0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำ ตอนที่2

+3
Sky_fff
akanishibluecat
0ctogus
7 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำ ตอนที่2 Empty ทะเลดำ ตอนที่2 Mon May 27, 2013 9:36 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

“ว่าไงนะ”ชานยอลถามเสียงห้วน แม้จะเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่สามารถปล่อยผ่านประโยคเมื่อครู่นี้ไปได้จริงๆ ก็เนื้อความมันเหมือนจะขู่เอาชีวิตเขานี่!!!


“เพิ่งรู้ว่าพวกลูกของโพไซดอนจะประสาทหูไม่ดีเวลาอยู่บนบก” ชานยอลกำมือแน่น ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตากลมจับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง


“งั้นรู้ไว้ด้วยว่าเวลาอยู่บนบกฉันก็เร็วพอจะต่อยนายได้เหมือนกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เจตนาคล้ายเตือนมากกว่าจะบอกเล่าทั่วๆไป แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจมันสักนิด ร่างสูงเลิกคิ้ว แม้สีหน้าจะดูเย็นชา แต่ก็เจือแววขบขันในน้ำเสียงเล็กน้อย


“ด้วยสภาพแบบนี้?”



“จะลองดูมั้ย” ฉับพลันนั้นมือเรียวก็ยกขึ้นเหนือแม่น้ำ น้ำจำนวนหนึ่งก็ถูกสะบัดสาดใส่ชายหนุ่ม หากเขาไม่เรียกวิญญาณขึ้นมารับป่านนี้ก็คงเปียกปอนไปแล้ว




ชายหนุ่มสะบัดมือไล่พวกวิญญาณกลับไป ก่อนจะหลับตาลง แล้วปาดหยดน้ำที่เกาะอยู่บนแก้ม




“ทำได้ดี” ชานยอลหรี่ตามองอย่างพิจารณา ไม่บ่อยนักที่ใครจะหลบกระแสน้ำของเขาได้ แล้วเมื่อกี้ที่เห็นผู้ชายคนนี้เรียกวิญญาณขึ้นมาไม่ใช่หรอ ทำไมถึงทำได้กัน..



“นายเป็นวิญญาณประเภทไหน” เขาเอ่ยถามไปอย่างนั้น เพราะในนรกนี่คงไม่มีคนเป็นอาศัยอยู่หรอก เพราะฉะนั้นหมอนี่ต้องเป็นวิญญาณสักดวงแน่ รอยยิ้มขบขันระคนเย้ยหยันถูกวาดขึ้นที่ริมฝีปากหนา ก่อนที่คริสจะเอ่ยตอบ


“ประเภทที่นายไม่ควรเข้าใกล้” ยังไม่ทันจะได้ตอบ จู่ๆความกดอากาศก็เพิ่มขึ้น อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างเฉียบพลัน หวืดดดดดด




กร๊อบ กร๊อบ





ฝูงวิญญาณและโครงกระดูกมากมายผุดขึ้นมาจับข้อเท้าเขาเอาไว้จากพื้นดิน จำนวนของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตอนนี้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย ชานยอลจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าดุดัน แล้วกางมือออกเตรียมที่จะสาดน้ำใส่อีกคน แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จก็ถูกขัดขึ้นก่อน





“ไร้ประโยชน์”



“อาจใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้แน่”เขากางมือออก ก่อนจะเพ่งสมาธิสั่งให้เกิดแผ่นดินไหว...


อีกหนึ่งพรสวรรค์จากโพไซดอน เทพผู้เขย่าโลก...




ครืนนนน ครืนนนน





เสียงแผ่นดินแยกออกจนเกิดรอยแยกรอบๆคนทั้งสอง ร่างสูงแค่เปรยตามองเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มชอบใจ แล้วกางมือออกกลางอากาศ





“ขอบคุณที่ทำให้เรียกพวกมันง่ายขึ้น” ฉับพลันนั้นโครงกระดูกนับร้อยก็โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกทุกรอย พวกมันมุ่งตรงเข้ายึดร่างของชานยอล ก่อนจะผลักให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ





ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้ชานยอล ราวกับเขาเป็นผลงานชิ้นเอกที่ตัวเองเพิ่งสรรค์สร้างเสร็จ ก่อนจะเดินมายื่นค้ำหัวเขา




“นายอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่อย่าลืมว่าทุกตารางนิ้วใต้พิภพล้วนมีคนตาย และเมื่อแผ่นดินแยกออก พวกเขาก็พร้อมที่จะคืนชีพอีกครั้งเสมอ”



“นายจะได้ตายอีกครั้งแน่!” คำขู่ฝ่อถูกเอ่ยออกจากกลีบปากบางอย่างเดือดดาล



“เสียใจด้วยที่ฉันยังไม่ตายเลยสักครั้งเดียว พักเหนื่อยให้สบายนะ บุตรแห่งโพไซดอน” เขาว่าก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ชานยอลนอนจมอยู่กับ.....



กองกระดูก


วิญญาณ


และที่แย่คือ



ซากศพที่เพิ่งตาย




ชานยอลหลับตานิ่ง กัดฟันกรอด พร้อมกับสะบัดตัวไปมาเพื่อสลัดพวกมันออก แต่เขาทำได้อย่างมากที่สุดก็แค่ทำให้มันกระดุกกระดิกเล็กน้อยเท่านั้นเอง




“ไอ้เด็กนรกเอ๊ย!!!” เขาสบถออกมาเสียงดังลั่น ไม่แน่ใจว่าไอ้ผีบ้านั่นจะได้ยินมั้ย แต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อตอนนี้เขามีสิ่งที่น่าสนใจกว่านั่นคือ.....เขาจะสลัดโครงกระดูกบ้านี่ให้ทันงานเลี้ยงเริ่มรึเปล่าไงล่ะ





--------------------------------------






“เป็นคำด่าที่เป็นจริงนะ” คริสเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ขณะที่เขากำลังเดินกลับพระราชวัง เพราะเขาก็เป็นคนอยู่ในนรกตั้งแต่เด็กจริงๆ ดังนั้นจะเรียกว่าเด็กนรกก็คงไม่ผิดอะไร





คริสไม่ได้ตั้งใจจะไปเดินเล่นแถวแม่น้ำสติกซ์ และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปยืนขวางทางขึ้นของเด็กคนนั้น อีกทั้งโดยปกติมันก็ไม่มีใครลงมานรกโดยใช้เส้นทางนั้นเพราะมันอันตรายเกินไปเสียด้วย แต่สาเหตุที่เขาไปยืนอยู่แถวนั้นเพราะเขาต้องการจะสงบสติจากเรื่องที่ทะเลาะกับพ่อมาเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดว่าจะซวย ไม่สิ มันอาจไม่เรียกว่าซวย เพราะเขาได้เจอกับลูกของโพไซดอน คนที่เขากำลังอยากเจออยู่พอดี ไม่ใช่ว่าอยากรู้จัก แต่เป็นเพราะเด็กนั่นเป็นเครื่องมือที่เขาใช้ประชดพ่อเท่านั้นเอง...





เพราะเด็กคนนั้นคือลูกของโพไซดอน พระเชษฐาของฮาเดสพ่อของเขา แต่ในทางทฤษฏีแล้วเขากับเด็กคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติกัน เพราะการลำดับญาติของเทพ จะเกิดขึ้นแต่เพียงผู้ที่เป็นอมตะชนเท่านั้น ดังนั้นเขาที่ไม่ได้เป็นอมตะจึงไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็ยังรู้สึกการต้อนรับและดูแลเด็กคนนั้นถือเป็นสิ่งที่เจ้าภาพจัดงานควรจะทำ และแน่นอนว่าอะไรที่พ่อต้องการ เขาจะไม่ทำ…




“ท่านคริสครับ ได้เวลางานแล้วครับ”ข้ารับใช้ตนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งศีรษะให้จนหัวเกือบติดพื้น



“อืม” เขาขานรับในลำคอก่อนจะเดินตรงไปยังท้องพระโรง





ท้องพระโรงขนาดใหญ่ที่ทำด้วยหินภูเขาไฟสีดำแวววาว ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานประชุมของเหล่ามหาเทพ บัลลังก์ที่อยู่บนพื้นที่ถูกยกให้สูงขึ้นเป็นของ ซุส โพไซดอน และฮาเดส โดยมีซุสนั่งอยู่ตรงกลาง ด้านขวาเป็นโพไซดอน และซ้ายเป็นของพ่อเขา ถัดมาเป็นบัลลังก์ของมหาเทพองค์อื่นๆ โดยตรงกลางท้องพระโรงมีกองไฟขนาดใหญ่ลุกโชติช่วง คอยให้แสงสว่างแก่ท้องพระโรง




คริสเดินเข้าไปในงาน โดยตรงเข้าไปนั่งบนบัลลังก์ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังของบัลลังก์ของพ่อเขา ก่อนทรุดนั่งลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย สุนัขปีศาจสีดำขนาดเท่าสุนัขดอร์แบนแมนด์สองตัวค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลังแล้วทรุดนั่งอยู่ข้างๆบัลลังก์ของเขา มือหนายื่นไปลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะละความสนใจไปหาการจัดที่นั่งในงานครั้งนี้ ไม่บ่อยนักที่พ่อของเขาจะเป็นที่ต้อนรับของมหาเทพโอลิมปัสทั้งสิบสอง แต่อาจเพราะยุคสมัยนี้มีคนตายเยอะ และอาณาจักรของพ่อก็ขยายใหญ่ขึ้นมาก ส่งผลให้พ่อมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ มหาเทพพวกนั้นก็เลยเริ่มให้ความสำคัญแล้วก็เป็นได้ แต่คงจะไม่บ่อยนักหรอก...




“ได้เวลาเริ่มงานเหมายันแล้ว ในนามของข้า ฮาเดส เทพเจ้าแห่งความตาย ข้าขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าข้ายินดีที่จะเข้าร่วมงานนี้ และไม่คิดจะก่อให้เกิดความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น” คำปฏิญาณตน เพื่อย้ำเตือนไม่ให้เหล่าเทพวิวาทกันอย่างงานเมื่องานครั้งก่อน ที่แอรีสเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไม่ได้สมัครใจจะมาเกิดหงุดหงิดวิญญาณตนหนึ่งในงาน จนถึงขั้นเกือบพังงานให้ราบคาบด้วยธนูไฟ และอาวุธสงครามจากทุกยุคที่โลกมี ถูกเอ่ยขึ้นจากปากชายวัยกลางคนที่ใบหน้างดงามราวรูปปั้น แต่ก็ลึกลับและแฝงอันตรายอยู่ในแววตา มันเป็นความงามที่ซ่อนยาพิษอยู่ภายใน รอวันที่จะปลิดชีวิตผู้ที่เผลอใจไปหลงใหล




พรึ่บ




กองไฟสีม่วงที่เปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ กลิ่นของมันไม่เหม็นไหม้เหมือนกับกลิ่นควันทั่วไป แต่กลับส่งกลิ่นหอมรัญจวนแบบดอกไม้ในดินแดนแห่งผู้วายชนม์




“ในนามของข้า ซุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้า และมหาเทพผู้ปกครองสรวงสวรรค์ ข้าขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าข้ายินดีที่จะเข้าร่วมงานนี้ และไม่คิดจะก่อให้เกิดความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น” ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าดุดัน แต่มีแววตาขี้หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังที่สามารถเขย่าบรรยากาศให้พร่าเรือนจนถึงขนาดว่าเสียงอากาศดังชี่ๆ และร้องดังเปรี๊ยะๆราวกับว่าสายฟ้าจะผ่าเอากลางงานมันซะเดี๋ยวนี้ หากเขาหงุดหงิด




พรึ่บ




กองไฟสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาที่มีสายฟ้าลั่นเปรี๊ยะๆ ออกมา กลิ่นของมันเหมือนกับกลิ่นของอากาศยามที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง




“ในนามของข้า โพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้าขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าข้ายินดีที่จะเข้าร่วมงานนี้......”



“นาย!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางวง ก่อนที่ร่างร่างหนึ่งจะปรากฏตัว..



คริสส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะเหลือบตามองเล็กน้อย ตัวปัญหาของงานมาแล้วไง แถมเป็นตัวปัญหาที่จะก่อกวนชื่อเสียงของพ่อเขาเสียด้วย...


“ชานยอล...” โพไซดอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิกึ่งแปลกใจ แต่ดูท่าทางว่าลูกชายของเขาจะไม่ได้สนใจมันสักนิด


“ในนามของโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล เราไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมงานนี้ และเราก็จะก่อเรื่องวุ่นวาย” ตากลมสีฟ้าทอประกายดุดันจับจ้องมาที่คริสที่กำลังนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่


“นี่มันเรื่องอะไรกัน โพไซดอน” ซุสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว บรรยากาศรอบๆสั่นไหว และเริ่มมีกลิ่นไอของพายุโชยมา “ถามวิญญาณที่นั่งข้างท่านฮาเดสเถอะ”ชานยอลตอบแทน เทพทุกองค์จับจ้องมาที่คริสเป็นตาเดียว



“ลูกของข้าไปทำอะไร!!!” ฉับพลันนั้นบรรยากาศรอบๆก็เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความตาย และความหนาวเหน็บ



“ลูก?” ชานยอลมองคริสราวกับว่าคริสเป็นสัตว์ประหลาดมาจากโลกล้านปี ก่อนจะเอ่ยต่อ



“ลูกของท่านไม่ให้เกียรติผม และในนามของเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ นั่นเท่ากับว่าท่านหยามเกียรติโพไซดอน” คริสกระตุกยิ้ม นี่ล่ะที่เขาต้องการ ทำให้พ่อเสียหน้า..


“ฮาเดส!!!”โพไซดอนตะหวาดเสียงดังสนั่นท้องพระโรง ความโกรธของเขาสั่นสะเทือนลงไปถึงแผ่นดินใต้พิภพให้สั่นไหว และดลบันดาลให้ท้องทะเลด้านบนอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง


“เจ้าต้องลงโทษลูกของเจ้า!!” โพไซดอนพูดพร้อมกับกระแทกตรีศูลจนท้องพระโรงสั่นไหว เสียงแม่น้ำในยมโลกปั่นป่วนดังมาจากที่ไกลๆ


“โพไซดอน!!! ข้าไม่คิดจะฟังความข้างเดียวเช่นเจ้าหรอกนะ บุตรแห่งโพไซดอน จงเอ่ย! ลูกข้าไปหยามเกียรติอะไรเจ้า”


“แสดงมารยาทไม่ดีต่อแขก ทั้งๆที่รู้ว่าผมคือลูกของโพไซดอน เท่านั้นมากพอที่ท่านจะลงโทษลูกของท่านได้รึยัง”


“จริงหรือไม่ คริส” คริสยิ้มพราย ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวสุนัขเบาๆ ทำท่าทางเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหาทั้งหมด แม้ว่าชานยอลจะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด แต่เขาก็ไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเองทั้งสิ้น ในเมื่อทุกอย่างที่ทำเขาต้องการให้ฮาเดสเสียหายนี่…


“เจ้าต้องลงโทษลูกของเจ้า!!!”


“โพไซดอน!!! หยุดความพิโรธของเจ้า!!!” ซุสสั่ง น้ำเสียงของเขาทรงพลังมากเสียจนอากาศเกิดประกายแปลบปลาบ และความกดอากาศในท้องพระโรงลดฮวบลงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ทั้งห้องเกิดความปั่นป่วนทางอุณหภูมิ




ซุสหลับตานิ่ง ในมือกำอัสนีบาตรอาวุธประจำกายแน่นอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้น ฉับพลันนั้นดวงตาที่เคยเป็นเพียงสีเทาของพายุ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าแล่นแปลบปลาบอยู่ภายใน บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังพิโรธอย่างถึงขีดสุด




“เสื่อมเสีย! เกิดเรื่องอย่างนี้กลางพิธีเปิดงานเหมายันที่มหาเทพทั้งสิบสองอยู่ในที่ประชุม เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน บุตรแห่งฮาเดส!!!”




เปรี้ยง!!!



อัสนีบาตรถูกฟาดลงกลางกองไฟ ก่อนที่ทั้งห้องจะสว่างวาบด้วยประกายจากสายฟ้า เหล่าดวงวิญญาณที่อยู่รายล้อมถูกมันเผาผลาญไปจนไม่เหลือแม้แต่ละอองวิญญาณให้ระลึกถึง




“จงลงมติลงโทษบุตรแห่งฮาเดสข้อหาที่เขาหยามเกียรติโพไซดอน!!!” คริสนั่งนิ่ง เปรยตามองชานยอลที่ส่งยิ้มเย้ยหยันมาให้เขาเล็กน้อย พลางนึกสงสาร....



ช่างไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเพียงแค่เครื่องมือ


“ข้าว่าให้เขาสู้กันจนตายท่าจะดีนะ” ชายร่างบึกบึนที่มีความงดงามในรูปแบบของความป่าเถื่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับเหตุการณ์ความรุนแรงของซุสเป็นเพียงเรื่องธรรมดา ที่เคยเกิดขึ้นจนชินชาไปแล้ว



“แอรีส เจ้าหยุดคิดถึงสงครามสักทีเถอะ ข้าว่าน่าจะให้เขาจัดปาร์ตี้ไวน์กันนะ แบบที่ อืม สมัยนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ไปผับน่ะ แต่ความสนุกนั่นไม่เท่าปาร์ตี้แบบกรีกดั้งเดิมหรอก เท่านั้นข้าว่าเจ้าหนุ่มนั่นคงจะได้รับโทษมากพอแล้ว” ชายเจ้าสำราญคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พร้อมกับกระดกแก้วไวน์องุ่นที่ถูกเสกขึ้นเมื่อครู่เข้าปาก


“ไดโอนีซุส เจ้าคิดจะลงโทษคนที่หยามเกียรติข้าด้วยวิธีนั้นจริงรึ”โพไซดอนถาม


“ข้าว่าน่าจะให้เขาไม่สมหวังในความรักนะ เรื่องนี้ข้าช่วยได้ แต่ดูรูปโฉมเขาสิ โอ้ จะมีใครไม่ตกหลุมรักเขาบ้างนะ”หญิงสาวงามสง่าที่มีกลิ่นหอมของกุหลาบและเสน่ห์อย่างอิสสตรีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันมามองทาง คริส ราวกับเธอเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่กำลังพร่ำเพ้อถึงชายผู้สูงส่ง


“ผมคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีนะครับ ท่านอะโพรไดท์”ชานยอลสนับสนุน


“เจ้าก็คิดเช่นเดียวกับข้าใช่มั้ย แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีใครโง่ไม่ตกหลุมรักเขาได้นะ”


“ไร้สาระ...”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่ท่าทางทรงภูมิและเปี่ยมไปด้วยปัญญาความรู้



“อาธีน่า เจ้าจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับความรัก ในเมื่อเจ้าถือครองพรหมจรรย์”


“เจ้าคิดว่าอย่างไร อาธีน่า”ซุสหันไปถามความคิดเห็นจากเธอ


“ฮาเดสเป็นเทพผู้รักความยุติธรรม อย่างไรก็คงยินดีให้ลงโทษบุตรชายของตนอยู่แล้ว และข้าคิดว่าบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับการที่เขาไปหยามเกียรติโพไซดอน นั่นคือให้เขาถูกหยามเกียรติแห่งฮาเดสเช่นกัน” คริสยิ้มเล็กน้อย ไม่คิดว่าแผนเล็กๆของตัวเองจะขยายใหญ่ได้มากขนาดที่พ่อต้องโดนหยามเกียรติ ส่วนชานยอลเองก็กอดอกพร้อมกับยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ



“ด้วยวิธีอะไร”ซุสเอ่ยถามต่อ



“ให้บุตรแห่งฮาเดสดูแลบุตรแห่งโพไซดอน ไถ่โทษที่เขาทำพฤติกรรมไม่ดีในวันนี้เป็นเวลาสามเดือน”สิ้นเสียงคำพูดของอาธีน่า คริสก็ขมวดคิ้วทันที เขาไม่คิดว่ามันเป็นการลงโทษที่เหมาะสม เพราะถ้าจะให้เขาเอาชีวิตไปผูกติดกับเด็กคนนั้นมันก็คงจะเป็นอะไรที่...วุ่นวายน่าดู


“มีใครมีความคิดที่ดีกว่านี้มั้ย ถ้าไม่มีก็ลงมติได้” คริสภาวนาในใจว่าขอให้เสียงในสภาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่ผลสุดท้าย...


“เห็นด้วย7 ไม่เห็นด้วย5 มติเห็นพ้องให้ลงโทษบุตรแห่งฮาเดสโดยการไปดูแลบุตรแห่งโพไซดอนเป็นเวลาสามเดือน” สิ้นเสียงของซุสชานยอลก็ส่งยิ้มกวนประสาทมาให้คริสทันที ร่างสูงเปรยตามองก่อนจะแสยะยิ้ม..



“หึ” เขาเกือบจะหงุดหงิดการลงโทษไร้สาระนั่น แต่เมื่อเห็นชานยอลยกยิ้มแบบนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง ชานยอลอาจเก่งที่สามารถสั่งให้คนลงโทษเขาได้ แต่ไม่ได้เก่งพอจะรู้ทันเขาทุกเรื่อง...




“ผมยินดีจะรับโทษนั่นและจะทำตามทุกประการ”คริสเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อยู่ในดวงตา




มันก็แค่เกมส์


ก็แค่เกมส์ที่เขาควบคุมโดยยืมมือคนอื่นเท่านั้นเอง




“บทลงโทษจะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”



“ครับ” เขารับคำสั้นๆ พลางคิดในใจ...



เตรียมรับการดูแลจากนรกได้เลย


ปาร์คชานยอล


รับรองว่าเกียรติของโพไซดอนจะต้องป่นปี้ยิ่งกว่าครั้งนี้แน่!!!


http://0ctogus.forumth.com

2ทะเลดำ ตอนที่2 Empty Re: ทะเลดำ ตอนที่2 Mon Jun 17, 2013 10:42 pm

akanishibluecat

akanishibluecat

สามเดือน พี่คริสจะดูแลชานยอลยังไงน๊า  55555  อยากรู้แล้วสิ บทลงโทษ  แบบนี้ใครๆๆก่อยากโดน  

ปล.......ดีจ้า ไรท์เตอร์   นึว่าจะไม่มีเรื่องใหม่ให้อ่านซะแระ  แต่ที่มาเม้นตอนนี้ เพราะ เข้าไปอ่านที่ เด็กดี แล้ว   มาเริ่มตอน สองที่นี่ 

ชื่อตัวละคร เยอะอะ  จำยาก  สงสัยงานนี้ คงจำแต่ ชื่ิอของบุตรฮาเดส  กะโพไซดอน ่พอเนอะ 5555   แตกต่างจากเรื่องเดิม มากมาย

พอออ่าน ก่คิดว่าสนุกดี

Sky_fff

Sky_fff

พี่คริสนี่เจ้าเล่ห์มากนะ ร้ายกาจอ่ะ 
ชานยิ้มไปเถอะ ช่างไม่รู้เลยว่าตัวเองจะโดนอะไรบ้าง

4ทะเลดำ ตอนที่2 Empty Re: ทะเลดำ ตอนที่2 Wed Jul 31, 2013 10:18 am

swearhp



โถ่โถ่โถ่ น้องชานเลี่ยแซ่บนะคะจัดว่าเด็ด

ไอเด็กนรกนี่คิดได้ไงคะลูก #นึกถึงหัวลูกนัทของเพ่เครส

3 เดือนขอให้มีความสุขนะคะลูกแม่

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์เตอร์ รักคริสยอล

loops_



ตอนนี้แลดูร้อนแรง 555555555555
เหล่าเทพโผล่กันมาเยอะเหลือเกิน -..-
แต่ที่งงๆคือตอนที่บรรยายถึงสถานะของโพไซดอนว่าเป็นพระเชษฐาของฮาเดส
พระเชษฐาแปลว่าพี่ชาย แต่ฮาเดสเป็นพี่คนโตของสามเทพ คือไม่รู้ว่าเราเข้าใจผิดอะไรยังไงรึเปล่า yy

ละไอ้ที่ดูแลสามเดือนนี่จะหอบไปดูแลกันที่ไหนคะ ? =/=
ใต้ดินใต้น้ำพี่คริสก็ถนอมน้องหน่อยละกัน อยากรู้มีอะไรให้ต้องเกลียดพ่อนักหนา
ขอบคุณฟิคนะคะ Very Happy Very Happy Very Happy 

Oomim



ความคิดพี่คริสนี่แบบ- - อืม ก็น่ะ

RainbowKY



โหย พี่คริส ทำไมร้ายจังงงงงงง

ดูแลน้องต้องดูแลดีๆ นะไม่ใช่ไปแกล้งน้อง

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ