ชานยอลตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน สิ่งแรกที่ทำคือกล่าวอรุณสวัสดิ์คริส คนที่อยู่ไกลแสนไกลจากเขาตอนนี้ ทั้งไกลทางระยะทาง และไกลทั้งระยะทางใจ อย่างนี้ทุกวัน ก่อนจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ทั้งอาบน้ำ และทำอาหาร
อาหารเช้าอย่างง่ายๆถูกทำขึ้นแล้วรับประทานหมดไปอย่างช้าๆ เมื่อขณะที่ทานร่างโปร่งก็อ่านและเตรียมเอกสารที่จะใช้ในการปรึกษาเรื่องงานครั้งนี้ด้วย จนเวลาล่วงเลยไปถึงสิบโมงเช้า ชานยอลก็ค่อยๆเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมตัวให้พอ ให้ทันกับตอนที่อลิซมารับ
Rrrrrrr Rrrrrrrrrr
ร่างโปร่งที่มัวแต่จัดของในห้องทำงานรีบวิ่งออกมารับโทรศัพท์ที่ดันเผลอวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“เบอร์ใครน่ะ”ถามออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา แต่ก็ตัดสินใจรับเพราะคิดว่าอาจเป็นเบอร์ของลูกน้องก็ได้
“ฮัลโหลครับ”
“ปาร์คชานยอลใช่มั้ย”ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสาย ร่างโปร่งก็เบิกตากว้างตกใจ มือเรียวเกือบทำโทรศัพท์ตกลงพื้น เส้นเสียงเหมือนจะเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“นี่ ฟังอยู่รึเปล่า”
“ครับ ฟังอยู่”ชานยอลพยายามปรับเสียงให้ปกติ ไม่ตื่นตกใจจนอีกฝ่ายจับได้ หากแต่ภายในร่างหัวใจกลับเต้นโครมครามจนแทบดังให้อีกฝ่ายได้ยิน หัวสมองเกิดคำถามมากมายไปหมดว่าคริสเอาเบอร์เขาไม่ได้ยังไง แล้วร่างสูงโทรมาหาเขาทำไม
“พี่ฉันให้ไปรับที่คอนโดแทน ตอนสิบเอ็ดโมง อยู่คอนโดไหนล่ะ”ร่างโปร่งทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ เส้นทางการมาคอนโดดูจะอันตธานหายไปเสียดื้อๆ ก่อนที่เขาจะรื้อมันกลับขึ้นมาใหม่ แล้วพยายามสั่งใจให้เลิกตื่นเต้น และบอกมันว่า ร่างสูงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น
“คอนโดชื่อXXXใกล้กับโรงพยาบาลXXX ครับ” ชานยอลบอกตำแหน่งที่ตั้งจากสถานที่สำคัญๆที่คนทั่วไปก็รู้จัก และน่าจะมาได้ง่ายมากที่สุด
“โอเค สิบเอ็ดโมง ไม่มีเรท”ร่างสูงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างผิดกับที่ใช้กับหญิงสาวคนเมื่อวานจนชานยอลนึกน้อยใจอยู่ลึกๆ และคิดเอาเองว่าคริสคงไม่อยากมารับเขาหรอก เผลอๆร่างสูงอาจจะต้องเลื่อนนัดคู่ขาของตัวเองเพื่อต้องมารับเขาก็ได้
ภาพใต้โต๊ะเมื่อวานย้อนกลับเข้ามาในหัว ตอกย้ำลงไปในหัวใจของชานยอลอีกครั้ง จนตะกอนความเจ็บปวดฟุ้งกระจายกลับขึ้นมา น้ำตาคลอหน่วงอยู่ที่ขอบตาสวยเตรียมจะร่วงเผาะลงมา แต่ก็ถูกมือเรียวปาดออกอย่างลวกๆ พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ไม่ขี้แงน่า ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”ชานยอลบอกกับตัวเองก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยัดกายลุกขึ้นไปเตรียมเอกสารต่อ จากนั้นก็เตรียมตัวรอเวลาที่ร่างสูงจะมารับ
เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วในความคิดของชานยอล บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น รู้แต่เพียงว่าถ้าถามว่าไม่อยากเจอหรอ ก็ตอบเลยว่าไม่ แต่ถ้าถามว่าแล้วเจ็บมั้ยที่ต้องเจอ ก็ตอบเลยว่าเจ็บมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องเจอร่างสูงอยู่ดี เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้โทรศัพท์มันดังช้าๆก็แล้วกัน
Rrrrrr Rrrrrrr เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้น มือเรียวกดรับก่อนที่ปลายสายจะพูดทันทีไม่รอให้เขาทักทายอะไรทั้งสิ้น
“ถึงแล้ว อยู่หน้าคอนโด รีบลงมาด้วย”ปลายสายกดตัดโดยไม่รอให้เขาตอบอะไรอีกเช่นเคย ใบหน้านวลไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ขจัดความรู้สึกนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วแทนที่มันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแทนที่สรุปเอาเองว่าคริสคงไม่อยากคุยด้วย ก็แน่อยู่หรอก เขามีอะไรดีให้ร่างสูงลดตัวมาคุยด้วยกันล่ะ ไม่ใช่ทั้งคนประเภทที่คริสจะคบค้า และไม่ใช่ทั้งประเภทที่คริสจะหลงรัก เขาไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะฝังกลบความรู้สึกต่างๆไว้ในใจแล้วเดินออกไปจากห้อง ลงไปยังชั้นล่าง แล้วตรงไปยังรถร่างสูงที่จอดอยู่ ทุกย่างก้าวที่เข้าใกล้หัวใจดวงน้อยก็พาลจะหยุดเต้นและปวดหนึบขึ้นเรื่อยๆ ภาพเมื่อวานไหลย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง และยิ่งเด่นชัดมากขึ้นจนหัวใจเจ็บแปลบเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังนั่งรออยู่ในรถ ชานยอลเข้านั่งประจำที่นั่งคนขับ โค้งศีรษะให้เป็นเชิงทักทาย ก่อนจะปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ
ฝ่ายร่างสูงที่มารับก็เริ่มหงุดหงิด นึกโมโหความเงียบของอีกฝ่าย ที่ไม่แม้แต่จะพูดทักทาย หรือชวนคุยอะไรทั้งสิ้นเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อก่อน ทำเหมือนกับพวกเขาไม่รู้จักกัน อย่างกับเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งๆที่เคยผ่านเรื่องราวอย่างนั้นมาด้วยกันแท้ๆ หรือว่ามั่วเยอะจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ก็คงจะเป็นอย่างนั้นสินะ พวกอย่างว่ามันจะไปจำได้ยังไงว่ามั่วกับใครไปแล้วบ้าง ในเมื่อรับแขกแต่ละวันแทบไม่ซ้ำหน้ากัน!!!
คริสระบายความโกรธ และโมโหผ่านการขับรถ ขับปาดไปทางนั้นทีทางนี้ที แทรกคนอื่นไปเรื่อย และใช้ความเร็วจนน่าหวาดเสียว ร่างโปร่งที่นั่งข้างๆได้แต่เหลือบมองดูอาการของอีกฝ่าย แต่ก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดหรือทำอะไร ทั้งๆที่ในใจกำลังกลัวและสับสนว่าคริสเป็นอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิดมากขนาดนี้ หรือเพราะโมโหที่ต้องมารับเขา คงจะเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย
รถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอดเทียบที่ลานหน้าบ้านของตัวเองอย่างเร็ว ก่อนที่ชานยอลจะเปิดประตูรถลงพร้อมกับโค้งศีรษะขอบคุณเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับคริสสักคำ จนร่างสูงที่ลงจากรถที่หลังได้แต่ระบายความโกรธเกรี้ยวใส่ประตูรถที่ปิดแรงอย่างไม่กลัวว่ามันจะพัง
“อ่าว ชานยอล มาแล้วหรอ ทานอะไรมารึยัง”อลิซที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเอ่ยถาม
“ทานแล้วครับ พี่อลิซไม่ต้องรีบทานนะครับ ผมรอได้”ชานยอลตอบพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะด้วย
“พี่กินเสร็จพอดี รอเอาจานไปเก็บก่อนแปบนึงนะจ๊ะ”หญิงสาวตอบก่อนจะเดินไปเก็บจานในครัว โดยไม่รอให้แม่บ้านมาทำเพราะถือว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้คนทำแทนก็ได้ จากนั้นก็เดินออกมาพร้อมกับที่เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น
“ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย”หญิงสาวบ่นเบาๆก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์อย่างเต็มใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่คริสเดินเข้ามาในบ้าน ความโมโห ความคลางแคลงใจพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด ร่างสูงเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามของชานยอลด้วยท่าทางหงุดหงิดสุดขีด
“จำกันไม่ได้หรือว่าพยายามจะจำกันไม่ได้กันแน่!!!” คริสถามอย่างเหลืออด กว่าหลายวันแล้วที่ชานยอลทำเหมือนเป็นคนไม่รู้จักกัน วันนี้เขาจะไม่ปล่อยให้มันเลยผ่านไปอีกแล้ว
ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ปรับสีหน้าเรียบเฉย ไม่หวาดหวั่นไปกับเพลิงอารมณ์ของอีกฝ่าย และไม่คิดจะโต้เถียงอะไรให้มากความ เพราะเขาไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว และไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายโมโหมากขึ้น
“ทำไม! เงียบทำไม! นั่งนึกคำตอบอยู่รึไง มั่วเยอะจนจำหน้าใครไม่ได้เลยล่ะรึไง!!!”ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน รอยยิ้มเหยียดหยามถูกมอบให้อีกฝ่าย เขากำลังโกรธ เกลียด แค้นที่อีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ ทั้งยังลืมเรื่องทุกอย่างไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน กลายเป็นพวกที่มั่วผู้ชายไปเรื่อย!!!
คนถูกกล่าวหานั่งนิ่งๆไม่ตอบโต้อะไร พยายามข่มใจที่กำลังเจ็บให้ร้องไห้อยู่อย่างเงียบๆฟังอีกคนดูถูกเสียตัวเองไม่เหลือค่าความเป็นคน
“เหอะ! เงียบเพราะมันจริงใช่มั้ยล่ะ! เปลี่ยนหน้ากันไม่ซ้ำแต่ละวันเลยนี่ ถามจริงๆเถอะ จำชื่อเขาได้บ้างมั้ยน่ะ” คริสแสร้งทำหน้าอยากรู้ ในขณะที่ร่างโปร่งก็ยังคงนิ่งเฉย
“ทำไมไม่พูดเล่า! หรือว่าจำไม่ได้ นี่! อย่างน้อยคนแรกของนาย นายก็น่าจะจำเขาได้หน่อยสิ หรือว่ามันยังไม่ถึงใจพอ ไม่เร้าใจพอ ห๊ะ!”คริสตบโต๊ะเสียงดังลั่นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้อะไรสักคำ
“เออ!! ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ จะเก็บเสียงไว้ครางกับหมาตัวไหนก็เชิญ!!!”ร่างสูงตวาดพร้อมกับผลักโต๊ะออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นไปบนห้อง แล้วปิดประตูเสียงดังลั่นบ้าน ทิ้งไว้แต่ชานยอลที่หัวใจบอบช้ำเน่าเฟะเป็นแผลอยู่ข้างในเสียจนหมดแล้ว
หยาดน้ำตาที่หลั่งรินอยู่ในหัวใจพรั่งพรูออกมาเป็นสาย นึกเสียใจที่ถูกคนที่รักถากถางและว่าร้ายในทางเสียๆหายๆทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ความรักที่ซื่อสัตย์ เขาก็ยกมันให้เป็นของร่างสูงทั้งหมด แต่อีกฝ่ายกลับต่อว่าเขาว่าเป็นพวกอย่างว่า ทำตัวส่ำส่อน มั่วไม่เลือกจนจำชื่อไม่ได้อย่างนั้นน่ะหรอ คริสจะรู้มั้ย จะรู้มั้ยว่าชื่อของคริสมันฝังอยู่ในใจของเขา ติดอยู่ในสมองจนแม้แต่หลับฝันก็ยังเผลอละเมอออกมาเป็นชื่อของคริส!
“ลงโทษผมให้พอ ลงโทษผมให้พอจนกว่าพี่จะพอใจ”ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“ชานยอล เมื่อกี้เจ้าคริสขึ้นบ้านไปหรอ”อลิซที่เพิ่งเดินมาเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น
“ครับ เพิ่งขึ้นไปเมื่อกี้เอง”ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีความเศร้าเจือปนอยู่ในนั้น
“โมโหอะไรของเขา ปิดประตูทีกลัวบ้านไม่พังรึไง นี่ แล้วนี่คริสทำตัวกับเราน่ารักมั้ย ไม่ได้ทำนิสัยเสียๆนะ”อลิซเอ่ยถามคนข้างตัวขณะที่เดินขึ้นบันใด ตรงไปยังห้องของหญิงสาว คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ไม่เลยครับ พี่เขาน่ารักมาก”ชานยอลโกหก หากสิ่งที่คริสทำคือนิสัยดี คนทั้งโลกก็คงจะไม่มีใครเลวอีกแล้ว….
-------------------------------------------------
การปรึกษางานครั้งนี้เคร่งเครียดน้อยกว่าครั้งที่แล้วมากนัก เพราะปัญหาที่แก้กันมานานค่อยๆหาทางออกได้ทีละส่วน จนผลงานได้ตรงตามที่ต้องการแล้ว แต่กว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็กินเวลายาวนานไปจนถึงตอนเย็น เล่นเอาคนทำงานเก่งทั้งสองคนต่างหมดพลังไปจนเกือบหมด
“กว่าจะแก้ได้ ดีนะที่ได้ดอกเตอร์คนเก่งมาช่วย”อลิซเอ่ยชม ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้ตัวเอง
“ไม่หรอกครับ พี่ก็ชมผมเกินไป”ร่างโปร่งยิ้มเก้อเขินเมื่อถูกชมตรงๆ จะให้ถูกชมบ่อยเท่าไรเขาก็ยังไม่ชินเสียที
“ไม่เกินไปหรอก น้อยไปด้วยซ้ำ นี่ แล้ววันนี้กลับยังไงล่ะ มีคนมารับรึเปล่า”
“วันนี้คงต้องกลับเองล่ะครับ พี่ชายคนที่รู้จักเมื่อวานเขาก็ดันไม่ว่าง”ชานยอลเอ่ยตอบก่อนจะเริ่มเก็บของ
“แล้วตาลูกโรงแรมชื่อดังคนนั้นล่ะ เมื่อไรจะเปิดตัวจ๊ะ”อลิซถามหยั่งเชิง อยากจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นยังไงกันแน่ เธอยังให้น้องชายเธอมาจีบเด็กคนนี้อยู่ได้รึเปล่า
“โถ่ พี่อลิซ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยครับ วันนั้นเขาแค่อาสามารับเฉยๆครับ เห็นว่าทางผ่านแล้วงานมันก็เลิกดึก”ร่างโปร่งเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“อ๋อออ อย่างนี้ก็โสดสนิทน่ะสิ”
“ครับ ยิ่งกว่าสนิทอีก”ชานยอลว่าติดตลก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวลากลับบ้าน
“อ้าว แล้วนี่จะกลับแล้วหรอ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวให้เจ้าคริสไปส่ง”หญิงสาวรีบเอ่ยรั้งก่อนจะรีบเดินเข้ามาหา
“ไม่ต้องก็ได้ครับพี่ รบกวนเปล่าๆ”ชานยอลรีบปฏิเสธ ลำพังแค่ตอนมายังเกิดเรื่อง ตอนกลับล่ะ ไม่เกิดเรื่องยิ่งกว่าหรอ
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก กลับเองมันลำบาก ให้เจ้าคริสมันไปส่งนั้นแหละ”เธอรวบรัดตัดความก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของคริสแล้เคาะประตูรัวๆท่ามกลางเสียงคัดค้านของชานยอล
“พี่ครับ ไม่ต้องก็ได้…”
“ไม่เป็นไรหรอก ใช้นายมา ก็ต้องไปส่งนายสิ คริส พี่วานไปส่งชานยอลหน่อย”ร่างเพรียวบางตะโกนบอกคนเป็นน้องที่อยู่ในห้อง
“พี่อลิซครับ แต่…”
ผัวะ เสียงประตูถูกเปิดออก ขัดจังหวะการพูดของชานยอล ร่างสูงมองไปที่พี่สาวของตนก่อนจะเหลือบมองอีกฝ่าย
“ไปส่งชานยอลที่คอนโดให้พี่หน่อย”อลิซย้ำเจตนาของตนอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยถาม
“ไม่มีคนมารับ?”เอ่ยถามด้วยรูปประโยคธรรมดา แต่จงใจแฝงการเหน็บแหนมให้คนฟังได้ยิน
“ก็ไม่มีน่ะสิ เร็ว รีบไปส่งเร็ว เย็นมากเดี๋ยวค่ำซะก่อน”ร่างสูงนิ่งไปชั่วครู่ ชานยอลภาวนาให้อีกฝ่ายตอบปฏิเสธ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดั่งที่หวังเมื่อร่างสูงเอ่ยตอบ
“ครับ”คำตอบเดียวสั้นที่เหมือนจะพาหัวใจของชานยอลปลิวไปด้วย ร่างสูงหันไปคว้ากุญแจรถแล้วออกเดินนำลงไปชั้น
ล่าง ความโกรธเกรี้ยว หงุดหงิด และโมโหยังคงไม่จางหาย ซ้ำยังยิ่งติดตรึงแทรกอยู่ในใจรอโอกาสที่จะได้ระบายมันอีกครั้ง
ชานยอลและอลิซเดินตามร่างสูงจนมาถึงลานจอดรถ พี่สาวของร่างสูงโบกมือเป็นเชิงลาร่างโปร่งรุ่นน้อง ก่อนจะกำชับให้คริสขับรถดีๆแล้วมองส่งคนทั้งคู่ที่ขับรถออกไปจากบริเวณบ้าน
“เปิดโอกาสให้แล้ว ทำตัวน่ารักๆหน่อยนะเจ้าน้องชาย”
อลิซคิดผิด คริสทำตัวไกลห่างจากคำว่า ‘น่ารัก’มากนัก ร่างสูงกำลังโกรธ และโมโห เพลิงแห่งอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะลูกโหมจนแทบจะแผดเผาร่างของเขาทั้งเป็น สาเหตุล้วนแล้วแต่มาจากคนเพียงคนเดียง เด็กผู้ชายที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้างเขานี่! เขาไม่เข้าใจว่าทำไมร่างโปร่งถึงยังนิ่งอยู่ได้ ทำไมถึงยังทำเฉยเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ทั้งๆที่เขาทั้งอาละวาด ถากถาง และดูถูกไปเสียขนาดนั้น ถ้าเป็นคนดีๆเขาคงจะสวนกลับมาแล้ว แต่นี่กลับไม่! เด็กนี่ยังคงนั่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเหมือนเขากำลังบ้าไปอยู่คนเดียว!
ไม่! เขาจะไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น! เขาต้องชนะ ต้องได้คำตอบจากเด็กนี่ให้ได้!!! ไม่มีทางที่คนเราจะลืมคนที่เป็นครั้งแรกเขาเราได้ ไม่มีทางที่ร่างโปร่งจะลืมเขาได้ แต่ทำไม! ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้กับเขา!!!
ร่างสูงหักเลี้ยวเข้าลานจอดรถของคอนโดอย่างแรง ก่อนจะแล่นมาจอดอย่างฉุนเฉียว ชานยอลหันมาโค้งศีรษะขอบคุณก่อนจะก้าวลงจากรถ หากแต่เสียงปิดประตูรถอย่างแรงที่ตามมาพร้อมกับเสียงคนเดินตามมาด้านหลังทำให้หัวใจของร่างโปร่งต้องสั่นไหว เขารู้ดี รู้ว่าร่างสูงกำลังหงุดหงิดมากแค่ไหน….
“มันเยอะมากจนจำไม่ได้เลยรึยังไง!!!”คริสถามเสียงกระชาก มารยาทและความเป็นผู้ดีดูจะหายไปจากสมองและจิตใจของเขาในชั่วพริบตาที่อยู่ใกล้เด็กคนนี้!
ร่างโปร่งที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ข่มตาอย่างสกัดกั้นอารมณ์ เขากำลังกลัว กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากจะตอบโต้อะไรกลับไป การเล่นกับไฟที่กำลังลุกโหมสูงสุดตอนนี้รังแต่มีแต่อันตราย ซ้ำตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ใช่ว่าไม่มีให้เสีย แต่เพราะทั้งหมด ทั้งชีวิตของเขายอมเสียได้เพื่อคริส คนคนเดียวที่เขาจะรักเท่านั้น
“เงียบทำไม! เป็นใบ้ไปแล้วรึไง! ทีกับผู้ชายคนอื่นล่ะคุยได้คุยดี!!!!”ร่างสูงที่เดินตามมายังคงพูดจาถากถางว่าร้ายในทางเสียๆหายๆ หากแต่ชานยอลก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป หัวใจดวงน้อยพยายามอดกลั้นอารมณ์ความเจ็บปวดทุกอย่างไว้ภายในไม่ยอมแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้
“หึ! แกล้งทำตัวเป็นเจ้าหญิงแสนซื่อ สุดท้ายมันก็แค่พวกอย่างว่าที่มั่วไม่ซ้ำหน้า!!!”หัวใจแทบแหลกสลายทันทีที่ได้ยิน แต่ร่างโปร่งก็ยังคงเดินต่อไปพร้อมกับหัวใจที่เจ็บช้ำมากขึ้นเรื่อยๆจนเดินมาใกล้จะถึงห้อง มือเรียวรูดคีย์การ์ด เดินเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่เดินตามเข้ามาด้วยเลยแม้แต่น้อย
“คนดีๆเขาทำกันอย่างนี้รึไง! ให้ผู้ชายเดินเข้าห้องง่ายๆอย่างนี้น่ะหรอ ร่าน!!!! พาขึ้นมากี่คนแล้วล่ะ! ชินแล้วสินะที่มีผู้ชายเข้าห้อง! คงรู้งานดีแล้วล่ะสิ เก็บซากคนเก่าเมื่อคืนหมดไปรึไงล่ะ!!!!”คริสตวาดเสียงดังลั่น มือเรียวบีบเข้าหากันแน่น ถ้อยคำที่ร่างสูงพูดเหมือนน้ำกรดที่ราดรดลงบนหัวใจให้เนื้อในเหวอะหวะร้าวรานจนแทบไม่มีชิ้นดี
“เวลาเปลี่ยนคนมันก็เปลี่ยนสินะ เคยรับแขกมันยังไง ก็คงจะอย่างนั้นสินะ!!!”
“อะไรที่คุณต้องได้ คุณก็ต้องได้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ”ชานยอลพูดสวนกลับเป็นครั้งแรก เส้นความอดทนของคริสขาดผึง มือหนากระชากอีกเขาตรงไปที่ห้องนอน ก่อนจะผลักลงเตียงอย่างแรง แล้วตามขึ้นคร่อมเอาไว้
“ดี! งั้นก็สนองให้ถึงใจฉันก็แล้วกัน!!!”เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากออกอย่างแรง เรือนร่างถูกอีกฝ่ายขย้ำซะจนเจ็บไปหมด ยอดอกถูกดึงอย่างแรง ในขณะที่ส่วนอ่อนไหวก็ถูกบีบจนปวดไปหมด ปากหนาบดขยี้ลงบนกลีบปากอิ่มอย่างรุนแรงเสียจนเลือดไหลซิบ การกระทำรุนแรงป่าเถื่อนเกินกว่ามนุษย์จะทำ
“ครางให้ดังๆล่ะ ให้เหมือนกับที่รับแขกคนอื่นล่ะ!!”ร่างสูงตวาดใส่หน้า นิ้วแกร่งสอดพรวดเข้าไปในช่องทางอย่างไร้ความปราณี ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างของชานยอล น้ำตาไร้ซึมออกมา เสียงร้องแหบแห้งไปจนร้องไม่ออก ได้แต่จิกมือกับผ้าห่มเสียจนข้อนิ้วซีด
“ร้องสิ! ร้องออกมาสิ! ชอบไม่ใช่รึไง!!!”นิ้วแกร่งขยับเข้าออกในช่องทางอย่างแรง กระแทกจนกล้ามเนื้อฉีกขาด เลือดไหลซิบออกมาเลอะผ้าปู
“อ๊ะ……”ชานยอลร้องออกมาได้เท่านั้น ความเสียวซ่านแทบจับต้องไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดอัดแน่นไปทั่วทุกอณูของร่างกายเสียจนร่างแทบแหลกละเอียด
“เลว! นายมันเลว ปาร์คชานยอล!!!”น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย หัวใจแหลกละเอียดลงตรงนั้น คริสขยับนิ้วเข้าออกซ้ำๆ พร้อมกับก้มลงขบกัดไปตามผิวเนื้อสีขาวจนห้อเลือด เรียวลิ้นดูดดึงยอดอกอย่างแรงจนเจ็บ การกระทำหยาบโลนยิ่งกว่าสัตว์ป่า ทำเหมือนคนใต้ร่างไม่ใช่คน
“อื้อ…...”ชานยอลร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บ ขาเรียวสั่นระริกเสียจนแทบจะตกลงบนเตียง สะโพกมนถูกกระชากให้ขยับเข้ามาใกล้ มือหนาฟอนเฟ้นเนื้อเนียนจนขึ้นรอยแดง ก่อนที่ความเป็นชายจะสอดใส่เข้ามารวดเดียวจนหมด
“อ๊ะ…..”น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตากลมโต ความเจ็บสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ร่างกายสั่นระริกด้วยความทรมานเหมือนมีใครมาฉีกร่างทั้งร่างให้แยกออก ดวงตากลมโตเหม่อใบหน้าของปีศาจร้ายที่กำลังลงโทษเขาอยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย นี่คือเจ้าชีวิตของเขา คือทุกอย่างของเขา ต่อให้ร้องขอเอาชีวิตของเขา เขาก็ให้ได้ ดังนั้นแค่ร่างกายนี้ทำไมเขาจะให้ไม่ได้
“เอาไป…ให้หมด….อยากได้อะไร…ก็เอาไป…ให้หมด”ร่างโปร่งพูดเสียงเบาจนฟังดูเหมือนกระซิบ เลือดที่ไหลซิบๆตรงมุมปากไหลย้อนกลับเข้ามาในปากจนขมปร่าไปหมด แต่รสชาติของมันก็คงไม่ขมเท่ากับรสชาติของความรักที่คริสมอบให้เขา ทั้งขม ทั้งอันตราย เป็นดั่งยาพิษที่กินแล้วตาย แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็พร้อมจะตายหากยาพิษนั้นมีชื่อว่า ‘คริส’
“งั้นฉันก็จะเอาไปให้หมด!!!”ปากหนาบดขยี้ลงมาที่ปากอิ่ม ฟันคมขบกัดซ้ำรอยแผลเก่าเสียจนชานยอลร้องเสียงหลง ช่องทางด้านหลังถูกรุกรานอย่างหนักจนทุกครั้งที่ร่างสูงขยับเลือดก็ไหลย้อนออกมาเป็นทาง ความเสียวซ่านจางหาย แทบไม่เคยได้รู้สึก ในขณะที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างต่างเลือดที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงชีวิตของชานยอล
“อื้ออออ อึก….”ร่างโปร่งครางเสียงหลงเมื่อร่างสูงกระแทกย้ำๆเข้ามาในช่องทาง นิ้วเท้าจิกเตียงจนซีด น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บจากทั้งกายและใจ ปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“ครางสิ! ครางออกมาสิ! งานถนัดไม่ใช่รึไง !!!!”คริสตวาดใส่หน้า มือหนารูดรึงส่วนอ่อนไหวด้วยสัมผัสหยาบโลน
“อ้ะ อ้า อื้ออออ…”ชานยอลทำอย่างที่อีกฝ่ายบอก ร่างสูงอยากได้อะไร เขาก็จะให้ ให้ทุกอย่าง ลมหายใจนี้เขาก็ให้ได้ ถ้าต้องการ
“แขกไม่สอนรึไงว่าให้ครางชื่อแขกนะ ห๊า!!”ร่างโปร่งหลับตา หอบหายใจโรยริน ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขาแทบร้องครางไม่ออก แต่ถึงกระนั้นก็ยังจะฝืนตามใจอีกฝ่าย
“คริส….คะ….คริส”
“หึ!”ร่างสูงหัวเราะอย่างดูถูก ก่อนจะขยับเข้าออกถี่ๆที่ช่องทาง พร้อมกับเร่งรูดมือที่ส่วนอ่อนไหวของชานยอล จนเริ่มมีน้ำปริ่มอยู่ที่ส่วนปลาย
มือหนารีบเร่งเร้าให้อีกฝ่ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางด้านหลังถูกขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง แรงบีบรัดภายในแรงเสียจนเขาแทบคลั่ง ยิ่งถะล้ำลึกความเป็นชายของตนเข้าไปมากขึ้น มือหนาขยับรูดขึ้นรูดลงเร็วๆจนเรียกเสียงครางจากอีกฝ่ายได้
“อ้า….อ้ะ….คริส”รอยยิ้มเหยียดถูกวาดที่กลีบปากหนา ก่อนที่ร่างสูงจะเร่งความเร็ว เสียจนชานยอลปลดปล่อยออกมาเต็มมือของเขา
“โสโครก!!!”คริสตวาดใส่หน้าอย่างรังเกียจ ก่อนจะให้ชานยอลเลียของที่เขาว่า ‘โสโครก’เข้าไปจนร่างโปร่งแทบสำลัก
คริสกระแทกความเป็นชายเข้าออกในช่องทางของชานยอลรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อและความเฉอะแฉะในช่องทางดังไปทั่วห้อง ร่างโปร่งเม้มปากแน่นเมื่อร่างกายกำลังร้าวราน ดวงตากลมโตที่สดใสอยู่ตลอดเวลากำลังหม่นหมองและเริ่มพร่ามัว การหายใจหอบหนักเสียจนเหมือนคนใกล้ชักเพราะทนการกระทำรุนแรงไม่ไหว
“แฮ่ก…แฮ่ก…..คริส….”คริสไม่ได้สนใจสุ่มเสียงที่เปลี่ยนไป แต่กลับยังคงสอดใส่เข้ามาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะขยับเข้าออกถี่ๆสองสามครั้ง แล้วลุกขึ้นมาปลดปล่อยใส่ปากของเขา
น่าแปลกที่ต่อให้มันจะโสโครกสกปรกอย่างที่คริสพูดแค่ไหน แต่เขากลับกล้ากลืนกินมันลงไปทุกหยาดหยดอย่างไม่รังเกียจ ไม่เหมือนกับร่างสูงที่แค่สัมผัสของเขาก็ยังขยะแขยง
“มันยังไม่จบหรอกนะ ชานยอล!!!”คริสแผดเสียงใส่ ก่อนจะกระชากให้คนที่เกือบจะสลบลงไปแล้วกลับขึ้นมามีสติ แล้วรองรับความโกรธจากเขา
“ทำต่ออีกสักสองสามรอบคงไม่ตายหรอกมั้ง! รับแขกคนอื่นอาจจะเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำไป!!!”ดวงตากลมปรือปรอยมองอีกฝ่ายอย่างเจ็บช้ำ จะต่อว่าเขาไปถึงไหน จะทำเหมือนเขาเป็นพวกอย่างว่าไปถึงไหน ต้องทำร้ายอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ
บทเพลงรักที่โหดร้ายทารุณและผิดเพี้ยนไปจากทำนองคลองธรรมถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่โหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนหยาดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าพรั่งพรูลงมาเป็นสาย หลั่งรินลงจนแทบเป็นสายโลหิต แต่ปีศาจร้ายที่แสนจะชั่วช้าก็ยังคงไม่สาแก่ใจ ยังทารุณอีกฝ่ายไปเรื่อยๆจนถึงตอนเช้า
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง ส่องภาพความเป็นจริงทุกอย่างให้กระจ่างในดวงตา เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องยับเยิ่นด้วยศึกรักแห่งความโหดร้าย คราบเลือดแห้งกรัง ของเหลวสีขาวเปรอะเปื้อนอยู่เต็มผ้าปูที่นอน ร่างร่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยกัดนอนสลบไสลอยู่ฝากหนึ่งของที่นอน ตอกย้ำให้เห็นที่ความป่าเถื่อนของผู้กระทำ
คริสมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาไร้อารมณ์ เขาจะไม่เสแสร้งแกล้งทำว่าเป็นคนดี รู้สึกผิดกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น หรือสงสารร่างโปร่งที่โดนกระทำ แต่เขาจะแค่มองดูอย่างเฉยๆ สะใจในชัยชนะของเขาก็เท่านั้น
“หึ”ร่างสูงหัวเราะอย่างดูถูกในลำคอ ก่อนจะหยิบเงินปึกหนึ่งโปรยไปทั่วทั้งเตียง แล้วแย้มยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจใยดีอะไรคนที่นอนอยู่บนเตียงเลยสักนิด
จะสนใจทำไม ในเมื่อนี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ อาจจะชินแล้วด้วยซ้ำไป ก็คงจะรับแขกบ่อยจนขนาดที่ผู้ชายเดินเข้ามาในห้องมาแล้ว ยังคงทำเพิกเฉยอยู่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเด็กนี่ก็ไม่มีค่าอะไรให้เขาใส่ใจหรอก!!!
------------------------------------------------------
ชานยอลตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน ดวงตากลมโตปรือปรอยมองเพดานห้องอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายร้อนรุ่มด้วยพิษไข้จากการถูกทารุณจนแทบไม่มีแรงจะลุกขึ้นนั่ง หยาดน้ำตาจะไหลออกมาจากหางตางเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพความโหดร้าย และทารุณยังคงเด่นชัดอยู่ในสมองและหัวใจจนแทบกลายเป็นภาพหลอน หัวใจดวงน้อยที่พังทลายเต้นอย่างเชื่องช้าและเศร้าสร้อย มันเจ็บ เจ็บไปทั้งกายและใจ
Rrrrrr Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกร่างโปร่งให้หลุดจากภวังค์ ก่อนที่จะยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล แต่ก็ทรุดฮวบแทบจะในทันทีเมื่อเห็นแบงค์ถูกโปรยอยู่เต็มเตียง ตัวของเขาชาไปทั้งร่าง ความเสียใจเข้าจู่โจมหัวใจที่บอบช้ำจนไร้เรี่ยวแรง สำหรับคริสเขาเป็นได้แค่พวกอย่างว่าอย่างนั้นหรอ เป็นได้แค่เท่านั้นน่ะหรอ…
“ใจร้าย”ชานยอลพูดออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาเป็นสาย ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะเรียกสติของเขาให้กลับมาสนใจโลกปัจจุบัน
“ฮัลโหลครับ”
“เสียงดูไม่ดีเลย ไม่สบายรึเปล่าชานยอล ทำไมไม่มาทำงาน”พี่สาวของคนที่ทำร้ายเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ร่างโปร่งรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ไม่สบายน่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“อ้าว เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย งั้นหยุดอยู่บ้านเลยนะ ไม่ต้องมาทำงาน หายดีเมื่อไรแล้วค่อยมานะชานยอล”รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม
“ขอบคุณครับ พี่อลิซ”
“งั้นนอนพักผ่อนซะนะ พี่ไม่กวนแล้ว หายไวๆนะจ๊ะ”ปลายสายกดตัดไป ก่อนที่ชานยอลจะทิ้งมือถือลงข้างตัว เขาเลือกที่จะบอกให้อลิซรับรู้ได้แค่นั้นว่าเขาป่วย แต่ไม่อยากบอกว่าเพราะอะไร เพราะเขาไม่อยากให้อลิซเครียด และที่สำคัญเขาไม่อยากให้คริสมีปัญหากับพี่สาว…
จะหาว่าเขาบ้าและโง่มากก็ได้ แต่เขารักคริสมาก มากจนโกรธเกลียดไม่ลงถึงแม้ว่าคริสจะทำให้เขาเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม
“คุณองครักษ์”ร่างโปร่งเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ก่อนที่พิษไข้จะเข้าเล่นงานร่างกายจนเขาค่อยๆหลับไปอีกครั้ง
เป็นเวลากว่าสองวันที่เขาไม่สบาย ได้แต่นอนซมอยู่ที่เตียงจนไม่ได้ไปทำงาน ไม่มีใครมาดูแลเขา ไม่มีเงาของคริสมาให้เห็น อย่างกับว่าชานยอลมีค่าแค่ที่ระบาย ไม่ใช่คนที่คอยดูแล
“สำหรับพี่ ผมก็แค่ที่ระบายความรู้สึกสินะ เมื่อไรพี่จะสนใจเด็กคนนี้บ้าง”ชานยอลตัดพ้อด้วยเสียงเศร้าสร้อย ดวงตากลมโตที่แดงช้ำจากการร้องไห้มองรูปของคริสที่ตัดเก็บเอาไว้
“ถ้าสักวันหนึ่งผมตายจากพี่ไป พี่จะเศร้ารึเปล่า”
“พี่คงไม่เศร้าสินะ แต่ถ้าเป็นผม….”ร่างโปร่งเว้นช่วงก่อนจะมองรูปของคริสแล้วจึงพูดต่อ
“ผมคงจะตายตามพี่ไป”หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมาที่รูป ก่อนที่มือเรียวจะรีบปาดมันออก รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนที่ร่างโปร่งจะพยายามกั้นน้ำตาเอาไว้
“ไม่เอาน่า ชานยอล อย่าร้องไห้สิ โตแล้วนะ”มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนที่ร่างโปร่งจะแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน กั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วพูดกับตัวเอง
“ไปทำงาน ไปทำงานได้แล้ว!”ร่างโปร่งบอกก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้ว ลุกเดินออกจากห้องไปทำงาน เขาต้องกลับไปทำงานเสียที เขาหยุดมานานแล้ว จะให้เรื่องนี้มาทำให้เสียงานไม่ได้ เขาต้องรับผิดชอบ…
--------------------------------------------
ตลอดทั้งวันชานยอลทำงานหนักจนสายตัวแทบขาด งานที่หยุดไปสองวันถูกพอกพูนรวมกับงานของวันนี้ จนเขาต้องใช้เวลาทุกวินาทีไปกับการเคลียร์เอกสารต่างๆให้หมด แต่ถึงกระนั้นงานก็ยังไม่หมดไปเสียที
“เฮ้อ ขืนเป็นอย่างนี้ต้องยกงานกลับไปทำที่บ้านแน่”ร่างโปร่งพูดอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะถอดแว่นแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ดอกเตอร์ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้นี่คะ งานไม่เร่งไม่ใช่หรอคะ”พนักงานสาวที่อยู่ช่วยเขาเคลียร์เอกสารพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก ถ้าผมช้า คนอื่นก็จะช้าด้วย แค่นี้ผมก็ถ่วงเวลาคนอื่นมาเยอะแล้ว”
“โถ่ ดอกเตอร์ก็…..นี่นะ ถ้าใครได้ดอกเตอร์เป็นแฟนคงดีใจแย่ ทั้งหน้าตาดี ทั้งเก่ง แถมยังรับผิดชอบมากด้วย อ้อ นิสัยก็ยังดีอีก”แต่พี่คริส ไม่เคยมองว่าผมเป็นอย่างนั้น ร่างโปร่งได้แต่คิดในใจ ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วตอบกลับไป
“เพ้อเจ้อน่ะ รีบทำงานกันดีกว่า จะได้รีบกลับบ้าน”
“ค่า คุณดอกเตอร์คนเก่ง”หญิงสาวพูดก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันเคลียร์งานต่อไป จนเวลาล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกงาน ทั้งสองแยกย้ายกันกลับบ้าน ร่างโปร่งตรงดิ่งกลับไปหาเตียงที่คอนโด วันนี้เขาเหนื่อยกับงานมามากจริงๆ
ตี๊ด ตี๊ด เสียงคนกดกริ่งหน้าประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ก่อนจากตามมาด้วยเสียงกริ่งจะดังรัวๆเมื่อเขายังไม่เดินไปเปิด คิ้วได้รูปขมวดอย่างรำคาญพฤติกรรมไร้มารยาทของอีกฝ่าย ก่อนจะเปิดประตูออกโดยไม่ทันดูว่าใครมา
“พี่คริส….”ชานยอลเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว ดวงตากลมโตเบิกโพล่ง ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ดีใจจริงๆที่ยังจำกันได้”ร่างสูงแย้มยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ถามเจ้าของห้องสักคำ….
อาหารเช้าอย่างง่ายๆถูกทำขึ้นแล้วรับประทานหมดไปอย่างช้าๆ เมื่อขณะที่ทานร่างโปร่งก็อ่านและเตรียมเอกสารที่จะใช้ในการปรึกษาเรื่องงานครั้งนี้ด้วย จนเวลาล่วงเลยไปถึงสิบโมงเช้า ชานยอลก็ค่อยๆเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมตัวให้พอ ให้ทันกับตอนที่อลิซมารับ
Rrrrrrr Rrrrrrrrrr
ร่างโปร่งที่มัวแต่จัดของในห้องทำงานรีบวิ่งออกมารับโทรศัพท์ที่ดันเผลอวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“เบอร์ใครน่ะ”ถามออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา แต่ก็ตัดสินใจรับเพราะคิดว่าอาจเป็นเบอร์ของลูกน้องก็ได้
“ฮัลโหลครับ”
“ปาร์คชานยอลใช่มั้ย”ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสาย ร่างโปร่งก็เบิกตากว้างตกใจ มือเรียวเกือบทำโทรศัพท์ตกลงพื้น เส้นเสียงเหมือนจะเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“นี่ ฟังอยู่รึเปล่า”
“ครับ ฟังอยู่”ชานยอลพยายามปรับเสียงให้ปกติ ไม่ตื่นตกใจจนอีกฝ่ายจับได้ หากแต่ภายในร่างหัวใจกลับเต้นโครมครามจนแทบดังให้อีกฝ่ายได้ยิน หัวสมองเกิดคำถามมากมายไปหมดว่าคริสเอาเบอร์เขาไม่ได้ยังไง แล้วร่างสูงโทรมาหาเขาทำไม
“พี่ฉันให้ไปรับที่คอนโดแทน ตอนสิบเอ็ดโมง อยู่คอนโดไหนล่ะ”ร่างโปร่งทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ เส้นทางการมาคอนโดดูจะอันตธานหายไปเสียดื้อๆ ก่อนที่เขาจะรื้อมันกลับขึ้นมาใหม่ แล้วพยายามสั่งใจให้เลิกตื่นเต้น และบอกมันว่า ร่างสูงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น
“คอนโดชื่อXXXใกล้กับโรงพยาบาลXXX ครับ” ชานยอลบอกตำแหน่งที่ตั้งจากสถานที่สำคัญๆที่คนทั่วไปก็รู้จัก และน่าจะมาได้ง่ายมากที่สุด
“โอเค สิบเอ็ดโมง ไม่มีเรท”ร่างสูงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างผิดกับที่ใช้กับหญิงสาวคนเมื่อวานจนชานยอลนึกน้อยใจอยู่ลึกๆ และคิดเอาเองว่าคริสคงไม่อยากมารับเขาหรอก เผลอๆร่างสูงอาจจะต้องเลื่อนนัดคู่ขาของตัวเองเพื่อต้องมารับเขาก็ได้
ภาพใต้โต๊ะเมื่อวานย้อนกลับเข้ามาในหัว ตอกย้ำลงไปในหัวใจของชานยอลอีกครั้ง จนตะกอนความเจ็บปวดฟุ้งกระจายกลับขึ้นมา น้ำตาคลอหน่วงอยู่ที่ขอบตาสวยเตรียมจะร่วงเผาะลงมา แต่ก็ถูกมือเรียวปาดออกอย่างลวกๆ พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ไม่ขี้แงน่า ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”ชานยอลบอกกับตัวเองก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยัดกายลุกขึ้นไปเตรียมเอกสารต่อ จากนั้นก็เตรียมตัวรอเวลาที่ร่างสูงจะมารับ
เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วในความคิดของชานยอล บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น รู้แต่เพียงว่าถ้าถามว่าไม่อยากเจอหรอ ก็ตอบเลยว่าไม่ แต่ถ้าถามว่าแล้วเจ็บมั้ยที่ต้องเจอ ก็ตอบเลยว่าเจ็บมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องเจอร่างสูงอยู่ดี เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้แต่ภาวนาให้โทรศัพท์มันดังช้าๆก็แล้วกัน
Rrrrrr Rrrrrrr เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้น มือเรียวกดรับก่อนที่ปลายสายจะพูดทันทีไม่รอให้เขาทักทายอะไรทั้งสิ้น
“ถึงแล้ว อยู่หน้าคอนโด รีบลงมาด้วย”ปลายสายกดตัดโดยไม่รอให้เขาตอบอะไรอีกเช่นเคย ใบหน้านวลไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ขจัดความรู้สึกนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วแทนที่มันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแทนที่สรุปเอาเองว่าคริสคงไม่อยากคุยด้วย ก็แน่อยู่หรอก เขามีอะไรดีให้ร่างสูงลดตัวมาคุยด้วยกันล่ะ ไม่ใช่ทั้งคนประเภทที่คริสจะคบค้า และไม่ใช่ทั้งประเภทที่คริสจะหลงรัก เขาไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะฝังกลบความรู้สึกต่างๆไว้ในใจแล้วเดินออกไปจากห้อง ลงไปยังชั้นล่าง แล้วตรงไปยังรถร่างสูงที่จอดอยู่ ทุกย่างก้าวที่เข้าใกล้หัวใจดวงน้อยก็พาลจะหยุดเต้นและปวดหนึบขึ้นเรื่อยๆ ภาพเมื่อวานไหลย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง และยิ่งเด่นชัดมากขึ้นจนหัวใจเจ็บแปลบเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังนั่งรออยู่ในรถ ชานยอลเข้านั่งประจำที่นั่งคนขับ โค้งศีรษะให้เป็นเชิงทักทาย ก่อนจะปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ
ฝ่ายร่างสูงที่มารับก็เริ่มหงุดหงิด นึกโมโหความเงียบของอีกฝ่าย ที่ไม่แม้แต่จะพูดทักทาย หรือชวนคุยอะไรทั้งสิ้นเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อก่อน ทำเหมือนกับพวกเขาไม่รู้จักกัน อย่างกับเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งๆที่เคยผ่านเรื่องราวอย่างนั้นมาด้วยกันแท้ๆ หรือว่ามั่วเยอะจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ก็คงจะเป็นอย่างนั้นสินะ พวกอย่างว่ามันจะไปจำได้ยังไงว่ามั่วกับใครไปแล้วบ้าง ในเมื่อรับแขกแต่ละวันแทบไม่ซ้ำหน้ากัน!!!
คริสระบายความโกรธ และโมโหผ่านการขับรถ ขับปาดไปทางนั้นทีทางนี้ที แทรกคนอื่นไปเรื่อย และใช้ความเร็วจนน่าหวาดเสียว ร่างโปร่งที่นั่งข้างๆได้แต่เหลือบมองดูอาการของอีกฝ่าย แต่ก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดหรือทำอะไร ทั้งๆที่ในใจกำลังกลัวและสับสนว่าคริสเป็นอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิดมากขนาดนี้ หรือเพราะโมโหที่ต้องมารับเขา คงจะเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย
รถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอดเทียบที่ลานหน้าบ้านของตัวเองอย่างเร็ว ก่อนที่ชานยอลจะเปิดประตูรถลงพร้อมกับโค้งศีรษะขอบคุณเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับคริสสักคำ จนร่างสูงที่ลงจากรถที่หลังได้แต่ระบายความโกรธเกรี้ยวใส่ประตูรถที่ปิดแรงอย่างไม่กลัวว่ามันจะพัง
“อ่าว ชานยอล มาแล้วหรอ ทานอะไรมารึยัง”อลิซที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเอ่ยถาม
“ทานแล้วครับ พี่อลิซไม่ต้องรีบทานนะครับ ผมรอได้”ชานยอลตอบพร้อมกับยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะด้วย
“พี่กินเสร็จพอดี รอเอาจานไปเก็บก่อนแปบนึงนะจ๊ะ”หญิงสาวตอบก่อนจะเดินไปเก็บจานในครัว โดยไม่รอให้แม่บ้านมาทำเพราะถือว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้คนทำแทนก็ได้ จากนั้นก็เดินออกมาพร้อมกับที่เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น
“ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย”หญิงสาวบ่นเบาๆก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์อย่างเต็มใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่คริสเดินเข้ามาในบ้าน ความโมโห ความคลางแคลงใจพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด ร่างสูงเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามของชานยอลด้วยท่าทางหงุดหงิดสุดขีด
“จำกันไม่ได้หรือว่าพยายามจะจำกันไม่ได้กันแน่!!!” คริสถามอย่างเหลืออด กว่าหลายวันแล้วที่ชานยอลทำเหมือนเป็นคนไม่รู้จักกัน วันนี้เขาจะไม่ปล่อยให้มันเลยผ่านไปอีกแล้ว
ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ปรับสีหน้าเรียบเฉย ไม่หวาดหวั่นไปกับเพลิงอารมณ์ของอีกฝ่าย และไม่คิดจะโต้เถียงอะไรให้มากความ เพราะเขาไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว และไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายโมโหมากขึ้น
“ทำไม! เงียบทำไม! นั่งนึกคำตอบอยู่รึไง มั่วเยอะจนจำหน้าใครไม่ได้เลยล่ะรึไง!!!”ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน รอยยิ้มเหยียดหยามถูกมอบให้อีกฝ่าย เขากำลังโกรธ เกลียด แค้นที่อีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ ทั้งยังลืมเรื่องทุกอย่างไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน กลายเป็นพวกที่มั่วผู้ชายไปเรื่อย!!!
คนถูกกล่าวหานั่งนิ่งๆไม่ตอบโต้อะไร พยายามข่มใจที่กำลังเจ็บให้ร้องไห้อยู่อย่างเงียบๆฟังอีกคนดูถูกเสียตัวเองไม่เหลือค่าความเป็นคน
“เหอะ! เงียบเพราะมันจริงใช่มั้ยล่ะ! เปลี่ยนหน้ากันไม่ซ้ำแต่ละวันเลยนี่ ถามจริงๆเถอะ จำชื่อเขาได้บ้างมั้ยน่ะ” คริสแสร้งทำหน้าอยากรู้ ในขณะที่ร่างโปร่งก็ยังคงนิ่งเฉย
“ทำไมไม่พูดเล่า! หรือว่าจำไม่ได้ นี่! อย่างน้อยคนแรกของนาย นายก็น่าจะจำเขาได้หน่อยสิ หรือว่ามันยังไม่ถึงใจพอ ไม่เร้าใจพอ ห๊ะ!”คริสตบโต๊ะเสียงดังลั่นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้อะไรสักคำ
“เออ!! ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ จะเก็บเสียงไว้ครางกับหมาตัวไหนก็เชิญ!!!”ร่างสูงตวาดพร้อมกับผลักโต๊ะออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นไปบนห้อง แล้วปิดประตูเสียงดังลั่นบ้าน ทิ้งไว้แต่ชานยอลที่หัวใจบอบช้ำเน่าเฟะเป็นแผลอยู่ข้างในเสียจนหมดแล้ว
หยาดน้ำตาที่หลั่งรินอยู่ในหัวใจพรั่งพรูออกมาเป็นสาย นึกเสียใจที่ถูกคนที่รักถากถางและว่าร้ายในทางเสียๆหายๆทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ความรักที่ซื่อสัตย์ เขาก็ยกมันให้เป็นของร่างสูงทั้งหมด แต่อีกฝ่ายกลับต่อว่าเขาว่าเป็นพวกอย่างว่า ทำตัวส่ำส่อน มั่วไม่เลือกจนจำชื่อไม่ได้อย่างนั้นน่ะหรอ คริสจะรู้มั้ย จะรู้มั้ยว่าชื่อของคริสมันฝังอยู่ในใจของเขา ติดอยู่ในสมองจนแม้แต่หลับฝันก็ยังเผลอละเมอออกมาเป็นชื่อของคริส!
“ลงโทษผมให้พอ ลงโทษผมให้พอจนกว่าพี่จะพอใจ”ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“ชานยอล เมื่อกี้เจ้าคริสขึ้นบ้านไปหรอ”อลิซที่เพิ่งเดินมาเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น
“ครับ เพิ่งขึ้นไปเมื่อกี้เอง”ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีความเศร้าเจือปนอยู่ในนั้น
“โมโหอะไรของเขา ปิดประตูทีกลัวบ้านไม่พังรึไง นี่ แล้วนี่คริสทำตัวกับเราน่ารักมั้ย ไม่ได้ทำนิสัยเสียๆนะ”อลิซเอ่ยถามคนข้างตัวขณะที่เดินขึ้นบันใด ตรงไปยังห้องของหญิงสาว คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ไม่เลยครับ พี่เขาน่ารักมาก”ชานยอลโกหก หากสิ่งที่คริสทำคือนิสัยดี คนทั้งโลกก็คงจะไม่มีใครเลวอีกแล้ว….
-------------------------------------------------
การปรึกษางานครั้งนี้เคร่งเครียดน้อยกว่าครั้งที่แล้วมากนัก เพราะปัญหาที่แก้กันมานานค่อยๆหาทางออกได้ทีละส่วน จนผลงานได้ตรงตามที่ต้องการแล้ว แต่กว่าจะเสร็จทุกขั้นตอนก็กินเวลายาวนานไปจนถึงตอนเย็น เล่นเอาคนทำงานเก่งทั้งสองคนต่างหมดพลังไปจนเกือบหมด
“กว่าจะแก้ได้ ดีนะที่ได้ดอกเตอร์คนเก่งมาช่วย”อลิซเอ่ยชม ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้ตัวเอง
“ไม่หรอกครับ พี่ก็ชมผมเกินไป”ร่างโปร่งยิ้มเก้อเขินเมื่อถูกชมตรงๆ จะให้ถูกชมบ่อยเท่าไรเขาก็ยังไม่ชินเสียที
“ไม่เกินไปหรอก น้อยไปด้วยซ้ำ นี่ แล้ววันนี้กลับยังไงล่ะ มีคนมารับรึเปล่า”
“วันนี้คงต้องกลับเองล่ะครับ พี่ชายคนที่รู้จักเมื่อวานเขาก็ดันไม่ว่าง”ชานยอลเอ่ยตอบก่อนจะเริ่มเก็บของ
“แล้วตาลูกโรงแรมชื่อดังคนนั้นล่ะ เมื่อไรจะเปิดตัวจ๊ะ”อลิซถามหยั่งเชิง อยากจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นยังไงกันแน่ เธอยังให้น้องชายเธอมาจีบเด็กคนนี้อยู่ได้รึเปล่า
“โถ่ พี่อลิซ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยครับ วันนั้นเขาแค่อาสามารับเฉยๆครับ เห็นว่าทางผ่านแล้วงานมันก็เลิกดึก”ร่างโปร่งเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“อ๋อออ อย่างนี้ก็โสดสนิทน่ะสิ”
“ครับ ยิ่งกว่าสนิทอีก”ชานยอลว่าติดตลก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวลากลับบ้าน
“อ้าว แล้วนี่จะกลับแล้วหรอ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวให้เจ้าคริสไปส่ง”หญิงสาวรีบเอ่ยรั้งก่อนจะรีบเดินเข้ามาหา
“ไม่ต้องก็ได้ครับพี่ รบกวนเปล่าๆ”ชานยอลรีบปฏิเสธ ลำพังแค่ตอนมายังเกิดเรื่อง ตอนกลับล่ะ ไม่เกิดเรื่องยิ่งกว่าหรอ
“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก กลับเองมันลำบาก ให้เจ้าคริสมันไปส่งนั้นแหละ”เธอรวบรัดตัดความก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของคริสแล้เคาะประตูรัวๆท่ามกลางเสียงคัดค้านของชานยอล
“พี่ครับ ไม่ต้องก็ได้…”
“ไม่เป็นไรหรอก ใช้นายมา ก็ต้องไปส่งนายสิ คริส พี่วานไปส่งชานยอลหน่อย”ร่างเพรียวบางตะโกนบอกคนเป็นน้องที่อยู่ในห้อง
“พี่อลิซครับ แต่…”
ผัวะ เสียงประตูถูกเปิดออก ขัดจังหวะการพูดของชานยอล ร่างสูงมองไปที่พี่สาวของตนก่อนจะเหลือบมองอีกฝ่าย
“ไปส่งชานยอลที่คอนโดให้พี่หน่อย”อลิซย้ำเจตนาของตนอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยถาม
“ไม่มีคนมารับ?”เอ่ยถามด้วยรูปประโยคธรรมดา แต่จงใจแฝงการเหน็บแหนมให้คนฟังได้ยิน
“ก็ไม่มีน่ะสิ เร็ว รีบไปส่งเร็ว เย็นมากเดี๋ยวค่ำซะก่อน”ร่างสูงนิ่งไปชั่วครู่ ชานยอลภาวนาให้อีกฝ่ายตอบปฏิเสธ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดั่งที่หวังเมื่อร่างสูงเอ่ยตอบ
“ครับ”คำตอบเดียวสั้นที่เหมือนจะพาหัวใจของชานยอลปลิวไปด้วย ร่างสูงหันไปคว้ากุญแจรถแล้วออกเดินนำลงไปชั้น
ล่าง ความโกรธเกรี้ยว หงุดหงิด และโมโหยังคงไม่จางหาย ซ้ำยังยิ่งติดตรึงแทรกอยู่ในใจรอโอกาสที่จะได้ระบายมันอีกครั้ง
ชานยอลและอลิซเดินตามร่างสูงจนมาถึงลานจอดรถ พี่สาวของร่างสูงโบกมือเป็นเชิงลาร่างโปร่งรุ่นน้อง ก่อนจะกำชับให้คริสขับรถดีๆแล้วมองส่งคนทั้งคู่ที่ขับรถออกไปจากบริเวณบ้าน
“เปิดโอกาสให้แล้ว ทำตัวน่ารักๆหน่อยนะเจ้าน้องชาย”
อลิซคิดผิด คริสทำตัวไกลห่างจากคำว่า ‘น่ารัก’มากนัก ร่างสูงกำลังโกรธ และโมโห เพลิงแห่งอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะลูกโหมจนแทบจะแผดเผาร่างของเขาทั้งเป็น สาเหตุล้วนแล้วแต่มาจากคนเพียงคนเดียง เด็กผู้ชายที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้างเขานี่! เขาไม่เข้าใจว่าทำไมร่างโปร่งถึงยังนิ่งอยู่ได้ ทำไมถึงยังทำเฉยเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ ทั้งๆที่เขาทั้งอาละวาด ถากถาง และดูถูกไปเสียขนาดนั้น ถ้าเป็นคนดีๆเขาคงจะสวนกลับมาแล้ว แต่นี่กลับไม่! เด็กนี่ยังคงนั่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเหมือนเขากำลังบ้าไปอยู่คนเดียว!
ไม่! เขาจะไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น! เขาต้องชนะ ต้องได้คำตอบจากเด็กนี่ให้ได้!!! ไม่มีทางที่คนเราจะลืมคนที่เป็นครั้งแรกเขาเราได้ ไม่มีทางที่ร่างโปร่งจะลืมเขาได้ แต่ทำไม! ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้กับเขา!!!
ร่างสูงหักเลี้ยวเข้าลานจอดรถของคอนโดอย่างแรง ก่อนจะแล่นมาจอดอย่างฉุนเฉียว ชานยอลหันมาโค้งศีรษะขอบคุณก่อนจะก้าวลงจากรถ หากแต่เสียงปิดประตูรถอย่างแรงที่ตามมาพร้อมกับเสียงคนเดินตามมาด้านหลังทำให้หัวใจของร่างโปร่งต้องสั่นไหว เขารู้ดี รู้ว่าร่างสูงกำลังหงุดหงิดมากแค่ไหน….
“มันเยอะมากจนจำไม่ได้เลยรึยังไง!!!”คริสถามเสียงกระชาก มารยาทและความเป็นผู้ดีดูจะหายไปจากสมองและจิตใจของเขาในชั่วพริบตาที่อยู่ใกล้เด็กคนนี้!
ร่างโปร่งที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ข่มตาอย่างสกัดกั้นอารมณ์ เขากำลังกลัว กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากจะตอบโต้อะไรกลับไป การเล่นกับไฟที่กำลังลุกโหมสูงสุดตอนนี้รังแต่มีแต่อันตราย ซ้ำตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ใช่ว่าไม่มีให้เสีย แต่เพราะทั้งหมด ทั้งชีวิตของเขายอมเสียได้เพื่อคริส คนคนเดียวที่เขาจะรักเท่านั้น
“เงียบทำไม! เป็นใบ้ไปแล้วรึไง! ทีกับผู้ชายคนอื่นล่ะคุยได้คุยดี!!!!”ร่างสูงที่เดินตามมายังคงพูดจาถากถางว่าร้ายในทางเสียๆหายๆ หากแต่ชานยอลก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป หัวใจดวงน้อยพยายามอดกลั้นอารมณ์ความเจ็บปวดทุกอย่างไว้ภายในไม่ยอมแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้รู้
“หึ! แกล้งทำตัวเป็นเจ้าหญิงแสนซื่อ สุดท้ายมันก็แค่พวกอย่างว่าที่มั่วไม่ซ้ำหน้า!!!”หัวใจแทบแหลกสลายทันทีที่ได้ยิน แต่ร่างโปร่งก็ยังคงเดินต่อไปพร้อมกับหัวใจที่เจ็บช้ำมากขึ้นเรื่อยๆจนเดินมาใกล้จะถึงห้อง มือเรียวรูดคีย์การ์ด เดินเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่เดินตามเข้ามาด้วยเลยแม้แต่น้อย
“คนดีๆเขาทำกันอย่างนี้รึไง! ให้ผู้ชายเดินเข้าห้องง่ายๆอย่างนี้น่ะหรอ ร่าน!!!! พาขึ้นมากี่คนแล้วล่ะ! ชินแล้วสินะที่มีผู้ชายเข้าห้อง! คงรู้งานดีแล้วล่ะสิ เก็บซากคนเก่าเมื่อคืนหมดไปรึไงล่ะ!!!!”คริสตวาดเสียงดังลั่น มือเรียวบีบเข้าหากันแน่น ถ้อยคำที่ร่างสูงพูดเหมือนน้ำกรดที่ราดรดลงบนหัวใจให้เนื้อในเหวอะหวะร้าวรานจนแทบไม่มีชิ้นดี
“เวลาเปลี่ยนคนมันก็เปลี่ยนสินะ เคยรับแขกมันยังไง ก็คงจะอย่างนั้นสินะ!!!”
“อะไรที่คุณต้องได้ คุณก็ต้องได้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ”ชานยอลพูดสวนกลับเป็นครั้งแรก เส้นความอดทนของคริสขาดผึง มือหนากระชากอีกเขาตรงไปที่ห้องนอน ก่อนจะผลักลงเตียงอย่างแรง แล้วตามขึ้นคร่อมเอาไว้
“ดี! งั้นก็สนองให้ถึงใจฉันก็แล้วกัน!!!”เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากออกอย่างแรง เรือนร่างถูกอีกฝ่ายขย้ำซะจนเจ็บไปหมด ยอดอกถูกดึงอย่างแรง ในขณะที่ส่วนอ่อนไหวก็ถูกบีบจนปวดไปหมด ปากหนาบดขยี้ลงบนกลีบปากอิ่มอย่างรุนแรงเสียจนเลือดไหลซิบ การกระทำรุนแรงป่าเถื่อนเกินกว่ามนุษย์จะทำ
“ครางให้ดังๆล่ะ ให้เหมือนกับที่รับแขกคนอื่นล่ะ!!”ร่างสูงตวาดใส่หน้า นิ้วแกร่งสอดพรวดเข้าไปในช่องทางอย่างไร้ความปราณี ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างของชานยอล น้ำตาไร้ซึมออกมา เสียงร้องแหบแห้งไปจนร้องไม่ออก ได้แต่จิกมือกับผ้าห่มเสียจนข้อนิ้วซีด
“ร้องสิ! ร้องออกมาสิ! ชอบไม่ใช่รึไง!!!”นิ้วแกร่งขยับเข้าออกในช่องทางอย่างแรง กระแทกจนกล้ามเนื้อฉีกขาด เลือดไหลซิบออกมาเลอะผ้าปู
“อ๊ะ……”ชานยอลร้องออกมาได้เท่านั้น ความเสียวซ่านแทบจับต้องไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดอัดแน่นไปทั่วทุกอณูของร่างกายเสียจนร่างแทบแหลกละเอียด
“เลว! นายมันเลว ปาร์คชานยอล!!!”น้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย หัวใจแหลกละเอียดลงตรงนั้น คริสขยับนิ้วเข้าออกซ้ำๆ พร้อมกับก้มลงขบกัดไปตามผิวเนื้อสีขาวจนห้อเลือด เรียวลิ้นดูดดึงยอดอกอย่างแรงจนเจ็บ การกระทำหยาบโลนยิ่งกว่าสัตว์ป่า ทำเหมือนคนใต้ร่างไม่ใช่คน
“อื้อ…...”ชานยอลร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บ ขาเรียวสั่นระริกเสียจนแทบจะตกลงบนเตียง สะโพกมนถูกกระชากให้ขยับเข้ามาใกล้ มือหนาฟอนเฟ้นเนื้อเนียนจนขึ้นรอยแดง ก่อนที่ความเป็นชายจะสอดใส่เข้ามารวดเดียวจนหมด
“อ๊ะ…..”น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตากลมโต ความเจ็บสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ร่างกายสั่นระริกด้วยความทรมานเหมือนมีใครมาฉีกร่างทั้งร่างให้แยกออก ดวงตากลมโตเหม่อใบหน้าของปีศาจร้ายที่กำลังลงโทษเขาอยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย นี่คือเจ้าชีวิตของเขา คือทุกอย่างของเขา ต่อให้ร้องขอเอาชีวิตของเขา เขาก็ให้ได้ ดังนั้นแค่ร่างกายนี้ทำไมเขาจะให้ไม่ได้
“เอาไป…ให้หมด….อยากได้อะไร…ก็เอาไป…ให้หมด”ร่างโปร่งพูดเสียงเบาจนฟังดูเหมือนกระซิบ เลือดที่ไหลซิบๆตรงมุมปากไหลย้อนกลับเข้ามาในปากจนขมปร่าไปหมด แต่รสชาติของมันก็คงไม่ขมเท่ากับรสชาติของความรักที่คริสมอบให้เขา ทั้งขม ทั้งอันตราย เป็นดั่งยาพิษที่กินแล้วตาย แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็พร้อมจะตายหากยาพิษนั้นมีชื่อว่า ‘คริส’
“งั้นฉันก็จะเอาไปให้หมด!!!”ปากหนาบดขยี้ลงมาที่ปากอิ่ม ฟันคมขบกัดซ้ำรอยแผลเก่าเสียจนชานยอลร้องเสียงหลง ช่องทางด้านหลังถูกรุกรานอย่างหนักจนทุกครั้งที่ร่างสูงขยับเลือดก็ไหลย้อนออกมาเป็นทาง ความเสียวซ่านจางหาย แทบไม่เคยได้รู้สึก ในขณะที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างต่างเลือดที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงชีวิตของชานยอล
“อื้ออออ อึก….”ร่างโปร่งครางเสียงหลงเมื่อร่างสูงกระแทกย้ำๆเข้ามาในช่องทาง นิ้วเท้าจิกเตียงจนซีด น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บจากทั้งกายและใจ ปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“ครางสิ! ครางออกมาสิ! งานถนัดไม่ใช่รึไง !!!!”คริสตวาดใส่หน้า มือหนารูดรึงส่วนอ่อนไหวด้วยสัมผัสหยาบโลน
“อ้ะ อ้า อื้ออออ…”ชานยอลทำอย่างที่อีกฝ่ายบอก ร่างสูงอยากได้อะไร เขาก็จะให้ ให้ทุกอย่าง ลมหายใจนี้เขาก็ให้ได้ ถ้าต้องการ
“แขกไม่สอนรึไงว่าให้ครางชื่อแขกนะ ห๊า!!”ร่างโปร่งหลับตา หอบหายใจโรยริน ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขาแทบร้องครางไม่ออก แต่ถึงกระนั้นก็ยังจะฝืนตามใจอีกฝ่าย
“คริส….คะ….คริส”
“หึ!”ร่างสูงหัวเราะอย่างดูถูก ก่อนจะขยับเข้าออกถี่ๆที่ช่องทาง พร้อมกับเร่งรูดมือที่ส่วนอ่อนไหวของชานยอล จนเริ่มมีน้ำปริ่มอยู่ที่ส่วนปลาย
มือหนารีบเร่งเร้าให้อีกฝ่ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่องทางด้านหลังถูกขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง แรงบีบรัดภายในแรงเสียจนเขาแทบคลั่ง ยิ่งถะล้ำลึกความเป็นชายของตนเข้าไปมากขึ้น มือหนาขยับรูดขึ้นรูดลงเร็วๆจนเรียกเสียงครางจากอีกฝ่ายได้
“อ้า….อ้ะ….คริส”รอยยิ้มเหยียดถูกวาดที่กลีบปากหนา ก่อนที่ร่างสูงจะเร่งความเร็ว เสียจนชานยอลปลดปล่อยออกมาเต็มมือของเขา
“โสโครก!!!”คริสตวาดใส่หน้าอย่างรังเกียจ ก่อนจะให้ชานยอลเลียของที่เขาว่า ‘โสโครก’เข้าไปจนร่างโปร่งแทบสำลัก
คริสกระแทกความเป็นชายเข้าออกในช่องทางของชานยอลรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อและความเฉอะแฉะในช่องทางดังไปทั่วห้อง ร่างโปร่งเม้มปากแน่นเมื่อร่างกายกำลังร้าวราน ดวงตากลมโตที่สดใสอยู่ตลอดเวลากำลังหม่นหมองและเริ่มพร่ามัว การหายใจหอบหนักเสียจนเหมือนคนใกล้ชักเพราะทนการกระทำรุนแรงไม่ไหว
“แฮ่ก…แฮ่ก…..คริส….”คริสไม่ได้สนใจสุ่มเสียงที่เปลี่ยนไป แต่กลับยังคงสอดใส่เข้ามาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะขยับเข้าออกถี่ๆสองสามครั้ง แล้วลุกขึ้นมาปลดปล่อยใส่ปากของเขา
น่าแปลกที่ต่อให้มันจะโสโครกสกปรกอย่างที่คริสพูดแค่ไหน แต่เขากลับกล้ากลืนกินมันลงไปทุกหยาดหยดอย่างไม่รังเกียจ ไม่เหมือนกับร่างสูงที่แค่สัมผัสของเขาก็ยังขยะแขยง
“มันยังไม่จบหรอกนะ ชานยอล!!!”คริสแผดเสียงใส่ ก่อนจะกระชากให้คนที่เกือบจะสลบลงไปแล้วกลับขึ้นมามีสติ แล้วรองรับความโกรธจากเขา
“ทำต่ออีกสักสองสามรอบคงไม่ตายหรอกมั้ง! รับแขกคนอื่นอาจจะเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำไป!!!”ดวงตากลมปรือปรอยมองอีกฝ่ายอย่างเจ็บช้ำ จะต่อว่าเขาไปถึงไหน จะทำเหมือนเขาเป็นพวกอย่างว่าไปถึงไหน ต้องทำร้ายอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ
บทเพลงรักที่โหดร้ายทารุณและผิดเพี้ยนไปจากทำนองคลองธรรมถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่โหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนหยาดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าพรั่งพรูลงมาเป็นสาย หลั่งรินลงจนแทบเป็นสายโลหิต แต่ปีศาจร้ายที่แสนจะชั่วช้าก็ยังคงไม่สาแก่ใจ ยังทารุณอีกฝ่ายไปเรื่อยๆจนถึงตอนเช้า
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง ส่องภาพความเป็นจริงทุกอย่างให้กระจ่างในดวงตา เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องยับเยิ่นด้วยศึกรักแห่งความโหดร้าย คราบเลือดแห้งกรัง ของเหลวสีขาวเปรอะเปื้อนอยู่เต็มผ้าปูที่นอน ร่างร่างหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยกัดนอนสลบไสลอยู่ฝากหนึ่งของที่นอน ตอกย้ำให้เห็นที่ความป่าเถื่อนของผู้กระทำ
คริสมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาไร้อารมณ์ เขาจะไม่เสแสร้งแกล้งทำว่าเป็นคนดี รู้สึกผิดกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น หรือสงสารร่างโปร่งที่โดนกระทำ แต่เขาจะแค่มองดูอย่างเฉยๆ สะใจในชัยชนะของเขาก็เท่านั้น
“หึ”ร่างสูงหัวเราะอย่างดูถูกในลำคอ ก่อนจะหยิบเงินปึกหนึ่งโปรยไปทั่วทั้งเตียง แล้วแย้มยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจใยดีอะไรคนที่นอนอยู่บนเตียงเลยสักนิด
จะสนใจทำไม ในเมื่อนี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ อาจจะชินแล้วด้วยซ้ำไป ก็คงจะรับแขกบ่อยจนขนาดที่ผู้ชายเดินเข้ามาในห้องมาแล้ว ยังคงทำเพิกเฉยอยู่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเด็กนี่ก็ไม่มีค่าอะไรให้เขาใส่ใจหรอก!!!
------------------------------------------------------
ชานยอลตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน ดวงตากลมโตปรือปรอยมองเพดานห้องอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายร้อนรุ่มด้วยพิษไข้จากการถูกทารุณจนแทบไม่มีแรงจะลุกขึ้นนั่ง หยาดน้ำตาจะไหลออกมาจากหางตางเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพความโหดร้าย และทารุณยังคงเด่นชัดอยู่ในสมองและหัวใจจนแทบกลายเป็นภาพหลอน หัวใจดวงน้อยที่พังทลายเต้นอย่างเชื่องช้าและเศร้าสร้อย มันเจ็บ เจ็บไปทั้งกายและใจ
Rrrrrr Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกร่างโปร่งให้หลุดจากภวังค์ ก่อนที่จะยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล แต่ก็ทรุดฮวบแทบจะในทันทีเมื่อเห็นแบงค์ถูกโปรยอยู่เต็มเตียง ตัวของเขาชาไปทั้งร่าง ความเสียใจเข้าจู่โจมหัวใจที่บอบช้ำจนไร้เรี่ยวแรง สำหรับคริสเขาเป็นได้แค่พวกอย่างว่าอย่างนั้นหรอ เป็นได้แค่เท่านั้นน่ะหรอ…
“ใจร้าย”ชานยอลพูดออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาเป็นสาย ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะเรียกสติของเขาให้กลับมาสนใจโลกปัจจุบัน
“ฮัลโหลครับ”
“เสียงดูไม่ดีเลย ไม่สบายรึเปล่าชานยอล ทำไมไม่มาทำงาน”พี่สาวของคนที่ทำร้ายเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ร่างโปร่งรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ไม่สบายน่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“อ้าว เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย งั้นหยุดอยู่บ้านเลยนะ ไม่ต้องมาทำงาน หายดีเมื่อไรแล้วค่อยมานะชานยอล”รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม
“ขอบคุณครับ พี่อลิซ”
“งั้นนอนพักผ่อนซะนะ พี่ไม่กวนแล้ว หายไวๆนะจ๊ะ”ปลายสายกดตัดไป ก่อนที่ชานยอลจะทิ้งมือถือลงข้างตัว เขาเลือกที่จะบอกให้อลิซรับรู้ได้แค่นั้นว่าเขาป่วย แต่ไม่อยากบอกว่าเพราะอะไร เพราะเขาไม่อยากให้อลิซเครียด และที่สำคัญเขาไม่อยากให้คริสมีปัญหากับพี่สาว…
จะหาว่าเขาบ้าและโง่มากก็ได้ แต่เขารักคริสมาก มากจนโกรธเกลียดไม่ลงถึงแม้ว่าคริสจะทำให้เขาเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม
“คุณองครักษ์”ร่างโปร่งเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ก่อนที่พิษไข้จะเข้าเล่นงานร่างกายจนเขาค่อยๆหลับไปอีกครั้ง
เป็นเวลากว่าสองวันที่เขาไม่สบาย ได้แต่นอนซมอยู่ที่เตียงจนไม่ได้ไปทำงาน ไม่มีใครมาดูแลเขา ไม่มีเงาของคริสมาให้เห็น อย่างกับว่าชานยอลมีค่าแค่ที่ระบาย ไม่ใช่คนที่คอยดูแล
“สำหรับพี่ ผมก็แค่ที่ระบายความรู้สึกสินะ เมื่อไรพี่จะสนใจเด็กคนนี้บ้าง”ชานยอลตัดพ้อด้วยเสียงเศร้าสร้อย ดวงตากลมโตที่แดงช้ำจากการร้องไห้มองรูปของคริสที่ตัดเก็บเอาไว้
“ถ้าสักวันหนึ่งผมตายจากพี่ไป พี่จะเศร้ารึเปล่า”
“พี่คงไม่เศร้าสินะ แต่ถ้าเป็นผม….”ร่างโปร่งเว้นช่วงก่อนจะมองรูปของคริสแล้วจึงพูดต่อ
“ผมคงจะตายตามพี่ไป”หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมาที่รูป ก่อนที่มือเรียวจะรีบปาดมันออก รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนที่ร่างโปร่งจะพยายามกั้นน้ำตาเอาไว้
“ไม่เอาน่า ชานยอล อย่าร้องไห้สิ โตแล้วนะ”มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนที่ร่างโปร่งจะแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน กั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วพูดกับตัวเอง
“ไปทำงาน ไปทำงานได้แล้ว!”ร่างโปร่งบอกก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้ว ลุกเดินออกจากห้องไปทำงาน เขาต้องกลับไปทำงานเสียที เขาหยุดมานานแล้ว จะให้เรื่องนี้มาทำให้เสียงานไม่ได้ เขาต้องรับผิดชอบ…
--------------------------------------------
ตลอดทั้งวันชานยอลทำงานหนักจนสายตัวแทบขาด งานที่หยุดไปสองวันถูกพอกพูนรวมกับงานของวันนี้ จนเขาต้องใช้เวลาทุกวินาทีไปกับการเคลียร์เอกสารต่างๆให้หมด แต่ถึงกระนั้นงานก็ยังไม่หมดไปเสียที
“เฮ้อ ขืนเป็นอย่างนี้ต้องยกงานกลับไปทำที่บ้านแน่”ร่างโปร่งพูดอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะถอดแว่นแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ดอกเตอร์ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้นี่คะ งานไม่เร่งไม่ใช่หรอคะ”พนักงานสาวที่อยู่ช่วยเขาเคลียร์เอกสารพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก ถ้าผมช้า คนอื่นก็จะช้าด้วย แค่นี้ผมก็ถ่วงเวลาคนอื่นมาเยอะแล้ว”
“โถ่ ดอกเตอร์ก็…..นี่นะ ถ้าใครได้ดอกเตอร์เป็นแฟนคงดีใจแย่ ทั้งหน้าตาดี ทั้งเก่ง แถมยังรับผิดชอบมากด้วย อ้อ นิสัยก็ยังดีอีก”แต่พี่คริส ไม่เคยมองว่าผมเป็นอย่างนั้น ร่างโปร่งได้แต่คิดในใจ ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วตอบกลับไป
“เพ้อเจ้อน่ะ รีบทำงานกันดีกว่า จะได้รีบกลับบ้าน”
“ค่า คุณดอกเตอร์คนเก่ง”หญิงสาวพูดก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันเคลียร์งานต่อไป จนเวลาล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกงาน ทั้งสองแยกย้ายกันกลับบ้าน ร่างโปร่งตรงดิ่งกลับไปหาเตียงที่คอนโด วันนี้เขาเหนื่อยกับงานมามากจริงๆ
ตี๊ด ตี๊ด เสียงคนกดกริ่งหน้าประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ก่อนจากตามมาด้วยเสียงกริ่งจะดังรัวๆเมื่อเขายังไม่เดินไปเปิด คิ้วได้รูปขมวดอย่างรำคาญพฤติกรรมไร้มารยาทของอีกฝ่าย ก่อนจะเปิดประตูออกโดยไม่ทันดูว่าใครมา
“พี่คริส….”ชานยอลเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาหวิว ดวงตากลมโตเบิกโพล่ง ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ดีใจจริงๆที่ยังจำกันได้”ร่างสูงแย้มยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ถามเจ้าของห้องสักคำ….