0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 10 ตอนที่10...ไครอน

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

ทั้งหมดถูกพามายังนรกใต้พิภพ ความมืดอนธการปกคลุมทุกอย่างให้ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาอันมืดมิด มีเพียงแสงสลัวของเทียนที่จุดอยู่บนหัวกระโหลกสีเงินที่ส่องสว่างให้ทุกคนเห็นห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยอัญมณีเลอค่าและโครงกระดูกหน้าตาแปลกๆ มันอาจจะเป็นห้องส่วนตัวของคริส หรืออาจจะเป็นห้องลับอะไรสักอย่างก็ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ในเมื่อทุกคนมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องกังวล


"เล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น" คริสพูดขึ้นเสียงเรียบหลังจากที่ให้ลูกๆไปเล่นที่อื่นกันแล้ว ท่าทางของเขายังคงไม่คลายความโมโห ชานยอลต้องคอยส่งสายตาห้ามปราม แต่ตอนนี้ร่างสูงไม่สนใจอะไรแล้ว


ซีวอนสบตาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดด้วยเสียงเจ็บปวด

"มันเป็นแผนของท่านพ่อ..."

"ยังไง" คนถูกถามหันมาสบตาอย่างกังวล

"ทุกอย่างมันเป็นแผนของท่านพ่อ ที่เรียกประชุมกึ่งเทพทุกคนเพราะต้องการที่จะเห็นโยดากับโยฟานเท่านั้น" ชานยอลขมวดคิ้ว

"หมายความว่ายังไง พี่ซีวอน" ร่างสูงสบตากับเขาอย่างลำบากใจ ชั่ววินาทีหนึ่งที่เขาทำเหมือนไม่อยากพูดถึงมัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเล่าออกมาในที่สุด

"ก่อนหน้านี้ซุสเข้าไปขอคำพยากรณ์กับเดลฟี่ตามปกติ แต่ครั้งนี้เดลฟี่ไม่ได้ให้คำพยากรณ์อย่างที่ผ่านๆมา..." เขาเว้นช่วง สบตาทุกคนอย่างเคร่งเครียดก่อนจะเล่าต่อ

"เดลฟี่พยากรณ์ว่าทายาทแห่งสองกึ่งเทพ สายน้ำและความตาย จะยิ่งใหญ่เหนือใครจะเปรียบเทียบ อัตสนีบาตจักจำต้องสั่นคลอน ผู้พิชิตคือสายเลือดแห่งท้องฟ้า ความปราชัยจะนำมาซึ่งการล่มสลาย"

"ก็เลยต้องส่งนายมาฆ่าลูกฉันอย่างนั้นน่ะหรอ!! เหอะ! เหลวไหลสิ้นดี!" คริสพูดอย่างหัวเสีย ชานยอลมองปรามก่อนจะพูดเสียงเบา

"ตอนที่ผมประชุมอยู่เดลฟี่ก็มาเตือนผม ท่านว่าทวยเทพจะพลิกผัน มัจจุราชจากฟากฟ้า ผมเพิ่งเข้าใจว่านั่นหมายความว่าอะไร....."ร่างโปร่งพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

"เรากำลังเป็นศัตรูกับซุส"ซีวอนพยักหน้ารับ

"ใช่ ท่านพ่อเองก็คงไม่ปล่อยพี่ไว้นานหรอก" ชานยอลหันมาถามด้วยความกังวล

"เขาจะทำอะไรกับพี่"คนถูกถามส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

"พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างน้อยตอนนี้จิตวิญญาณก็ไม่น่าจะเชื่อฟังพี่อีกแล้ว" ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ชานยอลมองพี่ชายที่เขารักด้วยสายตากังวล การถูกคว่ำบาทโดยพวกเดียวกันเองไม่ใช่สิ่งที่ใครต้องการ มันคือความโหดร้ายและโดดเดี่ยว เขาแทบคิดไม่ออกว่าหากวันหนึ่งท้องทะเลและสิ่งมีชีวิตใต้โลกสีฟ้าครามนั่นไม่เชื่อฟังเขาแล้ว มันจะเป็นอย่างไร....ซีวอนก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

"อย่ากังวลเรื่องของพี่เลย ห่วงเรื่องเราเองก่อนดีกว่า ท่านพ่อของพี่ไม่มีทางจะหยุดอยู่แค่นี้แน่ ท่านจะต้องหาทางเล่นงานพวกนายใหม่ และคราวนี้มันอาจโหดร้ายยิ่งกว่าเดิมด้วย"ซีวอนเอ่ยเตือน คริสหันมาสบตา

"ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกของฉันทั้งนั้น"

"นายปกป้องลูกได้ดีคริส แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูกนายจะปลอดภัย ถ้าคิดจะต่อกรกับซุสพวกนายจำเป็นที่จะต้องเข้มแข็งกว่านี้"เขาพูดอย่างเคร่งเครียด คริสกับชานยอลต่างตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาตระหนักดีถึงภาระอันใหญ่หลวง การเป็นศัตรูกับมหาเทพแห่งโอลิมปัสไม่ใช่เรื่องธรรมดา พวกเขาอาจถูกกำจัดเมื่อไรก็ได้

ซีวอนเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง สายลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาปะทะหน้าเขา ก่อนที่ร่างสูงจะหยัดตัวขึ้นอย่างรีบร้อน

"ฉันต้องรีบไปแล้ว พวกจิตวิญญาณบอกว่าท่านพ่อรู้เรื่องแล้ว ฮีซอลกำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านพ่อจับตัวเขาเอาไว้" ร่างสูงพูดอย่างรีบร้อน สายลมกรรโชกโหมพัดที่กลางห้อง เส้นทางลมเปิดขึ้นที่ตรงนั้น

"เอาภูติผีของฉันไป" คริสพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ ดวงตาคมคู่นั้นไม่บ่งบอกความรู้สึก มีแต่เสียงราบเรียบเท่านั้นที่พูดทุกอย่างออกมา

"สำหรับที่นายไว้ชีวิตลูกฉัน" ซีวอนยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

"สำหรับเด็กสองคนนั้นมากกว่าชีวิตฉันก็ให้ได้ ดูแลพวกเขาให้ดี และอย่าเผลอให้เข้าสู่อาณาเขตของพ่อฉันเด็ดขาด หวังว่าฉันจะได้พบเขาในตอนที่เก่งขึ้นกว่านี้ในเร็ววัน ขอให้โชคดี" เขาทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเข้าไปในเส้นทางลม สายลมกรรโชกหอบพัดเขาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไปช้าๆ คริสกับชานยอลมองที่ตรงนั้นนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบฉุดกระชากเขาลงสู่ห้วงแห่งความคิดช้าๆ ก่อนที่ร่างโปร่งจะพูดขึ้นทำลายความเงียบ

"แล้วเราจะทำยังไงต่อกันดี" คริสเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบ

"พวกเราต้องฝึกลูก"ชานยอลนิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน

"ถ้าอย่างนั้นฉันก็หาครูฝึกให้ลูกเราได้แล้ว" คนฟังถึงกับฉงน คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย

"ใคร" ร่างโปร่งหันมาสบตาก่อนจะแย้มยิ้ม

"ไครอน ครูฝึกร่างม้าคนนั้นไง" เขาตอบก่อนจะเดินนำไปที่ประตู คริสถึงกับเลิกคิ้ว ไครอน ครูฝึกร่างม้าคนนั้นน่ะนะ!!!

"นายเอาจริงหรอ" ชานยอลพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น

"ใช่ ลูกของฉันต้องเก่งกว่าคนที่ซุสส่งมาทั้งหมด ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว" ร่างโปร่งพูดอย่างหมายมาด คริสพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน ถ้าชานยอลตัดสินใจแล้ว นั่นหมายความว่าเขาจะขัดไม่ได้เด็ดขาด ลูกเขาต้องเขารับการฝึกจาก ไครอน แซนทอร์ผู้ประสาทวิชาให้เฮอร์คิวลิส วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำนานกรีก และอาจารย์ผู้เข้มงวดที่สุดในประวัติศาสาตร์ของมนุษย์กึ่งเทพ...


...........................................

50%


การตามหาไครอนในศวรรษที่ยี่สิบไม่ใช่เรื่องง่าย ความเจริญเข้ามารบกวนวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย และทำลายความสงบลงไปอย่างสิ้นเชิง ซ้ำร้ายบุคคลที่ตามหาอยู่นี่ก็ไม่ใช่แค่เซนทอร์ธรรมดา แต่กลับกลายเป็นดาวคนยิงธนูอยู่บนฟากฟ้า


แต่เดิมนั้นไครอนไม่ใช่ดวงดาวอย่างทุกวันนี้ เขาเป็นเซนทอร์ผู้ปราดเปรื่อง และเฉลี่ยวฉลาด จนกระทั่งที่เฮอร์คิวลิส หนึ่งในลูกศิษย์ของเขาเผลอยิงธนูอาบเลือดไฮดราโดนเขาเข้าอย่างจัง แต่ด้วยความที่มหาเทพซุสเคยให้พรการเป็นอมตะกับไครอน ทำให้เขาไม่สามารถตายเพื่อหลุดพ้นจากความเจ็บปวดได้ มหาเทพจึงนำดวงจิตของเขาขึ้นเป็นดวงดาวแทน แต่ถึงกระนั้น...


ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเจอไครอนเสียทีเดียว


ไครอนยังคงอยู่ แต่แค่เจอได้ยากขึ้นเท่านั้น...

ถ้าอยากพบเขามีทางเดียวก็คือมาหาเขาในตอนค่ำคืนที่ฟ้าโปร่ง กลุ่มดาวคนยิงธนูเด่นชัดอยู่ที่ขอบฟ้า แล้วภาวนาขอให้เขาออกมา เรื่องง่ายๆ ใครก็ทำได้ ก็แค่เรียกเซนทอร์ที่ละทางโลกไปแล้วกว่าหลายพันปีออกมาก็เท่านั้นเอง


"นาย แน่ใจหรอว่าไครอนจะยอมออกมา" คริสเอ่ยถามขึ้นขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า และพระจันทร์กำลังจะขึ้นเชิดฉาย ร่างโปร่งส่ายหน้าเป็นเชิงตอบช้าๆ สร้างความฉงนกับอีกฝ่าย ก่อนจะถามกลับ


"แล้วทำไมถึงต้องไม่มา" คนถูกถามหันกลับมาสบตา ร่างโปร่งพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


"ไม่มีใครจะเป็นอาจารย์ที่ดีเท่ากับเขาอีกแล้ว ต่อให้ฉันต้องอ้อนวอนเขาทั้งคืนฉันก็ยอม"


"เรื่อง จริงก็คือไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นจริง" คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตากลมโตสบตาคนรัก ความมุ่งมั่นอัดแน่นอยู่ในนั้น


"ถึงยังไงฉันก็จะลอง" เขาพูดพร้อมกับที่ประตูแห่งเงาเปิดออก เบื้องหน้าคือภูเขาที่ไม่อยู่ในแผนที่ใดๆในโลก ความเขียวชอุ่ม และอุดมสมบูรณ์ของมันมาพร้อมกับความโดดเดี่ยว เมื่อเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุดกับอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรจนมองเห็นเป็น แค่จุดดำๆที่เส้นขอบฟ้าเท่านั้น ร่างโปร่งก้าวออกไปบนผืนทราย สายลมเย็นๆยามค่ำคืนหอบเอากลิ่นเกลือทะเลเข้ามาปะทะหน้า


"เรามาทำอะไรที่นี่กันหรอคะคุณแม่" โยดาเอ่ยถาม ชานยอลย่อตัวคุยกับลูก รอยยิ้มอบอุ่นถูกวาดขึ้นที่กลีบปากสวย


"มา หาอาจารย์หนูน่ะลูก" เด็กน้อยทั้งสองหันไปมองหาคนที่แม่บอกว่าคืออาจารย์ แต่ทุกอย่างกลับไม่มีอะไรนอกจากท้องทะเลยามค่ำคืนและหมู่ดาวที่เริ่มส่อง ประกายบนฟากฟ้า ร่างโปร่งมองไปที่กลุ่มดาวคนยิงธนู ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอย่างมีความหวัง


"ท่าน ไครอน ผมมีเรื่องจะให้ท่านช่วย" ดวงดาวดวงนั้นยังคงส่องสว่างต่อไปอย่างเงียบงัน ไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับ ร่างสูงมองภาพนั้นอย่างเคร่งเครียด ลำพังแค่ปลุกชีพคนตายขึ้นมายังแทบเป็นไปไม่ได้ แล้วนี้เรียกคนกลับมาจากดวงดาวมันจะทำได้งั้นหรอ... เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ...



กว่าหลายชั่วโมงที่พวกเขาอยู่ท่ามกลางความเงียบ กลุ่มดาวเริ่มคล้อยลงต่ำ พระจันทร์เดินทางใกล้จะถึงเส้นขอบฟ้าอีกฝั่งเข้าทุกที ความหวังที่มีเริ่มริบหรี่ลงทีละน้อย มีเพียงชานยอลเท่านั้นที่ยังคงเชื่อมั่นอย่างเต็มร้อย ร่างโปร่งเฝ้าภาวนากับดวงดาวขอให้ไครอนออกมาพบ แต่ก็คว้าน้ำเหลวแทบทุกครั้ง


"ชาน ยอล กลับเถอะ วิธีนี้อาจไม่ได้ผลก็ได้" คนถูกถามไม่ตอบอะไร แต่เขากลับมองไปยังท้องทะเลสีดำเบื้องหน้า เสียงทุ้มนุ่มค่อยๆดังขึ้นช้าๆ


"พ่อฉันเคยสอนว่าจงมีศรัทธากับทุกๆเรื่อง...เพราะคนที่มีศรัทธาไม่เคยอยู่อย่างไร้ความหวัง" เขาพูดขึ้นก่อนที่จะหันกลับมาสบตาคริส


"แล้ว นายล่ะอยู่อย่างมีศรัทธารึเปล่าคริส" คำถามนั้นดังก้องภายในจิตใจของคริส ดวงตาคมเหลือบมองลูกๆที่ผล็อยหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อน ใบหน้ายามหลับที่ดูมีความสุข สองร่างเบียดชิดเข้าหาไออุ่นจากเขา หากแต่ร่างกายบอบบางนั้นกลับมีร่องรอยของการต่อสู้วันนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความอ่อนแอ วันนี้เขาอยู่ด้วยลูกยังได้แผล แล้วถ้าวันไหนที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย ลูกจะเป็นอย่างไร...



"ได้...ฉันจะทำ" เขาพูดขึ้นก่อนจะทรุดลงภาวนาข้างๆชานยอล


"ท่าน ครับ...ผมจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากท่าน ได้โปรดช่วยลูกๆของผมด้วยเถอะครับ" เสียงนั้นพูดขึ้นอย่างหนักแน่นขณะที่มองไปยังดวงดาวด้วยความหวัง เกิดความเงียบอันน่าสะอิดสะเอียนแผ่กระจายไปทั่ว ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนจะมองลงมาอย่างเยาะเย้ยเมื่อมันไม่มีปฏิกริยาใดๆ ที่เส้นขอบฟ้าแสงจันทราค่อยๆริบหรี่ลง รถพระอาทิตย์ของอะพอลโลเตรียมจะทะยานขึ้นที่ขอบฟ้า ชานยอลมองกลุ่มดาวอย่างขวัญสลาย...


"มัน...มัน มันไม่ได้ผลหรอ" ร่างโปร่งพูดขึ้นอย่างหมดหวัง เวลาของพวกเขาก็มีไม่เยอะ พรุ่งนี้ซุสต้องจู่โจมแน่ ๆ มหาเทพองค์นั้นคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้นาน ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วพวกเขาจะทำยังไง พวกเขาจะให้ใครสอนลูกเขา!!


"ได้ โปรด...ช่วยลูกพวกเราด้วย" ชานยอลร้องขอ หยาดน้ำตาหยดลงบนผืนทราย ขณะเดียวกับที่รถพระอาทิตย์ของอะพอลโลขึ้นทะยานสู่ฟากฟ้า แสงแดดไล่กลืนกินดวงดาวอย่างรวดเร็ว คริสและชานยอลหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ฉับพลันนั้นจู่ๆความมืดก็กลับเข้ายึดครองท้องฟ้าอีกครั้ง อะทีมิส(เทพแห่งจันทรา)ควบรถม้าศึกขึ้นบนฟากฟ้า ดวงดาวทั้งหมดเปล่งประกาย กลุ่มดาวคนยิงธนูเรืองแสงสีทองเชิดฉาย เซนทอร์ที่ร่างกายสร้างขึ้นจากท้องฟ้าและหมู่ดาวตนหนึ่งค่อยๆควบเข้ามาหาพวก เขาจากฟากฟ้าพร้อมกับพระอาทิตย์ที่กลับมาส่งสว่างอีกครั้ง


"เพราะ การเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ต้องมีศรัทธาที่มั่นคง" เสียงนั้นดังก้องกังวาลด้วยน้ำเสียงน่าเลื่อมใส อมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าควบเข้ามาหาเขา ร่างกายนั้นค่อยๆกลับคืนสู่ร่างเดิม ชายคงแก่วัยรูปร่างสันทัด ท่อนล่างเป็นม้าสีน้ำตาเข้มที่ทอประกายสีทองตลอดเวลา ชานยอลเบิกตาโพล่งด้วยความดีใจ


"เป็นท่านจริงๆด้วย!!! ท่านไครอน!!!" สุดยอดครูผู้นั้นแย้มยิ้มใจดี คริสยังคงมองภาพนั้นดว้ยสายตาคาดไม่ถึง


"ทำไมท่านถึงเพิ่งออกมา" ไครอนมองคริสด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออกก่อนจะตอบ


"เพราะ ศรัทธาคือเงื่อนไขเดียวที่ทำให้ข้าปรากฏตัวได้ หากเจ้าไม่มีศรัทธาว่าข้ายังคงมีตัวตน ข้าก็ไม่มีวันที่จะปรากฏตัว มันอาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่แท้จริงแล้วศรัทธาสร้างได้ยากยิ่งนัก แล้วนั่น คนที่จะมาเป็นลูกศิษย์ของข้าใช่มั้ย" เซนทอร์อาวุโสเอ่ยถามขณะที่เหลือบมองโยดากับโยฟานที่กำลังหลับอยู่


"ใช่ ครับ พวกเขาต้องให้ท่านช่วย" ชานยอลเอ่ยตอบ ไครอนควบกีบเท้าเข้าไปสำรวจเด็กทั้งสอง เขาเดินวนไปวนมาอย่างร้อนใจ ใบหน้าของเขาฉายแววเคร่งเครียด ดวงตาแห่งปัญญาคู่นั้นหลับลง คิ้วขมวดเข้าหาเหมือนกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับอะไรบางอย่าง ชานยอลกับคริสหันมาสบตาด้วยความกังวล


"มีอะไรหรือเปล่าครับท่าน" ร่างโปร่งเอ่ยถาม ไครอนยกฝ่ามือขึ้นเชิงห้ามรบกวน ก่อนที่เขาจะเอื้อมไปสัมผัสเด็กน้อยเบาๆ ฉับพลันสุดยอดอาจารย์ในตำนานก็ชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว คู่รักทั้งสองรุดเข้าไปหา



"ฝึกไม่ได้..."มีเพียงเสียงสุขุม นั้นที่พูดขึ้นท่ามกลางความตื่นตกใจ ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำฉุดกระชากความหวังของคริสและชานยอลให้ตกฮวบลงจนถึงจุด แห่งความหวาดกลัว


"ท่านหมายความว่ายังไงหรอครับ" ร่างโปร่งถามเสียงสั่น คริสรีบบีบมือเรียวนั้นเบาๆ ไครอนหันมาเงยหน้าขึ้นสบตากับพวกเขาด้วยความกังวล



"ข้าฝึกให้พวกเขาไม่ได้"



"ทำไม ล่ะ!! ทำไมถึงฝึกไม่ได้ล่ะ!! เพราะเขาเป็นแค่เด็กหรอ หรือว่าท่านต้องการเพิ่ม คุณสมบัติอะไรผมจะไปหามาให้เดี๋ยวนี้" ชานยอลโวยวายทั้งน้ำตา ร่างโปร่งตั้งท่าจะออกตามหาสิ่งเหล่านั้น หากแต่ไครอนกับหยุดยั้งเขาด้วยคำพูด



"ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น" เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยากจะล่วงรู้อารมณ์ผู้พูด



"แต่เด็กสองคนนี้เก่งกล้าจนไม่ต้องพึ่งการสอนจากใคร"


"แต่เขาเป็นแค่เด็ก" ร่างโปร่งแย้ง ไครอนสบตาอย่างเงียบงัน


"แต่เขาเป็นสายเลือดบริสุทธิ์"ชานยอลชะงักงันไป ก่อนที่เขาจะค่อยๆพูดออกมา


"เพราะ อย่างนั้นเขาก็เลยฝึกไม่ได้งั้นหรอ เพราะอย่างนั้นเขาก็เลย.." หยาดน้ำตาพรั่งพรูลงมาเป็นสายจาชานยอลพูดต่อไม่ออก ร่างสูงโอบคนรักไว้แน่น


"พวก เจ้าน่าจะรู้ดีว่าสายเลือดบริสุทธิ์เป็นอย่างไร พลังของเขาอยู่เหนือมนุษย์กึ่งเทพ และมากจนเกือบจะเทียบเท่าเทพเจ้า ดังนั้นจึงไม่จำเป้นที่ข้าจะต้องสอนอะไรเขาอีกแล้ว" เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว ไฟแห่งความหวังที่เคยลุกโชติช่วงเมื่อครู่ ถูกคลื่นแห่งความจริงสาดใส่เข้ามาจนดับ ไม้เหลือไว้แม้แต่เถ้าธุลีให้ยืนหยัดขึ้นมาใหม่ ชานยอลสบตาไครอนด้วยดวงตาอันสั่นระริก



"แล้วท่านจะให้ผมทำ ยังไง..." เขาถามออกมาอย่างสิ้นหวัง คริสที่ยืนเคียงข้างกระชับกอดให้แน่นขึ้น ให้รู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ ไครอนสบตาคู่รักก่อนที่เขาจะเบนสายตาไปทางทิศตะวันตก


"จงมุ่ง หน้าไปยังทิศประจิม หาเกาะที่ชื่ออาคาเดีย เมื่อเจอพี่น้องของข้าให้พวกเจ้านำสิ่งนี่ให้กับพวกเขา" แสงสีขาวเหลือบทองส่องสว่างขึ้นที่ฝ่ามือของเซนทอร์ สะเก็ดดาวสีทองที่อยู่ในขวดที่เหมือนสร้างขึ้นมาจากท้องฟ้าปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะยื่นให้ชานยอล



"จงนำสิ่งนี้ให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาจะช่วยพวกเจ้าเอง" คริสและชานยอลก้มมองประกายดาวที่พร่างพราวอยู่ในมือด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และจะช่วยเขาได้ยังไง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกขอบคุณเซนทอร์คนนี้


"ขอบคุณท่านมากนะครับ ขอบคุณท่านมาก" ร่างโปร่งพูดอย่างจริงใจ ในขณะที่คริสโค้งศีรษะให้ เซนทอร์พยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้น


"จง เข้มแข็งและอดทน พี่น้องของข้าไม่ได้เป็นอย่างข้าเสียเท่าไรหรอก" เขาบอกก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆเปล่งแสงแห่งดวงดาวมากขึ้นเรื่อยๆ กีบเท้าควบกันช้าๆเตรียมจะออกวิ่ง สายรุ้งสายหนึ่งค่อยๆทอดตัวลงมาจากฟากฟ้า


"จง รีบไปซะ อีกไม่นานซุสจะออกอุบายเล่นงานพวกเจ้าอีก แล้วครานั้นพวกเจ้าจะได้ประจักษ์ความสามารถที่แท้จริงแห่งบุตรธิดาของพวก เจ้า" ชานยอลไม่ทันได้ถามว่านั่นคืออะไร เพราะไครอนควบฝีเท้าขึ้นไปยังสะพานสายรุ้ง แล้วหายเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว เสียงลม เสียงคลื่นกลับมาเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง พวกมันราวกับกำลังหัวเราะเยาะโชคชะตาที่เล่นตลกของพวกเขาเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็รู้ดีว่า...



ทุกอย่างมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น


"ไป กันเถอะ เรายังมีเกาะประหลาด และเซนทอร์ปริศนาให้ไปหา" ร่างโปร่งพูดขึ้นขณะที่เดินเข้าไปปลุกลูกๆ คริสหันกลับไปทางทิศตะวันตกช้าๆ...



ที่นั่นจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่กัน..

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ