0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 16 หมวกของฮาเดส

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

ประตูวอเตอร์ลิลลี่ที่สิบเอ็ดนาฬิกาบีบอัดทุกคนเข้าสู่ห้วงแห่งกาลเวลาและดอกไม้ พวกเขาถูกสลายให้กลายเป็นกลีบดอกวอเตอร์ลิลลี่ สายลมพัดหอบลงไปยังท่อระบายน้ำของเมืองผ่านท่อน้ำจากอาคารบ้านเรือนมากมายที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่ท่อสายใหญ่ กลิ่นเหม็นร้ายกาจอบอวลไปทั่วจนแทบอาเจียน ก่อนที่สายลมจะรีบพัดพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดถูกพารัดเราะไปเรื่อยๆ เลี้ยวที่หัวมุมของท่อ เดินหน้าตรงไปเรื่อยๆ หักเลี้ยวทางซ้าย แล้วก็ขวา จากนั้นก็หมุนวนรอบๆแท่นอะไรสักอย่าง ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท่อที่ดูสะอาดที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา สายลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ มันส่งพวกเขาไปสูงขึ้น สูงขึ้น ที่ปลายท่อแสงสว่างเริ่มส่องผ่าน ก่อนที่พวกเขาจะทะยานขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ


“โว้ววว นี่มันสนุกที่สุดไปเลย!!!” เซฮุนตะโกนอย่างลิงโลดทันทีที่พวกเขากลายร่างกลับมาเหมือนเดิม


“สนุกบ้าอะไรล่ะ เหม็นจะตายอยู่แล้ว!!” ชานยอลโวยวาย ก่อนที่จะรีบหุบปากฉับเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาขอโทษของคยองซู ร่างโปร่งส่งยิ้มแหยๆไปให้ ก่อนที่เสียงของคริสจะดังขึ้น


“ที่นี่คือที่ที่ซีวอนซ่อนตัวอยู่หรอ” ทุกคนหันไปมองรอบๆตามที่คริสพูด พวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านเล็กๆหลังหนึ่งที่ไม่มีอะไรผิดแผกไปจากบ้านกลางป่าเขาธรรมดา ตัวบ้านทั้งหมดทำมาจากไม้ซุงและมุงด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มให้เข้ากับบรรยากาศป่าเขา เลยออกไปทางหางตามีทะเลสาบสีฟ้าสวยตัดกับสีเขียวชอุ่มของผืนป่า มีเทือกเขาสีเทาที่เบื้องบนถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน ถัดไปมีทุ่งดอกไม้ป่าที่แข่งกันผลิบานความสวยงามให้หมู่มวลผีเสื้อได้เชยชม ที่นี่ดูสวยงามราวกับภาพาด แต่ทว่าในความสมบูรณ์แบบนั้นกลับซ่อนอะไรบางอย่างที่คลางแคลงใจไว้


“ทำไมต้องมาอยู่ไกลขนาดนี้” คริสพูดขึ้น


“นั่นใครน่ะ!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในบ้านทั้งหมดรีบหันกลับไปมอง ก่อนที่คยองซูจะรีบวิ่งไปที่หน้าประตูบ้าน


“ผมเองครับ คยองซู ผมพาชานยอล คริส แล้วก็เซฮุนมา เขาบอกว่ามีธุระกับพี่” ร่างเล็กรีบพูดก่อนที่ประตูจะเปิดผัวะ ร่างของซีวอนค่อยๆเดินออกมา ชานยอลมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่บีบแน่น


“พี่ซีวอน...พี่ไปโดนอะไรมา” ชานยอลถามเสียงสั่น บัดนี้ซีวอนที่เขาเคยรู้จักดูราวกับคนจรจัดที่ขาดการดูแลมานานแสนนาน ใบหน้าหล่อเหลากลับซูบตอบ หนวดเคราขึ้นจนเขาแทบจำไม่ได้ ร่างของซีวอนวันนี้ดูเปราะบางเหลือเกิน


“เรื่องมันยาวน่ะ เข้ามาก่อนสิ” เขาพูดด้วยเสียงอันอ่อนแรง ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าชเว ซีวอน บุตรแห่งซุสที่เคยยิ่งใหญ่ วันนี้กลับกลายเป็นแค่มนุษย์กึ่งเทพที่ดูไร้พิษสงไปได้ พวกเขาได้แต่มองหน้ากันอย่างพรั่นพรึงก่อนที่จะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน


ภายในบ้านไม่ได้ดีเหมือนภายนอก ซีวอนมีเก้าอี้เพียงไม่กี่ตัว และตัวที่มีก็ไม่ได้ดูมั่นคงเสียเท่าไร มีโต๊ะกลมตรงกลางที่ขากระโดกกระเดกไปมา พรมขนสัตว์ที่รองอยู่บนพื้นเก่าจนแทบมองสีเดิมไม่ออก กลิ่นชื้นของไม้และอาหารผสมกับกลิ่นยาที่ฉุนจัดลอยคละคลุ้งอยู่ในบ้าน มีเสียงเดือดปุดๆของอะไรบางอย่างดังแว่วมาจากห้องครัวก่อนที่มันจะเงียบเสียงพร้อมกับกลิ่นเหม็นเขียวลอยคลุ้งเข้ามาแทน


“ใครมาหรอ ซีวอน” เสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงจะเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่ง


“ฮีซอลนายออกมาทำไม!!” ร่างสูงรีบเข้าไปประคองอีกฝ่าย แต่คนผอมเพรียวตรงหน้ากลับไม่ใส่ใจนัก ดวงตาคู่เฉี่ยวนั้นมองมาที่แขกอย่างพินิจ


“พวกของชานยอลนี่” เขาว่าก่อนจะเดินเข้ามาหา ร่างโปร่งมองรุ่นพี่ของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองจะต้องแข็งแรง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแย่ขนาดนี้ ฮีซอลแย่กว่าซีวอนมาก ร่างกายของเขาต้องพันผ้าพันแผลเกือบทั้งหมด เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ซึมออกมา แทบไม่มีเคล้าเดิมของนางพญาอยู่เลยสักนิด


“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ชานยอลถามด้วยความกังวล ซีวอนและฮีซอลหันมาสบตากันก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยขึ้น...


เรื่องเล่าของซีวอนค่อยๆดังขึ้น หลังจากที่ร่างสูงแยกออกมาจากคริสและชานยอลครั้งนั้นเขาก็รีบตรงไปหาฮีซอลทันที เขาภาวนาอยู่ทุกขณะจิตว่าขออย่าให้คนรักเป็นอะไร ขอให้พ่อไม่ได้ทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ทว่าฝันร้ายไม่ได้เมตตาเขาอย่างนั้น...


ฮีซอลไม่ได้ถูดตัดอวัยวะ แต่สภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้น ร่างเพรียวถูกทำร้ายด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไม่มีใครเคยทานทนได้ ทันทีที่เห็นซีวอนแทบทรุดลงตรงนั้น เขาเข้าประคองอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่แตกสลาย ความแค้นค่อยๆสุมอกเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่อาจต่อกรกับพ่อได้ ซีวอนทำในสิ่งที่ฉลาดที่สุดในตอนนั้น คือ หนี


เขาพาฮีซอลหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่เรี่ยวแรงที่มีผนวกกับที่ต้องพยุงร่างคนเจ็บอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาเริ่มอ่อนเพลีย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามฝืน ซีวอนกัดฟันควบคุมสายลมไปต่อจนที่ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว สายลมพัดแรงขึ้น แรงขึ้น จนสุดท้ายทุกอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม พวกเขาถูกสายลมกระชากไปอย่างไร้ทิศทาง มันพัดไปไกลมากจนซีวอนไม่รู้ว่าที่ไหน ก่อนที่มันจะพุ่งลงสู่พื้นดินด้วยความเร็วสูง พวกเขากระแทกลงสู่ทุ่งดอกไม้หลากสีนั้น


“แล้วฉันก็เจอกับดีโอที่นั่น” ซีวอนพูดขึ้น คริสเหลือบมองลูกแม่เลี้ยงของเขาเล็กน้อยก่อนที่ร่างเล็กจะเล่าเรื่องต่อ


“ตอนนั้นผมเดินเล่นอยู่ตามปกติ แล้วก็เจอพวกพี่เขาเข้า ผมเลยรีบพาเข้ามารักษาที่นี่ ตอนนั้นอาการพวกพี่เขาแย่มาก เป็นตายเท่าๆกันแต่พี่ซีวอนก็ยังขอร้องให้ผมช่วยซ่อนที่นี่เอาไว้ เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขากลัวพ่อจะตามมาเจออีก แล้วตอนนั้นผมเองก็เคยอ่านเจอเรื่องการเชื่อมประตูทั้งสิบสองของนาฬิกาดอกไม้เข้ากับทางเข้าออกสิบสองทาง”


“มันคืออะไร” ชานยอลถามด้วยความสงสัย คยองซูมองตาเขาก่อนจะอธิบาย


“ปกตินาฬิกาดอกไม้สามารถพาเราไปที่ไหนก็ได้ แต่เราต้องเข้าออกเป็นเวลาตามการบานของดอกไม้ วิธีนี้ก็คล้ายๆกัน แต่มันจะล็อกสถานที่ที่สามารถเปิดประตูได้ และล็อกสถานที่ที่เราไป อย่างถ้าเราต้องการจะมาที่บ้านพี่ซีวอน จะมีทางเดียวที่มาหาพี่เขาได้คือต้องไปใช้ประตูทั้งสิบสองที่ร้านดอกไม้ที่เรามาเท่านั้น โดยคนที่ใช้จะต้องรู้ว่าเวลานี้ประตูบานไหนจะเปิด ถ้าเรามาถูกประตูก็จะมาเปิดที่บ้านของพี่ซีวอน แต่ถ้าผิดประตูก็จะพาเราไปที่อื่นแทน”


“แบบนี้ก็ไม่มีทางที่จะมีใครมาที่นี่ได้เลยน่ะสิ” ร่างโปร่งถาม ร่างเล็กพยักหน้าก่อนจะตอบ


“ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ว่าประตูซ่อนอยู่ในร้าน นอกจากผมเท่านั้น” เซฮุนเออออด้วยความทึ่งระคนสนใจ ก่อนที่เสียงของซีวอนจะดังขึ้น


“แล้วพวกนายล่ะ มีธุระอะไร คงไม่ได้ว่างจนแค่มาฟังเรื่องของฉันอย่างเดียวหรอกนะ”
คริสกับชานยอลสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ก่อนที่คริสจะพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด


“เรามีเรื่องจะขอให้ช่วย” แล้วร่างสูงก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ซีวอนและฮีซอลฟัง

“โล่เอจีส...” ซีวอนพึมพำคำนั้นอย่างเคร่งเครียดทันทีที่ฟังเรื่องราวจบ ใบหน้าที่อิดโรยอยู่แล้วดูแก่ลงไปอีก โล่เอจีส โล่ที่อยู่ข้างกายพ่อของเขาตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะเข้าถึงโล่นั้นได้โดยง่าย แต่นั่นคงไม่ใช่สำหรับตอนนี้ที่เขากำลังกลายเป็นศัตรูกับพ่ออย่างนี้หรอก


“ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะฉันคงเข้าไปเอามันได้ง่าย แต่สำหรับตอนนี้...”

ไม่ต้องรอให้ซีวอนพูดจบพวกเขาก็รู้ดีว่าร่างสูงกำลังจะหมายความว่าอะไร ทั้งห้องถูกความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะอย่างเซฮุน พวกเขาก็ดูออกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจจะหาทางออกได้ง่ายๆ โล่อยู่กับตัวซุสอยู่ตลอดเวลา และคนที่จับต้องมันได้มีแค่บุตรธิดาของเขาเท่านั้น ซึ่งในที่นี้เขาก็รู้จักแต่ซีวอนคนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอีก เพราะพวกเขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ในเวลาแบบนี้และที่สำคัญที่สุดคือมันไม่เหลือเวลาให้รออะไรอีกแล้ว


“เราจะทำยังไงกันดี” ชานยอลพูดอย่างร้อนรน มือเรียวประสานมือเข้าหากันแน่น เวลาที่บีบเข้าหากันเรื่อยๆ หนทางที่ไร้ซึ่งทางออกกำลังกดดันให้เขาเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขาจะทำยังไงดี เขาจะทำอย่างไรดี ทุกอย่างมันกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆแล้ว


“เราจะทำยังไงกันดี เราจะทำยังไงดี” ร่างโปร่งเริ่มสติแตก ในหัวคิดฟุ้งซ่านไปทุกเรื่อง ถ้าเขาช้าแม้เพียงเสี้ยววินาทีทุกอย่างก็จะช้าไปด้วย ซุสอาจจะจับตัวลูกเขาได้ในวันไหนก็ได้ แล้วพอถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะช้าไป ลูกของเขาจะ...


“อย่าฟุ้งซ่าน...”


คริสพูดขึ้นพร้อมกับจับมือเรียวเอาไว้แน่น ดวงตาคมมองปรามอีกฝ่ายให้สงบลงเพราะการสติแตกของเขากำลังทำให้คนอื่นขวัญเสียไปด้วย ร่างโปร่งค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะนั่งเงียบในที่สุด


“เฮ้อ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกสักที นี่ถ้าเราล่องหนได้ก็คงจะดี” เซฮุนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนตรงเก้าอี้ล้มลุกข้างหน้าต่างพูดขึ้นในขณะที่สายตาก็มองออกไปไกลยังทะเลสาบด้านนอก


“เซฮุน เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ” จู่ๆฮีซอลก็ถามขึ้น เซฮุนหันกลับมามองก่อนจะพูดทวนประโยคเดิมอย่างงงๆ


“ถ้าเราล่องหนได้ก็คงดี”


ฮีซอลหันกลับมามองทุกคนด้วยสายตาของนางพญาอีกครั้ง ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงเมื่อครู่แทบไม่มีให้เห็น ตอนนี้รุ่นพี่ของเขาแทบจะเหมือนคนปกติเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าดวงตาของเขากลับมุ่งมั่นกว่า ประกายตานั้นเรืองแววไปด้วยความความแค้นมากกว่า ความโกรธและความสะใจค่อยๆปะทุขึ้นจนรัศมีสีแดงแห่งเอรีสเรืองรองออกมาจากร่าง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มแล้วพูดขึ้น


“ถึงเอรีสจะไม่เก่งเรื่องยุทธวิธีแบบอธีน่าแต่ฉันก็คิดออกแล้วว่าจะต้องทำยังไง”


ทั้งห้องอาบไล้ไปด้วยแสงสีแดง ก่อนที่สัญลักษณ์หมูป่าแห่งเอรีสจะสว่างวาบขึ้น เพราะเอรีสไม่ถนัดการคิดอะไรที่ซับซ้อน เขาจึงถนัดการคิดอะไรแบบตรงๆ


แผนการนี้มันบ้าบิ่น...


คริสที่กำลังยืนอยู่เหนือทะเลสาบหลังจากที่ตกลงจะทำตามแผนของ ฮีซอลคิดอย่างนั้น เขาไม่มีทางเลือก แต่ขนาดเขาที่ชอบทำอะไรมุทะลุยังรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป เขาต้องเข้าไปในที่ที่มีแต่คนจ้องจะฆ่าเขา ขโมยของของมหาเทพที่สามารถฆ่าเขาได้ทันทีที่ขยับตัวโดยพกอาวุธที่ไม่น่าจะเรียกว่าอาวุธได้ เพราะมันสามารถทำได้แค่หลบหนีไม่ใช่ต่อสู้หรือแม้กระทั่งป้องกันไปเพียงหนึ่งชิ้น และที่ร้ายกว่านั้นคือเขายังถูกสั่งห้ามไม่ให้ใช้พลังโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม มองอย่างไรแผนการนี่ก็ไม่มีวันสำเร็จ พวกเขาจะถูกจับได้ตั้งแต่เริ่ม


แต่ทำอย่างไรได้...
เพื่อลูก เขาจะต้องยอมเสี่ยง..


“จะให้ฉันเรียกมันออกมาเลยมั้ย” คริสเอ่ยถามเสียงเรียบ ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ ผืนป่าอันเงียบสงบเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง ทุกๆอย่างกำลังถูกสีดำกลืนกินทีละนิด ทีละนิด


มันมืดพอที่นายจะเรียกมันออกมาได้รึยังล่ะ” ฮีซอลถามขณะที่มองไปยังท้องฟ้า พระอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้าแล้ว คริสแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหลับตา มือใหญ่ยกขึ้นช้าๆราวกับกำลังสัมผัสความมืดในบรรยากาศว่ามีมากพอรึยังก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นพร้อมกับประกายตาที่เปลี่ยนไป สีทองเจิดจ้าสว่างขึ้น


“ได้เวลาแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ทุกคนเริ่มถอยห่างออกไป ชานยอล มองคนรักด้วยสายตากังวล เขารู้ดีว่าคริสเก่ง แต่คริสไม่เคยเรียกเจ้าสิ่งนั้นมาก่อน และเขาคงจะกลัวน้อยกว่านี้ ถ้ามันไม่ได้ทรงพลังพอๆกับโล่เอจีสของซุส..


ร่างสูงเรียกดาบสีดำสนิทขึ้นมาจากอากาศ ก่อนจะเงื้อขึ้นเหนือหัว รัศมีสีดำอันน่ากลัวแผ่ออกมาจากมันจนบดบังทุกสิ่งที่อยู่รอบๆตัวคริส เสียงโหยหวนของวิญญาณเริ่มดังขึ้น ผืนป่าทั้งหมดสั่นไหว เงามืดค่อยๆคลืบคลานปลุกผืนป่าแห่งความตายให้ตื่นขึ้น ต้นไม้ที่เคยตั้งตระหง่านอยู่กลายเป็นต้นไม้หงิกงอราวกับโครงกระดูกของปีศาจ เสียงนกเค้าแมวเริ่มร้องดังวังเวง หมาหอนดังแว่วมาจากที่ไกลๆให้ได้ยิน พวกของชานยอลรีบจับมือกันเอาไว้ด้วยความตื่นกลัวก่อนที่จะหันไปมองรอบๆอย่างระแวดระวัง แล้วฉับพลันนั้นเองจู่ๆดวงวิญญาณก็พุ่งเฉียดหน้าเซฮุนไปก่อนจะตรงไปหาคริส ดวงวิญญาณค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนรอบๆคริสมีดวงวิญญาณของคนที่เคยตายที่นี่หมอบอยู่แทบเท้าเต็มไปหมด


“ในนามของข้า คริส บุตรแห่งฮาเดส ข้าขออัญเชิญศาสตราวุธที่เข้มแข็งที่สุดในขุมนรก จงออกมาอาวุธคู่กายแห่งบิดาข้า!!” แล้วฉับพลันนั้นเขาก็แทงดาบใส่พื้น พื้นแตกร้าวเป็นวงกว้าง แสงสีดำส่องขึ้นมาจากรอยร้าว ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน พื้นที่อยู่รอบๆดาบค่อยๆดันตัวสูงขึ้น อะไรบางอย่างกำลังดันมันออกมาจากข้างใน แสงสีดำเข้มข้นราวกับน้ำหมึกเปล่งแสงออกมาจากตรงนั้น มันเขากลืนกินทุกอย่างที่ขว้างหน้า ร่างของคริสค่อยๆสั่นเมื่อเริ่มต้านทานพลังของมันไม่ไหว ชานยอลประสานมือส่งใจไปให้คริสอย่างมุ่งมั่น


นายต้องทำได้คริส นายต้องทำได้


ราวกับร่างสูงรับรู้ได้ ดวงตาสีทองคู่นั้นสบตาเข้ากับร่างโปร่ง ก่อนที่เขาจะกลับมาฮึดสู้ ทุ่มพลังทั้งหมดลงไป แล้วกดดาบลงไปจนจมดิน ฉับพลันนั้นแสงสีดำก็พุ่งกระจายออกจนทุกคนต้องหมอบลง อะไรบางอย่างค่อยๆดันตัวขึ้นมาจากพื้น ความทรงพลังของมันมากพอที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบตัวสั่นสะท้าน


“ฉันเรียกมันออกมาได้แล้ว...” ร่างสูงยกยิ้มพร้อมกับถือสิ่งนั้นไว้ในมือ ทุกคนมองมันด้วยสายตาครั่นคร้าม


“หมวกล่องหนแห่งฮาเดส” เขาพูดต่อ น่าแปลกที่แม้ในแสงสีดำ คริสก็ยังคงเปล่งรัศมีเรืองรองได้ ดูราวกับว่าเขาคือฮาเดส ไม่ใช่เพียงแค่คริสเลยด้วยซ้ำ


“นายทำสำเร็จแล้ว!” ชานยอลพูดอย่างดีใจ ร่างสูงหันมายกยิ้มให้ ก่อนทุกอย่างจะค่อยๆกลับสู่ปกติ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปหา


“พวกนายควรจะรีบไปได้แล้ว ทำตามแผนที่ฉันบอกล่ะ แล้วก็ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว” ฮีซอลกำชับอย่างจริงจัง ซีวอนพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะค่อยๆเรียกสายลมออกมา ในขณะที่คริสหันกลับมาหาชานยอล ก่อนจะจับมือเรียวนั้นไว้แน่น


“แล้วฉันจะรีบกลับมา” ร่างโปร่งบีบมือแน่นไว้ก่อนที่สายลมจะเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆพวกเขาเหลือเวลาน้อยแล้ว


“เอาโล่เอจีสกลับมาให้ได้นะ” ร่างสูงพยักหน้าก่อนจะหันไปหาซีวอน


“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ ไปทักทายซุสถึงพระราชวังกันดีกว่า” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนที่สายลมจะห่อหุ้มพวกเขาไว้แล้วหอบพัดขึ้นไปด้านบน...


แผนของพวกเขาก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่...
สวมหมวกล่องหนของฮาเดส พาให้ซีวอนไปเอาโล่เอจีส
ส่วนคนที่เหลือ...
พวกเขามีหน้าที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องไปทำ


“ไปกันเถอะ เราต้องไปพาลู่หานมาที่นี่...” เสียงฮีซอลดังขึ้น


“แล้วเตรียมรอคืนชีวิตให้กับเมดูซ่ากันเถอะ” แล้วพวกเขาทั้งหมดก็หายไปจากตรงนั้น เหลือเพียงความมืดอันว่างเปล่าที่ดูราวกับไม่เคยมีใครเคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน

http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ