คริสไม่เคยเข้าไปในทาร์ทารัสที่ลึกกว่าคุกแห่งความวิปโยค แม้แต่เขาเองก็ยังถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าไป ที่นั่นไม่ใช่ที่สำหรับมนุษย์ ทุกอย่างในนั้นถูกออกแบบมาเพื่อสังหาร มันเต็มไปด้วยสิ่งอันตราย น่ากลัว สยดสยอง และเสี่ยงตาย พวกเขาแทบไม่มีทางหาหัวใจของโครนอสเจอได้อย่างปลอดภัย พวกเขาจะตายจากสภาพแวดล้อมที่ทารุณหรือไม่ก็จากปีศาจที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในทาร์ทารัส...
“พวกเจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้างล่างนั่นอันตรายแค่ไหน” เสียงของฮาเดสดังขึ้นขณะที่พวกเขากำลังลงไปยังก้นเหว คริสหันมาสบตากับผู้เป็นพ่อ
“ผมรู้...” เทพเจ้าดูมีสีหน้ากังวล ก่อนที่เขาจะเงยหน้าสบตาลูกกลับ
“ข้าไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรพวกเจ้าได้ลิขิตของชะตาข้ามิอาจเข้าแทรกแซง” คริสพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่เขาจะพูดขณะที่พวกเขาเริ่มร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว
“แค่นี้ท่านพ่อก็ช่วยเหลือพวกเรามามากแล้ว ผมไม่อยากทำให้ท่านพ่อวุ่นวายอีก” ฮาเดสลูบผมลูกชาย ร่างสูงดูวูบไหวเล็กน้อย ครอบครัวของเขาไม่ถนัดเรื่องการแสดงออก การทำอย่างนี้ทำให้เขาไม่คุ้นชิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกดี กำลังใจปริมาณมหาศาลถูกส่งมาเพิ่มพลังให้หัวใจแข็งแกร่ง
“จงจำคำของข้าไว้ นี่จะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าหาได้ง่ายที่สุด และจงเชื่อเด็กหญิงจากทิศตะวันตกเธอจะนำทางพวกเจ้าไปหาสิ่งที่ต้องการ” แล้วพวกเขาก็ร่วงหล่นลงสู่ความมืดอนธการอย่างรวดเร็วราวกับลิฟท์ที่กำลังตกจากชั้นสูงสุด คริสไม่มีโอกาสได้ถามพ่อว่านั่นหมายความว่าอะไร พวกเขาดิ่งลงไปที่ก้นเหวด้วยความเร็วสูง ร่างสูงแทบไม่เหลือเวลาให้คิดหาทางออก หุบเหวเบื้องล่างกำลังเรียกหา ไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากที่นั่นจนพวกเขาขนลุก เสียงแหบแห้งและโบราณเสียยิ่งกว่าแอตลาสดังขึ้น
จงลงมาหาข้า จงลงมาหาข้า
จงลงมาหาข้า จงลงมาหาข้า
พวกเขาถูกฉุดกระชากลงไปในก้นเหว แสงสีแดงสว่างวาบจนแสบตา กลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง
จงลงมาหาข้า เหล่ามนุษย์ตัวจ้อยทั้งหลาย..
ประสาทหูของพวกเขาดับ เสียงนั้นดังมากจนทนแทบไม่ไหว ร่างกายตกลงกระทบพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่าง ชานยอลกับคริสรีบหันไปมองลูก โชคยังดีที่พวกเขาไม่เป็นอะไร ก่อนที่เขาจะค่อยๆหันไปมองรอบๆ
น่ากลัว...
นั่นคือความรู้สึกแรกหลังจากที่ตกลงมาที่นี่ ทาร์ทารัสส่วนนี้ไม่เหมือนส่วนที่พวกเขาเคยไปมาก่อน มันน่ากลัวกว่า ทารุณกว่าและโหดร้ายยิ่งกว่า ที่เบื้องบนของก้นเหวมีแต่ความมืดอนธการและเต็มไปด้วยแสงสีแดงอันน่าขนลุก รอบๆเต็มไปด้วยหน้าผาที่ทำมาจากผลึกหินสีดำอันแหลมคม อากาศโหดร้ายและทารุณยิ่งกว่าภูเขาไฟใดๆในโลก กลิ่นกำมะถันและกรดรุนแรงคละคลุ้งไปทั่ว พวกมันกัดกร่อนทางเดินหายใจของชานยอลกับโยฟานเสียจนแทบทนไม่ไหว ร่างโปร่งรีบกอดลูกเอาไว้ ในขณะที่คริสกับโยดายังพอทนได้ พวกเขาค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ ร่างสูงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะหาได้ง่ายที่สุด เด็กหญิงจากทิศตะวันตกจะนำทางพวกเจ้าไป...
เขาไม่เห็นอะไรนอกจากความสยดสยองของทาร์ทารัสเลย...
“หัว!!” จู่ๆโยดาก็ร้องเสียงหลงพร้อมกับชี้ไปที่พื้น ทุกคนหันไปมองตามก่อนที่ความหวาดกลัวอย่างสุดขีดจะพุ่งจู่โจมหัวใจของพวกเขา ใต้พื้นที่เขายืนอยู่ไม่ให้ใช่แค่พื้นธรรมดา...
แต่มันคือศีรษะของมนุษย์
ศีรษะของมนุษย์นับร้อยถูกสุมกันอยู่ที่นี่ พวกมันรวมกันจนกลายเป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ชานยอลกับโยฟานตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาแทบอยากจะกรีดร้องออกมา ดวงตากลมโตมองศีรษะมนุษย์ที่อยู่ใต้เท้าด้วยความกลัวสุดขีด
ฉับ ฉับ ฉับ
เสียงเหมือนของมีคมกำลังตัดผ่านอากาศ พวกเขาหันไปมองยังต้นเสียง อสูรกายหน้าตาน่าเกลียดตนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่นี่พร้อมกับกวัดแกว่งทวนขนาดยักษ์ตัดผ่านอากาศเล่นราวกับมันเป็นเรื่องน่าสนุก แต่อะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่มืออีกข้างของเขาถือศีรษะมนุษย์นับสิบมาด้วย...
“เราต้องรีบไปจากที่นี่!!!” คริสร้องบอกทุกคน เขาไม่แน่ใจนักหรอกว่าปีศาจหรือแม้แต่วิญญาณที่นี่จะเชื่อฟังเขามั้ย แต่ดูจากรูปการณ์แล้วเจ้าอสูรกายนั่นไม่น่าจะเชื่อใครเลยนอกจากตัวมันเอง
“ไปที่ไหน!!” ชานยอลย้อนถาม เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเหวด้านล่างที่มีแม่น้ำเฟเกลธอน แม่น้ำแห่งไฟไหลผ่าน ถ้าลงไปทางนั้นก็มีแต่ตายอยู่ดี พวกเขาจะถูกลวก แต่ขณะเดียวกันอีกด้านก็มีแต่อสูรกายตนนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เราต้องไปหลบที่ด้านหลัง” ร่างสูงตอบก่อนจะวิ่งตรงไปที่ท้ายหน้าผาหัวมนุษย์ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้ศีรษะมนุษย์ขยับ พวกมันกลิ้งไปมาจนหน้าผาเริ่มสั่นคลอน เจ้าอสูรกายที่ตามมาสบถด้วยความแปลกใจ
“โอ้! นี่ใครมายุ่งกับหน้าผาที่สวยงามของข้า!!!” เขาพูดด้วยความฉุนเฉียว และแม้พวกเขาจะอยู่ห่างออกมามากก็ยังได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากตัวมัน คริสกับโยดาลอบมองมันจากหลังใบหูของศีรษะมนุษย์ศีรษะหนึ่ง
“ข้าเกลียดจริงๆ เกลียดจริงๆ ไอ้พวกที่มายุ่งกับหน้าผาของข้า ข้ากำลังทำให้มันสวยงาม ทำให้มันสวยงาม!!!” เขาว่าก่อนจะโยนศีรษะมนุษย์ลงพื้นแล้วใช้ปลายทวนแทงศรีษะหนึ่งจนสมองพุ่งกระฉูดออกมากระเด็นโดนชานยอล ร่างโปร่งเกือบหลุดหวีดร้อง เขาปิดปากแน่น พยายามไม่ร้องไห้ออกมา
“อดทนไว้” คริสกระซิบ ร่างโปร่งพยักหน้าก่อนที่เจ้าอสูรกายนั่นจะทำให้ทุกความตั้งใจของเขาพังทลาย มันควักสมองนั้นมากินอย่างตะกละตะกลามก่อนจะโยนศรีษะนั้นมาทางชานยอล หัวมนุษย์ที่เหวอะหวะลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยความตกใจทำให้เขาเซไปด้านหลัง คริสพยายามจะเอื้อมมือไปจับแต่กลับไม่ทันการณ์ ร่างโปร่งร่วงลงสู่แม่น้ำเฟลเกธอน
“ไม่!” ร่างสูงอุทานพร้อมกับตามลงไป ชานยอลพยายามควบคุมแม่น้ำแต่ด้วยความตื่นตระหนก และเฟเกลธอนที่ดื้อแพ่งทำให้เขาไม่สามารถทำได้ ร่างของเขากำลังตกลงสู่เพลิงแห่งความทรมานนั้นอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!!
จู่ๆเฟเกลธอนก็ถูกแปรสภาพกลายเป็นสีฟ้า โยดากับโยฟานจับมือกันก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะเป็นคนควบคุมแม่น้ำสีเพลิงนั่น
“อย่าทำอะไรแม่ของผม” เขาพูดเน้นคำพูด ดวงตาของเขากลายเป็นสีน้ำทะเลเข้มข้นจนเกือบเท่าโพไซดอน ร่างของชานยอลตกลงไปในแม่น้ำ แต่แทนที่จะถูกเผาร่างของเขากลับถูกห่อหุ้มด้วยความเย็น โยฟานรีบบังคับสายน้ำให้ส่งเขากลับขึ้นฝั่ง
“โยดา โยฟาน เขาคว้าเด็กน้อยทั้งสองเข้ามากอดแน่น ทันทีที่พวกเขาหยุดควบคุมสายน้ำ เฟเกลธอนก็กลับมาเป็นสีเพลิงดังเดิม คริสมองแม่น้ำนด้วยความพรั่งพรึง
โยดากับโยฟานไม่ได้แค่ควบคุมมันได้ แต่พวกเขาทรงพลังมากจนถึงขั้นเปลี่ยนสภาพของแม่น้ำได้
ถ้าลองถอดสร้อยสะกดพลังของโพไซดอนออกล่ะ พวกเขาจะมีพลังสักแค่ไหน...
“พวกเราต้องไปกันแล้ว” ร่างสูงพูดขึ้น เขาอยากจะปิดเรื่องนี้ให้จบ ๆ ไป และอีกอย่างหนึ่งที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือ...
พวกเขาจะตามหาเด็กหญิงจากทิศตะวันตกได้ที่ไหน
“ไปที่ไหนล่ะ” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลถามคำถามนี้ พวกเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดและความน่ากลัวของทาร์ทารัส ไม่เห็นวี่แววว่าความช่วยเหลือของเขาจะมาจากตรงไหน
“เด็กหญิงจากทิศตะวันตก พวกเราต้องไปทางทิศนั้น..” คริสพูดขึ้นก่อนที่เขาจะเดินนำทุกคนไป ชานยอลหันมาสบตากับลูกๆอย่างท้อใจก่อนที่เขาเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
ร่างสูงมุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก สู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยความมืดมิดและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า สิ่งเดียวที่ส่องสว่างนำทางคือประกายจากสร้อยของโยดาและโยฟานเท่านั้น พวกเขามองเห็นได้ไกลแค่ระยะเพียงหนึ่งฟุต ชานยอลเดินตามไปด้วยหัวใจที่หวาดระแวง เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนกำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ร่างโปร่งพยายามปัดความคิดนั้นทิ้งก่อนที่เขาจะเดินตามคริสที่มุ่งหน้าไปอย่างไม่ลดละ
พวกเขาเดินกันมานานกว่าหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่เจออะไรนอกจากความมืด และความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่ทุกขณะจิต ชานยอลกับโยฟานกำลังจะตาย แม่ลูกทั้งสองเหงื่อแตกพลั่ก ระบบทางเดินหายใจเหมือนถูกน้ำกรดลวก ผิวหนังพุพองจนน่ากลัว ร่างกายเหมือนถูกสูบพลังชีวิตไปเรื่อยๆ พวกเขากำลังจะสลบในไม่ช้า
“คริส พักก่อนได้มั้ย” เขาร้องถามอย่างอ่อนแรง ร่างสูงเขามาประคองคนรักพร้อมกับลูกน้อยไว้
“ไม่ไหวแล้วเหรอ” ชานยอลกับโยฟานพยักหน้า คริสกับโยดามองหาที่ที่จะเป็นจุดพักได้ก่อนที่เด็กหญิงตัวน้อยจะชี้ไปที่ถ้ำเตี้ยๆที่อยู่เลยออกไปไม่ไกล พวกเขาเข้าไปนั่งพักที่นั่น
ที่นี่คงเคยเป็นที่กินข้าวของใครบางคน เพราะภายในเต็มไปด้วยซากโครงกระดูก พวกเขาพยายามไม่สนใจมันก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้น แล้วเอนหลังพิงผนังกำแพงถ้ำ คริสมองภาพครอบครัวของเขาด้วยหัวใจอันหดหู่ พวกเขาจะอยู่ในทาร์ทารัสนานเกินไปไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วชานยอลกับโยฟานจะทนไม่ไหว และตัวเขากับโยดาก็ไม่อาจจะทนกับภาวะที่เลวร้ายอย่างนี้ไปได้นานเหมือนกัน พวกเขาจะต้องรีบหาหัวใจของโครนอสให้พบ แต่ทว่า... เขายังหาเด็กหญิงจากทิศตะวันตกไม่ได้เลย
“นายว่ามันมีความหมายแฝงอะไรในนั้นมั้ย” ร่างโปร่งหันมาถามคริส ร่างสูงส่ายหน้าช้าๆ เป็นครั้งแรกที่เขาจนปัญญา
“พ่อนายบอกว่ามันจะเป็นสิ่งของที่เราเจอได้ง่ายมากที่สุด เพราะฉะนั้น....” เขาหอบหายใจ ก่อนจะพยายามพูดต่อ
“มันอาจไม่ได้ซับซ้อนอย่างนี้ก็ได้”
“ฉันคิดไม่ออกว่ามันจะเป็นของที่หาง่ายได้ยังไง ในเมื่อเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วคนที่จะช่วยเราก็คือเด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตกซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวเธอได้จากที่ไหนเหมือนกัน” คริสพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ทั้งถ้ำจะเกิดความเงียบ ชานยอลมองเหม่อออกไปด้านนอกถ้ำ ตัวเขาเองก็รู้ว่าแผนการนี้มันไม่ง่ายเลยสักนิด มันเหมือนต้องตามหาของที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนสองต่อ เด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตก และหัวใจของโครนอส พวกเขาจะหาสิ่งไหนเจอก่อนกัน หรือพวกเขาอาจจะตายอยู่ในนี้ก่อนจะหามันพบ...
“คุณพ่อกับคุณแม่กำลังหาอะไรกันอยู่หรอคะ” เด็กน้อยมองทั้งสองด้วยความสงสัย คริสอธิบายแทนชานยอลที่เหนื่อยล้าจนไร้แรงที่จะพูด
“หัวใจของคุณตาทวดของหนู มันตกอยู่ในนี้ แต่เราไม่รู้ว่ามันตกอยู่ที่ไหน”
“หนูรู้!!!” เด็กหญิงตัวน้อยพูดขึ้นเสียงดัง คริสกับชานยอลหันไปมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“หนูรู้อะไร” ร่างสูงเอ่ยถาม ก่อนที่โยดาจะฉีกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยตอบ
“คนที่จะหาของได้ทุกอย่างในทาร์ทารัสน่ะสิคะ!!!” คริสกับชานยอลหันมาสบตากันก่อนที่ร่างโปร่งจะเขยิบเข้าไปหาลูกสาว
“ลูกรู้จักเขาเหรอ” คนถูกถามหัวเราะคิกคักก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่ค่ะ หนูรู้จัก เขาเคยพาหนูมาเที่ยว” คริสกับชานยอลยิ่งมองด้วยความฉงน
“งั้นลูกพาพวกเราไปหาเขาทีสิพี่โยดา” ร่างโปร่งเอ่ยบอกแต่เด็กน้อยกลับส่ายหน้าพร้อมกับหยิบเอาผลึกสีดำทมิฬผลึกหนึ่งออกมาแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเรียกเขามาหาได้...” คริสกับชานยอลแวบความคิดหนึ่งเข้ามาในหัว เด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตก วันที่เฮราประทานเด็กทั้งสองนี้มาให้ พวกเขาก็มาจากทิศตะวันตก!!! โยดาคือคนที่จะพาพวกเขาไปหาหัวใจของโครนอส!!
“คุณตาขาออกมาหาหนูหน่อย มาช่วยหนูหาของหน่อย” เด็กน้อยพูดขึ้นแล้วฉับพลันนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน ลาวาเดือดปุดๆ เสียงอสูรกายและวิญญาณต่างๆหวีดร้องอย่างตกใจ พื้นค่อยๆเคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่น มันขยับไปมา ก่อนที่คริสจะรับรู้ได้ถึงขุมพลังอันมหาศาล เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที กลิ่นไอโบราณและแรงดึงดูดอย่างเดียวกับที่พวกเขาเจอที่ก้นหลุมค่อยๆแผ่กระจายออกมา แต่ครั้งนี้มันกลับมาในปริมาณที่มากกว่า ทรงพลังกว่า และน่ากลัวยิ่งกว่า อะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางนี้
“คริส...” ชานยอลเรียกหาพร้อมกับเอื้อมมือไปจับ คริสจับมือเขาไว้แน่น ขุมพลังนั้นพุ่งเข้ามาหาเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ แรงดึงดูดกำลังดึงให้พวกเขาเข้าไปหาจนต้องรีบเกาะผนังถ้ำไว้ ถ้ำสั่นสะเทือนอย่างหนัก โยฟานเกือบจะปลิวไปตามแรงดูดก่อนที่คริสจะคว้าร่างลูกชายเอาไว้ ก่อนที่พื้นดินจะยกตัวขึ้นอะไรบางอย่างผลุดขึ้นออกมา
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง....โยดา” เสียงนั้นเป็นเสียงเดียวกับที่พวกเขาได้ยินที่ก้นหลุมแต่มันทรงพลังมากจนทำให้เสียงจากก้นหลุมนั่นกลายเป็นเสียงเด็กทารกร้องไปเลย
คริสกับชานยอลเงยหน้ามองเขาด้วยความตะลึงพรึงเพริศ ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กึ่งเทพที่เก่งกาจที่สุดในโอลิมปัส ไม่ใช่อสูรกายที่โค่นล้มมาแล้วทุกเทพเจ้า แต่เขาคือเทพเจ้าดั้งเดิม ขุมพลังที่เก่าแก่พอๆกับอายุของโลกนี้
ทาร์ทารัส...
คริสแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นทาร์ทารัส เทพเจ้าแห่งหุบเหว เพราะโดยมากเทพเจ้ามักไม่ปรากฏตัว ความทรงพลังของเขาทำให้ร่างสูงเกือบเทียมฟ้า ร่างกำยำดุจเหล็กกล้า ร่างกายประกอบกันขึ้นมาจากทุกอย่างในทาร์ทารัส ผิวหนังทำจากความมืดสีดำอนธการ เนื้อทำจากหุบเหวและหลุมลึก เส้นเลือดทำจากแม่น้ำทั้งห้าของนรกประกอบกันขึ้นมาเป็นเทพเจ้าที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก
“คุณตา!!!” โยดาวิ่งเข้าไปกอดขาของเขา เทพเจ้าย่อตัวลงก่อนจะลูบผมของเธอเบาๆ โดยมีโยฟานที่แอบอยู่หลังแม่ลอบมองอยู่ คริสกับชานยอล มองดูทั้งสองด้วยความตกตะลึง
“ลูกไปรู้จักกับท่านทาร์ทารัสตั้งแต่เมื่อไร” คริสถามด้วยความพรั่นพรึง ทาร์ทารัสแย้มยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูน่ากลัวมากกว่าจะดูอุ่นใจ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวไปตามหุบเหวที่ประกอบขึ้นบนใบหน้า
“นั่นถือเป็นความลับใหญ่หลวงของข้า” เทพเจ้าตอบ พวกเขาต้องเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าเทพเจ้านานๆเพราะร่างกายของพวกเขาเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในนั้น
ชานยอลมองเขาอย่างไม่ไว้ใจนัก ทาร์ทารัสก้มลงมาหาเขาก่อนจะพูดด้วยเสียงอันทรงพลัง
“ถ้าข้าอยากจะฆ่าพวกเจ้า ข้าทำไปนานแล้ว”
“ท่านหาหัวใจของโครนอสให้เราได้หรอครับ” ร่างสูงกลับเข้าประเด็น ทาร์ทารัสพยักหน้า ร่างกายของเขาส่งเสียงครืนคราง
“ข้าไม่ได้หา แต่มันอยู่ในตัวของข้าต่างหาก...”
แล้วเทพเจ้าก็ควักเข้าไปในตัวของเขา หลุมมืดยุบเข้าไปในนั้นก่อนที่แสงสีแดงจะส่องประกายออกมา พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังอันมากมหาศาลแม้จะไม่เท่าทาร์ทารัสแต่ก็เข้มข้นเสียจนสร้างความปั่นป่วนให้กับนรกได้ นรกถึงกับสั่นสะเทือน แม่น้ำยังบ้าคลั่ง อสูรกายต้องโหยหวน ทุกสิ่งทุกอย่างระส่ำระส่ายก่อนที่ทุกอย่างจะถูกหยุดไว้ด้วยกาลเวลา
หัวใจของโครนอสค่อยๆออกมาจากตัวทาร์ทารัส มันทอแสงสีแดงอันน่ากลัว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้ สายลมหยุดพัด เปลวไฟหยุดนิ่ง ก้อนหินที่กำลังจะตกค้างเติ่ง ฟิวรี่ที่บินอยู่ไกลๆค้างกลางอากาศ ทุกสิ่งหยุดนิ่ง อันเกิดจากผลพลานุภาพแห่งหัวใจของโครนอสอดีตประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และ....
ไททันผู้ควบคุมกาลเวลา
ทาร์ทารัสส่งมอบมันให้กับคริส
“ผมจะทำยังไงให้มันไม่หยุดเวลาอยู่ตลอดเวลา” ร่างสูงเอ่ยถาม ด้วยพลังของทาร์ทารัสทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ เทพเจ้าเหลือบตามามองโยดาก่อนจะยิ้มพร้อมกับให้เธอขึ้นมาบนมือ
“ให้โยดาเก็บรักษามันไว้หรอครับ!?” ชานยอลถามด้วยความตกใจ เทพเจ้าโน้มหน้าเข้ามาหา
“เปล่า...” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ก่อนจะอธิบายต่อ
“แต่ต้องเด็กคนนั้นด้วยต่างหาก...” ทาร์ทารัสชี้ไปที่โยฟานที่แอบอยู่หลังชานยอล เด็กน้อยเบิกตาโพล่งก่อนจะยิ่งหลบหลังแม่ เทพเจ้าหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะช้อนเขาเข้ามาอยู่ในมือ โยฟานรีบกอดคู่แฝดแน่น
“ยามใดที่พวกเขารวมพลังกัน ยามนั้นพวกเขาจะแข็งแกร่งดุจเทพเจ้า แล้วจะประสาอะไรกับหัวใจของโครนอสที่เป็นเพียงชิ้นส่วนเล่า....” เทพเจ้าหันมาหาคริสกับชานยอล ร่างโปร่งพยายามจะแย้ง แต่กลับถูกคริสรั้งมือเอาไว้แล้วพูดแทรก
“ได้ครับ พวกเราจะให้ลูกๆเก็บรักษามันไว้” เทพเจ้ายิ้มก่อนจะปล่อยเด็กทั้งสองให้กลับไปหาพ่อกับแม่
“จงจำคำข้าเอาไว้ว่าเพลาใดที่สุริยา จันทรา และโลการวมเป็นหนึ่งเมื่อนั้นศาตราวุธจักแข็งแกร่ง จงหลอมมันที่เพลานั้นแล้วพวกเจ้าจะได้สุดยอด ศาตราวุธที่แม้แต่ซุสก็มิอาจทำลาย”
“พระอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก......สุริยคราส!!!” คริสพูดขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะพูดตาม
“มันพรุ่งนี้แล้วนี่!! คริส!! ตอนนี้ในนรกเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว!!” ร่างสูงนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบ
“อีกสามชั่วโมงจะเกิดสุริยคราส”
“เราต้องรีบไปแล้ว!!” ชานยอลร้อนเสียงหลง ก่อนที่เทพเจ้าจะพูดขึ้น
“จงรีบไปซะ และจงรักษามันไว้ให้ดี..” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับที่ไอพลังสีดำจะม้วนตัวรอบหัวใจของโครนอสแล้วแข็งตัวกลายเป็นกล่องสีดำทมิฬ คริสกับชานยอลหันมาโค้งขอบคุณเขา โดยมีเด็กน้อยทั้งสองคนทำตามอย่างเก้ๆกังๆ
“ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมากจริงๆ พวกผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย” พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่โยดาจะวิ่งเข้าไปกอดขาทาร์ทารัส เด็กน้อยเงยหน้ามองเทพเจ้าได้อย่างไม่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาล เธอยิ้มให้เขาอย่างน่าเอ็นดู
“แล้วหนูจะมาหาอีกนะคะ” เทพเจ้าลูบผมเธออย่างเบามือก่อนที่เขาจะแตะหน้าผากของเธอพร้อมกับโยฟาน เสียงอันทรงพลังดังกึกก้องไปทั่วนรก
“ด้วยอำนาจแห่งข้า ทาร์ทารัส เทพเจ้าแห่งหุบเหว ข้าขอให้โยดา และโยฟานจงมีชัยเหนืออยู่เหนือซุส!!” เทพเจ้าเอ่ยวาจาสัตย์ ทาร์ทารัสสั่นสะเทือนด้วยพลังอำนาจ หุบเหวร่วมแซ่ซ้อง พวกมันยอมจำนนต่อเด็กน้อยวัยเพียงห้าขวบผู้เป็นสายเลือดแห่งสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ ฮาเดสและโพไซดอน
เสียงมหาสมุทรปั่นป่วน นรกสั่นสะเทือน ทุกสิ่งทุกอย่างรับรู้ได้ถึงอำนาจอันมหาศาลของเด็กทั้งสอง เด็กน้อยย่อตัวลงหมอบแทบเท้าเทพเจ้า ทาร์ทารัสลูบผมทั้งคู่อย่างเอ็นดูก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงขึ้น
“รีบไปเสียเถิด ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องไปทำ....” ผืนดินรอบๆพวกเขาค่อยๆถูกดูดลงไปจนกลายเป็นหุบเหวขนาดพอดีกับพวกเขา คริสกับชานยอลพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ก่อนที่ทาร์ทารัสจะพูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“จงไปพิชิตซุสให้ได้” เสียงนั้นดังอย่างฮึกเหิมก่อนที่พวกเขาจะถูกดูดลงไปในหุบเหวแห่งความมืดอนธการ...
พวกเขาขึ้นมาจากหุบเหวได้ยังไงไม่รู้ ดูเหมือนว่าทาร์ทารัสจะส่งพวกเขากลับขึ้นมาบนโลก ท้องทะเลสีฟ้าครามเด่นชัดอยู่เบื้องหน้า การอยู่ใกล้ทะเลทำให้เขารู้พิกัดของสถานที่ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนเกาะเอตนา หนึ่งในสถานที่หนึ่งที่เฮเฟสตัสสร้างโรงงานของเขาเอาไว้ที่ใต้ภูเขาลูกนี้ พวกเขาต้องรีบไปหาเทพเจ้าแล้ว ชานยอลยันตัวลุกขึ้นก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น
“โอ๊ยยย!!! ทับมาได้ยังไงเนี่ย!!” เสียงอู้อี้ของอะไรบางอย่างดังมาจากใต้ร่างของชานยอล ร่างโปร่งรีบเด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าร่างที่นอนอยู่ในพื้นทรายนั่นคือใคร
“เซฮุน!!!”
“โอ๊ยย หลังของผมจะต้องหักแน่ๆเลย” เด็กหนุ่มโอดครวญ ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปให้เซฮุนจับขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เซฮุนนะ...” คริสพูดขึ้นพร้อมกับเหลือบตาไปมองทางด้านหลังของร่างโปร่ง ซีวอนกับฮีซอลก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาสบตากันด้วยความสบสันก่อนที่จู่ๆเสียงหนึ่งจะดังขึ้นพร้อมกับมือของเขาก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากหลุมของเซฮุนเข้า
“ไม่ใช่แค่เซฮุนนะ!! ฉันก็มาด้วย!! โอเซฮุน! นายออกไปนะ!!” เสียงอู้อี้ดังขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนที่ลู่หานจะตะกายขึ้นมาจากร่างเซฮุน ดวงตาหวานหยดมองเขาตาเขียวปั๊ด ในขณะที่เด็กหนุ่มกลับยิ้มแหยๆ ดูท่าว่าเซฮุนจะทับร่างของลู่หานเข้าให้
“สำหรับตัวตุ่นการนอนทับกันนี่ถือเป็นการให้ความอบอุ่นกันนะ ช่างเสริมสวย” เขาแก้ตัว ลู่หานแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับพูดใส่หน้า
“แต่ฉันไม่ใช่ตัวตุ่นในสัตว์โลกน่ารักของนาย!!!” เขาพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ทุกคน
“โทษทีน่ะ ช่วงนี้เซฮุนกำลังบ้าสารคดีสัตว์โลกน่ารัก”
คริสกวาดตามองทุกคนอย่างเคร่งขรึม ความสงสัยเข้าคืบคลานก่อนที่เขาจะถามขึ้น
“ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด”
“คือว่า!!” เซฮุนกับลู่หานพูดขึ้นพร้อมกัน ร่างเล็กค้อนขวับ เซฮุนรีบหุบปากฉับก่อนที่เขาจะผายมือให้ลู่หานเป็นคนเล่า ร่างเล็กพูดขึ้นอย่างผู้กุมชัยชนะ
“คือว่าทาร์ทารัสมาเข้าฝันฉันน่ะ เขาพาฉันมาที่นี่ เขาพูดว่าพวกนายต้องการความช่วยเหลือ ฉันก็เลยให้เซฮุนพามาที่นี่” ร่างสูงพยักหน้าอย่างเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องรีบไป ทาร์ทารัสบอกว่าควรจะตีดาบให้เสร็จทันเวลาที่จะเกิดสุริยคราส” พวกเขาทั้งหมดพยักหน้ารับ
“เราพร้อมที่จะช่วยนายอยู่แล้ว” ลู่หานพูดขึ้น
“ฉันเองก็เหมือนกัน” ซีวอนและฮีซอลตอบรับ ก่อนที่เซฮุนจะพูดขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปเคาะประตูบ้านของลุงช่างคนนั้นกันดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับที่ชานยอลเดินนำไปที่ทะเล กลิ่นเค็มของเกลือและเสียงคลื่นที่สาดซัดทำให้เขาผ่อนคลายลง ร่างโปร่งเตรียมจะโผกลับสู่ท้องทะเลแต่แล้วจู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“พวกเจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้างล่างนั่นอันตรายแค่ไหน” เสียงของฮาเดสดังขึ้นขณะที่พวกเขากำลังลงไปยังก้นเหว คริสหันมาสบตากับผู้เป็นพ่อ
“ผมรู้...” เทพเจ้าดูมีสีหน้ากังวล ก่อนที่เขาจะเงยหน้าสบตาลูกกลับ
“ข้าไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรพวกเจ้าได้ลิขิตของชะตาข้ามิอาจเข้าแทรกแซง” คริสพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่เขาจะพูดขณะที่พวกเขาเริ่มร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว
“แค่นี้ท่านพ่อก็ช่วยเหลือพวกเรามามากแล้ว ผมไม่อยากทำให้ท่านพ่อวุ่นวายอีก” ฮาเดสลูบผมลูกชาย ร่างสูงดูวูบไหวเล็กน้อย ครอบครัวของเขาไม่ถนัดเรื่องการแสดงออก การทำอย่างนี้ทำให้เขาไม่คุ้นชิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกดี กำลังใจปริมาณมหาศาลถูกส่งมาเพิ่มพลังให้หัวใจแข็งแกร่ง
“จงจำคำของข้าไว้ นี่จะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าหาได้ง่ายที่สุด และจงเชื่อเด็กหญิงจากทิศตะวันตกเธอจะนำทางพวกเจ้าไปหาสิ่งที่ต้องการ” แล้วพวกเขาก็ร่วงหล่นลงสู่ความมืดอนธการอย่างรวดเร็วราวกับลิฟท์ที่กำลังตกจากชั้นสูงสุด คริสไม่มีโอกาสได้ถามพ่อว่านั่นหมายความว่าอะไร พวกเขาดิ่งลงไปที่ก้นเหวด้วยความเร็วสูง ร่างสูงแทบไม่เหลือเวลาให้คิดหาทางออก หุบเหวเบื้องล่างกำลังเรียกหา ไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากที่นั่นจนพวกเขาขนลุก เสียงแหบแห้งและโบราณเสียยิ่งกว่าแอตลาสดังขึ้น
จงลงมาหาข้า จงลงมาหาข้า
จงลงมาหาข้า จงลงมาหาข้า
พวกเขาถูกฉุดกระชากลงไปในก้นเหว แสงสีแดงสว่างวาบจนแสบตา กลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง
จงลงมาหาข้า เหล่ามนุษย์ตัวจ้อยทั้งหลาย..
ประสาทหูของพวกเขาดับ เสียงนั้นดังมากจนทนแทบไม่ไหว ร่างกายตกลงกระทบพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่าง ชานยอลกับคริสรีบหันไปมองลูก โชคยังดีที่พวกเขาไม่เป็นอะไร ก่อนที่เขาจะค่อยๆหันไปมองรอบๆ
น่ากลัว...
นั่นคือความรู้สึกแรกหลังจากที่ตกลงมาที่นี่ ทาร์ทารัสส่วนนี้ไม่เหมือนส่วนที่พวกเขาเคยไปมาก่อน มันน่ากลัวกว่า ทารุณกว่าและโหดร้ายยิ่งกว่า ที่เบื้องบนของก้นเหวมีแต่ความมืดอนธการและเต็มไปด้วยแสงสีแดงอันน่าขนลุก รอบๆเต็มไปด้วยหน้าผาที่ทำมาจากผลึกหินสีดำอันแหลมคม อากาศโหดร้ายและทารุณยิ่งกว่าภูเขาไฟใดๆในโลก กลิ่นกำมะถันและกรดรุนแรงคละคลุ้งไปทั่ว พวกมันกัดกร่อนทางเดินหายใจของชานยอลกับโยฟานเสียจนแทบทนไม่ไหว ร่างโปร่งรีบกอดลูกเอาไว้ ในขณะที่คริสกับโยดายังพอทนได้ พวกเขาค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ ร่างสูงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะหาได้ง่ายที่สุด เด็กหญิงจากทิศตะวันตกจะนำทางพวกเจ้าไป...
เขาไม่เห็นอะไรนอกจากความสยดสยองของทาร์ทารัสเลย...
“หัว!!” จู่ๆโยดาก็ร้องเสียงหลงพร้อมกับชี้ไปที่พื้น ทุกคนหันไปมองตามก่อนที่ความหวาดกลัวอย่างสุดขีดจะพุ่งจู่โจมหัวใจของพวกเขา ใต้พื้นที่เขายืนอยู่ไม่ให้ใช่แค่พื้นธรรมดา...
แต่มันคือศีรษะของมนุษย์
ศีรษะของมนุษย์นับร้อยถูกสุมกันอยู่ที่นี่ พวกมันรวมกันจนกลายเป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ชานยอลกับโยฟานตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาแทบอยากจะกรีดร้องออกมา ดวงตากลมโตมองศีรษะมนุษย์ที่อยู่ใต้เท้าด้วยความกลัวสุดขีด
ฉับ ฉับ ฉับ
เสียงเหมือนของมีคมกำลังตัดผ่านอากาศ พวกเขาหันไปมองยังต้นเสียง อสูรกายหน้าตาน่าเกลียดตนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่นี่พร้อมกับกวัดแกว่งทวนขนาดยักษ์ตัดผ่านอากาศเล่นราวกับมันเป็นเรื่องน่าสนุก แต่อะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่มืออีกข้างของเขาถือศีรษะมนุษย์นับสิบมาด้วย...
“เราต้องรีบไปจากที่นี่!!!” คริสร้องบอกทุกคน เขาไม่แน่ใจนักหรอกว่าปีศาจหรือแม้แต่วิญญาณที่นี่จะเชื่อฟังเขามั้ย แต่ดูจากรูปการณ์แล้วเจ้าอสูรกายนั่นไม่น่าจะเชื่อใครเลยนอกจากตัวมันเอง
“ไปที่ไหน!!” ชานยอลย้อนถาม เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเหวด้านล่างที่มีแม่น้ำเฟเกลธอน แม่น้ำแห่งไฟไหลผ่าน ถ้าลงไปทางนั้นก็มีแต่ตายอยู่ดี พวกเขาจะถูกลวก แต่ขณะเดียวกันอีกด้านก็มีแต่อสูรกายตนนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เราต้องไปหลบที่ด้านหลัง” ร่างสูงตอบก่อนจะวิ่งตรงไปที่ท้ายหน้าผาหัวมนุษย์ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้ศีรษะมนุษย์ขยับ พวกมันกลิ้งไปมาจนหน้าผาเริ่มสั่นคลอน เจ้าอสูรกายที่ตามมาสบถด้วยความแปลกใจ
“โอ้! นี่ใครมายุ่งกับหน้าผาที่สวยงามของข้า!!!” เขาพูดด้วยความฉุนเฉียว และแม้พวกเขาจะอยู่ห่างออกมามากก็ยังได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากตัวมัน คริสกับโยดาลอบมองมันจากหลังใบหูของศีรษะมนุษย์ศีรษะหนึ่ง
“ข้าเกลียดจริงๆ เกลียดจริงๆ ไอ้พวกที่มายุ่งกับหน้าผาของข้า ข้ากำลังทำให้มันสวยงาม ทำให้มันสวยงาม!!!” เขาว่าก่อนจะโยนศีรษะมนุษย์ลงพื้นแล้วใช้ปลายทวนแทงศรีษะหนึ่งจนสมองพุ่งกระฉูดออกมากระเด็นโดนชานยอล ร่างโปร่งเกือบหลุดหวีดร้อง เขาปิดปากแน่น พยายามไม่ร้องไห้ออกมา
“อดทนไว้” คริสกระซิบ ร่างโปร่งพยักหน้าก่อนที่เจ้าอสูรกายนั่นจะทำให้ทุกความตั้งใจของเขาพังทลาย มันควักสมองนั้นมากินอย่างตะกละตะกลามก่อนจะโยนศรีษะนั้นมาทางชานยอล หัวมนุษย์ที่เหวอะหวะลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยความตกใจทำให้เขาเซไปด้านหลัง คริสพยายามจะเอื้อมมือไปจับแต่กลับไม่ทันการณ์ ร่างโปร่งร่วงลงสู่แม่น้ำเฟลเกธอน
“ไม่!” ร่างสูงอุทานพร้อมกับตามลงไป ชานยอลพยายามควบคุมแม่น้ำแต่ด้วยความตื่นตระหนก และเฟเกลธอนที่ดื้อแพ่งทำให้เขาไม่สามารถทำได้ ร่างของเขากำลังตกลงสู่เพลิงแห่งความทรมานนั้นอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!!
จู่ๆเฟเกลธอนก็ถูกแปรสภาพกลายเป็นสีฟ้า โยดากับโยฟานจับมือกันก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะเป็นคนควบคุมแม่น้ำสีเพลิงนั่น
“อย่าทำอะไรแม่ของผม” เขาพูดเน้นคำพูด ดวงตาของเขากลายเป็นสีน้ำทะเลเข้มข้นจนเกือบเท่าโพไซดอน ร่างของชานยอลตกลงไปในแม่น้ำ แต่แทนที่จะถูกเผาร่างของเขากลับถูกห่อหุ้มด้วยความเย็น โยฟานรีบบังคับสายน้ำให้ส่งเขากลับขึ้นฝั่ง
“โยดา โยฟาน เขาคว้าเด็กน้อยทั้งสองเข้ามากอดแน่น ทันทีที่พวกเขาหยุดควบคุมสายน้ำ เฟเกลธอนก็กลับมาเป็นสีเพลิงดังเดิม คริสมองแม่น้ำนด้วยความพรั่งพรึง
โยดากับโยฟานไม่ได้แค่ควบคุมมันได้ แต่พวกเขาทรงพลังมากจนถึงขั้นเปลี่ยนสภาพของแม่น้ำได้
ถ้าลองถอดสร้อยสะกดพลังของโพไซดอนออกล่ะ พวกเขาจะมีพลังสักแค่ไหน...
“พวกเราต้องไปกันแล้ว” ร่างสูงพูดขึ้น เขาอยากจะปิดเรื่องนี้ให้จบ ๆ ไป และอีกอย่างหนึ่งที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือ...
พวกเขาจะตามหาเด็กหญิงจากทิศตะวันตกได้ที่ไหน
“ไปที่ไหนล่ะ” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลถามคำถามนี้ พวกเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดและความน่ากลัวของทาร์ทารัส ไม่เห็นวี่แววว่าความช่วยเหลือของเขาจะมาจากตรงไหน
“เด็กหญิงจากทิศตะวันตก พวกเราต้องไปทางทิศนั้น..” คริสพูดขึ้นก่อนที่เขาจะเดินนำทุกคนไป ชานยอลหันมาสบตากับลูกๆอย่างท้อใจก่อนที่เขาเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
ร่างสูงมุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก สู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยความมืดมิดและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า สิ่งเดียวที่ส่องสว่างนำทางคือประกายจากสร้อยของโยดาและโยฟานเท่านั้น พวกเขามองเห็นได้ไกลแค่ระยะเพียงหนึ่งฟุต ชานยอลเดินตามไปด้วยหัวใจที่หวาดระแวง เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนกำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ร่างโปร่งพยายามปัดความคิดนั้นทิ้งก่อนที่เขาจะเดินตามคริสที่มุ่งหน้าไปอย่างไม่ลดละ
พวกเขาเดินกันมานานกว่าหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่เจออะไรนอกจากความมืด และความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่ทุกขณะจิต ชานยอลกับโยฟานกำลังจะตาย แม่ลูกทั้งสองเหงื่อแตกพลั่ก ระบบทางเดินหายใจเหมือนถูกน้ำกรดลวก ผิวหนังพุพองจนน่ากลัว ร่างกายเหมือนถูกสูบพลังชีวิตไปเรื่อยๆ พวกเขากำลังจะสลบในไม่ช้า
“คริส พักก่อนได้มั้ย” เขาร้องถามอย่างอ่อนแรง ร่างสูงเขามาประคองคนรักพร้อมกับลูกน้อยไว้
“ไม่ไหวแล้วเหรอ” ชานยอลกับโยฟานพยักหน้า คริสกับโยดามองหาที่ที่จะเป็นจุดพักได้ก่อนที่เด็กหญิงตัวน้อยจะชี้ไปที่ถ้ำเตี้ยๆที่อยู่เลยออกไปไม่ไกล พวกเขาเข้าไปนั่งพักที่นั่น
ที่นี่คงเคยเป็นที่กินข้าวของใครบางคน เพราะภายในเต็มไปด้วยซากโครงกระดูก พวกเขาพยายามไม่สนใจมันก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้น แล้วเอนหลังพิงผนังกำแพงถ้ำ คริสมองภาพครอบครัวของเขาด้วยหัวใจอันหดหู่ พวกเขาจะอยู่ในทาร์ทารัสนานเกินไปไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วชานยอลกับโยฟานจะทนไม่ไหว และตัวเขากับโยดาก็ไม่อาจจะทนกับภาวะที่เลวร้ายอย่างนี้ไปได้นานเหมือนกัน พวกเขาจะต้องรีบหาหัวใจของโครนอสให้พบ แต่ทว่า... เขายังหาเด็กหญิงจากทิศตะวันตกไม่ได้เลย
“นายว่ามันมีความหมายแฝงอะไรในนั้นมั้ย” ร่างโปร่งหันมาถามคริส ร่างสูงส่ายหน้าช้าๆ เป็นครั้งแรกที่เขาจนปัญญา
“พ่อนายบอกว่ามันจะเป็นสิ่งของที่เราเจอได้ง่ายมากที่สุด เพราะฉะนั้น....” เขาหอบหายใจ ก่อนจะพยายามพูดต่อ
“มันอาจไม่ได้ซับซ้อนอย่างนี้ก็ได้”
“ฉันคิดไม่ออกว่ามันจะเป็นของที่หาง่ายได้ยังไง ในเมื่อเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วคนที่จะช่วยเราก็คือเด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตกซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวเธอได้จากที่ไหนเหมือนกัน” คริสพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ทั้งถ้ำจะเกิดความเงียบ ชานยอลมองเหม่อออกไปด้านนอกถ้ำ ตัวเขาเองก็รู้ว่าแผนการนี้มันไม่ง่ายเลยสักนิด มันเหมือนต้องตามหาของที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนสองต่อ เด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตก และหัวใจของโครนอส พวกเขาจะหาสิ่งไหนเจอก่อนกัน หรือพวกเขาอาจจะตายอยู่ในนี้ก่อนจะหามันพบ...
“คุณพ่อกับคุณแม่กำลังหาอะไรกันอยู่หรอคะ” เด็กน้อยมองทั้งสองด้วยความสงสัย คริสอธิบายแทนชานยอลที่เหนื่อยล้าจนไร้แรงที่จะพูด
“หัวใจของคุณตาทวดของหนู มันตกอยู่ในนี้ แต่เราไม่รู้ว่ามันตกอยู่ที่ไหน”
“หนูรู้!!!” เด็กหญิงตัวน้อยพูดขึ้นเสียงดัง คริสกับชานยอลหันไปมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“หนูรู้อะไร” ร่างสูงเอ่ยถาม ก่อนที่โยดาจะฉีกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยตอบ
“คนที่จะหาของได้ทุกอย่างในทาร์ทารัสน่ะสิคะ!!!” คริสกับชานยอลหันมาสบตากันก่อนที่ร่างโปร่งจะเขยิบเข้าไปหาลูกสาว
“ลูกรู้จักเขาเหรอ” คนถูกถามหัวเราะคิกคักก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่ค่ะ หนูรู้จัก เขาเคยพาหนูมาเที่ยว” คริสกับชานยอลยิ่งมองด้วยความฉงน
“งั้นลูกพาพวกเราไปหาเขาทีสิพี่โยดา” ร่างโปร่งเอ่ยบอกแต่เด็กน้อยกลับส่ายหน้าพร้อมกับหยิบเอาผลึกสีดำทมิฬผลึกหนึ่งออกมาแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเรียกเขามาหาได้...” คริสกับชานยอลแวบความคิดหนึ่งเข้ามาในหัว เด็กผู้หญิงจากทิศตะวันตก วันที่เฮราประทานเด็กทั้งสองนี้มาให้ พวกเขาก็มาจากทิศตะวันตก!!! โยดาคือคนที่จะพาพวกเขาไปหาหัวใจของโครนอส!!
“คุณตาขาออกมาหาหนูหน่อย มาช่วยหนูหาของหน่อย” เด็กน้อยพูดขึ้นแล้วฉับพลันนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน ลาวาเดือดปุดๆ เสียงอสูรกายและวิญญาณต่างๆหวีดร้องอย่างตกใจ พื้นค่อยๆเคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่น มันขยับไปมา ก่อนที่คริสจะรับรู้ได้ถึงขุมพลังอันมหาศาล เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที กลิ่นไอโบราณและแรงดึงดูดอย่างเดียวกับที่พวกเขาเจอที่ก้นหลุมค่อยๆแผ่กระจายออกมา แต่ครั้งนี้มันกลับมาในปริมาณที่มากกว่า ทรงพลังกว่า และน่ากลัวยิ่งกว่า อะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางนี้
“คริส...” ชานยอลเรียกหาพร้อมกับเอื้อมมือไปจับ คริสจับมือเขาไว้แน่น ขุมพลังนั้นพุ่งเข้ามาหาเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ แรงดึงดูดกำลังดึงให้พวกเขาเข้าไปหาจนต้องรีบเกาะผนังถ้ำไว้ ถ้ำสั่นสะเทือนอย่างหนัก โยฟานเกือบจะปลิวไปตามแรงดูดก่อนที่คริสจะคว้าร่างลูกชายเอาไว้ ก่อนที่พื้นดินจะยกตัวขึ้นอะไรบางอย่างผลุดขึ้นออกมา
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง....โยดา” เสียงนั้นเป็นเสียงเดียวกับที่พวกเขาได้ยินที่ก้นหลุมแต่มันทรงพลังมากจนทำให้เสียงจากก้นหลุมนั่นกลายเป็นเสียงเด็กทารกร้องไปเลย
คริสกับชานยอลเงยหน้ามองเขาด้วยความตะลึงพรึงเพริศ ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาไม่ใช่มนุษย์กึ่งเทพที่เก่งกาจที่สุดในโอลิมปัส ไม่ใช่อสูรกายที่โค่นล้มมาแล้วทุกเทพเจ้า แต่เขาคือเทพเจ้าดั้งเดิม ขุมพลังที่เก่าแก่พอๆกับอายุของโลกนี้
ทาร์ทารัส...
คริสแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีโอกาสได้เห็นทาร์ทารัส เทพเจ้าแห่งหุบเหว เพราะโดยมากเทพเจ้ามักไม่ปรากฏตัว ความทรงพลังของเขาทำให้ร่างสูงเกือบเทียมฟ้า ร่างกำยำดุจเหล็กกล้า ร่างกายประกอบกันขึ้นมาจากทุกอย่างในทาร์ทารัส ผิวหนังทำจากความมืดสีดำอนธการ เนื้อทำจากหุบเหวและหลุมลึก เส้นเลือดทำจากแม่น้ำทั้งห้าของนรกประกอบกันขึ้นมาเป็นเทพเจ้าที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก
“คุณตา!!!” โยดาวิ่งเข้าไปกอดขาของเขา เทพเจ้าย่อตัวลงก่อนจะลูบผมของเธอเบาๆ โดยมีโยฟานที่แอบอยู่หลังแม่ลอบมองอยู่ คริสกับชานยอล มองดูทั้งสองด้วยความตกตะลึง
“ลูกไปรู้จักกับท่านทาร์ทารัสตั้งแต่เมื่อไร” คริสถามด้วยความพรั่นพรึง ทาร์ทารัสแย้มยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูน่ากลัวมากกว่าจะดูอุ่นใจ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวไปตามหุบเหวที่ประกอบขึ้นบนใบหน้า
“นั่นถือเป็นความลับใหญ่หลวงของข้า” เทพเจ้าตอบ พวกเขาต้องเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าเทพเจ้านานๆเพราะร่างกายของพวกเขาเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในนั้น
ชานยอลมองเขาอย่างไม่ไว้ใจนัก ทาร์ทารัสก้มลงมาหาเขาก่อนจะพูดด้วยเสียงอันทรงพลัง
“ถ้าข้าอยากจะฆ่าพวกเจ้า ข้าทำไปนานแล้ว”
“ท่านหาหัวใจของโครนอสให้เราได้หรอครับ” ร่างสูงกลับเข้าประเด็น ทาร์ทารัสพยักหน้า ร่างกายของเขาส่งเสียงครืนคราง
“ข้าไม่ได้หา แต่มันอยู่ในตัวของข้าต่างหาก...”
แล้วเทพเจ้าก็ควักเข้าไปในตัวของเขา หลุมมืดยุบเข้าไปในนั้นก่อนที่แสงสีแดงจะส่องประกายออกมา พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังอันมากมหาศาลแม้จะไม่เท่าทาร์ทารัสแต่ก็เข้มข้นเสียจนสร้างความปั่นป่วนให้กับนรกได้ นรกถึงกับสั่นสะเทือน แม่น้ำยังบ้าคลั่ง อสูรกายต้องโหยหวน ทุกสิ่งทุกอย่างระส่ำระส่ายก่อนที่ทุกอย่างจะถูกหยุดไว้ด้วยกาลเวลา
หัวใจของโครนอสค่อยๆออกมาจากตัวทาร์ทารัส มันทอแสงสีแดงอันน่ากลัว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้ สายลมหยุดพัด เปลวไฟหยุดนิ่ง ก้อนหินที่กำลังจะตกค้างเติ่ง ฟิวรี่ที่บินอยู่ไกลๆค้างกลางอากาศ ทุกสิ่งหยุดนิ่ง อันเกิดจากผลพลานุภาพแห่งหัวใจของโครนอสอดีตประมุขแห่งสรวงสวรรค์ และ....
ไททันผู้ควบคุมกาลเวลา
ทาร์ทารัสส่งมอบมันให้กับคริส
“ผมจะทำยังไงให้มันไม่หยุดเวลาอยู่ตลอดเวลา” ร่างสูงเอ่ยถาม ด้วยพลังของทาร์ทารัสทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ เทพเจ้าเหลือบตามามองโยดาก่อนจะยิ้มพร้อมกับให้เธอขึ้นมาบนมือ
“ให้โยดาเก็บรักษามันไว้หรอครับ!?” ชานยอลถามด้วยความตกใจ เทพเจ้าโน้มหน้าเข้ามาหา
“เปล่า...” เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ก่อนจะอธิบายต่อ
“แต่ต้องเด็กคนนั้นด้วยต่างหาก...” ทาร์ทารัสชี้ไปที่โยฟานที่แอบอยู่หลังชานยอล เด็กน้อยเบิกตาโพล่งก่อนจะยิ่งหลบหลังแม่ เทพเจ้าหัวเราะอย่างขบขันก่อนจะช้อนเขาเข้ามาอยู่ในมือ โยฟานรีบกอดคู่แฝดแน่น
“ยามใดที่พวกเขารวมพลังกัน ยามนั้นพวกเขาจะแข็งแกร่งดุจเทพเจ้า แล้วจะประสาอะไรกับหัวใจของโครนอสที่เป็นเพียงชิ้นส่วนเล่า....” เทพเจ้าหันมาหาคริสกับชานยอล ร่างโปร่งพยายามจะแย้ง แต่กลับถูกคริสรั้งมือเอาไว้แล้วพูดแทรก
“ได้ครับ พวกเราจะให้ลูกๆเก็บรักษามันไว้” เทพเจ้ายิ้มก่อนจะปล่อยเด็กทั้งสองให้กลับไปหาพ่อกับแม่
“จงจำคำข้าเอาไว้ว่าเพลาใดที่สุริยา จันทรา และโลการวมเป็นหนึ่งเมื่อนั้นศาตราวุธจักแข็งแกร่ง จงหลอมมันที่เพลานั้นแล้วพวกเจ้าจะได้สุดยอด ศาตราวุธที่แม้แต่ซุสก็มิอาจทำลาย”
“พระอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก......สุริยคราส!!!” คริสพูดขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะพูดตาม
“มันพรุ่งนี้แล้วนี่!! คริส!! ตอนนี้ในนรกเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว!!” ร่างสูงนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบ
“อีกสามชั่วโมงจะเกิดสุริยคราส”
“เราต้องรีบไปแล้ว!!” ชานยอลร้อนเสียงหลง ก่อนที่เทพเจ้าจะพูดขึ้น
“จงรีบไปซะ และจงรักษามันไว้ให้ดี..” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับที่ไอพลังสีดำจะม้วนตัวรอบหัวใจของโครนอสแล้วแข็งตัวกลายเป็นกล่องสีดำทมิฬ คริสกับชานยอลหันมาโค้งขอบคุณเขา โดยมีเด็กน้อยทั้งสองคนทำตามอย่างเก้ๆกังๆ
“ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมากจริงๆ พวกผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย” พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่โยดาจะวิ่งเข้าไปกอดขาทาร์ทารัส เด็กน้อยเงยหน้ามองเทพเจ้าได้อย่างไม่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาล เธอยิ้มให้เขาอย่างน่าเอ็นดู
“แล้วหนูจะมาหาอีกนะคะ” เทพเจ้าลูบผมเธออย่างเบามือก่อนที่เขาจะแตะหน้าผากของเธอพร้อมกับโยฟาน เสียงอันทรงพลังดังกึกก้องไปทั่วนรก
“ด้วยอำนาจแห่งข้า ทาร์ทารัส เทพเจ้าแห่งหุบเหว ข้าขอให้โยดา และโยฟานจงมีชัยเหนืออยู่เหนือซุส!!” เทพเจ้าเอ่ยวาจาสัตย์ ทาร์ทารัสสั่นสะเทือนด้วยพลังอำนาจ หุบเหวร่วมแซ่ซ้อง พวกมันยอมจำนนต่อเด็กน้อยวัยเพียงห้าขวบผู้เป็นสายเลือดแห่งสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ ฮาเดสและโพไซดอน
เสียงมหาสมุทรปั่นป่วน นรกสั่นสะเทือน ทุกสิ่งทุกอย่างรับรู้ได้ถึงอำนาจอันมหาศาลของเด็กทั้งสอง เด็กน้อยย่อตัวลงหมอบแทบเท้าเทพเจ้า ทาร์ทารัสลูบผมทั้งคู่อย่างเอ็นดูก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงขึ้น
“รีบไปเสียเถิด ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องไปทำ....” ผืนดินรอบๆพวกเขาค่อยๆถูกดูดลงไปจนกลายเป็นหุบเหวขนาดพอดีกับพวกเขา คริสกับชานยอลพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ก่อนที่ทาร์ทารัสจะพูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“จงไปพิชิตซุสให้ได้” เสียงนั้นดังอย่างฮึกเหิมก่อนที่พวกเขาจะถูกดูดลงไปในหุบเหวแห่งความมืดอนธการ...
พวกเขาขึ้นมาจากหุบเหวได้ยังไงไม่รู้ ดูเหมือนว่าทาร์ทารัสจะส่งพวกเขากลับขึ้นมาบนโลก ท้องทะเลสีฟ้าครามเด่นชัดอยู่เบื้องหน้า การอยู่ใกล้ทะเลทำให้เขารู้พิกัดของสถานที่ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนเกาะเอตนา หนึ่งในสถานที่หนึ่งที่เฮเฟสตัสสร้างโรงงานของเขาเอาไว้ที่ใต้ภูเขาลูกนี้ พวกเขาต้องรีบไปหาเทพเจ้าแล้ว ชานยอลยันตัวลุกขึ้นก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น
“โอ๊ยยย!!! ทับมาได้ยังไงเนี่ย!!” เสียงอู้อี้ของอะไรบางอย่างดังมาจากใต้ร่างของชานยอล ร่างโปร่งรีบเด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าร่างที่นอนอยู่ในพื้นทรายนั่นคือใคร
“เซฮุน!!!”
“โอ๊ยย หลังของผมจะต้องหักแน่ๆเลย” เด็กหนุ่มโอดครวญ ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปให้เซฮุนจับขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เซฮุนนะ...” คริสพูดขึ้นพร้อมกับเหลือบตาไปมองทางด้านหลังของร่างโปร่ง ซีวอนกับฮีซอลก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาสบตากันด้วยความสบสันก่อนที่จู่ๆเสียงหนึ่งจะดังขึ้นพร้อมกับมือของเขาก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากหลุมของเซฮุนเข้า
“ไม่ใช่แค่เซฮุนนะ!! ฉันก็มาด้วย!! โอเซฮุน! นายออกไปนะ!!” เสียงอู้อี้ดังขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนที่ลู่หานจะตะกายขึ้นมาจากร่างเซฮุน ดวงตาหวานหยดมองเขาตาเขียวปั๊ด ในขณะที่เด็กหนุ่มกลับยิ้มแหยๆ ดูท่าว่าเซฮุนจะทับร่างของลู่หานเข้าให้
“สำหรับตัวตุ่นการนอนทับกันนี่ถือเป็นการให้ความอบอุ่นกันนะ ช่างเสริมสวย” เขาแก้ตัว ลู่หานแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับพูดใส่หน้า
“แต่ฉันไม่ใช่ตัวตุ่นในสัตว์โลกน่ารักของนาย!!!” เขาพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ทุกคน
“โทษทีน่ะ ช่วงนี้เซฮุนกำลังบ้าสารคดีสัตว์โลกน่ารัก”
คริสกวาดตามองทุกคนอย่างเคร่งขรึม ความสงสัยเข้าคืบคลานก่อนที่เขาจะถามขึ้น
“ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด”
“คือว่า!!” เซฮุนกับลู่หานพูดขึ้นพร้อมกัน ร่างเล็กค้อนขวับ เซฮุนรีบหุบปากฉับก่อนที่เขาจะผายมือให้ลู่หานเป็นคนเล่า ร่างเล็กพูดขึ้นอย่างผู้กุมชัยชนะ
“คือว่าทาร์ทารัสมาเข้าฝันฉันน่ะ เขาพาฉันมาที่นี่ เขาพูดว่าพวกนายต้องการความช่วยเหลือ ฉันก็เลยให้เซฮุนพามาที่นี่” ร่างสูงพยักหน้าอย่างเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องรีบไป ทาร์ทารัสบอกว่าควรจะตีดาบให้เสร็จทันเวลาที่จะเกิดสุริยคราส” พวกเขาทั้งหมดพยักหน้ารับ
“เราพร้อมที่จะช่วยนายอยู่แล้ว” ลู่หานพูดขึ้น
“ฉันเองก็เหมือนกัน” ซีวอนและฮีซอลตอบรับ ก่อนที่เซฮุนจะพูดขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปเคาะประตูบ้านของลุงช่างคนนั้นกันดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับที่ชานยอลเดินนำไปที่ทะเล กลิ่นเค็มของเกลือและเสียงคลื่นที่สาดซัดทำให้เขาผ่อนคลายลง ร่างโปร่งเตรียมจะโผกลับสู่ท้องทะเลแต่แล้วจู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
แก้ไขล่าสุดโดย 0ctogus เมื่อ Mon Sep 14, 2015 3:35 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง