บ้านสีขาวหลังเล็กตกแต่งออกมาได้ดูอบอุ่นมันตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล แสงไฟลอดออกมาเฉพาะบริเวณห้องนอนชั้นบน....อากาศภายนอกเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเวลาที่ค่อนข้างย่างกรายเข้าสู่ช่วงดึกของวัน ชานยอลนอนมองไปที่ระเบียงที่ยื่นออกไปข้างห้อง....ดวงตากลมโตของเขาฉายแววความสุขออกมาเมื่อนึกถึงคริสที่พาเขามาพักผ่อนที่นี่ด้วย.....อย่างน้อยคริสก็ได้มอบความอบอุ่นให้กับเขาบ้างหลังจากที่เขาโหยหามันมาและจมปรักอยู่กับความทุกข์มาหลายวัน.....
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาหลังจากคริสอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ....ชายร่างสูงโปร่งสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวสะอาดตา
เสื้อแขนยาวและกางเกงนอนขายาวสีขาวแบบเดียวกับที่ชานยอลสวมใส่......มีหยดน้ำพราวใสๆที่เกาะตามเส้มผมและใบหน้าคมสันของคริส เขาเช็ดมันออกช้าๆและลอบมองไปที่ชานยอลที่นอนหลับตาหันหน้าไปทางระเบียงของห้อง...
คริสค่อยๆเดินเข้าไปหาชานยอลใกล้ๆเด็กน้อยของเขาหลับจริงหรือแกล้งหลับเพราะกลัวจะเจ็บตัวกันแน่....ดวงตากลมโตของชานยอลปิดสนิท ขนตายาวหนาของเขาทาบทับเรียงลงมาเป็นเส้น.....ใบหน้าขาวนวลใสของชานยอลอยู่ในท่าทีที่กำลังหลับสบาย....เวลาเจ้าของนอนหลับมันดูน่ารักและมีแววของความสดใสออกมาบ้าง คริสมองไปที่ดวงตาของชานยอล ดวงตาที่เขาไม่ชอบเวลาที่มีน้ำตาออกมาโดยที่เขาเป็นสาเหตุนั้น ......คริสเอื้อมมือหนาของตนไปลูบสัมผัสที่ดวงตาของชานยอลอย่างแผ่วเบา
"อย่าร้องไห้เพราะฉันอีกนะ .......ฉันจะทำทุกอย่างให้นายเชื่อใจฉัน" ..... คำพูดที่คริสพูดในใจและไม่ได้เปล่งเสียงออกมาหากชานยอลใช้ใจสัมผัสก็จะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้...
คริสลูบไปตามเส้นผมสีน้ำตาลของชานยอลช้าๆเส้มผมที่หอมละมุนและนุ่มเสมอเมื่อเขาสัมผัส.....ชานยอลแอบชอบเขามานานแค่ไหนแล้วเขารับรู้ดีจากกรอบรูปและรูปถ่ายพวกนั้น.....แต่คริสเองสิที่ไม่รู้ว่าเขาเริ่มรักชานยอลตั้งแต่ตอนไหน
ความรู้สึกอยากกลั่นแกล้ง หึงหวงจนไม่รู้ตัวมันคืออาการของความรักที่ตอนนี้เขาเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วว่าสิ่งที่หัวใจเขาเรียกร้องตามหาก็คือ"ปาร์คชานยอล"
คริสก้าวขาเรียวยาวของเขาเดินไปปิดไฟที่ข้างห้องและเปิดไฟโคมดวงเล็กๆไว้เพื่อให้ความสว่าง.....หลังจากคริสขึ้นไปนอนบนเตียงเขาก็นอนกอดชานยอลจากทางด้านหลังและซุกใบหน้าของตนเองไปที่ต้นคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกสัมผัสกลิ่นหอมละมุนของมันเบาๆอย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของจะบอบช้ำ.....
"คืนนี้นอนพักผ่อนก่อนนะครับคุณผู้จัดการ.....วันนี้ผมจะไม่กวนคุณ"
..... คริสกระซิบเบาๆข้างหูของชานยอลและนอนกอดเขาอยู่อย่างนั้น......ชานยอลยังคงหลับไม่รู้เรื่อง อากาศที่ค่อนข้างเย็นเมื่อครู่กลับกลายเป็นอบอุ่นขึ้นมาทันใด คงเหมือนกับหัวใจของคนทั้งสองในตอนนี้......
อากาศภายนอกเริ่มอบอุ่นขึ้นเป็นเหตุมาจากแสงแดดภายนอกที่เริ่มสาดส่องเข้ามาในตัวห้อง......พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาระหว่างภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าชายหาด....ลมทะเลพัดหอบเอาความสดชื่นเข้ามาถึงในห้องนอนที่มีร่างของคนสองคนกอดกันบนเตียงนุ่ม....ชานยอลปรือตาขึ้นมามองรอบๆห้อง เขาพยายามปรับสายตาของเขาให้สู้แสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา.........เขาขืนตัวจะลุกขึ้นแต่ก็มีเรียวแขนของคริสที่โอบรัดรอบตัวเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน....
"อื้อ.......อย่าเพิ่งลุก" คริสพูดออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงงัวเงียและดวงตาของเขาก็ยังคงหลับสนิทอยู่อย่างนั้น....
"ขอนอนกอดอีกหน่อยนะ" เขากระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นและค่อยๆดึงตัวของชานยอลเข้ามาหาเขา....
ชานยอลเผลออมยิ้มออกมาด้วยความสุขปนกับความเขินอาย.....เขามองไปที่ใบหน้าของคริสที่กำลังหลับตาพริ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกโด่งของคริสเบาๆ........
"ตื่นได้แล้ววว ฉันอยากลงไปดูทะเลที่หน้าบ้าน" ...... ชานยอลพูดกับคริสและมองออกไปตรงระเบียง ชายหาดสีขาวสะอาดตากำลังรอเค้าเพื่อลงไปสำรวจ.....ชานยอลชอบเดินเล่นริมทะเลและเขามักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาเที่ยวทะเล...
"ทะเลไม่หนีนายไปไหนหรอกชานยอล...เห็นทะเลสำคัญกว่าคนที่นอนอยู่ตรงนี้เหรอ" คริสแกล้งพูดต่อว่าชานยอลพร้อมลืมตาขึ้นมามองใบหน้าของชานยอลที่นอนอยู่ข้างๆเขา
"ก็ลงไปดูด้วยกันไง....." ชานยอลพูดพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ
"นะ นะ ตื่นได้แล้ว" .... เขาเขย่าตัวคริสเบาๆเพื่อปลุกให้คริสลุกขึ้นตื่นซะที....เวลาของการมาพักผ่อนริมทะเลคริสจะเอาแต่นอนอย่างเดียวหรือไร
คริสลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและบิดขี้เกียจ 2-3 ครั้งก่อนจะแกล้งล้มตัวลงนอนต่อไปบนเตียงนุ่มอีกครั้งและนอนหันหลัง
ให้กับชานยอล.....
"แกล้งฉันเหรอคริส เหรอ เหรอออ" ชานยอลพูดพลางใช้มือของเขาบีบไปที่ต้นคอของคริสและเขย่ามันเบาๆพร้อมกับหัวเราะออกมาเมื่อคริสมีท่าทางเจ็บและร้องโอดโอย.....
เสียงหัวเราะของคนสองคนดังผสานกันออกมา เสียงที่บ่งบอกว่าเขาทั้งสองน่าจะกำลังมีความสุข ทั้งรอยยิ้มของชานยอลและรอยยิ้มของคริสที่นอนหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนานบนเตียง....
หลังจากทั้งคริสและชานยอลทำธุระส่วนตัวเสร็จ ชานยอลก็เดินนำหน้าคริสลงมาที่หาดทรายสีขาวหน้าบ้านพักด้วยความตื่นเต้นเขาก้าวฝีเท้าเร็วจนแทบเหมือนจะวิ่งลงไปที่ทะเลข้างหน้า....ชานยอลมีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเหมือนเด็กๆ...เขาวิ่งไปดูปูตัวเล็กๆที่เดินอยู่ริมชายหาดหลายตัวและมันกำลังขุดทรายหนีเพื่อหลบซ่อนตัวหลังจากชานยอลเดินไปหา.....
คริสเดินตามไปห่างๆและยิ้มออกมาในความร่าเริงของชานยอล....เขาชอบให้ชานยอลยิ้มแบบนี้มากกว่า มันดูสดใสและน่ามองกว่าเวลาที่เขาร้องไห้....เวลาที่ชานยอลร้องไห้คริสมักจะเจ็บปวดใจไปด้วยทุกครั้ง....
"คริส คริส! มาดูนี่สิ" ...... ชานยอลตะโกนเรียกคริสพร้อมกับกวักมือเรียกให้เขาเดินมาดูสิ่งที่ชานยอลกำลังค้นพบเหมือนเจอกับสิ่งมหัศจรรย์สำคัญและล้ำค่าตรงหน้า....
"น่ารักไหม ฮ่าๆ ปูๆตัวใหญ่จังงงง" ชานยอลจับปูตัวใหญ่ขึ้นมาโชว์คริส ดูจากขนาดน่าจะเป็นแม่ปูเพราะมีลูกๆตัวเล็กของมันเดินอยู่บริเวณรอบๆนั้นด้วย
ชานยอลยื่นแม่ปูเข้ามาตรงหน้าคริส ทำให้คริสผงะถอยหลังออกไปด้วยความกลัวและตกใจ
"คริส นายไม่กินอาหารทะเลแล้วยังกลัวปูด้วยเหรอ ฮ่าๆๆ หน้านายนี่มันตลกชะมัด" ชานยอลหัวเราะชอบใจที่แกล้งคริสให้กลัวได้
คริสไม่ขำอย่างชานยอลแต่เขากลัวปูจะหนีบมากกว่า แม้กล้ามมันจะดูไม่ใหญ่มากนักแต่ตัวมันก็ใหญ่พอควร...
"ชานยอล อย่าไปเล่นเลย ทิ้งมันไป เดี๋ยวมัน.........."
"โอ๊ยยยย!!" คริสยังพูดไม่จบประโยคดีก็มีเสียงร้องของชานยอลดังออกมาพร้อมกับรีบปล่อยปูลงไปที่พื้นและสะบัดมือแรงๆด้วยความเจ็บ
"มันหนีบฉัน!" ชานยอลยังคงหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยจากบาดแผลเพราะแรงหนีบของปู
ครั้งนี้เป็นคราวของคริสบ้าง เสียงหัวเราะของคริสหัวเราะลั่นและขำชานยอลที่กำลังสะบัดมือด้วยความเจ็บ....แต่แล้วใบหน้าของคริสก็เปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นเลือดชึมออกมาจากบาดแผลของชานยอล....
"ชานยอล นายเลือดออก ไหนให้ฉันดูสิ" คริสพูดพลางคว้าข้อมือของชานยอลข้างที่เจ็บไปดูพร้อมกับใช้เสื้อของเขาซับไปที่นิ้วของชานยอลเพื่อหยุดเลือดที่กำลังซึมออกมา ..............คริสใช้ลิ้นเรียวเล็กของเขาก้มลงไปดูดซับแผลของชานยอลอย่างไม่รังเกียจชานยอลเบิกดวงตากลมโตของเขาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า คริสยังคงใช้ปากเรียวบางของเขาดูดลงไปที่นิ้วของชานยอลเพื่อคลายความเจ็บปวดจากบาดแผลของชานยอล...
"คริส เอ่อ...พอแล้ว ฉะ ฉัน ไม่เจ็บแล้ว" .....ชานยอลเอ่ยพูดออกมาด้วยความเขินและเมื่อเขาเห็นสีหน้ากังวลของคริส ชานยอลรู้สึกดีอย่างประหลาดที่คริสทำแบบนี้กับเขา มันเหมือนเป็นการแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่ที่คริสมีต่อเขา
"ไม่เจ็บแล้วนะ อย่าเล่นแบบนี้อีกล่ะ เดี๋ยวเข้าบ้านแล้วค่อยไปใส่ยา" คริสพูดเตือนชานยอลทั้งๆที่มือหนาของเขาก็คงจับมือชานยอลข้างที่เจ็บนั้นไว้ไม่ปล่อย...
บ้าที่สุด.....อ่อนโยนชะมัด .....สิ่งที่คริสทำตอนนี้มันทำให้ชานยอลแทบจะเป็นบ้า คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาทั้งหล่อสมบูรณ์แบบและดีกับเขามากมายถึงเพียงนี้....ตอนนี้เสื้อสีขาวของคริสมีรอยเลือดของเขาเปรอะอยู่นิดหน่อย ....ชานยอลเอามือวักน้ำทะเลที่อยู่ข้างๆมาแปะไปตามรอยเลือดที่เสื้อของคริสเพื่อจะให้สีของมันจางขึ้น....
"จะเล่นน้ำเหรอ...." คริสถามชานยอลยิ้มๆ
"เปล่าจะซักเสื้อที่มีรอยเลือดให้" ..... ชานยอลเอามืออีกข้างวักน้ำทะเลมาแปะๆที่เสื้อคริสอีกครั้ง
"จะซักทำไม ฉันเปียกหมดแล้วชานยอล" ..... คริสก้มมองสภาพเสื้อของตัวเองที่เลอะน้ำทะเลจากการที่ชานยอลเอาน้ำมาวักใส่ตัวเค้า
"ฉันไม่ยอมเปียกคนเดียวหรอกนะ" คริสพูดพลางวักน้ำทะเลข้างๆสาดใส่ชานยอลอย่างแรงจนเสื้อของชานยอลเปียก
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามน้ำทะเลที่ทั้งสองต่างวักน้ำเข้าหากัน ชานยอลลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่และเอามือของเขาหยิบทรายที่พื้นขว้างไปที่ตัวของคริสจนเสื้อสีขาวเลอะไปหมด....คริสเองก็แกล้งดึงลากชานยอลลงไปในทะเลและหัวเราะออกมาเมื่อแกล้งชานยอลได้เสียงหัวเราะของคนทั้งสองดังลั่นหาดส่วนตัว....แต่หาได้มีใครใส่ใจไม่ เพราะในบริเวณนี้แทบจะไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เลยมีแต่เพียงเขาสองคนที่ยังคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน....คนทั้งสองมีรอยยิ้มที่สดใสบ่งบอกถึงความสุขที่เขาทั้งสองกำลังดื่มด่ำอยู่ในขณะนี้....
หลังจากเล่นน้ำเสร็จ คริสก็หนีขึ้นมานอนแผ่หราบนชายหาดสีขาวด้วยความเหนื่อยโดยมีชานยอลล้มตัวลงมานอนข้างๆและนอนมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง....เขาทั้งสองหอบช้าๆเมื่อรู้สึกเหนื่อยหลังจากที่เล่นกันอย่างหนักเมื่อครู่
คริสหันหน้าไปจับจ้องที่ใบหน้าขาวใสของชานยอลที่นอนมองท้องฟ้าอยู่ข้างๆ
"ชานยอล.....กลับโซลแล้ว ฉันจะจัดแถลงข่าวเรื่องของฉันกับยุนฮี.....ตอนนี้มีข่าวลือระหว่างฉันกับเขาในทางที่ไม่ดี
ฉันจะกลับไปบอกกับทุกคนว่าทั้งฉันและเขาไม่มีอะไรกัน"
"ยุนฮีคืออดีตที่ไม่น่าจดจำสำหรับฉัน......ปัจจุบันของฉันกับนายสำคัญกว่านะชานยอล"
คริสพูดพลางมองเหม่อออกไปที่ท้องฟ้ากว้างและเอื้อมมือหนาของเขาไปบีบมือของชานยอลไว้เบาๆ.....
ชานยอลมองใบหน้าของคริสที่ดูจริงจัง สายตาของคริสดูมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เขาพูด.....แม้รอยยิ้มของชานยอลจะไม่ได้ปรากฎออกมาทางมุมปากของเขาแต่ในใจของเขาก็มีความสุขขึ้นเมื่อได้ยินคำนี้....และในวันที่คริสต้องแถลงข่าวเขาเองก็คงลำบากใจไม่น้อยกับข่าวที่ต้องออกมาปฎิเสธ ซึ่งชานยอลเองก็ไม่รู้ว่าจะกระทบต่องานของคริสและคุณอาผู้จัดที่เขาเคารพด้วยหรือไม่
ช่วงเช้าของวันนี้หลังจากทั้งคริสและชานยอลอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จ เขาทั้งสองก็ออกไปเดินตลาดในช่วงเช้า
ตลาดเล็กๆที่มีทั้งเนื้อสัตว์และผักสดต่างๆที่ชาวบ้านมักจะนำมาปลูกและมาขายเอง คริสยังคงใส่แว่นดำและหมวกเพื่อปิดบังใบหน้า เขาเกรงว่าหากมีใครที่จำเขาได้ก็จะทำให้ทั้งเขาและชานยอลลำบากมากขึ้นไปอีก ทั้งสองเดินเลือกซื้อผักและอาหารบางชนิด รวมถึงเนื้อย่างเกาหลีที่เป็นของโปรดของชานยอลก็อยู่ในเมนูของวันนี้เช่นกัน.....คริสเดินถือถุงกับข้าวต่างๆเต็มไม้เต็มมือไปหมดผิดกับวันแรกที่ชานยอลต้องเป็นคนถือถุงเหล่านั้นไว้ในวันที่เดินตามคริสไปช้อปปิ้ง
"อยากทานอาหารทะเลหรือเปล่า" คริสเอ่ยถามกับชานยอลหลังจากเดินผ่านร้านที่ขายกุ้งหอยปูปลาที่ชาวบ้านออกเรือไปจับมา
"ฮึ ไม่อ่ะ นายทานไม่ได้ฉันก็ไม่ทาน" .... ชานยอลส่ายศรีษะเบาๆเมื่อเดินผ่านร้านขายอาหารสดพวกนั้นไป
"เกิดฉันนั่งย่างๆอยู่แล้วนายเดินมาล้มเตาทำไงล่ะ ยิ่งขี้เหวี่ยงอยู่" ชานยอลพูดพร้อมกับอมยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันแรกที่คริสขว้างกล่องราเมนลงไปที่พื้นห้องประชุม คนบ้าอะไรขี้โมโหชะมัด
คริสยิ้มออกมาด้วยความขำเมื่อนึกถึงการกระทำวันแรกของเขา....ทั้งสองยังคงเดินยิ้มและเลือกซื้อของในตลาดอย่างมีความสุข....
เมื่อทั้งสองได้ของที่จะทำอาหารครบแล้วคริสก็เดินตรงมายังรถสปอร์ตของเขาพร้อมกับเอาของทั้งหมดเก็บไว้ด้านหลังรถ...คริสขับรถมาตามเส้นทางเรื่อยๆพร้อมกับเปิดหลังคารถเพื่อรับลมและอากาศบริสุทธิ์...ชานยอลเองก็ไม่พลาดที่จะลุกขึ้นมายืนดูนั่นนี่รอบตัว...เขาทั้งสองยังคงมีเสียงหัวเราะไปตลอดทาง คริสลอบมองชานยอลที่ดูร่าเริงในตอนนี้....เขาอยากจะหยุดเวลาทั้งหมดไว้ให้ถึงแค่ตอนนี้.....บางทีการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขามันก็ทำให้ชีวิตที่ดูเหมือนจะสุขสบายดูลำบากขึ้นมาบ้างเช่นกัน....
คริสและชานยอลยังคงง่วนอยู่ในครัวกับการหั่นเนื้อและเตรียมผักสำหรับเนื้อย่างเกาหลี ผักสดหลายอย่างที่ชานยอลเลือกมาชานยอลเรียนรู้การทำอาหารจากแม่ของเขามาพอสมควร....ส่วนคริสเองการใช้ชีวิตที่แคนาดาบางครั้งเขาก็ต้องทำอาหารทานและช่วยเหลือตัวเองในการปรุงแต่งรดชาดอาหารในบางครั้ง....แต่ยังไงชานยอลก็ยังคงถนัดในการทำอาหารมากกว่าเพราะฉะนั้นวันนี้คริสจึงมีหน้าที่เป็นลูกมือของชานยอลเท่านั้น......
ช่วงเย็นที่หน้าบ้านพักมีการตั้งโต๊ะเล็กๆและกำลังวางจัดเตรียมอาหาร.....อาหารบนโต๊ะมีไม่เยอะมากนัก ส่วนมากจะเป็นของที่ทั้งสองเลือกมาเพื่อทานด้วยกัน.....เตาเล็กๆถูกก่อไว้เพื่อย่างเนื้อย่าง ผักสดหลายชนิดถูกเตรียมจัดใส่ตระกร้าเล็กๆ.....ซุปกิมจิฝีมือชานยอลเดือดปุดๆส่งกลิ่นหอมล่องลอยออกมาจากในหม้อตุ๋นสีดำ ......คริสเดินไปหยิบโซจูในตู้เย็นหลังจากที่เขาซื้อมันมาจากที่ตลาด....แม้คริสจะเป็นคนชอบสินค้าหรืออาหารราคาแพง แต่ก็มีในบางครั้งที่เขาชอบใช้ชีวิตที่สงบสุขและอยากจะลองใช้ชีวิตที่ติดดินอย่างคนอื่นดูบ้างนี่เป็นครั้งแรกที่คริสดื่มโซจูเพราะปกติแล้วคริสจะรู้จักแต่แอลกอฮอลล์ของทางยุโรปมากกว่า ของพวกนี้ก็คือของที่ชานยอลเลือกมาตามเคย คริสจึงไม่คิดที่จะคัดค้านหรือขัดใจชานยอล....
แก้วโซจูเล็กๆถูกวางเตรียมไว้ตรงโต๊ะรวมถึงอาหารก็ถูกปรุงเสร็จและพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทานแล้ว....ทั้งคริสและชานยอลนั่งทานอาหารไปพร้อมกับดื่มโซจูในแก้ว.....
"โซจูที่นายบอกให้ซื้อมาก็อร่อยดีนะ ทานบ่อยเหรอ" คริสเอ่ยถามกับชานยอลหลังจากดื่มมันเข้าไปหลายแก้วแล้ว
"ก็ไม่บ่อยหรอกแต่ก็พอทานได้ นายทานหลายแก้วแล้วนะคริส" ชานยอลปรามคริสหลังจากเห็นคริสดื่มมันไปเป็นจำนวนไม่น้อย
คริสหัวเราะออกมาเบาๆชานยอลคงไม่รู้ว่าแอลกอฮอล์ของฝั่งยุโรปพวกแชมเปญหรือบรั่นดีค่อนข้างที่จะมีดีกรีแรงกว่านี้มากนักรวมถึงเวลาที่คริสออกงานสังคมเขาก็มักจะดื่มทุกครั้ง ผิดกับชานยอลที่ส่วนมากจะดื่มเวลามีงานสังสรรค์ที่บ้านมากกว่า...
"ห่วงตัวเองเถอะชานยอล ฉันเห็นนายดื่มไปสองขวดละ" คริสพูดพร้อมกับอมยิ้มออกมามุมปากด้วยความขำ....ชานยอลเองตะหากที่กระดกแก้วโซจูไม่ยั้งหลังจากที่ทานพริกเครื่องเคียงของเนื้อย่างแล้วเผ็ด และพอเผ็ดก็หยิบโซจูกระดกตามเพื่อระงับความเผ็ดร้อน.....
"เดี๋ยวทานอาหารเสร็จแล้วไปอาบน้ำนะ ฉันจะพานายไปที่ที่นึง......นายต้องชอบ" คริสกำชับกับชานยอลพร้อมทั้งคีบเนื้อย่างพลิกไปมาเพื่อย่างให้ชานยอลทาน...
"ไปไหน....จะมืดแล้วนะ มืดๆมันจะอันตรายหรือเปล่า" ชานยอลถามคริสด้วยความกังวลเพราะบรรยากาศแถวนี้ค่อนข้างเงียบและเขาก็กลัวเรื่องความปลอดภัย
"ไม่หรอก ไม่ไกลจากที่นี่มาก ขับรถไปพักเดียวก็ถึง" ใบหน้าของคริสปรากฎรอยยิ้มละมุนเมื่อเขากำลังนึกถึงสถานที่ที่จะพาชานยอลไป
หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งชานยอลและคริสก็เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปสถานที่ที่คริสตั้งใจจะพาไป.....ชานยอล
เองก็สงสัยใคร่รู้ว่าคริสจะพาไปที่ใด....คริสก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับและขับรถไปในเส้นทางบนเขาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก
คืนนี้ดวงจันทร์สาดส่องลงมาแต่ไม่มีแสงสว่างมากพอจะให้เห็นถนนหนทางข้างหน้า....ไฟข้างทางบนภูเขายังมีติดตั้งกันอยู่เรียงราย.....แต่เมื่อคริสขับรถขึ้นเขามาสักพักไฟข้างทางที่ติดตั้งก็ห่างกันออกไปเรื่อยๆ.....ชานยอลนั่งมองบรรยากาศข้างทางซึ่งก็ดูไม่น่ากลัวมากนัก...อาจจะเป็นเพราะว่ามีคริสอยู่ข้างๆเขา....
คริสขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็จอดรถลงช้าๆที่หน้าผาแห่งหนึ่ง.....จุดชมวิวของเมืองเมืองนี้.....สถานที่นี้ในเวลาพลบค่ำไม่มีพวกชาวบ้านเข้ามารบกวนเพราะส่วนมากต้องเป็นคนมีรถถึงจะเดินทางสะดวกและอีกอย่างวันนี้ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่วันหยุดสำหรับการท่องเที่ยว.....
จุดที่ทั้งคริสและชานยอลนั่งอยู่ในรถตอนนี้มองเห็นรอบบริเวณทั้งผืนน้ำทะเลสีฟ้าครามกว้าง บรรยากาศรอบข้างค่อยๆมืดลงเผยให้เห็นดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า คืนนี้ดาวเยอะมากกว่าปกติเนื่องจากดวงจันทร์ที่ไม่สว่างมากนัก....ทำให้ไม่มีแสงอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจจากดวงดาวไปได้....
"ที่นี่ชื่อว่า...ผาขอพรดวงดาว" คริสพูดพร้อมกับหันไปยิ้มละมุนให้กับชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆเขา....
"มันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะบรรยากาศสวยงามที่เห็นรอบๆเมืองนี้....ฉันเลยพานายมาดู...."
"เหตุผลหลักอีกอย่างคือ....ที่นี่เคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคู่รัก...คู่รักที่กำลังจะพลัดพรากเนื่องจากถูกกีดกันเรื่องความรัก
แต่แล้วเขาทั้งสองก็ได้มาที่นี่ด้วยกัน เขาทั้งสองเห็นดาวตกและขอพรด้วยกัน หลังจากที่ขอพรครั้งนั้น เขาทั้งสองก็สมหวังและไม่พลัดพรากจากกันอีก........ชื่อของผานี้ถูกตั้งขึ้นจากคู่รักคู่นั้น....ส่วนชื่อของคนที่ตั้งชื่อผานี้ก็จารึกอยู่ตรงนั้น ......คู่รักทั้งสองสมหวังในความรัก น่ายินดีด้วยนะ"
คริสเล่าประวัติของผานี้ให้ชานยอลฟังด้วยความรู้สึกศรัทธาในความรักของคนทั้งสอง.....เขาไม่รู้ว่าเรื่องเล่านี้จริงเท็จแค่ไหนแต่เขาอยากจะพาชานยอลมาที่นี่ตามความเชื่อของชาวบ้านแถวนี้
ชานยอลนั่งฟังเรื่องเล่าของคริสพร้อมทั้งมองบรรยากาศรอบๆมันดูสวยและโรแมนติคมาก ทั้งสิ่งที่คริสเล่ารวมถึงการ
ที่คริสพาเขามาที่นี่ด้วย....
"พวกเขาโชคดีนะ" ชานยอลพูดพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าคมสันของคริส อนาคตข้างหน้าความรักของเขาทั้งสองจะเป็นอย่างไรยังไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้.....
"ถ้าคู่เราโชคดีอย่างคู่เขา คืนนี้เราคงจะได้เห็นดาวตกและขอพรด้วยกัน" คริสเงยหน้าขึ้นไปมองดูท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับและหวังว่าคืนนี้ฝันของเขาและชานยอลจะเป็นจริง....
หลังคารถสปอร์ตของคริสเปิดกว้างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และเพื่อดูดาวในคืนนี้.....ท้องฟ้าปรากฎดวงดาวนับร้อยดวง
เสียงจิ้งหรีดรวมถึงแมลงๆต่างๆล้วนขับกล่องและส่งเสียงร้องเบาๆ...บรรยากาศในตอนนี้มันเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมกับคู่รักชัดๆ
"หนาวมั้ย" คริสเอ่ยถามกับชานยอลเมื่อมีลมเย็นๆพัดผ่านตัวเขามาเบาๆ
เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตนเองมาคลุมร่างของชานยอลไว้เพื่อกันหนาว.....พร้อมกับลูบไปที่ศรีษะของชานยอลเบาๆทุกสัมผัสของคริสบ่งบอกถึงความอ่อนโยนที่คริสมีให้ต่อชานยอล....คงถึงเวลาสำคัญแล้วที่เขาจะมอบสิ่งของสำคัญที่เขาเตรียมไว้ให้ชานยอล
คริสตัดสินใจเอื้อมมือของเขาไปที่ลิ้นชักข้างๆพวงมาลัยเพื่อหยิบเอากล่องนาฬิกาที่เขาเลือกซื้อให้ชานยอลไว้นานแล้วก่อนที่จะเกิดเรื่องระหว่างเขากับชานยอล กล่องนาฬิกาสีดำเงาสนิท....คริสมองมันและอมยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของชานยอลด้วยสายตาที่อ่อนโยน
"ชานยอล ฉันรอจะให้นายหลายวันแล้วแต่ไม่มีโอกาส เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดนาย ...ฉัน...อยากมอบมันให้กับนายในวันเกิด"
"เอาเป็นว่าพอนายเกิดมาวันแรกก็เจอฉันเลยละกันนะ ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในวันที่นายเกิดมาเจอฉันวันแรก"
คริสยื่นกล่องนาฬิกาให้ชานยอล เขารับมันไว้ไปถือพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชานยอลค่อยๆเปิดกล่องออกและเห็นนาฬิกา
เรือนสวยฝังเพชร สิ่งที่ทำให้ชานยอลตื้นตันคือภาพในหน้าปัดของนาฬิกาเป็นรูปหน้าต่างบานเล็กๆที่มีหิมะโปรยปรายลงมาตรงหน้าต่าง.......ชานยอลยิ้มออกมาและมองไปที่ใบหน้าของคริสที่กำลังยิ้มเขินๆ....
"มัน....มีคุณค่าเกินไป....มันไม่เหมาะกับฉันหรอกคริส"
....ชานยอลพูดกับคริสเบาๆและมีน้ำตามาคลอเล็กน้อยที่ดวงตากลมโตของชานยอล....ชานยอลไม่เคยคิดมาก่อนว่าคริสจะมีมุมที่เขาไม่เคยรู้จักแบบนี้....
"นายอย่าพูดเหมือนตัวเองไม่มีค่าสิชานยอล.....นายมีค่าเสมอสำหรับฉัน...."
"นาฬิกาเรือนนี้เป็นตัวแทนฉัน....ฉันอยากจะใช้เวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่กับนายนะชานยอล"
"....ฉัน...เอ่อ...จะพูดยังไงดี"
คริสยกมือของเขาขึ้นเสยผมและเลียริมฝีปากช้าๆคิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงคำต่อไปว่าเขาจะพูดออกมาดีหรือไม่ คำที่ชานยอลอาจจะต้องการฟัง...แต่เขา...จะกล้าพูดมั้ย...
"ชานยอล...ฉัน..ไม่รู้ว่านายอยากฟังมันไหม...แต่ฉัน....."
"...เอ่อ....รักนายนะ...ปาร์คชานยอล....ฉันรักนาย"
คริสพรูลมหายใจออกมาและพูดโดยไม่มองหน้าของชานยอลเขาแกล้งมองออกไปข้างหน้าเพื่อระงับความเขินอายของตัวเองแม้การกระทำหลายอย่างของคริสจะดูอบอุ่นและดูจริงใจกับชานยอลแต่เมื่อเขาต้องพูดอะไรออกมาตรงๆ
เขาก็ต้องรวบรวมความกล้าของเขามากเช่นกัน.....
ชานยอลเงียบไป.......ไม่มีเสียงตอบของชานยอลออกมาจนคริสต้องหันไปมองที่ใบหน้าของชานยอลอีกครั้ง....
ชานยอลยังคงมองไปที่นาฬิกาเรือนนั้นพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตของเขา....เขารู้แล้ว...
รู้สิ่งที่คริสตั้งใจทำทั้งหมดเพื่อเขาแล้ว ชานยอลกำลังซาบซึ้งและอึ้งกับสิ่งที่คริสกำลังมอบให้เขา มันอบอุ่นและซึมผ่านเข้าไปจากร่างกายและลึกถึงจิตใจภายในของเขาแล้ว....
"ร้องไห้ทำไม" คริสคว้าแขนของชานยอลดึงให้หันมามองหน้าเขา....ด้วยความตกใจ
"คริส........ฉันขอบใจมากสำหรับทุกอย่าง ฉันรู้แล้ว ขอบใจมาก"
ชานยอลยังคงร้องไห้ออกมาและโผเข้ากอดคริสที่นั่งอยู่ข้างๆเขา.....ด้วยความรู้สึกขอบคุณ...ขอบคุณที่ดีกับเขาแม้เขาจะเป็นแค่คนธรรมดาที่ดูไม่มีค่าแค่คนนึงก็ตาม.....
"คุณผู้จัดการอย่าร้องไห้สิครับ" คริสใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาเกลี่ยไปตามน้ำตาใสๆของชานยอลเพื่อเช็ดมันออกเบา
พร้อมกับจูบซับไปที่ดวงตาคู่สวยของชานยอล.....
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาหลังจากคริสอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ....ชายร่างสูงโปร่งสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวสะอาดตา
เสื้อแขนยาวและกางเกงนอนขายาวสีขาวแบบเดียวกับที่ชานยอลสวมใส่......มีหยดน้ำพราวใสๆที่เกาะตามเส้มผมและใบหน้าคมสันของคริส เขาเช็ดมันออกช้าๆและลอบมองไปที่ชานยอลที่นอนหลับตาหันหน้าไปทางระเบียงของห้อง...
คริสค่อยๆเดินเข้าไปหาชานยอลใกล้ๆเด็กน้อยของเขาหลับจริงหรือแกล้งหลับเพราะกลัวจะเจ็บตัวกันแน่....ดวงตากลมโตของชานยอลปิดสนิท ขนตายาวหนาของเขาทาบทับเรียงลงมาเป็นเส้น.....ใบหน้าขาวนวลใสของชานยอลอยู่ในท่าทีที่กำลังหลับสบาย....เวลาเจ้าของนอนหลับมันดูน่ารักและมีแววของความสดใสออกมาบ้าง คริสมองไปที่ดวงตาของชานยอล ดวงตาที่เขาไม่ชอบเวลาที่มีน้ำตาออกมาโดยที่เขาเป็นสาเหตุนั้น ......คริสเอื้อมมือหนาของตนไปลูบสัมผัสที่ดวงตาของชานยอลอย่างแผ่วเบา
"อย่าร้องไห้เพราะฉันอีกนะ .......ฉันจะทำทุกอย่างให้นายเชื่อใจฉัน" ..... คำพูดที่คริสพูดในใจและไม่ได้เปล่งเสียงออกมาหากชานยอลใช้ใจสัมผัสก็จะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้...
คริสลูบไปตามเส้นผมสีน้ำตาลของชานยอลช้าๆเส้มผมที่หอมละมุนและนุ่มเสมอเมื่อเขาสัมผัส.....ชานยอลแอบชอบเขามานานแค่ไหนแล้วเขารับรู้ดีจากกรอบรูปและรูปถ่ายพวกนั้น.....แต่คริสเองสิที่ไม่รู้ว่าเขาเริ่มรักชานยอลตั้งแต่ตอนไหน
ความรู้สึกอยากกลั่นแกล้ง หึงหวงจนไม่รู้ตัวมันคืออาการของความรักที่ตอนนี้เขาเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วว่าสิ่งที่หัวใจเขาเรียกร้องตามหาก็คือ"ปาร์คชานยอล"
คริสก้าวขาเรียวยาวของเขาเดินไปปิดไฟที่ข้างห้องและเปิดไฟโคมดวงเล็กๆไว้เพื่อให้ความสว่าง.....หลังจากคริสขึ้นไปนอนบนเตียงเขาก็นอนกอดชานยอลจากทางด้านหลังและซุกใบหน้าของตนเองไปที่ต้นคอขาวพร้อมกับใช้ปลายจมูกสัมผัสกลิ่นหอมละมุนของมันเบาๆอย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของจะบอบช้ำ.....
"คืนนี้นอนพักผ่อนก่อนนะครับคุณผู้จัดการ.....วันนี้ผมจะไม่กวนคุณ"
..... คริสกระซิบเบาๆข้างหูของชานยอลและนอนกอดเขาอยู่อย่างนั้น......ชานยอลยังคงหลับไม่รู้เรื่อง อากาศที่ค่อนข้างเย็นเมื่อครู่กลับกลายเป็นอบอุ่นขึ้นมาทันใด คงเหมือนกับหัวใจของคนทั้งสองในตอนนี้......
อากาศภายนอกเริ่มอบอุ่นขึ้นเป็นเหตุมาจากแสงแดดภายนอกที่เริ่มสาดส่องเข้ามาในตัวห้อง......พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาระหว่างภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าชายหาด....ลมทะเลพัดหอบเอาความสดชื่นเข้ามาถึงในห้องนอนที่มีร่างของคนสองคนกอดกันบนเตียงนุ่ม....ชานยอลปรือตาขึ้นมามองรอบๆห้อง เขาพยายามปรับสายตาของเขาให้สู้แสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา.........เขาขืนตัวจะลุกขึ้นแต่ก็มีเรียวแขนของคริสที่โอบรัดรอบตัวเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน....
"อื้อ.......อย่าเพิ่งลุก" คริสพูดออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงงัวเงียและดวงตาของเขาก็ยังคงหลับสนิทอยู่อย่างนั้น....
"ขอนอนกอดอีกหน่อยนะ" เขากระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นและค่อยๆดึงตัวของชานยอลเข้ามาหาเขา....
ชานยอลเผลออมยิ้มออกมาด้วยความสุขปนกับความเขินอาย.....เขามองไปที่ใบหน้าของคริสที่กำลังหลับตาพริ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกโด่งของคริสเบาๆ........
"ตื่นได้แล้ววว ฉันอยากลงไปดูทะเลที่หน้าบ้าน" ...... ชานยอลพูดกับคริสและมองออกไปตรงระเบียง ชายหาดสีขาวสะอาดตากำลังรอเค้าเพื่อลงไปสำรวจ.....ชานยอลชอบเดินเล่นริมทะเลและเขามักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาเที่ยวทะเล...
"ทะเลไม่หนีนายไปไหนหรอกชานยอล...เห็นทะเลสำคัญกว่าคนที่นอนอยู่ตรงนี้เหรอ" คริสแกล้งพูดต่อว่าชานยอลพร้อมลืมตาขึ้นมามองใบหน้าของชานยอลที่นอนอยู่ข้างๆเขา
"ก็ลงไปดูด้วยกันไง....." ชานยอลพูดพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ
"นะ นะ ตื่นได้แล้ว" .... เขาเขย่าตัวคริสเบาๆเพื่อปลุกให้คริสลุกขึ้นตื่นซะที....เวลาของการมาพักผ่อนริมทะเลคริสจะเอาแต่นอนอย่างเดียวหรือไร
คริสลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและบิดขี้เกียจ 2-3 ครั้งก่อนจะแกล้งล้มตัวลงนอนต่อไปบนเตียงนุ่มอีกครั้งและนอนหันหลัง
ให้กับชานยอล.....
"แกล้งฉันเหรอคริส เหรอ เหรอออ" ชานยอลพูดพลางใช้มือของเขาบีบไปที่ต้นคอของคริสและเขย่ามันเบาๆพร้อมกับหัวเราะออกมาเมื่อคริสมีท่าทางเจ็บและร้องโอดโอย.....
เสียงหัวเราะของคนสองคนดังผสานกันออกมา เสียงที่บ่งบอกว่าเขาทั้งสองน่าจะกำลังมีความสุข ทั้งรอยยิ้มของชานยอลและรอยยิ้มของคริสที่นอนหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนานบนเตียง....
หลังจากทั้งคริสและชานยอลทำธุระส่วนตัวเสร็จ ชานยอลก็เดินนำหน้าคริสลงมาที่หาดทรายสีขาวหน้าบ้านพักด้วยความตื่นเต้นเขาก้าวฝีเท้าเร็วจนแทบเหมือนจะวิ่งลงไปที่ทะเลข้างหน้า....ชานยอลมีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเหมือนเด็กๆ...เขาวิ่งไปดูปูตัวเล็กๆที่เดินอยู่ริมชายหาดหลายตัวและมันกำลังขุดทรายหนีเพื่อหลบซ่อนตัวหลังจากชานยอลเดินไปหา.....
คริสเดินตามไปห่างๆและยิ้มออกมาในความร่าเริงของชานยอล....เขาชอบให้ชานยอลยิ้มแบบนี้มากกว่า มันดูสดใสและน่ามองกว่าเวลาที่เขาร้องไห้....เวลาที่ชานยอลร้องไห้คริสมักจะเจ็บปวดใจไปด้วยทุกครั้ง....
"คริส คริส! มาดูนี่สิ" ...... ชานยอลตะโกนเรียกคริสพร้อมกับกวักมือเรียกให้เขาเดินมาดูสิ่งที่ชานยอลกำลังค้นพบเหมือนเจอกับสิ่งมหัศจรรย์สำคัญและล้ำค่าตรงหน้า....
"น่ารักไหม ฮ่าๆ ปูๆตัวใหญ่จังงงง" ชานยอลจับปูตัวใหญ่ขึ้นมาโชว์คริส ดูจากขนาดน่าจะเป็นแม่ปูเพราะมีลูกๆตัวเล็กของมันเดินอยู่บริเวณรอบๆนั้นด้วย
ชานยอลยื่นแม่ปูเข้ามาตรงหน้าคริส ทำให้คริสผงะถอยหลังออกไปด้วยความกลัวและตกใจ
"คริส นายไม่กินอาหารทะเลแล้วยังกลัวปูด้วยเหรอ ฮ่าๆๆ หน้านายนี่มันตลกชะมัด" ชานยอลหัวเราะชอบใจที่แกล้งคริสให้กลัวได้
คริสไม่ขำอย่างชานยอลแต่เขากลัวปูจะหนีบมากกว่า แม้กล้ามมันจะดูไม่ใหญ่มากนักแต่ตัวมันก็ใหญ่พอควร...
"ชานยอล อย่าไปเล่นเลย ทิ้งมันไป เดี๋ยวมัน.........."
"โอ๊ยยยย!!" คริสยังพูดไม่จบประโยคดีก็มีเสียงร้องของชานยอลดังออกมาพร้อมกับรีบปล่อยปูลงไปที่พื้นและสะบัดมือแรงๆด้วยความเจ็บ
"มันหนีบฉัน!" ชานยอลยังคงหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยจากบาดแผลเพราะแรงหนีบของปู
ครั้งนี้เป็นคราวของคริสบ้าง เสียงหัวเราะของคริสหัวเราะลั่นและขำชานยอลที่กำลังสะบัดมือด้วยความเจ็บ....แต่แล้วใบหน้าของคริสก็เปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นเลือดชึมออกมาจากบาดแผลของชานยอล....
"ชานยอล นายเลือดออก ไหนให้ฉันดูสิ" คริสพูดพลางคว้าข้อมือของชานยอลข้างที่เจ็บไปดูพร้อมกับใช้เสื้อของเขาซับไปที่นิ้วของชานยอลเพื่อหยุดเลือดที่กำลังซึมออกมา ..............คริสใช้ลิ้นเรียวเล็กของเขาก้มลงไปดูดซับแผลของชานยอลอย่างไม่รังเกียจชานยอลเบิกดวงตากลมโตของเขาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า คริสยังคงใช้ปากเรียวบางของเขาดูดลงไปที่นิ้วของชานยอลเพื่อคลายความเจ็บปวดจากบาดแผลของชานยอล...
"คริส เอ่อ...พอแล้ว ฉะ ฉัน ไม่เจ็บแล้ว" .....ชานยอลเอ่ยพูดออกมาด้วยความเขินและเมื่อเขาเห็นสีหน้ากังวลของคริส ชานยอลรู้สึกดีอย่างประหลาดที่คริสทำแบบนี้กับเขา มันเหมือนเป็นการแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่ที่คริสมีต่อเขา
"ไม่เจ็บแล้วนะ อย่าเล่นแบบนี้อีกล่ะ เดี๋ยวเข้าบ้านแล้วค่อยไปใส่ยา" คริสพูดเตือนชานยอลทั้งๆที่มือหนาของเขาก็คงจับมือชานยอลข้างที่เจ็บนั้นไว้ไม่ปล่อย...
บ้าที่สุด.....อ่อนโยนชะมัด .....สิ่งที่คริสทำตอนนี้มันทำให้ชานยอลแทบจะเป็นบ้า คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาทั้งหล่อสมบูรณ์แบบและดีกับเขามากมายถึงเพียงนี้....ตอนนี้เสื้อสีขาวของคริสมีรอยเลือดของเขาเปรอะอยู่นิดหน่อย ....ชานยอลเอามือวักน้ำทะเลที่อยู่ข้างๆมาแปะไปตามรอยเลือดที่เสื้อของคริสเพื่อจะให้สีของมันจางขึ้น....
"จะเล่นน้ำเหรอ...." คริสถามชานยอลยิ้มๆ
"เปล่าจะซักเสื้อที่มีรอยเลือดให้" ..... ชานยอลเอามืออีกข้างวักน้ำทะเลมาแปะๆที่เสื้อคริสอีกครั้ง
"จะซักทำไม ฉันเปียกหมดแล้วชานยอล" ..... คริสก้มมองสภาพเสื้อของตัวเองที่เลอะน้ำทะเลจากการที่ชานยอลเอาน้ำมาวักใส่ตัวเค้า
"ฉันไม่ยอมเปียกคนเดียวหรอกนะ" คริสพูดพลางวักน้ำทะเลข้างๆสาดใส่ชานยอลอย่างแรงจนเสื้อของชานยอลเปียก
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามน้ำทะเลที่ทั้งสองต่างวักน้ำเข้าหากัน ชานยอลลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่และเอามือของเขาหยิบทรายที่พื้นขว้างไปที่ตัวของคริสจนเสื้อสีขาวเลอะไปหมด....คริสเองก็แกล้งดึงลากชานยอลลงไปในทะเลและหัวเราะออกมาเมื่อแกล้งชานยอลได้เสียงหัวเราะของคนทั้งสองดังลั่นหาดส่วนตัว....แต่หาได้มีใครใส่ใจไม่ เพราะในบริเวณนี้แทบจะไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เลยมีแต่เพียงเขาสองคนที่ยังคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน....คนทั้งสองมีรอยยิ้มที่สดใสบ่งบอกถึงความสุขที่เขาทั้งสองกำลังดื่มด่ำอยู่ในขณะนี้....
หลังจากเล่นน้ำเสร็จ คริสก็หนีขึ้นมานอนแผ่หราบนชายหาดสีขาวด้วยความเหนื่อยโดยมีชานยอลล้มตัวลงมานอนข้างๆและนอนมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง....เขาทั้งสองหอบช้าๆเมื่อรู้สึกเหนื่อยหลังจากที่เล่นกันอย่างหนักเมื่อครู่
คริสหันหน้าไปจับจ้องที่ใบหน้าขาวใสของชานยอลที่นอนมองท้องฟ้าอยู่ข้างๆ
"ชานยอล.....กลับโซลแล้ว ฉันจะจัดแถลงข่าวเรื่องของฉันกับยุนฮี.....ตอนนี้มีข่าวลือระหว่างฉันกับเขาในทางที่ไม่ดี
ฉันจะกลับไปบอกกับทุกคนว่าทั้งฉันและเขาไม่มีอะไรกัน"
"ยุนฮีคืออดีตที่ไม่น่าจดจำสำหรับฉัน......ปัจจุบันของฉันกับนายสำคัญกว่านะชานยอล"
คริสพูดพลางมองเหม่อออกไปที่ท้องฟ้ากว้างและเอื้อมมือหนาของเขาไปบีบมือของชานยอลไว้เบาๆ.....
ชานยอลมองใบหน้าของคริสที่ดูจริงจัง สายตาของคริสดูมุ่งมั่นต่อสิ่งที่เขาพูด.....แม้รอยยิ้มของชานยอลจะไม่ได้ปรากฎออกมาทางมุมปากของเขาแต่ในใจของเขาก็มีความสุขขึ้นเมื่อได้ยินคำนี้....และในวันที่คริสต้องแถลงข่าวเขาเองก็คงลำบากใจไม่น้อยกับข่าวที่ต้องออกมาปฎิเสธ ซึ่งชานยอลเองก็ไม่รู้ว่าจะกระทบต่องานของคริสและคุณอาผู้จัดที่เขาเคารพด้วยหรือไม่
ช่วงเช้าของวันนี้หลังจากทั้งคริสและชานยอลอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จ เขาทั้งสองก็ออกไปเดินตลาดในช่วงเช้า
ตลาดเล็กๆที่มีทั้งเนื้อสัตว์และผักสดต่างๆที่ชาวบ้านมักจะนำมาปลูกและมาขายเอง คริสยังคงใส่แว่นดำและหมวกเพื่อปิดบังใบหน้า เขาเกรงว่าหากมีใครที่จำเขาได้ก็จะทำให้ทั้งเขาและชานยอลลำบากมากขึ้นไปอีก ทั้งสองเดินเลือกซื้อผักและอาหารบางชนิด รวมถึงเนื้อย่างเกาหลีที่เป็นของโปรดของชานยอลก็อยู่ในเมนูของวันนี้เช่นกัน.....คริสเดินถือถุงกับข้าวต่างๆเต็มไม้เต็มมือไปหมดผิดกับวันแรกที่ชานยอลต้องเป็นคนถือถุงเหล่านั้นไว้ในวันที่เดินตามคริสไปช้อปปิ้ง
"อยากทานอาหารทะเลหรือเปล่า" คริสเอ่ยถามกับชานยอลหลังจากเดินผ่านร้านที่ขายกุ้งหอยปูปลาที่ชาวบ้านออกเรือไปจับมา
"ฮึ ไม่อ่ะ นายทานไม่ได้ฉันก็ไม่ทาน" .... ชานยอลส่ายศรีษะเบาๆเมื่อเดินผ่านร้านขายอาหารสดพวกนั้นไป
"เกิดฉันนั่งย่างๆอยู่แล้วนายเดินมาล้มเตาทำไงล่ะ ยิ่งขี้เหวี่ยงอยู่" ชานยอลพูดพร้อมกับอมยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันแรกที่คริสขว้างกล่องราเมนลงไปที่พื้นห้องประชุม คนบ้าอะไรขี้โมโหชะมัด
คริสยิ้มออกมาด้วยความขำเมื่อนึกถึงการกระทำวันแรกของเขา....ทั้งสองยังคงเดินยิ้มและเลือกซื้อของในตลาดอย่างมีความสุข....
เมื่อทั้งสองได้ของที่จะทำอาหารครบแล้วคริสก็เดินตรงมายังรถสปอร์ตของเขาพร้อมกับเอาของทั้งหมดเก็บไว้ด้านหลังรถ...คริสขับรถมาตามเส้นทางเรื่อยๆพร้อมกับเปิดหลังคารถเพื่อรับลมและอากาศบริสุทธิ์...ชานยอลเองก็ไม่พลาดที่จะลุกขึ้นมายืนดูนั่นนี่รอบตัว...เขาทั้งสองยังคงมีเสียงหัวเราะไปตลอดทาง คริสลอบมองชานยอลที่ดูร่าเริงในตอนนี้....เขาอยากจะหยุดเวลาทั้งหมดไว้ให้ถึงแค่ตอนนี้.....บางทีการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขามันก็ทำให้ชีวิตที่ดูเหมือนจะสุขสบายดูลำบากขึ้นมาบ้างเช่นกัน....
คริสและชานยอลยังคงง่วนอยู่ในครัวกับการหั่นเนื้อและเตรียมผักสำหรับเนื้อย่างเกาหลี ผักสดหลายอย่างที่ชานยอลเลือกมาชานยอลเรียนรู้การทำอาหารจากแม่ของเขามาพอสมควร....ส่วนคริสเองการใช้ชีวิตที่แคนาดาบางครั้งเขาก็ต้องทำอาหารทานและช่วยเหลือตัวเองในการปรุงแต่งรดชาดอาหารในบางครั้ง....แต่ยังไงชานยอลก็ยังคงถนัดในการทำอาหารมากกว่าเพราะฉะนั้นวันนี้คริสจึงมีหน้าที่เป็นลูกมือของชานยอลเท่านั้น......
ช่วงเย็นที่หน้าบ้านพักมีการตั้งโต๊ะเล็กๆและกำลังวางจัดเตรียมอาหาร.....อาหารบนโต๊ะมีไม่เยอะมากนัก ส่วนมากจะเป็นของที่ทั้งสองเลือกมาเพื่อทานด้วยกัน.....เตาเล็กๆถูกก่อไว้เพื่อย่างเนื้อย่าง ผักสดหลายชนิดถูกเตรียมจัดใส่ตระกร้าเล็กๆ.....ซุปกิมจิฝีมือชานยอลเดือดปุดๆส่งกลิ่นหอมล่องลอยออกมาจากในหม้อตุ๋นสีดำ ......คริสเดินไปหยิบโซจูในตู้เย็นหลังจากที่เขาซื้อมันมาจากที่ตลาด....แม้คริสจะเป็นคนชอบสินค้าหรืออาหารราคาแพง แต่ก็มีในบางครั้งที่เขาชอบใช้ชีวิตที่สงบสุขและอยากจะลองใช้ชีวิตที่ติดดินอย่างคนอื่นดูบ้างนี่เป็นครั้งแรกที่คริสดื่มโซจูเพราะปกติแล้วคริสจะรู้จักแต่แอลกอฮอลล์ของทางยุโรปมากกว่า ของพวกนี้ก็คือของที่ชานยอลเลือกมาตามเคย คริสจึงไม่คิดที่จะคัดค้านหรือขัดใจชานยอล....
แก้วโซจูเล็กๆถูกวางเตรียมไว้ตรงโต๊ะรวมถึงอาหารก็ถูกปรุงเสร็จและพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทานแล้ว....ทั้งคริสและชานยอลนั่งทานอาหารไปพร้อมกับดื่มโซจูในแก้ว.....
"โซจูที่นายบอกให้ซื้อมาก็อร่อยดีนะ ทานบ่อยเหรอ" คริสเอ่ยถามกับชานยอลหลังจากดื่มมันเข้าไปหลายแก้วแล้ว
"ก็ไม่บ่อยหรอกแต่ก็พอทานได้ นายทานหลายแก้วแล้วนะคริส" ชานยอลปรามคริสหลังจากเห็นคริสดื่มมันไปเป็นจำนวนไม่น้อย
คริสหัวเราะออกมาเบาๆชานยอลคงไม่รู้ว่าแอลกอฮอล์ของฝั่งยุโรปพวกแชมเปญหรือบรั่นดีค่อนข้างที่จะมีดีกรีแรงกว่านี้มากนักรวมถึงเวลาที่คริสออกงานสังคมเขาก็มักจะดื่มทุกครั้ง ผิดกับชานยอลที่ส่วนมากจะดื่มเวลามีงานสังสรรค์ที่บ้านมากกว่า...
"ห่วงตัวเองเถอะชานยอล ฉันเห็นนายดื่มไปสองขวดละ" คริสพูดพร้อมกับอมยิ้มออกมามุมปากด้วยความขำ....ชานยอลเองตะหากที่กระดกแก้วโซจูไม่ยั้งหลังจากที่ทานพริกเครื่องเคียงของเนื้อย่างแล้วเผ็ด และพอเผ็ดก็หยิบโซจูกระดกตามเพื่อระงับความเผ็ดร้อน.....
"เดี๋ยวทานอาหารเสร็จแล้วไปอาบน้ำนะ ฉันจะพานายไปที่ที่นึง......นายต้องชอบ" คริสกำชับกับชานยอลพร้อมทั้งคีบเนื้อย่างพลิกไปมาเพื่อย่างให้ชานยอลทาน...
"ไปไหน....จะมืดแล้วนะ มืดๆมันจะอันตรายหรือเปล่า" ชานยอลถามคริสด้วยความกังวลเพราะบรรยากาศแถวนี้ค่อนข้างเงียบและเขาก็กลัวเรื่องความปลอดภัย
"ไม่หรอก ไม่ไกลจากที่นี่มาก ขับรถไปพักเดียวก็ถึง" ใบหน้าของคริสปรากฎรอยยิ้มละมุนเมื่อเขากำลังนึกถึงสถานที่ที่จะพาชานยอลไป
หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งชานยอลและคริสก็เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปสถานที่ที่คริสตั้งใจจะพาไป.....ชานยอล
เองก็สงสัยใคร่รู้ว่าคริสจะพาไปที่ใด....คริสก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับและขับรถไปในเส้นทางบนเขาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก
คืนนี้ดวงจันทร์สาดส่องลงมาแต่ไม่มีแสงสว่างมากพอจะให้เห็นถนนหนทางข้างหน้า....ไฟข้างทางบนภูเขายังมีติดตั้งกันอยู่เรียงราย.....แต่เมื่อคริสขับรถขึ้นเขามาสักพักไฟข้างทางที่ติดตั้งก็ห่างกันออกไปเรื่อยๆ.....ชานยอลนั่งมองบรรยากาศข้างทางซึ่งก็ดูไม่น่ากลัวมากนัก...อาจจะเป็นเพราะว่ามีคริสอยู่ข้างๆเขา....
คริสขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็จอดรถลงช้าๆที่หน้าผาแห่งหนึ่ง.....จุดชมวิวของเมืองเมืองนี้.....สถานที่นี้ในเวลาพลบค่ำไม่มีพวกชาวบ้านเข้ามารบกวนเพราะส่วนมากต้องเป็นคนมีรถถึงจะเดินทางสะดวกและอีกอย่างวันนี้ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่วันหยุดสำหรับการท่องเที่ยว.....
จุดที่ทั้งคริสและชานยอลนั่งอยู่ในรถตอนนี้มองเห็นรอบบริเวณทั้งผืนน้ำทะเลสีฟ้าครามกว้าง บรรยากาศรอบข้างค่อยๆมืดลงเผยให้เห็นดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า คืนนี้ดาวเยอะมากกว่าปกติเนื่องจากดวงจันทร์ที่ไม่สว่างมากนัก....ทำให้ไม่มีแสงอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจจากดวงดาวไปได้....
"ที่นี่ชื่อว่า...ผาขอพรดวงดาว" คริสพูดพร้อมกับหันไปยิ้มละมุนให้กับชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆเขา....
"มันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะบรรยากาศสวยงามที่เห็นรอบๆเมืองนี้....ฉันเลยพานายมาดู...."
"เหตุผลหลักอีกอย่างคือ....ที่นี่เคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคู่รัก...คู่รักที่กำลังจะพลัดพรากเนื่องจากถูกกีดกันเรื่องความรัก
แต่แล้วเขาทั้งสองก็ได้มาที่นี่ด้วยกัน เขาทั้งสองเห็นดาวตกและขอพรด้วยกัน หลังจากที่ขอพรครั้งนั้น เขาทั้งสองก็สมหวังและไม่พลัดพรากจากกันอีก........ชื่อของผานี้ถูกตั้งขึ้นจากคู่รักคู่นั้น....ส่วนชื่อของคนที่ตั้งชื่อผานี้ก็จารึกอยู่ตรงนั้น ......คู่รักทั้งสองสมหวังในความรัก น่ายินดีด้วยนะ"
คริสเล่าประวัติของผานี้ให้ชานยอลฟังด้วยความรู้สึกศรัทธาในความรักของคนทั้งสอง.....เขาไม่รู้ว่าเรื่องเล่านี้จริงเท็จแค่ไหนแต่เขาอยากจะพาชานยอลมาที่นี่ตามความเชื่อของชาวบ้านแถวนี้
ชานยอลนั่งฟังเรื่องเล่าของคริสพร้อมทั้งมองบรรยากาศรอบๆมันดูสวยและโรแมนติคมาก ทั้งสิ่งที่คริสเล่ารวมถึงการ
ที่คริสพาเขามาที่นี่ด้วย....
"พวกเขาโชคดีนะ" ชานยอลพูดพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าคมสันของคริส อนาคตข้างหน้าความรักของเขาทั้งสองจะเป็นอย่างไรยังไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้.....
"ถ้าคู่เราโชคดีอย่างคู่เขา คืนนี้เราคงจะได้เห็นดาวตกและขอพรด้วยกัน" คริสเงยหน้าขึ้นไปมองดูท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับและหวังว่าคืนนี้ฝันของเขาและชานยอลจะเป็นจริง....
หลังคารถสปอร์ตของคริสเปิดกว้างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และเพื่อดูดาวในคืนนี้.....ท้องฟ้าปรากฎดวงดาวนับร้อยดวง
เสียงจิ้งหรีดรวมถึงแมลงๆต่างๆล้วนขับกล่องและส่งเสียงร้องเบาๆ...บรรยากาศในตอนนี้มันเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมกับคู่รักชัดๆ
"หนาวมั้ย" คริสเอ่ยถามกับชานยอลเมื่อมีลมเย็นๆพัดผ่านตัวเขามาเบาๆ
เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตนเองมาคลุมร่างของชานยอลไว้เพื่อกันหนาว.....พร้อมกับลูบไปที่ศรีษะของชานยอลเบาๆทุกสัมผัสของคริสบ่งบอกถึงความอ่อนโยนที่คริสมีให้ต่อชานยอล....คงถึงเวลาสำคัญแล้วที่เขาจะมอบสิ่งของสำคัญที่เขาเตรียมไว้ให้ชานยอล
คริสตัดสินใจเอื้อมมือของเขาไปที่ลิ้นชักข้างๆพวงมาลัยเพื่อหยิบเอากล่องนาฬิกาที่เขาเลือกซื้อให้ชานยอลไว้นานแล้วก่อนที่จะเกิดเรื่องระหว่างเขากับชานยอล กล่องนาฬิกาสีดำเงาสนิท....คริสมองมันและอมยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของชานยอลด้วยสายตาที่อ่อนโยน
"ชานยอล ฉันรอจะให้นายหลายวันแล้วแต่ไม่มีโอกาส เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดนาย ...ฉัน...อยากมอบมันให้กับนายในวันเกิด"
"เอาเป็นว่าพอนายเกิดมาวันแรกก็เจอฉันเลยละกันนะ ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในวันที่นายเกิดมาเจอฉันวันแรก"
คริสยื่นกล่องนาฬิกาให้ชานยอล เขารับมันไว้ไปถือพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชานยอลค่อยๆเปิดกล่องออกและเห็นนาฬิกา
เรือนสวยฝังเพชร สิ่งที่ทำให้ชานยอลตื้นตันคือภาพในหน้าปัดของนาฬิกาเป็นรูปหน้าต่างบานเล็กๆที่มีหิมะโปรยปรายลงมาตรงหน้าต่าง.......ชานยอลยิ้มออกมาและมองไปที่ใบหน้าของคริสที่กำลังยิ้มเขินๆ....
"มัน....มีคุณค่าเกินไป....มันไม่เหมาะกับฉันหรอกคริส"
....ชานยอลพูดกับคริสเบาๆและมีน้ำตามาคลอเล็กน้อยที่ดวงตากลมโตของชานยอล....ชานยอลไม่เคยคิดมาก่อนว่าคริสจะมีมุมที่เขาไม่เคยรู้จักแบบนี้....
"นายอย่าพูดเหมือนตัวเองไม่มีค่าสิชานยอล.....นายมีค่าเสมอสำหรับฉัน...."
"นาฬิกาเรือนนี้เป็นตัวแทนฉัน....ฉันอยากจะใช้เวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่กับนายนะชานยอล"
"....ฉัน...เอ่อ...จะพูดยังไงดี"
คริสยกมือของเขาขึ้นเสยผมและเลียริมฝีปากช้าๆคิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงคำต่อไปว่าเขาจะพูดออกมาดีหรือไม่ คำที่ชานยอลอาจจะต้องการฟัง...แต่เขา...จะกล้าพูดมั้ย...
"ชานยอล...ฉัน..ไม่รู้ว่านายอยากฟังมันไหม...แต่ฉัน....."
"...เอ่อ....รักนายนะ...ปาร์คชานยอล....ฉันรักนาย"
คริสพรูลมหายใจออกมาและพูดโดยไม่มองหน้าของชานยอลเขาแกล้งมองออกไปข้างหน้าเพื่อระงับความเขินอายของตัวเองแม้การกระทำหลายอย่างของคริสจะดูอบอุ่นและดูจริงใจกับชานยอลแต่เมื่อเขาต้องพูดอะไรออกมาตรงๆ
เขาก็ต้องรวบรวมความกล้าของเขามากเช่นกัน.....
ชานยอลเงียบไป.......ไม่มีเสียงตอบของชานยอลออกมาจนคริสต้องหันไปมองที่ใบหน้าของชานยอลอีกครั้ง....
ชานยอลยังคงมองไปที่นาฬิกาเรือนนั้นพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตของเขา....เขารู้แล้ว...
รู้สิ่งที่คริสตั้งใจทำทั้งหมดเพื่อเขาแล้ว ชานยอลกำลังซาบซึ้งและอึ้งกับสิ่งที่คริสกำลังมอบให้เขา มันอบอุ่นและซึมผ่านเข้าไปจากร่างกายและลึกถึงจิตใจภายในของเขาแล้ว....
"ร้องไห้ทำไม" คริสคว้าแขนของชานยอลดึงให้หันมามองหน้าเขา....ด้วยความตกใจ
"คริส........ฉันขอบใจมากสำหรับทุกอย่าง ฉันรู้แล้ว ขอบใจมาก"
ชานยอลยังคงร้องไห้ออกมาและโผเข้ากอดคริสที่นั่งอยู่ข้างๆเขา.....ด้วยความรู้สึกขอบคุณ...ขอบคุณที่ดีกับเขาแม้เขาจะเป็นแค่คนธรรมดาที่ดูไม่มีค่าแค่คนนึงก็ตาม.....
"คุณผู้จัดการอย่าร้องไห้สิครับ" คริสใช้นิ้วมือเรียวยาวของเขาเกลี่ยไปตามน้ำตาใสๆของชานยอลเพื่อเช็ดมันออกเบา
พร้อมกับจูบซับไปที่ดวงตาคู่สวยของชานยอล.....