หลังจากวันนั้นชานยอลก็มาเยี่ยมคริสแทบทุกวัน ร่างโปร่งทำหน้าที่ดูแลร่างสูงแทบทุกอย่างจนเกือบจะเท่าที่พยาบาลทำ หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เขาทั้งคอยดูแลตอนกินข้าว ให้ทานยาให้ครบ คอยหยิบจับนู่นนี่ให้คริสเวลาที่ร่างสูงไม่ถนัด คอยอยู่เป็นเพื่อนในเวลาที่เหงา จนบางครั้งคริสถึงกับลืมความเศร้าจากการป่วยเป็นโรคไปได้ชั่วขณะ…
“วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วนะ คุณองครักษ์”ชานยอลเอ่ยถามพร้อมกับฉีกยิ้มอบอุ่นให้กับคริส
“ก็ดี เบื่อโรงพยาบาลจะแย่”ร่างสูงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ร่างโปร่งยิ้มน้อยๆ รู้ดีว่ารุ่นพี่ของเขาคนนี้เกลียดโรงพยาบาลแค่ไหน
“อย่าเพิ่งเบื่อโรงพยาบาลสิครับ วันนี้ยังมีนัดไปหาหมอคิมอีกนะ ต้องไปเอายาเพิ่ม”ร่างโปร่งพูดถึงหมอที่รักษาโรคเอดส์ของคริส แววตาคมดูหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง
“ไม่ทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่เองนะ ไปเอายาด้วยกันนะ”มือเรียวกุมมือหนาเอาไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่นราวกับจะบอกคริสว่าโลกทั้งใบนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เขาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคริสทุกเวลาเอง
“ก็ได้”ร่างสูงตอบรับไปอย่างนั้น หากแต่แววตาก็ยังเจือความเศร้าอยู่ดี
“คุณองครักษ์ คุณองครักษ์อยู่ไหนครับ คุณองครักษ์ของผมอยู่ไหน”ชานยอลแกล้งมองหาคุณองครักษ์ของเขา ไปตามใต้เตียง โซฝา เปิดผ้าห่มของคริสดู จนร่างสูงแอบยิ้มให้กับท่าทางของอีกฝ่าย
“ติงต๊อง”
“เห็นองครักษ์ของผมมั้ยครับ”ชานยอลว่าก่อนจะประครองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะแกล้งตีหน้าขรึม แกล้งเอ็ดร่างโปร่งที่เล่นเหมือนตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่
“เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยนะ เจ้าหญิง”รอยยิ้มสดใสคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่ชานยอลจะพูดขึ้น
“คุณองครักษ์ของผมกลับมาแล้ว”คริสที่เห็นท่าทางดีใจของอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ความกังวลถึงโรคร้ายหายไปราวกับเขาลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังป่วยอยู่
“องครักษ์อุตส่าห์กลับมา มีรางวัลมั้ย”ร่างสูงแกล้งถาม
“รางวัลคือไปหาหมอคิมกับเจ้าหญิงนี่ไง”ทันทีที่ได้ยินคริสก็หน้าบึ้งทันที แต่ร่างโปร่งก็ยังคงไม่สนใจ ดึงแขนให้คริสออกจากห้องพักผู้ป่วย เพื่อไปหาหมอคิมของเขาอยู่ดี
การมาหาหมอคิมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คริสไม่รู้สึกหดหู่และอยากจะตายเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา กลับกันแล้วอาจรู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ชานยอลที่มากับเขาเปรียบเสมือนเจ้าหญิงผู้บริสุทธิ์และสดใส ความร่าเริงของร่างโปร่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลืมว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นเอดส์ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้บ้าง
“เบอร์9กับเบอร์10 เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ”เสียงพยาบาลเรียกคิว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปพบหมอคิมด้วยกัน นายแพทย์วัยกลางคนเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นผู้ป่วยของเขามีสีหน้าดีขึ้น ผิดจากช่วงแรกๆที่มาหาเขา ร่างสูงมักจะหน้าบูดบึ้งอยู่เสมอ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณหมอ”ชานยอลกล่าวทักทายพร้อมกับโค้งศีรษะให้หมอเล็กน้อย ในขณะที่คริสทำเพียงแค่ทักทายตามมารยาทเล็กน้อย
“วันนี้คุณคริสสีหน้าดีขึ้นนะครับ ไม่เครียดเหมือนเดิมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็จะคุมโรคได้ง่ายขึ้นด้วย”
“ถ้าคุมโรคได้ ก็จะอยู่ไปได้นานๆเลยใช่มั้ยครับ”ร่างโปร่งเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ในขณะที่คริสดูแทบจะไม่สนใจข้อมูลอะไรมากมายนัก
“ใช่แล้วครับ มันขึ้นอยู่กับกำลังใจและการดูแลตัวเอง และที่สำคัญกินยาให้ครบตามที่หมอสั่ง คุณคริสกินยาตามที่หมอสั่งครบทุกครั้งมั้ยครับ”
“ครบครับ”
“ถ้าไม่บังคับก็ไม่ครบหรอกครับ”ชานยอลแทรกขึ้นมา ก่อนที่หมอคิมจะตีหน้าดุทันที
“ไม่ได้นะครับ มันสำคัญมาก มันหมายถึงชีวิตของคุณเลยด้วยซ้ำ คุณจะต้อง…”แล้วคำบ่นอีกยาวเหยียดก็ถูกร่ายยาวไปเรื่อยๆ โดยที่คริสแทบจะไม่สนใจฟัง ผิดกับชานยอลที่ดูฟังอย่างตั้งใจ และดูเหมือนว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนข้างๆเสียมากกว่า
ร่างโปร่งขอคำแนะนำจากหมอมากมายหลายคำถาม ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเรื่องของคริสทั้งสิ้น ทั้งถามเรื่องผลกระทบจากนิสัยการกินไม่ค่อยตรงเวลาของเขา การไม่ค่อยออกกำลังกายของเขาจะส่งผลอะไรบ้างจนบางครั้งร่างสูงก็อดทึ่งไม่ได้ที่ชานยอลรู้เรื่องเขาละเอียดยิ่งกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก
“วันนี้คุณชานยอลเอาเคล็ดลับไปตั้งเยอะ สุขภาพคุณคริสจะต้องแข็งแรงขึ้นแน่นอน”หมอคิมพูดอย่างอารมณ์ดี ร่างโปร่งยิ้มให้ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ
“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ คุณหมอ”
“ครับ อย่าลืมทำตามที่หมอบอกด้วยนะครับ ไว้เดือนหน้าเจอกันอีกทีนะครับ”แล้วทั้งสองก็ออกมานั่งรอที่ห้องจ่ายยา ดวงตาคมทอดมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ
“ทำไมถึงถามแต่เรื่องของฉัน ไม่ถามเรื่องตัวเองบ้างรึไง”
“คุณองครักษ์สำคัญกว่าผม”
“แล้วนายไม่สำคัญเลยรึไง”
“อย่างน้อยก็ไม่เท่าคุณองครักษ์”คริสชะงักงันไปเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เด็กคนนี้ไม่เคยสนใจชีวิตของตัวเองเลย สิ่งเดียวที่ร่างโปร่งสนใจมีแต่เรื่องของเขา ที่ผ่านมาเขาละเลยคนที่รักเขามากขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน…
“รับยาคนไข้เบอร์9กับ10ค่ะ”เสียงเจ้าหน้าที่เรียก ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินไปรับยา พร้อมกับยื่นถุงหนึ่งมาให้คริส
“ต่อไปนี้เรามากินยาด้วยกันนะ ยาต้านไวรัส จะทำให้คุณองครักษ์ของผมดีขึ้น”เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีที่ได้กินยา เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วย เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรักจากใครสักคนหนึ่ง
“ฉันไม่ใช่เด็ก”ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
“นายก็ด้วย”ร่างโปร่งหันมายิ้ม ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รู้ดีที่สุดว่าคริสเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงออกความรู้สึก แค่เท่านี้ก็ทำให้เขาหัวใจพองโตได้แล้ว
“พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจสำหรับผมเสมอล่ะ ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อน หรือจะเดี๋ยวนี้ก็ตาม”ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้
“นี่ ชานยอล..”คนถูกเรียกหันมามองเป็นเชิงถาม
“ทำไมตอนนั้นถึงไม่ยอมคุยกับฉัน เหมือนอย่างตอนนี้ล่ะ”ร่างโปร่งยิ้มกว้าง พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ จนคริสขมวดคิ้ว ถามเร่งเร้า
“ทำไม”
“ผมตอบอะไรไป พี่จะฟังผมหรอ ถ้าผมตอบถ้าผมเถียงอะไรไม่เข้าหู พี่ก็ได้ฆ่าผมสิ พี่น่ะเอาแต่ใจจะตายไป”
“นายกำลังว่าฉันอยู่”
“ผมไม่คิดว่านั่นคือข้อเสียนะ”ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามานั่งในรถถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนที่ชานยอลจะตอบ
“สักวันหนึ่งพี่ก็จะรู้เอง”
ชานยอลขับรถพาคริสมาส่งที่บ้าน ร่างโปร่งอยู่ทานมื้อเย็นกับครอบครัวของร่างสูง กับข้าวที่เคยถูกตักแบ่งแยกไม่มีให้เห็นบนโต๊ะอาหารอีกแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยจานอาหารเหมือนอย่างเก่า ชานยอลตักอาหารทุกอย่างที่เห็นว่ามีประโยชน์ให้คริสทาน จนร่างสูงต้องร้องบอกให้พอ เพราะทานไม่ไหว ก่อนจะจบท้ายด้วยจัดยาให้ร่างสูงทานตามที่หมอสั่ง และกำชับให้คริสดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อจะได้อยู่กับเขาไปนานๆ
“พี่อย่าลืมกินยาด้วยนะ ต้องกินทุกครั้งตามที่หมอสั่งนะ”ชานยอลย้ำจนคริสจำได้ขึ้นใจแล้ว
“อืม”
“ออกกำลังกายด้วยนะ ทำทุกเช้า ทุกเวลาว่าง ร่างกายจะได้แข็งแรง”
“อืมมม…ม”
“อย่าท้อนะ ผมจะสู้มันไปกับพี่เองนะ”ชานยอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ เจ้าหญิง” รอยยิ้มหวานถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม ก่อนที่ชานยอลจะขอตัวกลับบ้าน
“ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีก”
“อืมมม…ม”
“อย่านอนดึกนะครับ ผมไปล่ะ”ร่างโปร่งเอ่ยบอก ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงลา
“ชานยอล…”คนถูกเรียกหันมาตามเสียง ก่อนที่คริสจะพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ดูแลตัวเองด้วย”ร่างโปร่งยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้า
“ผมบอกแล้วว่าผมจะสู้กับมันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์ กลับก่อนนะครับ”แล้วชานยอลก็ขึ้นรถขับออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลวู โดยมีสายตาของคริสมองส่งไปจนรถของร่างโปร่งลับตา
หลังจากวันนั้นชานยอลไม่ได้ทำตามอย่างที่พูดไว้กับคริส…..ร่างโปร่งโหมงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ยาที่ต้องกินเป็นประจำถูกละเลยไปบางมื้อ ทำให้สุขภาพยิ่งแย่ลงจนเจ็บออดๆแอดๆ แค่ตัวร้อนธรรมดาก็กลายเป็นไข้สูงได้ ภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายอยู่ก่อนแล้วยิ่งลดถอยลงจนร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมยิ่งทรุดหนักลงไปอีก
“แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน ก่อนจะรีบเอามือป้องปาก และเริ่มเดินหายาแก้ไอไปทั่วคอนโด
“แค่ก แค่ก แค่ก”เสียงไอดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ชานยอลจะคว้าเอาขวดยาแก้ไอออกมา แต่แล้วมือที่สั่นเทาก็เผลอทำขวดยาตก
“รีบอยู่นะ แค่ก แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโก่ง พร้อมกับบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเขายังเหลืองานที่ต้องทำอยู่อีกมาก ก่อนที่มือจะสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะบางอย่าง ดวงตากลมโตมองมือตัวเองนิ่ง หัวใจดวงน้อยวูบไหวเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานเลอะอยู่เต็มมือ คำพูดที่เคยพูดกับคริสย้อนกลับเข้ามาในหัว
‘ผมจะสู้มันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์เอง’
“ถ้าผมสู้มัน…..แค่ก แค่ก …ไม่ไหวล่ะ…. คุณองค….รักษ์”หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาเจือจางหยดเลือดในมือ หากแต่สีของเลือดยังคงเด่นชัดอยู่ในหัวใจของเขา เขารู้ เขารู้ว่าร่างกายของเขากำลังอ่อนแอ เชื้อโรคร้ายกำลังเล่นงานร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆอยู่ทุกวัน
“คุณองครักษ์ จะโกรธผมมั้ย…..แค่ก แค่ก”มือเรียวรีบยกขึ้นป้องปาก ก่อนที่ลิ่มเลือดจะกระเด็นเปรอะเต็มมือทั้งสอง ยิ่งเห็นชานยอลก็ยิ่งร้องไห้ เขากลัว กลัวว่าตัวเองต้องจากคริสไป กลัว กลัวว่าคริสจะต้องอยู่คนเดียว แค่นี้พี่คริสของเขาก็เศร้ากับโรคนี้มามากพอแล้ว
เม็ดยาถูกเขย่าออกจากขวดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชานยอลจะรีบกิน แล้วคว้ายาต้านไวรัสที่หมอคิมให้มากินอย่างละล่ำละลัก
“แค่ก แค่ก แค่ก”ชานยอลไอจนตัวโยน เลือดกระเซ็นไปตามพื้นพร้อมกับยาที่ถูกสำลักออกมา
“กิน..กินเข้าไปสิ”มือเรียวรีบคว้ายาเข้าปาก แต่แล้วก็สำลักออกมาเพราะไออย่างหนัก ใบหน้านวลแดงก่ำจนน่าสงสาร มือเรียวที่สั่นระริกยกขึ้นกุมหน้าอกของตัวเอง น้ำย่อยในกระเพราะตีรวนขึ้นมา ก่อนที่อาหารที่กินไปทั้งหมดจะถูกขย้อนออกมาเต็มพื้น พร้อมกับลิ่มเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
“ฮึก…ไม่นะ”ชานยอลร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจปวดร้าวจนแทบเต้นไม่ไหว มือเรียวสั่นระริกพยายามไขว่คว้าหายา แต่ก็พบแต่ลิ่มเลือดที่อาเจียนออกมา ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว เขาไม่อยากตาย เขายังไม่อยากจากคริสไป ขอเวลาให้เขาก่อน อย่าเพิ่งพรากเขาไปจากคริสตอนนี้
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้องดังออกมาจากในห้อง ร่างโปร่งค่อยๆกระเสือกกระสนคลานไปหยิบมันขึ้นมา แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลกันมาก แต่มันดูเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับเขา ดวงตากลมโตมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ก่อนจะยิ้มกว้าง
“พี่คริส…”ชานยอลพยายามปรับน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
“ไม่ ไม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี”หยดน้ำตาร่วงเผาะเมื่อต้องโกหก ก่อนที่มือเรียวจะรีบปาดมันออกลวกๆ
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ คุณ….”ชานยอลชะงักเมื่อร่างกายกำลังประท้วงจะไออีกรอบ แต่เขาก็พยายามจะพูดต่อให้จบประโยค
“คุณองครักษ์ ผมน่ะแข็งแรงจะตาย”
“ดีแล้ว เป็นคนบอกเองว่าจะสู้มันไปกับฉัน เจ้าหญิงห้ามผิดสัญญา”
“จำได้ด้วยหรอ”
“ไม่เคยลืม”รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏบนใบหน้านวล ดีใจที่อีกคนจำคำพูดตัวเองได้ แต่ก็เสียใจที่เขาอาจะต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้…
“คุณองครักษ์…..”
“ครับ เจ้าหญิง”
“คุณองครักษ์….”ชานยอลชะงักไปอีกครั้งเมื่อร่างกายกำลังจะปะท้วงเขาอีกรอบ
“ชานยอล แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นๆ คุณองครักษ์สบายดีนะ”
“ก็ดี ใครใช้ให้ฉันกินยาทุกวันล่ะ”รอยยิ้มถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม
“ดีมาก ไม่ดื้อสิดี”
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“…………………..พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจของผมเสมอ”ปลายเสียงหัวเราะออกมา จนชานยอลยิ้มตาม แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เหนื่อยล้าลงทุกที
“ทำอะไรอยู่”
“งานสิ คนเขามีงานต้องทำนะ”ร่างโปร่งแกล้งเหน็บอีกคนเล่น
“งั้นไปทำ แค่นี้”
“เดี๋ยวๆ ผมขอคุยต่ออีกหน่อยได้มั้ย”ชานยอลรีบรั้งอีกฝ่ายไว้ เขาอยากยืดเวลาที่ได้อยู่กับอีกคนให้มากเท่าที่จะมากได้ เพราะไม่รู้ว่าเวลาของตัวเองจะสิ้นสุดที่ตรงไหน…
“อู้นี่”ร่างโปร่งยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ
“วันเกิดปีนี้อยากได้อะไร”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะตอบ
“อะไรก็ได้ จะอยู่ถึงรึเปล่ายังไม่รู้”
“ถึงสิ! ต้องถึง…..ผมมีของให้ด้วยนะ ความจริงมีทุกปี แต่ไม่ได้ให้”คริสนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดเสียงเบา
“ขอโทษ”
“ไม่ได้อยากทำให้รู้สึกผิดสักหน่อย แต่ปีนี้ผมจะให้นะ”
“แล้วจะรอครับ เจ้าหญิง”รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกว่าเจ้าหญิง ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปมองนาฬิกา
“ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว ต้องพักผ่อนเยอะๆ”
“เหมือนกันล่ะ ฝันดีครับ เจ้าหญิงของผม…”
“เดี๋ยว….”
“หื้ม”ชานยอลเงียบไปอีกครั้งก่อนจะตอบ
“มะ….ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ พักผ่อนเยอะๆนะ”
“มาแปลกนะ ไปนอนได้แล้วครับ เจ้าหญิง ฝันดีนะ”แล้วปลายสายก็กดตัดไป พร้อมกับที่โทรศัพท์หล่นลงบนพื้น มือเรียวแทบจะไร้เรี่ยวแรงหยิบจับอะไรแล้ว ศีรษะเล็กพิงกับกำแพง ก่อนจะหลับตาลง แล้วปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย เขาจะเหลือเวลาอีกเท่าไร เขาจะเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกเท่าไรกัน จะทันวันเกิดของคริสมั้ย จะได้ให้ของขวัญกับมือตัวเองรึเปล่า...
“อย่าเพิ่งเป็น….แค่ก แค่ก”เลือดไหลเปรอะเต็มมือของชานยอลกลบคำพูดที่ร่างโปร่งอยากจะพูดให้จบว่า ‘อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ’
ยิ่งร่างกายร้องเตือนมากเท่าไร เขาก็รู้ถึงเวลาที่เหลือน้อยของตัวเอง ร่างโปร่งฝืนคลานไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอาของขวัญที่ยังทำไม่เสร็จออกมา ก่อนจะเริ่มบรรจงขีดเขียนลงไปในหน้ากระดาษ ตั้งใจเขียนสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ดินสอสีที่ไม่เคยแตะถูกหยิบออกมาใช้ รูปวาดเล็กๆกำลังถูกวาดอย่างตั้งใจโดยสองมือที่ประครองสีไม้เอาไว้
“ขอโทษ…แค่ก แค่ก..มัน…ไม่…. สวย”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน หลังโก่งด้วยความทรมาน แต่เขาก็ยังคงใช้สองมือบรรจงวาดรูปให้คริส ถึงแม้ว่าลายเส้นจะหงิกงอเพราะมือที่สั่นเทาแค่ไหนก็ตาม
“ดูแล้วต้อง..คิด…ถึงผมนะ ฮึก”หยาดน้ำตาที่พยายามกั้นไม่ให้ไหลร่วงเผาะลงมา เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะลาจากโลกไป
“ผมรักพี่นะ…ผมรัก…..แค่ก แค่ก….พี่นะ ถ้าผม..ฮึก…ไม่อยู่….”ชานยอลพูดไม่ออก น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ปลายนิ้วชะงักเขียนต่อไม่ไหว รู้ตัวดีว่าเหลือเวลาอีกไม่เท่าไร
“ต้องดูแลตัวเองนะ…อย่าท้อ….อย่าหมดหวัง….อยู่แทน แค่ก แค่ก ผมนะ…”ทิชชู่ถูกดึงออกมาซับเลือดที่ไอออกมาจนชุ่ม ร่างกายคู้ตัวงอด้วยความทรมาน ดวงตากลมโตรีบเหลือบไปดูว่าของขวัญที่ตัวเองทำเปรอะมั้ย ก่อนจะพยายามเขียนต่อไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
“ผมจะไปรอพี่นะ…..ผมจะไป……แค่ก แค่ก แค่ก”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหาย ชานยอลไอจนอาเจียนเป็นเลือด ลิ่มเลือดมากมายสาดกระเซ็นอยู่เต็มพื้น หยาดน้ำตาพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เวลาที่ใกล้หมดลงเร่งเร้าให้ชานยอลรีบทำของขวัญคริสให้เสร็จ
“แค่ก แค่ก…ขอเวลา…อีก…แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งอาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดอีกครั้งในปริมาณที่มากกว่าเดิม มือไม้สั่นระริก ร่างกายเหมือนจะล้มลงไปทั้งตัว ตัวอักษรที่ตั้งใจเขียนค่อยๆถูกเขียนอย่างช้าๆ
“แค่ก แค่ก”ร่างกายชักกระตุกทันทีที่ตัวอักษรสุดท้ายถูกเขียนเสร็จ ก่อนที่ดินสอสีจะร่วงหล่นลงสู่พื้น ความทรงจำทั้งชีวิตไหลย้อนเข้ามาในหัว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับคริส ตอนที่คอยแอบมองรุ่นพี่คนนี้ ตอนที่มอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ ตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนที่ถูกเขาทำร้าย ตอนที่ได้ดูแลร่างสูง ภาพทุกอย่างไหลทวนอีกครั้งราวกับจะย้ำเตือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มบางๆถูกฉาบขึ้นที่ใบหน้านวล หมดทั้งชีวิตของเขาได้ทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว…
“เจ้าหญิงจะไปรอนะ….คุณองครักษ์”แล้วทุกอย่างก็ดับสูญ…..ชานยอลเกิดมาเพื่อคริส และจะตายไป…เพื่อคริส
----------------------------------------------------
วันเกิดของคริสปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ ร่างสูงไม่ได้ใช้เวลาหมดไปกับการปาร์ตี้ แต่กลับใช้เวลาไปกับการอยู่บ้านกับครอบครัว และเฝ้ารอการมาของใครบางคนที่สัญญาว่าจะเอาของขวัญมาให้เขา เขารอคนคนนั้นตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ที่ตื่นขึ้นมา จนตอนนี้จะค่ำแล้วคนที่รอคอยก็ยังไม่มา โทรศัพท์ที่ต่อหาใครคนนั้นไม่มีคนรับ แต่เขาก็ยังคงนั่งรอต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครคนนั้นจะไม่มีวันทำตามสัญญา
แล้วสัญญาที่ใครคนนั้นให้ไว้ก็พังทลายลง เมื่อพี่สาวของเขายื่นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งมาให้โดยไร้เงาของเจ้าของ ก่อนที่พี่สาวของเขาจะเดินเลี่ยงออกไป เมื่อทำตามคำขอของชานยอลเสร็จแล้ว มือหนาบรรจงแกะกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง ความสงสัยและตกใจเข้าเกาะกุมหัวใจจนสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะค่อยๆหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งออกมาจากกล่อง
หน้าปกเขียนเป็นข้อความสั้นๆว่า My Alyssa บุคคลอันเป็นที่รักของฉัน พร้อมกับกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือหงิกงอจะแนบมาด้วย ดวงตาคมกวาดตาอ่าน ก่อนจะแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่ออ่านจบ…
ขอโทษที่เอาไปให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ป่านนั้นผมคงไปรอพี่ที่ปราสาทของเราแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะคุณองครักษ์ของผม คริสชะงักงัน ร่างกายแทบขยับไม่ได้ ที่ชานยอลเขียนมันหมายความว่ายังไง ไปรอเขาที่ปราสาทคืออะไร แล้วทำไมถึงมาให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ดวงตาคมเหลือบมองพี่สาวเป็นเชิงถาม แต่เธอเพียงแค่ยิ้มเศร้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาหวิวตอบกลับมาเท่านั้น
“อ่านให้จบเถอะ ชานยอล อยากให้เรา” น้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชานยอล….ชานยอลของเขา ไม่ ไม่จริงหรอก ร่างโปร่งแค่เซอร์ไพส์เขาเท่านั้น เมื่อเขาอ่านจบ ชานยอลก็จะออกมาสุขสันต์วันเกิดเขา
ร่างสูงปาดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะจะเปิดไดอารี่อ่าน เพื่อเร่งให้ไปถึงหน้าสุดท้ายให้เร็วที่สุด หน้าแรกของไดอารี่ลงวันที่เอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่คริสจะค่อยๆอ่านมันช้าๆด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
วันนี้ผมได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาหล่อเหมือนกับเทพบุตรเลย ผมแทบไม่เชื่อว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองปี ชื่อคริส เป็นคนดังของโรงเรียน แต่เขาเจ้าชู้มาก ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้เลย แต่ตอนที่เห็นพี่เขา ผมก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจผมเลย…
ร่างสูงยิ้มน้อยๆเมื่ออ่านจบก่อนที่เขาจะพลิกหน้าต่อไปอ่านต่อ
วันนี้วันพี่กับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมาก เรียนเก่งด้วย ผมสู้ไม่ได้เลย…..ถ้าสักวันหนึ่งผมเป็นได้อย่างเธอสักครึ่งหนึ่ง พี่จะหันมามองผมบ้างมั้ย….
“เด็กโง่…”คริสว่าอีกฝ่ายอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะเปิดอ่านต่อไปเรื่อยๆ
เนื้อหาใจความเกี่ยวกับเรื่องราวในแต่ละวันที่คอยแอบมองเขา ชานยอลคอยแอบดูเขาแทบจะในทุกๆที่ สังเกตทุกอย่างที่เขาทำ และทุกสิ่งที่เขาชอบ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขาสนใจ ทั้งดูแลตัวเอง เรียนให้เก่ง ทำกิจกรรมต่างๆนานา เพื่อให้เขาหันไปมองบ้าง แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโรงเรียนด้วย
“นายมันบ้า ชานยอล”คริสพูดเศร้าๆ ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป
วันนี้คุณพ่อบอกว่าจะให้ผมไปเรียนต่อที่อเมริกาสิบปี ผมไม่อยากไป ไม่อยากไปเลย อยู่ที่นี่ยังได้แอบมอง แล้วถ้าไปอยู่ที่นู่น….แม้แต่เงาพี่ผมยังไม่เห็นเลย ผมจะทำยังไงดี….
มือหนาพลิกไปยังหน้าถัดไป
พรุ่งนี้ต้องไปแล้ว ผมทนจากพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าผมจะไป อย่างน้อยก็ขอได้มั้ย ขอให้ผมได้ความรักแค่ชั่วคราวจากพี่ก็ยังดี ผมไปขอร้องกับจื่อเทา ขอให้คืนนี้ผมเป็นคนรับให้พี่ ผมทั้งกลัว ทั้งสับสนกับสิ่งที่ตัวเองจะทำ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เพราะทั้งชีวิตผมจะมีพี่แค่คนเดียว ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็จะรักใครอีกแล้ว แค่นี้ผมให้พี่ได้ ขอแค่พี่รักผมแค่ชั่วคราวก็ยังดี
มือที่จับหน้ากระดาษเย็นเหยียบ ดวงตาคมจ้องเนื้อหาที่อ่านค้าง เมื่อสิบปีก่อน ที่ชานยอลยอมเขาก็เพราะอย่างนี้น่ะหรอ ยอมให้เขาพรากความบริสุทธิ์ของตัวเองไปแค่เพราะอยากให้เขารักแค่ชั่วคราวก่อนที่จะจากกันไปน่ะหรอ ทำไม ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น ทำไมถึงได้ยอมเขาขนาดนี้ ทำไมถึงทำเพื่อเขา
ร่างสูงเปิดอ่านไปยังหน้าถัดไป
เมื่อคืนผมอายมาก อายมากๆ นั่นคือครั้งแรกของผม แต่ผมต้องทำเหมือนมันไม่ใช่ ผมกลัว กลัวว่าถ้าพี่รู้ พี่จะไม่สนใจผม ผมมีความสุขมากๆที่พี่ยอมทำตามที่ผมขอ พี่ยอมเป็นแฟนผมแค่ชั่วคราว พี่เรียกผมว่าเจ้าหญิง พี่แทนตัวเองว่าองครักษ์ ผมดีใจมากๆเลยที่ได้ยินมันถึงมันจะแค่หลอกๆก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ได้ความรักจากพี่บ้างแล้ว อย่างน้อยก็ได้อยู่ในสายตาของพี่บ้างแล้ว ผมจะจำมันไปตลอดชีวิต คุณองครักษ์ ลาก่อน ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว
“ชานยอล….”คริสนิ่งงัน คืนนั้นสำหรับชานยอลคือคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิต การกระทำทุกอย่างทำให้หัวใจเด็กหนุ่มพองโต แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่ มันแค่คืนหนึ่งที่แปลกกว่าคืนอื่น แค่การกระทำที่ทำให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แค่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาเบื่อที่จะมีอะไรกับผู้หญิงอย่างนั้นก็แค่นั้น เขาแทบไม่เห็นค่าอะไรมันเลย
“วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วนะ คุณองครักษ์”ชานยอลเอ่ยถามพร้อมกับฉีกยิ้มอบอุ่นให้กับคริส
“ก็ดี เบื่อโรงพยาบาลจะแย่”ร่างสูงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ร่างโปร่งยิ้มน้อยๆ รู้ดีว่ารุ่นพี่ของเขาคนนี้เกลียดโรงพยาบาลแค่ไหน
“อย่าเพิ่งเบื่อโรงพยาบาลสิครับ วันนี้ยังมีนัดไปหาหมอคิมอีกนะ ต้องไปเอายาเพิ่ม”ร่างโปร่งพูดถึงหมอที่รักษาโรคเอดส์ของคริส แววตาคมดูหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง
“ไม่ทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่เองนะ ไปเอายาด้วยกันนะ”มือเรียวกุมมือหนาเอาไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่นราวกับจะบอกคริสว่าโลกทั้งใบนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เขาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคริสทุกเวลาเอง
“ก็ได้”ร่างสูงตอบรับไปอย่างนั้น หากแต่แววตาก็ยังเจือความเศร้าอยู่ดี
“คุณองครักษ์ คุณองครักษ์อยู่ไหนครับ คุณองครักษ์ของผมอยู่ไหน”ชานยอลแกล้งมองหาคุณองครักษ์ของเขา ไปตามใต้เตียง โซฝา เปิดผ้าห่มของคริสดู จนร่างสูงแอบยิ้มให้กับท่าทางของอีกฝ่าย
“ติงต๊อง”
“เห็นองครักษ์ของผมมั้ยครับ”ชานยอลว่าก่อนจะประครองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะแกล้งตีหน้าขรึม แกล้งเอ็ดร่างโปร่งที่เล่นเหมือนตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่
“เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยนะ เจ้าหญิง”รอยยิ้มสดใสคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่ชานยอลจะพูดขึ้น
“คุณองครักษ์ของผมกลับมาแล้ว”คริสที่เห็นท่าทางดีใจของอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ความกังวลถึงโรคร้ายหายไปราวกับเขาลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังป่วยอยู่
“องครักษ์อุตส่าห์กลับมา มีรางวัลมั้ย”ร่างสูงแกล้งถาม
“รางวัลคือไปหาหมอคิมกับเจ้าหญิงนี่ไง”ทันทีที่ได้ยินคริสก็หน้าบึ้งทันที แต่ร่างโปร่งก็ยังคงไม่สนใจ ดึงแขนให้คริสออกจากห้องพักผู้ป่วย เพื่อไปหาหมอคิมของเขาอยู่ดี
การมาหาหมอคิมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คริสไม่รู้สึกหดหู่และอยากจะตายเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา กลับกันแล้วอาจรู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ชานยอลที่มากับเขาเปรียบเสมือนเจ้าหญิงผู้บริสุทธิ์และสดใส ความร่าเริงของร่างโปร่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อาจจะไม่ได้ถึงขั้นลืมว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นเอดส์ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้บ้าง
“เบอร์9กับเบอร์10 เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ”เสียงพยาบาลเรียกคิว ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปพบหมอคิมด้วยกัน นายแพทย์วัยกลางคนเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นผู้ป่วยของเขามีสีหน้าดีขึ้น ผิดจากช่วงแรกๆที่มาหาเขา ร่างสูงมักจะหน้าบูดบึ้งอยู่เสมอ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณหมอ”ชานยอลกล่าวทักทายพร้อมกับโค้งศีรษะให้หมอเล็กน้อย ในขณะที่คริสทำเพียงแค่ทักทายตามมารยาทเล็กน้อย
“วันนี้คุณคริสสีหน้าดีขึ้นนะครับ ไม่เครียดเหมือนเดิมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็จะคุมโรคได้ง่ายขึ้นด้วย”
“ถ้าคุมโรคได้ ก็จะอยู่ไปได้นานๆเลยใช่มั้ยครับ”ร่างโปร่งเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ในขณะที่คริสดูแทบจะไม่สนใจข้อมูลอะไรมากมายนัก
“ใช่แล้วครับ มันขึ้นอยู่กับกำลังใจและการดูแลตัวเอง และที่สำคัญกินยาให้ครบตามที่หมอสั่ง คุณคริสกินยาตามที่หมอสั่งครบทุกครั้งมั้ยครับ”
“ครบครับ”
“ถ้าไม่บังคับก็ไม่ครบหรอกครับ”ชานยอลแทรกขึ้นมา ก่อนที่หมอคิมจะตีหน้าดุทันที
“ไม่ได้นะครับ มันสำคัญมาก มันหมายถึงชีวิตของคุณเลยด้วยซ้ำ คุณจะต้อง…”แล้วคำบ่นอีกยาวเหยียดก็ถูกร่ายยาวไปเรื่อยๆ โดยที่คริสแทบจะไม่สนใจฟัง ผิดกับชานยอลที่ดูฟังอย่างตั้งใจ และดูเหมือนว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนข้างๆเสียมากกว่า
ร่างโปร่งขอคำแนะนำจากหมอมากมายหลายคำถาม ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับเรื่องของคริสทั้งสิ้น ทั้งถามเรื่องผลกระทบจากนิสัยการกินไม่ค่อยตรงเวลาของเขา การไม่ค่อยออกกำลังกายของเขาจะส่งผลอะไรบ้างจนบางครั้งร่างสูงก็อดทึ่งไม่ได้ที่ชานยอลรู้เรื่องเขาละเอียดยิ่งกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก
“วันนี้คุณชานยอลเอาเคล็ดลับไปตั้งเยอะ สุขภาพคุณคริสจะต้องแข็งแรงขึ้นแน่นอน”หมอคิมพูดอย่างอารมณ์ดี ร่างโปร่งยิ้มให้ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ
“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ คุณหมอ”
“ครับ อย่าลืมทำตามที่หมอบอกด้วยนะครับ ไว้เดือนหน้าเจอกันอีกทีนะครับ”แล้วทั้งสองก็ออกมานั่งรอที่ห้องจ่ายยา ดวงตาคมทอดมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ
“ทำไมถึงถามแต่เรื่องของฉัน ไม่ถามเรื่องตัวเองบ้างรึไง”
“คุณองครักษ์สำคัญกว่าผม”
“แล้วนายไม่สำคัญเลยรึไง”
“อย่างน้อยก็ไม่เท่าคุณองครักษ์”คริสชะงักงันไปเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เด็กคนนี้ไม่เคยสนใจชีวิตของตัวเองเลย สิ่งเดียวที่ร่างโปร่งสนใจมีแต่เรื่องของเขา ที่ผ่านมาเขาละเลยคนที่รักเขามากขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน…
“รับยาคนไข้เบอร์9กับ10ค่ะ”เสียงเจ้าหน้าที่เรียก ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินไปรับยา พร้อมกับยื่นถุงหนึ่งมาให้คริส
“ต่อไปนี้เรามากินยาด้วยกันนะ ยาต้านไวรัส จะทำให้คุณองครักษ์ของผมดีขึ้น”เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีที่ได้กินยา เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วย เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรักจากใครสักคนหนึ่ง
“ฉันไม่ใช่เด็ก”ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
“นายก็ด้วย”ร่างโปร่งหันมายิ้ม ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รู้ดีที่สุดว่าคริสเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงออกความรู้สึก แค่เท่านี้ก็ทำให้เขาหัวใจพองโตได้แล้ว
“พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจสำหรับผมเสมอล่ะ ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อน หรือจะเดี๋ยวนี้ก็ตาม”ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้
“นี่ ชานยอล..”คนถูกเรียกหันมามองเป็นเชิงถาม
“ทำไมตอนนั้นถึงไม่ยอมคุยกับฉัน เหมือนอย่างตอนนี้ล่ะ”ร่างโปร่งยิ้มกว้าง พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ จนคริสขมวดคิ้ว ถามเร่งเร้า
“ทำไม”
“ผมตอบอะไรไป พี่จะฟังผมหรอ ถ้าผมตอบถ้าผมเถียงอะไรไม่เข้าหู พี่ก็ได้ฆ่าผมสิ พี่น่ะเอาแต่ใจจะตายไป”
“นายกำลังว่าฉันอยู่”
“ผมไม่คิดว่านั่นคือข้อเสียนะ”ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามานั่งในรถถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนที่ชานยอลจะตอบ
“สักวันหนึ่งพี่ก็จะรู้เอง”
ชานยอลขับรถพาคริสมาส่งที่บ้าน ร่างโปร่งอยู่ทานมื้อเย็นกับครอบครัวของร่างสูง กับข้าวที่เคยถูกตักแบ่งแยกไม่มีให้เห็นบนโต๊ะอาหารอีกแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยจานอาหารเหมือนอย่างเก่า ชานยอลตักอาหารทุกอย่างที่เห็นว่ามีประโยชน์ให้คริสทาน จนร่างสูงต้องร้องบอกให้พอ เพราะทานไม่ไหว ก่อนจะจบท้ายด้วยจัดยาให้ร่างสูงทานตามที่หมอสั่ง และกำชับให้คริสดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อจะได้อยู่กับเขาไปนานๆ
“พี่อย่าลืมกินยาด้วยนะ ต้องกินทุกครั้งตามที่หมอสั่งนะ”ชานยอลย้ำจนคริสจำได้ขึ้นใจแล้ว
“อืม”
“ออกกำลังกายด้วยนะ ทำทุกเช้า ทุกเวลาว่าง ร่างกายจะได้แข็งแรง”
“อืมมม…ม”
“อย่าท้อนะ ผมจะสู้มันไปกับพี่เองนะ”ชานยอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ เจ้าหญิง” รอยยิ้มหวานถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม ก่อนที่ชานยอลจะขอตัวกลับบ้าน
“ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าอีก”
“อืมมม…ม”
“อย่านอนดึกนะครับ ผมไปล่ะ”ร่างโปร่งเอ่ยบอก ก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงลา
“ชานยอล…”คนถูกเรียกหันมาตามเสียง ก่อนที่คริสจะพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ดูแลตัวเองด้วย”ร่างโปร่งยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้า
“ผมบอกแล้วว่าผมจะสู้กับมันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์ กลับก่อนนะครับ”แล้วชานยอลก็ขึ้นรถขับออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลวู โดยมีสายตาของคริสมองส่งไปจนรถของร่างโปร่งลับตา
หลังจากวันนั้นชานยอลไม่ได้ทำตามอย่างที่พูดไว้กับคริส…..ร่างโปร่งโหมงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ยาที่ต้องกินเป็นประจำถูกละเลยไปบางมื้อ ทำให้สุขภาพยิ่งแย่ลงจนเจ็บออดๆแอดๆ แค่ตัวร้อนธรรมดาก็กลายเป็นไข้สูงได้ ภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายอยู่ก่อนแล้วยิ่งลดถอยลงจนร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมยิ่งทรุดหนักลงไปอีก
“แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน ก่อนจะรีบเอามือป้องปาก และเริ่มเดินหายาแก้ไอไปทั่วคอนโด
“แค่ก แค่ก แค่ก”เสียงไอดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ชานยอลจะคว้าเอาขวดยาแก้ไอออกมา แต่แล้วมือที่สั่นเทาก็เผลอทำขวดยาตก
“รีบอยู่นะ แค่ก แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งไอจนตัวโก่ง พร้อมกับบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเขายังเหลืองานที่ต้องทำอยู่อีกมาก ก่อนที่มือจะสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะบางอย่าง ดวงตากลมโตมองมือตัวเองนิ่ง หัวใจดวงน้อยวูบไหวเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานเลอะอยู่เต็มมือ คำพูดที่เคยพูดกับคริสย้อนกลับเข้ามาในหัว
‘ผมจะสู้มันไปพร้อมๆกับคุณองครักษ์เอง’
“ถ้าผมสู้มัน…..แค่ก แค่ก …ไม่ไหวล่ะ…. คุณองค….รักษ์”หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาเจือจางหยดเลือดในมือ หากแต่สีของเลือดยังคงเด่นชัดอยู่ในหัวใจของเขา เขารู้ เขารู้ว่าร่างกายของเขากำลังอ่อนแอ เชื้อโรคร้ายกำลังเล่นงานร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆอยู่ทุกวัน
“คุณองครักษ์ จะโกรธผมมั้ย…..แค่ก แค่ก”มือเรียวรีบยกขึ้นป้องปาก ก่อนที่ลิ่มเลือดจะกระเด็นเปรอะเต็มมือทั้งสอง ยิ่งเห็นชานยอลก็ยิ่งร้องไห้ เขากลัว กลัวว่าตัวเองต้องจากคริสไป กลัว กลัวว่าคริสจะต้องอยู่คนเดียว แค่นี้พี่คริสของเขาก็เศร้ากับโรคนี้มามากพอแล้ว
เม็ดยาถูกเขย่าออกจากขวดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชานยอลจะรีบกิน แล้วคว้ายาต้านไวรัสที่หมอคิมให้มากินอย่างละล่ำละลัก
“แค่ก แค่ก แค่ก”ชานยอลไอจนตัวโยน เลือดกระเซ็นไปตามพื้นพร้อมกับยาที่ถูกสำลักออกมา
“กิน..กินเข้าไปสิ”มือเรียวรีบคว้ายาเข้าปาก แต่แล้วก็สำลักออกมาเพราะไออย่างหนัก ใบหน้านวลแดงก่ำจนน่าสงสาร มือเรียวที่สั่นระริกยกขึ้นกุมหน้าอกของตัวเอง น้ำย่อยในกระเพราะตีรวนขึ้นมา ก่อนที่อาหารที่กินไปทั้งหมดจะถูกขย้อนออกมาเต็มพื้น พร้อมกับลิ่มเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
“ฮึก…ไม่นะ”ชานยอลร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจปวดร้าวจนแทบเต้นไม่ไหว มือเรียวสั่นระริกพยายามไขว่คว้าหายา แต่ก็พบแต่ลิ่มเลือดที่อาเจียนออกมา ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว เขาไม่อยากตาย เขายังไม่อยากจากคริสไป ขอเวลาให้เขาก่อน อย่าเพิ่งพรากเขาไปจากคริสตอนนี้
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้องดังออกมาจากในห้อง ร่างโปร่งค่อยๆกระเสือกกระสนคลานไปหยิบมันขึ้นมา แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลกันมาก แต่มันดูเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับเขา ดวงตากลมโตมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ก่อนจะยิ้มกว้าง
“พี่คริส…”ชานยอลพยายามปรับน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
“ไม่ ไม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี”หยดน้ำตาร่วงเผาะเมื่อต้องโกหก ก่อนที่มือเรียวจะรีบปาดมันออกลวกๆ
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ คุณ….”ชานยอลชะงักเมื่อร่างกายกำลังประท้วงจะไออีกรอบ แต่เขาก็พยายามจะพูดต่อให้จบประโยค
“คุณองครักษ์ ผมน่ะแข็งแรงจะตาย”
“ดีแล้ว เป็นคนบอกเองว่าจะสู้มันไปกับฉัน เจ้าหญิงห้ามผิดสัญญา”
“จำได้ด้วยหรอ”
“ไม่เคยลืม”รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏบนใบหน้านวล ดีใจที่อีกคนจำคำพูดตัวเองได้ แต่ก็เสียใจที่เขาอาจะต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้…
“คุณองครักษ์…..”
“ครับ เจ้าหญิง”
“คุณองครักษ์….”ชานยอลชะงักไปอีกครั้งเมื่อร่างกายกำลังจะปะท้วงเขาอีกรอบ
“ชานยอล แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นๆ คุณองครักษ์สบายดีนะ”
“ก็ดี ใครใช้ให้ฉันกินยาทุกวันล่ะ”รอยยิ้มถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม
“ดีมาก ไม่ดื้อสิดี”
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“…………………..พี่เป็นเด็กเอาแต่ใจของผมเสมอ”ปลายเสียงหัวเราะออกมา จนชานยอลยิ้มตาม แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่เหนื่อยล้าลงทุกที
“ทำอะไรอยู่”
“งานสิ คนเขามีงานต้องทำนะ”ร่างโปร่งแกล้งเหน็บอีกคนเล่น
“งั้นไปทำ แค่นี้”
“เดี๋ยวๆ ผมขอคุยต่ออีกหน่อยได้มั้ย”ชานยอลรีบรั้งอีกฝ่ายไว้ เขาอยากยืดเวลาที่ได้อยู่กับอีกคนให้มากเท่าที่จะมากได้ เพราะไม่รู้ว่าเวลาของตัวเองจะสิ้นสุดที่ตรงไหน…
“อู้นี่”ร่างโปร่งยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ
“วันเกิดปีนี้อยากได้อะไร”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะตอบ
“อะไรก็ได้ จะอยู่ถึงรึเปล่ายังไม่รู้”
“ถึงสิ! ต้องถึง…..ผมมีของให้ด้วยนะ ความจริงมีทุกปี แต่ไม่ได้ให้”คริสนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดเสียงเบา
“ขอโทษ”
“ไม่ได้อยากทำให้รู้สึกผิดสักหน่อย แต่ปีนี้ผมจะให้นะ”
“แล้วจะรอครับ เจ้าหญิง”รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกว่าเจ้าหญิง ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปมองนาฬิกา
“ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว ต้องพักผ่อนเยอะๆ”
“เหมือนกันล่ะ ฝันดีครับ เจ้าหญิงของผม…”
“เดี๋ยว….”
“หื้ม”ชานยอลเงียบไปอีกครั้งก่อนจะตอบ
“มะ….ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ พักผ่อนเยอะๆนะ”
“มาแปลกนะ ไปนอนได้แล้วครับ เจ้าหญิง ฝันดีนะ”แล้วปลายสายก็กดตัดไป พร้อมกับที่โทรศัพท์หล่นลงบนพื้น มือเรียวแทบจะไร้เรี่ยวแรงหยิบจับอะไรแล้ว ศีรษะเล็กพิงกับกำแพง ก่อนจะหลับตาลง แล้วปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย เขาจะเหลือเวลาอีกเท่าไร เขาจะเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกเท่าไรกัน จะทันวันเกิดของคริสมั้ย จะได้ให้ของขวัญกับมือตัวเองรึเปล่า...
“อย่าเพิ่งเป็น….แค่ก แค่ก”เลือดไหลเปรอะเต็มมือของชานยอลกลบคำพูดที่ร่างโปร่งอยากจะพูดให้จบว่า ‘อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ’
ยิ่งร่างกายร้องเตือนมากเท่าไร เขาก็รู้ถึงเวลาที่เหลือน้อยของตัวเอง ร่างโปร่งฝืนคลานไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอาของขวัญที่ยังทำไม่เสร็จออกมา ก่อนจะเริ่มบรรจงขีดเขียนลงไปในหน้ากระดาษ ตั้งใจเขียนสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ดินสอสีที่ไม่เคยแตะถูกหยิบออกมาใช้ รูปวาดเล็กๆกำลังถูกวาดอย่างตั้งใจโดยสองมือที่ประครองสีไม้เอาไว้
“ขอโทษ…แค่ก แค่ก..มัน…ไม่…. สวย”ร่างโปร่งไอจนตัวโยน หลังโก่งด้วยความทรมาน แต่เขาก็ยังคงใช้สองมือบรรจงวาดรูปให้คริส ถึงแม้ว่าลายเส้นจะหงิกงอเพราะมือที่สั่นเทาแค่ไหนก็ตาม
“ดูแล้วต้อง..คิด…ถึงผมนะ ฮึก”หยาดน้ำตาที่พยายามกั้นไม่ให้ไหลร่วงเผาะลงมา เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะลาจากโลกไป
“ผมรักพี่นะ…ผมรัก…..แค่ก แค่ก….พี่นะ ถ้าผม..ฮึก…ไม่อยู่….”ชานยอลพูดไม่ออก น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ปลายนิ้วชะงักเขียนต่อไม่ไหว รู้ตัวดีว่าเหลือเวลาอีกไม่เท่าไร
“ต้องดูแลตัวเองนะ…อย่าท้อ….อย่าหมดหวัง….อยู่แทน แค่ก แค่ก ผมนะ…”ทิชชู่ถูกดึงออกมาซับเลือดที่ไอออกมาจนชุ่ม ร่างกายคู้ตัวงอด้วยความทรมาน ดวงตากลมโตรีบเหลือบไปดูว่าของขวัญที่ตัวเองทำเปรอะมั้ย ก่อนจะพยายามเขียนต่อไปเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
“ผมจะไปรอพี่นะ…..ผมจะไป……แค่ก แค่ก แค่ก”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหาย ชานยอลไอจนอาเจียนเป็นเลือด ลิ่มเลือดมากมายสาดกระเซ็นอยู่เต็มพื้น หยาดน้ำตาพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เวลาที่ใกล้หมดลงเร่งเร้าให้ชานยอลรีบทำของขวัญคริสให้เสร็จ
“แค่ก แค่ก…ขอเวลา…อีก…แค่ก แค่ก”ร่างโปร่งอาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดอีกครั้งในปริมาณที่มากกว่าเดิม มือไม้สั่นระริก ร่างกายเหมือนจะล้มลงไปทั้งตัว ตัวอักษรที่ตั้งใจเขียนค่อยๆถูกเขียนอย่างช้าๆ
“แค่ก แค่ก”ร่างกายชักกระตุกทันทีที่ตัวอักษรสุดท้ายถูกเขียนเสร็จ ก่อนที่ดินสอสีจะร่วงหล่นลงสู่พื้น ความทรงจำทั้งชีวิตไหลย้อนเข้ามาในหัว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับคริส ตอนที่คอยแอบมองรุ่นพี่คนนี้ ตอนที่มอบความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ ตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนที่ถูกเขาทำร้าย ตอนที่ได้ดูแลร่างสูง ภาพทุกอย่างไหลทวนอีกครั้งราวกับจะย้ำเตือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มบางๆถูกฉาบขึ้นที่ใบหน้านวล หมดทั้งชีวิตของเขาได้ทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว…
“เจ้าหญิงจะไปรอนะ….คุณองครักษ์”แล้วทุกอย่างก็ดับสูญ…..ชานยอลเกิดมาเพื่อคริส และจะตายไป…เพื่อคริส
----------------------------------------------------
วันเกิดของคริสปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ ร่างสูงไม่ได้ใช้เวลาหมดไปกับการปาร์ตี้ แต่กลับใช้เวลาไปกับการอยู่บ้านกับครอบครัว และเฝ้ารอการมาของใครบางคนที่สัญญาว่าจะเอาของขวัญมาให้เขา เขารอคนคนนั้นตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ที่ตื่นขึ้นมา จนตอนนี้จะค่ำแล้วคนที่รอคอยก็ยังไม่มา โทรศัพท์ที่ต่อหาใครคนนั้นไม่มีคนรับ แต่เขาก็ยังคงนั่งรอต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครคนนั้นจะไม่มีวันทำตามสัญญา
แล้วสัญญาที่ใครคนนั้นให้ไว้ก็พังทลายลง เมื่อพี่สาวของเขายื่นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งมาให้โดยไร้เงาของเจ้าของ ก่อนที่พี่สาวของเขาจะเดินเลี่ยงออกไป เมื่อทำตามคำขอของชานยอลเสร็จแล้ว มือหนาบรรจงแกะกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง ความสงสัยและตกใจเข้าเกาะกุมหัวใจจนสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะค่อยๆหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งออกมาจากกล่อง
หน้าปกเขียนเป็นข้อความสั้นๆว่า My Alyssa บุคคลอันเป็นที่รักของฉัน พร้อมกับกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือหงิกงอจะแนบมาด้วย ดวงตาคมกวาดตาอ่าน ก่อนจะแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่ออ่านจบ…
ขอโทษที่เอาไปให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ป่านนั้นผมคงไปรอพี่ที่ปราสาทของเราแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะคุณองครักษ์ของผม คริสชะงักงัน ร่างกายแทบขยับไม่ได้ ที่ชานยอลเขียนมันหมายความว่ายังไง ไปรอเขาที่ปราสาทคืออะไร แล้วทำไมถึงมาให้ด้วยตัวเองไม่ได้ ดวงตาคมเหลือบมองพี่สาวเป็นเชิงถาม แต่เธอเพียงแค่ยิ้มเศร้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาหวิวตอบกลับมาเท่านั้น
“อ่านให้จบเถอะ ชานยอล อยากให้เรา” น้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ชานยอล….ชานยอลของเขา ไม่ ไม่จริงหรอก ร่างโปร่งแค่เซอร์ไพส์เขาเท่านั้น เมื่อเขาอ่านจบ ชานยอลก็จะออกมาสุขสันต์วันเกิดเขา
ร่างสูงปาดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะจะเปิดไดอารี่อ่าน เพื่อเร่งให้ไปถึงหน้าสุดท้ายให้เร็วที่สุด หน้าแรกของไดอารี่ลงวันที่เอาไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่คริสจะค่อยๆอ่านมันช้าๆด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ
วันนี้ผมได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาหล่อเหมือนกับเทพบุตรเลย ผมแทบไม่เชื่อว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองปี ชื่อคริส เป็นคนดังของโรงเรียน แต่เขาเจ้าชู้มาก ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้เลย แต่ตอนที่เห็นพี่เขา ผมก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจผมเลย…
ร่างสูงยิ้มน้อยๆเมื่ออ่านจบก่อนที่เขาจะพลิกหน้าต่อไปอ่านต่อ
วันนี้วันพี่กับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยมาก เรียนเก่งด้วย ผมสู้ไม่ได้เลย…..ถ้าสักวันหนึ่งผมเป็นได้อย่างเธอสักครึ่งหนึ่ง พี่จะหันมามองผมบ้างมั้ย….
“เด็กโง่…”คริสว่าอีกฝ่ายอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะเปิดอ่านต่อไปเรื่อยๆ
เนื้อหาใจความเกี่ยวกับเรื่องราวในแต่ละวันที่คอยแอบมองเขา ชานยอลคอยแอบดูเขาแทบจะในทุกๆที่ สังเกตทุกอย่างที่เขาทำ และทุกสิ่งที่เขาชอบ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขาสนใจ ทั้งดูแลตัวเอง เรียนให้เก่ง ทำกิจกรรมต่างๆนานา เพื่อให้เขาหันไปมองบ้าง แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโรงเรียนด้วย
“นายมันบ้า ชานยอล”คริสพูดเศร้าๆ ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป
วันนี้คุณพ่อบอกว่าจะให้ผมไปเรียนต่อที่อเมริกาสิบปี ผมไม่อยากไป ไม่อยากไปเลย อยู่ที่นี่ยังได้แอบมอง แล้วถ้าไปอยู่ที่นู่น….แม้แต่เงาพี่ผมยังไม่เห็นเลย ผมจะทำยังไงดี….
มือหนาพลิกไปยังหน้าถัดไป
พรุ่งนี้ต้องไปแล้ว ผมทนจากพี่ไปอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าผมจะไป อย่างน้อยก็ขอได้มั้ย ขอให้ผมได้ความรักแค่ชั่วคราวจากพี่ก็ยังดี ผมไปขอร้องกับจื่อเทา ขอให้คืนนี้ผมเป็นคนรับให้พี่ ผมทั้งกลัว ทั้งสับสนกับสิ่งที่ตัวเองจะทำ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เพราะทั้งชีวิตผมจะมีพี่แค่คนเดียว ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็จะรักใครอีกแล้ว แค่นี้ผมให้พี่ได้ ขอแค่พี่รักผมแค่ชั่วคราวก็ยังดี
มือที่จับหน้ากระดาษเย็นเหยียบ ดวงตาคมจ้องเนื้อหาที่อ่านค้าง เมื่อสิบปีก่อน ที่ชานยอลยอมเขาก็เพราะอย่างนี้น่ะหรอ ยอมให้เขาพรากความบริสุทธิ์ของตัวเองไปแค่เพราะอยากให้เขารักแค่ชั่วคราวก่อนที่จะจากกันไปน่ะหรอ ทำไม ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น ทำไมถึงได้ยอมเขาขนาดนี้ ทำไมถึงทำเพื่อเขา
ร่างสูงเปิดอ่านไปยังหน้าถัดไป
เมื่อคืนผมอายมาก อายมากๆ นั่นคือครั้งแรกของผม แต่ผมต้องทำเหมือนมันไม่ใช่ ผมกลัว กลัวว่าถ้าพี่รู้ พี่จะไม่สนใจผม ผมมีความสุขมากๆที่พี่ยอมทำตามที่ผมขอ พี่ยอมเป็นแฟนผมแค่ชั่วคราว พี่เรียกผมว่าเจ้าหญิง พี่แทนตัวเองว่าองครักษ์ ผมดีใจมากๆเลยที่ได้ยินมันถึงมันจะแค่หลอกๆก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ได้ความรักจากพี่บ้างแล้ว อย่างน้อยก็ได้อยู่ในสายตาของพี่บ้างแล้ว ผมจะจำมันไปตลอดชีวิต คุณองครักษ์ ลาก่อน ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว
“ชานยอล….”คริสนิ่งงัน คืนนั้นสำหรับชานยอลคือคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิต การกระทำทุกอย่างทำให้หัวใจเด็กหนุ่มพองโต แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่ มันแค่คืนหนึ่งที่แปลกกว่าคืนอื่น แค่การกระทำที่ทำให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แค่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาเบื่อที่จะมีอะไรกับผู้หญิงอย่างนั้นก็แค่นั้น เขาแทบไม่เห็นค่าอะไรมันเลย
แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Mon Feb 03, 2014 8:56 am, ทั้งหมด 3 ครั้ง