โบราณเขาว่าไว้ ว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา
พูดงี้นี่ไม่ใช่ว่าผมจะเกิดอารมณ์นึกอยากมารักภาษาเอาตอนนี้หรอกนะครับ แต่มันเป็นเพราะ....
“พี่หมอ รูปนี้สวยมั้ย” ชานยอลพูดพร้อมกับชูรูปวาดสีเทียนขึ้นมาให้ผมดู.... คือถ้าให้ดูตอนอื่นก็คงบอกว่าสวยล่ะครับ แต่ตอนนี้คงไม่ เพราะผมกำลังจะตรวจเขาอยู่!!!
“ไว้ค่อยวาดกันทีหลังนะครับ ชานยอล ตรวจก่อนนะ”
“ไม่เอา!” เด็กแสบนั่งหน้าบูด พร้อมกับฝังหน้าตัวเองกับไอ้เขียวนั่น เฮ้อ พระเจ้าเถอะ นี่ผมจะต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อมอีกกี่ชั่วโมงกันกว่าชานยอลจะยอมให้ผมตรวจเขา
“เฮ้ออออ ชาน” ผมนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่.....เอ่อ เท่าไรไม่รู้แต่อย่างน้อยก็มากกว่าสิบครั้งละกัน ให้ตาย วันนี้จะเสร็จงานมั้ยวะเนี่ย
หลังจากที่ผมพาชานยอลเข้ามาในห้องตรวจพิเศษ สิบนาทีแรกเสียไปกับการสำรวจห้องใหม่ของชานยอล สิบนาทีต่อมาเสียไปกับการอธิบายเครื่องมือต่างๆของผม สิบนาทีต่อไปเสียไปกับการตอบคำถามของชานยอล อีกสิบนาทีถัดมาเสียไปกับการนั่งรอชานยอลพร้อม แต่ถ้าเอากันตรงๆก็นั่งรอเขาวาดรูปเสร็จล่ะครับ พระเจ้าเถอะ คุณคนไข้ครับ คือพี่หมอก็อยากจะรู้นะครับ ว่าคุณคนไข้จะหายมั้ย จะรักกันได้มั้ย เอ่อ ประโยคหลังนั่นตัดทิ้งนะครับ นึกซะว่าผมไม่เคยพูด
แต่ตอนนี้คุณคนไข้ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับหมอเลยสักนิด นอกจากจะไม่ยอมตอบคำถามอะไรของหมอแล้ว คุณคนไข้ยังยิงคำถามใส่หมอแทน...
“พี่หมอ มันไม่สวยหรอ” ขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัย เอ่อ....ไม่อยากจะยอมรับว่าน่ารัก แต่เฮ้ย นั่นไม่ใช่ประเด็นนี่หว่า ผมต้องตรวจเด็กแสบนี่ดิ่
“สวยครับสวย แต่ว่าเรามาตรวจกันก่อนดีมั้ยครับ แล้วเสร็จปุ๊บ พี่หมอจะให้วาดเต็มที่เลย”ผมพยายามฉีกยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ลึกๆก็รู้ดีว่าเงิงมาก ณ จุดๆนี้
“.......เราจะตรวจอะไรกันหรอ แล้ววาดนี่ ให้วาดทั้งห้องเลยได้มั้ย”
“ได้ครับ ตรวจนี่ก็ตรวจว่าสติของชานยอลจะกลับมามั้ยไงครับ”
“สติหรอ! ตรวจเลยตรวจ แต่ตรวจเสร็จต้องให้วาดรูปนะ ทั้งห้องเลย”
“ครับ ชานยอล” ชานยอลวางสีเทียนในมือ พร้อมกับปัดกระดาษลงพื้นทันที.....แหมะ รีบทันที
หลังจากนั้นผมก็นั่งถามคำถามทางจิตวิทยาไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วคำตอบของชานยอลอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ ถ้าคำว่าพอใช้ของคุณนั่นหมายถึง กรณีแบบนี้น่ะนะ เช่นผิดบ้าง ถูกบ้าง วกวนบ้าง ไม่สนใจบ้าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ้าง นอกเรื่องบ้าง นั่นล่ะ มันก็ถือว่า....พอใช้ทีเดียว พอใช้เครื่องมือตรวจใหม่อีกรอบได้เลยล่ะครับ นี่มันเจ๋งชะมัด
ผมหยิบรูปภาพรูปหนึ่งให้ชานยอลดู ร่างโปร่งจับจ้องมันอย่างสนใจ ยื่นหน้ามาดูใกล้ๆ คิ้วขมวดกันอย่างคนกำลังใช้ความคิด ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อีกสิบวินาทีเครื่องหน้าทุกอย่างมันต้องรวมกันแน่ เชื่อผมเถอะ
“สนใจอะไรนักหนา แค่รูปเอง ตอบได้รึยังว่าเห็นอะไร” ผมว่าก่อนจะใช้นิ้วชี้กับนิวโป้งนวดๆตรงหว่างคิ้ว ให้ชานยอลเลิกขมวดคิ้วเสียที
“เห็น เห็นชัดเลยด้วย สุดยอดเลย” ชานยอลตอบหน้าจริงจัง
“ไรสุดยอด รูปมันสวยมากนักหรอ”
“มันดูดีมากๆเลย”
“พิลึกคน ตอบได้ยัง ว่าเห็นไร”
“เห็น”ผมนั่งรอฟังคำตอบ ขอให้ตอบถูกทีเถอะ เอ่อ นี่เรากำลังหวังอะไรอยู่.....
“เห็น.....” อย่าให้ลุ้นสิครับ ชานยอลลลล
“เห็น.....” เห็นไรละ
“เห็นพี่หมอคนหล่อ....”ผมรีบพลิกรูปมาดูทันที....
รูปตัวเองตอนอยู่ปี4!!!!
พระเจ้าๆ หยิบรูปผิดได้ไงวะ หน้าแตกชนิดหมอไม่รับเย็บ โอ่ย ทำไมตอนหยิบไม่ดูเลยวะไอ้คริส หน้าแตกต่อหน้าไอ้เด็กแสบเนี่ยนะ ถึงว่า เมื่อกี้จะมองอะไรนักหนา ที่แท้ก็นั่งจ้องรูปผมนี่เอง ไม่น่าพลาดเลยเรา
ผมยิ้มแหยๆให้ชานยอลเป็นการขอโทษและกลบเกลือนเศษหน้าของตัวเอง ขณะที่ผมกำลังจะเก็บรูปลงลิ้นชัก ชานยอลก็เอื้อมมือมาปิดตาผมเสียก่อน...
จะทำไรอีกแล้วเนี่ย เด็กแสบ
ตอนนั้นเอง ชานยอลก็ยื่นหน้าไปจูบคริสในรูป ก่อนจะรีบผละออกมา จากนั้นก็เปิดตาคริสออก แต่เขาจะรู้มั้ยนะว่า.....
คริสเห็นทุกอย่างผ่านร่องนิ้วหมดแล้ว
“ตรวจต่อเลยๆ” แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ ขอละ อย่าน่ารักกว่านี้เลย ผมแอบยิ้ม ก่อนจะพยายามนั่งเก๊กทำเป็นไม่รู้เรื่องเมื่อกี้
“ไว้ค่อย ขี้เกียจชั่วขณะ”
“อ้าว ไม่ตามหาสติหรอ”
“เดี๋ยวก็ได้ตาม นี่ เมื่อกี้ปิดตาพี่หมอทำไมหรอครับ” ขอดูหน่อยสิ่ ว่าจะตอบยังไง
“ก็ ก็......ก็ คือว่า”ชานยอลอึกอัก หันซ้ายหันขวา อย่างพยายามหาตัวช่วย..... ดูหน้าเด็กแสบตอนนี้สิ ฮ่าๆ โคตรตลก ดูๆทำเข้า ปากอิ่มที่เพิ่งจูบผมในรูปเมื่อกี้ กำลังอ้าปากพงาบๆ คิดคำ
โกหกไม่ออก ไม่อยากจะบอกเลยมัน......น่าหยิกชะมัด
“ก็ไรครับชาน”
“ก็ ก็ ก็......คุโร อยากเล่นซ่อนแอบ!” ชานยอลพูดพร้อมกับหลับตาปี๋ โอ่ย อย่าโจมตีกันด้วยหน้าตาน่าหยิกแบบนั้น
“ซ่อนแอบหรอ” ผมหรี่ตามองเด็กแสบ ชานยอลรีบหลบตาทันที
“พี่หมอ ตามหาสติกัน” นั่นเปลี่ยนเรื่องๆ
“วันหลังถ้าอยากเล่นซ่อนแอบอีก บอกนะครับ จะให้ เล่น ทั้งวันเลย” พูดจบปุ๊บ เด็กแสบก็หน้าแดงทันที คงกำลังคิดอยู่ว่าจะได้......จูบผมทั้งวัน
ดูหน้าตอนนี้สิ เขินหน้าแดงไปถึงหูกางๆนั่นแล้ว ดูๆไปแล้วมันก็
...น่ารักนะ...
“อื้อ หะ หาสติกันเถอะ”ชานยอลก้มหน้าพูด ท่าทางแบบนั้นมันเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่ยากเลย เด็กแสบครับ ตอนนี้พี่หมอจะบ้าตามเราแล้วนะ ขืนให้ยิ้มพร่ำเพื่อแบบนี้อีก คาดว่าพี่หมอคงต้องรักษาตัวเองแทนแล้วล่ะครับ แล้วยาที่จะรักษาพี่หาย....ก็คงจะเป็น....
นายคนเดียว
“ตะ ตรวจกันเถอะ”ชานยอลปลุกผมออกจากภวังค์ เห็นด้วยอย่างมากเลยครับเด็กแสบ ถ้านั่งมองหน้านายเขินนานๆ มันคงไม่ดีกับ....หัวใจพี่
หลังจากนั้นผมก็นั่งตรวจชานยอลต่อไป โดยพยายามไม่หยิบรูปผิดอีก การตรวจเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ชานยอลให้ความร่วมมือมากขึ้น ไม่วอกแหวกเหมือนเมื่อกี้ ในขณะที่ผม....ดูจะเหม่อลอย นั่งมองหน้าอีกคนมากขึ้นกว่าเดิม
จบงานนี้เราคงต้องไปรักษาบ้างแล้ว
ผมใช้เวลาตรวจชานยอลต่อไปอีกราวๆชั่วโมงหนึ่งได้ ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นดี ผมบอกให้ชานยอลไปอยู่รวมกับคนอื่นๆที่ลานผู้ป่วยรวมก่อน เพราะผมจะขอนั่งอ่านผลการตรวจต่ออีกนิดหน่อย แน่นอนครับว่าตอนแรกชานยอลไม่ยอม ผมใช้เวลากล่อมต้งนานก็ยังไม่ยอมไปเสียที ก็เลยต้องไปพึ่งพยาบาลจองที่เข้าเวรพอดีให้มาช่วยกันหน่อย เรื่องว่านล้อมชาวบ้านนี่ขอให้บอกเธอเถอะครับ งานถนัดยิ่งกว่าดูแลคนไข้
เธอเข้ามาแล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างกับชานยอล สักพักหนึ่งชานยอลก็ยิ้มกว้าง ยอมเดินออกไปแต่โดยดี
“ชาน”
“ครับพี่หมอ”
“เล่นซ่อนแอบเมื่อกี้น่ะ คราวหลังเล่นกับตัวจริงนะครับ รูปไม่สมจริง” ชานยอลนิ่งไปแปบนึง ก่อนจะหน้าแดงเถือก รีบวิ่งออกจากห้องไป
“นี่ คุณหมอคะ มีอะไรกันหรอคะ” ผมยิ้มอย่างอารมณ์กีก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“จรรยาบรรณแพทย์ที่ดี ต้องไม่เปิดเผยความลับคนไข้ กับ ผู้อื่น”
“ แหม ไม่ต้องเอาจรรยาบรรณแพทย์มาอ้างเลย ไม่อยากรู้ก็ได้ค่ะ ฉันขอไปส่งคนไข้ในหัวใจ เอ๊ย ความดูแลของคุณดีกว่า” ยังไม่ทันที่ผมจะเถียงอะไรกลับไป คุณพยาบาลสาวจอมกวนประสาทก็รีบเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมได้แต่นั่งหงุดหงิดบนเก้าอี้คนเดียว
“ในหัวใจอะไรล่ะ….” โมโหอยู่ แต่ทำไมต้องยิ้มด้วยนะ.....
-------------------------------
ผมนั่งอ่านผลการตรวจประกอบกับใบ Refer ต่างๆไปจนเกือบหมด ทุกอย่างเหมือนที่คาดไว้ไม่มีผิด ผมหยิบปากกาขึ้นมา ก่อนจะเขียนสรุปผลการวิเคราะห์ทั้งหมดลงในใบRefer...
จากผลการตรวจผู้ป่วยมีโอกาสหายขาด
ประโยคนี้ผมเคยเขียนมาไม่รู้กี่สิบครั้ง แต่ทุกครั้งมันไม่ได้ทำให้ผมดีใจเท่านี้มาก่อน แต่ครั้งนี้.....ผมกับนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับประโยคที่ตัวเองเป็นคนเขียน....
“ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาด.....” ผมพูดลอยๆกับตัวเองก่อนจะจรดปากกาสั่งยาให้ชานยอล
เมื่อเขียนเสร็จผมก็เดินเอาใบสั่งยาไปให้พยาบาลที่เข้าเวรอยู่แถวนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พยาบาลจอง เจ้าเก่า คนเดิม เธอยิ้มแซวผมอย่างออกเปิดเผย ให้ตาย เธอเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ
“เอ้า เอาใบสั่งยาไปให้ห้องจ่ายยาด้วย”
“คนไข้คนไหนที่ทำให้คุณหมอสุดเฮี้ยบต้องเดินเอาใบสั่งมาให้เองเนี่ย” เธอล้อทันทีที่เห็นชื่อคนไข้ ถ้าเธอเป็นผู้ชายเหมือนผมละก็ รับรอง ผมได้เคาะหัวเธอไปเป็นของรางวัลในการพูดจาดีแบบนี้แน่
“ทำไปเถอะน่า แล้วชานยอล อยู่ที่ลานแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ คงกำลังนั่งวาดรูปเล่นที่ห้องพักของคุณหมอ”
“อ๋อ หรอ งั้นโอเค ไปล่ะ” ผมพยักหน้าเออ ออ แต่เหมอืนมีบางอย่างผิดไปนะ นั่งวาดรูป อ่าห่ะ ปกติ แต่วาดที่ห้องพักของคุณหมอ เฮ้ย นี่ไม่ปกติแล้ว
“วาดที่ห้องของผมเนี่ยนะ”
“ใช่ค่ะ น้องชานบอกอยากไปเล่นห้องคุณหมอมากกว่าอยู่รวมกับคนอื่น”
“เยี่ยมไปเลย!!” ผมบ่นก่อนจะรีบวิ่งไปหาชานยอลทั้งๆที่ยังสวมเสื้อกราวน์อยู่ ให้ตาย นั่งวาดรูปที่ห้องผม ปานนี้ห้องไม่เละไปแล้วหรอ!!!
และดูเหมือนว่าผมจะคิดถูก ทันทีที่มาถึงห้อง สิ่งแรกที่คิดได้คือ.......
นี่ห้องพักแพทย์ หรือห้องนอนเด็กอนุบาล!!!
ผนังห้องทั้งสี่ด้านมีรูปวาดสีเทียนวาดอยู่เต็มทุกพื้นที่ ทุกรูปล้วนแล้วแต่เป็นเอ่อ.....ขอวิเคราะห์แปบนึงนะครับ ว่าเขากำลังวาดรูปอะไร อ้อ รูปทุกรูปมันคือรูปผมกับไอ้ตัวแสบนั่น โอ่ย อยากจะบ้าโว้ย ชานยอลครับ คือวาดกับกระดาษก็ได้ ไม่ต้องจิตกรรมฝาผนังแบบนี้ก็ได้ ห้องนี้ของโรงบาลนะครับ ไม่ใช่ห้องของพี่หมอ ถ้าห้องของพี่หมอจะวาดทั้งห้องเลยก็ได้ พี่หมอไม่ว่า
ผมยืนกุมขมับ กลอกตาขึ้นมองเพดาน ส่วนเดียวที่ยังเป็นสีขาวสะอาดอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาชานยอลที่นั่งหันหลังละเลงกำแพงด้านนึงอยู่
“ชานครับ”
“ปี้หมอ ปี้หมอ ปี้หมอ ผมวาดรูป สวยมั้ย” หันมายิ้มแฉ่ง อวดฟันขาวๆ ปากสวยๆ น่าจูบนั่น(?) คำพูดของผมถูกกลืนหายกลับลงคอไปจนหมด ยิ้มซะแบบนี้ จะดุคงทำไม่ลง อีกอย่างเป็นคนไข้ของผม จะให้อาละวาดใส่ก็ยังไงอยู่ มันผิดจรรยาบรรณแพทย์ หรือบางที ใจจริงผมก็คงไม่อยากจะดุเขาเท่าไรนัก
“น่ารักดี แต่ นี่ลบออกมั้ย”
“ม่ายยยยยออกกกกก ติดทนนาน รูปเราไม่มีวันซีด”
“เยี่ยมไปเลย”
“เยี่ยมหรอ งั้นวาดอีก!!!”
“น่ารักที่สุด” ชานยอลหน้าแดงทันที แต่เอ่อ....เมื่อกี้ไม่ได้ชม เมื่อกี้ ประชดๆ ฮ่าๆ เอ๋อมากครับ เด็กแสบ
“เขินหรอ”
“ผมง่วง จะนอน!!!” ชานยอลรีบมุดตัวเองลงในผ้าน่วม ไม่ต้องตอบก็รู้ว่าเขินมาก ผมเดินเข้าไปใกล้ เตรียมจะดึงผ้าห่มออก ส่งผลให้คนที่ซ่อนตัวอยู่รีบดึงผ้าห่มไว้ทันที เรายื้อกันไปกันมาอยู่อย่างนั้นสักพัก จนผมเริ่มหมดความอดทน แผนพิสดารผุดขึ้นในหัว ในเมื่อไม่ออกมา.....งั้นก็เข้าไปหาก็สิ้นเรื่อง!!!
ผมมุดผ้าห่มเข้าไปหาเจ้าเด็กแสบ ทันทีที่ปลายจมูกเราสองคนแตะกัน ตากลมก็เบิกกว้างทันที คงจะไม่คิดว่าผมจะบ้ามุดเข้ามาล่ะสิ ขอโทษทีครับ บังเอิญว่าความอยากแกล้งมันอยู่เหนือภาพพจน์ของพี่หมอน่ะครับ คุณคนไข้
ผมจงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จมูกของเลยเฉียดกัน ก่อนจะเลยผ่านไปกระซิบข้างหูชานยอล
“ยังไม่ตอบคำถามเลยนะ”
“พี่หมอบุกรุกผ้าห่มผม”
“ตอบก่อนสิครับ”
“เขินหรอ แล้วเขินอะไร”
“........คือ” ชานยอลก้มหน้างุด ผมไม่ชอบระยะที่ใกล้กันขนาดนี้เลย มันเหมือนความปลอดภัยของชานยอล และจรรยาบรรณแพทย์ของผมค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
“คือว่า......” ชานยอลเลียริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่าจนกลีบปากอิ่มสีแดงแวววาวอย่างกับถูกฉาบลิปมันบางๆมา.....
“คือ....ผม เอ่อ” ชานยอลกัดปากตัวเองจนมันห้อเลือด ผมรีบลุกขึ้นจากเตียง เดินถอยห่างออกมาระยะหนึ่ง จนร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนเตียงหน้าเสีย
“พี่หมอรำคาญผมหรอ”
“เปล่า ไม่ใช่ อ่า ชานยอลกลับไปวาดรูปต่อเถอะ พี่หมอ ไม่แกล้งแล้ว” ผมเลี่ยงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แสร้งทำเป็นหยิบเอกสารนู่นนี่ขึ้นมาดู เสียงฝีเท้าของชานยอลดังแว่วมาจากข้างหลัง ร่าง
โปร่งมาหยุดนั่งลงกับพื้นใกล้โต๊ะทำงาน ผมเหลือบหันไปมองนิดหน่อยก่อนจะกลับมามองกระดาษตรงหน้าต่อ
“พี่หมอโกรธหรอ”
“เปล่าครับ” ไอ้ที่รู้สึกน่ะมันเลวร้ายยิ่งกว่าโกรธอีกชานยอล กลับไปนั่งวาดรูปต่อเถอะ อย่ามาจ้องกันตาแป๋วแบบนี้ มันหวั่นไหวครับ!!!
“พี่หมอโกรธ.....ผมขอโทษ ผม ผม....”
“กลับไปวาดรูปเถอะ นะ” อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ย อย่ากัดปาก อย่าจ้องกันแบบนั้น ถึงพี่จะเป็นหมอ แต่พี่ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดานะครับ ชานยอล!!!
“พี่หมอโกรธ ผมแค่เขิน พี่หมอ ปี้หมอ ชม” ชานยอลขมวดคิ้วทำหน้าจริงจังที่มันดู......น่ารักแปลกๆ บอกแล้วไงว่าให้หยุดทำหน้าแบบนั้น หยุดสิครับ หยุด ถึงพี่หมอจะเ)นหมอ แต่พี่หมอก็เป้นผู้ชายธรรมดานะครับ ชานยอล
“ไปวาดรูปเถอะครับชานยอล”
“ไม่ไป ปี้หมอโกรธ ต้องให้ปี้หมอหายก่อน รอแปบนึงนะ ขอคิดก่อน ง้อยังไง คิดได้แล้วจะมาง้อ รอแปบนึงนะ” เอ้อ เอาเข้าไป ดูความคิดเขาสิ น่ารักซะไม่มี
ชานยอลคลานดุ๊กดิ๊กกลับไปนั่งบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ซึ่งดูๆแล้วมันก็ไม่ได้ดูใกล้เคียงกับคำว่า นอนคิดเลยสักนิด ผมเหลือบมองร่างโปร่งเป็นระยะๆผ่านบานกระจกด้านหน้า นั่งรอไปได้สักประมาณสิบห้านาที ชานยอลก็คลานดุ๊กดิ๊กมาหา
“ขอกรรไกร กับถุงหน่อย”
“ห๊ะ”
“กรรไกร กับ ถุง เร็วๆสิพี่หมอ” ถึงผมจะงงแต่ผมก็ยื่นสองสิ่งที่เขาต้องการไป ร่างโปร่งยิ้มหวาน ก่อนจะหอบหิ้วทุกอย่างไปกองบนเตียง แล้วก็นั่งหันหลังทำอะไรบางอย่าง สักพักหนึ่งก็วิ่งมาหา พร้อมกับ.....
“ซู่....ซ่า ซู่ๆ ซี่ๆ ปาก้า ปากี้ ซู่ๆซ่าๆปากี้ ปาก้า พี่หมอซู่ซ่าปาก้าปากี้ พี่หมอเซ็กซี่ปากี้ปาก้า ซู่.....ซ่า!!!” ชานยอลร้องพร้อมสะบัดพู่ถุงพลาสติก ส่ายก้นดุ๊กดิ๊ก โอ้วววว.....
อะไรวะครับ
แล้วนั่น ร้องให้ถูก จะได้มั้ย อะไรปากี้ ปาก้า
แล้วนั่น ร้องให้ถูก จะได้มั้ย อะไรปากี้ ปาก้า
“พี่หมอทำงาน ผมเลยมาเชียร์ ฮิ” พูดพร้อมกับยิ้มทะเล้นมาให้ เอ้อ......ไอ้ใบ Refer ที่เขียนไป บางทีมันอาจจะรักษาไม่หายแล้วก็ได้นะนั่น
“คือ...”
“พี่หมอ น่ารัก คึกคักเวลาใจดี พี่หมอ ใจเย็นๆ เวลาใจดี น่ารักๆ” ร้องไปก็เต้นไปด้วยหมุนตัวติ๋วๆไปด้วย....
ไหวมั้ยเนี่ย ชานยอล
“พี่หมอ พี่หมอ หายงอนผมรึยัง นี่คุโร อุส่าคิดวิธีง้อนี่มาเลยนะพี่หมอ” ชานยอลยืนเท้าเอว จ้องหน้ากึ่งเอาเรื่องกึ่งขอร้อง สงสัยคงเต้นจนเหนื่อยแล้ว
“ยังไม่หาย เต้นต่อสิ่” ชานยอลทำหน้าบูด แต่ก็ยอมเต้นต่อ
“อย่างอนเขานะ เขานะ เขานะ เพราะฉันง้ออยู่ ง้ออยู่ ง้ออยู่ ช่วยลุ้นให้หายงอน หายงอน หายงอน ถ้าอยากเป็นแฟน (ทำไงทำไง) ต้องหายงอน (ทำไงทำไง) อย่างอนเขานะ นะ...น๊า” พอถึงท่อนรับส่ง ชานยอลก็แปลงร่างดัดเสียงเป้นอีกเสียงที่ต่างกันร้อง และแน่นอนร้องไปก็เต้นไปด้วย แต่เดี๋ยวนะครับ......เหมือนผมจะนึกอะไรดีๆออก
“ถ้าอยากเป็นแฟนต้องทำไงนะ”
“หายงอน” ชานยอลฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะยืนหอบแฮ่ก เพราะเต้นมากไป
“หรอ หายงอนแล้วได้เป็นแฟนจริงๆป่ะครับ” เด็กแสบทำหน้าคิด ก่อนจะเอ่ยตอบ
“แฟน แฟนคือที่เขาจะชุ้บๆกัน จะกอดกัน แล้วก็จับมือกันรึเปล่า.....”
“อืม ก็ประมาณนั้น”
“ไม่ให้เป็นหรอก” ดูเหมือนว่าเกมส์มันจะพลิก ไหงเป็นงี้ละเนี่ย
“อ่าว ทำไมล่ะ”
“ไม่ให้ ให้ไม่ได้หรอก มีแฟนแล้ว” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัว ว่าไงนะ มีแฟนแล้ว แล้วที่ผ่านมามันคือ.....มันคืออะไรล่ะ!!!
“มีแฟนแล้ว? หมายความว่าไง ใคร?”ชานยอลนิ่งเงียบไป ใบหน้าฉาบไปด้วยความตึงเครียด ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่าหัวใจของผมมันปวดหนึบ แล้วมันก็กำลังเต้นระรัว กำลังลุ้นว่าชานยอลจะตอบกลับมาว่ายังไง
............................
..............
........
......
...
“แฟนผมชื่อ อู๋ อี้ฟาน เราคบกันในฝันเมื่อคืนนี้” ชานยอลเงยหน้าพร้อมกับยิ้มแฉ่งให้
ณ วินาทีนั้น ผมอธิบายไม่ถูกว่ามันรู้สึกยังไง มันเหมือนวิญญาณของผมถูกพาไปสวรรค์ กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็นั่งอ้าปากหวอ มองหน้าคนตรงหน้าแบบคนที่ตกอยู่ในภวังค์ พอได้สติ ผมก็หัวเราะออกมาอย่างกับคนเสียสติ....
ที่หัวเราะไม่ใช่ตลกหรอกนะครับ
แต่เพราะ....
มีความสุขมากๆต่างหาก
แต่เพราะ....
มีความสุขมากๆต่างหาก
“คบกันแล้วหรอ”
“อื้อ! ในฝันเมื่อคืนนี้” ชานยอลตอบหน้าจริงจัง แต่แก้มใสก็ระบายสีแดงอยู่ดี ผมยิ้มให้เขาก่อนเสหน้ามองไปทางอื่น หลังจากนั้นค่อยหันกลับมามองเด็กแสบ
“งั้นตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วสิ ถูกมั้ย” ชานยอลก้มหน้างุด ก่อนจะขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมามอง
“แฟนต้องทำยังไงบ้าง” อ่า อย่าจ้องกันแบบนี้ มัน.....น่ารักเกินไป
“อืม....ก็ไปไหนด้วยกัน จับมือกัน หอมแก้มกัน จูบกัน แล้วก็ มีอะ.... เอ่อ อย่างหลังนี่ช่างมัน รวมๆก็แค่นี้”
“บะ แบบนี้หรอ….” ชานยอลจับมือผมอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนจะค่อยๆใช้มืออีกข้างแตะที่ปากของตัวเอง จากนั้นก็แตะลงบนแก้มของผม แล้วเลื่อนลงมาแตะที่ริมฝีปากของผมช้าๆ.....
นิ้วเรียวค้างที่ปากผมอยู่นาน เราทั้งคู่สบตามองกันอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา เหมือนอยู่ในความฝัน ภาพตรงหน้าดูสวยงามขึ้นมามากกว่าที่เคยเห็น หัวใจของผมเริ่มเต้นผิดจังหวะ เพราะการกระทำของใครบางคน.......
“พี่หมอ” เสียงเรียกของชานยอลปลุกให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ผมสบตากับชานยอล เด็กแสบรีบหลบตาทันที ก่อนจะชักมือกลับไป
“ผมไปซู่ซี่ปากี้ปาก้าดีฟ่า คุโรรรร ซู่ซี่ๆปากี้ปาก้า คุโร ซู่ซ่าปาก้าปากี้” ชานยอลแสร้งร้องเพลงกลบเกลื่อน
“เดี๋ยวสิ”
“มีไร ปี้หมอ”
“ชานว่าพี่หมอเป็นแฟนของชานใช่มั้ย”
“อื้อ คบกันในฝัน...เมื่อคืน”
“งั้น มานี่สิ” ชานยอลทำหน้างงแต่ก็ยอมเดินมาหาผม
“หลับตา” ชานยอลค่อยๆหลับตาตามคำพูดของผม จากนั้นผมก็ค่อยๆเลื่อนมือไปจับมือเรียว ก่อนจะใช้มืออีกข้างแตะปากตัวเอง แล้วเลื่อนไปแตะที่แก้มเนียน และกลีบปากอิ่มช้าๆ......
เปลือกตาบางเริ่มสั่นระริกด้วยความตกใจปนเขอะเขิน พอผมละสัมผัสเหล่านั้นออก ชานยอลก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ผมฉีกยิ้มให้ แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ ตากลมรีบเสมองไปทางอื่น ไม่ยอมสบตากับผม
“กลับห้อง กลับห้อง คุโรรรร บุตะ ลืมของไว้ ใช่ๆ ใช่แล้ว กลับกันเถอะคุโรรรรร” ชานยอลพยักหน้ารัวๆก่อนจะคว้าตุ๊กตากบแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป ผมมองไล่หลังไป จนแผ่นหลังบางนั้นหายลับไปสู่สายตา ผมนั่งยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ มองวิวทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิยามบ่าย พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้........
จูบกับชานยอลทางอ้อม
“ชานยอล ชานยอล ชานยอล ฮ่าๆ” ไม่ยักรู้ว่าแค่เรียกชื่อ มันก็มีความสุขได้.....
-------------------------------------------
หลังจากที่ผมนั่งบ้า ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองไปราวๆเ อ่อ เกือบชั่วโมง จู่ๆก็มีมารมาขัดขวางความสุขของเทวดาอย่างผม เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ข้างๆโต๊ะ ปลุกให้ผมกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับ
“มีไรครับพี่”
“ตอนนี้ผมออกเวรแล้ว พี่มีไร”
“อ่า เดี๋ยวนี้เลยหรอ”
“แล้วพี่จะมาเอากี่โมง”
“เอ้อๆ น้องคนนี้เคยขัดไรได้ที่ไหนล่ะครับ โอเค เดี๋ยวผมไป” ผมตอบก่อนปลายสายจะกดตัดไป เยี่ยมเลย คุณพี่สาวบังเกิดเกล้าโทรมาใช้ให้ผมไปซื้อของที่ห้างฯให้หน่อย เพราะคุณเขาไม่ว่าง (แล้วผมนี่ว่างตายเลย) น้องชายอย่างผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...ทำตาม ผมนั่งเซ็งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่คิดว่าลำลองที่สุด....
เสื้อเชิร์ตสีขาว กางเกงยีนส์
ผมเบ้ปากให้ตัวเองในกระจกเล็กน้อย นี่มันลำลองตรงไหน ถ้าเปลี่ยนยีนส์เป็นแสล็กผมก็สามารถไปเข้าเวรต่อได้เลยทีเดียว แต่ช่างมันเถอะครับ ผมตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ หยิบข้าวของที่จำเป็น เตรียมจะออกจากห้อง ขณะที่เปิดประตูออก ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชานยอลยืนอยู่ตรงนั้น
“อ่าว ชานยอล”
“พี่หมอจะไปไหน!!!”
“แล้วนี่มาได้ไง”
“ผม ไม่ๆ คุโรรร บุตะ คิดถึงพี่หมอ เลยจะมาหา แต่พี่หมอกำลังจะหนีคุโรแล้ว พี่หมอไปไหน!” ชานยอลจ้องหน้าเอาเรื่อง
“ไม่ได้จะหนีคุโรครับบบบ แต่ว่าต้องไปธุระข้างนอก”
“ไปด้วย!”
“ห๊ะ ได้ไง ไม่ได้”
“ต้องได้!!!”
“ไม่ได้”
“ได้สิ” คงไม่ต้องให้ผมบอกใช่มั้ยว่าจากนั้นเกิดอะไรขึ้น การโต้วาทีขนาดย่อมๆก็บังเกิดขึ้นที่หน้าห้องพักของคุณหมออู๋อี้ฟาน เราเถียงกันไปกันมาอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมตามใจ เด็กแสบหัวเราะคิกคักอย่างผู้มีชัย ผมยืนหน้าหงึกได้ไม่นานก็ต้องตกใจเมื่อคิดได้ว่า เหลือเวลาในการซื้อของน้อยเต็มที และถ้าไปไม่ทันพี่สาวผมล่ะก็ ตายแน่! ผมจึงผลักชานยอลเข้าไปในห้อง ไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า(เพราะถ้าไปทั้งชุดนี้คงไม่ดีแน่นอน ชุกคนไข้รพ.จิตเวช) ร่างโปร่งเลือกใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงยีนส์ โดยให้เหตุผลว่า.....
ผมจะใส่เหมือนพี่หมอ!!!
เป็นอันจบข่าว หมดข้อโต้แย้งทันที ผมยักไหล่ ฟอร์มว่าไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วในใจ.....กำลังมีความสุขอยู่ พอชานยอลเรียบร้อยดีแล้ว เราสองคนก็ออกเดินทางได้ ตลอดทางที่มาชานยอลเอาแต่ มองสิ่งแวดล้อมภายนอก พร้อมกับชี้นู่น ชี้นี่ไปด้วย คงจะไม่ค่อยได้มาเที่ยวบ่อยสินะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการพาคนไข้(กิตติมาศักดิ์)มาผ่อนคลายไปด้วยเลยก็แล้วกัน
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงห้างฯ ทันทีที่เท้าชานยอลเหยียบพื้น ตากลมก็สบเข้ากับหุ่นเบ็นเท็นตัวเท่าตึก จากนั้นร่างโปร่งก็เริ่ม....
“ปี้หมอ!!! นู่นนนน เบ็นเท็น ย๊ากกกกก แปลงร่างๆ โฟร์อาร์มมม” แล้วชานยอลก็เริ่มกดเครื่องมือแปลงร่างล่องหนบนข้อมือก่อนจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าการ์ตูนปัญญาอ่อนนั่น เยี่ยมไปเลย
ยามเขาจะได้จับเราสองคนกลับเข้าโรงบาลบ้าไปเลย....เจ๋งสุดๆ
“ชาน.....”
“โฟร์อาร์มมมมม คุโรรรรร บุตะ เราจะเป็นโฟร์อาร์ม คุโร เอาแขนมา! จะได้เป็น 4แขน” สองแขนคน อีกสองแขนกบเนี่ยนะ อืม ดีๆ สมกับเป็น เบ็นเท็นเอเลี่ยนดี
“ชาน เอ่อ ไปกันเถอะครับ พี่หมอต้องรีบนะ”
“เล่นก่อน” เยี่ยม! แล้วพอถึงเวลาพี่สาวพี่หมอจะได้เล่นพี่หมอไงครับ ชานยอล!
แม้ผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ ปล่อย ผมเดินเลี่ยงออกมายืนกอดอกมองชานยอลอยู่ห่างๆ ณ เวลานี้ สำหรับเด็กแสบไม่มีอะไรจะดีไปกว่าเบ็นเท็นอีกแล้ว ไอ้ตอนสนุกมันก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร ผมหล่อกว่าไอ้การ์ตูนเอเลี่ยนนั่นตั้งเยอะ ไม่ยักจะสนใจ ว่าแต่นี่ผม....หึงการ์ตูนอยู่หรอ เอ่อ คงไม่หรอกมั้ง
ผมปล่อยให้ชานยอลเล่นเบ็นเท็นไปเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ ร่างโปร่งก็วิ่งหน้าบึ้งเข้ามาหา เบ็นเท็นมันไม่แปลงร่างให้รึไงนั่น
“พี่หมอ! ไปกัน เบื่อแถวนี้แล้ว! เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่ออออออออออ”
“ห๊ะ อ้าว ทำไมล่ะ เบื่อเบ็นเท็นแล้วหรอ”
“ไม่ใช่ แต่เบื่อคนมองพี่หมอ เบื่อๆ ไปดีกว่า ไม่อยู่แล้ว” ผมถึงกับหลุดขำออกมา พร้อมกับลองมองออกไปรอบๆ จริงอย่างที่เด็กแสบว่า คนมองอยู่เต็มไปหมด
“หวงหรอ”
“จะแปลงร่างเป็นโฟร์อาร์มไปจัดการ มองทำไม ของผมนะ!!!”
“ฮ่าๆ ครับๆ ของชานยอลคนเดียว เฮ้ นั่น จะไปไหน ไปทางนี้ๆ” ผมรีบดึงชานยอลไปอีกทาง ร่างโปร่งเซไปตามแรงของผม ดีที่ผมไม่ได้ดึงแรงมากไปอย่างนั้นคงล้มพับลงไปแล้ว(และนั่นคงไม่ดีแน่ถ้าเด็กคนนี้จะล้มทับผม หนักตาย!) จากนั้นเราสองคนก็เดินไปซื้อของตามที่พี่สาวผมลิสมา ระหว่างที่ผมเลือกไป ชานยอลก็จะเดินล้อมหน้าล้อมหลัง ดูของนู่นที ดูของนั่นที ชอบใจอันไหนก็จะแอบหย่อนใส่ตะกร้าของผม แล้วก็ทำเนียนๆเดินดูนู่นดูนี่ต่อไป พอชานยอลเผลอผมก็จะแอบเอาของบางชิ้นออกจากตะกร้า เราเดินเลือกซื้อของไปเรื่อยๆจวนจะได้ของเกือบครบแล้ว เหลืออีกเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ผมเดินหาตามล็อกสินค้าไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง
“คริส!” พี่สาวผมวิ่งเข้ามาหาทั้งๆที่เธอยัง....สวมเสื้อกราวน์ เข้าใจว่ารีบนะ แต่ถอดก่อนมั้ยครับพี่
“ครับ”
“ซื้อครบรึยัง อ่าว แล้วนี่พาใครมาด้วย” พี่สาวผมพยักเพยิดหน้าไปทางชานยอลที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยตอบ เด็กแสบก็ชิงตอบเสียก่อน
“เป็นแฟนปี้หมอ!!! มีอะไรมั้ยเจ้าราชินีโพแดง!!!!” ชานยอลถลึงตาใส่พี่สาวของผม
“ฮ่าๆ จริงหรอ เป็นแฟนคริสน่ะหรอ”
“ใช่! จริง! คบกันในฝันเมื่อคืน! ราชินีโพแดงจะมาแย้งหรอ ไม่ให้นะ!!!” เด็กแสบจับไอ้เขียวยัดลงในตะกร้า ก่อนจะยืนเท้าเอว จ้องหน้าพี่สาวผมอย่างหาเรื่อง เอ่อ หยุดเถ่อะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง
“ชานยอล นี่คือ.....”
“ไม่ต้องๆคริส แล้วนี่ชื่อชานยอลหรอ เป็นคนไข้ของคริสงั้นสิ อ่า แล้วก็เป็นแฟนของคริสด้วยใช่มั้ย” พี่สาวผมเริ่มพูดกับชานยอล อย่างกับเด็กแสบนี่เป็นเด็กสามขวบ
“ใช่ ชื่อ ปาร์ค-ชาน-ยอล ราชินีโพแดงกลับ wonderland ไปเลยนะ อย่ามายุ่ง!”
“ฮ่าๆ น่ารักดีนะ ถ้าฉันไปwonderlandได้ก็ดีสิ แต่ฉันคงไม่ได้เป็นราชินีโพแดงหรอกนะ เพราะฉันชื่ออลิซ”
“ไม่อยากรู้!!!”
“ฮ่าๆ เธอคงต้องรู้แล้วล่ะเพราะเธอเป็นแฟนของคริส ฉันชื่ออลิซ เป็นพี่สาวของคริส” ชานยอลอ้าปากค้าง หน้าขึ้นสี ท่าทางเหล่านั้น ทำเอาผมกับพี่หลุดขำออกมา เถียงพี่สาวผมอยู่ได้ตั้งนานสอง
นาน
“ราชินีโพแดง ไม่ๆ อลิซ อลิซอินวอนเดอร์แลนนนนนนน” ชานยอลอ้าแขนก่อนจะฉีกยิ้มให้พี่สาวผม แหมะ เมื่อกี้ยังทำท่าจะฆ่าพี่ผมอยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์เร็วมาก
“ยิ้มก็สวย ฟันยังสวยอีก คริส ฉันชอบเด็กคนนี้” พี่สาวผมว่าก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้มยุ้ยๆนั่น
“พี่ชอบเพราะฟันสวยมากกว่า พี่ของพี่หมอเป็นหมอฟันน่ะครับ เลยชอบคนฟันสวยๆ” ผมหันไปบอกชานยอลที่กำลังฉีกยิ้มให้พี่สาวผมอยู่ เห็นแล้วมันขำชะมัด คนอะไรจะเอ๋อได้ขนาดนี้
“เอ้า นี่กี่โมงแล้ว พี่รีบนะคริส ยังไม่ซื้ออะไรบ้าง”
“ซองใส่เอกสาร” หลังจากนั้นเราสามคนก็เดินไปซื้อของ ระหว่างทางชานยอลก็เดินวาดรูปยุกยิกๆไปด้วย พอผมชะโงกหน้าไปดูก็รีบหลบ ไม่ยอมให้ผมเห็น สุดท้ายผมเลยปล่อยให้ชานยอลนั่งวาดรูปต่อไป เมื่อพี่สาวผมได้ของครบเราก็เดินไปจ่ายเงิน ทีแรกผมคิดว่าหน้าที่ผมจะจบอยู่แค่นั้น แต่เปล่าเลย พี่ผมใช้ให้ผมถือของไปที่รถของเธออีก ใช้งานเยี่ยงทาสจริงๆ
“วันนี้ขอบใจมาก พี่ต้องไปละ ดูแลตัวเองดีๆคริส อ๊ะ แต่คงไม่ต้องแล้วเพราะมีชานยอลดูแล้วนี่”
“พี่ครับ” ชานยอลหน้าแดงแจ๊ก้มหน้างุดๆ
“ฮ่าๆ คนไข้เธอเขินใหญ่แล้ว พี่ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะคริส ชานยอล”
“ดะ เดี๋ยว ครับ”ชานยอลรั้งพี่ผมไว้ ก่อนจะยื่นกระดาษให้
“นี่มัน.... Alice in wonderlandนี่ ฮ่าๆ คริสดูนี่สิ นายเป็นช่างทำหมวกสติเฟื่องล่ะ ชานยอลเป็นกระตายนั่น น่ารักจริงๆเลย ขอบใจนะชานยอล” ผมหยิบกระดาษนั้นมาดู มันเป็นรูปวาดสีเทียน มีอลิซ ช่างทำหมวกที่หน้าเบี้ยวๆแต่ตัวสูงกว่าทั้งสาม แล้วก็กระต่ายที่ใส่แว่นสีแป๊ดพร้อมกับถือคุโรบุตะเอาไว้ในมือ รูปไมได้สวยเท่าไร แต่มันกลับ....ทำให้ผมยิ้มไม่หุบ
“น่ารักแฮ่ะ” ชานยอลที่เขินอยู่แล้วยิ่งหน้าแดงมากขึ้น ถ้าไม่ติดว่าพี่สาวผมอยู่ ผมคงจะขอขโมยหอมแก้มนั่นไปแล้วล่ะ เฮ้ย ไม่ได้! ผิดจรรยาบรรณแพทย์ ไม่ได้เว้ย ไอ้คริส!
“ฉันจะเก็บไว้นะชานยอล ฉันไปล่ะ” พี่สาวผมยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูรถ แต่แล้วพี่ผมก็หันมากระซิบข้างหูผม
“รักษาให้หายนะคริส”
“พี่ไม่บอก ผมก็ทำอยู่แล้วล่ะ บายครับ” ผมเอื้อมมือไปปิดประตูรถให้พี่ รถคันหรูแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว พอรถคันนั้นหายลับไปแล้ว ผมก็จูงมือชานยอลเดินกลับเข้าไปในห้าง
“พี่หมอ พี่อลิซกระซิบอะไรหรอ คุโรอยากรู้”
“ความลับครับ ป่ะ ชานยอล มาเที่ยวทั้งที อยากไปไหนมั้ย วันนี้ให้ฟรีหนึ่งวัน”
“ไปทุกที่เลย”
“ห๊ะ ทุกที่เลยหรอ”
“ทุกที่.....”ชานยอลเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ทุกที่ที่มีพี่หมอ”
“ทำพี่หมอเขิน มันบาปนะครับ” อ่า ดูแก้มเขาตอนนี้สิ แดงเป็นลูกมะเขือเทศเลย ผมขอลืมจรรยาบรรณสักวินาทีหนึ่งเถอะนะครับ ในเมื่อนี่ก็ไม่ใช่เวลาทำงานแล้ว แถมอยู่นอกโรงบาลด้วย
ผมโน้มหน้าลงไปหอมแก้มชานยอล ก่อนจะค่อยๆผละออกมา
เสี้ยวหน้าที่มองเห็นตอนนี้มัน.....
น่ารักจัง
“พี่หมอ....”
“ไป ไปเที่ยวกันเถอะ”
“เดี๋ยว...” ชานยอลหอมแก้มผม ก่อนจะถอนออกไปอย่างรวดเร็ว
“แฟนเขาทำแบบนี้หรอ คิก ไปเที่ยวดีกว่า ไปเที่ยววว คุโร เที่ยวกัน” ชานยอลวิ่งนำหน้าไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนอึ้งอยู่
...ชานยอล...
อย่าทรมานหัวใจพี่หมอคนนี้นักเลย แค่นี้มันก็เต้นโครมครามตายอยู่แล้ว
อย่าทรมานหัวใจพี่หมอคนนี้นักเลย แค่นี้มันก็เต้นโครมครามตายอยู่แล้ว
ผมค่อยๆเดินตามชานยอลไป ในหัวก็คิดถึงคำพูดของพี่สาวตัวเอง
“รักษาให้หายนะคริส”
ให้ตายยังไงก็ต้องรักษาให้หายให้ได้ล่ะ ผมเลื่อนมือขึ้นไปลูบแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะมองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งนำหน้าไป
“เฮ้ นี่นึกว่าจะขโมยแล้วหนีได้หรอ กลับมาเลยเด็กแสบ!”
แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Fri Feb 08, 2013 11:49 am, ทั้งหมด 8 ครั้ง