0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

My Alyssa Part5

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1My Alyssa Part5 Empty My Alyssa Part5 Fri Jan 31, 2014 9:43 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

“สวัสดีครับ”ชานยอลยิ้มบางๆให้ ก่อนจะทักทายครอบครัวของคริส ร่างสูงหันไปหาพี่สาวทันที


“พี่ขอโทษ แต่พี่อยากลองชวนชานยอลดู”อลิซตอบ ก่อนจะพาพ่อแม่เดินเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่าคริสกับชานยอลควรจะมีเวลาได้อยู่กันตามลำพัง


“มาทำไม”ร่างสูงเอ่ยถามอีกฝ่ายที่ดูจะสดใสเสียเหลือเกิน ผิดกับเขาที่กำลังหมองหม่นลงเรื่อยๆ


“มาหาคุณองครักษ์” หัวใจของคริสวูบไหวกับสรรพนามที่ร่างโปร่งใช้เรียกตน ก่อนที่คริสจะสร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างพวกเขาสองคน มันหมดเวลาแล้วสำหรับเรื่องรักของเขา มันหมดเวลาแล้ว


“มาดูเวลาตาย?”คนถูกถามขมวดคิ้วแทบจะในทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้ามาช่วยหยิบของแล้วเดินเข้าไปในบ้านแทนคำตอบ ร่างสูงลอบมองการกระทำของอีกฝ่ายตลอดเวลาที่เดินเข้าไป ทำไมเด็กคนนี้ต้องไม่รังเกียจเขา ทำไมเด็กคนนี้ต้องไม่เกรงกลัวเขา ทำไมถึงยังกล้ามาเข้าใกล้ตัวน่ารังเกียจอย่างเขา ทำไมกัน…



       ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บให้เรียบร้อยในที่ของมัน ก่อนที่ทุกคนจะมารวมกันที่ลานหน้าบ้านที่เปิดออกไปยังทุ่งดอกไม้แสนสวย รอยยิ้มถูกวาดที่กลีบปากของทุกคน เว้นเสียแต่ร่างสูงที่เลือกจะนั่งห่างจากทุกคนเล็กน้อย เพราะกลัวว่าทุกคนจะติดเขา และคิดว่าตัวเองเป็นตัวน่ารังเกียจที่คนอื่นไม่ควรจะเข้าใกล้


ครืดดดด เสียงเก้าอี้ถูกลากเข้ามาใกล้ ก่อนที่ร่างโปร่งจะทรุดนั่งลงข้างๆกับเขา


“ออกไป”คริสพูดเสียงแข็ง เขาไม่อยากให้คนอื่นเข้าใกล้ หากแต่อีกฝ่ายกลับเพิกเฉย หันกลับไปสนทนากับคนอื่นต่ออย่างไม่สนใจในคำเตือนของเขา


“เย็นนี้เราน่าจะทำบาร์บีคิวทานกันนะครับ มากันหลายคนช่วยกันทำสนุกดี”ชานยอลออกความเห็นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในขณะที่คริสกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขารู้สึกไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากให้วุ่นวาย แค่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆแค่นั้น


“ผมไม่อยากทำ”


“โถ่ คริส บาร์บีคิวมันสนุกดีนะลูก”คนเป็นแม่พยายามหว่านล้อม


“พามาคลายเครียดนะคริส”พี่สาวของเขาว่า ก่อนที่ชานยอลจะพูดตัดบท


“งั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้ออาหารมาทำบาร์บีคิวให้นะครับ”ดวงตาคมมองอีกฝ่าย ในขณะที่คนถูกมองแค่มองกลับเฉยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่รถ


“มา ชานยอลเดี๋ยวพี่ไปด้วย”อลิซว่าก่อนจะวิ่งตามรุ่นน้องไป  โดยไม่สนใจสีหน้าคัดค้านของคริสเลยแม้แต่น้อย


“ดีแล้วลูก บ้านเราไม่ได้ทำบาร์บีคิวด้วยกันนานแล้วนะ”คนเป็นพ่อพูดก่อนจะจับบ่าของคริส ร่างสูงรีบสะบัดออกทันที


“อย่าแตะตัวผม”


“โถ่ คริส”แม่พูดด้วยความสงสาร นับวันหัวใจของเธอก็ยิ่งหดหู่กับเรื่องของลูกชาย ไม่ใช่ที่ลูกป่วย แต่เป็นการกระทำของลูกที่กีดกันคนอื่นออกจากตัวเองทุกทาง


“ผมขอโทษ ..... ผมขอตัวนะครับ”ร่างสูงเอ่ยบอก ก่อนจะเดินพาร่างที่ซูบผอมของตัวเองเข้าห้องไป โดยไม่ยอมออกมาอีกเลยตลอดช่วงบ่าย เขาไม่อยากออกมาเจอใคร ไม่อยากให้ใครสัมผัสถูกตัว ไม่อยากให้ใครต้องติดเชื้อไปด้วย เขาเป็นตัวอันตราย เป็นตัวน่ารังเกียจ เข้าใกล้ก็รังแต่จะติดเชื้อไปด้วย



-----------------------------------------------



 ชานยอลไม่เคยรังเกียจคริส แม้ว่าร่างสูงคนที่เขารักกำลังจะป่วยเป็นโรคที่สังคมรังเกียจอยู่ก็ตาม สำหรับเขาคริสก็ยังคงเป็นคริส เป็นรุ่นพี่ที่เขารัก โรคร้ายที่ร่างสูงกำลังเป็นอยู่ไม่อาจบั่นทอนความรักที่เขามีต่อร่างสูงได้ ซ้ำร้ายมันยังทำให้เขารักคริสมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำร้าย เขาไม่อยากให้คริสจมอยู่แต่กับความเศร้า จมอยู่กับเรื่องที่ตัวเองจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เขาอยากให้คริสใช้ชีวิตอย่างคนปกติ เดินเล่นบ้าง พูดคุยบ้าง ทานอาหารอย่างที่ตอนปกติเคยทำอย่างนั้นบ้าง


“ชานยอล หยิบแพคนั้นมาด้วยนะ”อลิซเอ่ยบอก ก่อนที่ร่างโปร่งจะหันไปถาม เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ต้องหยิบไม่ใช่ของที่คริสชอบ


“พี่คริสกินด้วยหรอครับ”


“เปล่าจ๊ะ พี่อยากทานเอง”อลิซเอ่ยบอก ก่อนที่ร่างโปร่งจะพยักหน้าแล้วหยิบของใส่ตะกร้า แล้วตามมาด้วยของสดอีกมากมายที่คริสชอบ และที่มีประโยชน์ต่อตัวร่างสูง อย่างน้อยคนที่กำลังป่วยอาจจะมีความสุขขึ้นถ้าได้ทานของที่มีประโยชน์และสิ่งที่ตัวเองชอบชานยอลคิดอย่างนั้น


“ชานยอล….”จู่ๆหญิงสาวก็เรียกชื่อเขา ขณะที่กำลังเลือกซื้อของอยู่


“ครับ พี่อลิซ”


“ขอบคุณนะที่มา”หญิงสาวเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ก่อนที่ร่างโปร่งจะยิ้มให้แล้วจึงเอ่ยตอบ


“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมอยากมาเอง”ชานยอลว่าก่อนที่จะเดินลิ่วไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เมื่อได้ของทุกอย่างครบหมดแล้ว โดยมีสายตาของอลิซมองอยู่ข้างหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อย เธอเสียดาย เธอเสียดายแทนน้อง ชานยอลเป็นคนดี เป็นคนที่เหมาะสำหรับคริส แต่ร่างสูงกลับไม่มีโอกาสได้ดูแลชานยอลแล้ว เธอรู้ดีว่าโรคนี้มันไม่มีทางรักษาได้ ที่เป็นอยู่ก็แค่รอวันตายเท่านั้นเอง…


“พี่อลิซครับ เสร็จแล้วครับ กลับกันเถอะ”เสียงของชานยอลปลุกเธอออกจากภวังค์ ก่อนที่เธอจะฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วเดินไปช่วยขนของไปขึ้นรถ



          ชานยอลและอลิซกลับมาถึงบ้านพัก ทุกอย่างก็ดูเงียบลงไปถนัดตา  พ่อกับแม่ของคริสนั่งอยู่ที่ชานบ้านด้วยสีหน้าไม่สบายใจ คริสหายเงียบกริบเข้าไปในห้อง เก็บตัวทำเหมือนตอนอยู่ที่บ้านไม่มีผิด


“อีกแล้วหรอคะ”อลิซเอ่ยถามด้วยเสียงไม่สู้ดีนัก เธอไม่อยากให้น้องของเธอกลับไปอมทุกข์อีก


“ใช่ พอพ่อแตะตัวก็สะบัดออกแล้วก็เดินหนีเข้าห้องไปเลย”คนเป็นพ่อเล่าด้วยสีหน้าหนักใจ และหยาดน้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ที่ตา


“เฮ้อ พามาผ่อนคลายแท้ๆ”


“ลูกว่าเรามาจัดบาร์บีคิว แล้วไปเรียกเขาออกมาดีกว่า คริสน่าจะดีขึ้นบ้าง”ลูกสาวคนเดียวของบ้านออกความเห็น ก่อนที่ทุกคนจะช่วยกันทำปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆขึ้น ใช้เวลาไม่นานนัก บาร์บีคิวฉบับทำเองก็ได้ฤกษ์ปิ้งย่าง


“เดี๋ยวลูกไปตามคริสเองค่ะ”อลิซอาสา ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องของคริสอยู่ครู่ใหญ่ จนทุกคนต่างลุ้นว่าคริสจะยอมออกมามั้ย แล้วในที่สุดร่างสูงก็ยอมเดินออกมาจากห้อง แม้จะสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่สุดท้ายเขายอมออกมา ทั้งครอบครัวต่างยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินลงมาถึงสนามหน้าบ้าน สถานที่จัดปาร์ตี้


"เจ้าชายของเรามาช้าจริงๆ”คนเป็นแม่แกล้งแซว ทำให้บรรยากาศดีขึ้น ก่อนที่อลิซจะยื่นอาหารสดและที่คีบให้คริส


“เปิดงานเลย”ร่างสูงมองคนเป็นพี่อย่างลังเล ก่อนจะเหลือบไปเห็นรอยยิ้มของชานยอลที่ส่งมาให้ ขายาวรีบพาร่างของตัวเองไปยังเตาบาร์บีคิวก่อนจะประเดิมเตาย่าง ไม่ช้าปาร์ตี้เล็กๆก็เริ่มขึ้น ทุกคนพยายามทำให้บรรยากาศรื่นเริง และไม่แสดงท่าทางเศร้าสร้อยกับเรื่องของคริสโดยการเล่าเรื่องตลกๆในอดีตของครอบครัว


“แต่ก่อนนะ ตอนที่คริสยังเด็ก เวลาพวกเราจัดปาร์ตี้ทีไร เจ้าคริสต้องป่วนงานจนวุ่นทุกที”คนเป็นพ่อเริ่มเล่าวีรกรรมของลูกชาย ก่อนที่แม่จะสมทบ


“ใช่ ซนมากจนคุณยายไล่ตีผม”


“ลูกจำได้ ตอนนั้นคริสขโมยกุ้งไปกินเองคนเดียวหมด คุณยายเลยตี”


“พี่บอกให้ผมทำต่างหาก”ร่างสูงเถียง ก่อนที่ชานยอลจะพูดขึ้น


“ตอนเด็กๆคงซน มากเลย โอ๊ะ โอ๊ย”ร่างโปร่งร้องเสียงหลง ก่อนจะรีบกุมแก้มตัวเองไว้ เมื่อเผลอกัดปากตัวเองเขา


“อ้าว รีบพูด เลยเผลอกัดปากตัวเองเลย ค่อยๆพูดสิ ชานยอล”อลิซแกล้งเอ็ด ก่อนจะยื่นแก้วใส่น้ำแข็งให้


“อมน้ำแข็งก่อน” คริสมองการกระทำของอีกฝ่าย ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นไปตักน้ำแข็งเพิ่ม แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น


“โอ๊ย!”คริสร้องอุทานออกมา เมื่อถูกอะไรบางอย่างกัดที่คอเท้า ทั้งบ้านรีบวิ่งกรูกันเข้ามาหา ก่อนจะเห็นงูพิษตัวหนึ่งเลื้อยหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว


“พี่คริส!”ชานยอลร้องเสียงหลง ก่อนจะทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด ร่างโปร่งดูดพิษงูออกจากแผลอย่างไม่เกรงกลัว ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งบ้าน ชานยอลเป็นแผลที่ปาก แต่ตอนนี้ร่างโปร่งกำลังดูดพิษงูให้กับคริสที่ป่วยเป็นเอดส์….


“ชาน…”คริสเรียกอีกฝ่ายด้วยความตกใจสุดขีด


“เป็นยังไงบ้าง อดทนไว้นะ”ชานยอลร้องบอกด้วยความห่วงใยและร้อนรนโดยไม่สนใจว่าตัวเองกำลังดูดพิษจากคนเป็นเอดส์อยู่ ก่อนที่อลิซจะรีบเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวน้องชาย ตลอดระยะเวลาที่รอรถมา ชานยอลก็เร่งดูดพิษออกให้ และช่วยหาผ้ามาผูกเหนือปากแผลกันพิษแพร่กระจายไปมากกว่านี้


  ทันทีที่รถพยาบาลแล่นเข้ามา ร่างโปร่งก็รีบพยุงชคริสขึ้นไปยังบนรถ ก่อนที่ทั้งบ้านจะตามคริสไปที่โรงพยาบาล ร่างสูงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ทีมแพทย์และพยาบาลวิ่งกันให้วุ่น บางคนวิ่งเข้ามาถามญาติว่าจำลักษณะงูที่ชกได้มั้ย ซึ่งชานยอลก็รีบบอกลักษณะไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทีมแพทย์จะรีบหาเซรุ่มต้านพิษงูชนิดนั้นให้จ้าระหวั่น


“อย่าเป็นอะไรนะ ต้องไม่เป็นอะไรนะ”ร่างโปร่งภาวนากับตัวเองซ้ำๆ เขาไม่รู้หรอกว่างูที่ฉกพิษร้ายแรงแค่ไหน แต่เขาก็กลัว กลัวว่าคริสจะเป็นอะไร เพราะถ้าคริสเป็นอะไรไป เขาคงจะต้องตายแน่ๆ


“ชานยอล….ไปตรวจเลือดก่อนเถอะ  คริสอยู่ในมือหมอแล้ว”อลิซพูดขึ้นเมื่อกังวลถึงหนุ่มรุ่นน้อง


“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมขออยู่รอพี่คริสออกมาก่อน เดี๋ยวค่อยตรวจก็ได้”ชานยอลรีบบอกปฏิเสธ ถ้าจะให้เขาไปตอนนี้เขาทำไม่ได้ เขาทิ้งคริสไว้ไม่ได้ อยากรอให้คริสออกมาก่อน ให้รู้ว่าปลอดภัยก่อนแล้วเขาจะไป


“ชานยอล…”แม่ของคริสเรียกเสียงเบาหวิว


“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมขอรอให้พี่คริสออกมาก่อน”ชานยอลเอ่ยบอก ไม่ได้สนใจสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากแค่ไหน ปากที่เป็นแผลนั่นยังมีคราบเลือดของคริสติดอยู่เลย….



   ทั้งบ้านต่างพากันนั่งรอคริสอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจระส่ำระส่ายทั้งห่วงคนที่ยังอยู่ข้างใน และห่วงคนที่กำลังนั่งรออยู่ข้างนอก ชานยอลเอาแต่ชะเง้อมองว่าเมื่อไรคริสจะออกมา ดวงตากลมโตส่อแววเคร่งเครียดและกังวล สีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใยอีกฝ่ายมากเสียจนไม่มีพื้นที่ให้ห่วงใยสุขภาพของตัวเอง เขาไม่สนว่าตัวเองจะติดเชื้อมั้ย จะเป็นเอดส์รึเปล่า สำหรับเขามันแทบไม่มีความกลัวเรื่องนั้นอยู่เลย เขากลัวแต่เพียงว่าพิษงูจะเข้าสู่หัวใจคริสมั้ย คริสจะตายรึเปล่า จะทนพิษงูได้มั้ย เขาสนใจแค่นี้จริงๆ เพราะสำหรับเขา ชีวิตของคริสมีค่ากว่ามากกว่าตัวเองเสมอ


แอ๊ดดด เสียงประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก ก่อนที่นายแพทย์คนหนึ่งจะออกมาพร้อมกับร่างของคริสที่นอนอยู่บนเตียง


“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”ชานยอลรีบเอ่ยถามด้วยใจร้อนรน


“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ  แต่ต้องให้พักฟื้นดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน”ร่างโปร่งยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่หมอจะให้ญาติผู้ป่วยไปจัดการทำเรื่องธุรกรรม สุดท้ายจึงเหลือเพียง อลิซและชานยอลเท่านั้นที่ตามคริสไปยังห้องพักผู้ป่วย ดวงตากลมโตเฝ้ามองคริสยังห่วงใย มือเรียวคอยกุมมือคริสเอาไว้ตลอดเวลาที่ร่างสูงถูกพาไปยังห้องพัก


“ชานยอล….ไปตรวจเลือดเถอะ”อลิซขอร้องอีกครั้ง


“แต่ผม…”ชานยอลชะงักไปเมื่อเห็นความกังวลอยู่บนใบหน้าของรุ่นพี่ ก่อนที่ร่างโปร่งจะเม้มปากแน่น มองร่างที่นอนอยู่อย่างลังเล เขาไม่อยากจากคริสไป อยากรอให้คริสตื่นก่อน เขาถึงจะสบายใจ


“เถอะนะชานยอล พี่ขอร้อง พี่…พี่กลัว…เดี๋ยว....เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้”หญิงสาวขอร้องพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วง ลำพังแค่น้องชายเป็นโรคเธอก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว หากรุ่นน้องที่สนิทต้องมาป่วยเพราะโรคนี้อีก เธอคงรับไม่ได้…


“ก็ได้ครับ….แต่พี่อยู่เฝ้าพี่คริสเถอะครับ ถ้าเขาตื่นมาแล้วไม่เห็นใครคงตกใจ เดี๋ยวผมไปคนเดียวก็ได้”ชานยอลเอ่ยบอก เขารู้ดีว่าคริสขี้เหงา และอ่อนแอมากแค่ไหน ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใคร ร่างสูงคงตกใจ


“เอางั้นหรอ ชานยอล”


“ครับ ผมไปคนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าพี่คริสตื่นแล้ว….โทรบอกผมหน่อยได้มั้ยครับ”ร่างโปร่งขอร้อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้ารับช้าๆ ชานยอลถึงได้ยอมออกไปตรวจเลือด


  อลิซนั่งรออยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วยหัวใจที่สั่นระรัว และความเครียดที่เข้าครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ เธอทั้งกังวลว่าเมื่อไรน้องชายจะตื่น ทั้งกังวลว่าชานยอลจะติดเชื้อรึเปล่า แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ได้แต่นั่งรอเหมือนคนโง่อยู่ในห้องพักผู้ป่วย จนเข็มนาทีเดินผ่านไปจนเวียนครบชั่วโมง จนหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นสองชั่วโมง คริสก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แต่ชานยอลยังคงไม่กลับมา…


“พี่อลิซ…”ร่างสูงเรียกชื่อพี่สาวด้วยเสียงที่แหบแห้ง ก่อนจะถามคำถามที่เขากังวลใจมากที่สุด


“ชานยอลล่ะครับ..”หญิงสาวนิ่งไปถนัดตา ก่อนจะตอบความจริงกับน้องไป เพราะถึงอย่างไร สถานการณ์มันก็เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว


“ไปตรวจเลือดน่ะ…”


---------------------------------------------------



   ชานยอลกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทาง เหตุผลที่รีบไม่ใช่เพราะห่วงเรื่องตัวเอง แต่เพราะห่วงอีกคนที่กำลังนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยต่างหาก ร่างโปร่งรีบตรงไปยังเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ บอกเรื่องทุกอย่างทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่  เธอถึงกับผงะไปชั่วครู่ เมื่อรับรู้เรื่องราว ก่อนจะแจ้งให้ชานยอลไปตรวจยังแผนกที่รับผิดชอบ



 ร่างโปร่งรีบตรงไปที่แผนกนั้นทันที เจ้าหน้าที่เฉพาะทางบอกขั้นตอนว่าเขาต้องรับคำปรึกษาก่อนจะตรวจเลือด แล้วได้รับผลเสร็จ ต้องฟังคำแนะนำหลังตรวจด้วย แม้ชานยอลจะรีบร้อนมากเท่าไร แต่ก็ยอมทำตามแบบแผน ร่างโปร่งนั่งรอคิวด้วยใจที่ร้อนรน ยิ่งทุกอย่างล่าช้าเขาก็ยิ่งว้าวุ่น  กังวลถึงอีกคนที่ยังสลบอยู่ในห้องพักผู้ป่วย  ป่านนี้คริสจะเป็นอย่างไร จะฟื้นแล้วรึยัง แล้วจะเจ็บแผลมั้ย จะส่งผลอะไรต่อร่างกายของคริสรึเปล่า  เขากังวลไปหมด จนอยากจะเร่งเวลาให้เร็วกว่านี้ โดยแทบไม่สนใจเรื่องของตัวเองแม้แต่น้อย เขาไม่สนว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร จะติดเชื้อมั้ย  จะตายรึเปล่า เขาไม่ได้สน เพราะถึงอย่างไรชีวิตคริสก็สำคัญมากกว่าชีวิตของเขาอยู่แล้ว



“เชิญเบอร์6ค่ะ”เสียงเจ้าหน้าที่เรียกเขาเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา


“สวัสดีครับ”นายแพทย์วัยกลางคนกล่าวทักทาย ร่างโปร่งรีบพูดเจตนาของตัวเอง


“ขอโทษนะครับ คือผมมีธุระนิดหน่อย เอ่อ…รีบนิดนึงได้มั้ยครับ”นายแพทย์พยักหน้าก่อนจะอ่านแบบฟอร์มที่ชานยอลกรอกไว้ก่อนจะเข้าห้องให้คำปรึกษา


“คุณเคยมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน และดูดเลือดจากแผลงูกัดจากผู้ป่วยโรคHIVขณะที่ปากยังเป็นแผล ทราบมั้ยครับว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธุ์ด้วยติดเชื้อมั้ย”


“ติดเชื้อครับ เพิ่งตรวจเจอเมื่อสองอาทิตย์ก่อน”นายแพทย์พยักหน้าก่อนจะให้คำปรึกษากับชานยอล โดยที่ร่างโปร่งแทบไม่ได้สนใจสักนิด สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือคริส ดังนั้นทันทีที่นายแพทย์ให้เขาไปตรวจเลือด ร่างโปร่งก็รีบเข้าห้องตรวจโดยไม่กลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น


     การตรวจผลเลือดกินเวลานานราวๆชั่วโมงหนึ่งได้  ร่างโปร่งนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่กลัวเลยสักนิดหากผลตรวจออกมาว่าเขาติดเชื้อ ในบางแง่มุมในจิตใจอาจดีใจด้วยซ้ำที่เป็นอย่างนั้น เพราะคริสอาจจะเลิกกลัวหากถูกเขาแตะต้องตัว หรือร่วมรับประทานอาหารด้วย ร่างสูงอาจจะลดกำแพงลง แต่ในทางกลับกันหากคริสรู้ว่าเขาติดเชื้อเพราะตัวเอง ร่างสูงอาจจะเอาแต่โทษตัวเองก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะยอม ยอมให้คริสเข้าใจว่าเขาเป็นพวกอย่างว่าที่มั่วไปเรื่อย อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของคริส


“เชิญเบอร์6ห้องให้คำปรึกษาค่ะ”เป็นอีกครั้งที่เขาเข้ามาในห้องนี้ นายแพทย์ยื่นกระดาษสีขาวที่มีตัวหนังสืออะไรบางอย่างมาให้เขาก่อนจะอธิบายผลให้เขาฟัง


“ผลเลือดของคุณเป็น PositiveHIV นะครับ คุณติดเชื้อ”ชานยอลชะงักไปชั่วครู่ การถูกบอกว่าตัวเองติดเชื้อไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่ายๆ ดวงตากลมโตจ้องมองกระดาษแผ่นนั้นนิ่ง


“แต่การติดเชื้อไม่ได้เกิดจากที่ดูดพิษหรอกครับ น่าจะติดมาตั้งแต่ครั้งที่เพศสัมพันธ์แล้ว เพราะโดยปกติแล้วเชื้อHIV….”แล้วเสียงของหมอก็กลายเป็นเพียงคำพูดอะไรบางอย่างที่ชานยอลฟังไม่เข้าใจ เหมือนกับเป็นคนละภาษาไปเสียอย่างนั้น จนกระทั่งที่หมอพูดถึงการดูแลตัวเองของเขา สติของเขาถึงได้กลับมา


“โดยปกติถ้าตรวจเจอเชื้อเร็ว ก็แค่กินยาระงับเชื้อตลอดชีวิตนะครับ แล้วก็หมั่นออกกำลังกาย ดูแลร่างกายให้แข็งแรง คนไข้บางคนอยู่ได้ถึงสิบปีก็ยังมี เพราะฉะนั้นอย่าหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่นะครับ ถึงจะไม่หายแต่เราก็สามารถอยู่กับโรคได้ถ้ากำลังใจดี”


“หมอครับ….แล้วถ้ามารู้ตัวหลังจากที่เป็นไปสักพักแล้วล่ะครับ   ยังพอสู้กับโรคได้อยู่มั้ย”ชานยอลเลือกที่จะถามเรื่องของคริสแทนเรื่องของตัวเอง…


“คล้ายๆกันครับ แต่ต้องกำลังใจดี หมั่นดูแลสุขภาพร่างกายมากกว่า”


“ถ้ากำลังใจไม่ดี จะทรุดได้ง่ายมากเลยหรอครับ”


“ใช่ครับ  โรคนี้ที่อันตรายเพราะมันทำลายภูมิคุ้มกันของเรา  ถ้าดูแลตัวเองดีก็สามารถอยู่ได้นาน ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”


“หรอครับ”


“ใช่ครับ จากนี้ก็แค่ทำตามที่หมอบอก มีกำลังใจ หมั่นออกกำลังกาย มีวินัยการกินยาอย่างเคร่งครัด ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น แค่นี้ก็อยู่ร่วมกับคนอื่นได้แล้วล่ะครับ”หมออธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ทำให้ผู้ป่วยเครียดหนักกว่าเดิม


“เราอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ใช่มั้ยครับ”ชานยอลถามย้ำอีกครั้ง ในหัวเริ่มจินตนาการไปถึงการพาคริสออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง โดยไม่สนใจเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่น้อย


“ครับ อยู่ร่วมได้ครับ”รอยยิ้มบางถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ก่อนที่ร่างโปร่งจะขอบคุณ


“ขอบคุณมากครับ”


“ครับ เดี๋ยวติดต่อเจ้าหน้าที่ แล้วรอรับยากลับบ้านได้เลยนะครับ แล้วค่อยมาหาหมอใหม่เดือนหน้า”ร่างโปร่งโค้งศีรษะเป็นเชิงลา ก่อนจะทำตามที่แพทย์บอก เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็รีบกลับขึ้นไปยังห้องของคริสทันที


Rrrrr Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เขากำลังเดินอยู่


“ฮัลโหลครับ พี่อลิซ พี่คริสตื่นแล้วหรอ”


“ใช่จ๊ะ ชานยอล เป็นยังไงบ้าง ผลเป็นยังไงบ้าง”ปลายสายถามด้วยความร้อนรน


“เดี๋ยวผมจะรีบขึ้นไป”ร่างโปร่งแทบไม่สนใจที่รุ่นพี่ถาม ความสนใจเดียวที่มีตอนนี้คือเรื่องของคริสเท่านั้น ขายาวรีบพาร่างของตัวเองขึ้นไปยังห้องของร่างสูงทันที


---------------------------------------------------------



  ภายในห้องพักผู้ป่วยเหลือเพียงแต่คริสที่นั่งนิ่งอยู่ในห้อง เพราะอลิซออกไปทำธุระ ความกังวลของร่างสูงกำลังพุ่งไปที่ชานยอล เด็กผู้ชายที่กล้าเสี่ยงดูดพิษจากเลือดของเขาทั้งๆที่ปากก็ยังเป็นแผลอยู่ ใครก็รู้ว่ามันอันตรายมากที่เลือดของผู้ติดเชื้อไหลเข้าสู่ปากแผลของเรา แต่เด็กคนนั้นก็ยังกล้าเสี่ยง แล้วหากเด็กคนนั้นติดเชื้อล่ะ อนาคตของเด็กคนนั้นไม่พังหรอกหรือ….


แอ๊ดดดด ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดผ่างออก ก่อนที่ร่างของชานยอลจะเดินพรวดเข้ามาในห้อง


“พี่เป็นยังไงบ้าง”ประโยคแรกถูกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง โดยที่ไม่สนใจสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายเลยสักนิด


“ดี..”คริสตอบเพียงสั้นๆ ความสนใจของเขาตอนนี้พุ่งไปที่ผลเลือดของร่างโปร่งมากกว่าจะสนใจอาการของตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป เมื่อกลัวว่าคำตอบจะเป็นอย่างที่เขาคิด


“ไม่รู้สึกผิดปกติอะไรใช่มั้ยครับ พี่โอเคนะ”ชานยอลถามพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสต้นแขนของอีกฝ่าย คริสรีบผละออกตามสัญชาตญาณ ดวงตากลมโตมองการกระทำของอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนอีกคนเอาไว้


“พี่ไม่ต้องหนีผมแล้วนะ…”


“ทำบ้าอะไรของนายชานยอล ปล่อย!”คริสตวาดใส่อีกฝ่าย หากแต่อีกคนกลับดึงมือเขาไปกุมไว้แน่น


“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องหนีผมแล้วนะ…..เราเหมือนกันแล้วนะ”


“มะ มะ..หมายความว่าไง”ดวงตาคมสั่นระริก หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆของชานยอล


“ผมเป็นเหมือนพี่แล้ว เราเหมือนกันแล้ว พี่คริส” รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่ม หยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาจากดวงตากลมโตขณะที่มองหน้าอีกฝ่าย ในขณะที่คนฟังมองอีกฝ่ายนิ่ง ความตกใจถาโถมเข้าใส่จิตใจของคริสจนเขาทำอะไรไม่ถูก…ชาน….ชานยอลเป็นเหมือนเขาแล้ว….เป็นเอดส์เหมือนเขาแล้วน่ะหรอ


“จากนี้ถ้าใครไม่กล้าจับพี่ ผมกล้าจับ ใครไม่กล้ากอดพี่ ผมกล้ากอด ใครไม่กล้าอยู่ใกล้พี่ ผมกล้าอยู่ใกล้นะ  พี่ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”รอยยิ้มใจดีดุจเจ้าหญิงยิ้มให้กับคริส นิ้วเรียวลูบไปตามโครงหน้าอีกฝ่ายอย่างถนุถนอม ความกลัวที่ตัวเองจะต้องตายแทบไม่มีอยู่ในหัวใจ เขาคิดแต่เพียงว่า  พี่คริสของเขาจะไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ไม่ต้องรู้สึกหว้าเหว่ หรือโดดเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะจากนี้จะมีเขา….เขาจะอยู่เป็นเพื่อนคุณองครักษ์ของเขาเอง


“ชะ ชาน….”


“ผมรู้…รู้ว่าพี่อาจจะไม่ดีใจ…ที่มีผมเป็นเพื่อน….แต่ว่า…ผม…ดีใจที่ได้อยู่เป็นเพื่อนพี่นะ”


“พอที!”คริสร้องห้ามอีกฝ่ายอย่างเหลืออด เขาทนฟังไม่ไหวแล้ว ทนได้ยินเรื่องแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ทั้งๆที่ควรจะเสียใจ ควรจะด่าเขา ควรจะทำร้ายเขา แต่เด็กคนนี้…กลับดีใจที่เป็น เป็นเหมือนกับเขา


“ผมขอโทษ….ผมแค่..”


“นายบ้ารึเปล่า ชานยอล นายบ้ารึเปล่า นายควรจะกลัว เสียใจ ด่าฉัน ว่าฉัน ทำร้ายฉัน แต่นายกลับ…”


“ผมทำร้ายพี่ไม่ลงหรอก”คริสชะงักทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย


“ต่อให้พี่เอามีดมาฆ่าผม ผมก็ทำร้ายพี่ไม่ลงหรอก เพราะฉะนั้นขอให้ผมได้อยู่เป็นเพื่อนพี่เถอะ อย่าว่าผมเลย อย่างน้อยอีกครั้งก็ยังดี ก่อนที่ผมจะตา….”


“อย่าพูดคำนั้น!”ร่างโปร่งสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะพูดเสียงเบา


“ให้ผมดูแลพี่นะ”ชานยอลเอ่ยบอกก่อนจะพูดประโยคต่อไปด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน


“ให้เจ้าหญิงดูแลคุณองครักษ์นะ”ดวงตาคมหันไปมองอีกฝ่าย หัวใจกำลังปวดหนึบไปหมด ที่ผ่านมาคนคนนี้คือคนที่รักเขามากกว่าใคร รักจนยอมทำแทบทุกอย่าง แต่เขาให้อะไรกับคนคนนี้ล่ะ ตอบแทนเขาด้วยการทำให้เขาเป็นเอดส์ด้วยอย่างนั้นน่ะเหรอ…ทำไม…ทำไม…ทำไมเขาถึงได้เลวขนาดนี้!!!


“นายมันบ้า ชานยอล”ร่างสูงต่อว่าอีกฝ่ายเสียงเบาจนฟังดูเหมือนไม่ได้อยากทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ร่างโปร่งยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะสอดมือประสานกับมือหนา โดยไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ติดเชื้อ


“ต่อไปนี้ ผมจะให้ความสุขพี่เอง”

http://0ctogus.forumth.com

2My Alyssa Part5 Empty Re: My Alyssa Part5 Wed Oct 08, 2014 4:11 pm

boonboo_bb



ซึ้ง..
ร้องไห้. T_T
ชานยอลรักคริสมาก

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ