0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำ ตอนที่1

+2
Sky_fff
0ctogus
6 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำ ตอนที่1 Empty ทะเลดำ ตอนที่1 Sat May 25, 2013 7:02 pm

0ctogus

0ctogus
Admin


มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่สุดในชีวิต



คริสที่กำลังนั่งมองบัตรเชิญสีดำขลิบทองบนโต๊ะคิดอย่างนั้น เขาไม่เคยชอบงานสังสรรค์ แล้วก็ไม่เคยคิดอยากไปร่วมงานไหนด้วยทั้งนั้นแม้ว่าเจ้าภาพจะเป็นคนสำคัญมากแค่ไหนก็ตาม และยิ่งแล้วใหญ่เมื่องานที่ไปมีพ่อเขาไปร่วมงาน แต่เมื่อบัตรเชิญร่วมงาน ‘วันเหมายัน’ มาถึง มันก็ทำให้เขาหมดข้ออ้างที่จะขอตัวไม่ไป เพราะ...




ฮาเดส





พ่อของเขาเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ แล้วในนามของลูกชาย เขาก็ควรจะไปร่วมงาน นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ดี แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหงุดหงิดรองมาจากการโดนวิญญาณตามรังควานเลยด้วยซ้ำ ร่างสูงกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพร้อมสำหรับไปงานในวันนี้




คริสยกข้อมือดูเวลา พลางคำนวณเวลาจริงของโลกใต้ภิภพ เขาจะต้องออกจากที่นี่ตอนนี้ เพื่อให้ทันเวลางานเริ่ม และแน่นอนว่าเจ้าภาพจะต้องไปก่อนเวลาจริง...




“น่ารำคาญ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดเอาไว้ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องตัวเองไป



สองขายาวพาร่างของตัวเองเดินไปตามถนนสายเดิมที่ใช้ทุกวัน และเป็นสายเดียวกับที่เขาโดนผีตามรังควานเมื่อสองเดือนก่อน แต่ที่หมายของเขาวันนี้ไม่ใช่โรงเรียนอย่างเช่นทุกวัน แต่เป็น...




สุสาน





ทางผ่านทางเดียวที่จะทำให้เขากลับ ‘บ้าน’ ได้เร็วที่สุด รองมาจากการใช้เงาในการเคลื่อนที่ คริสเดินผ่านรั้วสีดำเข้าไปยังสุสานเก่าแห่งหนึ่ง สภาพที่วังเวงและเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความตายอาจทำให้ใครหลายคนสะพรึงกลัว แต่ไม่ใช่สำหรับเขา ความตาย ความเศร้า และความผิดหวัง เป็นสามสิ่งที่เขารู้จักดียิ่งกว่าอะไรทั้งปวง...




วิญญาณหลายสิบดวงที่อยู่ในสุสานจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว ก่อนจะโค้งศีรษะ แล้วหลีกทางให้เขาอย่างเต็มใจระคนเกรงกลัว การอยู่ต่อหน้าบุตรแห่งฮาเดสถือเป็นเรื่องอันตราย แล้วยิ่งอันตรายมากขึ้นเมื่อบุตรแห่งฮาเดสกำลังหงุดหงิด...




ดวงวิญญาณที่อยู่ในบริเวณสั่นพร่าอย่างรุนแรงราวกับอารมณ์ของชายหนุ่มมีผลต่อการดำรงอยู่ของพวกเขา หนึ่งในกลุ่มวิญญาณดวงหนึ่ง ถึงกับสลายหายไปเสียเฉยๆ ความตกใจแตกตื่นเกิดขึ้นในกลุ่มวิญญาณ ก่อนที่พวกมันจะถอยห่างออกมาจากร่างสูง



คริสเหลือบตามองอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปยังหลุมศพหนึ่งที่เก่าแก่กว่าหลุมอื่นๆ เงารูปไม้กางเขนทอดตัวพาดไปบนพื้นหลวมรวมกับเงาของต้นโอ๊คจนก่อเกิดเป็นพื้นที่มืดมิดขนาดใหญ่ ขายาวก้าวเข้าไปอยู่ใต้เงาของมัน ก่อนจะค่อยๆใช้เงากลืนกินร่างตัวเอง แล้วค่อยๆสลายหายไป...




----------------------------------------





คริสมาถึงนรกได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที และสถานที่ที่เดินทางมาถึงก็นับว่าทำให้เขาหงุดหงิดได้มากขึ้นไปอีก...




ประตูนรก!!




เขาหวังให้การเดินทางของเขามีปลายทางที่ประตูพระราชวังของพ่อเขา หรืออย่างน้อยก็ที่ที่ใกล้กว่านี้ ไม่ใช่ประตูนรกที่อยู่ห่างไกลเสียขนาดนี้!!!



กรรรรรส์!!!



เสียงสุนัขหลายตัวส่งเสียงดังออกมาหลังม่านหมอกสีหม่นและกลิ่นไอแห่งความตาย น้ำเสียงของมันทรงพลังมากจนทำให้วิญญาณที่ลอยอยู่ที่ปากทางวูบไหว แต่ถึงกระนั้นดวงวิญญาณก็ยังมีกระจิตกะใจจะทำความเคารพเขา คริสเหลือบตาไปมองเล็กน้อยก่อนจะเดินฝ่าม่านหมอกเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรอุณหภูมิของอากาศก็ดูจะลดฮวบฮาบลงอย่างกะทันหัน หากแต่ม่านหมอกที่บดบังเงาทะมึนของปีศาจที่มีความสูงเท่าตึกสามชั้น และใหญ่เท่ากับเรือสำราญก็ค่อยๆจางหายไป...





โฮ่ง โฮ่ง!!!




สุนัขล่าเนื้อที่มีความสูงเท่าตึกสามชั้น และใหญ่เท่าเรือสำราญตัวหนึ่ง หมอบลงแทบเท้าเขา พร้อมกับหันหัวของพวกมันมาหา ปากกว้างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยว และน้ำลายที่เป็นพิษของมันอ้าออกกว้าง ก่อนจะกระฮึ่มเสียงเห่าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงยกมือขึ้นเป็นเชิงสั่งให้หยุด ก่อนจะเดินตรงไปหาพวกมัน เขาคงจะอยากฟังเสียงเห่าที่ร้องเรียกมากกว่านี้ ถ้าเพียงแต่....




มันไม่ได้มีสามหัว!!!




ลำพังแค่เสียงเพียงหัวเดียวก็ดังสนั่นจนอากาศแทบจะสั่นไหวแล้ว ถ้ามันเห่าพร้อมกัน เขาเกรงว่าอากาศที่อยู่บริเวณนี้จะฉุดกระชากเอาวิญญาณของผู้วายชนม์ให้แหลกสลายเอาได้




“ไว้ฉันจะมาเยี่ยมทีหลัง เซอร์บิรัส” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเลยผ่านมันไป หัวทั้งสามมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์ มันเกือบจะเห่าเรียกเขาอีกรอบ ถ้าเพียงแต่พวกมันไม่เริ่มตีกันเอง ทุกหัวพยายามจะหันมาหาเขา ด้วยตำแหน่งที่อยู่คนละทิศคนละทาง ทำให้มันเหมือนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากอะไรบางอย่าง แล้วดูท่าว่ามันจะไม่เลิกการทะเลาะครั้งนี้กันง่ายๆ




คริสตัดสินใจใช้การเคลื่อนที่ผ่านเงาอีกครั้ง แม้มันจะกินพลังของเขาไปเยอะ แต่มันก็พาเขาไปถึงได้เร็วที่สุดแล้ว ร่างสูงหยุดตัวเองที่หน้าประตูพระราชวัง ก่อนจะเหลือบมองกำแพงหินสีดำที่มีวิญญาณหลายร้อยหลายพันถูกตรึงอยู่ในนั้น ใบหน้าของพวกมันมีทั้งกรีดร้อง ร้องไห้ และตกใจสุดขีด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจได้ จำนวนที่เพิ่มขึ้นของมันต่างหากล่ะที่เขาสนใจ...




ดูท่าพ่อเขาจะขี้โมโหมากขึ้น



ไม่งั้นคงไม่มีวิญญาณถูกตรึงกลายเป็นผู้สังเกตการณ์เกิดและเครื่องประดับวังมากขนาดนี้หรอก!!!




“ท่านคริส...”เสียงเทพอารักษ์ของพ่อเขาร้องทักขึ้น ก่อนจะกระวีกระวาดเข้ามาหาเขา


“ครั้งนี้งานจะเลิกกี่โมง ไม่เลทใช่มั้ย” นั่นคือคำถามแรกของเจ้าภาพที่มาเยือนงานเลี้ยงครั้งนี้...


“ท่านพ่อของท่านเรียกพบท่านเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุข...”


“เลิกกี่โมง” เทพองค์นั้นสูดหายใจลึกอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยต่อ



“เพื่อถามไถ่สาร...”


“เลิกกี่โมง” น้ำเสียงที่เอ่ยเริ่มหวนขึ้น และดวงตาดำขลับนั้นเริ่มทอประกายสีแทงเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ



“ถามสารทุกข์สุขดิบของ....”





วูบ...





มือหนาลากผ่านร่างของเทพองค์นั้น ก่อนที่เทพผู้โชคร้ายจะค่อยๆสลายหายไปเหลือไว้แต่ชุมคลุมสีเทานั้น




“เจ้าไม่ควรทำอย่างนั้น” เสียงหนึ่งเปล่งขึ้นหลังม่านหมอกของวิญญาณและหมอกแห่งความตาย อนุภาพของมันมากพอจะช่วงชิงชีวิตของคนฟังได้เพียงการเปล่งคำออกมาแค่คำเดียว แต่นั่น....




ไม่ใช่สำหรับคริส




“แล้ววิญญาณที่กำแพงนั้นสมควรที่จะถูกฆ่าแล้วหรอครับ” ฉับพลันนั้นบรรยากาศรอบๆก็เหมือนถูกแรงกดอากาศมวลมหาศาลกดทับเสียจนบีบอัดให้หายใจไม่ออก พื้นท้องพระโรงที่เป็นหินภูเขาไฟสีดำสั่นรัวจนกลัวว่าจะพังทลาย เพดานที่คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนจะถล่มลงมาทับร่างของเขา ไอหมอกและกลิ่นไอความตายโรยตัวไปทั่วบริเวณมากจนกลืนกินวิญญาณโชคร้ายที่บังเอิญอยู่แถวนั้นไป...




คนที่จะทำอย่างนี้มีได้คนเดียว...





“หรือท่านพ่อว่าไม่จริง...”



ครืนนนน ครืนนนน




เครื่องใช้ที่เป็นอัญมณีทั้งหมดสั่นคลอนอย่างรุนแรง บางส่วนแตกกระจายกลายเป็นผุยผง บางส่วนหลอมละลายเคลือบพื้นผนังสีดำให้กลายเป็นหลายเฉดสี ทั้งเงิน ทอง หรือแม้แต่เพชรสิ่งที่แข็งแกร่ง
ที่สุดก็แหลกละเอียดเป็นผุยผงด้วยแรงอารมณ์ของคนใต้ม่านหมอก



“คริส”



“เทพนั่นไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องกลับมา ไม่เหมือนวิญญาณของคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก....” คริสพูดไปตามจริง เทพเป็นอมตะ แม้จะถูกฆ่า แต่ไม่นานเขาก็ต้องกลับมาอีกอยู่ดี ดังนั้นการสังหารเขาจึงไร้ประโยชน์ ต่างจากวิญญาณของเขา ที่เมื่อถูกปลิดอีกครั้ง มันจะไม่มีวันกลับมาอีก...



“วันนี้เป็นวันเหมายัน..........ข้าจะไม่ถือโทษเจ้า.............อยู่ที่โลกมนุษย์เจ้าเป็นยังไงบ้าง”


“มีความสุขกว่าที่นี่มาก”


“จะมีสักครั้งมั้ยที่เจ้าไม่ต่อกรกับข้า”


“หลังจากเรื่องครั้งนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว”บรรยากาศรอบๆค่อยๆบิดริ้วมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นหินสีดำค่อยๆแยกออก ก่อนที่วิญญาณผีตายโหงมากมายลอยว่อนกรีดร้องและส่งเสียงอาฆาตไปทั่วบริเวณ บางตนทึ้งวิญญาณทหารอารักษ์ขาที่เฝ้าท้องพระโรง บางตนปัดข้าวของเครื่องใช้ตกลงมาระเนระนาดเกลื่อนกลาดเต็มพื้น




ครืนนนนน ครืนนนนนน





กระแสพลังอีกสายเขย่าท้องพระโรงจนสั่นหวั่นอย่างรุนแรง เพดานห้องถล่มลงมาจนเกิดฝุ่นผลึกสีดำเต็มไปหมด ในขณะที่พื้นก็เริ่มสลายกลายเป็นผุยผง เผยให้เห็นโครงกระดูกนับร้อยนับพันที่นอนนิ่งอยู่ ฉับพลันนั้นมันก็ค่อยๆถูกปลุกขึ้นมา





กร๊อบ กร๊อบ





เสียงข้อต่อดังลั่นน่าขนลุก พวกโครงกระดูกค่อยๆบิดคอของมันไปมา เหมือนคนเป็นโรคชักกระตุก ก่อนจะดาหน้าเข้ามาหาคริส ร่างสูงปลุกโครงกระดูกที่อยู่ใกล้ก่อนจะบังคับให้มันกระแทกเหล่าโครงกระดูกของพ่อเขาจนล้มระเนระนาด ฮาเดสปลุกโครงกระดูกขึ้นมาอีก ก่อนจะสั่งให้มันพุ่งตรงเข้าหาลูกชาย ฉับพลันนั้นที่มันกำลังจะกระแทกตัวคริส จู่ๆเขาก็สั่งให้พวกมันหยุด ก่อนจะบดสลายมันเป็นผุยผง




ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ ราวกับทั้งสองฝ่ายกำลังระงับอารมณ์โกรธของตัวเองอยู่ ครั้งสุดท้ายที่คริสจำได้ว่าปะทะกับพ่อ สุสานหลวงของพระราชวังก็พังทลายแทบไม่เหลืออะไรให้ดูรู้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสุสานมาก่อนเลย...




“ไปเตรียมตัวซะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”



“ที่ไม่ทำ เพราะกลัวว่าจะเก็บซากไม่ทันงานใช่มั้ยครับ”


“คริส!!!”



“มันไม่ใช่เพราะว่ารักผมหรอก...”



“ไปเตรียมตัวซะ” ฮาเดสพยายามข่มน้ำเสียงให้นิ่งสงบมากที่สุด ก่อนจะค่อยๆคืนสภาพท้องพระโรงให้กลับเป็นอย่างเดิม แล้วสั่งให้ข้ารับใช้นำชุดมาให้คริส



“ใส่ชุดนั้นซะ ครั้งนี้ซุสกับโพไซดอนและลูกก็มางานด้วย”



“หึ” คริสหัวเราะในลำคอก่อนจะตะหวัดชุดคลุมที่ถักทอด้วยวิญญาณออกมาแล้วพลิกตัวหันหลังก่อนจะ...



“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องต้อนรับลูกของโพไซดอนอย่างดีสินะครับ” ฉับพลันนั้นชุดคลุมก็สลายกลายเป็นผุยผง...



อะไรที่พ่อเขาสั่ง เขาจะขัดมันทุกอย่าง


เพราะฮาเดสคือชายเพียงคนเดียวที่เขาจะไม่มีวันเชื่อฟัง!!!






----------------------------------------------------






“เรื่องจริงหรอเนี่ย!!!” เสียงหนึ่งร้องขึ้นเมื่อบัตรเชิญสีดำขลิบทองถูกส่งมาให้เขาถึงห้องพระราชวังใต้บาดาล



“ครับ ท่านชานยอล บัตรเชิญถูกส่งมานานแล้ว แต่ผมเพิ่งเอามาให้ท่าน ต้องขออภัยด้วย” เงือกชายโค้งศีรษะลงเพื่อเป็นการขอโทษ



“แน่ใจว่าเขาไม่ได้เชิญท่านพ่อแค่คนเดียว?” น้ำเสียงไม่แน่ใจถูกเอ่ยขึ้น ในขณะที่ผู้พูดกำลังอ่านข้อความที่อยู่ในบัตรเชิญอีกครั้ง



“แน่ใจครับ” รอยยิ้มทะเล้นและแววตาซุกซนที่แฝงความดื้อรั้นเอาไว้ฉายชัดบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างไม่ปิดบัง จนเงือกชายถึงกับเสียวสันหลังวาบ...
ดูเหมือนว่าเจ้านายของเขากำลังคิดเล่นพิเรนอีกแล้ว




“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ว่าจบก็ยันตัวลุกขึ้นไปแต่งตัวพร้อมที่จะไปงานเลี้ยง สำหรับชานยอลการถูกเชื้อเชิญให้ไปงานเลี้ยงถือเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตบ่อยนัก เพราะคงไม่มีเจ้าภาพคนไหนนึกอยากจะเชิญ เด็กที่เหมือนเป็น ‘ตัวปัญหา’ ไปร่วมงานนักหรอก งานเลี้ยงครั้งนี้จึงน่าตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ และยิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่ เมื่อสถานที่จัดงานคือ....




นรก...




เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องในพระราชวังอย่างอารมณ์ดี จนเหล่านางเงือกและสัตว์น้ำน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายไปตามทางเดิน ถึงกับหวาดระแวง ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มยิ้ม มันมักจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น...




“ถ้าเราไปก่อนท่านพ่อ ท่านคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” มันเป็นประโยคที่ไม่ได้ขอคำตอบ แต่เป็นประโยคเตือนถึงเรื่องวุ่นวายต่างหาก...



“ท่านควรจะรอท่านพ่อของท่าน เพราะการเดินทางไปนรก...”


“มันอันตรายเกินไป” เด็กหนุ่มพูดต่อประโยค แต่ไม่ได้สนใจคำเตือนสักเท่าไรนั้น ขายาวยังคงเดินไปตามทางเดินที่โรยด้วยทรายสีขาวสะอาดที่ถูกล้อมกรอบด้วยปะการังหลากสี และมีแมงกะพรุนไฟคอยให้แสงสว่างอยู่บนเพดานด้านบน



“เพราะอย่างนั้น ท่านควรจะรอนะครับ ท่านชานยอล” รอยยิ้มพรายถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนจะเขาจะพูดประโยคที่ทำเอาคนติดตามอยากจะลาออกจากหน้าที่มันเสียเดี๋ยวนี้


“ยิ่งอันตรายน่ะยิ่งสนุก”ฉับพลันนั้นกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราดก็ไหลวนรอบตัวเด็กหนุ่ม เหล่าสัตว์น้ำน้อยใหญ่รีบหลบเข้าที่กำบัง แมงกะพรุนไฟกระพริบถี่ๆก่อนจะดับไปเพราะความตกใจ เพียงชั่ววินาที่ที่เวิ้งน้ำบริเวณนั้นปั่นป่วนก่อนจะค่อยๆสงบลง พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่หายไป...



“นำเรื่องไปแจ้งท่านโพไซดอนว่าท่านชานยอลหนีไปนรกเพียงลำพัง เร็ว!!!”สิ้นเสียงคำสั่ง ทหารเงือกอีกตนก็รีบนำเรื่องไปแจ้งนายเหนือหัวทันที...





-----------------------------------------





“ผมจะถึงที่นั่นก่อนที่ท่านพ่อจะรู้ซะอีก” ชานยอลที่ลอยตัวอยู่เหนือพระราชวังของโพไซดอนเอ่ยขึ้น ณ ตำแหน่งที่เขาลอยอยู่นี้ สามารถมองเห็นความสวยงามของพระราชวังได้อย่างชัดเจน ทั้งอาคารสีขาวที่ทำจากทรายละเอียด ทั้งปะการังลากสีและไข่มุกที่ใช้ตกแต่ง แต่ความสวยงามเหล่านั้นไม่อาจกักขังสายน้ำที่รักอิสระอย่างเขาได้...




ตากลมเหลือบมองไปทางทิศใต้ก่อนจะพุ่งตัวไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ด้านหน้า เพื่อนำตัวเองไปสู่...




ทางเข้าประตูนรก




ชานยอลตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าทางเข้ามันอยู่ตรงนั้น ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาออกจะเป็นพวกหลงทางง่ายเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่ในน้ำ ก็เหมือนความสามารถในการจำสถานที่ของเขาจะแม่นยำขึ้น แม่นยำมากเสียจนเขาสามารถคำนวณเวลาที่ไปถึง และบอกได้ว่าควรใช้กระแสน้ำไหนในการเดินทางเพื่อที่จะไปให้ถึงเร็วที่สุด




เด็กหนุ่มลอยตัวสบายๆไปตามกระแสน้ำ ความจริงเขาจะใช้พลังตัวเองควบคุมน้ำแล้วพาเขาไปที่นั่นก็ได้ แต่จะทำอย่างนั้นให้เปลืองแรงทำไม ในเมื่อเขามีช่องทางด่วนพิเศษนี้แล้ว แถมช่องทางนี้สัตว์น้ำและเงือกก็ไม่ค่อยใช้เสียด้วย แหงล่ะ ใครจะกล้าใช้เส้นทางมรณะนี่กัน





ตู๊มมมม!!!




เสียงกระแสน้ำปะทะกับโขดหินขนาดใหญ่ ก่อนจะเกิดคลื่นใต้น้ำมุดตัวลงไปใต้ทะเลลึก เด็กหนุ่มรีบบังคับทางน้ำให้ไหลไปในทิศทางที่ปลอดภัย ก่อนจะลอยตัวตามมันเหมือนเดิม พรางยักยิ้มชอบใจ



ชานยอลเหลือบตาไปมองทัศนียภาพรอบๆตัว ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าสาหร่ายเคปน์ที่มีใบใหญ่และยาวหลายเมตร ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ป่าแห่งนี้มืด และทึบ อาจเรียกได้ว่าเป็นที่ที่เหมาะแก่การส่องสุ่มทำสิ่งชั่วร้ายมากๆ แต่ไม่เหมาะแก่การมาคนเดียวอย่างนี้แน่นอน....




ทัศนียภาพนั้นอยู่ในคลองสายตาของเขาต่อไปอีกราวๆครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ป่าสาหร่ายจะค่อยๆลดน้อยลง น้อยลง แล้วถูกแทนที่ด้วยหิน แต่ชานยอลไม่มีเวลาได้เพ่งมองพวกมันนานกว่านั้น เพราะจู่ๆสายน้ำก็ไหลเร็วขึ้น เสียจนเขาต้องเพ่งสมาธิอยู่กับการควบคุมมัน เพราะถ้าเขาพลาดแม้แต่นิดเดียว นั่นหมายถึงเขาจะถูกกระแสน้ำเหวี่ยงออกนอกเส้นทาง และสภาพแวดล้อมแถวนี้ก็ไม่ใช่ที่ที่ควรจะเอาร่างกายตัวเองไปกระแทกด้วยเลย...



ป่าหินงอกที่มีปลายหินคมกริบ





เด็กหนุ่มเบ้ปากก่อนจะหันกลับมาสนใจกระแสน้ำที่ไหลเป็นริ้วๆอยู่รอบตัว แล้วจัดการควบคุมให้มันไหลออกห่างจากสถานที่น่าขนลุกขนพองนั้น ทีแรกเขาก็ทำมันได้ดีอยู่หรอก แต่พอทำไปได้สักชั่วโมงมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น กระแสน้ำเหมือนถูกอีกขั้วพลังหนึ่งคอยดึงดูดให้ไหลกลับไปยังทิศทางเดิม เขาพยายามที่จะต้านมัน แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายชนะ ชานยอลหันขวับไปมองยังด้านข้างของตัวเอง คิดแน่ว่าคนที่ควบคุมอยู่จะต้องเป็นพ่อของตัวเองแน่นอน แต่เปล่า...




โพไซดอนไม่ได้อยู่ตรงนั้น




ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าไม่มีอะไรอยู่ในบริเวณนั้นเลย ไม่มีแม้กระทั่งแสงสว่าง ทุกอย่างมืดมิดเป็นเหมือนเวิ้งน้ำสีดำที่เต็มไปด้วยความวังเวง อุณหภูมิของน้ำลดต่ำลง ในขณะที่ความเร็วในการไหลก็ลดลงเรื่อยๆเช่นกัน ราวกับว่ามันกำลังรออะไรบางอย่างอยู่....




หวืด หวืดดดด





ไม่ต้องเสียเวลาคิด เมื่อผู้โดยสารที่ไม่ได้รับเชิญมาแสดงตนเองแล้ว อะไรบางอย่างที่โปร่งแสงหลายสิบหลายร้อยตัวกำลังแทรกตัวเข้ามาในกระแสน้ำ เด็กหนุ่มพยายามเพ่งมองมัน แต่เขาก็เห็นเพียงแค่ใบหน้าของมัน ปากของพวกมันอ้าออกกว้าง ดวงตากลวงโบ๋ จมูกผลุบเข้าไปในกะโหลก รวมๆแล้วลักษณะคล้ายดวงวิญญาณที่กำลังกรีดร้องอยู่...




ใช่!!!


ดวงวิญญาณที่กำลังกรีดร้อง!!!




ชานยอลสูดหายใจลึก พยายามเพ่งสมาธิควบคุมสายน้ำอีกครั้ง แต่สายน้ำก็ไม่ยอมเชื่อฟังเขาเลยสักนิด มันเหมือนถูกอำนาจบางอย่างควบคุมไว้อยู่ และมันก็ทรงพลังมากเกินกว่าที่เขาจะต้านไหว แต่นั่นยังไม่ถือว่าเลวร้ายที่สุดในตอนนี้หากเทียบกับ ฝูงดวงวิญญาณที่กรีดร้องโหยหวน และเริ่มยื่นมือหลายร้อยคู่ของมันมาดึงร่างของเขาให้ดำดิ่งสู่ก้นทะเลลึกราวกับว่ามันต้องการเอาชีวิตของเขาไปอยู่ด้วย!!!




ไม่!!! มันต้องไม่ใช่แบบนี้!!!





เด็กหนุ่มคิด ก่อนจะพยายามเพ่งสมาธิอันน้อยนิดในการควบคุมสายน้ำอีกครั้ง พร้อมกับสะบัดตัวหนีจากฝ่ามือเหล่านั้น แต่ดูเหมือนยิ่งหนี พวกมันก็ยิ่งตามรังควานเขามากขึ้น ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะหลับตานิ่งข่มอารมณ์ต่างๆเอาไว้...



เขาจะไม่ตาย


เขาจะต้องไม่ตายใต้ทะเลลึกแบบนี้!!!


เขาลืมตาโพล่ง ฉับพลันนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าที่เต็มไปด้วยแรงโทสะพร้อมที่จะคร่าทุกชีวิตอย่างสายน้ำอันเชี่ยวกราด ชานยอลรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีสั่งให้สายน้ำหยุดการเคลื่อนที่ แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่หวัง ก่อนจะ...


“ท่านอาจควบคุมสายน้ำได้ แต่ไม่อาจควบคุมคนตายอย่างเราได้” แล้วฝูงวิญญาณพวกนั้นก็เอามือปิดจมูกของเขา ก่อนจะกระชากลงสู่ก้นทะเลลึก!!!




ชานยอลพยายามตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่ง มือหลายสิบคู่ที่ปิดหน้าปิดจมูกเขาอยู่ตอนนี้ กำลังทำให้เขาขาดอากาศหายใจ ออกซิเจนเริ่มหมดไปทีละนิด ปอดเหมือนถูกแช่อยู่ในบ่อน้ำมัน ตาของเขาพร่าเลือน ดวงตาเหลือกขึ้น ณ ช่วงขณะที่ความเป็นความตายกำลังต่อสู้กันอยู่ จู่ๆวิญญาณพวกนั้นก็หายไป เขามาโผล่ที่แม่น้ำสายหนึ่ง!!!





“เฮือกก!!!” ชานยอลอ้าปากกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทะลึ่งตัวขึ้นมาจากผิวน้ำ



“แฮ่ก แฮ่ก บะ บ้า เอ๊ย!!!” เด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่ที่ริมตลิ่งอย่างหมดสภาพ



“ใช่ บ้ามากด้วย”เสียงทุ้มลึกที่ฟังแล้วชวนให้รู้สึกหายใจไม่ออก และอยากจะตายดังขึ้นเหนือหัวของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรทำให้เขาสนใจได้อีกแล้ว



“อย่าเพิ่งมาหาเรื่อง แฮ่ก ได้มั้ย”ตากลมเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่มีโครงหน้าหล่อเหลาแต่ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ก่อนจะหลับตาลงอย่างนึกรำคาญ


“ก็อยากอยู่ ถ้าไม่ติดว่านายทำเสื้อฉันเปียก”ชานยอลนิ่งคิดตาม อ่า เขาคงจะทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำจนไม่ทันดูล่ะมั้งว่ามีคนอยู่ตรงนี้ด้วย แต่แล้วไง ใครจะสนล่ะ ในเมื่อตอนนั้นเขากำลังหนีตายอยู่!!!


“เดี๋ยว เดี๋ยวค่อยทำให้แห้ง"


"ภายในห้านาที"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่งมากกว่าจะขอร้อง


"เดี๋ยว!"



"จะเบี้ยวงั้นสิ"


"ฉันเป็นลูกของโพไซดอนนะ!!!” สาบานได้ว่าไม่ชอบอ้างชื่อพ่อ แต่กรณีนี้ยกเว้น เขาต้องการพักเหนื่อยแล้วจริงๆ



“งั้นหรอ” รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นที่กลีบปากแดง ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเอ่ยต่อ






“งั้นนรกคงมีที่ว่างเพิ่มสำหรับบุตรแห่งโพไซดอนแล้วล่ะ”

http://0ctogus.forumth.com

Sky_fff

Sky_fff

โอ้ยลุ้น นึกว่าชานยอลจะเป็นอะไรไปซะแล้ว
แล้วนั่นพี่คริสใช่ป่ะ มาถึงก็โหดใส่น้องเลยนะ - -

3ทะเลดำ ตอนที่1 Empty Re: ทะเลดำ ตอนที่1 Wed Jul 31, 2013 10:13 am

swearhp



ชานยอลแสบนะคะลูก คนนั้นพี่คริสใช่ไหม

เจอกันแล้วจะสปาร์คเปล่าง่ะ ลุ้นๆๆ

สู้ๆนะคะไรท์เตอร์ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ

รักคริสยอล

loops_



อะไรคะอี้ฟาน สุดหล่อโปรดอย่าเยอะะะะะะะะ
ลูกโพไซดอนแล้วทำไม งงนาง ไม่ถูกกัน หรือสัญชาตญาณมันพาไปคะ ??ท

Oomim



พี่คริสช่วยชานยอลใช่ไหมมมมม???? หุหุ เจนเทิลแมนมากกก

RainbowKY



ใครแกล้งน้อง พวกวิญญาณบ้ามาดึงน้องทำไม

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ