0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 15 การเดินทางด้วยนาฬิกาดอกไม้

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

คริสกับชานยอลไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลาลูกหัวหน้าเซนทอร์เองก็เช่นกัน พวกเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น ทุกอย่างต้องรีบเร่งไปเสียหมด เพราะไม่รู้ว่าประกาศไปถึงใครแล้วบ้าง และดีไม่ดีมันอาจจะปลิวว่อนไปทั่วโลกแล้วด้วยซ้ำ ป่านนี้คงจะมีคนตามล่าพวกเขาจากทุกทิศทาง...


เซฮุนพาพวกเขาตรงมายังที่ที่ซึ่งซีวอนกบดานอยู่ และด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนั้นรู้ได้ว่ารุ่นพี่คนนั้นอยู่ที่ไหน อาจเพราะเขาเป็นลูกของเทพแห่งการสื่อสารที่มักเดินทางอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขามีทักษะในการตามหาคนที่ดีเยี่ยม แต่ทว่า...การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาคิดนัก...
เซฮุนรับรู้ได้ว่ามีคนตามพวกเขามาตลอดการเดินทาง เด็กหนุ่มระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่คงไม่ใช่ผู้หวังดีแน่ และเพื่อความปลอดภัยเขาจึงเปลี่ยนให้ไปใช้เส้นทางเดินทางแบบมนุษย์แทน เพราะอย่างน้อยกลิ่นไอของพวกมนุษย์ก็จะกลบกลิ่นไอของพวกเขาได้บ้าง


“เราต้องขึ้นรถไฟใต้ดินสายโคคอลลินท์ ตอน11โมงตรง ห้ามก่อนหรือช้ากว่านั้นเด็ดขาด” เสียงของเซฮุนดังขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปยังฝูงชนที่คราคร่ำอยู่ในสถานีรถไฟฟ้า


“ทำไมต้องรอถึง11โมง” ชานยอลถามขึ้น ในเมื่อพวกเขากำลังหนี แล้วทำไมจะต้องรอ เซฮุนหันมาสบตาก่อนจะเอ่ยตอบขณะที่กำลังเดินฝ่าผู้คนที่ออกมาจากรถไฟใต้ดินไปเรื่อยๆ


“การอำพรางตัวน่ะ ไม่ว่าคนที่ตามมาจะเป็นเทพเจ้าหรือมนุษย์กึ่งเทพที่เก่งแค่ไหน พวกเขาจะหาร่องรอยของเราไม่เจอ”


“นี่นายไปได้เคล็ดลับแปลกๆนี้มาจากไหน” คนถูกถามหันมาหาก่อนจะทรุดนั่งลงที่ม้านั่งรอ


“ตอนเล่นซ่อนแอบน่ะ”


แล้วพวกเขาก็นั่งรออยู่ที่นั้นท่ามกลางคนมากมายที่ขึ้นลงจากรถไฟ ผู้คนมากมายเดินผ่านพวกเขาไปอย่างไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งที่รถผ่านไปแล้วสองขบวน นายสถานีก็เริ่มมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ เขาทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาถามอะไรบางอย่างอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเจอคริสเงยหน้าขึ้นสบตา นายสถานีก็รีบเดินหนีไปทันที แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับพวกเขาอีกเลย


ชานยอลไม่เคยรู้สึกต้องรออะไรยาวนานขนาดนี้มาก่อน เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงสำหรับเขาวันนี้มันเหมือนยาวนานเป็นอาทิตย์ เขาทั้งกังวลว่าคนที่ตามมาจะตามมาเจอพวกเขา และยิ่งอยู่นิ่งนานเท่าไรเขาก็ยิ่งคิดถึงลูกมากขึ้นเท่านั้น พวกแกจะตกใจมั้ยที่จู่ๆพ่อกับแม่ก็ต้องทิ้งพวกแกไปโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แล้วลู่หานจะดูแลลูกๆของเขาได้รึเปล่า เด็กทั้งสองคนนั้นจะดื้อรึเปล่า แล้วระหว่างทางพวกเขาจะโชคร้ายถูกคนตามล่าอย่างพวกเขารึเปล่า แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำยังไง ลู่หานจะสู้ไหวรึเปล่า


“นายต้องเลิกคิด” จู่ๆเสียงของคริสก็ดังขึ้น แม้ว่าเสียงภายในสถานีจะอึกทึกแต่เสียงร่างสูงก็ยังเด่นชัด ร่างโปร่งตอบกลับไปด้วยเสียงไม่มั่นใจนัก


“ฉันไม่ได้คิดมาก”


“เห็นอยู่ว่านายคิด..” ชานยอลจำต้องเงียบกับคำพูดของอีกฝ่าย เขาไม่มีอะไรจะเถียง และต่อให้เถียงไปก็คงไม่ชนะคริส


“เชื่อใจครอบครัวของเราชานยอล ขอแค่เชื่อใจ..” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งอย่างหนักแน่น ดวงตาคมคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างมั่นคงราวกับอยากย้ำเตือนและบอกให้เขามั่นใจ พวกเขามีครอบครัว และครอบครัวของพวกเขาจะไม่มีวันถอดทิ้งพวกเขาไป


ราวกับความคิดบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ภาพทุกๆคนค่อยๆเด่นชัดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา คริส ผู้ชายที่เก่งกาจที่สุดในโลก โพไซดอน เทพเจ้าแห่งมหาสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ ฮาเดส ราชาแห่งนรกผู้เกรียงไกร ลู่หาน บุตรแห่งอะโฟรไดต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และ โอเซฮุน เด็กผู้ชายที่กำลังนำทางพวกเขาอยู่ข้างหน้านี่ แม้เขาจะเป็นเด็กบ๊องๆ กวนประสาท ไม่จริงจัง ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า...


เขาคืออัจฉริยะแห่งมนุษย์กึ่งเทพทั้งหมด


แล้วอย่างนี้ทำไมเขาถึงจะไม่เชื่อในครอบครัวกันล่ะ...


“พวกมันมากันแล้ว” จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ปลุกทุกคนให้หลุดจากภวังค์ เด็กหนุ่มกำลังหันไปจ้องที่บันใดทางขึ้นลงสถานีด้วยสายตาแน่วแน่ ผู้คนมากมายกำลังเดินขึ้นลงกันอย่างคับคั่ง แทบไม่มีคนไหนเลยที่ดูมีพิรุธ


“คนไหนเซฮุน” ชานยอลถามอย่างตื่นตระหนก เซฮุนกระซิบแต่สายตายังคงไม่ละไปจากตรงนั้น


“ผู้ชายสองคน ใส่ชุดสีดำทั้งตัว พวกเขากำลังเดินลงมาแล้ว” ชานยอลหันมองตาม เขาเห็นจริงๆผู้ชายสองคนนั้น พวกเขากำลังทำท่ามองหาอะไรบางอย่างอยู่


“เหลือเวลาอีกกี่นาที พวกเราต้องรีบไปก่อน” ชานยอลบอกก่อนจะดึงแขนเซฮุนให้รีบเดินหนี รถไฟรอบนี้กำลังจอดรับผู้โดยสารอยู่ไม่ไกล พวกเขาไม่มีเวลารออีกแล้ว พวกเขาจะต้องรีบหนี


“ไม่ได้!! เราต้องรอให้ถึง11โมง!” เซฮุนขืนตัวกลับอย่างแรง ชานยอลหันมาตวาดกลับ


“แต่พวกมันกำลังตามมาแล้วเนี่ยนะ!!!” ชายสองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว พวกเขามองทุกคนในโบกี้ ก่อนที่หนึ่งในสองคนนั้นจะหันมาสบตากับชานยอล แล้วฉับพลันนั้นพวกเขาก็เริ่มออกวิ่ง


“แย่แล้ว...” ร่างโปร่งพูดก่อนที่พวกเขาจะเริ่มวิ่งหนีแต่ทว่าจู่ๆกลับมีใครบางคนมากระชากพวกเขาเข้าไปในร้านดอกไม้ ชานยอลหวีดร้องด้วยความตกใจ เผลอกัดมือคนคนนั้นไปเต็มแรง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นก่อนที่พวกเขาจะดิ้นหลุดออกจากพันธนาการ ร่างโปร่งคว้าแจกันดอกไม้ข้างตัวก่อนที่จะเตรียมทุ่มใส่ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


“คยองซู!!!”


“ชู่วววว ใช่ผมเอง แต่ตอนนี้เราต้องเงียบก่อน” เด็กหนุ่มร่างบางผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคริสพูดขึ้น พร้อมกับทำท่าให้ทุกคนเงียบ เขาคือบุตรแห่งเพอร์ซิโฟเน่ แม่เลี้ยงของคริส ร่างโปร่งหันกลับไปสบตากับร่างสูงเป็นเชิงถามว่าร่างเล็กนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่อีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าไม่รับรู้ด้วย

ชานยอลจึงละสายตาไป คยองซูสั่งให้ทุกคนหมอบลงกับพื้นก่อนที่เขาจะเดินไปที่ประตู เสียงฝีเท้าหนักๆดังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ร่างโปร่งลอบมองออกไปด้านนอกผ่านกิ่งก้านดอกไม้ที่ถูกปักอยู่ในแจกันสีสดสวย ชายสองคนนั้นกำลังหยุดอยู่ที่หน้าร้าน เขาไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองมาก่อน แต่ทว่าใบหน้า และรูปร่างของพวกเขาดูไม่น่าจะเป็นนักล่าได้ด้วยซ้ำ พวกเขามีผมสีบลอนด์เหลือบเขียว ผิวสองสี ภายนอกดูงดงาม และสง่าผ่าเผย แม้ว่าจะไม่ได้สูงกำยำมากนักแต่ก็ดูเป็นคนที่แข็งแรงและปราดเปรียวมากๆคนหนึ่ง พวกเขาดูไม่น่าจะใช่มนุษย์กึ่งเทพแน่ เพราะดวงตาของพวกเขาไม่ใช่ดวงตามนุษย์ แต่เป็นดวงตาของสัตว์เลื้อยคลาน...


“พวกเขาคืองูเหลือมสาวกของดีมิเทอร์..” เซฮุนที่หมอบอยู่ข้างๆพูดขึ้น


“จะว่าว่าเป็นสาวกเลยก็ไม่ได้หรอก เขาเป็นงูเหลื่อมที่พันอยู่รอบล้อรถม้าศึกของเทพองค์หนึ่งที่เป็นสาวกของดิมิเทอร์ ผมเคยไปส่งจดหมายให้เจ้านายพวกเขาอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่ยักรู้ด้วยว่าพวกเขาจะโหดเหี้ยม”


“ไม่ใช่หรอก...” คริสพูดขึ้น


“พวกเขาไม่ได้โหดเหี้ยมหรอก” ทุกคนหันมามองที่คริสด้วยความสนใจ ร่างสูงเอ่ยต่อโดยที่ตาคมก็ยังคงจับจ้องสัตว์วิเศษสองตนนั้นอยู่


“แต่เพราะฉันคือลูกของฮาเดสต่างหาก ดีมิเทอร์ หรือแม้แต่สาวกของเธอเลยอยากจะตามล่าและฆ่าฉันทิ้งซะ” ชานยอลฉุกคิดถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างดีมิเทอร์กับฮาเดส ดีมิเทอร์เป็นแม่ของเพอร์ซิโฟเน่ ฮาเดสไปขโมยลูกสาวเธอมาแต่งงานด้วย ไม่แปลกหรอกที่ดีมิเทอร์จะจงเกลียดจงชังฮาเดส และลูกๆของเขาขนาดนี้ แล้วขณะนั้นเองที่เขากำลังคิดอยู่ จู่ๆคยองซูก็เปิดตูออกไป


“คยองซู! นั่นนายจะทำอะไรน่ะ!!!” ชานยอลถามด้วยความตกใจ เซฮุนรีบตะครุบปากเขาเอาไว้ ถึงปกติพวกงูจะหูหนวกตาแย่มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าสัตว์วิเศษที่อุตริแปลงเป็นคนได้นี่มันจะเป็นยังไงบ้าง เกิดพวกมันพัฒนา เพิ่มออฟชั่นให้ตัวเองฟังได้ มองเห็นขึ้นมาแล้วจะทำยังไง


“พวกท่านกำลังตามหาอะไรอยู่หรอ” เสียงคยองซูดังลอดเข้ามาในร้าน พวกเขารีบมองไปที่นั่น ร่างเล็กกำลังคุยกับงูสองตนนั้นอยู่


“คริส มนุษย์กึ่งเทพที่เคยรังแกเจ้าน่ะ ข้าเห็นเขามากับบุตรแห่งโพไซดอน ส่วนอีกคนเป็นใครข้าเห็นไม่ชัด เจ้าพอจะเห็นพวกเขาบ้างมั้ย” คริสถึงกลับชะงักทันทีที่ได้ยิน คำว่ามนุษย์กึ่งเทพที่เคยรังแก...


“นายไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว..” ชานยอลกระซิบปลอบพร้อมจับมือหนาเอาไว้ ร่างสูงก้มมองมือนั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ไม่มีหรอก ที่เราจะลืมอดีตที่เราเคยทำชั่วไว้ได้...


“ไว้ชีวิตพวกเขาไม่ได้หรอครับ อย่างน้อยคริสก็รู้จักกับผมมาตั้งแต่เล็กๆ” เสียงของคยองซูดังขึ้น ทุกคนหันกลับไปสนใจอีกครั้ง ร่างเล็กกำลังพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ


“เจ้าควรจะปราณีมันงั้นรึ!! มันทำร้ายเจ้า! มันเกลียดเจ้า!! พ่อมันก็เคยทำร้ายแม่ของเจ้า แล้วอย่างนี้เจ้ายังจะเมตตามันอีกงั้นรึ!!!” งูตัวหนึ่งคำรามใส่คยองซูอย่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาแทบจะได้ยินเสียงขู่ฝ่อดังมาจากเจ้าสัตว์วิเศษตนนั้น


“แต่ว่าเขา...” ร่างเล็กก้มหน้าพูดเสียงเบา งูอีกตนกระชากเขาเข้ามาหาอย่างแรง คริสตั้งท่าจะลุกขึ้นก่อนจะถูกชานยอลจับไว้


“ถ้าเจ้าลืมว่ามันเคยทำอะไรไว้กับเจ้า ข้าก็จะทำให้เจ้าได้เห็นทุกอย่างนั่นอีกครั้ง!!!” เขาตะคอกพร้อมกับบีบหัวคยองซูเอาไว้ แสงสีเขียวเรืองวาบ ก่อนที่ดวงตาของคยองซูจะกลายเป็นสีขาวทั้งหมด พวกเขาหันมาสบตากันด้วยความเคร่งเครียด ถ้าคยองซูกลับไปนึกถึงเรื่องในอดีตแล้วเปลี่ยนใจไม่ช่วยพวกเขาขึ้นมาล่ะ ถ้าคยองซูบอกว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่นี่ล่ะ ทุกอย่างจะจบเห่ พวกเขาจะถูกจจับได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มค้นหาของสามสิ่งนั้น


“หลังร้านมีทางออก” เซฮุนชี้ไปทางหลังร้าน ชานยอลมองไปที่ประตูหลังสลับกับคยองซูอย่างลังเล เขาไม่ได้สนิทกับคยองซูจนพอจะรู้ใจได้ เขาเดาไม่ออกว่าเด็กคนนั้นจะตอบว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เสี่ยงรอ..


“คริสเราไปกันเถอะ!!”


“ไม่..” ร่างสูงคว้าข้อมือเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น


“คยองซูจะไม่มีวันหักหลังพวกเรา” สิ้นเสียงนั้นคยองซูก็ถูกปล่อยให้กลายเป็นอิสระ ร่างเล็กยืนหอบหายใจเล็กนน้อย ก่อนที่เขาจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ


“พวกเขาทั้งหมด...” เสียงของเขาเบาและฟังดูเหนื่อยจนแทบไม่ได้ยิน คยองซูเหลือบตามาที่พวกเขาเล็กน้อย งูสองตนนั้นรออย่างตั้งใจ


“พวกเขาไม่ได้ผ่านมาทางนี้ พวกเขาไปทางโน้น” ร่างเล็กชี้ไปอีกทาง งูสองตนนั้นขอบคุณอย่างดีใจ ก่อนที่พวกมันจะรีบวิ่งไปตามทางที่ร่างเล็กบอก คยองซูรอจนกว่าพวกนั้นจะหายลับตาไปก่อนที่เขาจะรีบเข้ามาในร้านแล้วเปลี่ยนป้ายเป็น Closed


“พวกนายมาทำอะไรกันที่นี่!!!” ร่างเล็กถามด้วยความตกใจ ทุกคนค่อยๆยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ยังมองตามงูสองตนนั้นไปอย่างกังวล


“ขอบคุณที่ช่วยไว้ ส่วนคำถามนั้น ฉันคงต้องถามนายมากกว่า” คริสเป็นฝ่ายเอ่ยถาม คยองซูดูมีท่าทางอึกอักที่จะต้องพูด


“ครั้งล่าสุดที่ฉันเจอนาย นายบอกว่าจะไปเที่ยวเล่นในนรกส่วนที่ไคอยู่ไม่ใช่หรอ” ร่างสูงยังคงไล่ต้อน สีหน้าของเขาเรียบเฉย และนิ่งสงบจนสร้างแรงกดดันมหาศาลให้คนอื่น


“คือผม...”


“พวกเราต้องไปเมืองโครชี่ครับ พี่พอจะบอกทางไปให้หน่อยได้มั้ย” เซฮุนโพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คริสหันกลับไปมอง แต่เด็กหนุ่มกลับส่งยิ้มมาให้


“เขาคงมีเหตุผลที่จะไม่ตอบ” เซฮุนกระซิบก่อนที่เสียงคยองซูจะดังขึ้น


“เมืองโครชี่งั้นหรอ จากนี่ต้องใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงกว่าจะถึง พวกนายแค่ต้องซื้อตั๋วรถไฟที่นั่น แล้วไปขึ้นที่นี่ พวกนายจะไปทำอะไรที่นั่นกัน” ร่างเล็กถามด้วยความสงสัย คริสมองเห็นแววตาหวาดระแวงในแววตาคู่นั้น


“หาพี่ซีวอน...” เป็นอีกครั้งที่เซฮุนโพล่งขึ้นมา ชานยอลฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ พวกเขาต้องขึ้นรถให้ทันสิบเอ็ดโมง แล้วตอนนี้มันกี่โมงแล้ว


“สิบโมงห้าสิบเจ็ด!!! เซฮุน!! เราต้องรีบขึ้นรถกันตอนสิบเอ็ดโมง!!!” ร่างโปร่งร้องอย่างตกใจ ก่อนจะรีบคว้าเซฮุนกับคริสออกไปจากร้าน


“คยองซู ฉันขอบคุณมาก แต่พวกเราต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ!!!” เขารีบตะโกนบอกร่างเล็ก


“เดี๋ยว! พวกนายจะรีบไปไหนกัน!!”


“หาพี่ซีวอนไง เรามีธุระด่วนต้องไปหาพี่เขา!!!”


“ไม่มีทางเจอหรอก” คยองซูพูดขึ้น ทุกคนหันกลับไปหาเขา


“นายหมายความว่ายังไง”ชานยอลถาม เสียงรถไฟกำลังจะออกจากชานชาลาค่อยๆดังขึ้น


“การเดินทางแบบปกติพาไปไม่ถึงที่ที่พี่เขาอยู่หรอก” ร่างเล็กยังคงพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ ร่างโปร่งถามขึ้นอีกครั้ง


“นายรู้ได้ยังไง คยองซู” เกิดความเงียบระหว่างพวกเขา คยองซูไม่ตอบอะไรกลับมา มีเพียงพวกเขาที่ยืนรออย่างคลางแคลง เสียงพนักงานกำลังบอกให้ผู้โดยสารเตรียมตัว รถไฟกำลังออกจากชานชาลาแล้ว ชานยอลหันกลับไปอย่างลังเล ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง เขาเลือกที่จะฟังความจริงจากคยองซูมากกว่า


“เพราะผมคือคนเดียวที่รู้ทางไปบ้านของพี่เขา” ร่างเล็กพูดขึ้น ดวงตาคู่โตนั้นจ้องตรงมาที่พวกเขา ชานยอลมองกลับอย่างตั้งคำถาม


“ผมคือคนที่ถือกุญแจแห่งประตูล่องหนเพียงคนเดียว” ฉับพลันนั้นกุญแจสิบสองดอกที่หัวกุญแจถูกสลักเป็นดอกไม้ตามนาฬิกาดอกไม้ก็ปรากฏขึ้น ชานยอลมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง หัวสมองเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว แต่ทว่าคริสกับเซฮุนกลับยกยิ้ม


“คิดว่าจะไม่บอกแล้วนะเนี่ย” เซฮุนพูดขึ้น


“นายรู้ตั้งแต่แรกหรอเซฮุน” ชานยอลถามด้วยความประหลาดใจ เด็กหนุ่มยิ้มพร้อมกับยกแขนขึ้นเท้าคอด้วยท่าทางสบายๆ


“แค่สงสัยน่ะ ในร้านนี้มีบางอย่างแปลกๆ” คยองซูพยักหน้ารับก่อนจะพูด


“เดี๋ยวค่อยคุยกันเถอะ เรารีบไปที่ประตูดีกว่า ประตูวอเตอร์ลิลลี่เปิดแล้ว” ร่างเล็กบอกก่อนจะรีบไขกุญแจขึ้นในอากาศตรงตำแหน่งที่สิบเอ็ดนาฬิกา ฉับพลันนั้นแสงสีเขียวก็สว่างวาบ สายลมและกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกวอเตอร์ลิลลี่พัดโชยมา


“ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้วล่ะ คยองซู นายมาเป็นคนเฝ้าประตูของซีวอนได้ยังไง” เสียงของคริสดังขึ้นพร้อมกับที่ทุกคนก้าวเข้าไปในประตูดอกไม้บานนั้น ร่างเล็กหันมาสบตาก่อนจะตอบ


“แล้วผมจะเล่าให้ฟัง” แล้วพวกเขาก็หายวับไปพร้อมกับประตูวอเตอร์ลิลลี่ที่สิบนาฬิกาปิดลง


http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ