กริ๊งงงงงงง
ทันทีที่เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น เด็กหนุ่มผิวเข้มก็รีบรุดออกจากห้องโดยมีเด็กหนุ่มร่างเล็กอีกคนที่วิ่งตามไปไม่ห่าง
“จงอิน จะไปไหนหรอ”
“ไปดูชานยอลน่ะ รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ” คยองซูขมวดคิ้วก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อระยะห่างของเขาสองคนทิ้งระยะมากเกินไป
“ทำไมหรอ”
“ไม่รู้สิ คงเพราะมันไม่เคยป่วยด้วยมั้ง เป็นแบบนี้เลยอดห่วงไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้นอนตายไปยัง” รูปประโยคที่รุนแรงและน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่แยแส ถูกลบล้างออกไปด้วยแววตาคมคายที่ฉายแววห่วงใยอย่างปิดไม่มิด
“แต่นายบอกว่ารุ่นพี่คริสไปเฝ้าแล้วนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ก็คงจะอย่างนั้น”ไคตอบไปอย่างเห็นด้วย แต่ถึงกระนั้นขาวยาวก็ยังคงไม่หยุดวิ่ง
“แล้วทำไมถึงยังไปล่ะ”
“ไม่รู้สิ…” ไคตอบไปตามที่ตัวเองรู้สึก คำถามที่คยองซูเอ่ยถามเมื่อครู่ดังก้องไปมาอยู่ในหัว แล้วทำไมถึงยังไปล่ะ….
นั่นสิ ทำไมถึงยังไป…
ไคไม่รู้จริงๆว่าทำไมเขาถึงยังคงอยากไปดูอาการของชานยอลนัก ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามีคริสคอยดูแลอยู่แล้ว และนั่นก็หมายถึงการได้คนเฝ้าไข้ที่แสนสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เพราะในโรงเรียนนี้คนที่เก่งพอจะกำราบชานยอลได้ก็มีแต่ชายหนุ่มร่างสูงที่เปรียบเสมือนเส้นขนานกับชานยอลอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นลึกๆในใจของเขาก็ยังคงส่งเสียงร้องเตือน ความกลัวแบบแปลกๆที่ไม่น่าไว้ใจมักเข้ามาปั่นป่วนจิตใจของเขาให้ระส่ำระส่ายอยู่ตลอดวันจนเขาไม่เป็นอันทำอะไร
เดิมทีเขาตัดสินใจจะไปเยี่ยมชานยอลตั้งแต่พักเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันจะเตรียมตัวไป จู่ๆคยองซูเพื่อนร่วมห้องที่พ่วงตำแหน่งรูมเมทก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับบอกว่าอาจารย์ปาร์คเรียกเขาเข้าพบด่วน แต่พอถามสาเหตุเจ้าตัวก็บอกว่าไม่รู้ แต่เห็นอาจารย์ดูโกรธมาก พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็เลยรีบไปหาอาจารย์ และคำตอบที่ได้คือ อาจารย์เรียกเขาไปช่วยจัดของเท่านั้นเอง หลังจากนั้นไคก็ตั้งมั่นจะไปเยี่ยมชานยอลใหม่ในช่วงพักเบรกของคาบเรียนบ่าย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปอยู่ดี เพราะเพื่อนร่วมกลุ่มที่ไม่เคยกล้าตามเขาไปทำงานกลับให้เขาช่วยงาน และเมื่อเขาไปทำ เขาก็อยากจะอาละวาดมันเสียเดี๋ยวนั้น งานที่ให้ทำเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องให้ถึงมือเขาเสียด้วยซ้ำ
ไครู้ว่ามันแปลก ถึงจะไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาจะพลาดการไปเยี่ยมชานยอลถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน แต่ความรู้สึกเขาก็ฟ้องว่าสิ่งเหล่านี้มันดูบังเอิญเกินไป จงใจเกินไป และดูไม่น่าจะพร้อมใจกันเกิดซะทีเดียวในวันเดียว มันเหมือนมีใครบางคนกำลังไม่อยากให้เขาไปเยี่ยมชานยอล…
ไคพยายามจะไม่คิด หรือหาคำตอบให้กับข้อสงสัยของตัวเอง เพราะจิตใต้สำนึกลึกๆของเขากำลังร้องห้ามไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ เขาพยายามอ้างเหตุผลว่าพวกเขามักถูกเพื่อนในโรงเรียนไม่ชอบหน้า หรือบางครั้งอาจถึงขั้นเกลียดเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่จะมีใครสักคนลุกขึ้นมาแกล้งเขานิดแกล้งเขาหน่อย โดยการขัดขวางความต้องการของเขา แต่ลึกๆเขาก็รู้ดีว่าในโรงเรียนนี้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขานักหรอก ยกเว้นคนคนหนึ่ง….
แอ๊ดดด
เสียงประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มร่างคุ้นตา
“รุ่นพี่คริส!”เสียงอุทานของไคที่ควรจะเบากลับฟังดูดังขึ้นเมื่อทางเดินร้างผู้คน
“อ้าว ไค มาเยี่ยมชานยอลหรอ”คริสเอ่ยถามพร้อมกับปิดประตูอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเสียงประตูจะรบกวนคนข้างใน
“ครับ ชานยอลเป็นไงบ้างหรอครับรุ่นพี่”
“เพิ่งตื่นน่ะ ตื่นมาพอเห็นหน้าพี่ก็ไล่ตะเพิดออกมาเลย”คริสว่าติดตลกท่าทางดูไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อยที่ถูกอีกฝ่ายไล่มา ไคยิ้มแหยๆก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษแทนเพื่อน
“ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ แล้วนี่จะไปเยี่ยมชานยอลไม่ใช่หรอ เข้าไปสิ เขาคงอยากเห็นหน้านายมากกว่าพี่นะ”คริสพูดไม่จริงจังหนัก ถ้อยคำที่ควรจะฟังดูตัดพ้อจึงกลายเป็นเพียงคำหยอกล้อธรรมดา
ไคพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพยาบาลพร้อมกับคยองซูที่เดินตามมาด้วย
“เดี๋ยว คยองซู วันนี้มีนัดประชุมคณะกรรมการไม่ใช่หรอ”คริสหันกลับมาพูดกับคยองซูที่ยืนทำตัวไม่ถูก ก่อนจะก้มหัวถี่ๆ แล้วเดินไปทางชายหนุ่ม
“ครับๆ รุ่นพี่ ไค เอ่อ ฝากบอกชานยอลว่าหายไวๆด้วยนะ ฉัน ฉันไปล่ะ” ร่างเล็กว่าก่อนจะเดินตามคริสไป และทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้น สีหน้าปั้นยิ้มละมุนละไมของคริสก็จางหายไปพร้อมกับท่าทางเคารพผู้อาวุโสของคยองซูที่แสดงออกมา
“วันนี้จัดการตามที่ฉันบอกใช่มั้ย”
“ครับท่านคริส ผมขัดขวางไม่ให้เขามาเยี่ยมท่านชานยอลได้ทุกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยไว้ใจท่านเท่าไร”คริสเลิกคิ้วสูงก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นขบขัน ราวกับสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องตลกที่ทำให้ปีศาจอย่างเขาสำราญได้
“ฉลาด แต่ไม่รู้จักเฉลียวพอที่จะออกห่างจากฉัน”แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ถูกดำดิ่งลงสู่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คริสตกอยู่ในภวังค์แห่งชัยชนะของตัวเอง สีหน้าอันเจ็บปวดและโกรธแค้นของชานยอลยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงคำนึง หากแต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิด แต่กับลิงโลดดีใจมากเสียด้วยซ้ำ เพราะยิ่งชานยอลแค้นเท่าไร เขาก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
ยามเมื่อความอดทนของสายน้ำพังทลาย เมื่อนั้นท้องทะเลจะปั่นป่วน เรื่องเสื่อมเสียจะถึงหูโพไซดอน สมุทรเทพจะเขย่าโลกาให้สะเทือนถึงบาดาล และเมื่อนั้นจ้าวผู้ครองนรกก็จะพินาศด้วยภัยจากบุตรของตน…
คริสยกยิ้มมุมปากอย่างหยามใจ สิ่งที่เขาทำมีเพียงอย่างเดียวก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแผนการเท่านั้น เขาไม่ได้เกลียดชานยอลเลยแม้แต่น้อย แต่เช่นเดียวกันก็ไม่ได้รักเสียจนยอมปราณีละเว้นจากการเป็นเครื่องมือได้…
เกลียดฉันเข้าไปชานยอล
เกลียดให้มากๆ มากจนต้องไปฟ้องโพไซดอน
และเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันก็จะเป็นฝ่ายชนะฮาเดสอย่างสมบูรณ์แบบ!!!
คยองซูลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มด้านข้าง ก่อนจะนึกกังวลถึงชานยอล คริสในตอนนี้ไม่มีทางที่จะยั้งคิดถึงความถูกต้อง และความผิดบาปของศีลธรรมอีกแล้ว ร่างสูงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น และถูกมันครอบงำเสียจนกล้าทำร้ายคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย และผลกรรมของความเจ็บปวด สุดท้ายก็ถูกทิ้งไว้ที่สายน้ำผู้น่าสงสารคนนั้น
คยองซูกำมือแน่น พลางนึกห่วงชานยอล เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้คริสทำอะไรกับเด็กหนุ่มไปบ้าง แล้วร้ายแรงหรือสาหัสถึงขั้นไหนแต่ดูจากท่าทางแล้ว มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน…
“ท่านคริส”คยองซูเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงเบาหวิว คริสเหลือบตามามองเป็นเชิงสั่งให้พูดต่อ
“เมื่อกี้นี้….ท่าน ท่านทำอะไรท่านชานยอลหรอครับ”
“ทำอะไรงั้นหรอ…..หึ แค่ทำลายศักดิ์ศรีที่หมอนั่นรักนักรักหนาก็เท่านั้นเอง”คริสพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับว่าเรื่อที่กระทำไปเป็นเรื่องการหยอกล้อเล่นๆที่คนทั่วๆไปก็พึงจะทำ
“ท่านทำอย่างนั้นกับท่านชานยอลงั้นหรอครับ…”คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเหมือนได้ยินอะไรไม่เข้าหู ก่อนจะหันมาตอบคยองซู แววตาทอประกายสีทองเจิดจ้าที่อัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มราวกับจะย้ำเตือนความน่ากลัวของตน
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้คยองซู ต่อให้ต้องพรากลมหายใจของเขา ฉันก็จะทำ ถ้ามันทำให้ฉันได้สิ่งที่ต้องการ” คลื่นความกลัวถาโถมเข้าใส่จิตใจของคยองซูจนร่างเล็กชะงักงันพูดไม่ออก ตอนนี้คริสทำได้ทุกอย่าง แม้แต่การฆ่าคนอย่างนั้นหรือ…
คยองซูมองตามแผ่นหลังที่เดินอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพูดในใจ
ท่านจะเป็นเหมือนท่านพ่อของท่านอย่างงั้นหรอ…
จะทำผิดในสิ่งที่ท่านพ่อของท่านทำพลาดไปงั้นนั้นน่ะหรือ
ท่านคริส…
“รีบมาสิ คยองซู เรายังต้องไปประชุมครั้งสำคัญอีกนะ”
“ครับๆ”คยองซูรับคำก่อนจะรีบวิ่งตามไป ทั้งๆที่ในใจอยากจะเดินหนีไปให้ไกลที่สุด…
การประชุมครั้งสำคัญ
ไม่อยากไปเลยจริงๆ…
-------------------------------------------
ทันทีที่เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น เด็กหนุ่มผิวเข้มก็รีบรุดออกจากห้องโดยมีเด็กหนุ่มร่างเล็กอีกคนที่วิ่งตามไปไม่ห่าง
“จงอิน จะไปไหนหรอ”
“ไปดูชานยอลน่ะ รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ” คยองซูขมวดคิ้วก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อระยะห่างของเขาสองคนทิ้งระยะมากเกินไป
“ทำไมหรอ”
“ไม่รู้สิ คงเพราะมันไม่เคยป่วยด้วยมั้ง เป็นแบบนี้เลยอดห่วงไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้นอนตายไปยัง” รูปประโยคที่รุนแรงและน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่แยแส ถูกลบล้างออกไปด้วยแววตาคมคายที่ฉายแววห่วงใยอย่างปิดไม่มิด
“แต่นายบอกว่ารุ่นพี่คริสไปเฝ้าแล้วนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ก็คงจะอย่างนั้น”ไคตอบไปอย่างเห็นด้วย แต่ถึงกระนั้นขาวยาวก็ยังคงไม่หยุดวิ่ง
“แล้วทำไมถึงยังไปล่ะ”
“ไม่รู้สิ…” ไคตอบไปตามที่ตัวเองรู้สึก คำถามที่คยองซูเอ่ยถามเมื่อครู่ดังก้องไปมาอยู่ในหัว แล้วทำไมถึงยังไปล่ะ….
นั่นสิ ทำไมถึงยังไป…
ไคไม่รู้จริงๆว่าทำไมเขาถึงยังคงอยากไปดูอาการของชานยอลนัก ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามีคริสคอยดูแลอยู่แล้ว และนั่นก็หมายถึงการได้คนเฝ้าไข้ที่แสนสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เพราะในโรงเรียนนี้คนที่เก่งพอจะกำราบชานยอลได้ก็มีแต่ชายหนุ่มร่างสูงที่เปรียบเสมือนเส้นขนานกับชานยอลอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นลึกๆในใจของเขาก็ยังคงส่งเสียงร้องเตือน ความกลัวแบบแปลกๆที่ไม่น่าไว้ใจมักเข้ามาปั่นป่วนจิตใจของเขาให้ระส่ำระส่ายอยู่ตลอดวันจนเขาไม่เป็นอันทำอะไร
เดิมทีเขาตัดสินใจจะไปเยี่ยมชานยอลตั้งแต่พักเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันจะเตรียมตัวไป จู่ๆคยองซูเพื่อนร่วมห้องที่พ่วงตำแหน่งรูมเมทก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับบอกว่าอาจารย์ปาร์คเรียกเขาเข้าพบด่วน แต่พอถามสาเหตุเจ้าตัวก็บอกว่าไม่รู้ แต่เห็นอาจารย์ดูโกรธมาก พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็เลยรีบไปหาอาจารย์ และคำตอบที่ได้คือ อาจารย์เรียกเขาไปช่วยจัดของเท่านั้นเอง หลังจากนั้นไคก็ตั้งมั่นจะไปเยี่ยมชานยอลใหม่ในช่วงพักเบรกของคาบเรียนบ่าย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปอยู่ดี เพราะเพื่อนร่วมกลุ่มที่ไม่เคยกล้าตามเขาไปทำงานกลับให้เขาช่วยงาน และเมื่อเขาไปทำ เขาก็อยากจะอาละวาดมันเสียเดี๋ยวนั้น งานที่ให้ทำเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องให้ถึงมือเขาเสียด้วยซ้ำ
ไครู้ว่ามันแปลก ถึงจะไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาจะพลาดการไปเยี่ยมชานยอลถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน แต่ความรู้สึกเขาก็ฟ้องว่าสิ่งเหล่านี้มันดูบังเอิญเกินไป จงใจเกินไป และดูไม่น่าจะพร้อมใจกันเกิดซะทีเดียวในวันเดียว มันเหมือนมีใครบางคนกำลังไม่อยากให้เขาไปเยี่ยมชานยอล…
ไคพยายามจะไม่คิด หรือหาคำตอบให้กับข้อสงสัยของตัวเอง เพราะจิตใต้สำนึกลึกๆของเขากำลังร้องห้ามไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ เขาพยายามอ้างเหตุผลว่าพวกเขามักถูกเพื่อนในโรงเรียนไม่ชอบหน้า หรือบางครั้งอาจถึงขั้นเกลียดเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่จะมีใครสักคนลุกขึ้นมาแกล้งเขานิดแกล้งเขาหน่อย โดยการขัดขวางความต้องการของเขา แต่ลึกๆเขาก็รู้ดีว่าในโรงเรียนนี้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเขานักหรอก ยกเว้นคนคนหนึ่ง….
แอ๊ดดด
เสียงประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มร่างคุ้นตา
“รุ่นพี่คริส!”เสียงอุทานของไคที่ควรจะเบากลับฟังดูดังขึ้นเมื่อทางเดินร้างผู้คน
“อ้าว ไค มาเยี่ยมชานยอลหรอ”คริสเอ่ยถามพร้อมกับปิดประตูอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเสียงประตูจะรบกวนคนข้างใน
“ครับ ชานยอลเป็นไงบ้างหรอครับรุ่นพี่”
“เพิ่งตื่นน่ะ ตื่นมาพอเห็นหน้าพี่ก็ไล่ตะเพิดออกมาเลย”คริสว่าติดตลกท่าทางดูไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อยที่ถูกอีกฝ่ายไล่มา ไคยิ้มแหยๆก่อนจะโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษแทนเพื่อน
“ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ แล้วนี่จะไปเยี่ยมชานยอลไม่ใช่หรอ เข้าไปสิ เขาคงอยากเห็นหน้านายมากกว่าพี่นะ”คริสพูดไม่จริงจังหนัก ถ้อยคำที่ควรจะฟังดูตัดพ้อจึงกลายเป็นเพียงคำหยอกล้อธรรมดา
ไคพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพยาบาลพร้อมกับคยองซูที่เดินตามมาด้วย
“เดี๋ยว คยองซู วันนี้มีนัดประชุมคณะกรรมการไม่ใช่หรอ”คริสหันกลับมาพูดกับคยองซูที่ยืนทำตัวไม่ถูก ก่อนจะก้มหัวถี่ๆ แล้วเดินไปทางชายหนุ่ม
“ครับๆ รุ่นพี่ ไค เอ่อ ฝากบอกชานยอลว่าหายไวๆด้วยนะ ฉัน ฉันไปล่ะ” ร่างเล็กว่าก่อนจะเดินตามคริสไป และทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้น สีหน้าปั้นยิ้มละมุนละไมของคริสก็จางหายไปพร้อมกับท่าทางเคารพผู้อาวุโสของคยองซูที่แสดงออกมา
“วันนี้จัดการตามที่ฉันบอกใช่มั้ย”
“ครับท่านคริส ผมขัดขวางไม่ให้เขามาเยี่ยมท่านชานยอลได้ทุกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยไว้ใจท่านเท่าไร”คริสเลิกคิ้วสูงก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นขบขัน ราวกับสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องตลกที่ทำให้ปีศาจอย่างเขาสำราญได้
“ฉลาด แต่ไม่รู้จักเฉลียวพอที่จะออกห่างจากฉัน”แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ถูกดำดิ่งลงสู่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คริสตกอยู่ในภวังค์แห่งชัยชนะของตัวเอง สีหน้าอันเจ็บปวดและโกรธแค้นของชานยอลยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงคำนึง หากแต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิด แต่กับลิงโลดดีใจมากเสียด้วยซ้ำ เพราะยิ่งชานยอลแค้นเท่าไร เขาก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
ยามเมื่อความอดทนของสายน้ำพังทลาย เมื่อนั้นท้องทะเลจะปั่นป่วน เรื่องเสื่อมเสียจะถึงหูโพไซดอน สมุทรเทพจะเขย่าโลกาให้สะเทือนถึงบาดาล และเมื่อนั้นจ้าวผู้ครองนรกก็จะพินาศด้วยภัยจากบุตรของตน…
คริสยกยิ้มมุมปากอย่างหยามใจ สิ่งที่เขาทำมีเพียงอย่างเดียวก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแผนการเท่านั้น เขาไม่ได้เกลียดชานยอลเลยแม้แต่น้อย แต่เช่นเดียวกันก็ไม่ได้รักเสียจนยอมปราณีละเว้นจากการเป็นเครื่องมือได้…
เกลียดฉันเข้าไปชานยอล
เกลียดให้มากๆ มากจนต้องไปฟ้องโพไซดอน
และเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันก็จะเป็นฝ่ายชนะฮาเดสอย่างสมบูรณ์แบบ!!!
คยองซูลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มด้านข้าง ก่อนจะนึกกังวลถึงชานยอล คริสในตอนนี้ไม่มีทางที่จะยั้งคิดถึงความถูกต้อง และความผิดบาปของศีลธรรมอีกแล้ว ร่างสูงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น และถูกมันครอบงำเสียจนกล้าทำร้ายคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย และผลกรรมของความเจ็บปวด สุดท้ายก็ถูกทิ้งไว้ที่สายน้ำผู้น่าสงสารคนนั้น
คยองซูกำมือแน่น พลางนึกห่วงชานยอล เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้คริสทำอะไรกับเด็กหนุ่มไปบ้าง แล้วร้ายแรงหรือสาหัสถึงขั้นไหนแต่ดูจากท่าทางแล้ว มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน…
“ท่านคริส”คยองซูเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงเบาหวิว คริสเหลือบตามามองเป็นเชิงสั่งให้พูดต่อ
“เมื่อกี้นี้….ท่าน ท่านทำอะไรท่านชานยอลหรอครับ”
“ทำอะไรงั้นหรอ…..หึ แค่ทำลายศักดิ์ศรีที่หมอนั่นรักนักรักหนาก็เท่านั้นเอง”คริสพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับว่าเรื่อที่กระทำไปเป็นเรื่องการหยอกล้อเล่นๆที่คนทั่วๆไปก็พึงจะทำ
“ท่านทำอย่างนั้นกับท่านชานยอลงั้นหรอครับ…”คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเหมือนได้ยินอะไรไม่เข้าหู ก่อนจะหันมาตอบคยองซู แววตาทอประกายสีทองเจิดจ้าที่อัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มราวกับจะย้ำเตือนความน่ากลัวของตน
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้คยองซู ต่อให้ต้องพรากลมหายใจของเขา ฉันก็จะทำ ถ้ามันทำให้ฉันได้สิ่งที่ต้องการ” คลื่นความกลัวถาโถมเข้าใส่จิตใจของคยองซูจนร่างเล็กชะงักงันพูดไม่ออก ตอนนี้คริสทำได้ทุกอย่าง แม้แต่การฆ่าคนอย่างนั้นหรือ…
คยองซูมองตามแผ่นหลังที่เดินอยู่ข้างหน้า ก่อนจะพูดในใจ
ท่านจะเป็นเหมือนท่านพ่อของท่านอย่างงั้นหรอ…
จะทำผิดในสิ่งที่ท่านพ่อของท่านทำพลาดไปงั้นนั้นน่ะหรือ
ท่านคริส…
“รีบมาสิ คยองซู เรายังต้องไปประชุมครั้งสำคัญอีกนะ”
“ครับๆ”คยองซูรับคำก่อนจะรีบวิ่งตามไป ทั้งๆที่ในใจอยากจะเดินหนีไปให้ไกลที่สุด…
การประชุมครั้งสำคัญ
ไม่อยากไปเลยจริงๆ…
-------------------------------------------