ชานยอลที่ยืนร้องไห้อยู่ เริ่มออกเดินอีกครั้ง สองขาเดินตามหาคริสไปในทิศทางที่ไร้จุดหมาย ตลอดทางที่เดินไปร่างโปร่งก็จะคอยเรียกหาร่างสูงไปด้วย
“พี่หมอ พี่หมอ ฮึก ไม่อยู่คนเดียว พี่หมอไปไหน” ร่างโปร่งฝังหน้าตัวเองกับตุ๊กตากบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมากัดนิ้วตัวเอง พร้อมกับหันซ้าย หันขวา มองหาคริส แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ร่างสูง แต่เป็นผู้หญิงสองคนที่กำลังชี้หน้าเขาอยู่ ร่างโปร่งยืนมองงงๆ ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผู้หญิง ผู้หญิง ผมยาว สวย เหมือนพี่อลิซ พี่อลิซ” ชานยอลยิ้มกว้างดีใจ คิดว่าพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนกับอลิซ พี่สาวของคริส ซึ่งนั่นอาจจะช่วยเขาตามหาร่างสูงเจอ ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปหา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อทั้งสองตะโกนประโยคอันแสนโหดร้ายใส่หน้าเขา
“เฮ้ยเธอ นั่นไงคนบ้าคนนั้น!!!”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่คนบ้า ไม่! ไม่ใช่ ไม่บ้า ผมไม่บ้า” หยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ชานยอลยกสองมือปิดหู พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“บ้าแน่ๆ เธอ โรงบาลเขาจะมาจับให้รึยัง”
“ใกล้ถึงแล้ว” ตากลมเบิกโพล่งทันทีเมื่อได้ยินว่าจะมีคนมาจับ
“ใครมา ใครมา ไม่เอา ไม่เอา ผู้ชายใจร้าย ผู้ชายใจร้ายจับผม ไม่ไม่ ผมไม่บ้า ไม่บ้าๆ อย่านะ ไม่ ไม่เอา” ชานยอลเริ่มคลุ้มคลั่ง วิ่งหนีเตลิดลึกเข้าไปในตัวห้างฯ พยายามหนีให้ไกลจากผู้หญิงที่สั่งให้ผู้ชายใจร้ายมาจับตัวเขา ภาพในวันวานหวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อครั้งที่เขาหนีออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะอยากที่จะกลับบ้าน ร่างโปร่งกำลังเดินอยู่ริมถนนที่คราค่ำไปด้วยร้านค้าสายหนึ่ง ตากลมมองซ้ายมองขวา เพื่อจะหาทางกลับบ้าน แต่แน่นอน ทางที่เขาไปมันไม่ใช่ทางไปบ้านของเขา มันแค่ดูเกือบคล้ายใกล้เคียงเท่านั้น ระหว่างที่สองขาเรียวกำลังเดินลึกเข้าไปมากขึ้น จู่ๆเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นข้างหลังเขา ร่างโปร่งหันกลังกลับไปดู ก่อนจะเจอกับบุรุษพยาบาลจากโรงพยาบาลสองคน ทันทีที่พวกเขาเห็นชานยอลก็รีบวิ่งตามมา เขาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก กว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องหนี ก็ถูกผู้ชายใจร้ายพวกนั้นจับได้แล้ว
“จับได้แล้ว ฮ่าฮ่า คนบ้าอย่างแกรึจะฉลาดเท่าคนปกติอย่างฉัน”
“ไป! กลับบ้านแกกันเถอะ”
“บ้าน! บ้าน! พาผมกลับบ้านหรอ กลับไปหาม๊า กลับไปหาทุกคนหรอ กลับบ้านๆ” ชานยอลยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำว่าบ้าน
“ฮ่าฮ่า ไอ้คนบ้าโง่ บ้านแกนะมันโรงบาลบ้า ได้ยินมั้ย ว่าโรงบาลบ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า แกมันบ้า!!!”ชานยอลส่ายหน้ารัว หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียน เขาพยายามที่จะยกมือขึ้นปิดหู แต่หนึ่งในผู้ชายใจร้ายพวกนั้นก็กระชากมือเขาออกเสียก่อน ชายอีกคนตะโกนใส่หูเขาซ้ำๆ
“คนบ้า แกมันบ้า บ้า บ้า เสียสติ ไม่ปกติ ไม่มีใครรักแกหรอก แกมันบ้า”
“ฮึก ไม่ ไม่บ้า ไม่บ้านะ ผมไม่บ้า ทุกคนรักผม ทุกคนรัก” ชานยอลเริ่มทุบตีต่อสู้คนพวกนั้น ทำทุกวิถีทางเพื่อจะหลุดพ้น แต่สุดท้ายเขากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู้ชายใจร้ายทั้งสองคน เอาผ้ามามัดมือเขา พร้อมกับคาดผ้าไว้ที่ปากของเขา ก่อนจะลากเขากลับไปที่โรงบาลบ้า.....
ชานยอลค่อยๆวิ่งช้าลงจนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนมาเหลือแค่เดินช้าๆเท่านั้น ตลอดเวลาที่เดิน ร่างโปร่งก็จะหันหลังกลับไปมองดูทางที่จากมา กลัวว่าจะมีคนตามเขาเจออีก กลัวว่าจะมีคนจับเขาไปอีก หัวใจอันบอบบางค่อยๆสั่นระริกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาเขย่ามัน จิตใจของเขากำลังกลัวถึงขีดสุด คนคนเดียวที่เป็นที่พึ่งตอนนี้ก็กลับทิ้งเขาไปอีก ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้ว เหลือแต่ตุ๊กตากบสีเขียวที่เป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เด็กๆ ที่เขารักมันมากเพราะมันคือสิ่งเดียวในชีวิตที่ไม่เคยว่าเขาเลย ไม่เคยว่าว่าเขา.....บ้า
มือเรียวกอดตุ๊กตากบไว้แน่น พร้อมกับออกเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่แล้วสองขายาวก็หยุดอยู่หน้าช็อปขายเสื้อผู้ชายยี่ห้อหนึ่ง มือเรียวกำเสื้อตัวนึงไว้แน่น ก่อนจะดึงมันเข้ามากอด พร้อมกับซุกหน้าลงไป
“เสื้อ เสื้อ เหมือนของพี่หมอ พี่หมอ”
“คุณคะ มีอะไรให้ นี่คุณ กอดไว้แบบนั้นไม่ได้นะคะ”เสียงพนักงานคนหนึ่งดุชานยอล ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“ของพี่หมอ ของพี่หมอนะ ของพี่หมอ”
“คะ อะไรของคุณเนี่ย อยากได้ก็ซื้อสิคะ ไม่ใช่มากอดแบบนี้ เห็นมั้ยเสื้อมันเลอะน้ำตาคุณหมดแล้ว”
“ซื้อ ซื้อ ซื้อหรอ เท่าไร”
“ตัวนี้108,200 วอนค่ะ” ชานยอลรีบล่วงเงินที่แอบขโมยคริสมาในกระเป๋ากางเกง มือเรียวยื่นแบงค์ยับยู่ยี่นั้นให้พนักงาน เธอหยิบส่วนที่เกินออกมาก่อนจะส่งกลับคืนให้ด้วยท่าทางไร้มารยาท ก่อนจะเดินเอาเสื้อตัวนั้นไปที่โต๊ะแคชเชียร์ ชานยอลรีบเดินตามทันที
“นี่คุณจะเดินตามทำไม”
“กลัวหาย”พนักงานคนนั้นจิ๊ย์ปากขัดใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบยัดเสื้อใส่ถุงแล้วยื่นให้ชานยอล มือเรียวรีบเปิดออก หยิบเสื้อขึ้นมากอดแนบอก ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
สองขาเรียวพาร่างของเจ้าของเดินไปเรื่อยๆ ตากลมคอยมองหาเสื้อผ้าที่เหมือนของคริสอยู่ตลอดเวลา เขาเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นสักพัก สุดท้ายก็ไม่เจออะไรนอกจากเสื้อในมือตัวนี้ ร่างโปร่งมองมันก่อนจะร้องไห้อีกครั้ง คิดถึงเจ้าของเสื้อตัวนี้จับใจ แนบแก้มตัวเองกับพื้นผ้าที่ไม่มีกลิ่นของคริส หัวสมองพยายามนึกถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ร่างสูงชอบใช้ อย่างน้อยเสื้อนี่ก็เหมือนของคริส อย่างน้อยมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้ได้
ชานยอลเดินร้องไห้อยู่อย่างนั้น ตลอดทางที่เดินมาก็จะคอบสอดส่ายสายตามองหาร่างของคริสไปด้วย แต่ยิ่งพยายามหาเท่าไร ก็ยิ่งพบแต่ความผิดหวัง แต่แล้วจู่ๆพระเจ้าก็เข้าข้าง เขาเห็นคริสยืนอยู่ที่หน้าร้านขายยาร้านหนึ่ง ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปหาทันที พี่หมอของเขากำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่ หัวใจดวงน้อยๆเต้นรัว ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอพี่หมออีกครั้ง ร่างโปร่งฉีกยิ้มพร้อมกับกว้างโผเข้า
กอด.....
ชานยอลกระพริบตามองคริสที่ล้มลงไปถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆปล่อยโฮออกมา แต่ที่ร้องไห้ ไม่ใช่เพราะมันคือหุ่นกระดาษ เขาแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่านี่ไม่ใช่คริสจริงๆ ที่ร้องเพราะคิดว่าคริสจะเจ็บที่ตัวเองดันเผลอกอดแรง ทำคริสล้ม
“พี่หมอ พี่หมอล้ม พี่หมอเจ็บ พี่หมอเจ็บมั้ย” ชานยอลรีบจับหุ่นกระดาษขึ้นมาตั้งเหมือนเดิม ดวงตากลมมองหน้าคริสด้วยความกังวล กลัวว่าจะเจ็บ กลัวว่าตัวเองจะถูกโกรธ
“พี่หมอ ผมขอโทษ พี่หมอเจ็บมั้ย พี่หมอ” มือเรียวจับแขนหุ่นกระดาษ พร้อมกับมองหาแผลตามตัวของคริส
“พี่หมอ โกรธหรอ ทำไมไม่ตอบ พี่หมอโกรธ โกรธหรอ ขอโทษ” ชานยอลเบ้ปาก น้ำตาค่อยๆไหลริน ก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นสะอื้นหักอย่างหนัก
“พี่หมอโกรธ ผมดื้อ ผมทำพี่หมอเจ็บ ผมขอโทษ ฮึก” มือเรียวเขย่ามือกระดาษของคริสอยู่อย่างนั้น หวังจะให้ร่างสูงตอบกลับเขามา เสียงโวยวายของชานยอลเริ่มดังไปถึงข้างในร้าน เภสัชฯหญิง
คนหนึ่งเดินออกมาดู เธอมองชานยอลด้วยความสงสาร
“คุณคะ คุณ”
“ฮึก อย่าว่าผมนะ ผมแค่ง้อพี่หมอ ผมไม่ได้ทำผิดนะ อย่าว่านะ”
“คุณเป็นคนไข้ของหมอคนนี้หรอคะ”
“ไม่ใช่คนไข้นะ เราเป็นแฟน ฮึก เราเป็นแฟน ในความฝันเมื่อคืนนี้ แต่พี่หมอ ฮึก พี่หมอไม่รักผม พี่หมอทิ้งผม แล้วตอนนี้พี่หมอก็กำลังโกรธ ฮึก ผมทำพี่หมอล้ม” เธอมองชานยอลที่ร้องไห้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นี่คงจะหลงกับคุณหมอคริส พอมาเห็นหุ่นกระดาษนี่เลยคิดว่าเจอคริสแล้วล่ะมั้ง เธอยืนดูชานยอลสักพักก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน
ชานยอลสวมเสื้อเชิร์ตสีขาวให้กับหุ่นกระดาษ ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวนั่งลงกับพื้น มือเรียวยื่นไปจับมือกระดาษของคริส ตากลมเฝ้ามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดอยู่อย่างนั้น
“พี่หมอ ผมขอโทษ โกรธหรอ ไม่ตอบเลย ผมขอโทษ”คำขอโทษที่ถูกเอ่ยซ้ำๆไม่เคยมีสักครั้งที่ได้รับการตอบกลับ หัวใจดวงน้อยค่อยๆห่อเหี่ยว ไร้กำลังใจลงเรื่อยๆ ชานยอลพิงศรีษะกับหุ่นกระดาษ ตากลมเหลือบมองหน้าคริสเป็นระยะๆ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานราวสองชั่วโมง ชานยอลยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พูดคุยกับมันราวกับว่ามันเป็นพี่หมอของเขาจริงๆ ผู้คนที่เดินผ่านไปแถวนั้นได้แต่มองมาที่เขา บ้างสงสาร บ้างตกใจรังเกรียจ แต่ชานยอลไม่เคยสนใจสายตาเหล่านั้นเลย เขาสนใจแต่สายตาที่แข็งกระด้างของหุ่นกระดาษเท่านั้น ทำไมนะ ทำไมพี่หมอถึงไม่ตอบเขาเลย พี่หมอคงจะโกรธใช่มั้ยที่เขาดื้อ ที่เขาทำพี่หมอล้ม แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากแกล้งพี่หมอเลย ทำไมพี่หมอต้องโกรธเขาถึงขนาดนี้...
“พี่หมอ พี่หมอโกรธผมมากเลยหรอ”
“เงียบอีกแล้ว พี่หมอเอาแต่เงียบ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก ขอโทษนะ ผมขอโทษ”หยาดน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง
“ฮึก เพราะผมชอบแกล้ง เพราะผมนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ พี่หมอก็เลยโกรธใช่มั้ย เพราะผม ฮึก........เพราะผมบ้าพี่หมอก็เลยทิ้งผมไว้ พี่หมอ พี่หมอตอบผมสิ พี่หมอ ฮึก” ชานยอลเขยามือหุ่นกระดาษแรงหลายๆที จนมันขาด ร่างโปร่งเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องไห้อย่างหนัก
“ผมขอโทษ ผมทำพี่หมอขาด ฮือ พี่หมอจะเกลียดผมมั้ย ฮึก พี่หมอ พี่หมอเงียบ พี่หมอไม่รักผมแล้ว พี่หมอเกลียดผมแล้ว พี่หมอเกลียดผมแล้ว” ชานยอลยกมือปิดหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา ลำพังแค่ไม่รักก็ว่าแย่แล้ว แต่ถ้าจะให้รับรู้ว่าเกลียด เขาคงรับไม่ไหวจริงๆ.....
“ฮึก ฮือ คนบ้า คนบ้า ไม่มีใครรักคนบ้า สติ สติ ผมจะตามหาสตินะพี่หมอ ตามตอนนี้เลยก็ได้ พี่หมอ” ยิ่งไม่มีเสียงตอบกลับ ชานยอลก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ตากลมที่เคยสดใส ตอนนี้กลับช้ำแดงก่ำเสียจนหน้ากลัว กลีบปากอิ่มเอาแต่ร้องเรียกหาพี่หมอๆ พร้อมกับเอ่ยคำง้อซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เสียงสะอื้นหักของเขาดังแววไปไกลกระทบหูของชายคนหนึ่ง รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เขารีบออกวิ่งตามเสียงนั้นทันที
“จะได้พากลับโรงบาลสักที” ขณะที่วิ่งไป ก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาใครอีกคนไปด้วย
“นี่ ฉันเจอคนไข้ที่ผู้หญิงคนนั้นแจ้งเข้ามาแล้ว ลงมาช่วยกันจับกลับโรงบาลเร็ว”พูดจบก็กดตัดสายไป ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าร้านขายยา แม้ภาพเบื้องหน้าจะดูน่าสงสารสักเพียงไหน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับบุรุษพยาบาลอย่างเขา!!!
สองขารีบรุดเข้าหาชานยอล ก่อนจะกระชากร่างโปร่งขึ้นมาจากพื้นอย่างแรง
“เจอตัวสักที หนีออกมาได้ยังไงเนี่ย” ชานยอลเบิกตาโพล่ง บุรุษพยาบาลที่อยู่ตรงหน้านี่ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันลืม คนคือหนึ่งในผู้ชายใจร้ายสองคนวันนั้น!!!
“ไม่ไป ไม่ไป ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอา”
“ไปเถอะน่า คนบ้าอย่างแกต้องอยู่ในโรงบาลสิ ไม่ใช่ในห้าง กลับได้แล้ว ฉันตามหาแกจนเหนื่อยแล้วนะ”
“ไม่ ไม่บ้า ผมไม่บ้า ฮึก อย่าพูดนะ ผมไม่บ้า” สองแขนทั้งตีทั้งต่อย พยายามจะหนีออกจากการเกาะกุม
“นี่! ฤทธิ์เยอะจริง อยากให้ฉันใช้กำลังรึไง ไอ้คนบ้า!!!”
“ฮึก ไม่บ้านะ ไม่ ไม่บ้า ปล่อยผม ปล่อยผมนะ ผมจะอยู่กับพี่หมอ” ชานยอลเอื้อมมือไขว่คว้าหาหุ่นกระดาษของคริส พร้อมทั้งหันไปปัดป่ายผู้ชายคนนั้นออกไป
“แกนี่! ทำฉันเสียเวลามานานแล้วนะ คนบ้า กลับโรงบาลได้แล้ว!!!!” ชานยอลหันกลับไปฟาดมือใส่บุรุษพยาบาล โชคดีที่มันเข้าเป้า แต่โชคร้ายที่ชายคนนั้นหมดความอดทนแล้ว มือใหญ่เงื้อขึ้นกลางอากาศเตรียมจะตบหน้าชานยอล แต่แล้วก็ต้องชะงักมือมีมือหนึ่งยื้อไว้เสียก่อน
“คุณจะทำอะไรคนของผม” คริสมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ชายคนนั้นพอเห็นว่าเป็นใครก็ชักมือกลับเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันที
“อ่าว คนไข้ของคุณหมอคริสหรอครับ // พี่หมอ!!! พี่หมอ พี่หมอ พูดแล้ว พี่หมอ!! พี่หมอ” ชานยอลยิ้มกว้าง กระโดดไปกระโดดมาอย่างดีใจที่ได้ยินเสียงคริส ร่างสูงเอื้อมมือไปจับมือชานยอลแน่นก่อนจะดึงให้เข้ามาใกล้ตัวเอง
“พี่หมอมาหาแล้วนะ” คริสหันไปยิ้มให้ชานยอล ก่อนจะหันกลับไปจ้องหน้าบุรุษพยาบาลคนนั้น
“เขาไม่ใช่คนไข้ของผมครับ” ทั้งชายคนนั้นและชานยอลต่างนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของคริส หนึ่งแปลกใจ อีกหนึ่งกำลังเสียใจ
“พี่หมอ....”
“ถ้าไม่ใช่ งั้นผมก็ขอพากลับโรงพยาบาลนะครับ ไป ไอ้คนบ้า” มือใหญ่หยาบกร้านอันแสนน่าทุเรศทุรังนั่น กระชากข้อมือของชานยอล ก่อนจะพาเดินออกไป ร่างโปร่งเดินตามแต่โดยดี หมดแล้วซึ่งแรงขัดขืน หัวใจของเขามันเจ็บปวดไปหมด...
“เขาไม่ใช่คนไข้ของผม แต่เขาเป็นแฟนผม”คริสเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับดึงชานยอลให้มาหลบอยู่ข้างหลัง
“พี่หมอ.....”
“ถ้าผมไม่อนุญาตให้ไป ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้!!!” แววตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าของบุรุษพยาบาลคนนั้น จนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาที่แข็งกร้าวนั่น
“เอ่อ งั้น งั้นผมก็หมดธุระแล้ว ขอตัวนะครับ” ชายคนนั้นรีบโค้งศีรษะขอโทษขอโพย รีบหันหลังเดินหนี แต่เดินไปได้ไม่ไกลนักก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคของคริส
“ผมจะให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณ เซ็นใบเชิญออกให้นะครับ สำหรับการกระทำที่ไร้จรรยาบรรณแบบนี้” ชายคนนั้นกำมือแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เขารู้ดีว่าคริสเป็นใคร จิตแพทย์ที่ดังอันดับต้นๆของประเทศ พ่วงท้ายมาด้วยลูกเจ้าของโรงพยาบาลจิตเวชชั้นนำของเกาหลี แค่ลายเซ็นลายเซ็นเดียวก็สามารถไล่ออกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว สุดท้ายเขาจึงจำต้องจำใจเดินกลับไปแต่โดยดี
“ชานยอล หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าพี่หมอห่วงแค่ไหน ได้ยินประกาศมั้ย ทำไมไม่ไปหาพี่หมอ” พอบุคคลที่สามจากไป คริสก็รีบรัวคำถามใส่ชานยอลทันที ร่างโปร่งกระพริบตามองปริบๆ ดีใจสุดขีดจนตกอยู่ในภวังค์
“ชาน ชาน ชานยอล”
“พี่หมอ....”
“หายไปไหนมา โดนใครทำร้ายรึเปล่า”
“พี่หมอ...................พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอไม่โกรธ พี่ไม่เกลียดผมแล้วใช่มั้ย พี่หมอ พี่หมอ ฮิ ดีใจที่สุดเลย พี่หมอออออ” ชานยอลเขย่ามือหลายๆที ก่อนจะโผเข้ากอดแน่น คริสกอดตอบร่างโปร่ง ก่อนจะลูบหลังเบาๆ
“ขอโทษที่ตามเจอช้านะครับ”
“พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอ พี่หมอ ผมนั่งง้อตั้งนานกว่าจะตอบผม” คริสขมวดคิ้วงุนงง ผละออกมา มองหน้าชานยอลอย่างสงสัย
“หมายความว่าไง”
“ก็ ก็ ก็ผมกระโดดกอดพี่หมอ แล้วพี่หมอก็ล้ม แล้วพี่หมอก็โกรธ ไม่คุยกับผมเลย ผมคิดว่าพี่หมอเกลียดแล้ว พี่หมอไม่เกลียดใช่มั้ย พี่หมอรัก พี่หมอรัก พี่หมอบอกว่าผมเป็นแฟน” ชานยอลพูดไปก็ชี้ไปที่หุ่นกระดาษหน้าร้านไปด้วย
“นี่คิดว่าพี่หมอเป็นหุ่นนั้นหรอ แล้วก็นั่งง้อมันเนี่ยนะ แล้วนั่นเสื้อ.....”
“เหมือนของพี่หมอ ตอนหาไม่เจอ คิดถึงพี่หมอมาก เลยไปซื้อ ผม ผมแอบขโมยเงินพี่หมอมา แต่ว่า แต่ว่าไม่ผิดนะ ผมซื้อให้พี่หมอ ไม่ได้ใส่เอง” คริสมองหน้าชานยอลนิ่งค้างเป็นเวลานาน จนร่างโปร่งเริ่มใจเสีย
“โกรธอีกแล้วหรอ ขอโทษ” ชานยอลก้มหน้ามองรองเท้า พยายามกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาต่อหน้าคริส
“ชาน.....” คริสดึงอีกคนเข้ามากอดแน่น
“พี่หมอไม่ได้โกรธ ไม่โกรธเลย ไม่เคยเกลียดด้วย ขอโทษ ขอโทษที่ตาหาช้า ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนานๆ พี่หมอขอโทษ”
“แน่นะ ฮิ เย้ๆ พี่หมอไม่โกรธ แต่ แต่ว่า มีอีกเรื่องที่ไม่ได้บอก.....”
“เรื่องอะไร”
“ผม ผมทำมือพี่หมอขาด พี่หมอเจ็บมั้ย” ชานยอลชี้ไปที่มือของหุ่นกระดาษ คริสจับแก้มคนตรงหน้า ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาออกให้ร่างโปร่ง
“เด็กโง่ พี่หมอไม่เจ็บหรอก นั่นมันหุ่นกระดาษไม่ใช่พี่หมอจริงๆ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“เย้ เย้ พี่หมอไม่โกรธ ฮิ คุโรรรรร พี่หมอไม่โกรธล่ะ” ชานยอลกระโดดไปมา พร้อมกับหันไปพูดกับตุ๊กตากบในมือ
“ชานยอลโกรธพี่หมอมั้ยที่มารับช้า ชานยอลเกือบโดนคนใจร้ายจับไปแล้ว”คริสพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่โกรธ ไม่เคยโกรธ แล้วก็ไม่มีวันโกรธ นี่ๆ พี่หมอ ผมซื้อเสื้อมา ผมไปเจอมา มันเหมือนกับของพี่หมอ ผมร้องไห้แงๆ แล้วก็กอดมันใหญ่เลย” ชานยอลวิ่งไปหยิบเสื้อตัวนั้นมา ก่อนจะยื่นมาให้คริส
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” คริสรับเสื้อมา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น ปากหนาจูบซ้ำๆที่ขมับร่างโปร่ง แค่นึกว่าร่างนี้ต้องหวาดกลัวมากแค่ไหนตอนที่ไม่มีเขา แค่นี้หัวใจเขาก็ปวดหนึบไปหมดแล้ว
“ผมก็ขอโทษที่ดื้อ ที่เอาแต่ใจ ที่ขโมยเงิน แล้วก็.......ที่เป็นบ้า”ท้ายประโยคเสียงค่อยเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ไม่บ้า ชานยองของพี่หมอไม่ได้บ้า ห้ามคิดว่าตัวเองบ้า เข้าใจมั้ย”
“ผมตามหาสติเจอแล้วหรอ”ชานยอลถามหน้าตาตื่น
“เจอแล้ว”
“อยู่ไหน! ไหนๆ เอาสติกลับมายัดในใจผมเร็ว”
“ได้สิ”
“มันอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ตรงนี้”คริสจับมือของชานยอลก่อนจะวางทาบลงบน...........
ชานยอลกระพริบตามองปริบๆ ก่อนจะยิ้มกว้าง โน้มหน้าลงไปแนบแก้มตัวเองกับอกของอีกฝ่าย
“สติเต้นตุ้บๆ คิก ผมได้สติแล้ว แล้ว.....แล้วต้องเอามาใส่ใจตัวเองยังไง”
“แบบนี้” คริสยิ้มอบอุ่นให้ ก่อนจะจับมือของชานยอลออก จากนั้นก็วางทาบมันลงที่อกด้านซ้ายของชานยอล
“สติกับมาแล้วหรอ”
“ครับ เก็บมันไว้ให้ดีนะ แต่ถึงไม่เก็บยังไง พี่หมอก็มีให้ชานยอลตลอดเวลานั้นล่ะ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่เอา”ชานยอลส่ายหน้ารัว
“ทำไมล่ะ”
“สติมันอยู่ตรงหัวใจพี่หมอ ผมจะเก็บดีๆ ทำหายอีกเดี๋ยวพี่หมอดุเอา” คริสยิ้มละมุน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือชานยอล
“ดีแล้ว ค่ำแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
“อื้อ!!! คุโรรรรรรรร บุตะ จะกลับบ้านของเราแล้ววววว เย้ๆ กลับบ้านๆ” แล้วสองร่างก็ค่อยๆเดินออกไปจากบริเวณนั้น จนในที่สุดก็หายลับไปสู่สายตา....
ระหว่างที่พาชานยอลกลับบ้าน ผมก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ณ วินาทีที่ผมรู้ว่าหลงกับชานยอล ความรู้สึกเดียวคือมันกังวลมาก คิดมากไปหมด กลัวว่าชานยอลจะไปเจอคนใจร้าย กลัวว่าจะเจอคนจับไป กลัวว่าจะกลับบ้านไม่ถูก นั่งคิดว่าเด็กแสบจะเป็นยังไง จะร้องไห้มั้ย จะกลัวแค่ไหนที่ไม่มีผม แล้วจะเป็นอันตรายรึเปล่า ยิ่งห่างกันนานเท่าไร ผมก็ยิ่งคิดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมวิ่งไปขอให้ประชาสัมพันธ์ช่วย พอเขาทำงานช้า ผมก็โวยวาย คราบของจิตแพทย์คริสชื่อดังแทบจะพังทลาย ไม่เหลือแม้แต่เสียวของความเขร่งขรึมเลย ตอนนั้นผมเหมือนพายุทอร์นาโดดีๆนี่เองล่ะ ตลกดีเหมือนกัน ที่เราโมโหเป็นบ้าเป็นหลังได้แค่เพราะคนคนเดียว
พอไปบอกประชาสัมพันธ์เสร็จ ผมก็ออกตามหาชานยอลไปทั่วห้าง จะให้มานั่งรออยู่เฉยๆ ผมทำไม่ได้จริงๆครับ เดินหาอยู่นานหลายชั่วโมง ในที่สุดก็เจอ แวบแรกที่เห็นหน้ามัน......มัน เหมือนกับเราเจอของสำคัญที่หล่นหายไป....
ผมดีใจมาก ดีใจที่สุดแล้วมั้งในชีวิต ฮ่าๆ แต่พอหันไปเห็นไอ้ทุเรศที่กำลังจะตบชานยอล ผมก็โมโหสุดขีด ผมคงไม่ยอมให้คนไข้ของผมต้องโดนทำร้าย และมากไปกว่านั้น.......เขาคือคนสำคัญของผม
ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายชานยอลได้เด็ดขาด ไม่มีทาง ไม่รู้เมื่อไรที่ผมรู้สึกแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยากปกป้อง คิดๆมันก็ตลกดี อู๋ อี้ฟาน หมอคริสที่แทบไม่สนใจอะไรนอกจากคนไข้ แต่กลับมาหวั่นไหวให้กับ.....อ่า ชานยอลก็เป็นคนไข้ของผมนี่ งั้นผมก็คงไม่ได้ผิดคอนเซ็ปตัวเองเท่าไร แค่ผมสนใจคนไข้คนนี้......มากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
สายลมอ่อนๆยามดึกพัดผ่านมาเรียกร้องความสนใจจากผม ผมหันไปมองตามทิศทางที่ลมพัดมา สายตาสบเข้ากับวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคย นี่เรามัวแต่คิดนู่นคิดนี่จนมาถึงโรงบาลเลยหรอเนี่ย ดูท่าครั้งนี้ผมต้องจดจำไว้ในประวัติชีวิต เพราะอะไรรู้มั้ยครับ.....
ผมค่อยๆเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชานยอลช้าๆ ดูรอยยิ้มนั่นสิ ทำไมมันถึงได้สวยอย่างนี้นะ ชานยอลครับ จะรู้มั้ยว่าทำให้พี่หมอละสายตาไปไหนไม่ได้เลย มันทรมานกล้ามเนื้อตานะ ถ้าหันไปมองอย่างอื่นไม่ได้ขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบครับ......
ไม่รู้ว่าผมมองหน้าชานยอลนานเกินไป หรือเพราะชานยอลบังเอิญหันมาสบตากับผมพอดีกันแน่ ตากลมๆที่กลับมาสดใสระยิบระยับอย่างกับมีดาวทั้งจักรวาลอัดอยู่ในนั้นกำลังจ้องมองมาที่ผม พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ที่หวานละมุน ทำไมนะ ทั้งๆที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา แต่เด็กคนนี้กลับยิ้มกว้างได้อย่างมีความสุข เหมือนไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรือกังวลอีกแล้ว
ผมมองค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานจนชานยอลเริ่มยุกยิก มือเรียวโบกไปโบกมาตรงหน้าผม ผมรวบมือเขามาจับไว้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“หายตกใจเรื่องวันนี้แล้วหรอ เห็นยิ้มกว้างเลย” ชานยอลนิ่งเงียบไป ตากลมเหลือกขึ้นข้างบน ปากอิ่มเชิดรั้นขึ้นอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“หายแล้ว แต่ว่านะ แค่มีพี่หมอ ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เพราะพี่หมอจะเป็นอุลตร้าแมนปกป้องผม”พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ เด็กคนนี้.....อุ่นใจเพราะแค่มีเราอยู่ข้างๆก็พอแล้วน่ะหรอ
“พี่หมอขอโทษนะครับ ชาน เกือบโดนไอ้บ้านั่นจับไปแล้ว”
“ถ้าพี่หมอกลัวผมหลงอีกนะ ก็นี่ไง นี่ๆ จับมือไว้ แค่นี้ก็ไม่หลงแล้ว” ชานยอลชูมือที่จับกันให้ผมดู ก่อนจะยิ้มหวาน จากนั้นก็เริ่มออกเดิน ทำไมนะ แค่เห็นเด็กคนนี้ยิ้ม ผมก็มีความสุข หุบยิ้มเงิงๆของตัวเองไม่ลงสักที เฮ้อ หรือว่าเราจะบ้าตามแล้ววะ อาจจะใช่
ผมค่อยๆเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทลงแล้ว มองดวงดาวที่เริ่มส่องแสงระยิบระยับประดับเต็มผืนผ้าสีดำไป ก็ยิ้มไปด้วย แต่ความสวยงามของพวกมันไม่สามารถตรึงสายตาผมได้เลย ยอมรับนะว่ามันสวยงามมากจริงๆ......แต่.....
“พี่หมอๆ ดาวสวยยย ดูสิ”เสียงร้องเรียกของชานยอลปลุกให้ผมหลุดออกจากภวังค์
“อื้ม อยากได้หรอ”
“อื้อ!!! ชอบดาว ดาวสวย มันกระพริบปิ๊บๆ อยากได้”
“ต้องบินไปถึงโน่นเลยหรอ” ผมชี้ไปที่ดาวดวงที่สว่างมากที่สุด
“อื้อ! อยากได้”
“อ่า......ก็ได้ๆ งั้นหลับตาก่อน เดี๋ยวพี่หมอเอามาให้” เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ ผมล่วงมือเข้าไปหยิบปากกาในกระเป๋ากางเกงที่เผลอหยิบติดมือมาจากห้อง
“จะเอามาให้แล้วนะ จะเอามาแล้วนะครับบบ พี่หมอกำลังตามจับมันอยู่”พูดไปก็เขียนข้อความบางอย่างลงในฝ่ามือของชานยอล เด็กแสบเริ่มอยากรู้ทำตัวกระโดดดึ๋งๆสองสามที เปลือกตาบางเริ่มวูบไหวไปตามดวงตาที่เคลื่อนไหว
“ได้ยังพี่หมอ”
“มาแล้วๆ มันมาแล้วๆ เอ้า โอเค ลืมตาสิครับ มันอยู่ในมือชานยอลแล้ว”
“ขอบคุณณ เย้ เย้ ได้ดาวแล้ว” ชานยอลรีบแบมือออก ยิ้มกว้างอย่างดีใจ แต่แล้วก็ทำหน้างง
“พี่หมอ มันคืออะไรอะ”
“ซิงซิง”
“หื้อ อะไรนะ”
“หว่ออ้ายหนี่ หว่อเตอะซิงซิง” ผมยิ้มให้เขา รู้อยู่แล้วว่าเด็กแสบฟังไม่ออกหรอกครับ แต่ก็ดีแล้ว.....
“พี่หมอพูดอะไร ภาษาต่างดาวหรอ พี่หมอเป็นเอเลี่ยน! เป็นเพื่อนเบ็นเท็นหรอ”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ ภาษาจีนน่ะ ฟังไม่รู้เรื่องล่ะสิ”
“พูดอะไรอะ ไม่เห็นเข้าใจ”ชานยอลขมวดคิ้ว ดูหน้าสิ ฮ่าๆ น่ารักชะมัด
“อยากเข้าใจหรอ”
“มากๆ งง คุโร กำลังไม่เข้าใจนะ”ชานยอลพยักหน้ารัว
“ก็ได้ แต่ขอไม่อธิบายให้ฟังนะครับ แต่จะทำให้ดู แต่ว่า ต้องหลับตาก่อน ถึงจะทำได้”
“หลับอีกแล้วหรอ”
“อื้ม งั้นพี่หมออธิบายไม่ได้นะ”
“อ่าๆ ก็ได้ๆ เร็วๆนะ คุโรอยากรู้มาก”
“ครับบบบบบ” เปลือกตาบางค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง ผมยิ้มให้คนที่หลับตาอยู่ ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปใกล้ จูบเบาๆที่เปลือกตา แล้วจึงผละออกมาช้าๆ ชานยอลกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบเอาคุโรปิดหน้าตัวเอง ยื่นค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเริ่มโวยวาย
“อธิบายอะไร! พี่หมอขี้โกง ไม่คุย ไม่คุย ไม่คุยด้วยแล้ว คุโร กลับห้องกัน ไม่ยุ่งไม่ยุ่ง นอนๆ นอนดีกว่า” เขินแล้วโวยวายตลอดละ ชานยอลแกล้งโมโห วิ่งหนีเข้าตึกไป....
ผมหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงวิธีอธิบายบ้าๆบอๆนั่น.......
ผมแหงนหน้ามองดวงดาวนับล้านที่แข่งกันส่องแสงประกายระยิบระยับก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จินตนาการไปถึงใบหน้าที่ยิ้มกว้างของชานยอล......
“พี่หมอ พี่หมอ ฮึก ไม่อยู่คนเดียว พี่หมอไปไหน” ร่างโปร่งฝังหน้าตัวเองกับตุ๊กตากบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมากัดนิ้วตัวเอง พร้อมกับหันซ้าย หันขวา มองหาคริส แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ร่างสูง แต่เป็นผู้หญิงสองคนที่กำลังชี้หน้าเขาอยู่ ร่างโปร่งยืนมองงงๆ ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผู้หญิง ผู้หญิง ผมยาว สวย เหมือนพี่อลิซ พี่อลิซ” ชานยอลยิ้มกว้างดีใจ คิดว่าพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนกับอลิซ พี่สาวของคริส ซึ่งนั่นอาจจะช่วยเขาตามหาร่างสูงเจอ ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปหา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อทั้งสองตะโกนประโยคอันแสนโหดร้ายใส่หน้าเขา
“เฮ้ยเธอ นั่นไงคนบ้าคนนั้น!!!”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่คนบ้า ไม่! ไม่ใช่ ไม่บ้า ผมไม่บ้า” หยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ชานยอลยกสองมือปิดหู พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“บ้าแน่ๆ เธอ โรงบาลเขาจะมาจับให้รึยัง”
“ใกล้ถึงแล้ว” ตากลมเบิกโพล่งทันทีเมื่อได้ยินว่าจะมีคนมาจับ
“ใครมา ใครมา ไม่เอา ไม่เอา ผู้ชายใจร้าย ผู้ชายใจร้ายจับผม ไม่ไม่ ผมไม่บ้า ไม่บ้าๆ อย่านะ ไม่ ไม่เอา” ชานยอลเริ่มคลุ้มคลั่ง วิ่งหนีเตลิดลึกเข้าไปในตัวห้างฯ พยายามหนีให้ไกลจากผู้หญิงที่สั่งให้ผู้ชายใจร้ายมาจับตัวเขา ภาพในวันวานหวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อครั้งที่เขาหนีออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะอยากที่จะกลับบ้าน ร่างโปร่งกำลังเดินอยู่ริมถนนที่คราค่ำไปด้วยร้านค้าสายหนึ่ง ตากลมมองซ้ายมองขวา เพื่อจะหาทางกลับบ้าน แต่แน่นอน ทางที่เขาไปมันไม่ใช่ทางไปบ้านของเขา มันแค่ดูเกือบคล้ายใกล้เคียงเท่านั้น ระหว่างที่สองขาเรียวกำลังเดินลึกเข้าไปมากขึ้น จู่ๆเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นข้างหลังเขา ร่างโปร่งหันกลังกลับไปดู ก่อนจะเจอกับบุรุษพยาบาลจากโรงพยาบาลสองคน ทันทีที่พวกเขาเห็นชานยอลก็รีบวิ่งตามมา เขาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก กว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องหนี ก็ถูกผู้ชายใจร้ายพวกนั้นจับได้แล้ว
“จับได้แล้ว ฮ่าฮ่า คนบ้าอย่างแกรึจะฉลาดเท่าคนปกติอย่างฉัน”
“ไป! กลับบ้านแกกันเถอะ”
“บ้าน! บ้าน! พาผมกลับบ้านหรอ กลับไปหาม๊า กลับไปหาทุกคนหรอ กลับบ้านๆ” ชานยอลยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำว่าบ้าน
“ฮ่าฮ่า ไอ้คนบ้าโง่ บ้านแกนะมันโรงบาลบ้า ได้ยินมั้ย ว่าโรงบาลบ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า แกมันบ้า!!!”ชานยอลส่ายหน้ารัว หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียน เขาพยายามที่จะยกมือขึ้นปิดหู แต่หนึ่งในผู้ชายใจร้ายพวกนั้นก็กระชากมือเขาออกเสียก่อน ชายอีกคนตะโกนใส่หูเขาซ้ำๆ
“คนบ้า แกมันบ้า บ้า บ้า เสียสติ ไม่ปกติ ไม่มีใครรักแกหรอก แกมันบ้า”
“ฮึก ไม่ ไม่บ้า ไม่บ้านะ ผมไม่บ้า ทุกคนรักผม ทุกคนรัก” ชานยอลเริ่มทุบตีต่อสู้คนพวกนั้น ทำทุกวิถีทางเพื่อจะหลุดพ้น แต่สุดท้ายเขากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู้ชายใจร้ายทั้งสองคน เอาผ้ามามัดมือเขา พร้อมกับคาดผ้าไว้ที่ปากของเขา ก่อนจะลากเขากลับไปที่โรงบาลบ้า.....
ชานยอลค่อยๆวิ่งช้าลงจนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนมาเหลือแค่เดินช้าๆเท่านั้น ตลอดเวลาที่เดิน ร่างโปร่งก็จะหันหลังกลับไปมองดูทางที่จากมา กลัวว่าจะมีคนตามเขาเจออีก กลัวว่าจะมีคนจับเขาไปอีก หัวใจอันบอบบางค่อยๆสั่นระริกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาเขย่ามัน จิตใจของเขากำลังกลัวถึงขีดสุด คนคนเดียวที่เป็นที่พึ่งตอนนี้ก็กลับทิ้งเขาไปอีก ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้ว เหลือแต่ตุ๊กตากบสีเขียวที่เป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เด็กๆ ที่เขารักมันมากเพราะมันคือสิ่งเดียวในชีวิตที่ไม่เคยว่าเขาเลย ไม่เคยว่าว่าเขา.....บ้า
มือเรียวกอดตุ๊กตากบไว้แน่น พร้อมกับออกเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่แล้วสองขายาวก็หยุดอยู่หน้าช็อปขายเสื้อผู้ชายยี่ห้อหนึ่ง มือเรียวกำเสื้อตัวนึงไว้แน่น ก่อนจะดึงมันเข้ามากอด พร้อมกับซุกหน้าลงไป
“เสื้อ เสื้อ เหมือนของพี่หมอ พี่หมอ”
“คุณคะ มีอะไรให้ นี่คุณ กอดไว้แบบนั้นไม่ได้นะคะ”เสียงพนักงานคนหนึ่งดุชานยอล ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“ของพี่หมอ ของพี่หมอนะ ของพี่หมอ”
“คะ อะไรของคุณเนี่ย อยากได้ก็ซื้อสิคะ ไม่ใช่มากอดแบบนี้ เห็นมั้ยเสื้อมันเลอะน้ำตาคุณหมดแล้ว”
“ซื้อ ซื้อ ซื้อหรอ เท่าไร”
“ตัวนี้108,200 วอนค่ะ” ชานยอลรีบล่วงเงินที่แอบขโมยคริสมาในกระเป๋ากางเกง มือเรียวยื่นแบงค์ยับยู่ยี่นั้นให้พนักงาน เธอหยิบส่วนที่เกินออกมาก่อนจะส่งกลับคืนให้ด้วยท่าทางไร้มารยาท ก่อนจะเดินเอาเสื้อตัวนั้นไปที่โต๊ะแคชเชียร์ ชานยอลรีบเดินตามทันที
“นี่คุณจะเดินตามทำไม”
“กลัวหาย”พนักงานคนนั้นจิ๊ย์ปากขัดใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบยัดเสื้อใส่ถุงแล้วยื่นให้ชานยอล มือเรียวรีบเปิดออก หยิบเสื้อขึ้นมากอดแนบอก ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
สองขาเรียวพาร่างของเจ้าของเดินไปเรื่อยๆ ตากลมคอยมองหาเสื้อผ้าที่เหมือนของคริสอยู่ตลอดเวลา เขาเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นสักพัก สุดท้ายก็ไม่เจออะไรนอกจากเสื้อในมือตัวนี้ ร่างโปร่งมองมันก่อนจะร้องไห้อีกครั้ง คิดถึงเจ้าของเสื้อตัวนี้จับใจ แนบแก้มตัวเองกับพื้นผ้าที่ไม่มีกลิ่นของคริส หัวสมองพยายามนึกถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ร่างสูงชอบใช้ อย่างน้อยเสื้อนี่ก็เหมือนของคริส อย่างน้อยมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้ได้
ชานยอลเดินร้องไห้อยู่อย่างนั้น ตลอดทางที่เดินมาก็จะคอบสอดส่ายสายตามองหาร่างของคริสไปด้วย แต่ยิ่งพยายามหาเท่าไร ก็ยิ่งพบแต่ความผิดหวัง แต่แล้วจู่ๆพระเจ้าก็เข้าข้าง เขาเห็นคริสยืนอยู่ที่หน้าร้านขายยาร้านหนึ่ง ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปหาทันที พี่หมอของเขากำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่ หัวใจดวงน้อยๆเต้นรัว ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอพี่หมออีกครั้ง ร่างโปร่งฉีกยิ้มพร้อมกับกว้างโผเข้า
กอด.....
หุ่นกระดาษล้มลงกับพื้น...
ที่ชานยอลกอดไม่ใช่คริสตัวจริง แต่มันคือหุ่นกระดาษพรีเซ็นเตอร์ยายี่ห้อหนึ่ง
ที่ชานยอลกอดไม่ใช่คริสตัวจริง แต่มันคือหุ่นกระดาษพรีเซ็นเตอร์ยายี่ห้อหนึ่ง
ชานยอลกระพริบตามองคริสที่ล้มลงไปถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆปล่อยโฮออกมา แต่ที่ร้องไห้ ไม่ใช่เพราะมันคือหุ่นกระดาษ เขาแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่านี่ไม่ใช่คริสจริงๆ ที่ร้องเพราะคิดว่าคริสจะเจ็บที่ตัวเองดันเผลอกอดแรง ทำคริสล้ม
“พี่หมอ พี่หมอล้ม พี่หมอเจ็บ พี่หมอเจ็บมั้ย” ชานยอลรีบจับหุ่นกระดาษขึ้นมาตั้งเหมือนเดิม ดวงตากลมมองหน้าคริสด้วยความกังวล กลัวว่าจะเจ็บ กลัวว่าตัวเองจะถูกโกรธ
“พี่หมอ ผมขอโทษ พี่หมอเจ็บมั้ย พี่หมอ” มือเรียวจับแขนหุ่นกระดาษ พร้อมกับมองหาแผลตามตัวของคริส
“พี่หมอ โกรธหรอ ทำไมไม่ตอบ พี่หมอโกรธ โกรธหรอ ขอโทษ” ชานยอลเบ้ปาก น้ำตาค่อยๆไหลริน ก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นสะอื้นหักอย่างหนัก
“พี่หมอโกรธ ผมดื้อ ผมทำพี่หมอเจ็บ ผมขอโทษ ฮึก” มือเรียวเขย่ามือกระดาษของคริสอยู่อย่างนั้น หวังจะให้ร่างสูงตอบกลับเขามา เสียงโวยวายของชานยอลเริ่มดังไปถึงข้างในร้าน เภสัชฯหญิง
คนหนึ่งเดินออกมาดู เธอมองชานยอลด้วยความสงสาร
“คุณคะ คุณ”
“ฮึก อย่าว่าผมนะ ผมแค่ง้อพี่หมอ ผมไม่ได้ทำผิดนะ อย่าว่านะ”
“คุณเป็นคนไข้ของหมอคนนี้หรอคะ”
“ไม่ใช่คนไข้นะ เราเป็นแฟน ฮึก เราเป็นแฟน ในความฝันเมื่อคืนนี้ แต่พี่หมอ ฮึก พี่หมอไม่รักผม พี่หมอทิ้งผม แล้วตอนนี้พี่หมอก็กำลังโกรธ ฮึก ผมทำพี่หมอล้ม” เธอมองชานยอลที่ร้องไห้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นี่คงจะหลงกับคุณหมอคริส พอมาเห็นหุ่นกระดาษนี่เลยคิดว่าเจอคริสแล้วล่ะมั้ง เธอยืนดูชานยอลสักพักก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน
ชานยอลสวมเสื้อเชิร์ตสีขาวให้กับหุ่นกระดาษ ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวนั่งลงกับพื้น มือเรียวยื่นไปจับมือกระดาษของคริส ตากลมเฝ้ามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดอยู่อย่างนั้น
“พี่หมอ ผมขอโทษ โกรธหรอ ไม่ตอบเลย ผมขอโทษ”คำขอโทษที่ถูกเอ่ยซ้ำๆไม่เคยมีสักครั้งที่ได้รับการตอบกลับ หัวใจดวงน้อยค่อยๆห่อเหี่ยว ไร้กำลังใจลงเรื่อยๆ ชานยอลพิงศรีษะกับหุ่นกระดาษ ตากลมเหลือบมองหน้าคริสเป็นระยะๆ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานราวสองชั่วโมง ชานยอลยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พูดคุยกับมันราวกับว่ามันเป็นพี่หมอของเขาจริงๆ ผู้คนที่เดินผ่านไปแถวนั้นได้แต่มองมาที่เขา บ้างสงสาร บ้างตกใจรังเกรียจ แต่ชานยอลไม่เคยสนใจสายตาเหล่านั้นเลย เขาสนใจแต่สายตาที่แข็งกระด้างของหุ่นกระดาษเท่านั้น ทำไมนะ ทำไมพี่หมอถึงไม่ตอบเขาเลย พี่หมอคงจะโกรธใช่มั้ยที่เขาดื้อ ที่เขาทำพี่หมอล้ม แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากแกล้งพี่หมอเลย ทำไมพี่หมอต้องโกรธเขาถึงขนาดนี้...
“พี่หมอ พี่หมอโกรธผมมากเลยหรอ”
“เงียบอีกแล้ว พี่หมอเอาแต่เงียบ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก ขอโทษนะ ผมขอโทษ”หยาดน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง
“ฮึก เพราะผมชอบแกล้ง เพราะผมนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ พี่หมอก็เลยโกรธใช่มั้ย เพราะผม ฮึก........เพราะผมบ้าพี่หมอก็เลยทิ้งผมไว้ พี่หมอ พี่หมอตอบผมสิ พี่หมอ ฮึก” ชานยอลเขยามือหุ่นกระดาษแรงหลายๆที จนมันขาด ร่างโปร่งเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องไห้อย่างหนัก
“ผมขอโทษ ผมทำพี่หมอขาด ฮือ พี่หมอจะเกลียดผมมั้ย ฮึก พี่หมอ พี่หมอเงียบ พี่หมอไม่รักผมแล้ว พี่หมอเกลียดผมแล้ว พี่หมอเกลียดผมแล้ว” ชานยอลยกมือปิดหน้า ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา ลำพังแค่ไม่รักก็ว่าแย่แล้ว แต่ถ้าจะให้รับรู้ว่าเกลียด เขาคงรับไม่ไหวจริงๆ.....
“ฮึก ฮือ คนบ้า คนบ้า ไม่มีใครรักคนบ้า สติ สติ ผมจะตามหาสตินะพี่หมอ ตามตอนนี้เลยก็ได้ พี่หมอ” ยิ่งไม่มีเสียงตอบกลับ ชานยอลก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ตากลมที่เคยสดใส ตอนนี้กลับช้ำแดงก่ำเสียจนหน้ากลัว กลีบปากอิ่มเอาแต่ร้องเรียกหาพี่หมอๆ พร้อมกับเอ่ยคำง้อซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เสียงสะอื้นหักของเขาดังแววไปไกลกระทบหูของชายคนหนึ่ง รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เขารีบออกวิ่งตามเสียงนั้นทันที
“จะได้พากลับโรงบาลสักที” ขณะที่วิ่งไป ก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาใครอีกคนไปด้วย
“นี่ ฉันเจอคนไข้ที่ผู้หญิงคนนั้นแจ้งเข้ามาแล้ว ลงมาช่วยกันจับกลับโรงบาลเร็ว”พูดจบก็กดตัดสายไป ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าร้านขายยา แม้ภาพเบื้องหน้าจะดูน่าสงสารสักเพียงไหน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับบุรุษพยาบาลอย่างเขา!!!
สองขารีบรุดเข้าหาชานยอล ก่อนจะกระชากร่างโปร่งขึ้นมาจากพื้นอย่างแรง
“เจอตัวสักที หนีออกมาได้ยังไงเนี่ย” ชานยอลเบิกตาโพล่ง บุรุษพยาบาลที่อยู่ตรงหน้านี่ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันลืม คนคือหนึ่งในผู้ชายใจร้ายสองคนวันนั้น!!!
“ไม่ไป ไม่ไป ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอา”
“ไปเถอะน่า คนบ้าอย่างแกต้องอยู่ในโรงบาลสิ ไม่ใช่ในห้าง กลับได้แล้ว ฉันตามหาแกจนเหนื่อยแล้วนะ”
“ไม่ ไม่บ้า ผมไม่บ้า ฮึก อย่าพูดนะ ผมไม่บ้า” สองแขนทั้งตีทั้งต่อย พยายามจะหนีออกจากการเกาะกุม
“นี่! ฤทธิ์เยอะจริง อยากให้ฉันใช้กำลังรึไง ไอ้คนบ้า!!!”
“ฮึก ไม่บ้านะ ไม่ ไม่บ้า ปล่อยผม ปล่อยผมนะ ผมจะอยู่กับพี่หมอ” ชานยอลเอื้อมมือไขว่คว้าหาหุ่นกระดาษของคริส พร้อมทั้งหันไปปัดป่ายผู้ชายคนนั้นออกไป
“แกนี่! ทำฉันเสียเวลามานานแล้วนะ คนบ้า กลับโรงบาลได้แล้ว!!!!” ชานยอลหันกลับไปฟาดมือใส่บุรุษพยาบาล โชคดีที่มันเข้าเป้า แต่โชคร้ายที่ชายคนนั้นหมดความอดทนแล้ว มือใหญ่เงื้อขึ้นกลางอากาศเตรียมจะตบหน้าชานยอล แต่แล้วก็ต้องชะงักมือมีมือหนึ่งยื้อไว้เสียก่อน
“คุณจะทำอะไรคนของผม” คริสมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ชายคนนั้นพอเห็นว่าเป็นใครก็ชักมือกลับเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันที
“อ่าว คนไข้ของคุณหมอคริสหรอครับ // พี่หมอ!!! พี่หมอ พี่หมอ พูดแล้ว พี่หมอ!! พี่หมอ” ชานยอลยิ้มกว้าง กระโดดไปกระโดดมาอย่างดีใจที่ได้ยินเสียงคริส ร่างสูงเอื้อมมือไปจับมือชานยอลแน่นก่อนจะดึงให้เข้ามาใกล้ตัวเอง
“พี่หมอมาหาแล้วนะ” คริสหันไปยิ้มให้ชานยอล ก่อนจะหันกลับไปจ้องหน้าบุรุษพยาบาลคนนั้น
“เขาไม่ใช่คนไข้ของผมครับ” ทั้งชายคนนั้นและชานยอลต่างนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของคริส หนึ่งแปลกใจ อีกหนึ่งกำลังเสียใจ
“พี่หมอ....”
“ถ้าไม่ใช่ งั้นผมก็ขอพากลับโรงพยาบาลนะครับ ไป ไอ้คนบ้า” มือใหญ่หยาบกร้านอันแสนน่าทุเรศทุรังนั่น กระชากข้อมือของชานยอล ก่อนจะพาเดินออกไป ร่างโปร่งเดินตามแต่โดยดี หมดแล้วซึ่งแรงขัดขืน หัวใจของเขามันเจ็บปวดไปหมด...
“เขาไม่ใช่คนไข้ของผม แต่เขาเป็นแฟนผม”คริสเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับดึงชานยอลให้มาหลบอยู่ข้างหลัง
“พี่หมอ.....”
“ถ้าผมไม่อนุญาตให้ไป ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้!!!” แววตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าของบุรุษพยาบาลคนนั้น จนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาที่แข็งกร้าวนั่น
“เอ่อ งั้น งั้นผมก็หมดธุระแล้ว ขอตัวนะครับ” ชายคนนั้นรีบโค้งศีรษะขอโทษขอโพย รีบหันหลังเดินหนี แต่เดินไปได้ไม่ไกลนักก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคของคริส
“ผมจะให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณ เซ็นใบเชิญออกให้นะครับ สำหรับการกระทำที่ไร้จรรยาบรรณแบบนี้” ชายคนนั้นกำมือแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เขารู้ดีว่าคริสเป็นใคร จิตแพทย์ที่ดังอันดับต้นๆของประเทศ พ่วงท้ายมาด้วยลูกเจ้าของโรงพยาบาลจิตเวชชั้นนำของเกาหลี แค่ลายเซ็นลายเซ็นเดียวก็สามารถไล่ออกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว สุดท้ายเขาจึงจำต้องจำใจเดินกลับไปแต่โดยดี
“ชานยอล หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าพี่หมอห่วงแค่ไหน ได้ยินประกาศมั้ย ทำไมไม่ไปหาพี่หมอ” พอบุคคลที่สามจากไป คริสก็รีบรัวคำถามใส่ชานยอลทันที ร่างโปร่งกระพริบตามองปริบๆ ดีใจสุดขีดจนตกอยู่ในภวังค์
“ชาน ชาน ชานยอล”
“พี่หมอ....”
“หายไปไหนมา โดนใครทำร้ายรึเปล่า”
“พี่หมอ...................พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอ พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอไม่โกรธ พี่ไม่เกลียดผมแล้วใช่มั้ย พี่หมอ พี่หมอ ฮิ ดีใจที่สุดเลย พี่หมอออออ” ชานยอลเขย่ามือหลายๆที ก่อนจะโผเข้ากอดแน่น คริสกอดตอบร่างโปร่ง ก่อนจะลูบหลังเบาๆ
“ขอโทษที่ตามเจอช้านะครับ”
“พี่หมอพูดแล้ว พี่หมอ พี่หมอ ผมนั่งง้อตั้งนานกว่าจะตอบผม” คริสขมวดคิ้วงุนงง ผละออกมา มองหน้าชานยอลอย่างสงสัย
“หมายความว่าไง”
“ก็ ก็ ก็ผมกระโดดกอดพี่หมอ แล้วพี่หมอก็ล้ม แล้วพี่หมอก็โกรธ ไม่คุยกับผมเลย ผมคิดว่าพี่หมอเกลียดแล้ว พี่หมอไม่เกลียดใช่มั้ย พี่หมอรัก พี่หมอรัก พี่หมอบอกว่าผมเป็นแฟน” ชานยอลพูดไปก็ชี้ไปที่หุ่นกระดาษหน้าร้านไปด้วย
“นี่คิดว่าพี่หมอเป็นหุ่นนั้นหรอ แล้วก็นั่งง้อมันเนี่ยนะ แล้วนั่นเสื้อ.....”
“เหมือนของพี่หมอ ตอนหาไม่เจอ คิดถึงพี่หมอมาก เลยไปซื้อ ผม ผมแอบขโมยเงินพี่หมอมา แต่ว่า แต่ว่าไม่ผิดนะ ผมซื้อให้พี่หมอ ไม่ได้ใส่เอง” คริสมองหน้าชานยอลนิ่งค้างเป็นเวลานาน จนร่างโปร่งเริ่มใจเสีย
“โกรธอีกแล้วหรอ ขอโทษ” ชานยอลก้มหน้ามองรองเท้า พยายามกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาต่อหน้าคริส
“ชาน.....” คริสดึงอีกคนเข้ามากอดแน่น
“พี่หมอไม่ได้โกรธ ไม่โกรธเลย ไม่เคยเกลียดด้วย ขอโทษ ขอโทษที่ตาหาช้า ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนานๆ พี่หมอขอโทษ”
“แน่นะ ฮิ เย้ๆ พี่หมอไม่โกรธ แต่ แต่ว่า มีอีกเรื่องที่ไม่ได้บอก.....”
“เรื่องอะไร”
“ผม ผมทำมือพี่หมอขาด พี่หมอเจ็บมั้ย” ชานยอลชี้ไปที่มือของหุ่นกระดาษ คริสจับแก้มคนตรงหน้า ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาออกให้ร่างโปร่ง
“เด็กโง่ พี่หมอไม่เจ็บหรอก นั่นมันหุ่นกระดาษไม่ใช่พี่หมอจริงๆ ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“เย้ เย้ พี่หมอไม่โกรธ ฮิ คุโรรรรร พี่หมอไม่โกรธล่ะ” ชานยอลกระโดดไปมา พร้อมกับหันไปพูดกับตุ๊กตากบในมือ
“ชานยอลโกรธพี่หมอมั้ยที่มารับช้า ชานยอลเกือบโดนคนใจร้ายจับไปแล้ว”คริสพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่โกรธ ไม่เคยโกรธ แล้วก็ไม่มีวันโกรธ นี่ๆ พี่หมอ ผมซื้อเสื้อมา ผมไปเจอมา มันเหมือนกับของพี่หมอ ผมร้องไห้แงๆ แล้วก็กอดมันใหญ่เลย” ชานยอลวิ่งไปหยิบเสื้อตัวนั้นมา ก่อนจะยื่นมาให้คริส
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” คริสรับเสื้อมา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น ปากหนาจูบซ้ำๆที่ขมับร่างโปร่ง แค่นึกว่าร่างนี้ต้องหวาดกลัวมากแค่ไหนตอนที่ไม่มีเขา แค่นี้หัวใจเขาก็ปวดหนึบไปหมดแล้ว
“ผมก็ขอโทษที่ดื้อ ที่เอาแต่ใจ ที่ขโมยเงิน แล้วก็.......ที่เป็นบ้า”ท้ายประโยคเสียงค่อยเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ไม่บ้า ชานยองของพี่หมอไม่ได้บ้า ห้ามคิดว่าตัวเองบ้า เข้าใจมั้ย”
“ผมตามหาสติเจอแล้วหรอ”ชานยอลถามหน้าตาตื่น
“เจอแล้ว”
“อยู่ไหน! ไหนๆ เอาสติกลับมายัดในใจผมเร็ว”
“ได้สิ”
“มันอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ตรงนี้”คริสจับมือของชานยอลก่อนจะวางทาบลงบน...........
....ก้อนเนื้อในอกด้านซ้าย....
ชานยอลกระพริบตามองปริบๆ ก่อนจะยิ้มกว้าง โน้มหน้าลงไปแนบแก้มตัวเองกับอกของอีกฝ่าย
“สติเต้นตุ้บๆ คิก ผมได้สติแล้ว แล้ว.....แล้วต้องเอามาใส่ใจตัวเองยังไง”
“แบบนี้” คริสยิ้มอบอุ่นให้ ก่อนจะจับมือของชานยอลออก จากนั้นก็วางทาบมันลงที่อกด้านซ้ายของชานยอล
“สติกับมาแล้วหรอ”
“ครับ เก็บมันไว้ให้ดีนะ แต่ถึงไม่เก็บยังไง พี่หมอก็มีให้ชานยอลตลอดเวลานั้นล่ะ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่เอา”ชานยอลส่ายหน้ารัว
“ทำไมล่ะ”
“สติมันอยู่ตรงหัวใจพี่หมอ ผมจะเก็บดีๆ ทำหายอีกเดี๋ยวพี่หมอดุเอา” คริสยิ้มละมุน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือชานยอล
“ดีแล้ว ค่ำแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
“อื้อ!!! คุโรรรรรรรร บุตะ จะกลับบ้านของเราแล้ววววว เย้ๆ กลับบ้านๆ” แล้วสองร่างก็ค่อยๆเดินออกไปจากบริเวณนั้น จนในที่สุดก็หายลับไปสู่สายตา....
---------------------------------
ระหว่างที่พาชานยอลกลับบ้าน ผมก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ณ วินาทีที่ผมรู้ว่าหลงกับชานยอล ความรู้สึกเดียวคือมันกังวลมาก คิดมากไปหมด กลัวว่าชานยอลจะไปเจอคนใจร้าย กลัวว่าจะเจอคนจับไป กลัวว่าจะกลับบ้านไม่ถูก นั่งคิดว่าเด็กแสบจะเป็นยังไง จะร้องไห้มั้ย จะกลัวแค่ไหนที่ไม่มีผม แล้วจะเป็นอันตรายรึเปล่า ยิ่งห่างกันนานเท่าไร ผมก็ยิ่งคิดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมวิ่งไปขอให้ประชาสัมพันธ์ช่วย พอเขาทำงานช้า ผมก็โวยวาย คราบของจิตแพทย์คริสชื่อดังแทบจะพังทลาย ไม่เหลือแม้แต่เสียวของความเขร่งขรึมเลย ตอนนั้นผมเหมือนพายุทอร์นาโดดีๆนี่เองล่ะ ตลกดีเหมือนกัน ที่เราโมโหเป็นบ้าเป็นหลังได้แค่เพราะคนคนเดียว
พอไปบอกประชาสัมพันธ์เสร็จ ผมก็ออกตามหาชานยอลไปทั่วห้าง จะให้มานั่งรออยู่เฉยๆ ผมทำไม่ได้จริงๆครับ เดินหาอยู่นานหลายชั่วโมง ในที่สุดก็เจอ แวบแรกที่เห็นหน้ามัน......มัน เหมือนกับเราเจอของสำคัญที่หล่นหายไป....
ผมดีใจมาก ดีใจที่สุดแล้วมั้งในชีวิต ฮ่าๆ แต่พอหันไปเห็นไอ้ทุเรศที่กำลังจะตบชานยอล ผมก็โมโหสุดขีด ผมคงไม่ยอมให้คนไข้ของผมต้องโดนทำร้าย และมากไปกว่านั้น.......เขาคือคนสำคัญของผม
ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายชานยอลได้เด็ดขาด ไม่มีทาง ไม่รู้เมื่อไรที่ผมรู้สึกแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยากปกป้อง คิดๆมันก็ตลกดี อู๋ อี้ฟาน หมอคริสที่แทบไม่สนใจอะไรนอกจากคนไข้ แต่กลับมาหวั่นไหวให้กับ.....อ่า ชานยอลก็เป็นคนไข้ของผมนี่ งั้นผมก็คงไม่ได้ผิดคอนเซ็ปตัวเองเท่าไร แค่ผมสนใจคนไข้คนนี้......มากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
สายลมอ่อนๆยามดึกพัดผ่านมาเรียกร้องความสนใจจากผม ผมหันไปมองตามทิศทางที่ลมพัดมา สายตาสบเข้ากับวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคย นี่เรามัวแต่คิดนู่นคิดนี่จนมาถึงโรงบาลเลยหรอเนี่ย ดูท่าครั้งนี้ผมต้องจดจำไว้ในประวัติชีวิต เพราะอะไรรู้มั้ยครับ.....
เพราะผมไม่เคยคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งตลอดทางได้เลย
ผมค่อยๆเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชานยอลช้าๆ ดูรอยยิ้มนั่นสิ ทำไมมันถึงได้สวยอย่างนี้นะ ชานยอลครับ จะรู้มั้ยว่าทำให้พี่หมอละสายตาไปไหนไม่ได้เลย มันทรมานกล้ามเนื้อตานะ ถ้าหันไปมองอย่างอื่นไม่ได้ขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบครับ......
ไม่รู้ว่าผมมองหน้าชานยอลนานเกินไป หรือเพราะชานยอลบังเอิญหันมาสบตากับผมพอดีกันแน่ ตากลมๆที่กลับมาสดใสระยิบระยับอย่างกับมีดาวทั้งจักรวาลอัดอยู่ในนั้นกำลังจ้องมองมาที่ผม พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ที่หวานละมุน ทำไมนะ ทั้งๆที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา แต่เด็กคนนี้กลับยิ้มกว้างได้อย่างมีความสุข เหมือนไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรือกังวลอีกแล้ว
ผมมองค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานจนชานยอลเริ่มยุกยิก มือเรียวโบกไปโบกมาตรงหน้าผม ผมรวบมือเขามาจับไว้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“หายตกใจเรื่องวันนี้แล้วหรอ เห็นยิ้มกว้างเลย” ชานยอลนิ่งเงียบไป ตากลมเหลือกขึ้นข้างบน ปากอิ่มเชิดรั้นขึ้นอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“หายแล้ว แต่ว่านะ แค่มีพี่หมอ ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เพราะพี่หมอจะเป็นอุลตร้าแมนปกป้องผม”พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ เด็กคนนี้.....อุ่นใจเพราะแค่มีเราอยู่ข้างๆก็พอแล้วน่ะหรอ
“พี่หมอขอโทษนะครับ ชาน เกือบโดนไอ้บ้านั่นจับไปแล้ว”
“ถ้าพี่หมอกลัวผมหลงอีกนะ ก็นี่ไง นี่ๆ จับมือไว้ แค่นี้ก็ไม่หลงแล้ว” ชานยอลชูมือที่จับกันให้ผมดู ก่อนจะยิ้มหวาน จากนั้นก็เริ่มออกเดิน ทำไมนะ แค่เห็นเด็กคนนี้ยิ้ม ผมก็มีความสุข หุบยิ้มเงิงๆของตัวเองไม่ลงสักที เฮ้อ หรือว่าเราจะบ้าตามแล้ววะ อาจจะใช่
ผมค่อยๆเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทลงแล้ว มองดวงดาวที่เริ่มส่องแสงระยิบระยับประดับเต็มผืนผ้าสีดำไป ก็ยิ้มไปด้วย แต่ความสวยงามของพวกมันไม่สามารถตรึงสายตาผมได้เลย ยอมรับนะว่ามันสวยงามมากจริงๆ......แต่.....
ไม่เท่าดาวดวงเล็กๆตรงหน้าผมดวงนี้เลย
อาจไม่ได้ส่องสว่างเท่าดวงดาวสำหรับใคร แต่ก็สวยงามสุกสกาวในหัวใจของผม
อาจไม่ได้ส่องสว่างเท่าดวงดาวสำหรับใคร แต่ก็สวยงามสุกสกาวในหัวใจของผม
“พี่หมอๆ ดาวสวยยย ดูสิ”เสียงร้องเรียกของชานยอลปลุกให้ผมหลุดออกจากภวังค์
“อื้ม อยากได้หรอ”
“อื้อ!!! ชอบดาว ดาวสวย มันกระพริบปิ๊บๆ อยากได้”
“ต้องบินไปถึงโน่นเลยหรอ” ผมชี้ไปที่ดาวดวงที่สว่างมากที่สุด
“อื้อ! อยากได้”
“อ่า......ก็ได้ๆ งั้นหลับตาก่อน เดี๋ยวพี่หมอเอามาให้” เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ ผมล่วงมือเข้าไปหยิบปากกาในกระเป๋ากางเกงที่เผลอหยิบติดมือมาจากห้อง
“จะเอามาให้แล้วนะ จะเอามาแล้วนะครับบบ พี่หมอกำลังตามจับมันอยู่”พูดไปก็เขียนข้อความบางอย่างลงในฝ่ามือของชานยอล เด็กแสบเริ่มอยากรู้ทำตัวกระโดดดึ๋งๆสองสามที เปลือกตาบางเริ่มวูบไหวไปตามดวงตาที่เคลื่อนไหว
“ได้ยังพี่หมอ”
“มาแล้วๆ มันมาแล้วๆ เอ้า โอเค ลืมตาสิครับ มันอยู่ในมือชานยอลแล้ว”
“ขอบคุณณ เย้ เย้ ได้ดาวแล้ว” ชานยอลรีบแบมือออก ยิ้มกว้างอย่างดีใจ แต่แล้วก็ทำหน้างง
“พี่หมอ มันคืออะไรอะ”
“ซิงซิง”
“หื้อ อะไรนะ”
“หว่ออ้ายหนี่ หว่อเตอะซิงซิง” ผมยิ้มให้เขา รู้อยู่แล้วว่าเด็กแสบฟังไม่ออกหรอกครับ แต่ก็ดีแล้ว.....
“พี่หมอพูดอะไร ภาษาต่างดาวหรอ พี่หมอเป็นเอเลี่ยน! เป็นเพื่อนเบ็นเท็นหรอ”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ ภาษาจีนน่ะ ฟังไม่รู้เรื่องล่ะสิ”
“พูดอะไรอะ ไม่เห็นเข้าใจ”ชานยอลขมวดคิ้ว ดูหน้าสิ ฮ่าๆ น่ารักชะมัด
“อยากเข้าใจหรอ”
“มากๆ งง คุโร กำลังไม่เข้าใจนะ”ชานยอลพยักหน้ารัว
“ก็ได้ แต่ขอไม่อธิบายให้ฟังนะครับ แต่จะทำให้ดู แต่ว่า ต้องหลับตาก่อน ถึงจะทำได้”
“หลับอีกแล้วหรอ”
“อื้ม งั้นพี่หมออธิบายไม่ได้นะ”
“อ่าๆ ก็ได้ๆ เร็วๆนะ คุโรอยากรู้มาก”
“ครับบบบบบ” เปลือกตาบางค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง ผมยิ้มให้คนที่หลับตาอยู่ ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปใกล้ จูบเบาๆที่เปลือกตา แล้วจึงผละออกมาช้าๆ ชานยอลกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบเอาคุโรปิดหน้าตัวเอง ยื่นค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเริ่มโวยวาย
“อธิบายอะไร! พี่หมอขี้โกง ไม่คุย ไม่คุย ไม่คุยด้วยแล้ว คุโร กลับห้องกัน ไม่ยุ่งไม่ยุ่ง นอนๆ นอนดีกว่า” เขินแล้วโวยวายตลอดละ ชานยอลแกล้งโมโห วิ่งหนีเข้าตึกไป....
ผมหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงวิธีอธิบายบ้าๆบอๆนั่น.......
จูบที่เปลือกตา
ทางจิตวิทยามันหมายความว่า........ฉันกำลังตกหลุมรักคุณ
ทางจิตวิทยามันหมายความว่า........ฉันกำลังตกหลุมรักคุณ
ผมแหงนหน้ามองดวงดาวนับล้านที่แข่งกันส่องแสงประกายระยิบระยับก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จินตนาการไปถึงใบหน้าที่ยิ้มกว้างของชานยอล......
“หนี่ซื่อหว่อจุ้ยเหม่ยเดอะซิงซิง
หว่ออ้ายหนี่ หว่อเตอะซิงซิง ”
คุณคือดวงดาวที่สวยที่สุดในจักรวาล
ผมรักคุณ คุณดวงดาวของผม
หว่ออ้ายหนี่ หว่อเตอะซิงซิง ”
คุณคือดวงดาวที่สวยที่สุดในจักรวาล
ผมรักคุณ คุณดวงดาวของผม
แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Fri Feb 08, 2013 9:56 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง