0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 4 การผจญภัยในทาร์ทารัส

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่โยดาได้เดินทางผ่านเงา ครั้งแรกพ่อของเธอเป็นคนพามาที่โรงเรียน การเดินทางนั้นใช้ระยะเวลาสั้นๆจนแทบจับความรู้สึกไม่ได้  ในขณะที่ครั้งนี้ลุงถือเคียวคนนี้เป็นคนพาไปยังนรกทาร์ทารัส…การเดินทางที่กินระยะเวลานานที่สุด
     


    ไม่มีอะไรเหมือนกับเส้นทางที่พ่อพาไปสักอย่าง ….รอบข้างของเธอหนาวเหน็บ และเต็มไปด้วยความตาย  เสียงวิญญาณโหยหวนดังหลอกหลอน พวกมันกรีดร้องคร่ำครวญถึงช่วงชีวิตที่ผ่าน ทั้งความเศร้า ความสุข ความทุกข์  และความทรมาน ทุกความรู้สึกถูกพรั่งพรูผ่านน้ำเสียงยานครางนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งความตาย….
     


    โยดารับรู้ได้ถึงมัน ที่นี่เต็มไปด้วยความตาย  ทั้งตายโดยธรรมชาติ ป่วยตาย ตายโหงหรือแม้กระทั่งถูกฆาตกรรม วิญญาณเหล่านี้ล้วนไม่สงบสุข พวกมันต้องการกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง แรงปรารถนาของพวกมันมากล้นจนกลายเป็นคลุ้มคลั่ง มันอาฆาตพยาบาทมนุษย์ทุกคน และปรารถนาให้คนเหล่านั้นมาตายตกเหมือนมัน…


“มนุษย์ มนุษย์”เสียงนั้นพึมพำอย่างบ้าคลั่ง โยดาสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่มองเธออยู่ข้างหลัง


“จงตาย จงตาย จงตายซะ”มันหลอกหลอนก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เสียงลากเท้าดังครืดดด ครืดดด  เด็กหญิงตัว
น้อยพยายามข่มจิตใจไม่ให้หันกลับไปมอง


“คุณลุงคะ เราไปให้เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอคะ” เธอถามยมทูตที่อยู่เบื้องหน้า อมนุษย์เอ่ยตอบ


“เป็นอะไรของเจ้า นี่เร็วที่สุดแล้ว” เขาตอบเสียงเย็นเยียบ โยดาก้มหน้าก่อนจะพึมพำ


“หนูอยากไปจากตรงนี้เร็วๆ”


“อยู่กับฉันก่อนสิ อยู่กับฉันก่อน”เสียงนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เสียงครืดคราดจะดังตามมาพร้อมกับแรงจับที่ข้อเท้าของโยดา!!!


“งื้อ!!”เด็กน้อยสะดุ้งโหยงหลับตาปี๋  มือที่บีบข้อเท้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด เธอตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน ยมทูตที่นำทางเดินนำออกไปไกลเรื่อยๆ เด็กน้อยทำพลาดเผลอมองไปที่ใบมีดของเขา……เหล็กแวววาวสะท้อนภาพวิญญาณยายแก่ตัวขาดครึ่งท่อนที่กำลังจับขาเธออยู่


“ปล่อยหนูเถอะค่ะ นะคะ คุณยาย” เธอกระซิบเสียงแผ่ว หญิงชราวาดยิ้มโรคจิตก่อนจะพูด


“มาอยู่กับฉันเถอะ มาอยู่กับฉัน…” โยดารีบส่ายหน้าพรืด


“ไม่ได้หรอก หนูอยู่ด้วยไม่ได้ คุณยายขา ปล่อยหนูเถอะ”


“ฉันจะไม่ปล่อยเธอ!! เธอต้องอยู่กับฉัน เธอต้องตายเหมือนกับฉัน!!”


“หนูขอร้องคุณยายแล้วนะคะ คุณยายอย่าโกรธหนูนะ” เด็กน้อยหันกลับไปหาก่อนที่ดวงตาของเธอจะเจิดจ้าด้วยสีทอง ฉับพลันนั้น คลื่นความกดดันมหาศาลก็บีบอัดดวงวิญญาณดวงนั้นจนสั่นงันงก หญิงชรารีบก้มลงกราบแทบเท้า


“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!” ดวงวิญญาณดวงนั้นขอขมา โยดารีบจับแขนเขาขึ้น


“หนูไม่โกรธ แต่คุณยายห้ามบอกใครนะ ห้ามบอกใครเด็ดขาด!!” เธอกระซิบอย่างร้อนรนพร้อมกับคอยดูด้วยว่ายมทูตจะรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเธอไม่ได้ตามเขามา


“ฉันจะไม่พูด ฉันจะไม่พูด”


“ขอบคุณค่ะคุณยาย หนูต้องไปแล้ว นานกว่านี้เขาจะรู้ถึงพลังหนู!! หนูไปก่อนนะคะ! แล้วหนูจะกลับมาหาส่วนที่เหลือของคุณยายให้!!” เด็กน้อยร้องบอกก่อนจะรีบวิ่งตามยมทูตที่เริ่มไปไกลแล้ว….


“ตามให้ทันข้า ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้เธอวิ่งได้ตามใจชอบนักหรอก” ยมทูตเอ่ยบอก โยดาพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะพยายามข่มพลังตัวเองไว้ สิ่งที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เหล่าดวงวิญญาณหรอก แต่คือการปะทุพลังของเธอต่างหาก ยิ่งอยู่ในนรก พลังของเธอก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และนั่นคงไม่ดีเท่าไรสำหรับการมาวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นนี้เสียเท่าไรนัก…



--------------------------------------




   ทัศนียภาพค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ จากเส้นทางอันมืดมนที่อากาศเย็นเยียบ เต็มไปด้วยหมอกควันสีจางที่โรยตัวอยู่ทุกพื้นที่ และหลอกหลอนด้วยวิญญาณที่ร้องเสียงโหยหวน ตอนนี้กลับกลายเป็นเส้นทางอันแสนจะทรมาน ทัศนวิสัยมืดมนด้วยม่านสีดำที่โรยตัวลงมาราวกับกำมะหยี่ของรัตติกาล อากาศร้อนอบอ้าว เสียงวิญญาณกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงการลงทัณฑ์ดังแว่วมาไกลๆ ที่เบื้องหน้าหลังกำแพงทองเหลืองมีหมอกควันสีดำ ฟ้าแลบแปลบปลาบ และแสงสีแดงที่ล้อเล่นอยู่กับความมืด โยดารู้ได้ทันทีว่าเธอใกล้ถึงแล้ว  นรกแห่งการลงทัณฑ์ ทาร์ทารัสกำลังอยู่ตรงหน้าเธอ


สวบ!


จู่ๆเสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นเหนือหัวขึ้นไป เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองข้างบน ที่นี่ไม่เหมือนโลก เหนือยอดสุดขึ้นไปไม่มีอะไรนอกจากสีดำ เธอแทบมองไม่ออกว่าข้างบนนั้นมีอะไร


แคว่กกกกก


เสียงร้องของสัตว์ตัวนั้นคำรามอย่างดุร้าย ก่อนที่เสียงกระพือปีกจะดังขึ้น


“พวกเธอเข้มงวดกว่าปกติ…” จู่ๆยมทูตก็พูดขึ้น


“พวกเธอ? ใครหรอคะ” ยมทูตยกมือขึ้นเป็นเชิงสั่งให้เงียบ


“ทำตัวปกติ พวกเธอไม่ใจดีเหมือนอย่างข้าหรอก”


“แต่หนูยังไม่รู้เลยว่าพวกเธอคือตะ…”



แคว่กกกกกกกกก!!!



เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับการจู่โจมที่รวดเร็ว ปีศาจตัวหนึ่งทิ้งดิ่งลงมาจากเบื้องบนด้วยความเร็วสูง  โยดาตัวน้อยรีบถอยหลังจนติดกับยมทูต ปีศาจตัวนั้นหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ  เธอบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงเมื่อเห็นพวกมันทั้งสาม ปีศาจกลุ่มนั้นเป็นผู้หญิงทั้งหมด ดวงตาของพวกเธอแดงฉานและอมหิต  ปากพวกเธอฉีกถึงหู ข้างในเต็มไปด้วยฟันแหลมคมที่เลอะคราบเลือดและเศษชิ้นเนื้อ ผมเผ้ายุ่งเหยิงและมันแผลบ ที่กลางหลังมีปีกอย่างค้างคาวงอกออกมา  ในมือของพวกเธอถือแส้หนามเอาไว้ ปีศาจเหล่านั้นตวัดแส้ขู่โยดา เปลวไฟสีแดงลุกพรึ่บ
เป็นทางยาว เด็กน้อยสะดุ้งโหยง



“แกเป็นใคร!!” ตัวที่อยู่ตรงกลางถามเสียงกระชากก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหา ยิ่งเห็นใกล้ๆเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกับกลุ่มคนพวกนี้ ราวกับว่าพวกเธอเคยทำร้ายคนในครอบครัวของเธอ…


“ฟิวรี่…”จู่ๆโยดาก็นึกชื่อนั้นขึ้นมาได้ เธอไม่ชอบมันเลย ไม่ชอบมันเลยสักนิด


“ข้าถามว่าแกเป็นใคร!!!” ฟิวรี่ตัวนั้นกระโจนเข้ามากระชากคอของเด็กน้อย กงเล็บแหลมคมจิกอยู่ที่คอ เด็กน้อยเม้มปากแน่น พยายามไม่ร้องไห้ ไม่ เธอเกิดเป็นลูกของบุตรแห่งฮาเดส เธอจะไม่ร้องไห้ เธอจะไม่อ่อนแอเด็ดขาด


“หนูชื่อโยดา” เด็กน้อยตอบเสียงอู้อี้ ฟิวรี่บีบคอขึ้นอีก


“ข้าถามว่าแกเป็นใคร” กงเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เลือดสีสดไหลออกมา โยดาเม้มปากแน่นกลั้นความเจ็บปวด  ไม่เธอจะไม่ร้องไห้ เธอจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด


“ท่าน ท่าน พอเถอะท่าน นี่คนที่ข้าพามาเอง” ยมทูตตนนั้นเรีบข้ามาเจรจา ฟิวรี่ตวัดสายตาไปหา


“เจ้ามีธุระอะไรกับทาร์ทารัส!!!”เธอถามด้วยเสียงกระชาก


“ข้าต้องการเข้าพบท่านฮาเดส”


“เจ้ามีธุระอะไรกับท่านฮาเดส!!!!” ยมทูตหันมามองเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ


“เด็กคนนี้เป็นเด็กพิเศษ เขาไม่มีอายุขัย”


“หรือว่าเจ้าจะเป็นนักโทษที่แหกคุกไป!!!” ฟิวรี่ตัวนั้นกระชากเด็กตัวน้อยเข้ามาหาก่อนจะบีบคอแรงขึ้น ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากแผล


“เราต้องรีบเอาไปให้เจ้านายของเรา!!” ฟิวรี่อีกตัวหนึ่งออกความเห็น


“ข้ารู้อยู่แล้วล่ะน่า!!!”


“ถ้างั้นจะมัวรออะไรล่ะ รีบเอามันไปให้ท่านฮาเดสเด็ดหัวมันเร็ว!!!” ฟิวรี่อีกตัวบอกอย่างลิงโลดก่อนจะกระชากโยดาไปจากมือตนแรกแล้วถูลู่ถูกังเธอไปกับพื้นอันร้อนระอุของทาร์ทารัส พื้นหินหยาบที่เต็มไปด้วยเศษแก้วแหลมคมครูดไปกับผิวของเด็กน้อยจนถลอก บางส่วนของมันทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อเรียกเลือดสีสดให้ไหลซึมออกมา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังข่มใจ เธอจะต้องไม่ร้องไห้ ไม่ร้องไห้เด็ดขาด


“ตัดหัว ตัดหัว ตัดหัว!!!” ฟิวรี่ตัวที่ตามมาด้านหลังกู่ร้องอย่างยินดี มันตะโกนใส่หน้าโยดาซ้ำๆราวกับนี้คือการสรรเสริญ


“ท่านฮาเดสจะต้องตบรางวัลให้กับข้า!!!” ตัวที่ลากเธออยู่พูด


“กับข้าต่างหาก!!!” ฟิวรี่อีกตัวพูดขึ้นก่อนจะเข้ามากระชากโยดาแล้วบินหนีขึ้นไปยังท้องฟ้าสีแดงฉานนั้น


“เจ้าเอาปีศาจนั่นไปจากข้าไม่ได้!!!!” อีกตัวกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะบินตาขึ้นมาพร้อมกับอีกตัว โยดาถูกพาขึ้นไปสูงขึ้น เธอมองกลับลงไปยังข้างล่าง ก่อนที่จะแทบกลั้นหายใจไม่ทัน เบื้องล่างตรงนั้นคือแม่น้ำที่ถูกกลั่นออกมาจากเปลวเพลิง มันเดือดปุดๆ แตกเป็นฟอง และเผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ตกลงไปในตัวมันเหมือนกับลาวา หากแต่ไอความร้อนของมันรุนแรงกว่า และแทบจะหลอมละลายให้ร่างของเธอแหลกเหลว และที่สำคัญมันไม่ได้เป็นแม่น้ำที่ว่างเปล่า แต่กลับมีศีรษะมนุษย์นับพันถูกโยนลงไปในแม่น้ำ!!!


ฟิ่วววว


เสียงอะไรบางอย่างลอยแทรกผ่านอากาศเด็กน้อยหันไปดูก่อนจะพบว่าศีรษะมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกตัดจและลอยเฉียดร่างของเธอไป การถูกรบกวนครั้งนี้ทำให้ฟิวรี่ที่ตะครุบตัวเธอเอาไว้เสียการทรงตัว มันบินแฉลบไปด้านข้างก่อนที่อีกตัวจะมาแย่งเธอไป


“มันเป็นของข้าแล้ว!!! ” ฟิวรี่ตัวนั้นกู่ร้องก่อนจะพาเธอบินไปอีกข้าง เสียงคร่ำครวญของเหล่าดวงวิญญาณดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ เสียงของพวกมันหลอกหลอนและจมดิ่งความรู้สึกเราให้อยู่ในก้นบึ้งของความเศร้า และความสิ้นหวัง  พวกมันโหยหวน รำพึงรำพัน และพูดกับเราซ้ำๆ..


ชีวิตของเจ้าช่างไร้ค่า เจ้าไม่ควรจะเกิดมา เจ้าเป็นผลผลิตของความแปลกประหลาด เจ้าไม่มีค่าอะไร เจ้าไม่มีค่าอะไร เจ้าไม่มีค่าอะไร  จงตายไปกับเรา


    เสียงนั้นดังขึ้นซ้ำๆ โยดาหันไปมองยังต้นเสียง….มันไม่ได้มาจากผู้หญิงที่ถูกทรมาน หรือปีศาจที่อยู่แถวนี้ แต่มันมาจากแม่น้ำอีกสายหนึ่งที่อยู่ถัดออกไปอีกฝั่ง…


ไคโคทัส….แม่น้ำแห่งความกำสรวล



   โยดารู้ได้เองโดยอัตโนมัติ นั่นคือแม่น้ำแห่งความโศกเศร้าทุกหยาดหยดของมันกลั่นกรองมาจากน้ำตาของเหล่าดวงวิญญาณที่สิ้นหวัง อนุภาพของมันร้ายแรงมากพอจะทำให้คนที่ตกลงไปในนั้นอยากตายเพราะความเศร้าโศกที่กัดกินไปจนถึงหัวใจ


“มันต้องเป็นของข้า!!!!” ฟิวรี่อีกตัวกรีดร้องก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่กัน  โยดาถูกทำหล่นลงกลางอากาศ ร่างของเธอดิ่งลงไปสู่ไคโคทัสด้วยความเร็วสูง เมื่ออยู่ใกล้ขึ้น เธอเพิ่งเห็นแม่น้ำนั้นชัดๆ  แม่นี้สีใสนั้นเต็มไปด้วยมือของเหล่าดวงวิญญาณ พวกมันชูแขนขึ้นมากันราวกับจะพร้อมใจฉุดกระชากใครก็ตามที่เคราะห์ร้ายลงไปสู่ก้นบึ้งของแม่น้ำ เด็กน้อยหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอเป็นคนของความตาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่ละเว้นเธอ อะไรๆในทาร์ทารัสล้วนเชื่อฟังแต่ฮาเดส และที่สำคัญตอนนี้เธอกำลังดิ่งลงไปหามันด้วยความเร็วสูงทั้งๆที่เธอบินไม่ได้!!!!



“อ๊า!! จะตกแล้ว จะตกแล้ว ใครก็ได้ช่วยหนูด้วย!!!” เด็กน้อยหวีดร้อง แต่เสียงลมที่แหวกออกทำให้เสียงของเธอแทบจะกลายเป็นเสียงแมลงพูด


“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายก่อนที่จะได้พบท่านฮาเดสหรอก!!!!”ฟิวรี่ตัวนั้นประกาศก่อนจะเข้ามาตะครุบเธอไว้ด้วยระยะที่เฉียดฉิว อีกนิดเดียวเธอจะถูกมือพวกนั้นกระชากลงไปในแม่น้ำ  นางปีศาจตนนั้นบินทะยานไปสู่หอคอยเบื้องหน้าที่อยู่ใจกลางของทาร์ทารัสด้วยความเร็วสูง ก่อนที่มันจะร่อนลงกับพื้นอย่างแรงที่ลานหน้าประตู โยดาตัวน้อยถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนเจ็บปวด


“ข้าจะพบท่านฮาเดส” ฟิวรี่ตนนั้นประกาศกับทหารโครงกระดูก  แต่ดูจากการที่เธอดาหน้าเข้าไปข้างในแล้ว เธอคงไม่ได้ต้องการจะขออนุญาตเขาเท่าไร  รูปประโยคนั้นเหมือนเป็นคำสั่งกลายๆเสียมากกว่า


“ไม่ได้นะ!!!  ตอนนี้ท่านฮาเดสกำลังตัดสินพวกแหกคุกอยู่!!!!” ทหารตัวนั้นพยายามวิ่งเข้ามาห้าม แต่พวกฟิวรี่กลับไม่ฟัง


“แต่ข้าจะเข้าไป!!!” เธอพูดก่อนจะตระหวัดกงเล็บใส่ทหาร  โครงกระดูกทั้งหมดพังทลายลงมากองอยู่บนพื้น โยดาหันไปตวัดค้อนฉับ เธอไม่ชอบการกระทำแบบนี้ เธอเกลียดการกระทำแบบนี้


“ทำไมต้องทำอย่างนั้นกับเขาด้วย” เธอถามอย่างไม่พอใจ


“นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า!!!” มันตะคอกก่อนจะกระชากไปแรงขึ้น โยดาตัวน้อยหันกลับไปมองยังที่โครงกระดูกตนนั้นกองอยู่ เธอจะไม่ยอมให้ทหารดีๆต้องมาสลายไปเพราะปีศาจนิสัยเสียอย่างพวกฟิวรี่หรอก



จงตื่นขึ้นมา คุณทหาร



เธอกระซิบในความคิด พยายามกลั่นพลังออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ ร่างนั้นแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่มัน….จะค่อยๆคืนร่างกลับมาช้าๆ เด็กน้อยแย้มยิ้ม ก่อนที่ทหารผู้นั้นจะโค้งศีรษะให้เธอ



“ยิ้มอะไรของเจ้า!!!”  ฟิวรี่ตวาด โยดารีบตีหน้าปกติก่อนจะส่ายหน้า




         เธอถูกลากไปตามทางที่ทำมาจากหินสีดำ บรรยากาศโดยรอบบอกไม่ได้ว่าเย็นยะเยือกหรือร้อนระอุ เพราะทั้งสองดูเหมือนจะกำลังทะเลาะกันอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่นี้ ทุกพื้นที่ในนี้เต็มไปด้วยโครงกระดูก เสาที่ค้ำจุน เพดาน ผนัง ทำมาจากกระดูกมนุษย์ทั้งหมด หนำซ้ำบางส่วนยังถูกฉาบด้วยม่านดวงวิญญาณที่กำลังกรีดร้องโหยหวน อย่างเช่นบานประตูขนาดใหญ่ที่กำลังอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้


“เปิดประตูให้ข้า!!!” พวกมันออกคำสั่ง ทหารตนนั้นมีท่าทีลังเล ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูให้ เมื่อเจอพวกมันกางกงเล็บใส่



   โยดาถูกกระชากเข้าไปในห้องตัดสินขนาดใหญ่  ที่อยู่ตรงกลางห้องคือเหล่าปีศาจหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว บางตนสูงเทียมยักษ์ บางตนแคระแกรนเหมือนคนแคระ บางตนมีลักษณะคล้ายคน แต่บางตนเหมือนเป็นส่วนผสมของสัตว์หลายๆชนิดที่ไม่ลงตัว แต่โดยรวมแล้วพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ แววตาอมหิต และที่อยู่เหนือพวกเขาขึ้นไปคือเหล่าเทพเจ้าในนรกที่นั่งกันอยู่บนบัลลังก์โดยที่บัลลังก์สูงสุด ยิ่งใหญ่ที่สุดคือที่นั่งของฮาเดส เทพเจ้าแห่งนรกใต้พิภพ


“คุณปู่!!!”เด็กหญิงตัวน้อยร้องเรียกด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะวิ่งตรงเข้าไปหาฮาเดส


“จับตัวมันไว้!!!” ฟิวรี่ประกาศ เหล่าทหารโครงกระดูกรีบวิ่งตามจับโยดา เด็กน้อยวิ่งต่อไปอย่างดีใจโดยไม่สนใจใคร ตัวกลมๆดิ้นดุ๊กดิ๊กไปตามทาง ก่อนจะก้มหลบเหล่าทหารที่กระโจนเข้าใส่ แล้วปราดตัวออกไปด้านข้างขณะที่อีกตนกำลังจะจับเธอ โยดาวิ่งด้วยความเร็วเข้าไปหาฮาเดส เทพเจ้าแห่งนรกใต้พิภพมองภาพความวุ่นวายเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก ทหารของเขาหลายนายพ่ายแพ้ให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่แม้จะต่อสู้ เธอแค่วิ่งไปในทิศทางที่เป็นจุดอ่อนของทหารพวกนั้น ราวกับว่าเธอรู้ดีว่าเหล่าคนตายเป็นเช่นไร…


“ท่านจะให้ข้าจัดการเลยหรือไม่” ทานาทอสเทพเจ้าแห่งความตายที่อยู่ทางด้านขวาเอ่ยถามขึ้น ฮาเดสยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ก่อนจะตอบ


“รอดูต่อไป” เทพเจ้าเอ่ยบอก แวบหนึ่งที่ทานาทอสไม่อยากเชื่อสายตา ฮาเดสกำลังยิ้มอยู่….เป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขอย่างประหลาด…


“คุณปู่!!!!” โยดาตัวน้อยร้องเรียกอย่างร่าเริงก่อนจะวิ่งตรงมาหา แล้วโผลเข้ากอดฮาเดสอย่างแรงจนเทพเจ้าทุกองค์ต่างตกใจ และเตรียมพร้อมจะจู่โจม


“ไม่ต้อง ไม่ต้อง”ฮาเดสเอ่ยบอกเสียงเรียบ ใบหน้ายังคงระบายยิ้มน้อยๆ โยดากอดเขาไว้แน่น


“คุณปู่!! คุณปู่!!! คุณปู่ของหนู ในที่สุดหนูก็หาคุณปู่เจอสักที!!!” เด็กหญิงตัวน้อยบอกอย่างร่าเริงก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้เขาจนตาปิด เทพเจ้ามองหน้าเธอนิ่งราวกับกำลังประเมินจนเด็กน้อยเริ่มใจเสีย  รอยยิ้มกว้างนั้นค่อยๆเลือนหายไปช้าๆ ก่อนที่เธอจะพูดด้วยเสียงสั่นๆ


“คุณปู่…คุณปู่ไม่รู้ว่าหนูเป็นใครหรอคะ”


“หึหึ…” เทพเจ้าหัวเราะในลำคอก่อนจะคว้าเธอเข้ามากอดไว้


“ข้ารู้ตั้งแต่เจ้าลงมาเหยียบบนแผ่นดินของข้าแล้ว นี่พ่อกับแม่เจ้าไม่รู้ใช่ไหมว่าเจ้าแอบหนีลงมา” เด็กน้อยกลับมายิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าจนผมสะบัด


“หนูแอบหนีลงมา ถ้าบอกคุณพ่อ คุณพ่อจะไม่ให้ คุณพ่อบอกว่าทาร์ทารัสอันตราย” ฮาเดสเลิกคิ้วน้อยๆด้วยความฉงน


“ห่วงคนกับเขาเป็นด้วยรึ……แล้วนี่เจ้าลงมาที่นี่ได้ยังไง”


“มีคุณลุงถือเคียวคนหนึ่งค่ะ!!! หนูเห็นเขาเดินตามคุณลุงภารโรงที่โรงเรียน หนูสง หนูเลยถาม ทำไมถึงต้องตาม พอถามปุ๊บ คุณลุงเขาก็สง ทำไมหนูเห็นเขา เขาเอามือแตะหน้าผากหนู พอแตะปุ๊บ!!! เขาตกใจ!!! ทำไมหนูไม่เคยเห็นความตายถึงเห็นเขา ทีนี่ ที่นี่ เขาเลยจับหัวหนูแบบนี้เลย!!” โยดาตัวน้อยเล่าอย่างออกรสพร้อมกับทำท่าให้ดู


“ พอจับเสร็จ เขาก็ยิ่งตกใจ!! เขาบอกหนูเป็นคนธรรมดาทำไม ทำไม!!! หนูไม่มีอายุไหล!!!”


“อายุไขโยดา..”เทพเจ้าแก้คำพูดให้ โยดาหัวเราะคิกคักด้วยความเขินอายก่อนจะบิดชายกระโปรง


“หนูยังไม่เก่ง  พอเสร็จแล้วเขาก็เลยพาหนูลงมาหาคุณปู่ และพวกป้าฟิวรี่ก็มาจับหนูไปเพราะคิดว่าเป็นนักโทษแหกคุก” โยดาชี้ไปทากลุ่มฟิวรี่ที่ตีปีกพรั่บๆด้วยความไม่พอใจอยู่ ฮาเดสหัวเราะน้อยๆก่อนจะตอบ


“งั้นรึ เก่งไม่เบา ที่มาถึงที่นี่ได้โดยที่…” เทพเจ้าพูดก่อนจะมองสำรวจร่างของโยดา


“ข้าไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนักที่เห็นหลานข้าได้รับบาดเจ็บขนาดนี้…..อเลกโต!!” ฮาเดสเรียกชื่อข้าทาสด้วยเสียงอันทรงพลัง ฟิวรี่ตนที่ถูกเรียกมีท่าทีตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด


“ข้า….”


“นักโทษกำลังจะหนี!!!” ก่อนที่อเลกโตจะพูด จู่ๆก็มีเสียงทหารโครงกระดูกตนหนึ่งตะโกนขึ้น นักโทษตนหนึ่งที่รูปร่างเกือบเท่ายักษ์กำลังจะวิ่งออกไปทางประตู


“จงจับมันไว้!!! อย่าให้มันหนีรอดไปได้!!!” ฮาเดสประกาศกร้าว ปีศาจที่เหลือเริ่มแตกตื่น พวกมันระดมพ่นพิษและไฟออกมาทำร้ายทหาร เหล่าเทพเจ้าร่ายเวทหวังสกัดกั้น แต่ตนที่เป็นหัวหอกในการก่อกบฏครั้งนี้กลับต่อกรได้


“หึ  เจ้าอยากจะดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขของปู่กับหลานเจ้าก็ดื่มด่ำไปซี่  ข้าคนนี้จะไม่ขัดขวาง!!!” มันบอกก่อนจะกระทืบโครงกระดูกจนแหลกละเอียด


“ไม่นะ!!!” โยดาร้องเสียงดัง ก่อนที่ฮาเดสจะปลุกวิญญาณขึ้นมา ห้องตัดสินทั้งห้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นห้องค่อยๆพังทลายลง เหล่าดวงวิญญาณจากใต้พิภพค่อยๆคลานขึ้นมาจากหลุม…


“คุณลุงภารโรง…”โยดาพึมพำด้วยความตกใจเมื่อเห็นลุงภารโรงคนนั้นถูกเรียกขึ้นมาด้วย เขาหันมาหาเธอก่อนจะแย้มยิ้มให้


“อ้าว ยัยหนู”


“โจมตีมันซะ!!!!” สิ้นเสียงของฮาเดสลุงภารโรงคนนั้นก็ต้องหันกลับไปพุ่งเข้าใส่เหล่าอสูรกาย  ฝูงวิญญาณกลมกลืนกันไปหมดจนโยดาแยกไม่ออก แต่อย่างน้อยสิ่งที่โยดาเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือ เหล่าอสูรกายกำลังตอบโต้ดวงวิญญาณกันอย่างบ้าคลั่ง  


“ไม่นะ…ไม่นะ….”เธอพึมพำซ้ำๆ ถ้าเป็นแบบนี้คุณลุงภารโรงของเธอก็อาจจะ…


“ไม่!” เธอร้องดังก่อนจะวิ่งลงไปในกลุ่มนั้น


“โยดา!!!” ฮาเดสแผดเสียง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เด็กน้อยวิ่งหายเข้าไปในกลุ่มดวงวิญญาณแล้ว  โยดาแหวกฝูงวิญญาณที่กำลังต่อสู้  เป้าหมายเธอมีเพียงหนึ่งเดียวคือคุณลุงภารโรงคนนั้น


“คุณลุงคะ คุณลุง!!!” โยดาพยายามตะโกนเรียก ก่อนจะวิ่งหลบการต่อสู้ไปเรื่อยๆ เด็กน้อยคอยปลุกพลังให้กับดวงวิญญาณ ทุกที่ที่เธอวิ่งผ่านไป โยดาพยายามตามหา แต่หาเท่าไรเธอก็หาไม่พบ กลุ่มวิญญาณและอสูรกายมีมากเกินไป


“หื้มมมม ดูสิ่ว่าข้าเจอใคร…” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เด็กน้อยหันกลับไปหา อสูรกายตัวที่เป็นแกนนำกำลังยืนยิ้มสยองให้เธออยู่ตรงนั้น


“อย่าเข้ามานะ!!!” โยดาแผดเสียงก่อนจะก้าวเท้าตั้งหลัก อสูรกายตนนั้นหัวเราะอย่างขบขัน


“โอ้ เจ้าคิดจะสู้กับข้างั้นรึ  ได้!!  แล้วข้าจะสนองให้  ราชนัดดาแห่งฮาเดส!!!”  ฉับพลันนั้นหอกขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของมัน ก่อนที่มันจะหวดด้วยแรงที่อันตรายถึงชีวิต โยดารีบบังคับพื้นที่มันยืนอยู่ให้ยุบลง ก่อนที่เธอจะเรียกโครงกระดูกมาตรึงขามันเอาไว้


“เจ้าคิดว่าแค่โครงกระดูกกระจอกๆพวกนี้จะทำอะไรข้าได้งั้นรึ!!!! ประมาทกันไปหน่อยแล้ว!!” มันบอกก่อนจะสลัดโครงกระดูกออกจนซากพวกนั้นกระเด็นไปไกล โยดารีบถอยหลังหนี หากแต่ดวงตาสุกใสนั้นยังจ้องไปที่อสูรกายตนนั้นเขม็ง  เธอพยายามหาจุดอ่อนของมัน แต่อสูรกายตนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะรับไว้


“ทำไม กลัวตายแล้วรึ หื้ม ไม่สิ ความตายคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้ากลัว งั้นเจ้าก็มาลองตายดูหน่อยเป็นไง!!!!” อสูรกายแผดเสียงก่อนที่มันจะกระโจนเข้าใส่ ปลายหอกพุ่งเข้ามาหาโยดาด้วยความเร็วสูง



ฉึก!!!



เสียงหอกแทงทะลุ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บ โยดาค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นภาพไม่คาดฝัน



“คุณลุง!!!” เด็กน้อยหวีดร้องด้วยความตกใจ ร่างที่เข้ามารับแทนเธอคือวิญญาณของลุงภารโรงคนนั้น


“หนีเร็ว”เขาบอกกับเธอ โยดารีบจับร่างของเขาไว้ เธอไม่รู้เลยว่าอาวุธของอสูรกายตนนั้นจะทำอะไรดวงวิญญาณได้หรือเปล่า เธอไม่รู้เลยว่าว่าตอนนี้คุณลุงเป็นยังไง


“คุณลุงคะ คุณลุง คุณลุง!!!” เธอร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่ร่างของคุณลุงกลับค่อยๆสลาย


“คุณลุงคะ คุณลุง!!!” เธอพยายามไขว่คว้าร่างที่กำลังจะหายไปต่อหน้าต่อตาเธอ ภารโรงคนนั้นแย้มยิ้มให้เธอบางๆ


“ไม่นะ ไม่นะคะคุณลุง ไม่เอานะ ไม่จากหนูไปนะ!!!” เด็กน้อยร้องไห้ เธอพยายามจะกอดร่างวิญญาณของเขาเอาไว้ เธอไม่เคยกลัวความตาย การตายไม่เคยทำให้เธอเศร้า แต่การหายไปจากโลกตลอดการคือสิ่งที่ทำให้เธอหลั่งน้ำตา


“ไม่!!! ไม่นะ!!! ไม่!!!!”


“อย่าร้องไห้….ยัยหนู…” นั่นคือเสียงสุดท้ายของลุงคนนั้น ก่อนที่ร่างของเขาจะสลายหายไป…ตลอดกาล…


“ไม่นะ!!!!” โยดาหวีดร้องลั่นจนทุกคนที่อยู่รอบข้างต้องหยุดชะงัก เด็กหญิงตัวน้อยจ้องมองที่ที่เคยมีร่างวิญญาณของลุงคนนั้นยืนอยู่


“หึ จะไปสนใจอะไรกับแค่วิญญาณโง่ๆตนหนึ่ง  เป็นถึงคนของความตายไม่ใช่รึไง!!!” โยดากำหมัดแน่น ร่างของเธอค่อยๆสั่นเทา ครั้งแรกเธอสูญเสียลุงคนนั้นให้กับความตาย สิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่มีวันหนีพ้น แต่ครั้งที่สองเธอสูญเสียเขาให้กับอสูรกายโง่ๆตนหนึ่งที่ไม่คู่ควรกับดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ เธอจะไม่ยอมให้การเสียสละครั้งนี้สูญเปล่า เธอจะไม่ยอมให้การจากไปของลุงคนนั้นต้องไร้ค่า!!!!


“จงตื่นขึ้นมาเหล่าดวงวิญญาณของข้า จงตื่นขึ้นมาเหล่าความโศกเศร้าที่หลับใหล จงตื่นขึ้นมาเหล่าความสูญเสียที่ไม่ยุติธรรม…” สิ้นเสียงนั้นจู่ๆเสียงโห่ร้อง โหยหวนก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่คนในนรกยังไม่อยากจะฟัง เป็นเสียงที่แม้แต่ทานาทอสยังต้องหวั่นเกรง พวกมันร่ำร้อง โหยหวน และร่ำไห้  เสียงอะไรบางอย่างค่อยๆคลืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ เหล่าอสูรกายต่างพากันนิ่งค้าง พวกมันเงี่ยหูฟังและรอดูสถานการณ์ ก่อนที่ตัวใดตัวหนึ่งจะพูดขึ้นมา



“ไคโคทัส…” กว่าพวกมันจะรู้ตัว ไคโคทัสทั้งสายก็ไหลทะลักเข้าห้องตัดสิน ฝูงอสูรกายพากันวิ่งหนี แต่เหล่าดวงวิญญาณแห่งความเศร้าโศกก็ไม่ยอมให้พวกมันทำเช่นนั้น ดวงวิญญาณฉุดกระชากพวกมันลงไปในแม่น้ำ แล้วกรีดร้อง โหยหวน และกล่อมประสาทด้วยความสิ้นหวัง



พวกเจ้าไม่มีอะไรดี เจ้าทำให้เหล่าปีศาจทั้งหลายผิดหวัง พวกเจ้าสมควรตาย  สมควรตาย สมควรตาย



เสียงนั้นดังขึ้นซ้ำๆ เหล่าอสูรกายถูกลากให้จมดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ความเย็นจัดของกระแสน้ำดูดกลืนเอาไออุ่นจากสิ่งมีชีวิตจนเหลือเวลาแต่อาการชาไปทั่วทั้งร่าง



พวกเจ้านั้นไร้ประโยชน์ เจ้าพ่ายแพ้ พวกเข้าควรจะตาย ควรจะตาย ควรจะตายไปซะ



“ควรจะตาย…ควรจะตาย…ใช่…ข้าควรจะ…ตาย” เหล่าอสูรกายพึมพำอย่างไร้สติ ก่อนที่พวกมันจะถูกความโศกเศร้ากระชากลงสู่ความตายช้าๆ ไคโคทัสค่อยๆกวาดล้างพวกมันลงสู่แม่น้ำ ก่อนที่จะค่อยๆไหลลงกลับไปที่เดิม แล้วสายน้ำทั้งหมดค่อยๆหายไปจากห้องตัดสิน…



“โยดา…”ฮาเดสเรียกหลานสาวเสียงเรียบ โยดายังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น


“โยดา…”ฮาเดสส่งเสียงเรียกอีกครั้งก่อนจะแตะไหล่เล็กเบาๆ เด็กหญิงกำลังร้องไห้ เธอยังคงมองไปในที่ที่ลุงภารโรงคนนั้นเคยยืนอยู่


“วิญญาณดวงนั้นไม่หายไปไหนหรอก” เทพเจ้าพูดขึ้น


“……ฮึก…..” เธอสะอื้น ก่อนจะหันมากอดปู่ของเธอไว้แน่น


“คุณปู่” เทพเจ้าลูบผมปลอบเธอเบาๆ


“เมื่อกี้หลานทำได้ดีมาก เขาจะต้องภูมิใจ…”


“ฮึก! แต่เขาไม่อยู่กับหนูแล้ว เขาไม่อยู่กับหนูแล้ว ถ้าเขาเป็นวิญญาณ หนูยังมาหาเขาได้ แต่นี่เขาไม่ใช่ เขาหายไปแล้ว เขาแตกสลายไปแล้ว!!” โยดาร้องไห้เสียงดัง เทพเจ้าสบตาเธอก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หากแต่แฝงแววห่วงใย


“ไม่มีการตายใดน่ากลัวไปกว่าการหายไปจากใจคนคนหนึ่ง ตราบใดที่เขายังคงอยู่ในใจของเจ้า เขาก็จะยังคงอยู่บนโลกนี้ตลอดไป…” โยดานิ่งเงียบกับคำพูดของฮาเดส เด็กน้อยฝังหน้าลงกับเสื้อคลุมแห่งวิญญาณตัวนั้น แวบหนึ่งที่เธอเหมือนเห็นใบหน้าของลุงคนนั้นก่อนที่มันจะหายไป…



     ฮาเดสเฝ้ามองไปยังที่ที่เมื่อครู่ไคโคทัส แม่น้ำแห่งความกำสวลได้กวาดเอาอสูรกายทั้งหลายลงไปสู่ความตายด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออก  เมื่อครู่เด็กคนนี้เพิ่งใช้ทั้งพลังของโพไซดอน และพลังของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ…



กล้าแกร่งเกินไปแล้ว

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ