรู้สึก แค่เท่านี้ก็ทำให้เขาหัวใจพองโตได้แล้ว


“พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจสำหรับผมเสมอล่ะ ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อน หรือจะเดี๋ยวนี้ก็ตาม”ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้


“นี่ ชานยอล..”คนถูกเรียกหันมามองเป็นเชิงถาม


“ทำไมตอนนั้นถึงไม่ยอมคุยกับฉัน เหมือนอย่างตอนนี้ล่ะ”ร่างโปร่งยิ้มกว้าง พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ จนคริสขมวดคิ้ว ถามเร่งเร้า


“ทำไม”


“ผมตอบอะไรไป พี่จะฟังผมหรอ ถ้าผมตอบถ้าผมเถียงอะไรไม่เข้าหู พี่ก็ได้ฆ่าผมสิ พี่น่ะเอาแต่ใจจะตายไป”


“นายกำลังว่าฉันอยู่”


“ผมไม่คิดว่านั่นคือข้อเสียนะ”ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามานั่งในรถถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนที่ชานยอลจะตอบ


“สักวันหนึ่งพี่ก็จะรู้เอง”



          ชานยอลขับรถพาคริสมาส่งที่บ้าน ร่างโปร่งอยู่ทานมื้อเย็นกับครอบครัวของร่างสูง กับข้าวที่เคยถูกตักแบ่งแยกไม่มีให้เห็นบนโต๊ะอาหารอีกแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยจานอาหารเหมือนอย่างเก่า ชานยอลตักอาหารทุกอย่างที่เห็นว่ามีประโยชน์ให้คริสทาน จนร่างสูงต้องร้องบอกให้พอ เพราะทานไม่ไหว ก่อนจะจบท้ายด้วยจัดยาให้ร่างสูงทานตามที่หมอสั่ง และกำชับให้คริสดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อจะได้อยู่กับเขาไปนานๆ


“พี่อย่าลืมกินยาด้วยนะ ต้องกินทุกครั้งตามที่หมอสั่งนะ”ชานยอลย้ำจนคริสจำได้ขึ้นใจแล้ว


“อืม”


“ออกกำลังกายด้วยนะ ทำทุกเช้า ทุกเวลาว่าง ร่างกายจะได้แข็งแรง”


“อืมมม…ม”


“อย่าท้อนะ ผมจะสู้มันไปกับพี่เองนะ”ชานยอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง


“ครับ เจ้าหญิง” รอยยิ้มหวานถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม ก่อนที่ชานยอลจะขอตัวกลับบ้าน


“ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีก”


“อืมมม…ม”


“อย่านอนดึกนะครับ ผมไปล่ะ”ร่างโปร่งเอ่ยบอก ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงลา


“ชานยอล…”คนถูกเรียกหันมาตามเสียง ก่อนที่คริสจะพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน


“ดูแลตัวเองด้วย”ร่างโปร่งยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้า


“ผมบอกแล้วว่าผมจะสู้กับมันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์  กลับก่อนนะครับ”แล้วชานยอลก็ขึ้นรถขับออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลวู โดยมีสายตาของคริสมองส่งไปจนรถของร่างโปร่งลับตา



              หลังจากวันนั้นชานยอลไม่ได้ทำตามอย่างที่พูดไว้กับคริส…..ร่างโปร่งโหมงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ยาที่ต้องกินเป็นประจำถูกละเลยไปบางมื้อ ทำให้สุขภาพยิ่งแย่ลงจนเจ็บออดๆแอดๆ แค่ตัวร้อนธรรมดาก็กลายเป็นไข้สูงได้ ภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายอยู่ก่อนแล้วยิ่งลดถอยลงจนร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมยิ่งทรุดหนักลงไปอีก


“แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน ก่อนจะรีบเอามือป้องปาก และเริ่มเดินหายาแก้ไอไปทั่วคอนโด


“แค่ก  แค่ก แค่ก”เสียงไอดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ชานยอลจะคว้าเอาขวดยาแก้ไอออกมา แต่แล้วมือที่สั่นเทาก็เผลอทำขวดยาตก


“รีบอยู่นะ แค่ก แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโก่ง พร้อมกับบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเขายังเหลืองานที่ต้องทำอยู่อีกมาก ก่อนที่มือจะสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะบางอย่าง ดวงตากลมโตมองมือตัวเองนิ่ง หัวใจดวงน้อยวูบไหวเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานเลอะอยู่เต็มมือ คำพูดที่เคยพูดกับคริสย้อนกลับเข้ามาในหัว


‘ผมจะสู้มันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์เอง’


“ถ้าผมสู้มัน…..แค่ก แค่ก …ไม่ไหวล่ะ…. คุณองค….รักษ์”หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาเจือจางหยดเลือดในมือ หากแต่สีของเลือดยังคงเด่นชัดอยู่ในหัวใจของเขา  เขารู้ เขารู้ว่าร่างกายของเขากำลังอ่อนแอ เชื้อโรคร้ายกำลังเล่นงานร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆอยู่ทุกวัน


“คุณองครักษ์ จะโกรธผมมั้ย…..แค่ก แค่ก”มือเรียวรีบยกขึ้นป้องปาก ก่อนที่ลิ่มเลือดจะกระเด็นเปรอะเต็มมือทั้งสอง ยิ่งเห็นชานยอลก็ยิ่งร้องไห้ เขากลัว กลัวว่าตัวเองต้องจากคริสไป  กลัว กลัวว่าคริสจะต้องอยู่คนเดียว แค่นี้พี่คริสของเขาก็เศร้ากับโรคนี้มามากพอแล้ว



     เม็ดยาถูกเขย่าออกจากขวดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชานยอลจะรีบกิน แล้วคว้ายาต้านไวรัสที่หมอคิมให้มากินอย่างละล่ำละลัก



“แค่ก แค่ก แค่ก”ชานยอลไอจนตัวโยน เลือดกระเซ็นไปตามพื้นพร้อมกับยาที่ถูกสำลักออกมา


“กิน..กินเข้าไปสิ”มือเรียวรีบคว้ายาเข้าปาก แต่แล้วก็สำลักออกมาเพราะไออย่างหนัก  ใบหน้านวลแดงก่ำจนน่าสงสาร มือเรียวที่สั่นระริกยกขึ้นกุมหน้าอกของตัวเอง น้ำย่อยในกระเพราะตีรวนขึ้นมา ก่อนที่อาหารที่กินไปทั้งหมดจะถูกขย้อนออกมาเต็มพื้น พร้อมกับลิ่มเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว


“ฮึก…ไม่นะ”ชานยอลร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจปวดร้าวจนแทบเต้นไม่ไหว มือเรียวสั่นระริกพยายามไขว่คว้าหายา แต่ก็พบแต่ลิ่มเลือดที่อาเจียนออกมา  ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว เขาไม่อยากตาย เขายังไม่อยากจากคริสไป ขอเวลาให้เขาก่อน อย่าเพิ่งพรากเขาไปจากคริสตอนนี้



Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้องดังออกมาจากในห้อง ร่างโปร่งค่อยๆกระเสือกกระสนคลานไปหยิบมันขึ้นมา แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลกันมาก แต่มันดูเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับเขา ดวงตากลมโตมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ก่อนจะยิ้มกว้าง


“พี่คริส…”ชานยอลพยายามปรับน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด


“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”


“ไม่ ไม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี”หยดน้ำตาร่วงเผาะเมื่อต้องโกหก ก่อนที่มือเรียวจะรีบปาดมันออกลวกๆ


“แน่ใจนะ”


“แน่สิ คุณ….”ชานยอลชะงักเมื่อร่างกายกำลังประท้วงจะไออีกรอบ แต่เขาก็พยายามจะพูดต่อให้จบประโยค


“คุณองครักษ์ ผมน่ะแข็งแรงจะตาย”


“ดีแล้ว เป็นคนบอกเองว่าจะสู้มันไปกับฉัน เจ้าหญิงห้ามผิดสัญญา”


“จำได้ด้วยหรอ”


“ไม่เคยลืม”รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏบนใบหน้านวล ดีใจที่อีกคนจำคำพูดตัวเองได้ แต่ก็เสียใจที่เขาอาจะต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้…


“คุณองครักษ์…..”


“ครับ เจ้าหญิง”


“คุณองครักษ์….”ชานยอลชะงักไปอีกครั้งเมื่อร่างกายกำลังจะปะท้วงเขาอีกรอบ


“ชานยอล แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”


“ไม่ได้เป็นๆ คุณองครักษ์สบายดีนะ”


“ก็ดี ใครใช้ให้ฉันกินยาทุกวันล่ะ”รอยยิ้มถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม


“ดีมาก ไม่ดื้อสิดี”


“ฉันไม่ใช่เด็ก”


“…………………..พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจของผมเสมอ”ปลายเสียงหัวเราะออกมา จนชานยอลยิ้มตาม แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เหนื่อยล้าลงทุกที


“ทำอะไรอยู่”


“งานสิ คนเขามีงานต้องทำนะ”ร่างโปร่งแกล้งเหน็บอีกคนเล่น


“งั้นไปทำ แค่นี้”


“เดี๋ยวๆ ผมขอคุยต่ออีกหน่อยได้มั้ย”ชานยอลรีบรั้งอีกฝ่ายไว้ เขาอยากยืดเวลาที่ได้อยู่กับอีกคนให้มากเท่าที่จะมากได้ เพราะไม่รู้ว่าเวลาของตัวเองจะสิ้นสุดที่ตรงไหน…


“อู้นี่”ร่างโปร่งยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ


“วันเกิดปีนี้อยากได้อะไร”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะตอบ


“อะไรก็ได้  จะอยู่ถึงรึเปล่ายังไม่รู้”


“ถึงสิ! ต้องถึง…..ผมมีของให้ด้วยนะ ความจริงมีทุกปี แต่ไม่ได้ให้”คริสนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดเสียงเบา


“ขอโทษ”


“ไม่ได้อยากทำให้รู้สึกผิดสักหน่อย แต่ปีนี้ผมจะให้นะ”


“แล้วจะรอครับ เจ้าหญิง”รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกว่าเจ้าหญิง ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปมองนาฬิกา


“ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว  ต้องพักผ่อนเยอะๆ”


“เหมือนกันล่ะ ฝันดีครับ เจ้าหญิงของผม…”


“เดี๋ยว….”


“หื้ม”ชานยอลเงียบไปอีกครั้งก่อนจะตอบ


“มะ….ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ พักผ่อนเยอะๆนะ”


“มาแปลกนะ ไปนอนได้แล้วครับ เจ้าหญิง ฝันดีนะ”แล้วปลายสายก็กดตัดไป พร้อมกับที่โทรศัพท์หล่นลงบนพื้น มือเรียวแทบจะไร้เรี่ยวแรงหยิบจับอะไรแล้ว ศีรษะเล็กพิงกับกำแพง ก่อนจะหลับตาลง แล้วปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย เขาจะเหลือเวลาอีกเท่าไร เขาจะเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกเท่าไรกัน จะทันวันเกิดของคริสมั้ย จะได้ให้ของขวัญกับมือตัวเองรึเปล่า...


“อย่าเพิ่งเป็น….แค่ก แค่ก”เลือดไหลเปรอะเต็มมือของชานยอลกลบคำพูดที่ร่างโปร่งอยากจะพูดให้จบว่า ‘อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ’



          ยิ่งร่างกายร้องเตือนมากเท่าไร เขาก็รู้ถึงเวลาที่เหลือน้อยของตัวเอง ร่างโปร่งฝืนคลานไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอาของขวัญที่ยังทำไม่เสร็จออกมา ก่อนจะเริ่มบรรจงขีดเขียนลงไปในหน้ากระดาษ ตั้งใจเขียนสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ดินสอสีที่ไม่เคยแตะถูกหยิบออกมาใช้ รูปวาดเล็กๆกำลังถูกวาดอย่างตั้งใจโดยสองมือที่ประครองสีไม้เอาไว้


“ขอโทษ…แค่ก แค่ก..มัน…ไม่…. สวย”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน หลังโก่งด้วยความทรมาน แต่เขาก็ยังคงใช้สองมือบรรจงวาดรูปให้คริส ถึงแม้ว่าลายเส้นจะหงิกงอเพราะมือที่สั่นเทาแค่ไหนก็ตาม


“ดูแล้วต้อง..คิด…ถึงผมนะ  ฮึก”หยาดน้ำตาที่พยายามกั้นไม่ให้ไหลร่วงเผาะลงมา เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะลาจากโลกไป


“ผมรักพี่นะ…ผมรัก…..แค่ก แค่ก….พี่นะ ถ้าผม..ฮึก…ไม่อยู่….”ชานยอลพูดไม่ออก น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ปลายนิ้วชะงักเขียนต่อไม่ไหว รู้ตัวดีว่าเหลือเวลาอีกไม่เท่าไร


“ต้องดูแลตัวเองนะ…อย่าท้อ….อย่าหมดหวัง….อยู่แทน แค่ก แค่ก ผมนะ…”ทิชชู่ถูกดึงออกมาซับเลือดที่ไอออกมาจนชุ่ม ร่างกายคู้ตัวงอด้วยความทรมาน ดวงตากลมโตรีบเหลือบไปดูว่าของขวัญที่ตัวเองทำเปรอะมั้ย ก่อนจะพยายามเขียนต่อไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว


“ผมจะไปรอพี่นะ…..ผมจะไป……แค่ก แค่ก แค่ก”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหาย ชานยอลไอจนอาเจียนเป็นเลือด ลิ่มเลือดมากมายสาดกระเซ็นอยู่เต็มพื้น หยาดน้ำตาพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เวลาที่ใกล้หมดลงเร่งเร้าให้ชานยอลรีบทำของขวัญคริสให้เสร็จ


“แค่ก แค่ก…ขอเวลา…อีก…แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งอาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดอีกครั้งในปริมาณที่มากกว่าเดิม มือไม้สั่นระริก  ร่างกายเหมือนจะล้มลงไปทั้งตัว ตัวอักษรที่ตั้งใจเขียนค่อยๆถูกเขียนอย่างช้าๆ


“แค่ก แค่ก”ร่างกายชักกระตุกทันทีที่ตัวอักษรสุดท้ายถูกเขียนเสร็จ  ก่อนที่ดินสอสีจะร่วงหล่นลงสู่พื้น ความทรงจำทั้งชีวิตไหลย้อนเข้ามาในหัว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับคริส ตอนที่คอยแอบมองรุ่นพี่คนนี้ ตอนที่มอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ ตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนที่ถูกเขาทำร้าย ตอนที่ได้ดูแลร่างสูง ภาพทุกอย่างไหลทวนอีกครั้งราวกับจะย้ำเตือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย  รอยยิ้มบางๆถูกฉาบขึ้นที่ใบหน้านวล หมดทั้งชีวิตของเขาได้ทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว…


“เจ้าหญิงจะไปรอนะ….คุณองครักษ์”แล้วทุกอย่างก็ดับสูญ…..ชานยอลเกิดมาเพื่อคริส และจะตายไป…เพื่อคริส



----------------------------------------------------



  วันเกิดของคริสปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ ร่างสูงไม่ได้ใช้เวลาหมดไปกับการปาร์ตี้ แต่กลับใช้เวลาไปกับการอยู่บ้านกับครอบครัว และเฝ้ารอการมาของใครบางคนที่สัญญาว่าจะเอาของขวัญมาให้เขา เขารอคนคนนั้นตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ที่ตื่นขึ้นมา จนตอนนี้จะค่ำแล้วคนที่รอคอยก็ยังไม่มา โทรศัพท์ที่ต่อหาใครคนนั้นไม่มีคนรับ แต่เขาก็ยังคงนั่งรอต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครคนนั้นจะไม่มีวันทำตามสัญญา



  แล้วสัญญาที่ใครคนนั้นให้ไว้ก็พังทลายลง เมื่อพี่สาวของเขายื่นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งมาให้โดยไร้เงาของเจ้าของ ก่อนที่พี่สาวของเขาจะเดินเลี่ยงออกไป เมื่อทำตามคำขอของชานยอลเสร็จแล้ว มือหนาบรรจงแกะกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง ความสงสัยและตกใจเข้าเกาะกุมหัวใจจนสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะค่อยๆหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งออกมาจากกล่อง



   หน้าปกเขียนเป็นข้อความสั้นๆว่า My Alyssa บุคคลอันเป็นที่รักของฉัน  พร้อมกับกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือหงิกงอจะแนบมาด้วย ดวงตาคมกวาดตาอ่าน ก่อนจะแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่ออ่านจบ…



  ขอโทษที่เอาไปให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ป่านนั้นผมคงไปรอพี่ที่ปราสาทของเราแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะคุณองครักษ์ของผม คริสชะงักงัน ร่างกายแทบขยับไม่ได้ ที่ชานยอลเขียนมันหมายความว่ายังไง ไปรอเขาที่ปราสาทคืออะไร แล้วทำไมถึงมาให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ดวงตาคมเหลือบมองพี่สาวเป็นเชิงถาม แต่เธอเพียงแค่ยิ้มเศร้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาหวิวตอบกลับมาเท่านั้น



“อ่านให้จบเถอะ ชานยอล อยากให้เรา” น้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชานยอล….ชานยอลของเขา ไม่ ไม่จริงหรอก ร่างโปร่งแค่เซอร์ไพส์เขาเท่านั้น เมื่อเขาอ่านจบ ชานยอลก็จะออกมาสุขสันต์วันเกิดเขา



     ร่างสูงปาดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะจะเปิดไดอารี่อ่าน เพื่อเร่งให้ไปถึงหน้าสุดท้ายให้เร็วที่สุด หน้าแรกของไดอารี่ลงวันที่เอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่คริสจะค่อยๆอ่านมันช้าๆด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ



  วันนี้ผมได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาหล่อเหมือนกับเทพบุตรเลย ผมแทบไม่เชื่อว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองปี ชื่อคริส เป็นคนดังของโรงเรียน แต่เขาเจ้าชู้มาก ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้เลย แต่ตอนที่เห็นพี่เขา ผมก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจผมเลย…



  ร่างสูงยิ้มน้อยๆเมื่ออ่านจบก่อนที่เขาจะพลิกหน้าต่อไปอ่านต่อ  



วันนี้วันพี่กับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมาก เรียนเก่งด้วย ผมสู้ไม่ได้เลย…..ถ้าสักวันหนึ่งผมเป็นได้อย่างเธอสักครึ่งหนึ่ง พี่จะหันมามองผมบ้างมั้ย….


“เด็กโง่…”คริสว่าอีกฝ่ายอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะเปิดอ่านต่อไปเรื่อยๆ


เนื้อหาใจความเกี่ยวกับเรื่องราวในแต่ละวันที่คอยแอบมองเขา ชานยอลคอยแอบดูเขาแทบจะในทุกๆที่ สังเกตทุกอย่างที่เขาทำ และทุกสิ่งที่เขาชอบ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขาสนใจ ทั้งดูแลตัวเอง เรียนให้เก่ง ทำกิจกรรมต่างๆนานา เพื่อให้เขาหันไปมองบ้าง แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโรงเรียนด้วย


“นายมันบ้า ชานยอล”คริสพูดเศร้าๆ ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป


   วันนี้คุณพ่อบอกว่าจะให้ผมไปเรียนต่อที่อเมริกาสิบปี ผมไม่อยากไป ไม่อยากไปเลย อยู่ที่นี่ยังได้แอบมอง แล้วถ้าไปอยู่ที่นู่น….แม้แต่เงาพี่ผมยังไม่เห็นเลย ผมจะทำยังไงดี….


   มือหนาพลิกไปยังหน้าถัดไป



  พรุ่งนี้ต้องไปแล้ว ผมทนจากพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าผมจะไป อย่างน้อยก็ขอได้มั้ย ขอให้ผมได้ความรักแค่ชั่วคราวจากพี่ก็ยังดี ผมไปขอร้องกับจื่อเทา ขอให้คืนนี้ผมเป็นคนรับให้พี่ ผมทั้งกลัว ทั้งสับสนกับสิ่งที่ตัวเองจะทำ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เพราะทั้งชีวิตผมจะมีพี่แค่คนเดียว ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็จะรักใครอีกแล้ว แค่นี้ผมให้พี่ได้ ขอแค่พี่รักผมแค่ชั่วคราวก็ยังดี



 มือที่จับหน้ากระดาษเย็นเหยียบ ดวงตาคมจ้องเนื้อหาที่อ่านค้าง เมื่อสิบปีก่อน ที่ชานยอลยอมเขาก็เพราะอย่างนี้น่ะหรอ ยอมให้เขาพรากความบริสุทธิ์ของตัวเองไปแค่เพราะอยากให้เขารักแค่ชั่วคราวก่อนที่จะจากกันไปน่ะหรอ ทำไม ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น ทำไมถึงได้ยอมเขาขนาดนี้ ทำไมถึงทำเพื่อเขา



ร่างสูงเปิดอ่านไปยังหน้าถัดไป



เมื่อคืนผมอายมาก อายมากๆ นั่นคือครั้งแรกของผม แต่ผมต้องทำเหมือนมันไม่ใช่ ผมกลัว กลัวว่าถ้าพี่รู้ พี่จะไม่สนใจผม ผมมีความสุขมากๆที่พี่ยอมทำตามที่ผมขอ พี่ยอมเป็นแฟนผมแค่ชั่วคราว พี่เรียกผมว่าเจ้าหญิง พี่แทนตัวเองว่าองครักษ์ ผมดีใจมากๆเลยที่ได้ยินมันถึงมันจะแค่หลอกๆก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ได้ความรักจากพี่บ้างแล้ว อย่างน้อยก็ได้อยู่ในสายตาของพี่บ้างแล้ว ผมจะจำมันไปตลอดชีวิต คุณองครักษ์ ลาก่อน ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว


“ชานยอล….”คริสนิ่งงัน คืนนั้นสำหรับชานยอลคือคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิต การกระทำทุกอย่างทำให้หัวใจเด็กหนุ่มพองโต แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่ มันแค่คืนหนึ่งที่แปลกกว่าคืนอื่น แค่การกระทำที่ทำให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แค่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาเบื่อที่จะมีอะไรกับผู้หญิงอย่างนั้นก็แค่นั้น เขาแทบไม่เห็นค่าอะไรมันเลย



แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Mon Feb 03, 2014 8:56 am, ทั้งหมด 3 ครั้ง

http://0ctogus.forumth.com

2My Alyssa Part6 Empty Re: My Alyssa Part6 Sun Feb 02, 2014 3:10 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

มือหนาพลิกหน้าต่อไป


ผมถึงอเมริกาแล้ว อยากกลับไปหาพี่จัง คิดถึงพี่จัง พี่จะคิดถึงผมมั้ย จะนึกถึงผมบ้างรึเปล่า ไม่หรอก…พี่คงไม่คิดถึงผม ผมแค่เด็กคนนึงที่เข้ามาในชีวิตพี่แค่วันเดียว แต่สำหรับผม….พี่คือคนคนนึงที่เข้ามาในชีวิตของผมทั้งชีวิตเลยรู้มั้ย…อยู่นู่นดูแลตัวเองด้วยนะ คิดถึงคุณองครักษ์จังเลย


“เด็กโง่”คริสว่าอีกคนทั้งน้ำตาที่หยดลงมาใส่หน้ากระดาษ มือหนารีบปาดออกทันทีกลัวว่าหนังสือจะเสียหาย หากแต่น้ำตาที่กำลังไหลอยู่ในใจกลับไม่จางหายไปด้วย สำหรับชานยอลเขาคือทั้งชีวิตของร่างโปร่ง  คือทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กคนนั้น ในขณะที่เขา….ชานยอลเป็นเพียงแค่เด็กคนนึงเท่านั้นเอง ร่างสูงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆก่อนจะเปิดอ่านหน้าต่อไป



Miss you
Miss you
Miss you
คิดถึงคุณองครักษ์จัง
วันนี้ดูข่าว โซลจะหนาว-5องศาเลย ใส่เสื้อผ้าอุ่นๆด้วยนะ
คิดถึงจังเลยคุณองครักษ์



คริสทำอะไรไม่ถูก ชานยอลใส่ใจเขาทุกๆอย่าง ห่วงในทุกๆเรื่องแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนก็ตาม ร่างโปร่งเอาแต่บ่นคิดถึงเขาในทุกๆวันที่อยู่ต่างประเทศ คอยดูข่าวที่เกี่ยวกับเกาหลีเพราะห่วงใยเขาที่อยู่ที่นี่ และเล่าเรื่องตัวเองบางประปราย ชานยอลเล่าว่ามีคนมาจีบบ้าง แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ บอกแต่ว่า คุณองครักษ์ดีกว่า ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขาแทบไม่มีดีอะไรให้อีกฝ่ายรักเลย ทั้งเลว ทั้งเจ้าชู้ ใจร้ายไม่เคยสนใจร่างโปร่ง แต่อีกฝ่ายก็ยังรักเขา รักทั้งๆที่อยู่กันไกลแสนไกล…



ในโลกนี้จะมีใครที่รักเขาได้เท่าชานยอลอีก….


มือหนาเปิดหน้ากระดาษต่อไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่ชานยอลได้กลับมาเกาหลีอีกครั้ง


ครั้งแรกที่รู้ว่าได้กลับเกาหลี ผมดีใจมาก  ผมจะได้กลับไปหาพี่แล้วนะ  พี่จะเป็นยังไงบ้าง จะทำอะไรอยู่ ผมคิดถึงพี่จังเลย อยากเจอหน้าพี่ไวๆจังเลย ผมมีคำถามเกี่ยวกับตัวพี่มากมายไปหมด แต่พอกลับมาถึงเกาหลีจริงๆผมก็ไม่ได้คำตอบสักคำถาม เพราะเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลา แต่ยังโชคดีนะ! ผมได้ทำงานที่เดียวกับพี่อลิซด้วย ผมดีใจจังเลย เราสองคนสนิทกันพอสมควร วันนี้พี่อลิซชวนผมไปงานเลี้ยงปีใหม่ที่บริษัทด้วย พี่จะไปด้วยรึเปล่านะ อยากเจอจังเลยคุณองครักษ์


ยิ่งอ่านร่างสูงก็ยิ่งเจ็บ ชานยอลรู้เรื่องของเขาแทบทุกเรื่อง รู้ว่าพี่สาวเขาคือใคร รู้เยอะกว่าที่ตัวเขาจะรู้จักตัวเองเสียอีก และดูเหมือนว่าทุกๆอย่างในชีวิตของเด็กคนนี้จะมีแต่เขาเท่านั้น ขนาดที่ว่าแค่พี่สาวเขาชวนไปงานเลี้ยง ยังนึกคิดว่าเขาจะไปด้วยมั้ย ในห้วงความคิดของชานยอลแทบจะมีเขาอยู่ในนั้นทุกวินาที ในขณะที่ตอนนั้นตัวเขาแทบจะลืมชานยอลไปแล้วด้วยซ้ำ
ร่างสูงเปิดพลิกหน้าอ่านต่อไปอีก



 วันนี้ผมได้เจอพี่อีกครั้ง ผมดีใจมากที่ได้เห็นหน้าพี่ แต่…พี่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น พี่จำผมไม่ได้ ลืมไปแล้วว่าเด็กคนนี้เคยอยู่กับพี่ในคืนนั้น ผมยอมรับว่าผมเสียใจ แต่ผมก็รู้ ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นใคร ผมเป็นแค่เด็กคนนึงที่หลงรักพี่ ไม่แปลกหรอกที่พี่จะไม่สนใจผม แต่ผมก็ยังดีใจนะที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คุณองครักษ์ของเจ้าหญิง


“ฉันจำนายได้ ชานยอล ฉันจำนายได้ ฉันขอโทษ”หยดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย สิ่งที่เขาใจผิดมาตลอด สิ่งที่คิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายจำตัวเองไม่ได้ กลับผิดคาด คนที่จำเขาได้ดีและไม่เคยลืมเลือนเลยคงจะเป็นชานยอลเสียมากกว่า เด็กคนนั้นดีใจที่ได้เจอเขา แม้ว่าเขาจะอยู่กับคนอื่นก็ตาม


  มือหนาที่สั่นระริก เปิดหน้าต่อไปด้วยความปวดร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรับรู้ว่าอีกฝ่ายรักเขามากแค่ไหน เขาก็ยิ่งเจ็บ….ยิ่งเจ็บมากขึ้นไปทุกทีเมื่อย้อนนึกถึงความเลวที่ตัวเองเคยได้ทำ



  วันนี้ผมไปปรึกษางานที่บ้านของพี่ ผมลุ้นตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะเจอพี่มั้ย พี่จะไปเที่ยวรึเปล่า แต่สุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจมั้ยที่ได้เจอพี่ พี่อยู่กับผู้หญิงอีกแล้ว พาเขามากินข้าวด้วย ทำอย่างนั้นใต้โต๊ะกินข้าว………………..คุณองครักษ์ ผมเจ็บจังเลย


  นิ้วแกร่งไล้มือไปตามตัวอักษรสีจางที่เหมือนร่างโปร่งกำลังร้องไห้ตอนที่เขียนไปด้วย ก่อนจะพร่ำขอโทษซ้ำๆให้อีกฝ่าย แต่ทุกอย่างก็ไร้เสียงตอบ ชานยอลไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้มานั่งฟังคำขอโทษจากเขาแล้ว


“ถ้าพี่อ่านจนจบ เจ้าหญิงต้องออกมานะ ออกมาฟังคำขอโทษจากพี่”คริสพูดกับอากาศ ยังบอกตัวเองว่าชานยอลยังคงอยู่ แอบอยู่ตรงไหนสักที่ในบ้านเพื่อรอเซอร์ไพส์เขา…


 มือหนาไล่เปิดไปยังหน้าต่อไป ชานยอลดีใจมากที่เขาจะมารับที่คอนโด แค่เขาโทรมา เด็กคนนั้นก็ช็อคจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ในขณะที่ตัวเขาแค่อยากจะหาวิธีกลั่นแกล้งอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายเจ็บที่จำเขาไม่ได้  ทำไม….ทำไม…ทำไมตอนนั้นเขาถึงได้กล้า…



ร่างสูงเปิดอ่านไปยังหน้าต่อไป มือไม้สั่นระริก น้ำตาพรั่งพรูมาเป็นสายเมื่อถึงเหตุการณ์ที่เขาทำร้ายอีกฝ่ายทั้งกายและใจ คืนวันที่เขาตามไปห้องของชานยอล…



 ผมกลัว…ผมกลัวมาก พี่ทำเหมือนผมไม่ใช่คน พี่หาว่าผมเป็นพวกอย่างนั้น ผมไม่กล้าเถียงเพราะรู้ว่าเถียงไปก็เท่านั้น ผมรู้ ผมรู้ว่า ผมไม่มีค่าอะไร พี่อยากได้อะไรผมก็จะทำให้ เพราะทั้งชีวิตของผมเป็นของพี่หมดแล้ว แค่ตัวผม หัวใจผม ผมก็ให้ได้ ถ้าพี่ร้องขอชีวิตผม ผมก็กล้าให้



“นายมันบ้าชานยอล!!!”คริสแผดเสียง ความรู้สึกผิด และโศกเศร้าถาโถมใส่จิตใจ เขาทำกับร่างโปร่งขนาดนั้น แต่เด็กคนนั้นกลับ…..ยินดีจะรับการกระทำของเขาทุกอย่าง ทำไม ทำไมถึงได้รักเขามากขนาดนี้ ทำไม!


 มือหนาพลิกกระดาษไปยังหน้าต่อไป กลัวที่จะต้องอ่านความจริง แต่เขาก็ต้องทำ อยากให้มันจบเร็วที่สุด เพื่อที่ชานยอลจะได้ออกมาสักที


  ผมอยากตาย พี่พาผู้หญิงคนอื่นมาทำอย่างนั้นที่ห้องของผม พี่ให้ผมนั่งดู พี่ทำต่อไป ทั้งๆที่ผมทั้งร้องไห้ ทั้งขอให้หยุด แต่พี่ก็ยังทำ ผมเสียใจ เป็นครั้งแรกที่ผมอยากให้ตัวเองตาบอดจะได้ไม่ต้องเห็นพี่ อยากให้ตัวเองหูหนวกจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียง พี่คริส….พี่ฆ่าผมดีกว่า ฆ่าผมให้ตายตรงนั้นดีกว่าให้ผมทนดูพี่มีอะไรกับคนอื่น ทำไมนะ ทำไมผมถึงเลิกรักพี่ไม่ได้เลย ทำไมนะ ทำไมเจ้าหญิงยังรอให้คุณองครักษ์หันมามองทั้งๆที่คุณองครักษ์ใจร้ายกับเจ้าหญิงขนาดนี้…



“พี่ขอโทษ ชานยอล พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่….…พี่ขอโทษ”คำขอโทษนับร้อยนับพันถูกคริสพูดซ้ำๆ เขาเกลียดตัวเอง เกลียดตัวเองที่กล้าทำอย่างนั้น กล้าทำร้ายคนที่รักตัวเองมากกว่าชีวิตได้ลงคอ เกลียดที่ไม่เคยเห็นค่าของชานยอล เกลียดที่ตัวเองโง่! โง่ที่ไม่รักชานยอลให้เร็วกว่านี้!!!



“พี่ขอโทษ….”คริสพูดซ้ำๆ หยดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย บางหยดหยดลงบนกระดาษ มือแกร่งรีบปาดมันออก หยิบทิชชู่มาซับไม่ให้น้ำซึมไปยังกระดาษแผ่นอื่น ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลต่อไปเงียบๆแล้วจึงเปิดไปยังหน้าต่อไป ชานยอลไม่เคยโกรธเขา ไม่เคยเกลียดที่โดนทำร้าย ร่างโปร่งยังคงรักเขาอยู่เสมอแม้ว่าเขาจะทั้งด่า ทั้งว่า ทั้งทำร้ายจิตใจสารพัด แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงไม่ไปไหน ยังเดินตามเขาอยู่ข้างหลัง แอบดูอยู่ห่างอยู่ตลอดเวลา จนขนาดที่คนทั้งโลกหันหลังให้เขาที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ เด็กคนนั้นก็ยังคงเดินอยู่ข้างหลังเขา ไม่วิ่งหนี เหมือนคนอื่นๆ…



     วันนี้เจอพี่อลิซ  เธอเครียดมาก ผมเข้าไปถามเธอว่าเป็นอะไร พี่อลิซเล่าในสิ่งที่ผมแทบไม่อยากจะเชื่อ พี่คริสติดเชื้อHIV ผมช็อค ทำอะไรไม่ถูก แต่พอหายตกใจ ผมก็รู้สึกห่วงพี่คริสขึ้นมา ผมขอพี่อลิซติดรถกลับบ้านไปด้วย พอพี่คริสเห็นผม พี่คริสก็ลุกขึ้น เตรียมจะขึ้นบ้าน บอกว่าผมจะรังเกียจถ้ากินข้าวกับเขา พี่คริสพี่รู้มั้ยว่าผมไม่เคยคิดรังเกียจพี่ ต่อให้พี่จะเป็นโรคน่ากลัวยิ่งกว่านี้ผมก็ไม่รังเกียจพี่เลย ผมขอให้พี่นั่งกินข้าวต่อ แต่พี่ก็ตักอาหารแยกของตัวเอง ไม่เห็นต้องทำอย่างนั้นเลย ผมกล้ากินต่อจากพี่อยู่แล้ว ผมไม่กลัวหรอก ในเมื่อผมรักพี่ ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไงผมก็ยังรัก ขอแค่พี่อย่าปฏิเสธผมอย่างนี้เลย เจ้าหญิงรักคุณองครักษ์นะ



“นายมันบ้า ชานยอล นายมันบ้า”ร่างสูงต่อว่าอีกฝ่ายทั้งน้ำตา เอดส์ใครก็รังเกียจ แต่เด็กคนนี้กลับไม่สนใจ ยังคงรักเขาต่อไป ถัดมาจากหน้านั้น ชานยอลก็เริ่มเขียนถึงข้อมูลโรคเอดส์ หาความรู้ต่างๆ วิธีการดูแลคนป่วยสารพัด ดูเหมือนว่าคำว่าเอดส์จะไม่ได้ทำให้เขากลัวเลยแม้แต่น้อย ไม่กลัวจนถึงขนาดที่ว่าเป็นเองก็ยังไม่เป็นไร



  วันนี้ผมไปเที่ยวกับครอบครัวของพี่ที่บ้านพักตากอากาศ พี่ถูกงูฉก ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น ผมคิดแค่ว่าพี่ต้องไม่ตาย ผมดูดพิษให้พี่ ผมไม่สนว่าตัวเองกำลังเป็นแผลที่ปากอยู่  ผมสนแค่พี่ต้องรอด ถ้าพี่ตายผมคงอยู่ไม่ได้ พี่ถูกพาส่งโรงพยาบาล ที่บ้านพี่ขอร้องให้ผมไปตรวจเลือด ตอนรอตรวจ ผมแทบอยากจะรัดคิวให้ทุกอย่างมันเร็วขึ้น ผมอยากขึ้นไปหาพี่ที่ห้องพักผู้ป่วยใจจะขาด



  วินาทีที่ผมรู้ว่าผมติดเชื้อผมช็อค หมอบอกว่าผมติดมาจากตอนมีอะไรกับพี่ครั้งนั้น ไม่ใช่เพราะดูดพิษงู ผมแทบไม่ได้ฟังที่หมอพูดต่อ เพราะมัวแต่ดีใจ จากนี้ใครไม่กล้ากอดพี่ ผมจะกล้า ใครไม่กล้าจับพี่ ผมจะกล้า ใครไม่กล้าจูบพี่ ผมก็จะกล้า  เราเป็นเหมือนกันแล้วนะ ดีใจมั้ย คุณองครักษ์จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เจ้าหญิงจะอยู่เป็นเพื่อนคุณองครักษ์เองนะ    



“ชาน….”คริสพูดไม่ออก เขารู้สึกผิดเกินกว่าจะพูดไหว เด็กคนนี้ทำให้เขามากมาย แต่เขาไม่เคยให้อะไรกับเด็กคนนี้เลย มือหนาพลิกหน้ากระดาษต่อไป



วันนี้พี่จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่พี่ต้องไปหาหมอคิมต่อ พี่คริส เป็นเอดส์ต้องใจสู้นะ พี่ต้องสู้ ผมจะสู้ไปกับพี่ด้วย เราจะกินยาด้วยกันนะ พี่ห้ามดื้อนะ เราจะต้องอยู่ด้วยกันไปนานๆนะ ผมรักพี่นะ พี่คริส อย่าดื้อกับผมนะ คุณองครักษ์!



รอยยิ้มเศร้าๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปากหนา ก่อนที่คริสจะเปิดหน้าอ่านต่อไป เนื้อหาในนั้นเริ่มไม่สดใสอย่างที่เคย…



   พี่คริส…ถ้าผมผิดสัญญา พี่จะว่าอะไรมั้ย ผมรู้ว่าพี่เกลียดคนผิดสัญญา แต่ผมทำตามที่พูดไว้ไม่ได้จริงๆ ผมไม่ไหวแล้ว ไปนอนก่อนนะ ฝันดีครับ คุณองครักษ์



ร่างสูงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด ภาวนาอยู่ลึกๆว่าขอให้อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด แต่พอพักหลังไดอารี่ของชานยอลก็เริ่มแปลกไป ลายมือที่เคยเรียบร้อยเริ่มไม่เป็นอย่างเมื่อก่อน เรื่องที่เอาแต่พูดถึงเขาเริ่มมีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง เหมือนพักหลังๆชานยอลจะเครียดเรื่องงานมาก จนเอามาระบายในไดอารี่ มีบ้างที่พูดถึงเขา และบอกให้เขาดูแลตัวเอง แต่เกือบทุกหน้ามักจะลงท้ายด้วยคำพูดแปลกๆว่า ถ้าผมรักษาสัญญาไม่ได้ล่ะ…



“สัญญาอะไรชานยอล”คริสพึมพำ ก่อนจะเร่งอ่านต่อไป ลายมือของชานยอลเริ่มแย่ลง หน้ากระดาษเริ่มมีคราบน้ำตา และบางอย่างที่คล้ายกับหยดเลือด หัวสมองร่างสูงคบคิดเร็วจี๋ เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่โทรศัพท์กันครั้งนั้น ชานยอลดูแปลกไป เหมือนคนพยายามกลั้นไอ



“ไม่นะ…”คริสร้องเสียงหลง รีบเปิดอ่านไปเรื่อยๆ อยากให้จบไวๆเพื่อที่ชานยอลจะได้ออกมา



   ผมเหนื่อยจัง  งานเยอะมาก อิจฉาคนไม่ได้ทำงานจัง คิดถึงพี่จัง อยากไปหาจังเลย พี่คริสสมมตินะ สมมติว่าถ้าผมไปรอพี่ที่ปราสาทของเราก่อน พี่จะว่าผมมั้ย อย่าว่าผมเลยนะ ผมไปเตรียมบ้านสวยๆให้พี่ไง คุณองครักษ์



“ชานยอล..”หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมา ชานยอลกำลังพูดถึงอะไร ไปรอเขาพี่ปราสาทคืออะไร ไม่นะ มันต้องไม่เป็นอย่างนั้น ชานยอลต้องไม่ไปไหนทั้งนั้น




   ใกล้ถึงวันเกิดแล้ว เตรียมของขวัญให้ด้วยล่ะ  คิดถึงจังเลย อยากได้ยินเสียงพี่จัง อยากไปหา อยากกอดเอาไว้แน่นๆ พี่คิดถึงผมมั้ย พี่คริส ผมคิดถึงพี่จังเลย คุณองครักษ์มาลักพาตัวเจ้าหญิงไปที  วันเกิดปีนี้ผมจะพยายามเอาไปให้ด้วยตัวเองนะ



มือหนาเปิดไปยังหน้าต่อไป แผ่นเกือบสุดท้ายของไดอารี่ ทั้งแผ่นแทบอ่านไม่ออก เพราะเต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตา มือแกร่งที่จับหน้ากระอยู่สั่นระริก หัวใจแทบหยุดเต้นกับความจริงตรงหน้า อยากให้ชานยอลออกมาหาเขา อยากให้เดินมากอดเขาไว้ ย้ำเตือนกับเขาว่า มันไม่มีอะไรอย่างที่เขากลัว ร่างโปร่งไม่ได้ไปไหน ร่างโปร่งยังคงอยู่กับเขา ….



  พรุ่งนี้วันเกิดของพี่  พี่คริส…ผมไม่มีอะไรจะให้นอกจากหนังสือเล่มนี้และการ์ดใบเล็กๆที่ผมทำให้ ผมทำให้พี่ทุกปี อยากเอาไปให้พี่ด้วยตัวเองทุกครั้ง แต่วันเกิดปีนี้ผมก็คงไม่ได้ให้อีกอยู่ดี ผมขอโทษนะ ที่ทำตามที่พูดไม่ได้  คุณปีศาจเล่นงานผมจังเลย แต่ผมอยากให้พี่รู้ไว้นะว่าผมตั้งใจทำมันให้พี่แค่ไหน ทุกครั้งที่พี่อ่านมัน พี่ต้องคิดถึงผมนะ



   พี่คริส  12ปีแล้วที่ผมรักพี่  ผมอยากบอกพี่นะ ว่าผมดีใจจริงๆที่ได้เจอพี่ พี่อาจจะไม่รู้ตัวว่าพี่สำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่พี่สำคัญกับผมมากจริงๆ พี่ทำให้ผมยิ้ม ทำให้ผมมีความสุข ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก ทำให้เด็กคนหนึ่งทำอะไรที่ไม่เคยกล้าทำได้  ผมรักพี่มากจริงๆนะ รักอยู่ตลอดเวลาเลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะรักใครอีกแล้วด้วย



   สองสามเดือนที่เรามีความสุขด้วยกันมันจะสั้น แต่สำหรับผม แค่นี้มันก็พอแล้ว พอแล้วกับทั้งชีวิตของผม  พี่รู้มั้ยว่าช่วงเวลาที่มีพี่อยู่ด้วย มันคือช่วงที่ดีที่สุดสำหรับผมเลยนะ ผมอยากจะยืดช่วงเวลานี้อีกนานๆจังเลย อยากอยู่กับพี่อีกนานๆ  อยากให้พี่กอดผมไว้ จูบผมไว้ บอกรักผมซ้ำๆถึงแม้พี่จะไม่รู้สึกอะไร อยากจะสู้กับโรคไปด้วยกันกับพี่อีกนานๆ แต่ผมรู้ว่ามันคงไม่มีวันนั้น  ปีศาจในตัวผมมันเล่นงานผมจังเลย  ผมเหนื่อยจัง…



  พี่คริส  สัญญากับผมได้มั้ยว่าถ้าวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่ พี่จะต้องอยู่ให้ได้  ผมไม่ได้จากพี่ไปไหนไกล ผมแค่ไปรอพี่ที่ปราสาท ไปทำบ้านสวยๆให้พี่อยู่ สักวันหนึ่งเราก็จะได้เจอกันที่นั่น พี่คริส พี่ต้องทำให้ได้นะ  ต้องอยู่ให้ได้รู้มั้ย  อยู่ทำทุกอย่างแทนผมนะ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำ ผมยังไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่เลย ยังไม่ได้ฟังพี่บอกรัก  ทำแทนผมด้วยนะ สัญญากับผมนะพี่คริส ว่าจะไม่ร้องไห้ ไม่เศร้า ไม่หมดหวัง ตอนนี้อาการพี่ดีมากแล้วนะ อย่ากลับไปทรุดอีกรู้มั้ย สัญญากับผมนะ



   ของขวัญปีนี้ผมทำไว้ให้แล้ว เปิดไปที่หน้าสุดท้ายนะ อาจไม่สวย แต่ผมตั้งใจทำให้พี่มากเลยนะ พี่คริส ผมรักพี่นะ


เจ้าหญิงรักคุณองครักษ์มากๆนะ



“ชานยอล”ร่างสูงเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสั่น ก่อนจะหลับตา พลิกหน้ากระดาษต่อไป การ์ดใบหนึ่งแปะอยู่ที่หน้ากระดาษ รูปวาดสีไม้ที่ผสมปนเปกับหยาดน้ำตาและหยดเลือดเด่นชัดอยู่ตรงหน้าของเขา


สุขสันต์วันเกิด คุณองครักษ์ของผม


ขอบคุณที่พี่เกิดมา ขอบคุณที่ให้ผมรัก  ปีหน้ารอการ์ดจากผมอีกนะ  เจ้าหญิงรักคุณองครักษ์นะ


เค้กวันเกิดรูปร่างบิดเบี้ยวเพราะมือของคนวาดแทบไร้เรี่ยวแรงถูกวาดอยู่ตรงกลาง โดยมีรูปของชานยอลกับเขาวาดอยู่ข้างๆ และหยดเลือดที่สาดกระเซ็นเลอะรูปวาดเป็นดวงๆ…


“ชานยอล…”คริสยกหนังสือขึ้นแนบอก น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย สิ่งที่เขากลัวกำลังจะเป็นจริงอย่างนั้นหรอ ชานยอลกำลังจากเขาไปอย่างนั้นหรอ….


“ชานยอล..ไม่….อย่าเล่นกับพี่แบบนี้…ไม่….ชานยอล”ร่างสูงแผดเสียงไปทั่วห้อง หวังให้ชานยอลเดินออกมาสักมุมหนึ่งของห้อง ยืนยิ้มให้เขา หัวเราะที่เขาร้องไห้ และโอบกอดเขาไว้เหมือนเด็กๆ แต่ทุกอย่าง…..กลับว่างเปล่า


“ชาน…ไม่เล่นอย่างนี้ ออกมา ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไป…”มือหนาทุบโต๊ะซ้ำๆ แต่ร่างโปร่งก็ไม่ออกมาหาเขา


“ชาน…..องครักษ์ จะอยู่ยังไงล่ะ ชาน ได้โปรด ออกมาที”ดวงตาคมพยายามมองหาอีกคนไปทั่วห้อง ก่อนจะยันกายลุกขึ้นเที่ยวตามหาไปทั่ว


“เจ้าหญิง…อย่าทิ้งผม อยู่ไหน ออกมาที”


“คริส  พอเถอะ คริส”อลิซที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าโผเข้ากอดน้องชายที่เดินตามหาร่างโปร่งไปทั่ว ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดฮวบลงกับพื้น


“ปล่อยผม…ผมจะหาชานยอล เขาต้องซ่อนอยู่ในนี้”


“ไม่คริส….ชานยอลไม่ได้อยู่ที่นี่”อลิซพยายามปลอบน้องชายให้สงบลง


“พี่หลอกผม พี่หลอกผม ชานยอล….เขายังอยู่ เขาบอกว่าเขาจะสู้กับโรคไปกับผมนะ เขาต้องไม่เป็นไรสิ”ร่างสูงแผดเสียงใส่ จนคนทั้งบ้านต่างวิ่งกรูกันเข้ามาหา


“คริส…ใจเย็นก่อน ถ้าชานยอลรู้ ชานยอลจะเสียใจนะ”ร่างสูงค่อยๆเงียบลงเมื่ออ้างชื่ออีกฝ่าย หากแต่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้ม ดวงตาคมมองการ์ดที่อยู่ในมืออย่างเศร้าโศกระคนรักใคร่


“เห็นการ์ดนั่นมั้ย ถ้าปีหน้าถ้าคริสทำตัวดี เชื่อฟังหมอ คริสก็จะได้รับการ์ดนั้นนะ ชานยอลเขาฝากพี่เอาไว้นะ อย่าร้องไห้ พอแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย”อลิซพยายามปลอบน้องชายที่อยู่ในอ้อมกอด หากแต่คริสกับยังคงร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ


“ถ้าผมอยู่ต่อถึงปีหน้า ผมก็จะได้การ์ดของเขาใช่มั้ย”


“ใช่ คริส”อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป หากชานยอลยังอยู่ เขาคงจะเถียงไปแล้วว่าเขาไม่ใช่เด็ก แต่ตอนนี้ร่างโปร่งไม่อยู่แล้ว….ทิ้งเขาให้พูดประโยคนั้นอยู่คนเดียว โดยไม่มีอีกฝ่ายมาตอบกลับว่า ‘พี่ก็เป็นเด็กเอาแต่ใจของผมเสมอล่ะ’



                หลังจากวันนั้นคริสก็ทำตามที่ชานยอลบอก ร่างสูงพยายามดูแลร่างกายตัวเอง และมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ครบถึงปีหน้าเพื่อรอรับการ์ดของร่างโปร่ง และเพื่อทำคำขอครั้งสุดท้ายของชานยอลให้เป็นจริง นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาพอจะตอบแทนความรักของชานยอลได้….



“คริส สุขสันต์วันเกิด”อลิซเอ่ยบอกน้องชาย ก่อนจะยื่นการ์ดของชานยอลให้ ร่างสูงอ่านดูก่อนจะร้องไห้ออกมาเงียบๆ



สุขสันต์วันเกิด ปีนี้สามสิบแล้วนะ คนแก่



พี่อยู่แทนผมมาอีกหนึ่งปีแล้วนะ สู้ๆนะคุณองครักษ์ เจ้าหญิงรักคุณองครักษ์นะ



ชานยอลรักเขาแม้กระทั่งลาจากโลกนี้ไปแล้ว….



“องครักษ์ก็รักเจ้าหญิงเหมือนกัน”คำว่ารักที่สายไปแล้วถูกเอ่ยออกมาจากร่างสูง ยิ่งรู้ว่าทุกอย่างช้าไปเขาก็ยิ่งเจ็บ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าบอกรักอีกฝ่ายผ่านโลกนี้



             คริสใช้ชีวิตเพื่อรอรับการ์ดแผ่นเล็กๆของชานยอลอย่างนี้ทุกๆปี ทุกๆปี จากปีแล้วปีเล่า ไปเรื่อยๆจนครบสิบปี ในที่สุดเวลาที่เขาจะได้ไปหาชานยอลที่ปราสาทก็มาถึง ร่างสูงลาจากโลกนี้ไปด้วยโรคแทรกซ้อนอย่างวัณโรคเช่นเดียวกับร่างโปร่ง คำขอสุดท้ายก่อนตายของคริสคือให้ฝังเขาไว้ข้างหลุมศพของชานยอล และฝังเขาไปพร้อมกับการ์ดและไดอารี่เล่มนั้น สมุดบันทึกที่เก็บเรื่องราวของบุคคลอันเป็นที่รักของเขาเอาไว้….



                ...........................................................................................................


เชื่อไหม ... ว่าฟิคเรื่องนี้ 80 % มาจากเรื่องจริง ของคนคู่นึง ตั้งแต่วันพบกัน วันต้องยอมสละของรักของตัวเองครั้งแรก วันที่โดนทำร้ายทั้งตัวและหัวใจ มันคือเรื่องจริงนะ .... จะมีไม่ใช่ก็ตรงเอดส์ ที่เราแต่งขึ้นมา โรคเอดส์มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดกันหรอก แค่รู้จักวิธีป้องกันตัว เข้าใจโรคว่ามันจะติดต่อทางไหนบ้างก็เท่านั้น ผู้ติดเชื้อน่าสงสารนะ แค่มีเชื้ออยู่ในตัวเค้าก็คงแย่มากแล้ว ยังต้องเจอสังคมที่โหดร้าย ตราหน้าว่าเค้าคือพวกที่น่ารังเกียจ น้อยคนนักที่จะตายเพราะโรคเอดส์ คุณพยาบาลที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนึงบอกเราว่า คนพวกนี้ส่วนมากเสียชีวิตเพราะขาดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ นา ๆ ที่คร่าชีวิตเค้า เพียงเพราะสังคม หรือคนใกล้ตัวรังเกียจ

กำลังใจ .... คือสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นได้เอง ขอให้ทุกคนมีกำลังใจในการมีชีวิตต่อ ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาว ขอให้ซักวันนึงคุณหมอคนเก่งซักคนบนโลกคิดยาที่รักษาโรคนี้ได้จนหาย ..... ขอให้พวกคุณโชคดี

http://0ctogus.forumth.com

3My Alyssa Part6 Empty Re: My Alyssa Part6 Sat Jul 12, 2014 6:07 pm

KrisYeol5125

KrisYeol5125

จากใจว่านั่งอ่านรอบที่สองแล้วค่ะ แต่ก็ยังนั่งร้องไห้อยู่เหมือนเดิม T^T

ความรักที่เขามีให้กันมันช่างยิ่งใหญ่ การมีชีวิตอยู่ต่อเพื่ออีกคนนึงซึ่งไม่มีโอกาสนั้น

ถึงคนที่อยู่จะทรมาน แต่เพื่อคนที่จากไป เขาก็ยินดีที่จะทำให้ดีที่สุด เศร้ามากค่ะ TT[]TT

4My Alyssa Part6 Empty Re: My Alyssa Part6 Wed Oct 08, 2014 4:22 pm

boonboo_bb



น้ำตาท่วม.

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ