0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ทะเลดำตอนที่ 25

2 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

1ทะเลดำตอนที่ 25 Empty ทะเลดำตอนที่ 25 Mon Oct 14, 2013 8:31 pm

0ctogus

0ctogus
Admin

โอลิมปัส ที่อยู่ของทวยเทพ ควรจะเป็นสถานที่ที่คริสซึ่งเป็นบุตรแห่งเทพมาเยือนบ่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาแทบจะนับครั้งที่มาที่นี่ได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวเขาเองที่ไม่อยากมา อีกส่วนเกิดจากสถานที่แห่งนี้ไม่ต้อนรับคนจากความตาย พวกเขามักคิดว่าความตายคือสิ่งที่ไม่ดีและเป็นเรื่องน่ากลัว ไม่ควรเข้าใกล้หรือให้มาเหยียบย้ำกร่ำกรายบนสรวงสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความดีและเรื่องศิวิไล


แต่ตอนนี้เขากลับขึ้นไปบนนั้น ในช่วงเวลาที่รื่นเริงและสำคัญมากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ต้องจินตนาการถึงปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อทวยเทพและมนุษย์กึ่งเทพทั้งหลายเห็นเขา เพราะสิ่งที่ได้มานั่นย่อมเหนือความคาดหมายไปมากโขอยู่แล้ว  หากถามว่าเขากลัวที่จะต้องไปพบเจอคนเหล่านั้นหรอ ก็คงตอบได้เลยว่า ไม่ เพราะเขาชินชากับปฏิกิริยาของพวกเขาไปเสียแล้ว หากแต่สภาพจิตใจของเขาตอนนี้ต่างหากที่ไม่ได้พร้อมจะขึ้นไปสรรเสริญหรืออวยพรให้ใคร


“ฉันไม่ได้ให้นายไปอวยพร ยินดีอะไรกับซุสหรอกน่า แค่ไปเจอคนอื่นบ้าง”ชานยอลพูดเมื่อเดาความรู้สึกของคริสได้ ร่างสูงเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยก่อนจะครางตอบในลำคอเบาๆจนร่างโปร่งแอบรู้สึกว่าบางทีถ้าให้คริสกลับไปร้ายแบบเดิมยังจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะมันเหมือนกับเขากำลังอยู่กับวิญญาณที่เศร้าซึมในทุ่งเอลโฟเดลอย่างไรอย่างนั้น(ทุ่งเอลโฟเดล : ดินแดนในนรกส่วนที่ไม่มีการลงทัณฑ์ แต่ก็ไม่มีความสุขเช่นกัน วิญญาณที่อยู่ที่นี่จะไม่มีความทรงจำ พวกเขาจะยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น)



  ชานยอลเลิกที่จะชวนคริสคุย ก่อนจะเดินนำหน้าร่างสูงผ่านเข้าไปยังซุ้มประตูของสรวงสวรรค์ ทั่วทั้งบริเวณประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอบอบอวลไปทั่ว เสียงดนตรีไพเราะขับกล่อมบรรยากาศให้ครื้นเครง เหล่าเทพและมนุษย์กึ่งเทพทั้งหลายร่วมกันฉลองกันอยู่เต็มลานกว้าง บางตนที่เริ่มเห็นการมาเยือนของคริส ก็เริ่มหันมามอง พร้อมกับแสดงออกต่างๆกันไป บ้างเกรงกลัว บ้างคลั่งไคล้ ก่อนที่ความสนุกทุกอย่างจะชะงักลง เมื่อส่วนใหญ่เห็นร่างสูง


“คนจากความตาย”เสียงเทพองค์หนึ่งพึมพำ


“ทำไมถึงขึ้นมาที่นี่กัน”


“นั่นหรอคริส งดงามกว่าเทพบางองค์เสียอีก!!!”


“ถึงจะงดงามน่าเชยชมยังไง ก็ไม่ควรขึ้นมาที่นี่ตอนนี้นะ”



 ชานยอลกุมมือของคริสเอาไว้ ก่อนจะพาเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่แม้แต่จะสนใจเสียงซุบซิบนินทาของเหล่าทวยเทพและมนุษย์กึ่งเทพทั้งหลาย ก่อนที่เขาจะมองหาใครบางคน


“ช่วยมองหาคนที่มีผมสีประหลาดๆให้หน่อย”คริสขมวดคิ้วเมื่อชานยอลเอ่ยบอก


“มีเพื่อนคนอื่นนอกจากไคด้วยหรอ”


“คนรู้จักน่ะ ฉันคงไม่คบหมอนั่นเป็นเพื่อนหรอก” คริสพยักหน้ารับ ไม่ถามอะไรต่อจากนั้น เพราะสภาพจิตใจไม่ได้กระตือรือร้นจะสืบหาประวัติ ร่างสูงเพียงแค่สอดส่ายสายตาหาคนที่ชานยอลว่า หาไม่นาน ในที่สุดก็เห็นคนที่น่าจะเข้าข่าย


“ใช่คนนั้นรึเปล่า”ชานยอลมองไปตามที่ร่างสูงชี้ ก่อนจะตอบรับ แล้วจับมือคริสให้เดินฝ่าฝูงชนที่ต่างจับจ้องมาที่ทั้งคู่อย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาคมเหลือบมองมือที่จับกันเอาไว้ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ…มันอุ่นใจอย่างประหลาด…เหมือนที่ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว….เขาเคยรู้สึก


“เซฮุน!”เสียงชานยอลร้องเรียกคนรู้จัก ก่อนที่เจ้าของชื่อที่กำลังยืนมองน้ำสีอำพันต่างๆจะหันมามองเขา ดวงตาไร้อารมณ์คู่นั้นมองคนทักทาย ก่อนจะโบกมือให้แล้วตอบกลับด้วยคำพูดสั้นๆที่มีความหมายกวนประสาทคนฟัง


“ไง นางเงือก”คริสถึงกลับหลุดยิ้มเมื่อได้ยิน ในขณะที่ชานยอลได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์


“เมื่อไรนายจะเลิกเรียกอย่างนั้นสักที”เซฮุนยักไหล่ ก่อนจะเทน้ำสีชมพูลงไปในน้ำสีแดงจนเกิดควันลอยคลุ้งขึ้นมา แล้วหันกลับมามองคริสด้วยสายตาสงสัย


“อ่า….ห๊ะ ลูกของเจ้าของสุสาน ถ้าจำไม่ผิด ชื่อ คริสสินะ”


“ใช่ แล้วนั่นนายกำลังทำอะไร”ร่างสูงเปรยตาไปที่แก้วน้ำที่กลายเป็นสีเขียว


“เขาว่าอาหารบนสวรรค์รสชาติเป็นไปตามอย่างที่คนกินอยากจะกิน แล้วมันก็ปลอดภัยยิ่งกว่าอะไรในโลก ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าเอามาผสมกันแล้วมันยังจะปลอดภัยรึเปล่า”คริสขมวดคิ้วเมื่อเจอนิสัยประหลาดๆของคนเพิ่งรู้จัก เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชานยอลถึงไม่คบกับคนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไรต่อ นางอัปสรตนหนึ่งก็คว้าแก้วนั้นไปดื่ม ทันใดนั้นเธอก็กลายเป็นหนูนาทันที เซฮุนก้มลงเก็บผอบวิเศษของเธอที่ตกหล่นอยู่ตรงพื้น


“ลูกของเฮอร์มีส”คริสพูดเสียงราบเรียบ เซฮุนหันมามองก่อนจะยิ้มกวนๆ แล้วทำมือเป็นเครื่องหมายถูกก่อนจะตอบ


“ใช่ โอเซฮุน บุตรแห่งเฮอร์มีส แต่เรียกว่าลูกคนส่งจดหมายดีกว่า ดูดีกว่าเยอะ”เอ่ยบอกก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนด้านข้างที่มีมนุษย์กึ่งเทพนั่งอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง


“ไง ลู่หาน ไม่เจอนาน หน้าสวยขึ้นนะ”ชานยอลแกล้งหยอกเด็กหนุ่ม จนคนถูกแซวหน้าบูดบึ้ง แยกเขี้ยวใส่ คริสอดจะปฏิเสธไม่ได้ว่าคนตรงหน้างดงามและมีเสน่ห์ดึงดูด


“หุบปากไปซะ ปลิงทะเล”ชานยอลเบ้ปากเมื่อถูกเรียกอย่างนั้น ก่อนที่เซฮุนจะเอ่ยขัดขึ้นมา


“ทำไมวันนี้พาคนเฝ้าสุสานมาล่ะ ปกตินายไม่เคยพามา”


“แค่อยากให้พวกนายรู้จัก แล้วทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย เขาเพิ่งเจอเรื่องไม่ดีมาน่ะ”ลู่หานหรี่ตามองชานยอลอย่างจับผิด ก่อนจะยื่นเข้าไปใกล้


“ทำเพราะรักสินะ”


“อะไรของนาย!!!”ร่างโปร่งแหวเสียงดัง แต่ใบหน้ากลับซับสีเลือดจางๆ จนคริสที่ลอบมองอยู่ยกยิ้ม


“อย่าโกหกสายตาของเสี่ยวลู่หานหน่อยเล้ย”


“ลืมไปว่านายเป็นลูกของอะโพไดธ์”ชานยอลสวนกลับจนอีกฝ่ายถึงกับแยกเขี้ยวเตรียมโวยวาย  ดีที่เซฮุนยั้งไว้ทัน


“เลิกเล่นน่า เสี่ยวลู่ ว่าแต่ให้พวกเราทำให้อารมณ์ดีงั้นหรอ ไปเจอเรื่องอะไรมาล่ะ”


“เลิกเล่นน่า เสี่ยวลู่ ว่าแต่ให้พวกเราทำให้อารมณ์ดีงั้นหรอ ไปเจอเรื่องอะไรมาล่ะ”


“ดูจากสีหน้า คงหนักเอาการ”ลู่หานสมทบ ชานยอลหันกลับมาสบตาคริส ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ


“เล่าให้พวกเขาฟังเถอะ นายจะได้ระบายมันออกมาบ้าง”ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ การระบายความทุกข์ให้คนอื่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลย ทั้งยังต้องมาแสดงให้คนที่เพิ่งรู้จักกันด้วยแล้ว ยิ่งพ้นวิสัยเข้าไปใหญ่


“เชื่อฉันเถอะ พวกเขาเป็นคนดี”ชานยอลเอ่ยย้ำ คริสลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพาทุกคนย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ทั้งหมดของเขา ด้วยใจที่หวังว่าการกระทำครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดไปได้บ้าง…



  คริสพาทั้งสามคนย้อนกลับไปดูสิ่งที่ตัวเองทำ และอดีตของโศกนาฏกรรมของครอบครัว สีหน้าของทุกคนที่เฝ้ามองดูค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ เซฮุนไม่กวนประสาท ลู่หานไม่ร่าเริง และชานยอลที่เศร้าโศก  มือเรียวบีบมือหนาของร่างสูงเอาไว้เมื่อถึงช่วงเวลาที่เจ็บปวด พร้อมกับพูดย้ำซ้ำๆว่า มันเป็นแค่อดีต คริสเพียงแค่นิ่งเฉยรับฟัง การดูความผิดพลาดของตัวเองอีกครั้งเป็นเรื่องทรมาน กว่าจะหลุดพ้นมาได้ ตัวเขาเองก็เกือบจมดิ่งอยู่ในห้วงความทุกข์อีกครั้ง



ทันทีที่ทุกคนกลับสู่ปัจจุบัน ทั้งหมดก็เอาแต่นั่งนิ่งเป็นเวลานาน ต่างคนต่างหลุดเข้าไปในภวังค์ของตัวเอง ก่อนที่เซฮุน เด็กหนุ่มกวนประสาทที่ตอนนี้กลายเป็นเคร่งขรึมจะเอ่ยออกมาทำลายความเงียบ



“มันเป็นชะตากรรมที่โหดร้าย แต่ผมเจอสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าพี่ซะอีก”


“ทำไม”คริสเอ่ยถาม เซฮุนเลือกที่จะใช้การกระทำแทนคำพูด ร่างสูงโปร่ง สะบัดมือกลางอากาศ ก่อนที่แผนที่กระดาษเก่าๆใบหนึ่งจะปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นเขาก็เริ่มเปล่งวาจาศักดิ์สิทธิ์


“ข้าคือหัวขโมยแห่งสวรรค์ นักเดินทางแห่งโลกา  มัคคุเทศก์แห่งวิญญาณ แผนที่แห่งดวงชะตา จงนำข้าไปสู่อดีตกาล”เฉียบพลันนั้นพวกเขาทั้งสามก็เลือนรางกลับไปสู่อดีตของเซฮุนผ่านทางแผนที่แห่งดวงชะตา ที่เปรียบเหมือนแผนที่ของชีวิต โดยจุดหมายต่างๆในแผนที่คือเหตุการณ์สำคัญๆในชีวิตของเซฮุน



พวกเขาทั้งสี่มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านเล็กๆที่ดูอบอุ่นมากหลังหนึ่ง  กลิ่นหอบของขนมอบลอยคลุ้งออกมานอกบ้าน เสียงเพลงคันทรี่ยุคแปดศูนย์ดังคลออกมาเบาๆ คริสมองภายเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกเฉยชา เขาไม่เห็นว่าที่แห่งนี้จะดูมีเคล้าความเศร้าหรือทุกข์ระทมอะไรเลย มันกลับเป็นบ้านที่แม้จะเล็ก แต่ก็น่าอยู่  ดูอบอุ่น และเหมือนที่เขาเคยจินตนาการตอนเด็กๆว่าอยากอยู่บ้านแบบนี้กับครอบครัว


“ดูไม่เห็นจะเศร้าตรงไหน”เซฮุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงขมขื่น แม้ใบหน้าจะยังยิ้มกวนประสาทอยู่ก็ตาม


“ความเศร้าหลบอยู่หลังฉากความสุขทุกฉากนั้นแหละ” ชานยอลที่รับฟังกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่แล้วจู่ๆเสียงจากบ้านก็ดังขึ้นขัด


“เซฮุน มาชิมขนมที่แม่ทำสิ่ว่าอร่อยมั้ย” ร่างสูงโปร่งแสดงสีหน้าเจ็บปวดทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะค่อยๆพาทุกคนเข้าไปในบ้าน


      หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยกถาดขนมอบที่หน้าตาประหลาดๆออกมาจากห้องครัว ในขณะที่เด็กชายวัยสิบขวบเดินลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย เขาทรุดนั่งลงที่ เก้าอี้โต๊ะทานข้าว ก่อนที่แม่จะเดินมาตักพายให้ลองชิม แล้วทรุดนั่งลุ้นว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรที่เก้าอี้หัวโต๊ะ เด็กชายมองแม่ตัวเอง ก่อนจะกั้นใจหยิบพายหน้าตาประหลาดเข้าปากไปคำโต


“อร่อยมั้ยจ๊ะ”ผู้เป็นแม่ถาม เด็กชายกล้ำกลืนมันเข้าไปอย่างยากลำบากก่อนจะฉีกยิ้มแล้วเอ่ยตอบ


“อร่อยมากเลยครับแม่”


“จริงหรอ!!! เฮอร์มีสจะต้องชอบมากแน่ๆเลย เดี๋ยวแม่จะเก็บไว้ให้พ่อของลูกกินนะ”เธอพูดเสร็จก็รีบเก็บพายไว้ในตู้เย็นอย่างดี ก่อนที่เธอจะเดินไปทรุดนั่งถักผ้าพันคอที่เก้าอี้โยกริมหน้าต่างด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของคนเสียสติ และดวงตาหวานที่จับจ้องไปที่ท้องฟ้าด้านนอกราวกับรอการมาของใครบางคน


“แม่ผมเป็นคนบ้า….”เซฮุนอธิบายด้วยเสียงอันขมขื่นก่อนที่เขาจะพูดต่อ


“แม่เสียสติเพราะรู้ว่าคนที่เธอรักคือเทพเจ้า  และรู้ว่าเทพเจ้ามีภรรยาอยู่แล้ว ถึงจะไม่ใช่ราชินีแบบของพ่อพี่ แต่แม่ก็รับไม่ได้…”ร่างสูงโปร่งเว้นช่วงเพราะก้อนความเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่อก


“…………..แม่เริ่มเพ้อ  เริ่มยกยอตัวเองว่าคือภรรยาของเทพเจ้า และเริ่มอยากครอบครองพ่อไว้คนเดียว แต่มันเป็นไปไม่ได้  พ่อพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ  แต่เธอไม่รับฟัง  สุดท้ายพ่อก็จนปัญญาที่จะช่วย และเขาก็มีหน้าที่ต้องทำ เขาต้องส่งจดหมาย ดูแลคนเดินทาง ไปทั่วทั้งโลก  เขาต้องจากแม่ไป…..แต่แม่ก็ยังนั่งรอเขาอยู่ทุกวัน ทุกวินาที จนเริ่มลืมไปว่ามีผมที่ต้องเลี้ยงดู” เซฮุนมองไปยังตัวเองในวัยเด็กที่เฝ้ามองแม่ด้วยแววตาสงสารและเศร้าสร้อย ก่อนที่เด็กชายจะลุกไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขนมปังเก่าๆมากินปะทังชีวิต จากนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ให้แม่


“ข้าวเช้าครับแม่”


“โอ๊ะ! ตายแล้ว ฉันยังไม่ได้เตรียมให้เฮอร์มีสเลย”เธออุทานเสียงดังก่อนจะลุกพรวดไปทำอาหารแล้วเอามาวางตรงโต๊ะกินข้าว แล้ววางจานขนมปังของตัวเองเคียงข้าง ก่อนจะนั่งรอคนที่ไม่มีวันกลับมา


“ฉันจะรอทานกับคุณนะคะ เฮอร์มีส”เธอพูดอย่างมีความหวัง ก่อนจะนั่งรอคนที่ไม่มีวันกลับมา


   เซฮุนในวัยเด็กเม้มปากแน่น ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินออกมา เมื่อต้องทนเห็นสภาพน่าอดสูของหญิงผู้เป็นแม่ ความเจ็บปวดและโชคชะตาที่โหดร้ายทารุณเกินไปสำหรับเด็กอายุเพียงแค่สิบขวบอย่างเขา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่กับแม่ เพราะแม่คือสิ่งมีค่าเพียงสิ่งเดียวในชีวิตของเขา ในขณะที่เขาอาจเป็นเพียงแค่ก้อนกรวดสำหรับแม่ตัวเอง…



สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแม่….

คือ….พ่อ

ไม่ใช่เขา




  เด็กชายตัวน้อยเดินหยิบจานไปล้างก่อนที่จะเดินออกมาแล้วกลับขึ้นไปยังห้องของตัวเองที่ชั้นสองของบ้าน เขาล้มตัวนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหยิบเอาซีดีแผ่นหนึ่งออกมา…


คลิปที่แม่ทำให้เขา ตอนที่ยังไม่เสียสติ

สิ่งเดียวที่อยู่กับเขาในยามเหงา



 ภาพในคลิปค่อยๆฉายตอนที่เขาอายุได้ราวๆสักห้าขวบ กำลังนั่งกินข้าวฝีมือแม่อย่างเอร็ดอร่อย โดยส่งยิ้มมีความสุขทุกครั้งที่ตักอาหารเข้าปาก ก่อนจะชมว่ากับข้าวของแม่อร่อยซ้ำๆ


“เซฮุน อร่อยมั้ยลูก”


“อร่อยยยย  อร่อยอย่างนี้เลย!!”เด็กชายตัวน้อยชูนิ้วโป้ง พร้อมกับตักข้าวเข้าอีกคำใหญ่ จนแม่ของเขาหัวเราะ


“ฮ่าๆ ตอบแบบนี้แม่รักตายเลย”แม่โน้มหน้ามาหอมแก้มเขาก่อนจะยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่สวยงามที่สุดในโลกของเซฮุน


“รักผมเท่าจักรวาลนะ”


“รักยิ่งกว่านั้นอีก เอ้า กินดีๆสิลูก เลอะหมด”เธอว่าอย่างเอ็นดู ก่อนจะเช็ดปากให้ลูกชาย ในขณะที่เจ้าตัวน้อยก็จุ๊บปากเธอเป็นการขอบคุณ


“โตขึ้นอย่างทำงี้กับสาวคนไหนนะ แม่จะตีให้”เธอแกล้งหยอกลูกชาย เจ้าตัวเล็กเบิกตากว้าง ก่อนจะส่ายหน้าจนหัวคลอน


“ไม่ทำๆ ผมจะทำกับแม่คนเดียว โตขึ้นผมจะแต่งงานกับแม่นะ”


“ฮ่าๆ ได้สิจ๊ะ สุดหล่อของแม่ รักคนนี้ที่สุดเลย”แม่ของเขาพูดก่อนจะคว้าเขาเข้าไปกอดแน่นๆ แล้วจูบหน้าผาก ก่อนที่คลิปจะหยุด



              เซฮุนในวัยเด็กที่ดูคลิปเสร็จชันเข่า ร้องไห้กับตัวเองเงียบๆ ไหลเล็กๆสั่นระริกอย่างน่าสงสาร หากเป็นเด็กในครอบครัวอื่น พ่อกับแม่คงวิ่งเข้ามากอดปลอบเขาแล้ว แต่สำหรับเซฮุน……เขาต้องกอดปลอบตัวเอง


“เมื่อไรแม่จะ….ฮึก….กลับมา  เมื่อไรแม่….จะรัก….ผะ ผมเหมือนเดิม”เด็กชายตัวน้อยร่ำไห้อย่างน่าสงสาร


“ผม….ฮึก ….คิดถึง….แม่” เซฮุนในวัยเด็กกอดตัวเองแน่น แต่แม้มันจะอุ่นกายสักเท่าไร แต่ก็ไม่อุ่นไปถึงหัวใจไม่เหมือน กอดของแม่ตอนนั้น


“เซฮุน เซฮุน!!!”เสียงของแม่ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง เซฮุนในวัยเด็กกลืนก้อนสะอื้นลงไป ก่อนจะปาดน้ำตาลวกๆ แล้วขานรับแม่


“ครับแม่”เขาพูดก่อนจะเดินลงไปหาผู้เป็นแม่


“พ่อของลูกกลับมาแล้วๆ!!!”เซฮุนเบิกตาโพล่งตกใจ ก่อนจะรีบมองไปตามทิศทางที่แม่ชี้ไป แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่า….เธอคิดไปเองอีกแล้ว


“แม่ครับ….”เด็กชายเรียกแม่ตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ


“แม่เลิกรอพ่อเถอะครับ…พ่อเขา….”


“ไม่!!! แกเป็นใครมาสั่งให้ฉันเลิกรอเขา!!! แกมันจะไปรู้อะไร เขาแค่มีธุระเยอะเท่านั้นเอง เขาเป็นถึงเทพเจ้านะ ไม่ใช่คนธรรมดา!!!”


“แม่….”


“ฉันจะไปรอเขา แกไม่ต้องมายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป!!!”แม่ของเขาพูดก่อนจะไปนั่งรอเฮอร์มีสที่ริมหน้าต่างเหมือนเดิม เซฮุนในปัจจุบันมองภาพของแม่อย่างเจ็บปวด


“แม่เอาแต่รอเขาทั้งๆที่ไม่มีหวัง  และนับวันอาการของแม่ก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ การรอคอยของแม่เริ่มเปลี่ยนเป็นความโกรธ และเริ่มแค้น”


ภาพเบื้องหน้าค่อยๆจางหายไป ก่อนที่สถานที่เดิมในวันที่ต่างออกไปจะปรากฏเบื้องหน้า เซฮุนในวัยเด็กกำลังกลับมาจากโรงเรียน สองขาเดินอย่างอิดโรยและเชื่องช้า เหมือนไม่อยากเข้าไปในบ้าน แต่สุดท้ายเขาก็หนีความจริงไม่ได้ เด็กชายถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน


“กลับมาแล้วครับ”คำพูดทักทายที่ซ้ำซากและไร้ค่าถูกเปล่งออกมาจากปากเล็ก หญิงผู้เป็นแม่วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากห้องครัว สภาพของเธอในวันนี้ทำให้คนในปัจจุบันทั้งสี่ถึงกับพรั่นพรึง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอดูร่วงโรยลงไปมาก ร่างกายสูบผอมแห้งเหี่ยว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาปูดโปน รอยยิ้มดูคลั่งแค้นวิปริต


“เฮอร์มีสล่ะ”


“พ่อติดธุระครับ”ประโยคเดิมถูกเอ่ยตอบในอีกวัน คนฟังกำมือแน่น ก่อนจะถลาเข้ามาเขย่าตัวเด็กชาย


“ติดธุระ!!! ติดธุระ!!! ติดธุระทุกวันเลยรึไง!!!!”เธอตะหวาดใส่หน้าลูกชายตัวน้อย จนเด็กชายน้ำตาร่วงเผาะ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนอารมณ์อย่างฉับพลัน


“ทำไม ทำไม….เขาไม่เคยมาหาฉันเลย ฮึก ฉัน ….ฉันรอเขามา…นานฮึก”เธอค่อยๆคลายมือที่บีบแขนลูกชายออก ก่อนจะแนบแกมทั้งสองของเธอ พร้อมกับเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง


“เฮอร์มีส ฉันรอ….คุณอยู่นะคะ  กลับมาหาฉันเถอะ”


“แม่….แม่เลิกรอเขาเถอะ  เขาไม่มาหาเรา….”


“หุบปาก!!! แกพูดอย่างนี้ แกอิจฉาฉันใช่มั้ยที่ฉันได้เป็นเมียเทพเจ้า!!!”เธอพุ่งเข้ามาเขย่าตัวลูกชายอย่างรุนแรง เล็บยาวจิกลงไปบนผิวของเด็กชายจนเลือดซิบ


“แกวางแผนอะไร!!! แกทำให้เฮอร์มีสนอกใจฉันใช่มั้ย เขาเลยไม่มาฉันเลย!!!!”


“แม่….ผมเป็นลูกแม่นะ”เด็กชายพยายามเรียกสติผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หัวใจดวงน้อยของเด็กวัยเพียงสิบขวบเริ่มจะรับสภาพนี้ไม่ไหวอีกแล้ว


“ฉันไม่มีลูก!!! ใช่!!! เพราะแก เพราะแกทำให้เฮอร์มีสไม่มาหาฉัน ฉัน ฉัน….ฉันจะฆ่าแก!!!”เธอแผดเสียงดังลั่น


“ไม่! ไม่ แม่อย่า….อึก!!”คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปเมื่อเด็กชายตัวน้อยถูกแม่แท้ๆบีบคอ


“ตายซะ!!! ตายไปเลย!!! ไอ้ปีศาจ!!!  ฮ่าๆ”เธอหัวเราะอย่างคนคลั่ง ก่อนจะออกแรงบีบที่คอเพิ่มขึ้น พร้อมกับเขย่าตัวลูกชายไป ในขณะที่เด็กชายปัดป่ายมือสะเปะสะปะ ดวงตาเหลือกขึ้น ลิ้นจุกปาก ใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ


“มะ…แม่…”เขาพยายามร้องเรียกให้อีกฝ่ายหยุด แต่ก็ไม่เป็นผล เซฮุนและคนอื่นๆในปัจจุบันเบือนหน้าหนีจากภาพที่เห็น อดีตที่เจ็บปวดมันโหดร้ายทารุณเกินกว่าจะดู ที่แม่แท้ๆกำลังจะฆ่าลูกชายตัวเองตาย


“ตาย!!! ตาย!!! ตายซะ!!!”เธอออกแรงบีบเพิ่มขึ้นอีก เซฮุนในวัยเด็กดิ้นพล่านก่อนที่จะค่อยๆหยุดนิ่งเมื่อขาดอากาศหายใจ สติและการรับรู้หลุดหาย ดวงตาเหลือกขึ้นไปจนเห็นแต่สีขาว ปากเล็กเผยออ้าออก คริสที่เฝ้าดูอยู่เห็นถึงยมทูตที่เงื้อเคียวขึ้นเตรียมจะตัดดวงวิญญาณของเด็กชาย หากแต่ในชั่วพรึบตาเดียวที่เคียวจะสัมผัสร่าง จู่ๆก็มีแสงสีขาววิ่งตัดผ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงอันทรงพลังจะเปล่งขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคน


“ปล่อยเขาซะ!!!”คำพูดที่เอ่ยบอกทั้งคนและภูตถูกเปล่งออกมาจากปากเทพเจ้า ที่มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยหนุ่ม รูปโฉมงดงาม สวมหมวกและรองเท้ามีปีก ในมือถือคะดูเซียส(คฑา ที่มีงูสองตัวเลื้อยพันกัน สื่อถึงความเป็นกลาง ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน)


“เฮอร์มีส!!!....ในที่สุดท่านก็มา!!!”เธอเอ่ยบอกอย่างตื้นเต้น ก่อนจะปล่อยมือจากลูกชาย ตรงรี่เข้าไปหาชายที่เธอรัก หากแต่เทพเจ้ากลับเบี่ยงออก แล้วเลี่ยงไปรับตัวลูกชายแทน


“เซฮุน!! เซฮุน!! ฟื้นสิ!”เทพเจ้าร้องเรียกพร้อมกับเขย่าตัวลูกชาย


“เซฮุน….ใครคือเซฮุนคะ!!! ชู้ของท่านหรอ!!! ไม่!!! ท่านเป็นของฉันคนเดียว!!!”แม่ของเซฮุนวิ่งเข้าไปกอดเฮอร์มีส โดยมีสายตาของเซฮุนในปัจจุบันมองตามอย่างเจ็บปวด การถูกแม้แท้ๆลืมตัวเอง เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ และต่อให้นานเท่าไร เขาก็ไม่มีวันจะยอมรับมัน


“หยุดสักทีเถอะ!”


“ท่านอยู่กับฉันนะคะ อยู่กับฉันที่บ้านหลังนี้”เธอพูดพร้อมกับถลาเข้าไปกอดเฮอร์มีส เทพเจ้ามองหญิงที่ตนรักอย่างเวทนา ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาใจ ถ้าเขาไม่มายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้แต่แรก ชีวิตของเธอคงไม่พังทลายลงแบบนี้


“ข้าขอโทษที่ทำให้ชีวิตเจ้าเป็นอย่างนี้….”เฮอร์มีสเอ่ยบอกก่อนจะค่อยๆผละออกมา


“ท่าน…ท่าน….ท่านจะไปไหน ไม่ ไม่ อย่าทิ้งฉันไป ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีท่าน”


“ข้าคือเทพเจ้า ข้าอยู่กับเจ้าไม่ได้”เทพเจ้าค่อยๆเปล่งแสงและกำลังเลือนรางหายไปเรื่อยๆพร้อมกับเซฮุนที่สลบไป


“ไม่!!! ไม่!!! ไม่นะไม่!!!”เธอรีบวิ่งเข้าไปหา


“ลาก่อน….ที่รักของข้า….ข้าสัญญาว่าจะดูแลลูกของเราอย่างดีที่สุด”ฉับพลันนั้นเทพเจ้าก็หายตัวไป หญิงคนนั้นทรุดฮวบลงกับพื้น ก่อนจะร่ำไห้และทึ้งผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง


“ไม่!!! ไม่!!! ท่านต้องอยู่ฉัน กับฉันคนเดียวเท่านั้น ฮึก ไม่!!!  ไม่!! เซฮุน แกเอาท่านไปใช่มั้ย แก!!! ไอ้ตัวมาร!!! ฉันเกลียดแก …”เธอก่นด่าก่อนจะดิ้นพล่านอย่างคลุ่มคลั่ง ในขณะที่ทุกคนในปัจจุบันได้แต่เฝ้ามองภาพนั้นด้วยความอดสู เซฮุนถึงกับหลั่งน้ำตาที่เหือดแห้งไปนานด้วยความเจ็บปวด ทั้งโศกเศร้าในชะตาชีวิต และปวดร้าวเมื่อได้ยินคำที่แม่พูด……



ฉันเกลียดแก…


“หลังจากนั้น……แม่ก็เสียสติมากขึ้นเรื่อยๆ แม่แทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองคือใคร แต่แม่ก็ยังรอคอยเฮอร์มีส……….”ร่างสูงโปร่งเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อในขณะที่ภาพทั้งหมดค่อยๆเลือนรางหายไปช้าๆ


“จวบจนวินาทีสุดท้าย”เมื่อวลีสุดท้ายถูกเปล่งออกมาพวกเขาทั้งหมดก็กลับสู่ปัจจุบัน เสียงดนตรีครื้นเครง และบรรยากาศสนุกสนานของงานฉลองไม่อาจทำให้กลุ่มคนทั้งสี่กระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้ พวกเขาได้แต่นั่งนิ่งๆ จมอยู่กับความอดสูของชีวิตคนหนึ่งคน บ้างจินตนาการว่าหากเกิดกับชีวิตตัวเอง แล้วจะเป็นเช่นไร บ้างเห็นใจและเศร้าโศกไปกับชะตาที่แสนเศร้า ก่อนที่เจ้าของความอดสูนี้จะเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบที่เขาแสนจะเกลียดเพราะชวนให้นึกถึงตอนเป็นเด็กที่เขาต้องอยู่เพียงลำพังในความเงียบ


“บางครั้งการเป็นคนที่วิเศษกว่าคนอื่น เราก็ต้องยอมแลกอะไรบางอย่างในชีวิตไป อย่างเช่นครอบครัว ”


“เห็นมั้ยคริส นายไม่ได้มีปัญหาอยู่คนเดียวหรอก ทุกคนมีปัญหากันทั้งนั้นล่ะ”ชานยอลเอ่ยบอกคริส ร่างสูงเหลือบตามองเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ


“เฮ้ออออ……มันก็แค่อดีตล่ะนะ ถ้าถามว่าผมเศร้ามั้ย ก็เศร้าล่ะ แต่จะจมอยู่กับมันทำไม ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้ลุกขึ้นมาทำวันนี้และอนาคตแทนแม่ที่จากไปดีกว่า”


“นายพูดเหมือนมันเป็นเรื่องง่าย”คริสพูดเสียงเรียบ ดวงตาคมจับจ้องไปที่คู่สนทนา


“ง่ายสิ ทำไมจะไม่ล่ะ ผมเข้าใจว่านิทานเรื่องนี้สอนอะไรก็พอแล้ว มันแค่สอนให้เรา รักอย่างมีสติแค่นั้นล่ะ จริงมั้ยล่ะ เสี่ยวลู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก”คนถูกถามเบ้ปาก ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน ก่อนจะตอบกลับ


“ฉันเกลียดความรัก”คริสถึงกลับขมวดคิ้ว ลูกของอะโพไดธ์แต่กลับเกลียดความรักอย่างนั้นน่ะหรอ เหลวไหล…


“ผมเล่านิทานของผมจบไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงตา…..”เด็กหนุ่มผมสีประหลาดพูดเว้นช่วงก่อนจะหันมามองคนข้างๆที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่แล้วจึงพูดต่อ


“เสี่ยวลู่ ได้เวลาเล่านิทานของตัวเองแล้วล่ะ”

http://0ctogus.forumth.com

RainbowKY



โหย เซฮุนก็นืาสงสารง่ะ

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ