ชานยอลตัดสินใจเดินหันหลังจากมาบริเวณที่กำลังถ่ายทำฉากสำคัญระหว่างคริสและ ยุนฮี.....เขาเดินก้าวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อพาร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำของ เขาออกห่างไปให้ไกลที่สุดจากบริเวณนี้
น้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา.....น้ำตาที่ไม่เคยไหลให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอในตัวเขามาก่อน
"เชื่อใจฉันนะชานยอล...ฉันขอแค่นายเชื่อใจฉัน...เท่านั้น"
คำพูดของคริสยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของชานยอล...ความเชื่อใจที่คริสขอ ร้องให้ชานยอลมีให้เขาตอนนี้มันสำคัญแค่ไหน ในเมื่อคริสเองยังไม่เคยทำให้เขาเกิดความไว้ใจได้สักครั้ง....คำว่ารักที่ คริสควรพูดหรือแสดงต่อเขาอย่างที่คริสเคยทำกับยุนฮี คริสยังไม่เคยมอบมันให้กับเขาเลยเช่นกัน...
ชานยอลไม่รู้ตัวว่าตนเองเดินออกมาไกลจากบริเวณนั้นมากแค่ไหน....เขาเดินหลบ มาที่ทุ่งหญ้าสีเขียวตรงหน้าซึ่งอยู่ติดกับถนนใหญ่............
รถหลายคันวิ่งผ่านตัวเขาไปดูขวักไขว่ไปหมด.....บ้างก็เป็นรถของทีมงานในกองถ่ายและชาวบ้านในพื้นที่
ชานยอลยืนมองเหม่อออกไปข้างหน้าเพื่อให้สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าช่วยเหลือ สภาพจิตใจของเขาให้ดีขึ้นได้บ้างแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้เขารู้สีกดี ขึ้นเลยสักนิด...
ในขณะที่ชานยอลยืนมองเหม่อออกไปข้างหน้าอย่างคนไร้จุดหมายในชีวิตก็มีเสียง บีบแตรเบาๆที่ด้านหลังของชานยอลโดยดังออกมาจากรถคันหนึ่ง....ชานยอลหันไปมอง ตามเสียงพร้อมกับรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาของตนเองที่มันเผลอหลั่งออกมาไว้ ออกจากดวงตาของเขา...
"คุณชานยอล คุณจริงๆด้วย มากองถ่ายใช่มั้ยครับ" .... เสียงจากภายในรถเอ่ยทักเขาจากตำแหน่งของคนขับรถ
คิมจงอิน....วันนี้คิมจงอินมีถ่ายละครซึ่งตั้งกองถ่ายไม่ไกลกันกับกองถ่ายซีรีย์ของคริสนัก ซึ่งคิมจงอินเพิ่งเดินทางมาถึงไม่นานเพราะเขาไม่ได้เป็นพระเอกในเรื่องนั้น เพียงแต่มาเป็นนักแสดงสมทบในฉากๆนึงเท่านั้นเอง...
"อ่อ ฮะ คุณคิมจงอิน" ..... ชานยอลขานรับทั้งๆที่ดวงตาของเขายังคงแดงก่ำพร้อมๆกับใบหน้าที่ดูยังไงก็รู้ว่าคงไม่ใช่ใบหน้าของคนที่กำลังเปี่ยมไปด้วยความสุข
ที่กองถ่ายซีรีย์ของคริส....ในขณะที่สิ้นเสียงของผกก.กองถ่ายที่สั่งคัท คริสก็รีบผละเดินออกจากร่างของยุนฮีที่เขาโอบกอดเธอไว้เมื่อครู่.......เขา รีบมุ่งหน้าเดินออกไปจากบริเวณนั้น จุดมุ่งหมายของคริสคือใต้ต้นไม้ใหญ่และมองหาชานยอล.....แต่.....ชานยอลก็ไม่ ได้นั่งรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว.........
เมื่อคริสหันหลังกลับมาก็พบกับยุนฮีที่เดินตามเขามาห่างๆ.....ใบหน้าของยุนฮีผู้หญิงที่คริสเคยรักปรากฎรอยยยิ้มให้เขาบางๆ
"คริส......คุณมีเวลาว่างพอจะคุยกับฉันบ้างมั้ย" ยุนฮีเอ่ยถามคริสด้วยความหวังในคำตอบ
"เวลาของผมไม่เคยมีสำหรับคุณ" คริสตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา .....
คริสเปลี่ยนไปแล้ว จากผู้ชายที่เคยโง่เง่าในความรักและอ่อนแอกับลียุนฮี....วันเวลาที่ผ่านมาหลายปีเขาพบเจอผู้คนมาหลากหลาย
...ในวงการมายามีแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน....ใช้การแสดงเป็นฉากบังหน้า ในชีวิตจริง คริสอยู่ในวงการมาซักระยะแล้วเขารู้ดีว่าคนที่จริงใจกับเขาที่สุดคือใคร และ...คนที่ไม่เคยใส่หน้ากากเข้าหาเขาคนนั้นยังรอเขาอยู่ในตอนนี้.....
"เรื่องของเราทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องงานเท่านั้น.........ขอโทษด้วยนะ......ผมขอตัวก่อน"
ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าของเขาไม่บ่งบอกถึงความมีเยื่อใยกับยุนฮีเลยสักนิดในตอนนี้คนเดียวที่เขาคิดถึงและแคร์จิตใจมากที่สุดก็คือ "ปาร์คชานยอล" คนที่ทำให้เขามีความสุขในปัจจุบันไม่ใช่ลียุนฮีคนที่เคยทำให้เขามีความสุขใน "อดีต"
ยุนฮียืนกำมือแน่นด้วยความโมโห เธอถูกหักหน้าอย่างแรงกับการปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใยของคริส.....เรียวปากบาง ขบเม้มเข้าหากัน เธอไม่ได้เจ็บปวดแต่เธอรู้สึกเสียหน้า....ถ้าเธอหยั่งรู้ถึงอนาคตข้างหน้า ว่าคริสจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคมมากขนาดนี้ เธอคงไม่ปล่อยเขาไปแล้วมาเลือกผู้ชายที่ไม่จริงใจกับเธอคนนั้น.....มันสายไป แล้วจริงๆใช่มั้ยถ้าเธอจะกลับมานับหนึ่งใหม่กับคริสอีกครั้ง......
คริสเดินถามหาชานยอลกับทีมงานรอบๆกองถ่ายว่ามีใครเห็นผู้จัดการส่วนตัวของ เขาบ้างด้วยความกังวลใจ....เขาเดินหาชานยอลทั่วกองถ่ายแต่ก็ไม่พบ....ไม่นาน นักมีรถของทีมงานที่เพิ่งขับเข้ามาจอดบอกว่าเห็นชานยอลข้างนอกและกำลังนั่ง คุยอยู่กับคิมจงอินแถวๆหมู่บ้านที่เขาเพิ่งขับผ่านเข้ามาเมื่อครู่........
ด้วยความร้อนใจคริสก้าวเท้าเร็วขึ้นและรีบพาร่างสูงโปร่งของตนเองมุ่งตรงไป ยังรถสปอร์ตคู่ใจ....หลังจากกดรีโมทกุญแจเพื่อปลดล็อครถ...เขาก็เหยียบคัน เร่งไปด้วยความเร็ว ความรู้สึกของเขาทั้งเป็นห่วงและเกิดอารมณ์คุกรุ่นในใจเมื่อได้ยินชื่อ ของ"คิมจนอิน" เด็กเมื่อวานซืนที่เขาเคยเตือนว่าอย่ามายุ่งกับชานยอล....
ชานยอลและคิมจงอินนั่งคุยอยู่ด้วยกันตรงริมข้างทางของทุ่งหญ้าสีเขียวขนาด ใหญ่ตรงหน้า......รอยยิ้มของคิมจงอินปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเข้มของเขา .....จงอินพยายามเล่าเรื่องตลกๆในกองถ่ายให้ชานยอลฟัง มันช่วยให้ชานยอลสบายใจขึ้นมาได้บ้าง...อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็มีเพื่อนคุย ไม่ต้องมานั่งอมทุกข์เรื่องของคริสอยู่เพียงคนเดียว
"คุณจงอินเป็นคนตลกดีเหมือนกันนะฮะ อยู่ด้วยแล้วก็สบายใจดี" ชานยอลยิ้มออกมาบางๆดวงตากลมโตของชานยอล
ดูสดใสมากขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้
"คุณชานยอล....คุณกับพี่คริส.....ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าครับ" จงอินตัดสินใจถามคำถามนั้นออกไป...เขารู้ดีว่าคริสและชานยอลน่าจะมีอะไรที่มากเกินกว่าเรื่องงาน ความรู้สึกบางอย่างที่เขาเคยสังเกตเห็นสายตาเวลาที่คริสมองชานยอลหรือความ รู้สึกหึงหวงและเรื่องที่เขาเคยมีปากเสียงกับคริสในโรงแรมเมื่อนานมาแล้ว
"เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรนี่ฮะ ผมคงเครียดเรื่องงานนิดหน่อย" .....ชานยอลพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเองไว้พร้อมกับแสร้งยิ้มให้กับ คิมจงอินผู้ชายที่ดูเป็นมิตรตรงหน้าเขา
"ถ้าสักวันผมโด่งดังอย่างเขาขึ้นมา คุณชานยอลมาทำงานกับผมได้นะครับ ถ้า...อยู่กับพี่คริสแล้วไม่สบายใจ"
.....คิมจงอินเอื้อมมือหนาของเขาไปบีบมือของชานยอลเบาๆเพื่อให้กำลังใจ .......ชานยอลยิ้มตอบรับให้กับความมีน้ำใจของคิมจงอิน.......จงอินรับรู้ถึง มือของชานยอลที่ยังคงสั่นระริกเบาๆมือเรียวบางของชานยอลดูอ่อนแอและบอบบาง เหมือนต้องการและรอให้ใครสักคนปกป้องเขา
คริสเดินมาหยุดยืนข้างหลังและเห็นทุกอย่างตรงหน้า....ความโมโหและความหึงหวง ตอนนี้มันทำให้เขาหน้ามืดเขากำมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความรู้สึกโกรธ....
"นายไม่มีวันนั้นหรอกคิมจงอิน!!" เสียงที่ดูคุ้นเคยตะโกนพูดเสียงดังที่ด้านหลังของเขาทั้งสอง....
สิ้นเสียงพูดนั้น คริสกระชากคอเสื้อของคิมจงอินขึ้นมาและผลักเขาไปอย่างแรงจนจงอินเสียหลักล้มลงไปนั่งที่พื้น....ชานยอลตกใจกับการกระทำของคริสและรีบเข้าไปดูจงอินด้วยความเป็นห่วง...
"ฉันเคยบอกนายแล้วใช่มั้ยจงอินว่าอย่ามายุ่งกับปาร์คชานยอล!! ชานยอลเป็นคนของฉัน!!" คริสเดินตรงเข้ามาจะทำร้ายร่างกายของคิมจงอินอีกครั้ง...แต่ชานยอลรีบขวาง ไว้ทันซะก่อน
"นายบ้าไปแล้วเหรอคริส....ทำร้ายคุณจงอินทำไม!" .....ชานยอลผลักไปที่หน้าอกหนาของคริสที่กำลังจะเดินเข้ามาหาจงอินอีกครั้ง ใบหน้าของคริสฉายแววตาที่ดุดันและโมโหสุดขีด ภาพที่จงอินกุมมือชานยอลเมื่อครู่มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น
"ก็ในเมื่อคุณชานยอลเขาไม่สบายใจที่ทำงานกับพี่ ผมชวนเค้ามาทำงานกับผมมันผิดด้วยเหรอครับ" จงอินพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ....
"นายอยู่กับฉันแล้วไม่สบายใจมากเหรอชานยอล อยู่กับมันสบายใจมากใช่มั้ย!!" คริสทวนคำพูดที่ชานยอลพูเมื่อครู่นี้กับจงอินเขากระชากข้อมือเรียวบางของชาน ยอลมาบีบไว้จนข้อมือขาวของชานยอลขึ้นเป็นรอยนิ้วและเป็นจ้ำแดงๆจากแรงบีบของ คริส
ชานยอลสุดจะทนกับพฤติกรรมความเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ของคริส ทั้งเรื่องของยุนฮีและเหตุการณ์ในตอนนี้มันทำให้ชานยอลพูดออกไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของเขาเช่นกัน.......
"ใช่!! ฉันอยู่กับนายแล้วไม่สบายใจ ฉันพูดอย่างนี้นายจะปล่อยฉันไปใช่มั้ย ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน!" ชานยอลสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของคริสและเริ่มมีน้ำตามาคลอหน่วงที่ดวง ตากลมโตของเขาอีกครั้ง
คิมจงอินมองดูชานยอลตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสารและอยากจะช่วยเหลือ...... จงอินลุกขึ้นและจับข้อมือบางของชานยอลไว้อีกข้างอย่างเบามือ...
"พี่คริส ปล่อยคุณชานยอลเถอะครับ!!" คิมจงอินจับจ้องไปที่ใบหน้าของคริสด้วยความรู้สึกโกรธเช่นกัน ถึงคริสจะโมโหมากแค่ไหนก็ไม่ควรเอาความโมโหของตนเองมาลงที่ชานยอล
"ฉันไม่ปล่อย!....ฉันมีสิทธิในตัวของชานยอล!....ต้องให้บอกมันมั้ยว่าเราเป็นอะไรกัน?!"
ประโยคสุดท้ายคริสจงใจมองไปที่ใบหน้าของชานยอลที่เริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา จากดวงตาคู่สวย ในตอนนี้ความโมโหและหึงหวงของคริสมันมากเสียจนเขาเองก็ไม่อยากจะเก็บความลับ ระหว่างเขากับชานยอลไว้....... คริสอยากจะรู้ว่าหากจงอินรู้ว่าทั้งเขาและชานยอลเป็นอะไรกัน จงอินยังจะตามตอแยชานยอลอีกไหม....
"คริส!....ทำไมนายทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้!!"
ชานยอลขยับฝ่ามือของตนเองออกจากมือหนาของจงอินและเหวี่ยงมันเข้าไปที่ใบหน้าของคริสอย่างแรงจนหน้าของคริสชาและหันไปตามแรงนั้น....
คริสออกแรงบีบมือของชานยอลมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของคริสขึ้นรอยแดงเป็นริ้วรอยนิ้วของชานยอลระเรื่อขึ้นมาเขาขบกัดกรามแน่นด้วยความโมโหพร้อมกับกระชากข้อมือของชานยอลเดินตรงไปที่รถของเขา
"ขึ้นไปบนรถ ฉันบอกให้ขึ้นไป!" เสียงตะคอกออกคำสั่งของคริสต่อชานยอลยังดังก้องในบริเวณนั้น
จงอินวิ่งตามมาทันและดึงรั้งแขนของชานยอลไว้เพราะเกรงว่าชานยอลจะถูกคริสทำร้ายจนเป็นอันตราย....
"ผมบอกให้ปล่อยคุณชานยอล!" ..... จงอินเข้ามารั้งร่างของชานยอลไว้ด้วยความเป็นห่วง
"ฉันไม่ปล่อย! ปาร์คชานยอลเป็นของฉัน!!"
คริสไม่สนใจฟังเสียงนั้นพร้อมกับกำหมัดและชกไปที่ใบหน้าของคิมจงอินโดยหวังให้จงอินเลิกยุ่งกับชานยอลเสียที....จงอินล้มไปตามแรงเหวี่ยงหมัดของคริส....และทรุดนั่งลงข้างๆรถของคริสที่กำลังออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
คริสขับรถมาตามทางด้วยความโมโห เขามุ่งหน้าห่างจากกองถ่ายออกไปเรื่อยๆ ชานยอลยังคงนั่งร้องไห้ในรถเงียบๆคริสเองก็เจ็บปวดกับคำพูดของชานยอลเช่นกัน.....เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่าชานยอลไม่เคยสบายใจเลยเมื่ออยู่ข้างเขาไม่เคยมีความสุขและรอยยิ้มดีๆให้กับเขา......คริสลูบใบหน้าของตนเองข้างที่ ถูกชานยอลตบด้วยความเจ็บ....ความเจ็บที่ว่าไม่ได้เกิดจากทางร่างกายของเขา แต่มันเป็นความเจ็บที่เกิดรอยแผลขึ้นในจิตใจ....
"นายจะพาฉันไปไหน" ...... ชานยอลเอ่ยถามคริสทั้งๆที่บนใบหน้าของเขายังคงมีน้ำตา
"ทำไม อยู่ข้างฉันมันไม่สบายใจมากจนไม่อยากร่วมทางไปด้วยเลยเหรอ"
คริสยังคงขับรถมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็ว.....ความโกรธและความโมโหของคริสทำให้เขาไม่สามารถลดละความเร็วของคันเร่งลงได้......
"ฉันตัดสินใจแล้วคริส ....ฉัน....จะลาออก" เสียงพูดของชานยอลพูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบงันในรถ.....
คริสตัดสินใจหักพวงมาลัยรถลงเข้าข้างทางและเหยียบเบรคกระทันหัน.....
ลาออกเหรอ.....นี่ชานยอลต้องการลาออกและต้องการหนีหายจากชีวิตเขาไปจริงๆใช่มั้ย......
"ชานยอล....นายจะลาออกเพราะ....คิมจงอินหรือเพราะฉัน...."
แววตาของคริสเจ็บปวดลึกๆในใจ...คำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของชานยอล....ชานยอลต้องการลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาเพราะการกระทำของเขา....หรือชานยอลต้องการจะไปทำงานกับคิมจงอินจริงๆ
"นายตอบฉันสิ ชานยอล ตอบฉัน" คริสเขย่าแขนของชานยอลอย่างแรงเพื่อต้องการคำตอบนั้น....
"ฉันจะลาออกเพราะ...นาย คริส ฉันเบื่อเต็มทีกับความเอาแต่ใจของนายและไม่ฟังเหตุผลของคนอื่น"
ชานยอลพูดพร้อมกับหลบสายตาของคริส ชานยอลเจ็บปวดใจกับเรื่องของยุนฮีและความไม่มีเหตุผลเจ้าอารมณ์ของคริส....เขาไม่รู้จะแก้ไขยังไง การตัดสินใจจะเลือกเดินจากคริสไปตอนนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดก่อนที่ทั้งตัว และหัวใจของเขาจะถลำลึกกับคริสไปมากกว่านี้.....
คริสก้มหน้าของเขาลงกับพวงมาลัยรถอย่างคนหมดแรง.....ชานยอลเปิดประตูรถลงมา ยืนข้างล่างพร้อมกับตั้งท่าจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อคริสเห็นชานยอลกำลังจะเดินจากเขาไป เขาจึงรีบเปิดประตูรถและวิ่งตรงมากระชากแขนของชานยอลไว้....
"ปาร์คชานยอล....ฉันไม่ให้นายไป"
"ที่ผ่านมา.....นายไม่มีความสุขเลยใช่มั้ยที่อยู่กับฉัน"
คริสกอดชานยอลจากทางด้านหลังพร้อมกับซุกหน้าของเขาลงไปบนไหล่บางของชานยอล.....คริสในตอนนี้ดูอ่อนแอและเจ็บปวดกับชานยอล ถึงเขาจะเป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์ แต่ทุกการกระทำของเขาที่มีต่อชานยอลเขาไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ มันคือความรู้สึกจากใจจริงของเขา....
ชานยอลยังคงนิ่งเงียบ...และค่อยๆแกะมือของคริสที่โอบรอบเอวของเขา ออก.........ชานยอลเดินตรงไปโบกรถประจำทางข้างหน้าและขึ้นไปนั่งบนนั้นโดย ไม่หันมามองคริสที่กำลังทรุดนั่งอยู่กับพื้นอย่างคนที่สิ้นหวังในชีวิต.....
วันเวลาที่เจ็บปวดของคริสและชานยอลผ่านไปหลายวัน.....ข้อความที่คริสส่งไป ที่ตัวเครื่องของชานยอลไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่ 1 ข้อความ....ชานยอลกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองโดยทิ้งจดหมายไว้ที่บ้านคริส ....เสื้อผ้าบางส่วนถูกเก็บใส่กระเป๋ากลับไปไว้ที่บ้านชานยอลรวมถึงแฟ้มงาน บางส่วน คงมีแต่เสื้อผ้าที่คริสเคยซื้อให้ชานยอลเท่านั้นที่ยังคงแขวนอยู่ในตู้เสื้อ ผ้าที่บ้านของคริสดังเดิม.....
ชานยอลยังไม่ลาออกจากตำแหน่งผจก.ส่วนตัวของคริสอย่างเป็นทางการเนื่องจาก ประธานวูยังไม่อนุมัติและขอร้องชานยอลไว้ เธอทำตามความต้องการของลูกชายที่ โทรมาขอร้องกับเธออีกที....และให้เหตุผลว่าเป็นการลาออกที่กระทันหันเกินไป เธอไม่อาจหาคนอื่นที่มาทำงานแทนชานยอลได้....เพราะฉะนั้นชานยอลก็ยังคงต้อง ทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไปเพียงแต่ตอนนี้ให้ถือว่าเป็นการลาพักผ่อนของชานยอ ลเท่านั้น...
วันแต่ละวันที่ผ่านล่วงเลยไปชานยอลอยู่ที่บ้านของเขาตามปกติและยังคงติดตาม ข่าวคราวของคริสและยุนฮีที่มีสื่อหลายสำนักพยายามประโคมข่าวถึงการโคจรมาพบ กันระหว่างคู่รักในอดีต.....คริสเองก็ยังคงทำงานของเขาไปด้วยความรู้สึกซัง กะตายในชีวิต....ชีวิตที่ไม่มีชานยอลอยู่ข้างๆมันดูไร้สีสัน ขาดทั้งเสียงหัวเราะของเขาและรอยยิ้ม คริสดูเป็นคนเงียบขรึมและกลับมาเจ้าอารมณ์อย่างเคย....เขาคิดถึงชานยอลอย่าง สุดหัวใจแต่ก็ทำได้เพียงแต่ก้มหน้าทำงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด....
.........วันนี้ที่บ้านของชานยอลมีงานเล็กๆเกิดขึ้น....เพราะมันคืองานวัน คล้ายวันเกิดของปาร์คชานยอล....สายรุ้งสีสวยเส้นเล็กๆประดับประดารอบบ้าน ด้วยฝีมือของชานยอลเอง....น้องสาวตัวน้อยหาหมวกแฟนซีใบเล็กๆมาใส่ที่ศรีษะ ของเธอและพี่ชาย...แม่ของชานยอลเตรียมกับข้าวหลายอย่างในครัวพร้อมทั้งลงมือ ทำโดยมีชานยอลเป็นลูกมือ.....เธอรู้แต่เพียงว่าตอนนี้ชานยอลน่าจะมีเรื่อง ไม่สบายใจแต่เธอเองก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานของลูก ชายเธอมากนัก...แม่ของชานยอลได้รับรู้แต่เพียงว่าชานยอลลาพักผ่อนกับทางครอบ ครัวสักพักเมื่อพร้อมก็จะกลับไปทำงานอีกครั้ง...
เช้าวันนี้คริสไม่ลืมที่จะส่งข้อความเพื่ออวยพรวันเกิดของชานยอล...เขาไม่คิดที่จะโทรไปหาชานยอลเพราะเขารู้ดีว่ายังไงชานยอลก็คงไม่รับโทรศัพท์เขา..........คริสมีถ่ายทำซีรีย์กับลียุนฮี ตามเคยและวันนี้ก็เป็นฉากที่สื่อหลายสำนักต่างขอเข้ามาทำข่าวเยอะมากที่สุด เป็นประวัติการณ์เพราะมันคือฉาก "Kiss Scene"..............
กองถ่ายยังคงสาละวนอยู่กับการเซทฉากและจัดเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงให้พร้อมสำหรับการถ่ายทำทั้งคริสและยุนฮีต่างซักซ้อมบทอยู่คนฝั่งโดยที่คริสบอกว่าเขาขอทำสมาธิเงียบๆและ จะไม่ขอซ้อมบทกับนางเอก คริสเอ่ยกับผกก.ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อรู้ว่าต้องถ่ายทำฉากคิสซีน เขาขอให้ผกก.เปลี่ยนไปใช้เป็นมุมกล้องเพราะเขาไม่สะดวกใจนักกับการที่จะต้องตกเป็นข่าวกับยุนฮีอีกครั้งหากถ่ายทำฉากนี้ไป....ทางผกก.ไม่ ยินยอมและขอร้องให้คริสถ่ายจริงซึ่งมันก็สร้างความลำบากใจให้กับคริสอีก ครั้งเพราะเขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากคนที่รักเขาและเขารักเห็นภาพ นี้.....
เมื่อฉากพร้อม แสงพร้อม และนักแสดงพร้อมแล้ว เสียงของผกก.ก็สั่งให้นักแสดงเตรียมตัวเพื่อเริ่มการถ่ายทำ
"ให้คิดว่าเป็นครั้งแรกที่เราเคยจูบกันวันนั้นไงคริส คุณคงไม่ตื่นเต้นนะ"
ยุนฮีกระซิบกับคริสเบาๆคำพูดนั้นดูไม่เหมือนการให้กำลังใจกันสักนิดหากแต่ เหมือนคำเยาะเย้ยหรือถากถางให้คริสย้อนกลับไปนึกถึงอดีตที่น่าเจ็บปวดนั้น เสียมากกว่า...
"ผมลืมมันไปหมดแล้วล่ะ ...วันนี้ผมมาในฐานะนักแสดงไม่ใช่คนรักเก่าของคุณ"
คำพูดเฉือดเฉือนใจของคริสทำให้ยุนฮีโกรธจัดจนใบหน้าของเธอเป็นสีแดง.....ยุนฮีรู้ดีว่ากับคนที่คริสไม่ได้รักเขามักจะเย็นชาใส่แบบนี้เสมอ...
เสียงผกก.ตะโกนบอกคิวเป็นที่ทราบกันดีว่ากำลังเริ่มการถ่ายทำ ....
" 3 4 แอคชั่น!" ......
"ผมรักคุณ........อย่าจากผมไปอีกนะ"
จบประโยคนั้น...คริสก็คว้าตัวยุนฮีเข้ามากอดและทาบทับริมฝีปากของเขาลงไป อย่างแผ่วเบา ยุนฮีโอบรอบต้นคอเขาพร้อมกับกดจูบของเธอลงไปให้หนักขึ้นจนคริสเผลอตัวผงะออก มาจากรอยจูบนั้นและเสียงผกก.ก็สั่งคัทอีกครั้ง
"เอาใหม่ครับ เอาใหม่ คุณคริสคุณรีบผละออกมาทำไมผมยังไม่ได้สั่งคัทเลย"
"ผมขอโทษครับ" คริสโค้งศรีษะน้อยๆเพื่อเป็นการขอโทษ เขาเพียงแต่ตกใจที่ยุนฮีจูบตอบทั้งๆที่ในบทเป็นแค่การแตะริมฝีปากเข้าหากันเท่านั้น....
ยุนฮียังคงอมยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะเธอรู้สึกดีใจที่ได้แกล้งคริสกลับ...ความ หยิ่งทนงของคริสที่เธอได้รับจากเขา เขาก็ต้องได้รับมันคืนกลับไปเช่นกัน....
ผกก.สั่งแอคชั่นใหม่อีกครั้งและประโยคที่คริสพูดไปแล้ว เขาก็พูดซ้ำมันขึ้นมาอีกเหมือนเคย
คริสทาบทับริมฝีปากของตนเองลงไปที่ปากบางของยุนฮีอย่างแผ่วเบา ยุนฮียังคงโอบรอบต้นคอเขาและใช้ปากบางของเธอขบเม้มไปที่จูบของคริสอย่างละมุน...เธอเผลอไผลไปกับสัมผัสจูบนั้นแม้มัน จะเป็นแค่การแสดง คริสหลับตาลงและพยายามกลั้นใจถ่ายต่อจนจบเพื่อให้ฉากสำคัญนี้ผ่านพ้นไปให้ เร็วที่สุด....
"คัท!! ......ขอบคุณมากครับ เยี่ยมมากทั้งคริสและยุนฮี" เสียงผกก.เอ่ยชมและเกิดเสียงปรบมือให้กับทั้งคริสและยุนฮีดังกึกก้องทั้งบริเวณ
ในระหว่างที่เขาทั้งสองจูบกันมีเสียงชัตเตอร์รัวไม่ยั้งเพราะสื่อต่างให้ ความสนใจกับฉากสำคัญนี้และเฝ้าดูว่าทั้งคริสและยุนฮีจะมีปฎิสัมพันธ์อะไร บางอย่างเกิดขึ้นอีกหรือไม่....
"ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระ" คริสเอ่ยลาทางกองถ่ายและทีมงานรวมถึงสื่อต่างๆที่ขอสัมภาษณ์เขา และเขาก็ตอบไปแล้วว่าเขาไม่สะดวกให้สัมภาษณ์เพราะมีธุระด่วน ....ซึ่งธุระด่วนของเขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากปลายทางที่เขาจะมุ่ง หน้าไปคืองานวันเกิดของชานยอล
หนทางจากกองถ่ายกว่าจะไปถึงที่บ้านของชานยอลก็ค่อนข้างมืดค่ำมากแล้ว คริสหยิบกล่องนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและค่อยเปิดมันออก เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อกำลังคิดว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ ชานยอลควรจะใจอ่อนกับเขาบ้าง....นาฬิกาเรือนนี้เขาตั้งใจที่จะซื้อมาเพื่อ มอบมันให้แก่ชานยอลและวันนี้ก็เป็นวันดีที่เขาจะถือโอกาสมอบให้ในวันเกิดของ คนที่สำคัญของคริส
บ้านหลังเล็กที่อบอวลในด้วยความสุขมีเสียงหัวเราะทั้งแม่ น้องสาวและชานยอลดังเล็ดลอดออกมา....วันนี้เขามีความสุขขึ้นมาบ้างแม้จะไม่ มีคริสอยู่ที่นี่....ชานยอลพยายามตัดใจและลบเรื่องคริสไปจากสมอง...หากสภาพ จิตใจของเขาพร้อมเมื่อไรเขาจะกลับไปทำงานแต่ตอนนี้ขอให้เขาตักตวงความสุขจาก ครอบครัวของเขาก่อน ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปต่อสู้กับความทุกข์บางอย่างอีกครั้ง
"ตายแล้ววว แม่นี่สะเพร่าจริง ผักกาดเขียวของโปรดของหนูแม่ไม่ได้ซื้อมาซะอย่างนั้น แล้วหนูจะกินเนื้อย่างกับอะไรล่ะทีนี้"
แม่ของชานยอลสบถออกมาเมื่อเธอเดินไปในครัวเพื่อเตรียมผักแอ้มกับเนื้อย่างเกาหลีของโปรดของชานยอล...
"ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้" ....ชานยอลเอ่ยตอบแม่ไปด้วยรอยยิ้ม...พร้อมกับเดินคว้ากระเป๋าตังค์ของเขาและโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย
ชานยอลเดินออกไปทางหน้าบ้านและเพิ่งเดินพ้นหัวถนนไปไม่นาน ก็มีรถสปอร์ตคันหรูที่คุ้นเคยขับเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของชานยอล คริสกดกริ่ง 2-3 ครั้งเพื่อรอคนมาเปิดด้วยใจจดจ่อระคนตื่นเต้นในใจลึกๆที่ไม่เจอหน้าชานยอลมา หลายวันแล้ว
"สวัสดีครับคุณป้า...." คริสโค้งศรีษะอย่างนอบน้อบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"ตายจริง ชานยอลเพิ่งออกไปซื้อของเมื่อครู่เองค่ะ คุณคริสเข้ามาก่อนสิคะ" แม่ของชานยอลเอ่ยตอบคริสด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเชื้อเชิญให้คริสเข้าบ้านตามมารยาทที่พึงมี....
"พี่พระเอกมาแล้ววว พี่พระเอกมาด้วย ดีใจจัง" น้องสาวตัวน้อยของชานยอลเดินมาเกาะแกะคริสด้วยความคิดถึง คริสยิ้มทักทายเธอตามอัธยาศัยอย่างทุกครั้ง....
"ผมมีของขวัญให้ชานยอลด้วยครับอยากจะฝากคุณป้าไว้เพราะ.....ผมกลัวเขาจะไม่กล้ารับ"
คริสตัดสินใจจะฝากของขวัญนั้นไว้เพราะรู้ดีว่าชานยอลคงไม่อยากรับของราคาแพง จากเขาและอีกอย่างเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าชานยอลจะหายโกรธเขาหรือยังแต่นาฬิกา เรือนนี้คือสิ่งที่คริสอยากจะมอบให้กับชานยอลจริงๆ
"เจ้าลูกคนนี้ขี้เกรงใจค่ะ คุณคริสเอาไปวางไว้ในห้องของชานยอลก็ได้ค่ะ ฝากป้าวางไว้ข้างนอกเดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจะคว้ามาเล่นเสียหายหมด"
คริสยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับเดินก้าวเท้ามาทางห้องนอนของชานยอลและหยิบกล่อง นาฬิกาของเขาออกมาจากเสื้อคลุม มือของคริสหมุนลูกบิดห้องนอนชานยอลเข้าไปและกำลังมองหาที่เหมาะๆสำหรับ วางกล่องนาฬิกาและการ์ดเล็กๆที่เขาบรรจงเขียนด้วยลายมือหวัดๆของเขา
ห้องทั้งห้องยังคงสภาพเดิม ห้องที่เขาทั้งสองเคยมีความสุขด้วยกันในคืนนั้น....สายตาคมของคริสมองกวาดตา ไปรอบๆ....แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับกรอบรูปบานใหญ่บานหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะเขียน หนังสือของชานยอล....
คริสเดินเข้าไปดูมันใกล้ๆเมื่อเห็นว่าในกรอบรูปนั้นมีรูปของเขาประติดประต่อ อยู่หลายภาพ....รูปตั้งแต่ที่คริสยังเข้าวงการได้ไม่นานนัก...และรูปที่เขา ถ่ายแบบในกับหนังสือต่างๆรูปภาพบางรูปที่คริสไปออกงานตามสื่อซึ่งภาพบางภาพ ก็นานมาแล้วรวมถึงบางภาพก็เป็นภาพที่เขาถ่ายก่อนที่จะเจอกับชานยอลได้ไม่นาน นัก...
ในกรอบรูปบานใหญ่นั้นมีรูปเล็กๆของชานยอลที่แปะยืนอยู่ข้างๆคริสหลายภาพ .... เป็นรูปที่ชานยอลใส่ชุดนักศึกษา...รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของชานยอลในตอนนั้นมันดูน่ารักสดใสและมีความสุขมาก ภาพของคริสและชานยอลถูกเทปกาวใสๆแปะให้ยืนข้างๆกัน....พร้อมกับมีข้อความนึง ที่เขียนด้วยหมึกสีดำจางๆซึ่งคริสก็ไม่มั่นใจว่ามันถูกเขียนขึ้นมานานหรือยัง....
"ฉันจะลองไปสมัครงานที่บริษัทนายดูนะคริส เผื่อจะได้เจอนายบ้าง"
"ตายละ ฉันได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวนายเหรอเนี่ย ขอบคุณพระเจ้า T_T"
ในกรอบรูปนั้นมีแค่ 2 ข้อความนี้ คริสพยายามประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าชานยอลนำภาพของเขามาติดใน กรอบรูปพวกนี้เพื่ออะไร........แต่แล้วคริสก็ยิ้มออกมาด้วยความสุขเมื่อเขา นึกขึ้นได้ว่าชานยอลรู้เรื่องระหว่างเขาและยุนฮีได้อย่างไร....เวปไซต์ที่เปิดค้างไว้ในมือถือนั้น ชานยอลเป็นสมาชิกของเวปแฟนคลับเขาหรือไม่ รูปภาพบางภาพที่เขาถ่ายมันเมื่อนานมาแล้ว ชานยอลเก็บไว้และตัดมันมาแปะในกรอบรูปพวกนี้โดยมีเทปกาวสีใสแปะรูปตัวเองอยู่ข้างๆ
"ปาร์คชานยอล นายแอบชอบฉันใช่มั้ย" ........คำถามที่คริสเคยแกล้งถามชานยอลเมื่อนานมาแล้วและชานยอลก็มักจะหน้าแดงทุกครั้งที่เขาถาม....
คริสไม่อาจทนรอให้ชานยอลเดินกลับมาที่บ้านได้ในตอนนี้ เขาร้อนรนใจอยากจะพบกับชานยอล เขาวิ่งออกไปที่หน้าบ้านและถามคุณแม่ชานยอลว่าร้านที่ชานยอลเดินออกไปซื้อ ของอยู่ตรงไหน....เมื่อรู้ว่าหนทางนั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับบ้านของชานยอลนัก เขาก็ตัดสินใจเปิดประตูรถและขับรถไปเพื่อตามหาชานยอล....
น้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา.....น้ำตาที่ไม่เคยไหลให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอในตัวเขามาก่อน
"เชื่อใจฉันนะชานยอล...ฉันขอแค่นายเชื่อใจฉัน...เท่านั้น"
คำพูดของคริสยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของชานยอล...ความเชื่อใจที่คริสขอ ร้องให้ชานยอลมีให้เขาตอนนี้มันสำคัญแค่ไหน ในเมื่อคริสเองยังไม่เคยทำให้เขาเกิดความไว้ใจได้สักครั้ง....คำว่ารักที่ คริสควรพูดหรือแสดงต่อเขาอย่างที่คริสเคยทำกับยุนฮี คริสยังไม่เคยมอบมันให้กับเขาเลยเช่นกัน...
ชานยอลไม่รู้ตัวว่าตนเองเดินออกมาไกลจากบริเวณนั้นมากแค่ไหน....เขาเดินหลบ มาที่ทุ่งหญ้าสีเขียวตรงหน้าซึ่งอยู่ติดกับถนนใหญ่............
รถหลายคันวิ่งผ่านตัวเขาไปดูขวักไขว่ไปหมด.....บ้างก็เป็นรถของทีมงานในกองถ่ายและชาวบ้านในพื้นที่
ชานยอลยืนมองเหม่อออกไปข้างหน้าเพื่อให้สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าช่วยเหลือ สภาพจิตใจของเขาให้ดีขึ้นได้บ้างแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้เขารู้สีกดี ขึ้นเลยสักนิด...
ในขณะที่ชานยอลยืนมองเหม่อออกไปข้างหน้าอย่างคนไร้จุดหมายในชีวิตก็มีเสียง บีบแตรเบาๆที่ด้านหลังของชานยอลโดยดังออกมาจากรถคันหนึ่ง....ชานยอลหันไปมอง ตามเสียงพร้อมกับรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาของตนเองที่มันเผลอหลั่งออกมาไว้ ออกจากดวงตาของเขา...
"คุณชานยอล คุณจริงๆด้วย มากองถ่ายใช่มั้ยครับ" .... เสียงจากภายในรถเอ่ยทักเขาจากตำแหน่งของคนขับรถ
คิมจงอิน....วันนี้คิมจงอินมีถ่ายละครซึ่งตั้งกองถ่ายไม่ไกลกันกับกองถ่ายซีรีย์ของคริสนัก ซึ่งคิมจงอินเพิ่งเดินทางมาถึงไม่นานเพราะเขาไม่ได้เป็นพระเอกในเรื่องนั้น เพียงแต่มาเป็นนักแสดงสมทบในฉากๆนึงเท่านั้นเอง...
"อ่อ ฮะ คุณคิมจงอิน" ..... ชานยอลขานรับทั้งๆที่ดวงตาของเขายังคงแดงก่ำพร้อมๆกับใบหน้าที่ดูยังไงก็รู้ว่าคงไม่ใช่ใบหน้าของคนที่กำลังเปี่ยมไปด้วยความสุข
ที่กองถ่ายซีรีย์ของคริส....ในขณะที่สิ้นเสียงของผกก.กองถ่ายที่สั่งคัท คริสก็รีบผละเดินออกจากร่างของยุนฮีที่เขาโอบกอดเธอไว้เมื่อครู่.......เขา รีบมุ่งหน้าเดินออกไปจากบริเวณนั้น จุดมุ่งหมายของคริสคือใต้ต้นไม้ใหญ่และมองหาชานยอล.....แต่.....ชานยอลก็ไม่ ได้นั่งรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว.........
เมื่อคริสหันหลังกลับมาก็พบกับยุนฮีที่เดินตามเขามาห่างๆ.....ใบหน้าของยุนฮีผู้หญิงที่คริสเคยรักปรากฎรอยยยิ้มให้เขาบางๆ
"คริส......คุณมีเวลาว่างพอจะคุยกับฉันบ้างมั้ย" ยุนฮีเอ่ยถามคริสด้วยความหวังในคำตอบ
"เวลาของผมไม่เคยมีสำหรับคุณ" คริสตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา .....
คริสเปลี่ยนไปแล้ว จากผู้ชายที่เคยโง่เง่าในความรักและอ่อนแอกับลียุนฮี....วันเวลาที่ผ่านมาหลายปีเขาพบเจอผู้คนมาหลากหลาย
...ในวงการมายามีแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน....ใช้การแสดงเป็นฉากบังหน้า ในชีวิตจริง คริสอยู่ในวงการมาซักระยะแล้วเขารู้ดีว่าคนที่จริงใจกับเขาที่สุดคือใคร และ...คนที่ไม่เคยใส่หน้ากากเข้าหาเขาคนนั้นยังรอเขาอยู่ในตอนนี้.....
"เรื่องของเราทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องงานเท่านั้น.........ขอโทษด้วยนะ......ผมขอตัวก่อน"
ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าของเขาไม่บ่งบอกถึงความมีเยื่อใยกับยุนฮีเลยสักนิดในตอนนี้คนเดียวที่เขาคิดถึงและแคร์จิตใจมากที่สุดก็คือ "ปาร์คชานยอล" คนที่ทำให้เขามีความสุขในปัจจุบันไม่ใช่ลียุนฮีคนที่เคยทำให้เขามีความสุขใน "อดีต"
ยุนฮียืนกำมือแน่นด้วยความโมโห เธอถูกหักหน้าอย่างแรงกับการปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใยของคริส.....เรียวปากบาง ขบเม้มเข้าหากัน เธอไม่ได้เจ็บปวดแต่เธอรู้สึกเสียหน้า....ถ้าเธอหยั่งรู้ถึงอนาคตข้างหน้า ว่าคริสจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคมมากขนาดนี้ เธอคงไม่ปล่อยเขาไปแล้วมาเลือกผู้ชายที่ไม่จริงใจกับเธอคนนั้น.....มันสายไป แล้วจริงๆใช่มั้ยถ้าเธอจะกลับมานับหนึ่งใหม่กับคริสอีกครั้ง......
คริสเดินถามหาชานยอลกับทีมงานรอบๆกองถ่ายว่ามีใครเห็นผู้จัดการส่วนตัวของ เขาบ้างด้วยความกังวลใจ....เขาเดินหาชานยอลทั่วกองถ่ายแต่ก็ไม่พบ....ไม่นาน นักมีรถของทีมงานที่เพิ่งขับเข้ามาจอดบอกว่าเห็นชานยอลข้างนอกและกำลังนั่ง คุยอยู่กับคิมจงอินแถวๆหมู่บ้านที่เขาเพิ่งขับผ่านเข้ามาเมื่อครู่........
ด้วยความร้อนใจคริสก้าวเท้าเร็วขึ้นและรีบพาร่างสูงโปร่งของตนเองมุ่งตรงไป ยังรถสปอร์ตคู่ใจ....หลังจากกดรีโมทกุญแจเพื่อปลดล็อครถ...เขาก็เหยียบคัน เร่งไปด้วยความเร็ว ความรู้สึกของเขาทั้งเป็นห่วงและเกิดอารมณ์คุกรุ่นในใจเมื่อได้ยินชื่อ ของ"คิมจนอิน" เด็กเมื่อวานซืนที่เขาเคยเตือนว่าอย่ามายุ่งกับชานยอล....
ชานยอลและคิมจงอินนั่งคุยอยู่ด้วยกันตรงริมข้างทางของทุ่งหญ้าสีเขียวขนาด ใหญ่ตรงหน้า......รอยยิ้มของคิมจงอินปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเข้มของเขา .....จงอินพยายามเล่าเรื่องตลกๆในกองถ่ายให้ชานยอลฟัง มันช่วยให้ชานยอลสบายใจขึ้นมาได้บ้าง...อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็มีเพื่อนคุย ไม่ต้องมานั่งอมทุกข์เรื่องของคริสอยู่เพียงคนเดียว
"คุณจงอินเป็นคนตลกดีเหมือนกันนะฮะ อยู่ด้วยแล้วก็สบายใจดี" ชานยอลยิ้มออกมาบางๆดวงตากลมโตของชานยอล
ดูสดใสมากขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้
"คุณชานยอล....คุณกับพี่คริส.....ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าครับ" จงอินตัดสินใจถามคำถามนั้นออกไป...เขารู้ดีว่าคริสและชานยอลน่าจะมีอะไรที่มากเกินกว่าเรื่องงาน ความรู้สึกบางอย่างที่เขาเคยสังเกตเห็นสายตาเวลาที่คริสมองชานยอลหรือความ รู้สึกหึงหวงและเรื่องที่เขาเคยมีปากเสียงกับคริสในโรงแรมเมื่อนานมาแล้ว
"เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรนี่ฮะ ผมคงเครียดเรื่องงานนิดหน่อย" .....ชานยอลพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเองไว้พร้อมกับแสร้งยิ้มให้กับ คิมจงอินผู้ชายที่ดูเป็นมิตรตรงหน้าเขา
"ถ้าสักวันผมโด่งดังอย่างเขาขึ้นมา คุณชานยอลมาทำงานกับผมได้นะครับ ถ้า...อยู่กับพี่คริสแล้วไม่สบายใจ"
.....คิมจงอินเอื้อมมือหนาของเขาไปบีบมือของชานยอลเบาๆเพื่อให้กำลังใจ .......ชานยอลยิ้มตอบรับให้กับความมีน้ำใจของคิมจงอิน.......จงอินรับรู้ถึง มือของชานยอลที่ยังคงสั่นระริกเบาๆมือเรียวบางของชานยอลดูอ่อนแอและบอบบาง เหมือนต้องการและรอให้ใครสักคนปกป้องเขา
คริสเดินมาหยุดยืนข้างหลังและเห็นทุกอย่างตรงหน้า....ความโมโหและความหึงหวง ตอนนี้มันทำให้เขาหน้ามืดเขากำมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความรู้สึกโกรธ....
"นายไม่มีวันนั้นหรอกคิมจงอิน!!" เสียงที่ดูคุ้นเคยตะโกนพูดเสียงดังที่ด้านหลังของเขาทั้งสอง....
สิ้นเสียงพูดนั้น คริสกระชากคอเสื้อของคิมจงอินขึ้นมาและผลักเขาไปอย่างแรงจนจงอินเสียหลักล้มลงไปนั่งที่พื้น....ชานยอลตกใจกับการกระทำของคริสและรีบเข้าไปดูจงอินด้วยความเป็นห่วง...
"ฉันเคยบอกนายแล้วใช่มั้ยจงอินว่าอย่ามายุ่งกับปาร์คชานยอล!! ชานยอลเป็นคนของฉัน!!" คริสเดินตรงเข้ามาจะทำร้ายร่างกายของคิมจงอินอีกครั้ง...แต่ชานยอลรีบขวาง ไว้ทันซะก่อน
"นายบ้าไปแล้วเหรอคริส....ทำร้ายคุณจงอินทำไม!" .....ชานยอลผลักไปที่หน้าอกหนาของคริสที่กำลังจะเดินเข้ามาหาจงอินอีกครั้ง ใบหน้าของคริสฉายแววตาที่ดุดันและโมโหสุดขีด ภาพที่จงอินกุมมือชานยอลเมื่อครู่มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น
"ก็ในเมื่อคุณชานยอลเขาไม่สบายใจที่ทำงานกับพี่ ผมชวนเค้ามาทำงานกับผมมันผิดด้วยเหรอครับ" จงอินพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ....
"นายอยู่กับฉันแล้วไม่สบายใจมากเหรอชานยอล อยู่กับมันสบายใจมากใช่มั้ย!!" คริสทวนคำพูดที่ชานยอลพูเมื่อครู่นี้กับจงอินเขากระชากข้อมือเรียวบางของชาน ยอลมาบีบไว้จนข้อมือขาวของชานยอลขึ้นเป็นรอยนิ้วและเป็นจ้ำแดงๆจากแรงบีบของ คริส
ชานยอลสุดจะทนกับพฤติกรรมความเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ของคริส ทั้งเรื่องของยุนฮีและเหตุการณ์ในตอนนี้มันทำให้ชานยอลพูดออกไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของเขาเช่นกัน.......
"ใช่!! ฉันอยู่กับนายแล้วไม่สบายใจ ฉันพูดอย่างนี้นายจะปล่อยฉันไปใช่มั้ย ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน!" ชานยอลสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของคริสและเริ่มมีน้ำตามาคลอหน่วงที่ดวง ตากลมโตของเขาอีกครั้ง
คิมจงอินมองดูชานยอลตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสารและอยากจะช่วยเหลือ...... จงอินลุกขึ้นและจับข้อมือบางของชานยอลไว้อีกข้างอย่างเบามือ...
"พี่คริส ปล่อยคุณชานยอลเถอะครับ!!" คิมจงอินจับจ้องไปที่ใบหน้าของคริสด้วยความรู้สึกโกรธเช่นกัน ถึงคริสจะโมโหมากแค่ไหนก็ไม่ควรเอาความโมโหของตนเองมาลงที่ชานยอล
"ฉันไม่ปล่อย!....ฉันมีสิทธิในตัวของชานยอล!....ต้องให้บอกมันมั้ยว่าเราเป็นอะไรกัน?!"
ประโยคสุดท้ายคริสจงใจมองไปที่ใบหน้าของชานยอลที่เริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา จากดวงตาคู่สวย ในตอนนี้ความโมโหและหึงหวงของคริสมันมากเสียจนเขาเองก็ไม่อยากจะเก็บความลับ ระหว่างเขากับชานยอลไว้....... คริสอยากจะรู้ว่าหากจงอินรู้ว่าทั้งเขาและชานยอลเป็นอะไรกัน จงอินยังจะตามตอแยชานยอลอีกไหม....
"คริส!....ทำไมนายทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้!!"
ชานยอลขยับฝ่ามือของตนเองออกจากมือหนาของจงอินและเหวี่ยงมันเข้าไปที่ใบหน้าของคริสอย่างแรงจนหน้าของคริสชาและหันไปตามแรงนั้น....
คริสออกแรงบีบมือของชานยอลมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของคริสขึ้นรอยแดงเป็นริ้วรอยนิ้วของชานยอลระเรื่อขึ้นมาเขาขบกัดกรามแน่นด้วยความโมโหพร้อมกับกระชากข้อมือของชานยอลเดินตรงไปที่รถของเขา
"ขึ้นไปบนรถ ฉันบอกให้ขึ้นไป!" เสียงตะคอกออกคำสั่งของคริสต่อชานยอลยังดังก้องในบริเวณนั้น
จงอินวิ่งตามมาทันและดึงรั้งแขนของชานยอลไว้เพราะเกรงว่าชานยอลจะถูกคริสทำร้ายจนเป็นอันตราย....
"ผมบอกให้ปล่อยคุณชานยอล!" ..... จงอินเข้ามารั้งร่างของชานยอลไว้ด้วยความเป็นห่วง
"ฉันไม่ปล่อย! ปาร์คชานยอลเป็นของฉัน!!"
คริสไม่สนใจฟังเสียงนั้นพร้อมกับกำหมัดและชกไปที่ใบหน้าของคิมจงอินโดยหวังให้จงอินเลิกยุ่งกับชานยอลเสียที....จงอินล้มไปตามแรงเหวี่ยงหมัดของคริส....และทรุดนั่งลงข้างๆรถของคริสที่กำลังออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
คริสขับรถมาตามทางด้วยความโมโห เขามุ่งหน้าห่างจากกองถ่ายออกไปเรื่อยๆ ชานยอลยังคงนั่งร้องไห้ในรถเงียบๆคริสเองก็เจ็บปวดกับคำพูดของชานยอลเช่นกัน.....เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่าชานยอลไม่เคยสบายใจเลยเมื่ออยู่ข้างเขาไม่เคยมีความสุขและรอยยิ้มดีๆให้กับเขา......คริสลูบใบหน้าของตนเองข้างที่ ถูกชานยอลตบด้วยความเจ็บ....ความเจ็บที่ว่าไม่ได้เกิดจากทางร่างกายของเขา แต่มันเป็นความเจ็บที่เกิดรอยแผลขึ้นในจิตใจ....
"นายจะพาฉันไปไหน" ...... ชานยอลเอ่ยถามคริสทั้งๆที่บนใบหน้าของเขายังคงมีน้ำตา
"ทำไม อยู่ข้างฉันมันไม่สบายใจมากจนไม่อยากร่วมทางไปด้วยเลยเหรอ"
คริสยังคงขับรถมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็ว.....ความโกรธและความโมโหของคริสทำให้เขาไม่สามารถลดละความเร็วของคันเร่งลงได้......
"ฉันตัดสินใจแล้วคริส ....ฉัน....จะลาออก" เสียงพูดของชานยอลพูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบงันในรถ.....
คริสตัดสินใจหักพวงมาลัยรถลงเข้าข้างทางและเหยียบเบรคกระทันหัน.....
ลาออกเหรอ.....นี่ชานยอลต้องการลาออกและต้องการหนีหายจากชีวิตเขาไปจริงๆใช่มั้ย......
"ชานยอล....นายจะลาออกเพราะ....คิมจงอินหรือเพราะฉัน...."
แววตาของคริสเจ็บปวดลึกๆในใจ...คำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของชานยอล....ชานยอลต้องการลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาเพราะการกระทำของเขา....หรือชานยอลต้องการจะไปทำงานกับคิมจงอินจริงๆ
"นายตอบฉันสิ ชานยอล ตอบฉัน" คริสเขย่าแขนของชานยอลอย่างแรงเพื่อต้องการคำตอบนั้น....
"ฉันจะลาออกเพราะ...นาย คริส ฉันเบื่อเต็มทีกับความเอาแต่ใจของนายและไม่ฟังเหตุผลของคนอื่น"
ชานยอลพูดพร้อมกับหลบสายตาของคริส ชานยอลเจ็บปวดใจกับเรื่องของยุนฮีและความไม่มีเหตุผลเจ้าอารมณ์ของคริส....เขาไม่รู้จะแก้ไขยังไง การตัดสินใจจะเลือกเดินจากคริสไปตอนนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดก่อนที่ทั้งตัว และหัวใจของเขาจะถลำลึกกับคริสไปมากกว่านี้.....
คริสก้มหน้าของเขาลงกับพวงมาลัยรถอย่างคนหมดแรง.....ชานยอลเปิดประตูรถลงมา ยืนข้างล่างพร้อมกับตั้งท่าจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อคริสเห็นชานยอลกำลังจะเดินจากเขาไป เขาจึงรีบเปิดประตูรถและวิ่งตรงมากระชากแขนของชานยอลไว้....
"ปาร์คชานยอล....ฉันไม่ให้นายไป"
"ที่ผ่านมา.....นายไม่มีความสุขเลยใช่มั้ยที่อยู่กับฉัน"
คริสกอดชานยอลจากทางด้านหลังพร้อมกับซุกหน้าของเขาลงไปบนไหล่บางของชานยอล.....คริสในตอนนี้ดูอ่อนแอและเจ็บปวดกับชานยอล ถึงเขาจะเป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์ แต่ทุกการกระทำของเขาที่มีต่อชานยอลเขาไม่เคยเสแสร้งแกล้งทำ มันคือความรู้สึกจากใจจริงของเขา....
ชานยอลยังคงนิ่งเงียบ...และค่อยๆแกะมือของคริสที่โอบรอบเอวของเขา ออก.........ชานยอลเดินตรงไปโบกรถประจำทางข้างหน้าและขึ้นไปนั่งบนนั้นโดย ไม่หันมามองคริสที่กำลังทรุดนั่งอยู่กับพื้นอย่างคนที่สิ้นหวังในชีวิต.....
วันเวลาที่เจ็บปวดของคริสและชานยอลผ่านไปหลายวัน.....ข้อความที่คริสส่งไป ที่ตัวเครื่องของชานยอลไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่ 1 ข้อความ....ชานยอลกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองโดยทิ้งจดหมายไว้ที่บ้านคริส ....เสื้อผ้าบางส่วนถูกเก็บใส่กระเป๋ากลับไปไว้ที่บ้านชานยอลรวมถึงแฟ้มงาน บางส่วน คงมีแต่เสื้อผ้าที่คริสเคยซื้อให้ชานยอลเท่านั้นที่ยังคงแขวนอยู่ในตู้เสื้อ ผ้าที่บ้านของคริสดังเดิม.....
ชานยอลยังไม่ลาออกจากตำแหน่งผจก.ส่วนตัวของคริสอย่างเป็นทางการเนื่องจาก ประธานวูยังไม่อนุมัติและขอร้องชานยอลไว้ เธอทำตามความต้องการของลูกชายที่ โทรมาขอร้องกับเธออีกที....และให้เหตุผลว่าเป็นการลาออกที่กระทันหันเกินไป เธอไม่อาจหาคนอื่นที่มาทำงานแทนชานยอลได้....เพราะฉะนั้นชานยอลก็ยังคงต้อง ทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไปเพียงแต่ตอนนี้ให้ถือว่าเป็นการลาพักผ่อนของชานยอ ลเท่านั้น...
วันแต่ละวันที่ผ่านล่วงเลยไปชานยอลอยู่ที่บ้านของเขาตามปกติและยังคงติดตาม ข่าวคราวของคริสและยุนฮีที่มีสื่อหลายสำนักพยายามประโคมข่าวถึงการโคจรมาพบ กันระหว่างคู่รักในอดีต.....คริสเองก็ยังคงทำงานของเขาไปด้วยความรู้สึกซัง กะตายในชีวิต....ชีวิตที่ไม่มีชานยอลอยู่ข้างๆมันดูไร้สีสัน ขาดทั้งเสียงหัวเราะของเขาและรอยยิ้ม คริสดูเป็นคนเงียบขรึมและกลับมาเจ้าอารมณ์อย่างเคย....เขาคิดถึงชานยอลอย่าง สุดหัวใจแต่ก็ทำได้เพียงแต่ก้มหน้าทำงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด....
.........วันนี้ที่บ้านของชานยอลมีงานเล็กๆเกิดขึ้น....เพราะมันคืองานวัน คล้ายวันเกิดของปาร์คชานยอล....สายรุ้งสีสวยเส้นเล็กๆประดับประดารอบบ้าน ด้วยฝีมือของชานยอลเอง....น้องสาวตัวน้อยหาหมวกแฟนซีใบเล็กๆมาใส่ที่ศรีษะ ของเธอและพี่ชาย...แม่ของชานยอลเตรียมกับข้าวหลายอย่างในครัวพร้อมทั้งลงมือ ทำโดยมีชานยอลเป็นลูกมือ.....เธอรู้แต่เพียงว่าตอนนี้ชานยอลน่าจะมีเรื่อง ไม่สบายใจแต่เธอเองก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานของลูก ชายเธอมากนัก...แม่ของชานยอลได้รับรู้แต่เพียงว่าชานยอลลาพักผ่อนกับทางครอบ ครัวสักพักเมื่อพร้อมก็จะกลับไปทำงานอีกครั้ง...
เช้าวันนี้คริสไม่ลืมที่จะส่งข้อความเพื่ออวยพรวันเกิดของชานยอล...เขาไม่คิดที่จะโทรไปหาชานยอลเพราะเขารู้ดีว่ายังไงชานยอลก็คงไม่รับโทรศัพท์เขา..........คริสมีถ่ายทำซีรีย์กับลียุนฮี ตามเคยและวันนี้ก็เป็นฉากที่สื่อหลายสำนักต่างขอเข้ามาทำข่าวเยอะมากที่สุด เป็นประวัติการณ์เพราะมันคือฉาก "Kiss Scene"..............
กองถ่ายยังคงสาละวนอยู่กับการเซทฉากและจัดเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงให้พร้อมสำหรับการถ่ายทำทั้งคริสและยุนฮีต่างซักซ้อมบทอยู่คนฝั่งโดยที่คริสบอกว่าเขาขอทำสมาธิเงียบๆและ จะไม่ขอซ้อมบทกับนางเอก คริสเอ่ยกับผกก.ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อรู้ว่าต้องถ่ายทำฉากคิสซีน เขาขอให้ผกก.เปลี่ยนไปใช้เป็นมุมกล้องเพราะเขาไม่สะดวกใจนักกับการที่จะต้องตกเป็นข่าวกับยุนฮีอีกครั้งหากถ่ายทำฉากนี้ไป....ทางผกก.ไม่ ยินยอมและขอร้องให้คริสถ่ายจริงซึ่งมันก็สร้างความลำบากใจให้กับคริสอีก ครั้งเพราะเขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากคนที่รักเขาและเขารักเห็นภาพ นี้.....
เมื่อฉากพร้อม แสงพร้อม และนักแสดงพร้อมแล้ว เสียงของผกก.ก็สั่งให้นักแสดงเตรียมตัวเพื่อเริ่มการถ่ายทำ
"ให้คิดว่าเป็นครั้งแรกที่เราเคยจูบกันวันนั้นไงคริส คุณคงไม่ตื่นเต้นนะ"
ยุนฮีกระซิบกับคริสเบาๆคำพูดนั้นดูไม่เหมือนการให้กำลังใจกันสักนิดหากแต่ เหมือนคำเยาะเย้ยหรือถากถางให้คริสย้อนกลับไปนึกถึงอดีตที่น่าเจ็บปวดนั้น เสียมากกว่า...
"ผมลืมมันไปหมดแล้วล่ะ ...วันนี้ผมมาในฐานะนักแสดงไม่ใช่คนรักเก่าของคุณ"
คำพูดเฉือดเฉือนใจของคริสทำให้ยุนฮีโกรธจัดจนใบหน้าของเธอเป็นสีแดง.....ยุนฮีรู้ดีว่ากับคนที่คริสไม่ได้รักเขามักจะเย็นชาใส่แบบนี้เสมอ...
เสียงผกก.ตะโกนบอกคิวเป็นที่ทราบกันดีว่ากำลังเริ่มการถ่ายทำ ....
" 3 4 แอคชั่น!" ......
"ผมรักคุณ........อย่าจากผมไปอีกนะ"
จบประโยคนั้น...คริสก็คว้าตัวยุนฮีเข้ามากอดและทาบทับริมฝีปากของเขาลงไป อย่างแผ่วเบา ยุนฮีโอบรอบต้นคอเขาพร้อมกับกดจูบของเธอลงไปให้หนักขึ้นจนคริสเผลอตัวผงะออก มาจากรอยจูบนั้นและเสียงผกก.ก็สั่งคัทอีกครั้ง
"เอาใหม่ครับ เอาใหม่ คุณคริสคุณรีบผละออกมาทำไมผมยังไม่ได้สั่งคัทเลย"
"ผมขอโทษครับ" คริสโค้งศรีษะน้อยๆเพื่อเป็นการขอโทษ เขาเพียงแต่ตกใจที่ยุนฮีจูบตอบทั้งๆที่ในบทเป็นแค่การแตะริมฝีปากเข้าหากันเท่านั้น....
ยุนฮียังคงอมยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะเธอรู้สึกดีใจที่ได้แกล้งคริสกลับ...ความ หยิ่งทนงของคริสที่เธอได้รับจากเขา เขาก็ต้องได้รับมันคืนกลับไปเช่นกัน....
ผกก.สั่งแอคชั่นใหม่อีกครั้งและประโยคที่คริสพูดไปแล้ว เขาก็พูดซ้ำมันขึ้นมาอีกเหมือนเคย
คริสทาบทับริมฝีปากของตนเองลงไปที่ปากบางของยุนฮีอย่างแผ่วเบา ยุนฮียังคงโอบรอบต้นคอเขาและใช้ปากบางของเธอขบเม้มไปที่จูบของคริสอย่างละมุน...เธอเผลอไผลไปกับสัมผัสจูบนั้นแม้มัน จะเป็นแค่การแสดง คริสหลับตาลงและพยายามกลั้นใจถ่ายต่อจนจบเพื่อให้ฉากสำคัญนี้ผ่านพ้นไปให้ เร็วที่สุด....
"คัท!! ......ขอบคุณมากครับ เยี่ยมมากทั้งคริสและยุนฮี" เสียงผกก.เอ่ยชมและเกิดเสียงปรบมือให้กับทั้งคริสและยุนฮีดังกึกก้องทั้งบริเวณ
ในระหว่างที่เขาทั้งสองจูบกันมีเสียงชัตเตอร์รัวไม่ยั้งเพราะสื่อต่างให้ ความสนใจกับฉากสำคัญนี้และเฝ้าดูว่าทั้งคริสและยุนฮีจะมีปฎิสัมพันธ์อะไร บางอย่างเกิดขึ้นอีกหรือไม่....
"ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระ" คริสเอ่ยลาทางกองถ่ายและทีมงานรวมถึงสื่อต่างๆที่ขอสัมภาษณ์เขา และเขาก็ตอบไปแล้วว่าเขาไม่สะดวกให้สัมภาษณ์เพราะมีธุระด่วน ....ซึ่งธุระด่วนของเขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากปลายทางที่เขาจะมุ่ง หน้าไปคืองานวันเกิดของชานยอล
หนทางจากกองถ่ายกว่าจะไปถึงที่บ้านของชานยอลก็ค่อนข้างมืดค่ำมากแล้ว คริสหยิบกล่องนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและค่อยเปิดมันออก เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อกำลังคิดว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ ชานยอลควรจะใจอ่อนกับเขาบ้าง....นาฬิกาเรือนนี้เขาตั้งใจที่จะซื้อมาเพื่อ มอบมันให้แก่ชานยอลและวันนี้ก็เป็นวันดีที่เขาจะถือโอกาสมอบให้ในวันเกิดของ คนที่สำคัญของคริส
บ้านหลังเล็กที่อบอวลในด้วยความสุขมีเสียงหัวเราะทั้งแม่ น้องสาวและชานยอลดังเล็ดลอดออกมา....วันนี้เขามีความสุขขึ้นมาบ้างแม้จะไม่ มีคริสอยู่ที่นี่....ชานยอลพยายามตัดใจและลบเรื่องคริสไปจากสมอง...หากสภาพ จิตใจของเขาพร้อมเมื่อไรเขาจะกลับไปทำงานแต่ตอนนี้ขอให้เขาตักตวงความสุขจาก ครอบครัวของเขาก่อน ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปต่อสู้กับความทุกข์บางอย่างอีกครั้ง
"ตายแล้ววว แม่นี่สะเพร่าจริง ผักกาดเขียวของโปรดของหนูแม่ไม่ได้ซื้อมาซะอย่างนั้น แล้วหนูจะกินเนื้อย่างกับอะไรล่ะทีนี้"
แม่ของชานยอลสบถออกมาเมื่อเธอเดินไปในครัวเพื่อเตรียมผักแอ้มกับเนื้อย่างเกาหลีของโปรดของชานยอล...
"ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้" ....ชานยอลเอ่ยตอบแม่ไปด้วยรอยยิ้ม...พร้อมกับเดินคว้ากระเป๋าตังค์ของเขาและโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย
ชานยอลเดินออกไปทางหน้าบ้านและเพิ่งเดินพ้นหัวถนนไปไม่นาน ก็มีรถสปอร์ตคันหรูที่คุ้นเคยขับเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของชานยอล คริสกดกริ่ง 2-3 ครั้งเพื่อรอคนมาเปิดด้วยใจจดจ่อระคนตื่นเต้นในใจลึกๆที่ไม่เจอหน้าชานยอลมา หลายวันแล้ว
"สวัสดีครับคุณป้า...." คริสโค้งศรีษะอย่างนอบน้อบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"ตายจริง ชานยอลเพิ่งออกไปซื้อของเมื่อครู่เองค่ะ คุณคริสเข้ามาก่อนสิคะ" แม่ของชานยอลเอ่ยตอบคริสด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเชื้อเชิญให้คริสเข้าบ้านตามมารยาทที่พึงมี....
"พี่พระเอกมาแล้ววว พี่พระเอกมาด้วย ดีใจจัง" น้องสาวตัวน้อยของชานยอลเดินมาเกาะแกะคริสด้วยความคิดถึง คริสยิ้มทักทายเธอตามอัธยาศัยอย่างทุกครั้ง....
"ผมมีของขวัญให้ชานยอลด้วยครับอยากจะฝากคุณป้าไว้เพราะ.....ผมกลัวเขาจะไม่กล้ารับ"
คริสตัดสินใจจะฝากของขวัญนั้นไว้เพราะรู้ดีว่าชานยอลคงไม่อยากรับของราคาแพง จากเขาและอีกอย่างเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าชานยอลจะหายโกรธเขาหรือยังแต่นาฬิกา เรือนนี้คือสิ่งที่คริสอยากจะมอบให้กับชานยอลจริงๆ
"เจ้าลูกคนนี้ขี้เกรงใจค่ะ คุณคริสเอาไปวางไว้ในห้องของชานยอลก็ได้ค่ะ ฝากป้าวางไว้ข้างนอกเดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจะคว้ามาเล่นเสียหายหมด"
คริสยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับเดินก้าวเท้ามาทางห้องนอนของชานยอลและหยิบกล่อง นาฬิกาของเขาออกมาจากเสื้อคลุม มือของคริสหมุนลูกบิดห้องนอนชานยอลเข้าไปและกำลังมองหาที่เหมาะๆสำหรับ วางกล่องนาฬิกาและการ์ดเล็กๆที่เขาบรรจงเขียนด้วยลายมือหวัดๆของเขา
ห้องทั้งห้องยังคงสภาพเดิม ห้องที่เขาทั้งสองเคยมีความสุขด้วยกันในคืนนั้น....สายตาคมของคริสมองกวาดตา ไปรอบๆ....แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับกรอบรูปบานใหญ่บานหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะเขียน หนังสือของชานยอล....
คริสเดินเข้าไปดูมันใกล้ๆเมื่อเห็นว่าในกรอบรูปนั้นมีรูปของเขาประติดประต่อ อยู่หลายภาพ....รูปตั้งแต่ที่คริสยังเข้าวงการได้ไม่นานนัก...และรูปที่เขา ถ่ายแบบในกับหนังสือต่างๆรูปภาพบางรูปที่คริสไปออกงานตามสื่อซึ่งภาพบางภาพ ก็นานมาแล้วรวมถึงบางภาพก็เป็นภาพที่เขาถ่ายก่อนที่จะเจอกับชานยอลได้ไม่นาน นัก...
ในกรอบรูปบานใหญ่นั้นมีรูปเล็กๆของชานยอลที่แปะยืนอยู่ข้างๆคริสหลายภาพ .... เป็นรูปที่ชานยอลใส่ชุดนักศึกษา...รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของชานยอลในตอนนั้นมันดูน่ารักสดใสและมีความสุขมาก ภาพของคริสและชานยอลถูกเทปกาวใสๆแปะให้ยืนข้างๆกัน....พร้อมกับมีข้อความนึง ที่เขียนด้วยหมึกสีดำจางๆซึ่งคริสก็ไม่มั่นใจว่ามันถูกเขียนขึ้นมานานหรือยัง....
"ฉันจะลองไปสมัครงานที่บริษัทนายดูนะคริส เผื่อจะได้เจอนายบ้าง"
"ตายละ ฉันได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวนายเหรอเนี่ย ขอบคุณพระเจ้า T_T"
ในกรอบรูปนั้นมีแค่ 2 ข้อความนี้ คริสพยายามประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าชานยอลนำภาพของเขามาติดใน กรอบรูปพวกนี้เพื่ออะไร........แต่แล้วคริสก็ยิ้มออกมาด้วยความสุขเมื่อเขา นึกขึ้นได้ว่าชานยอลรู้เรื่องระหว่างเขาและยุนฮีได้อย่างไร....เวปไซต์ที่เปิดค้างไว้ในมือถือนั้น ชานยอลเป็นสมาชิกของเวปแฟนคลับเขาหรือไม่ รูปภาพบางภาพที่เขาถ่ายมันเมื่อนานมาแล้ว ชานยอลเก็บไว้และตัดมันมาแปะในกรอบรูปพวกนี้โดยมีเทปกาวสีใสแปะรูปตัวเองอยู่ข้างๆ
"ปาร์คชานยอล นายแอบชอบฉันใช่มั้ย" ........คำถามที่คริสเคยแกล้งถามชานยอลเมื่อนานมาแล้วและชานยอลก็มักจะหน้าแดงทุกครั้งที่เขาถาม....
คริสไม่อาจทนรอให้ชานยอลเดินกลับมาที่บ้านได้ในตอนนี้ เขาร้อนรนใจอยากจะพบกับชานยอล เขาวิ่งออกไปที่หน้าบ้านและถามคุณแม่ชานยอลว่าร้านที่ชานยอลเดินออกไปซื้อ ของอยู่ตรงไหน....เมื่อรู้ว่าหนทางนั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับบ้านของชานยอลนัก เขาก็ตัดสินใจเปิดประตูรถและขับรถไปเพื่อตามหาชานยอล....