ณ.สวนสาธารณะที่เงียบสงบ....เวลานี้เป็นเวลาค่ำมืดมากแล้วและชาวบ้านแถวนั้นมักจะหลบอากาศหนาวเย็นจากด้านนอกเข้าไปพักผ่อนในบ้านที่แสนอบอุ่นของตน...ในตอนนี้คงจะมีแค่ร่างของคนสองคนในสวนสาธารณะข้างทางยืนจูบกันในมุมมืดๆที่มีแสงไฟสลัวสาดส่องลงมาทำให้ในบริเวณนั้นดูไม่สว่างมากเกินไปนัก....
"นายปล่อยฉันได้แล้ว เดี๋ยวมีคนอื่นมาเห็น" ชานยอลผละออกมาจากรสจูบของคริสทั้งๆที่ใบหน้าเขายังคงมีคราบของรอยน้ำตาบางๆ
"วันนี้วันเกิดนายนะชานยอล หยุดร้องไห้เถอะ ยิ้มสิ.....ฉันชอบเวลานายยิ้ม" คริสยังคงพูดกับชานยอลด้วยรอยยิ้มละมุนตามเคยพร้อมกับยกเรียวนิ้วของเขาเกลี่ยไปตามคราบน้ำตาของชานยอลเพื่อเช็ดมันออกช้าๆ
"กลับบ้านนายกันเถอะ แม่นายคงรอผักกาดเขียวนานแล้ว"
คริสเดินจูงมือชานยอลเดินไปทางรถสปอร์ตของเขาที่จอดไม่ห่างจากสวนสาธารณะนัก ชานยอลยังคงไม่พูดอะไรและยังคงเจ็บปวดในใจลึกๆผมจะสามารถเชื่อใจคริสได้มั้ยหรือต้องให้คริสพิสูจน์ใจอะไรเพื่อผมอีกหรือเปล่า....
ชานยอลก้าวเดินช้าๆและเข้าไปนั่งในรถกับคริส...ที่จริงแล้วชานยอลก็แอบดีใจเล็กน้อยที่คริสมาหาในงานวันเกิดของเขาถ้าไม่มีเรื่องของยุนฮีกับคริสมารบกวนจิตใจ ..วันนี้คงจะเป็นอีกวันหนึ่งที่ชานยอลจะมีความสุขมากในชีวิต...
ในระหว่างที่รถขับมาตามทางเพื่อกลับมายังบ้านของชานยอล....เสียงริงโทนที่โทรศัพท์ของชานยอลก็ดังขึ้น...เบอร์ที่โชว์หน้าจอแสดงว่าเป็นสายที่ชานยอลไม่รู้จัก ...ชานยอลคว้าโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาด้วยและกดรับสายในไม่ช้า...
"สวัสดีครับ คุณปาร์คชานยอล ผมจะโทรเข้ามาขอคิวการสัมภาษณ์คุณคริสครับ"
เสียงตามสายดังตามมาด้วยความร้อนรน....ชานยอลหันไปมองที่ใบหน้าของคริสที่กำลังขับรถไปตามหนทางด้านหน้า....
"สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องอะไรฮะ" ชานยอลเอ่ยถามนักข่าวที่โทรเข้ามาขอคิวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
"เรื่องคุณคริสและคุณลีฮุนฮีครับ วันนี้คุณยุนฮีเธอให้สัมภาษณ์คนเดียวและมีคำบางคำที่เธอบอกว่าให้มาถามคุณคริส ผมถึงรีบโทรมาขอคิว หวังว่าผมจะเป็นคนแรกนะครับ"
ชานยอลนิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่นักข่าวพูดออกมา ....มีเรื่องอะไรกันที่เขาไม่รู้อีกแล้วหรือ...
"รอซักครู่นะฮะ....เขาอยู่ข้างๆผม ตอนนี้ผมลาพักผ่อนอยู่ คุณถามเขาเองละกัน"
ชานยอลยื่นโทรศัพท์มือถือให้คริสเป็นคนคุยสายด้วยความไม่พอใจเล็กๆที่ต้องได้ยินชื่อของยุนฮีอีกครั้งในตอนนี้
คริสรับโทรศัพท์ไปด้วยท่าทีงงๆเพราะชานยอลไม่ตอบว่าใครโทรมาและยังคงเอาโทรศัพท์พยายามยื่นมาตรงหน้าของเขาด้วยท่าทางกวนๆ......
"ครับ ผมคริส" คริสตอบรับเสียงจากทางปลายสาย
"คุณคริสครับ พรุ่งนี้คุณว่างมั้ยครับ ทางหนังสือของเราจะขอคิวสัมภาษณ์เนื่องจากเมื่อเย็นคุณยุนฮีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณไว้"
นักข่าวรัวใส่คริสเป็นชุดด้วยความร้อนรนเพราะกลัวว่าหากเขาวางสายนี้ไปอาจจะมีคนอื่นโทรเข้ามาขอคิวของคริสแทน
"สัมภาษณ์เรื่องอะไรครับ ...ยุนฮีพูดว่ายังไง" คริสเอ่ยถามนักข่าวด้วยความรู้สึกร้อนใจไม่แพ้กัน คิ้วเข้มของเขาเริ่มขมวดขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้
"คุณคริสไม่ทราบเหรอครับว่าเธอให้สัมภาษณ์ว่าคุณคริสมาขอคืนดีกับเธอ ผมล่ะดีใจด้วยจริงๆที่จะได้ทำข่าวนี้"
นักข่าวหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความยินดีที่เขาทั้งสองอาจจะกลับมาคบกันและอาจจะเป็นคู่หวานของวงการอีกครั้ง
"บ้าจริง ยุนฮีให้สัมภาษณ์อย่างนั้นเหรอครับ!" คริสสบถใส่หูโทรศัพท์ด้วยความโมโห
"เรื่องนี้ผมจะออกมาให้ข่าว ตอนนี้ผมไม่ว่าง!แล้วผมจะเป็นคนติดต่อกลับและนัดพวกคุณอีกครั้งเอง!"
คริสกดตัดสายโทรศัพท์พร้อมกับเอาฝ่ามือของตนเองตบไปที่พวงมาลัยด้วยความโมโห...ทำไมลียุนฮีถึงให้สัมภาษณ์แบบนี้..ต้องการจะแกล้งเขาที่เขาเย็นชาใส่ใช่ไหม...เมื่อไรเรื่องวุ่นวายมันจะจบๆไปซักที ทั้งเรื่องที่ชานยอลกำลังเข้าใจเขาผิดและเรื่องข่าวลือมั่วๆของเขากับลียุนฮี
"มีเรื่องอะไรกัน" ชานยอลเอ่ยถามคริสด้วยความกังวล หลังจากที่เห็นคริสมีท่าทีฉุนเฉียวกับสิ่งที่นักข่าวพูด
"....ชานยอล..ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรออกมา นายต้องเชื่อใจฉันนะ..."
คริสยังคงพูดย้ำกับชานยอลอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการอยู่ในวงการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนต้องพบเจอกับข่าวที่เสียหายมากมายและศิลปินบางคนก็อาจจะท้อใจกับข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงจนยอมท้อถอยออกไปจากวงการก็มี
คริสกดปิดโทรศัพท์มือถือของชานยอลและหยุดรถลงหลังจากเขาพูดจบ เขาถอยกลับรถไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่ตรงกันข้ามกับทางไปบ้านของชานยอล
"นายจะไปไหนน่ะคริส นั่นไม่ใช่ทางไปบ้านฉันนะ" ชานยอลมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นคริสกลับรถและเปลี่ยนเส้นทาง
"ฉันอยากไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา...ที่ที่มีแค่เราสองคน"
คริสยังคงขับรถตรงไปและเหยียบคันเร่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วตอนนี้อารมณ์ของเขาเริ่มคุกรุ่นอีกครั้งหลังจากได้รู้ว่าลียุนฮีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเขาทั้งสองว่ายังไง....
ความรู้สึกในใจของคริสเบื่อหน่ายเต็มทีกับข่าวพวกนี้ ....เขากำลังจะมุ่งหน้าไปในที่ที่เขาสบายใจที่สุด ในตอนนี้เขาอยากจะอยู่กับชานยอลและคุยกันให้รู้เรื่องเกี่ยวกับปัญหาระหว่างเราทั้งสอง....ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาทั้งคริสและชานยอลยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ..กลับกลายแต่จะมีเรื่องราวให้พวกเขาทั้งสองต้องเข้าใจผิดกันเรื่อยไป....
"แต่แม่ฉันรอฉันอยู่นะ" ....ชานยอลมีสีหน้ากังวลเมื่อนึกถึงทั้งแม่และน้องสาวที่รอเขาอยู่ที่บ้าน...
"เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง"
คริสตอบสั้นๆพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของตนกดหาเบอร์บ้านของชานยอลและบอกกับคุณแม่ของชานยอลเกี่ยวกับธุระด่วนที่ต้องขอยืมตัวชานยอลไปเพื่อจัดการธุระบางอย่าง...รวมถึงตัวเขาเองก็ต้องขอโทษด้วยที่รีบร้อนออกมาจากบ้านของชานยอลเมื่อซักครู่...
"ไม่เป็นไรจ๊ะ....ป้าเข้าใจ มิน่าคุณคริสถึงท่าทางร้อนใจ ยังไงก็ฝากชานยอลด้วยนะค่ะ "
เสียงอ่อนโยนตามสายของแม่ชานยอลที่ตอบรับกับคริสในโทรศัพท์นั้นยังคงดูอบอุ่นทุกครั้งที่พูดคุยกับคริส
"ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผมและงานของผม ....ผมจะดูแลชานยอลเองครับ..แค่นี้นะครับคุณแม่"
คริสกดวางสายหลังจากเสร็จสิ้นธุระของเขาแล้ว....ประโยคสุดท้าย "คุณแม่" คือคำพูดที่คริสตั้งใจพูดให้ทั้งชานยอลและแม่ของชานยอลฟัง...เขาเคารพแม่ของชานยอลเป็นแม่ของเขาอีกคน...อย่างน้อยก็มีแม่ของชานยอลที่ยังเข้าใจเขาแม้ลูกของคุณแม่จะยังไม่เข้าใจผมก็ตาม
"เรียกแม่ฉันว่าแม่ทำไม เรียกป้าอย่างเดิมก็ดีแล้ว" ...ชานยอลแกล้งพูดต่อว่าคริสแม้ใจลึกๆเขาจะชอบให้คริสเรียกแม่เขาแบบนี้เช่นกัน
"ทำไมล่ะ ก็แม่นายดีกับฉัน...ฉันเคารพแม่นาย แล้วอีกอย่างฉันก็เป็น...แฟนของลูกเขาด้วย คุยกับแม่ยังคุยง่ายกว่าคุยกับลูกซะอีก" คริสแกล้งบ่นออกมาเบาๆ
เขาอมยิ้มมุมปาก พร้อมกับแกล้งมองไปที่ใบหน้าของชานยอล...
คริสค่อยๆคว้ามือของชานยอลมากุมไว้ขณะที่ขับรถไปตามทางเรื่อยๆซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ออกไปนอกตัวเมือง....ป้ายบอกทางชี้ทางบ่งบอกเส้นทางที่คริสคุ้นเคยเป็นอย่างดี....ปลายทางที่เขาจะไปนั้นคือสถานที่ที่คริสมักจะชอบหลบไปพักใจเวลาที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ....
"หิวหรือเปล่า จะแวะทานอะไรมั้ย" .... คริสเอ่ยถามกับชานยอลในขณะที่รถวิ่งมาได้สักพักและเข้าตัวเมืองมา ตอนนี้เขาออกนอกโซลมาเป็นระยะทางที่ไกลมากแล้ว...
"ก็หิวเหมือนกัน ...ฉันยังไม่ได้ทานเนื้อย่างของโปรดฉันเลย" ชานยอลลูบไปที่ท้องของเขาเมื่อรู้สึกว่าท้องของตนเองเริ่มมีเสียงโครกครากดังขึ้นมาเนื่องจากเมื่อเย็นเขาทานอาหารไปนิดเดียวเท่านั้น
"คืนนี้แวะหาของทานที่ร้านสะดวกซื้อก่อนแล้วกันนะ พรุ่งนี้เราค่อยทานเนื้อย่าง แถวนี้คนพลุกพล่านฉันขี้เกียจอำพรางตัว"
คริสพูดยิ้มๆเขารู้สึกเห็นใจชานยอลเช่นกันที่ต้องมาลำบากหลบๆซ่อนๆกับเขา...คริสอยากจะไปในที่ที่ไม่มีคนรู้จักทั้งเขาและชานยอล ที่ที่จะมีเพียงเขาแค่สองคน....
หลังจากที่ชานยอลลงไปซื้ออาหารบางส่วนที่ร้านสะดวกซื้อแล้วคริสก็ขับรถไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างมืดมิด...ไฟถนนที่ให้ความสว่างรอบข้างเริ่มลดลงทีละน้อย.......ไม่นานนักคริสก็กดปุ่มเปิดหลังคารถเพื่อให้เขาทั้งสองได้รับความสดชื่นจากบรรยากาศของอากาศนอกเมือง เสียงคลื่นซัดสาดดังเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นไอความเค็มของทะเลลอยเข้ามาปะทะจมูกและใบหน้าของคนทั้งสองบ่งบอกว่าคริสได้เดินทางมาใกล้ถึงสถานที่ที่เขาต้องการแล้ว....
บ้านพักตากอากาศของคริสคือจุดหมายปลายทางที่คริสอยากจะพาชานยอลมา ที่นี่เงียบสงบและไม่มีคนพลุกพล่านมากเนื่องจากเป็นหาดส่วนตัวและเป็นสมบัติที่แม่เขาได้ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่มีเวลามาดูแล แม่ของคริสจ้างชาวบ้านแถวนั้นให้มาทำความสะอาดบ้านพักอาทิตย์ละ 1 ครั้งโดยที่ชาวบ้านแถวนี้ก็แทบจะไม่รู้จักคริสด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่าเป็นลูกเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ดีมีเงินทำงานที่โซล....คริสจึงมักใช้ที่นี้เป็นสถานที่พักผ่อนเวลาที่เขาไม่สบายใจและเขาก็มักจะมาพักแค่คนเดียวมีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่เขามีเพื่อนร่วมทางมาด้วยคือปาร์คชานยอล
ท้องฟ้ามืดมิดเผยให้เห็นดวงดาวที่ทอแสงลงมาระยิบระยับในบรรยากาศของต่างจังหวัด...คริสขับรถให้ช้ารถลงเพื่อให้ทั้งเขาและชานยอลสัมผัสกับอากาศที่ปลอดโปร่ง แสงจากดวงจันทร์ส่องลงมาตามทาง เผยให้เห็นใบหน้าของชานยอลที่ดูตื่นเต้นกับสิ่งรอบข้างทั้งภูเขาที่ทะมึนที่ตั้งตระหง่านข้างหน้าบวกกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาเรื่อยๆทำให้ชานยอลมองดูรอบๆเหมือนเด็กๆที่ได้ออกมาทัศนศึกษาเปิดหูเปิดตา ชานยอลยืดตัวขึ้นมามองดูรอบๆและโผล่ศรีษะออกไปรับลมภายนอกอย่างคนที่ดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อครู่...คริสตั้งใจจะใช้โอกาสในครั้งนี้ปรับความเข้าใจเรื่องทั้งหมดกับชานยอล....
"นายชอบทะเลมั้ย" คริสพูดกับชานยอลในขณะที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพัก
"อือ ชอบสิ...เอ่อ...ที่นี่บ้านนายเหรอ"
"บ้านแม่ฉัน ....เราคงจะอยู่ที่นี่ซัก 2-3วัน"
คริสตอบกลับชานยอลด้วยสีหน้าเรียบๆ...มีแต่ชานยอลที่เบิกดวงตากลมโตของเขาออกมาด้วยความตกใจ 2-3 วัน!!อยู่ที่นี่ด้วยกันสองคนเนี่ยนะ...
"ห๊ะ 2-3 วัน เอ่อ...จะอยู่ได้ยังไง นายมีงานนะะะ"
ชานยอลรู้ตารางงานของคริสดี แม้เขาจะไม่ได้พักที่บ้านคริสมาหลายวันแต่เขาก็ยังทำหน้าที่จัดตารางงานให้คริสที่บ้านเขา และบางครั้งก็มีการส่งข้อความแจ้งคิวงานของคริสผ่านทางโทรศัพท์
"อันนั้นมันก็คือเรื่องของผู้จัดการนะครับว่าจะแก้ไขยังไง ถ้าผมจะเบี้ยวไม่ไปทำงาน" คริสพูดขณะที่กำลังจอดรถหน้าบ้านพัก
"เอาหน่ะชานยอล นายอยู่ที่นี่กับฉันแล้วนายน่ะแหละที่จะไม่อยากให้ฉันไปทำงานเอง"
คริสยิ้มและหัวเราะออกมาพร้อมกับเอื้อมมือของเขามาจับที่ปลายจมูกของชานยอลและบีบมันส่ายไปมาเบาๆ
"ลงมาได้ละชานยอล เข้าไปในบ้านกัน" คริสพูดพลางเดินนำเข้าไปในบ้านพักก่อน
บ้านที่ดูไม่ใหญ่โตมากนักแต่แลดูสวยงามและอบอุ่นจากการตกแต่ง บ้านหลังสีขาวที่หันหน้าเข้าหาทะเลมีชานระเบียงเล็กๆที่หน้าบ้านและผ้าม่านสีขาวผูกไว้ข้างหน้าต่างและประตูบานใหญ่ที่พริ้วไหลไปตามแรงลมของทะเล
....กระถางต้นไม้ต้นเล็กๆที่ได้รับการดูแลจากชาวบ้านถูกวางปลูกไว้รอบๆบ้าน แม้จะเป็นเวลามืดก็ยังคงมีกลิ่นหอมๆของดอกไม้บางชนิดส่งกลิ่นเข้ามาปะทะกับจมูกของชานยอล...ชานยอลดูสดชื่นและกระตือรือร้นมากขึ้น คริสลอบมองชานยอลด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม...แม้ความสุขในชีวิตของคริสจะหาได้ยากเพราะแทบทุกวันคือการทำงานจะมีก็แต่ชานยอลที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้....
ด้วยความตื่นเต้นประกอบกับบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชานยอลเดินไปสำรวจบริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน...มีเก้าอี้สีขาวแบบพนักเอนหลัง 2 ตัววางคู่กันพร้อมโต๊ะกลมเล็กๆสีขาวที่วางอยู่ตรงกลาง ชานยอลเดินไปและค่อยๆวางแขนทั้งสองข้างพาดลงไปที่รั้วระเบียง สายตาของเขามองออกไปยังท้องทะเลกว้างสุดสายตา...ชานยอลสูดลมหายใจลึกๆพร้อมกับหลับตาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด...เขาไม่ได้มาทะเลนานแล้วเหมือนกัน...บ้านหลังนี้ตกแต่งได้น่าอยู่และบรรยากาศรอบข้างก็ดีมากๆ
"ง่วงนอนหรือยัง วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย นายนวดให้ฉันอย่างวันนั้นหน่อยสิ" .... คริสเดินเข้ามาสวมกอดชานยอลจากทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา
"ถ่ายละครเหนื่อยเหรอ....อ่อ..คงจูบจนเหนื่อย"
ชานยอลแกล้งพูดประชดคริสพร้อมยืนมองออกไปที่ชายหาดหน้าบ้าน...ที่มีแสงไฟจากตัวบ้านสาดส่องออกไป ทำให้มองเห็นเกลียวคลื่นที่กระทบเข้ามาที่หาดทรายสีขาวสะอาดตา
"ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าฉันไม่เต็มใจ..หืม" คริสหลับตาลงช้าๆโดยเอาคางเกยพาดที่ไหล่ของชานยอล...กลิ่นน้ำหอมจางๆจากตัวชานยอลมันทำให้เขาสดชื่นกว่ากลิ่นลมทะเลที่ลอยมาปะทะหน้าเขาในตอนนี้อีก
"หรือต้องให้พิสูจน์อีกครั้ง" จบประโยคนั้น..คริสไม่พูดเปล่าแต่กดปลายจมูกโด่งๆของเขาลงไปที่แก้มเนียนใสของชานยอลเบาๆ
ชานยอลยังคงมีอาการเขินอายเมื่ออยู่กับคริสแค่เพียงสองคนและในบรรยากาศแบบนี้ เขาตีไปที่แขนของคริสเบาๆเพื่อแก้เขิน....จากใบหน้านวลใสสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ...ชานยอลพยายามเปลี่ยนเรื่องโดยแกล้งถามเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับบ้านหลังนี้....
"เอ่อ..ที่นี่มีห้องกี่ห้องเหรอคริส...มีห้องนอนที่อยู่ติดกับทะเลมั้ย"
ชานยอลชอบห้องนอนที่อยู่ติดทะเล เวลาที่ไปพักกับพวกเพื่อนๆเขามักจะจองห้องที่อยู่ติดทะเลแบบ SeaView ทุกครั้ง
"บ้านนี้มีหลายห้อง...แต่ห้องนอนที่อยู่ติดทะเลคือห้องฉัน....อือ..ห้องของเราสิถึงจะถูก"
คริสอมยิ้มออกมาพร้อมสวมกอดชานยอลจากทางด้านหลังให้แน่นขึ้น...เขาอยากจะหยุดเวลานี้ที่มีชานยอลอยู่ในอ้อมแขนไว้ให้นานแสนนาน
ร่างสูงโปร่งของคริสยืนกอดชานยอลสักพักโดยชานยอลเองก็ยังคงมองไปตามท้องทะเลกว้างเมื่อคริสเห็นว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะดึกมากแล้วเขาก็เอ่ยพูดกับชานยอล
"ไปนอนกันเถอะชานยอล ฉันเหนื่อย" คริสพูดพลางจูงมือชานยอลเดินขึ้นไปชั้นบนช้าๆ
ที่ชั้นสองของบ้านนี้มีห้องนอนอยู่ประมาณ 2-3 ห้องแต่ห้องที่คริสพาชานยอลเข้ามาเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา ผ้าปูสีขาวขึงตึงเพื่อรอรับการมาเยี่ยมเยือนของเจ้าของบ้านในห้องนอนมีระเบียงและประตูเลื่อนแบบกระจกบานใหญ่ มีผ้าม่านสีขาวลายลูกไม้บางๆสไตล์เดียวกับห้องโถงด้านล่างยังคงผูกหลวมๆอยู่ที่ข้างหน้าต่าง... ชานยอลเหลียวมองรอบห้องด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แม้เขากับคริสจะผ่านเรื่องนั้นมาด้วยกันแล้วแต่บางครั้งชานยอลก็ยังคงเกร็งๆกับเรื่องนั้นอยู่บ้าง....
คริสเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนและหยิบเสื้อผ้าของเขารวมถึงผ้าขนหนูยื่นให้ชานยอล...เสื้อเชิ๊ตแขนยาวตัวบางสีขาวและกางเกงนอนขายาวคือชุดที่คริสเลือกให้ชานยอลใส่..เขารับมันไปพร้อมกับพลิกดูเสื้อผ้าที่คริสส่งให้...
"เสื้อมันไม่บางไปเหรอคริส นายนี่มัน......" ชานยอลพูดพร้อมยื่นเสื้อที่คริสเลือกกางออกมาพิจารณาดู
"จะบางอะไรล่ะ ถ้าหนาวฉันก็จะนอนกอดนายทั้งคืน" คริสพูดพร้อมหัวเราะออกมา เขาเดินดันตัวของชานยอลเข้าไปในห้องน้ำ
พร้อมกำชับกับชานยอลว่า...
"อาบเร็วๆล่ะ ฉันง่วงแล้วอยากนอน"
สิ้นประโยคของคริสเขาก็ล้มตัวนอนเล่นบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งจากการถ่ายละครวันนี้รวมถึงต้องขับรถเองไปที่บ้านของชานยอลและขับรถตรงมาที่นอกเมืองจนมาถึงที่นี่อีก....
ชานยอลหายเข้าไปอาบน้ำสักพัก....เมื่อเสร็จจากธุระส่วนตัวเขาก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาช้าๆและแอบมองคริสจากหน้าห้องน้ำ...
คริสนอนหลับเหมือนเด็กๆที่อ่อนเพลียจากการวิ่งเล่น ดวงตาคมของเขาปิดสนิท ชานยอลค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปดูคริสใกล้ๆให้เบาที่สุดเพราะเกรงว่าเขาจะตื่นขึ้นมา...
ชานยอลยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของคริสยามหลับ ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างคริสนอนหลับอยู่ตรงหน้าเขา ผู้ชายคนที่ชานยอลแอบชอบตั้งแต่ครั้งที่เห็นคริสตามรายการโทรทัศน์และหนังสือถ่ายแบบต่างๆ...ช่วงมหาลัยในชีวิตนักศึกษาชานยอลเขาแอบชอบศิลปินคนนี้ แม้กระทั่งเพื่อนหรือครอบครัวของเขาก็ไม่มีใครล่วงรู้ความลับนั้น...ชานยอลตั้งใจสมัครงานที่บริษัทโมเดลลิ่งยักษ์ใหญ่นี้เพื่อหวังว่าจะได้พบเจอกับคริสบ้างยามที่เขาเข้าบริษัท...แต่แล้วความฝันของเขากลับกลายทำให้เขาได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคริสแทน จะเรียกว่าอะไรได้หากไม่ใช่เพราะ "พรหมลิขิต" ....
คริสขยับตัวเล็กน้อยและค่อยๆปรือตาขึ้นมามองชานยอลที่กำลังนั่งมองหน้าเขาอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของชานยอลเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าคริสกำลังลืมตาตื่นขึ้น...
"นั่งมองหน้าฉันนานแล้วสิ"
"อาา ฉันจะเรียกนายว่าคุณผู้จัดการหรือแฟนคลับดีเนี่ย"
คริสลืมตานอนมองหน้าชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าของชานยอลเลิ่กลั่กและกำลังตกตะลึงว่าคริสพูดถึงเรื่องอะไร คริสเอื้อมฝ่ามือหนาของตนเองเลื่อนไปจับที่ข้างแก้มของชานยอลและลูบสัมผัสมันเบาๆ
"ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว.....แอบชอบฉันมานานหรือยังชานยอล"
สายตาของคริสที่มองมายังชานยอลมันแทบจะทำให้เขาอยากจะหายตัวและละลายตายไปตรงหน้าด้วยความเขินอาย ชานยอลลุกขึ้นจากพื้นและทำท่าจะเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง...แต่คริสก็คว้าข้อมือของชานยอลไว้ทันและดึงเขาลงมาที่เตียงนุ่มจนชานยอลเสียหลักล้มลงนอนข้างๆตัวคริส ชานยอลยังคงตัวแข็งทื่อด้วยความเขินอาย...เขาแกล้งพูดเปลี่ยนเรื่องให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิม
"เอ่อ...คริส ฉันหิวแล้วอ่ะ เมื่อกี้ซื้อของทานมาเยอะเลย นะ ...นายไม่หิวเหรอ"
ชานยอลรีบหลบตาคริสและแกล้งมองไปทางอื่นพร้อมทั้งขืนตัวทำท่าจะลุกขึ้นจากที่เตียง....
"อือ หิว..หิวจะแย่แล้ว...แต่หิวนายมากกว่า" .....คริสพูดพลางใช้มือของเขาโอบกอดเข้ามาที่ลำตัวของชานยอลและซุกหน้าลงกับต้นคอขาวนวลของชานยอล.....เพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากกลิ่นตัวของเขา...
"วันนี้วันเกิดนาย สุขสันต์วันเกิดนะ ตัวแสบของฉัน"
คริสกระซิบข้างใบหูของชานยอลและจูบสัมผัสไปที่ติ่งหูของเขาเบาๆ
ใบหน้าของชานยอลเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวนวลเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง...เวลาที่ผมอายทีไรทำไมสีผิวของผมต้องเปลี่ยนและมักจะควบคุมความรู้สึกเขินอายของตัวเองไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่คริสอยู่ใกล้ๆผม...
"ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้นายด้วยนะชานยอล"
คริสยังคงหลับตาและคลอเคลียบริเวณใบหูของชานยอล ความรักและความคิดถึงที่ไม่เจอชานยอลมาหลายวันทำให้คริสแทบจะเป็นบ้าเวลาที่เขาส่งข้อความไปหาชานยอลและไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ...
"แต่ของขวัญที่ฉันจะให้ไม่ใช่คืนนี้....พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเจอกับของขวัญสุดพิเศษของนาย"
คริสลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรอยยิ้มของเขาดูเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้สร้างเรื่องเซอร์ไพร์สให้กับชานยอล วันนี้ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมากเกินไปจนไม่อยากจะกวนชานยอล...ขอแค่เขานอนกอดชานยอลและมีชานยอลอยู่ข้างๆทั้งคืนเขาก็มีความสุขมากแล้ว....
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ คุณผู้จัดการ" คริสใช้มือหนาของตนขยี้ลงไปบนผมของชานยอลเบาๆที่ยังคงนอนอึ้งอยู่บนเตียง ผู้ชายหลายมิติอย่างคริสเดาใจยากชะมัด...บางครั้งก็ดูโมโหร้าย บางครั้งก็แสนดี และบางครั้งก็ดูเย็นชา...
ชานยอลนอนมองคริสที่เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ ของขวัญสุดพิเศษของคริสคืออะไร...แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างคริสและเขาในตอนนี้ก็ดำเนินไปด้วยดีหากเขาอยู่กันแค่ 2 คน
ชานยอลอมยิ้มออกมาพร้อมกับนั่งมองออกไปที่ท้องทะเลริมระเบียงข้างหน้า...แม้ท้องทะเลในเบื้องหน้าจะดูมืดมิดแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องกระทบกับผืนน้ำ เหมือนในยามที่หัวใจของเขาใกล้จะมืดมนก็เกิดแสงสว่างรำไรที่ปลายทางขึ้นมาบ้างนะ ปาร์คชานยอล.....
END EP11 --------------
#Writertalk ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ตอนหน้ามาดูกันว่าของขวัญสุดพิเศษที่พี่คริสเตรียมไว้ให้ชานยอลคืออัลไลลลล >< ใครอยากสครีมเชิญแทคนี้ในทวิตได้เลยค่ะ เราจะตามอ่าน #Secretofsuperstar อิ____อิ
"นายปล่อยฉันได้แล้ว เดี๋ยวมีคนอื่นมาเห็น" ชานยอลผละออกมาจากรสจูบของคริสทั้งๆที่ใบหน้าเขายังคงมีคราบของรอยน้ำตาบางๆ
"วันนี้วันเกิดนายนะชานยอล หยุดร้องไห้เถอะ ยิ้มสิ.....ฉันชอบเวลานายยิ้ม" คริสยังคงพูดกับชานยอลด้วยรอยยิ้มละมุนตามเคยพร้อมกับยกเรียวนิ้วของเขาเกลี่ยไปตามคราบน้ำตาของชานยอลเพื่อเช็ดมันออกช้าๆ
"กลับบ้านนายกันเถอะ แม่นายคงรอผักกาดเขียวนานแล้ว"
คริสเดินจูงมือชานยอลเดินไปทางรถสปอร์ตของเขาที่จอดไม่ห่างจากสวนสาธารณะนัก ชานยอลยังคงไม่พูดอะไรและยังคงเจ็บปวดในใจลึกๆผมจะสามารถเชื่อใจคริสได้มั้ยหรือต้องให้คริสพิสูจน์ใจอะไรเพื่อผมอีกหรือเปล่า....
ชานยอลก้าวเดินช้าๆและเข้าไปนั่งในรถกับคริส...ที่จริงแล้วชานยอลก็แอบดีใจเล็กน้อยที่คริสมาหาในงานวันเกิดของเขาถ้าไม่มีเรื่องของยุนฮีกับคริสมารบกวนจิตใจ ..วันนี้คงจะเป็นอีกวันหนึ่งที่ชานยอลจะมีความสุขมากในชีวิต...
ในระหว่างที่รถขับมาตามทางเพื่อกลับมายังบ้านของชานยอล....เสียงริงโทนที่โทรศัพท์ของชานยอลก็ดังขึ้น...เบอร์ที่โชว์หน้าจอแสดงว่าเป็นสายที่ชานยอลไม่รู้จัก ...ชานยอลคว้าโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาด้วยและกดรับสายในไม่ช้า...
"สวัสดีครับ คุณปาร์คชานยอล ผมจะโทรเข้ามาขอคิวการสัมภาษณ์คุณคริสครับ"
เสียงตามสายดังตามมาด้วยความร้อนรน....ชานยอลหันไปมองที่ใบหน้าของคริสที่กำลังขับรถไปตามหนทางด้านหน้า....
"สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องอะไรฮะ" ชานยอลเอ่ยถามนักข่าวที่โทรเข้ามาขอคิวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
"เรื่องคุณคริสและคุณลีฮุนฮีครับ วันนี้คุณยุนฮีเธอให้สัมภาษณ์คนเดียวและมีคำบางคำที่เธอบอกว่าให้มาถามคุณคริส ผมถึงรีบโทรมาขอคิว หวังว่าผมจะเป็นคนแรกนะครับ"
ชานยอลนิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่นักข่าวพูดออกมา ....มีเรื่องอะไรกันที่เขาไม่รู้อีกแล้วหรือ...
"รอซักครู่นะฮะ....เขาอยู่ข้างๆผม ตอนนี้ผมลาพักผ่อนอยู่ คุณถามเขาเองละกัน"
ชานยอลยื่นโทรศัพท์มือถือให้คริสเป็นคนคุยสายด้วยความไม่พอใจเล็กๆที่ต้องได้ยินชื่อของยุนฮีอีกครั้งในตอนนี้
คริสรับโทรศัพท์ไปด้วยท่าทีงงๆเพราะชานยอลไม่ตอบว่าใครโทรมาและยังคงเอาโทรศัพท์พยายามยื่นมาตรงหน้าของเขาด้วยท่าทางกวนๆ......
"ครับ ผมคริส" คริสตอบรับเสียงจากทางปลายสาย
"คุณคริสครับ พรุ่งนี้คุณว่างมั้ยครับ ทางหนังสือของเราจะขอคิวสัมภาษณ์เนื่องจากเมื่อเย็นคุณยุนฮีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณไว้"
นักข่าวรัวใส่คริสเป็นชุดด้วยความร้อนรนเพราะกลัวว่าหากเขาวางสายนี้ไปอาจจะมีคนอื่นโทรเข้ามาขอคิวของคริสแทน
"สัมภาษณ์เรื่องอะไรครับ ...ยุนฮีพูดว่ายังไง" คริสเอ่ยถามนักข่าวด้วยความรู้สึกร้อนใจไม่แพ้กัน คิ้วเข้มของเขาเริ่มขมวดขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้
"คุณคริสไม่ทราบเหรอครับว่าเธอให้สัมภาษณ์ว่าคุณคริสมาขอคืนดีกับเธอ ผมล่ะดีใจด้วยจริงๆที่จะได้ทำข่าวนี้"
นักข่าวหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความยินดีที่เขาทั้งสองอาจจะกลับมาคบกันและอาจจะเป็นคู่หวานของวงการอีกครั้ง
"บ้าจริง ยุนฮีให้สัมภาษณ์อย่างนั้นเหรอครับ!" คริสสบถใส่หูโทรศัพท์ด้วยความโมโห
"เรื่องนี้ผมจะออกมาให้ข่าว ตอนนี้ผมไม่ว่าง!แล้วผมจะเป็นคนติดต่อกลับและนัดพวกคุณอีกครั้งเอง!"
คริสกดตัดสายโทรศัพท์พร้อมกับเอาฝ่ามือของตนเองตบไปที่พวงมาลัยด้วยความโมโห...ทำไมลียุนฮีถึงให้สัมภาษณ์แบบนี้..ต้องการจะแกล้งเขาที่เขาเย็นชาใส่ใช่ไหม...เมื่อไรเรื่องวุ่นวายมันจะจบๆไปซักที ทั้งเรื่องที่ชานยอลกำลังเข้าใจเขาผิดและเรื่องข่าวลือมั่วๆของเขากับลียุนฮี
"มีเรื่องอะไรกัน" ชานยอลเอ่ยถามคริสด้วยความกังวล หลังจากที่เห็นคริสมีท่าทีฉุนเฉียวกับสิ่งที่นักข่าวพูด
"....ชานยอล..ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรออกมา นายต้องเชื่อใจฉันนะ..."
คริสยังคงพูดย้ำกับชานยอลอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการอยู่ในวงการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนต้องพบเจอกับข่าวที่เสียหายมากมายและศิลปินบางคนก็อาจจะท้อใจกับข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงจนยอมท้อถอยออกไปจากวงการก็มี
คริสกดปิดโทรศัพท์มือถือของชานยอลและหยุดรถลงหลังจากเขาพูดจบ เขาถอยกลับรถไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่ตรงกันข้ามกับทางไปบ้านของชานยอล
"นายจะไปไหนน่ะคริส นั่นไม่ใช่ทางไปบ้านฉันนะ" ชานยอลมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นคริสกลับรถและเปลี่ยนเส้นทาง
"ฉันอยากไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา...ที่ที่มีแค่เราสองคน"
คริสยังคงขับรถตรงไปและเหยียบคันเร่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วตอนนี้อารมณ์ของเขาเริ่มคุกรุ่นอีกครั้งหลังจากได้รู้ว่าลียุนฮีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเขาทั้งสองว่ายังไง....
ความรู้สึกในใจของคริสเบื่อหน่ายเต็มทีกับข่าวพวกนี้ ....เขากำลังจะมุ่งหน้าไปในที่ที่เขาสบายใจที่สุด ในตอนนี้เขาอยากจะอยู่กับชานยอลและคุยกันให้รู้เรื่องเกี่ยวกับปัญหาระหว่างเราทั้งสอง....ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาทั้งคริสและชานยอลยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ..กลับกลายแต่จะมีเรื่องราวให้พวกเขาทั้งสองต้องเข้าใจผิดกันเรื่อยไป....
"แต่แม่ฉันรอฉันอยู่นะ" ....ชานยอลมีสีหน้ากังวลเมื่อนึกถึงทั้งแม่และน้องสาวที่รอเขาอยู่ที่บ้าน...
"เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง"
คริสตอบสั้นๆพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือของตนกดหาเบอร์บ้านของชานยอลและบอกกับคุณแม่ของชานยอลเกี่ยวกับธุระด่วนที่ต้องขอยืมตัวชานยอลไปเพื่อจัดการธุระบางอย่าง...รวมถึงตัวเขาเองก็ต้องขอโทษด้วยที่รีบร้อนออกมาจากบ้านของชานยอลเมื่อซักครู่...
"ไม่เป็นไรจ๊ะ....ป้าเข้าใจ มิน่าคุณคริสถึงท่าทางร้อนใจ ยังไงก็ฝากชานยอลด้วยนะค่ะ "
เสียงอ่อนโยนตามสายของแม่ชานยอลที่ตอบรับกับคริสในโทรศัพท์นั้นยังคงดูอบอุ่นทุกครั้งที่พูดคุยกับคริส
"ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผมและงานของผม ....ผมจะดูแลชานยอลเองครับ..แค่นี้นะครับคุณแม่"
คริสกดวางสายหลังจากเสร็จสิ้นธุระของเขาแล้ว....ประโยคสุดท้าย "คุณแม่" คือคำพูดที่คริสตั้งใจพูดให้ทั้งชานยอลและแม่ของชานยอลฟัง...เขาเคารพแม่ของชานยอลเป็นแม่ของเขาอีกคน...อย่างน้อยก็มีแม่ของชานยอลที่ยังเข้าใจเขาแม้ลูกของคุณแม่จะยังไม่เข้าใจผมก็ตาม
"เรียกแม่ฉันว่าแม่ทำไม เรียกป้าอย่างเดิมก็ดีแล้ว" ...ชานยอลแกล้งพูดต่อว่าคริสแม้ใจลึกๆเขาจะชอบให้คริสเรียกแม่เขาแบบนี้เช่นกัน
"ทำไมล่ะ ก็แม่นายดีกับฉัน...ฉันเคารพแม่นาย แล้วอีกอย่างฉันก็เป็น...แฟนของลูกเขาด้วย คุยกับแม่ยังคุยง่ายกว่าคุยกับลูกซะอีก" คริสแกล้งบ่นออกมาเบาๆ
เขาอมยิ้มมุมปาก พร้อมกับแกล้งมองไปที่ใบหน้าของชานยอล...
คริสค่อยๆคว้ามือของชานยอลมากุมไว้ขณะที่ขับรถไปตามทางเรื่อยๆซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ออกไปนอกตัวเมือง....ป้ายบอกทางชี้ทางบ่งบอกเส้นทางที่คริสคุ้นเคยเป็นอย่างดี....ปลายทางที่เขาจะไปนั้นคือสถานที่ที่คริสมักจะชอบหลบไปพักใจเวลาที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ....
"หิวหรือเปล่า จะแวะทานอะไรมั้ย" .... คริสเอ่ยถามกับชานยอลในขณะที่รถวิ่งมาได้สักพักและเข้าตัวเมืองมา ตอนนี้เขาออกนอกโซลมาเป็นระยะทางที่ไกลมากแล้ว...
"ก็หิวเหมือนกัน ...ฉันยังไม่ได้ทานเนื้อย่างของโปรดฉันเลย" ชานยอลลูบไปที่ท้องของเขาเมื่อรู้สึกว่าท้องของตนเองเริ่มมีเสียงโครกครากดังขึ้นมาเนื่องจากเมื่อเย็นเขาทานอาหารไปนิดเดียวเท่านั้น
"คืนนี้แวะหาของทานที่ร้านสะดวกซื้อก่อนแล้วกันนะ พรุ่งนี้เราค่อยทานเนื้อย่าง แถวนี้คนพลุกพล่านฉันขี้เกียจอำพรางตัว"
คริสพูดยิ้มๆเขารู้สึกเห็นใจชานยอลเช่นกันที่ต้องมาลำบากหลบๆซ่อนๆกับเขา...คริสอยากจะไปในที่ที่ไม่มีคนรู้จักทั้งเขาและชานยอล ที่ที่จะมีเพียงเขาแค่สองคน....
หลังจากที่ชานยอลลงไปซื้ออาหารบางส่วนที่ร้านสะดวกซื้อแล้วคริสก็ขับรถไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างมืดมิด...ไฟถนนที่ให้ความสว่างรอบข้างเริ่มลดลงทีละน้อย.......ไม่นานนักคริสก็กดปุ่มเปิดหลังคารถเพื่อให้เขาทั้งสองได้รับความสดชื่นจากบรรยากาศของอากาศนอกเมือง เสียงคลื่นซัดสาดดังเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นไอความเค็มของทะเลลอยเข้ามาปะทะจมูกและใบหน้าของคนทั้งสองบ่งบอกว่าคริสได้เดินทางมาใกล้ถึงสถานที่ที่เขาต้องการแล้ว....
บ้านพักตากอากาศของคริสคือจุดหมายปลายทางที่คริสอยากจะพาชานยอลมา ที่นี่เงียบสงบและไม่มีคนพลุกพล่านมากเนื่องจากเป็นหาดส่วนตัวและเป็นสมบัติที่แม่เขาได้ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่มีเวลามาดูแล แม่ของคริสจ้างชาวบ้านแถวนั้นให้มาทำความสะอาดบ้านพักอาทิตย์ละ 1 ครั้งโดยที่ชาวบ้านแถวนี้ก็แทบจะไม่รู้จักคริสด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่าเป็นลูกเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ดีมีเงินทำงานที่โซล....คริสจึงมักใช้ที่นี้เป็นสถานที่พักผ่อนเวลาที่เขาไม่สบายใจและเขาก็มักจะมาพักแค่คนเดียวมีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่เขามีเพื่อนร่วมทางมาด้วยคือปาร์คชานยอล
ท้องฟ้ามืดมิดเผยให้เห็นดวงดาวที่ทอแสงลงมาระยิบระยับในบรรยากาศของต่างจังหวัด...คริสขับรถให้ช้ารถลงเพื่อให้ทั้งเขาและชานยอลสัมผัสกับอากาศที่ปลอดโปร่ง แสงจากดวงจันทร์ส่องลงมาตามทาง เผยให้เห็นใบหน้าของชานยอลที่ดูตื่นเต้นกับสิ่งรอบข้างทั้งภูเขาที่ทะมึนที่ตั้งตระหง่านข้างหน้าบวกกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาเรื่อยๆทำให้ชานยอลมองดูรอบๆเหมือนเด็กๆที่ได้ออกมาทัศนศึกษาเปิดหูเปิดตา ชานยอลยืดตัวขึ้นมามองดูรอบๆและโผล่ศรีษะออกไปรับลมภายนอกอย่างคนที่ดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อครู่...คริสตั้งใจจะใช้โอกาสในครั้งนี้ปรับความเข้าใจเรื่องทั้งหมดกับชานยอล....
"นายชอบทะเลมั้ย" คริสพูดกับชานยอลในขณะที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพัก
"อือ ชอบสิ...เอ่อ...ที่นี่บ้านนายเหรอ"
"บ้านแม่ฉัน ....เราคงจะอยู่ที่นี่ซัก 2-3วัน"
คริสตอบกลับชานยอลด้วยสีหน้าเรียบๆ...มีแต่ชานยอลที่เบิกดวงตากลมโตของเขาออกมาด้วยความตกใจ 2-3 วัน!!อยู่ที่นี่ด้วยกันสองคนเนี่ยนะ...
"ห๊ะ 2-3 วัน เอ่อ...จะอยู่ได้ยังไง นายมีงานนะะะ"
ชานยอลรู้ตารางงานของคริสดี แม้เขาจะไม่ได้พักที่บ้านคริสมาหลายวันแต่เขาก็ยังทำหน้าที่จัดตารางงานให้คริสที่บ้านเขา และบางครั้งก็มีการส่งข้อความแจ้งคิวงานของคริสผ่านทางโทรศัพท์
"อันนั้นมันก็คือเรื่องของผู้จัดการนะครับว่าจะแก้ไขยังไง ถ้าผมจะเบี้ยวไม่ไปทำงาน" คริสพูดขณะที่กำลังจอดรถหน้าบ้านพัก
"เอาหน่ะชานยอล นายอยู่ที่นี่กับฉันแล้วนายน่ะแหละที่จะไม่อยากให้ฉันไปทำงานเอง"
คริสยิ้มและหัวเราะออกมาพร้อมกับเอื้อมมือของเขามาจับที่ปลายจมูกของชานยอลและบีบมันส่ายไปมาเบาๆ
"ลงมาได้ละชานยอล เข้าไปในบ้านกัน" คริสพูดพลางเดินนำเข้าไปในบ้านพักก่อน
บ้านที่ดูไม่ใหญ่โตมากนักแต่แลดูสวยงามและอบอุ่นจากการตกแต่ง บ้านหลังสีขาวที่หันหน้าเข้าหาทะเลมีชานระเบียงเล็กๆที่หน้าบ้านและผ้าม่านสีขาวผูกไว้ข้างหน้าต่างและประตูบานใหญ่ที่พริ้วไหลไปตามแรงลมของทะเล
....กระถางต้นไม้ต้นเล็กๆที่ได้รับการดูแลจากชาวบ้านถูกวางปลูกไว้รอบๆบ้าน แม้จะเป็นเวลามืดก็ยังคงมีกลิ่นหอมๆของดอกไม้บางชนิดส่งกลิ่นเข้ามาปะทะกับจมูกของชานยอล...ชานยอลดูสดชื่นและกระตือรือร้นมากขึ้น คริสลอบมองชานยอลด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม...แม้ความสุขในชีวิตของคริสจะหาได้ยากเพราะแทบทุกวันคือการทำงานจะมีก็แต่ชานยอลที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้....
ด้วยความตื่นเต้นประกอบกับบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชานยอลเดินไปสำรวจบริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน...มีเก้าอี้สีขาวแบบพนักเอนหลัง 2 ตัววางคู่กันพร้อมโต๊ะกลมเล็กๆสีขาวที่วางอยู่ตรงกลาง ชานยอลเดินไปและค่อยๆวางแขนทั้งสองข้างพาดลงไปที่รั้วระเบียง สายตาของเขามองออกไปยังท้องทะเลกว้างสุดสายตา...ชานยอลสูดลมหายใจลึกๆพร้อมกับหลับตาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด...เขาไม่ได้มาทะเลนานแล้วเหมือนกัน...บ้านหลังนี้ตกแต่งได้น่าอยู่และบรรยากาศรอบข้างก็ดีมากๆ
"ง่วงนอนหรือยัง วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย นายนวดให้ฉันอย่างวันนั้นหน่อยสิ" .... คริสเดินเข้ามาสวมกอดชานยอลจากทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา
"ถ่ายละครเหนื่อยเหรอ....อ่อ..คงจูบจนเหนื่อย"
ชานยอลแกล้งพูดประชดคริสพร้อมยืนมองออกไปที่ชายหาดหน้าบ้าน...ที่มีแสงไฟจากตัวบ้านสาดส่องออกไป ทำให้มองเห็นเกลียวคลื่นที่กระทบเข้ามาที่หาดทรายสีขาวสะอาดตา
"ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าฉันไม่เต็มใจ..หืม" คริสหลับตาลงช้าๆโดยเอาคางเกยพาดที่ไหล่ของชานยอล...กลิ่นน้ำหอมจางๆจากตัวชานยอลมันทำให้เขาสดชื่นกว่ากลิ่นลมทะเลที่ลอยมาปะทะหน้าเขาในตอนนี้อีก
"หรือต้องให้พิสูจน์อีกครั้ง" จบประโยคนั้น..คริสไม่พูดเปล่าแต่กดปลายจมูกโด่งๆของเขาลงไปที่แก้มเนียนใสของชานยอลเบาๆ
ชานยอลยังคงมีอาการเขินอายเมื่ออยู่กับคริสแค่เพียงสองคนและในบรรยากาศแบบนี้ เขาตีไปที่แขนของคริสเบาๆเพื่อแก้เขิน....จากใบหน้านวลใสสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ...ชานยอลพยายามเปลี่ยนเรื่องโดยแกล้งถามเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับบ้านหลังนี้....
"เอ่อ..ที่นี่มีห้องกี่ห้องเหรอคริส...มีห้องนอนที่อยู่ติดกับทะเลมั้ย"
ชานยอลชอบห้องนอนที่อยู่ติดทะเล เวลาที่ไปพักกับพวกเพื่อนๆเขามักจะจองห้องที่อยู่ติดทะเลแบบ SeaView ทุกครั้ง
"บ้านนี้มีหลายห้อง...แต่ห้องนอนที่อยู่ติดทะเลคือห้องฉัน....อือ..ห้องของเราสิถึงจะถูก"
คริสอมยิ้มออกมาพร้อมสวมกอดชานยอลจากทางด้านหลังให้แน่นขึ้น...เขาอยากจะหยุดเวลานี้ที่มีชานยอลอยู่ในอ้อมแขนไว้ให้นานแสนนาน
ร่างสูงโปร่งของคริสยืนกอดชานยอลสักพักโดยชานยอลเองก็ยังคงมองไปตามท้องทะเลกว้างเมื่อคริสเห็นว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะดึกมากแล้วเขาก็เอ่ยพูดกับชานยอล
"ไปนอนกันเถอะชานยอล ฉันเหนื่อย" คริสพูดพลางจูงมือชานยอลเดินขึ้นไปชั้นบนช้าๆ
ที่ชั้นสองของบ้านนี้มีห้องนอนอยู่ประมาณ 2-3 ห้องแต่ห้องที่คริสพาชานยอลเข้ามาเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา ผ้าปูสีขาวขึงตึงเพื่อรอรับการมาเยี่ยมเยือนของเจ้าของบ้านในห้องนอนมีระเบียงและประตูเลื่อนแบบกระจกบานใหญ่ มีผ้าม่านสีขาวลายลูกไม้บางๆสไตล์เดียวกับห้องโถงด้านล่างยังคงผูกหลวมๆอยู่ที่ข้างหน้าต่าง... ชานยอลเหลียวมองรอบห้องด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แม้เขากับคริสจะผ่านเรื่องนั้นมาด้วยกันแล้วแต่บางครั้งชานยอลก็ยังคงเกร็งๆกับเรื่องนั้นอยู่บ้าง....
คริสเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนและหยิบเสื้อผ้าของเขารวมถึงผ้าขนหนูยื่นให้ชานยอล...เสื้อเชิ๊ตแขนยาวตัวบางสีขาวและกางเกงนอนขายาวคือชุดที่คริสเลือกให้ชานยอลใส่..เขารับมันไปพร้อมกับพลิกดูเสื้อผ้าที่คริสส่งให้...
"เสื้อมันไม่บางไปเหรอคริส นายนี่มัน......" ชานยอลพูดพร้อมยื่นเสื้อที่คริสเลือกกางออกมาพิจารณาดู
"จะบางอะไรล่ะ ถ้าหนาวฉันก็จะนอนกอดนายทั้งคืน" คริสพูดพร้อมหัวเราะออกมา เขาเดินดันตัวของชานยอลเข้าไปในห้องน้ำ
พร้อมกำชับกับชานยอลว่า...
"อาบเร็วๆล่ะ ฉันง่วงแล้วอยากนอน"
สิ้นประโยคของคริสเขาก็ล้มตัวนอนเล่นบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งจากการถ่ายละครวันนี้รวมถึงต้องขับรถเองไปที่บ้านของชานยอลและขับรถตรงมาที่นอกเมืองจนมาถึงที่นี่อีก....
ชานยอลหายเข้าไปอาบน้ำสักพัก....เมื่อเสร็จจากธุระส่วนตัวเขาก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาช้าๆและแอบมองคริสจากหน้าห้องน้ำ...
คริสนอนหลับเหมือนเด็กๆที่อ่อนเพลียจากการวิ่งเล่น ดวงตาคมของเขาปิดสนิท ชานยอลค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปดูคริสใกล้ๆให้เบาที่สุดเพราะเกรงว่าเขาจะตื่นขึ้นมา...
ชานยอลยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของคริสยามหลับ ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างคริสนอนหลับอยู่ตรงหน้าเขา ผู้ชายคนที่ชานยอลแอบชอบตั้งแต่ครั้งที่เห็นคริสตามรายการโทรทัศน์และหนังสือถ่ายแบบต่างๆ...ช่วงมหาลัยในชีวิตนักศึกษาชานยอลเขาแอบชอบศิลปินคนนี้ แม้กระทั่งเพื่อนหรือครอบครัวของเขาก็ไม่มีใครล่วงรู้ความลับนั้น...ชานยอลตั้งใจสมัครงานที่บริษัทโมเดลลิ่งยักษ์ใหญ่นี้เพื่อหวังว่าจะได้พบเจอกับคริสบ้างยามที่เขาเข้าบริษัท...แต่แล้วความฝันของเขากลับกลายทำให้เขาได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคริสแทน จะเรียกว่าอะไรได้หากไม่ใช่เพราะ "พรหมลิขิต" ....
คริสขยับตัวเล็กน้อยและค่อยๆปรือตาขึ้นมามองชานยอลที่กำลังนั่งมองหน้าเขาอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของชานยอลเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าคริสกำลังลืมตาตื่นขึ้น...
"นั่งมองหน้าฉันนานแล้วสิ"
"อาา ฉันจะเรียกนายว่าคุณผู้จัดการหรือแฟนคลับดีเนี่ย"
คริสลืมตานอนมองหน้าชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าของชานยอลเลิ่กลั่กและกำลังตกตะลึงว่าคริสพูดถึงเรื่องอะไร คริสเอื้อมฝ่ามือหนาของตนเองเลื่อนไปจับที่ข้างแก้มของชานยอลและลูบสัมผัสมันเบาๆ
"ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว.....แอบชอบฉันมานานหรือยังชานยอล"
สายตาของคริสที่มองมายังชานยอลมันแทบจะทำให้เขาอยากจะหายตัวและละลายตายไปตรงหน้าด้วยความเขินอาย ชานยอลลุกขึ้นจากพื้นและทำท่าจะเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง...แต่คริสก็คว้าข้อมือของชานยอลไว้ทันและดึงเขาลงมาที่เตียงนุ่มจนชานยอลเสียหลักล้มลงนอนข้างๆตัวคริส ชานยอลยังคงตัวแข็งทื่อด้วยความเขินอาย...เขาแกล้งพูดเปลี่ยนเรื่องให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิม
"เอ่อ...คริส ฉันหิวแล้วอ่ะ เมื่อกี้ซื้อของทานมาเยอะเลย นะ ...นายไม่หิวเหรอ"
ชานยอลรีบหลบตาคริสและแกล้งมองไปทางอื่นพร้อมทั้งขืนตัวทำท่าจะลุกขึ้นจากที่เตียง....
"อือ หิว..หิวจะแย่แล้ว...แต่หิวนายมากกว่า" .....คริสพูดพลางใช้มือของเขาโอบกอดเข้ามาที่ลำตัวของชานยอลและซุกหน้าลงกับต้นคอขาวนวลของชานยอล.....เพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากกลิ่นตัวของเขา...
"วันนี้วันเกิดนาย สุขสันต์วันเกิดนะ ตัวแสบของฉัน"
คริสกระซิบข้างใบหูของชานยอลและจูบสัมผัสไปที่ติ่งหูของเขาเบาๆ
ใบหน้าของชานยอลเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวนวลเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง...เวลาที่ผมอายทีไรทำไมสีผิวของผมต้องเปลี่ยนและมักจะควบคุมความรู้สึกเขินอายของตัวเองไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่คริสอยู่ใกล้ๆผม...
"ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้นายด้วยนะชานยอล"
คริสยังคงหลับตาและคลอเคลียบริเวณใบหูของชานยอล ความรักและความคิดถึงที่ไม่เจอชานยอลมาหลายวันทำให้คริสแทบจะเป็นบ้าเวลาที่เขาส่งข้อความไปหาชานยอลและไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ...
"แต่ของขวัญที่ฉันจะให้ไม่ใช่คืนนี้....พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเจอกับของขวัญสุดพิเศษของนาย"
คริสลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรอยยิ้มของเขาดูเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้สร้างเรื่องเซอร์ไพร์สให้กับชานยอล วันนี้ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมากเกินไปจนไม่อยากจะกวนชานยอล...ขอแค่เขานอนกอดชานยอลและมีชานยอลอยู่ข้างๆทั้งคืนเขาก็มีความสุขมากแล้ว....
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ คุณผู้จัดการ" คริสใช้มือหนาของตนขยี้ลงไปบนผมของชานยอลเบาๆที่ยังคงนอนอึ้งอยู่บนเตียง ผู้ชายหลายมิติอย่างคริสเดาใจยากชะมัด...บางครั้งก็ดูโมโหร้าย บางครั้งก็แสนดี และบางครั้งก็ดูเย็นชา...
ชานยอลนอนมองคริสที่เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ ของขวัญสุดพิเศษของคริสคืออะไร...แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างคริสและเขาในตอนนี้ก็ดำเนินไปด้วยดีหากเขาอยู่กันแค่ 2 คน
ชานยอลอมยิ้มออกมาพร้อมกับนั่งมองออกไปที่ท้องทะเลริมระเบียงข้างหน้า...แม้ท้องทะเลในเบื้องหน้าจะดูมืดมิดแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องกระทบกับผืนน้ำ เหมือนในยามที่หัวใจของเขาใกล้จะมืดมนก็เกิดแสงสว่างรำไรที่ปลายทางขึ้นมาบ้างนะ ปาร์คชานยอล.....
END EP11 --------------
#Writertalk ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ตอนหน้ามาดูกันว่าของขวัญสุดพิเศษที่พี่คริสเตรียมไว้ให้ชานยอลคืออัลไลลลล >< ใครอยากสครีมเชิญแทคนี้ในทวิตได้เลยค่ะ เราจะตามอ่าน #Secretofsuperstar อิ____อิ