0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 17 โล่เอจีส

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คริสได้มาโอลิมปัส...


ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมาที่นี่อีก หรือเพราะเงื่อนไขอื่นๆ แต่เพราะโอกาสในการประสบความสำเร็จนั้นแทบจะเป็นศูนย์ หรือเกือบจะติดลบเลยด้วยซ้ำ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าหมวกล่องหนจะยอมให้เขาใช้งานได้หรือไม่ เพราะมันเป็นสมบัติของพ่อเขา เป็นอาวุธของเทพเจ้าที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ว่าเคยถูกมนุษย์กึ่งเทพที่ไหนเคยใช้มาก่อน และต่อให้ใช้ได้เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันจะทำให้พวกเขาล่องหนไปได้นานสักแค่ไหน และจะรอดพ้นจากสายตาของเทพเจ้าได้หรือเปล่า...


“เราคงต้องเสี่ยง” เสียงของซีวอนดังขึ้นขณะที่พวกเขากำลังหมอบสังเกตุการณ์ประตูแห่งโอลิมปัสที่หลังพุ่มไม้ มีทหารมากมายเดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา ซีวอนบอกว่าพวกเขามีจำนวนมากกว่าปกติถึงสองเท่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเขาจะเข้าไปในนั้นได้ง่ายๆ


“ประตูโอลิมปัสจะสั่นสะเทือนทันทีที่มีคนไม่ต้องประสงค์ผ่านเข้าไป ถ้านับตอนนี้แล้วเราสองคนคงไม่ใช่คนที่พ่อประสงค์เป็นแน่”


“เราต้องใช้หมวกล่องหน” คริสออกความเห็น ซีวอนมองมันอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก หมวกสีดำที่ดูหนักอึ้งและแผ่รัศมีอันน่ากลัวออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็อันตรายเกินกว่าที่จะใช้ แต่ทว่า...เมื่อมาถึงเวลานี้ พวกเขาคงต้องเสี่ยง


“ใส่มันซะ แล้วเราจะเข้าไปข้างในด้วยกัน”


คริสมองหมวกที่อยู่ในมือด้วยสายตาพรั่นพรึง เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่หมวกแผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา ไอเย็นนั้นแทรกซึมเข้าไปจนกัดกินนิ้วของเขาราวกับกำหิมะไว้ด้วยมือเปล่า มือของเขาค่อยๆถูกดูดกลืนไออุ่นขึ้นเรื่อยๆ นิ้วยาวค่อยๆซีดเซียวและแห้งเหี่ยวราวกับถูกหมวกดูดพลังชีวิตไปทีละนิด ทีละนิด จนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน แล้วฉับพลันนั้นเองวิญญาณที่อยู่ภายในนั้นก็ค่อยๆรวมตัวกันเป็นรูปใบหน้าของชายชราคนหนึ่ง ดวงตาสีดำทมิฬของเขามองตรงมายังคริส


เจ้ามีดีอะไรให้เราต้องรับใช้


เสียงนั้นดังขึ้นก่อนที่วิญญาณจะเปลี่ยนใบหน้ากลายเป็นหญิงสาว คริสมองหมวกใบนั้นด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออกในขณะที่มือของเขาก็ถูกดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ข้อมือของเขาเริ่มแห้งเหี่ยวแล้ว ร่างสูงขบคิดถึงคำตอบ อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาว่านี่ไม่ใช่คำถามธรรมดา มันคือการทดสอบ...


“ผม...” เขาอ้ำอึ้ง วิญญาณแสยะยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหน้ากลายเป็นเด็กทารก


ว่ายังไง เจ้ามีดีอะไรให้เรารับใช้


คริสพยายามขบคิด เสียงของซีวอนพยายามเร่งเร้า สมาธิของเขาแตกกระเจิงอีกครั้ง ร่างสูงจ้องมองใบหน้านั้นนิ่ง เขามองลึกลงไปถึงข้างในอย่างขบคิด ความมืดอนธการดูราวกับจะดูดกลืนเขาลงไปในนั้น มันหมุนวนไปมาเรื่อยๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆชัดเจนขึ้น...


ใบหน้าของชานยอลที่กำลังร้องไห้พยายามร้องขอไม่ให้พรากลูกไปจากตนปรากฏขึ้นในความคิด ก่อนที่ใบหน้าของโยฟานที่ถูกทำร้ายจนเลือดไหลอาบจะค่อยๆเข้ามาแทนที่ จากนั้นใบหน้าของโยดาที่กำลังหวาดกลัวสุดขีดจะเข้ามาเป็นภาพสุดท้าย แล้วฉับพลันนั้นคำตอบก็เด่นชัดขึ้นในห้วงคำนึงของเขาราวกับมีใครมาจุดไฟท่ามกลางความมืดให้


“ผมรู้คำตอบนั้นแล้ว” เขาตอบด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาคมที่เคยมองวิญญาณอย่างเลือนลอยเต็มไปด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ใบหน้าของวิญญาณนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นหญิงสาวก่อนที่มันจะพูดขึ้น


คำตอบของเจ้าคืออะไร


ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะตอบ


“ไม่มี” วิญญาณพุ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าของปีศาจ มันแยกเขี้ยวใส่อย่างโกรธเกรี้ยว


เจ้าว่าอะไรนะ!!!!!


คริสยังคงมองอย่างสงบก่อนที่เขาจะตอบด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นและมั่นคง


“ผมไม่มีดีอะไรหรอก แต่อย่างเดียวที่ผมมีคือความรู้สึกที่คิดอยากปกป้องใครสักคน พวกเขาคือครอบครัวของผม ผมจะต้องปกป้องพวกเขาให้ได้ นั่นดีพอที่ท่านจะรับใช้ผมได้มั้ย” วิญญาณนิ่งเงียบไปสักพัก เขามองคริสด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก ร่างสูงสบตาอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร แม้เขาจะไม่รู้ว่าหมวกจะยอมให้เขาใช้รึเปล่า แต่เขาก็ยังคงหวัง ยังคงหวังจวบจนวินาทีสุดท้าย


แล้วจู่ๆหมวกก็หัวเราะออกมา เขาหัวเราะอย่างกึกก้องราวกับคนที่กำลังดีใจอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเปลี่ยนกลับเป็นใบหน้าชายชราตามเดิม ดวงตาที่มืดดำนั้นจ้องกลับมาที่คริส น้ำเสียงเก่าแก่นั้นดังขึ้นอีกครั้งด้วยความสุขุมและเยือกเย็นยิ่งขึ้น


“เจ้ามีสิ่งที่ผู้ใช้ศาสตราวุธทุกคนจำเป็นต้องมีแล้ว...” มือของคริสค่อยๆกลับคืนปกติ ในขณะที่วิญญาณดวงนั้นก็ค่อยๆเลือนราง


“หัวใจของผู้ใช้ศาสตราวุธมิใช่ความโหดเหี้ยมที่คิดจะฆ่าใคร แต่มันคือหัวใจที่คิดจะปกป้องใครอยู่ต่างหาก จงสวมข้า บุตรแห่งฮาเดส แล้วข้าจะทำให้เจ้าล่องหนดุจเถ้าธุลี..” แล้วฉับพลันนั้นวิญญาณดวงนั้นก็สลายไปพร้อมกับมือของเขาที่กลับมาปกติอย่างสมบูรณ์


“คริส!!! นี่นายทำบ้าอะไรอยู่ พวกมันกำลังเปลี่ยนเวรยามกันแล้ว เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!!!” เสียงซีวอนดังขึ้น คริสมองหมอกที่อยู่ในมือของเขา บัดนี้มันกลับอุ่นขึ้นจนแทบไม่เป็นอันตรายกับเขาแล้ว


“จับฉันไว้” ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะสวมมัน ซีวอนจับไหล่เขาทันก่อนที่หมวกจะเริ่มทำงาน พวกเขาทั้งสองล่องหนหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนั้น ซีวอนเดินนำเข้าไปสู่ประตูแห่งโอลิมปัส ทหารสี่คนกำลังเฝ้าอยู่ที่ประตู แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเห็นพวกเขาสักคน คริสกับซีวอนถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะมองไปที่ประตูอย่างแน่วแน่แล้วกลั้นหายใจเดินเข้าไปในนั้น!!!


ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ประตูไม่สั่นสะเทือน ไม่แม้แต่จะเปล่งเวลามีใครผ่านเข้ามา คริสกับ ซีวอนยกยิ้มอย่างได้ใจก่อนที่เขาจะหุบยิ้มลงเมื่อหันไปเห็นว่าประตูวังของซุสกำลังจะปิด พวกเขาต้องรีบกันแล้ว


ทั้งสองรีบวิ่งตรงไปที่นั่นโดยที่ซีวอนต้องคอยระวังไม่ให้มือหลุดจากไหล่ของคริส พวกเขานึกสบถความล่าช้าของการเดินทางอย่างหัวเสีย ถ้าเป็นเวลาปกติพวกเขาคจะงถึงประตูได้ภายในไม่กี่วินาทีแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่! พวกเขาถูกกำชับให้ห้ามใช้พลังในเขตของโอลิมปัส!!


คริสกับซีวอนรีบรุดไปยังประตู นายทหารกว่าสิบคนกำลังดึงมันให้ปิดเรื่อยๆ พวกเขารีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก บานประตูปิดเข้าหากันทีละนิด คริสรีบวิ่งเร็วขึ้น ซีวอนพยายามคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ไม่ให้หลุด จากระยะทางพวกเขาต้องไปไม่ทันแน่ๆ แต่ไม่ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ พวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก คริสกับซีวอนวิ่งสุดฝีเท้าบานประตูเหลือช่องแค่พอรอดผ่าน พวกเขาขุดแรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะวิ่งผ่านประตู บานประตูปิดหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที


คริสกับซีวอนหันมายิ้มให้กันอย่างสะใจ ก่อนที่จู่ๆพระราชวังก็สั่นสะเทือน พวกเขาต้องรีบหาที่ยึดเกาะ คริสใจแทบจะหายเมื่อคิดว่าซุสอาจจะรู้แล้วว่าพวกเขามา


“ไม่ ท่านพ่อไม่รู้” ซีวอนกระซิบเสียงเบา ร่างสูงหันกลับมาเป็นเชิงถาม ถ้านั่นไม่ใช่ซุส แล้วจะเป็นเสียงอะไร ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เหนือขึ้นไปบนนั้นมีกลุ่มเมฆสีเขียวครึ้มหมุนรวมตัวกันอยู่หนาแน่นก่อนที่มันจะค่อยๆปรากฏเป็นรูปร่างของศีรษะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าน่ากลัวจนแทบทนดูไม่ได้แม้เป็นเพียงรูปเสมือน เส้นผมของเธอคืองูนับร้อยนับพันตัวที่น่าสะพรึงกลัว


“นั่นล่ะเอจีส มันกำลังสำแดงเดชของมันอยู่” เขาพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะเดินหน้าเข้าไปในพระราชวัง
ทันทีที่เข้ามาถึงทุกอย่างแทบไม่เหมือนที่พวกเขาจินตนาการไว้ ทหารมากมายไม่ได้กำลังเดินตรวจตราอย่างเคร่งครัด แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับดูตื่นตระหนกกับอะไรบางอย่าง ทหารส่วนใหญ่เหมือนกำลังหนีมาจากที่ไหนสักที่ พวกเขาเอาแต่พูดว่าท่านกำลังมาแล้ว ท่านกำลังมาแล้ว มหาเทพกำลังพิโรธ
พวกเขาไม่มีใครเข้าใจความหมายนั่นสักคน แต่ไม่ว่าอะไรที่กำลังทำให้ซุสโกรธอยู่ พวกเขาก็ต้องขอบคุณ เพราะนั่นหมายถึงพวกเขาจะทำงานได้อย่างง่ายขึ้น คริสกับซีวอนเดินสวนกับทหารที่กำลังหนีจ้าละหวั่น ดูพวกเขาจะหนีมาจากทิศเดียวกันนั่นคือท้องพระโรง


มีเสียงกึกก้องดังมาจากที่นั่น สายฟ้าสว่างวาบขึ้น สลับกับแสงสีเขียว เสาหลายต้นที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นหินก่อนที่มันจะถูกฟันให้ล้มลงจนเละไม่เป็นท่า เทพเจ้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนที่คริสกับซีวอนจะรีบไปที่นั่นอย่างระมัดระวัง แล้วทันทีที่พวกเขามาถึง ทั้งสองก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงัน...


ซุสกำลังกระชากคอเอรีส เทพแห่งสงครามอยู่


“เจ้าจะโทษว่ามันเป็นความผิดของข้างั้นรึ เอรีส!!!” ซุสคำรามจนสายฟ้าฟาดไปทั่วท้องพระโรง คริสกับซีวอนต้องรีบหลบ


“แล้วใครกันล่ะที่ทำร้ายลูกของข้า!!!” เอรีสตะคอกกลับอย่างไม่ยี่หระ คริสกับซีวอนหันมาสบตากันก่อนที่ซุสจะบีบคอเอรีสมากขึ้นอีก


“เจ้าควรจะโทษนังเด็กสองคนนั้นมากกว่า ถ้าไม่มีพวกมัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใครแบบนี้!!!” เอรีสหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะตวาดใส่


“โหดเหี้ยมยิ่งกว่าข้ามันก็มีแต่ท่านแล้วล่ะ มหาเทพใจสีโคลน!!!!” ซุสทุ่มเขาลงกับพื้น พื้นของพระราชวังร้าวไปทั่ว ร่างของเทพแห่งสงครามจมอยู่ใต้พื้นห้อง คริสกับซีวอนถึงกับหวาดกลัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าซุสจะทำได้ถึงขนาดนี้ ทุ่มลูกแท้ๆของตัวเองลงกับพื้นงั้นรึ มันจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว แล้วฉับพลันนั้นตาของพวกเขาก็เหลือบไปเห็นโล่เอจีสที่มหาเทพถืออยู่


“อย่ามองมัน!!” ซีวอนร้องเตือน โชคดีที่เสียงสายฟ้าดังมากจนกลบเสียงของเขา คริสรีบหันกลับมา แม้จะเพียงแวบเดียวเขาก็สัมผัสได้ถึงความทรงพลังของเอจีส มันเป็นโล่ทองคำขนาดใหญ่ที่ถูกสลักด้วยลวดลายวิจิตรพิสดารอย่างที่ไม่เคยมีที่ไหนในโลกโดยมีหัวของเมดูซ่าถูกผนึกอยู่ที่กลางโล่ แม้ที่คริสเห็นจะเป็นเพียงผมที่เป็นงูของนางไม่ได้เห็นหน้า แต่เขาก็ยังจำความน่ากลัวนั้นได้ มันเป็นความน่ากลัวที่สะพรึงอย่างแปลกประหลาด เมดูซ่าน่ากลัวเกินกว่าที่จะจ้องมองตรงๆ


“แล้วเราจะทำยังไง” คริสหันกลับมาถามอย่างเคร่งเครียด


“เราจะต้อง...”


เปรี้ยง!!!


สายฟ้าพุ่งใส่ร่างของเอรีส มหาเทพย่างสามขุมเข้าไปหา


“ข้าให้โอกาสเจ้าเอรีส เจ้าจะอยู่ข้างข้า หรือข้างพวกมัน!!!” ซุสเงื้ออัตสนีบาตที่แลบแปลบปลาบไปมาขึ้นเหนือหัว แต่ครั้งนี้กระแสไฟฟ้ามันรุนแรงกว่ามาก มันแทบจะเหนี่ยวนำทุกอย่างให้ตกอยู่ภายใต้กระแสฟ้าสีฟ้านั่น คริสหันมาหาซีวอน


“เขาจะทำอะไรกับเอรีส” ร่างสูงถามเสียงเบา ซีวอนส่ายหน้า


“ฉันก็ไม่รู้...แต่เอรีสเป็นอมตะ”


“แต่เขาก็เจ็บเป็น” คริสว่าก่อนที่เขาจะเรียกความตายขึ้นมา


“คริส!! นั่นนายจะทำอะไร!” ซีวอนร้องด้วยความตกใจ ถ้าคริสเรียกความตายขึ้นมา ซุสจะต้องรู้ว่าพวกเขาอยู่ตรงนี้แน่


“เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าไม่ทำเอรีสต้องถูกสายฟ้าฟาดอีกแน่”


“ใจกว้างจริงๆ...” จู่ๆเสียงเอรีสก็ดังขึ้น พวกเขาหันกลับไปอย่างไม่มั่นใจนักว่าเทพเจ้าพูดกับใคร ก่อนที่ซุสจะเริ่มรับรู้การมีอยู่ของพวกเขา แต่ขณะที่มหาเทพจะหันมาจู่ๆเอรีสก็พูดขึ้นอีก


“ใจกว้างจริงๆนะครับท่านพ่อที่ยังเปิดโอกาสให้ข้าเลือก!!!” แล้วเทพแห่งสงครามก็ซัดหอกใส่มหาเทพอย่างแรงจนเขาถอยกรูไปกับพื้น โล่เอจีส กระเด็นหลุดมือมหาเทพไปอีกทาง อิคอร์สีทองหลั่งรินออกมาเป็นสาย เอรีส กระแทกหอกกับพื้นจนร้าว แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น


“แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่เลือกข้างใดเลย!!! ข้ามีทางของข้าเอง และข้าก็เลือกทางของข้าเสมอ!!!” เอรีสฟาดหอกลงมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ซุสรับมันไว้ได้ด้วยมือเปล่า ความโกรธของมหาเทพค่อยๆปะทุขึ้น สายฟ้าปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เทพเจ้าผลักเขากลับไปด้วยแรงมหาศาล


“เอจิสอยู่นั่น!” ซีวอนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่โล่ที่วางอยู่บนพื้นห่างไปราวๆสิบเมตรท่ามกลางความชุลมุน คริสเหลือบมองตามก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหว ร่างสูงเดินอ้อมการต่อสู้ของเทพเจ้าไปด้านหลังเสา พวกเขาพยายามวิ่งให้เร็วและหลบเศษซากทั้งหลายจากการต่อสู้ให้ทันไปด้วย


“เอรีส เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่นักรึ เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่เหนือข้าได้งั้นรึ!! ได้!!! งั้นวันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้!!! เจ้ามันก็แค่ก้อนเลือดที่ข้าบังเอิญทำให้เกิดมาเท่านั้นล่ะ!!!” มหาเทพกู่ร้องพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เอรีส เทพแห่งสงครามถูกจับฟาดกับเสาอย่างแรง อีคอร์สีทองไหลท่วม แต่ทว่าดวงตาสีแดงฉานของเทพเจ้าก็ยังคงเหลือบมองมาที่พวกเขาราวกับต้องการจะดูให้แน่ใจว่าถึงโล่นั่นแล้วหรือยัง...


คริสกับซีวอนไม่มีโอกาสได้ทำให้แน่ใจว่าเอรีสต้องการจะทำอะไรอยู่ เมื่อซุสฟาดสายฟ้าไปทั่วจนพาดไปยังเสาต้นที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ทั้งสองรีบหลบกันอย่างจ้าละหวั่น ซีวอนต้องพยายามจับคริสไว้ตลอดเพื่อไม่ให้ร่างกายกลับมามีตัวตน พวกเขาต้องวิ่งลอดใต้ซากปะหลักหักพัง แล้วข้ามรูปปั้นเทวทูตไป อีกแค่ไม่กี่เมตรเขาก็จะถึงโล่เอจิสแล้ว


เอจิสแผ่รัศมีสีทองเหลือบเขียว ความเก่าแก่และทรงพลังของมันแผ่ออกมาเรื่อยๆจนกดดันให้พวกเขาต้องยิ่งออกห่าง แต่ทว่าเขาทั้งสองกลับดื้อด้าน ยิ่งดันทุรังเข้าไปหา เอจิสก็ยิ่งต่อต้านรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันสั่นสะท้านไปมาอย่างน่ากลัว ซีวอนเดินเข้าไปหา ก่อนที่สายฟ้าลำหนึ่งจะฟาดมาระหว่างเขากับเอจิส


“นั่นเจ้าจะทำอะไร...” เสียงนั้นถามขึ้นอย่างเย็นเยียบพวกเขาได้แต่ยืนนิ่ง ความกลัวแล่นพล่านไปทั่วร่าง หมวกล่องหนไม่ทำงานแล้วหรือ เอรีสต้านไว้ไม่ได้แล้วหรอ พวกเขาควรจะทำอย่างไร พวกเขาควรจะหนีไปอย่างไรดี


“ผม...” ซีวอนอ้ำอึ้ง


“จงตอบข้ามา!!!” แล้วแผ่นดินก็สั่นสะเทือน พวกเขารีบหันกลับไปดู แท้จริงแล้วซุสไม่ได้กำลังถามพวกเขาแต่กำลังถามเอรีสที่แทงหอกลงกับพื้นจนเกิดรอยร้าว แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น พวกเขารีบเดินเข้าไปหาเอจิส ความกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกมา ประกายแสงสีทองเรืงแววจนพวกเขาตาแทบบอด แต่ทว่าสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือศีรษะเมดูซ่าที่อยู่ตรงนั้น


เมดูซ่ากำลังมองเพดาน แม้พวกเขาจะเห็นไม่ชัดก็รับรู้ได้ถึงความสยดสยองผ่านภาพสะท้อน เมดูซ่ายังคงเหมือนกับเมื่อตอนที่เธอถูกสังหารไม่มีผิด สีหน้าที่บิดเบี้ยวตกใจและหวาดกลัวสุดขีดยังคงถูกแช่แข็งผ่านกาลเวลาอยู่ตรงนั้น มันกำลังเพรียกหาให้เหยื่อเข้าไปหามัน


เสียงแหบแห้งคล้ายงูพูดค่อยๆดังขึ้น


ชเว ซีวอน บุตรแห่งซุส


“ใช่ ผมเอง”


เจ้าต้องการเรางั้นรึ


“ใช่ครับ” ซีวอนพยักหน้าพร้อมกับเหลือบตามองดูการต่อสู้ของเทพเจ้าไปด้วย โล่ค่อยๆสว่างขึ้น ที่หัวเมดูซ่าทอประกายสีเขียวน่าสะอิดสะเอียน


ทำไมเราต้องไปกับเจ้าด้วย


ซีวอนชะงักงัน เขาพยายามคิดถึงคำตอบ เอจิสไม่เหมือนศาสตราวุธทั่วๆไป มันไม่ได้ต้องการฟังความปรารถนาหรืออุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรของเรา มันต้องการผู้ที่จะทำให้ความปรารถนาของมันเป็นจริงต่างหาก


สิ่งที่เอจิสต้องการที่สุด
สิ่งที่โล่ใบนี้ปรารถนามาตลอด
และสิ่งที่ซุสไม่มีวันให้กับเธอได้...


“ผมจะช่วยท่าน ผมจะทำให้ท่านกลับมาเป็นสตรีรูปงามเช่นเดิม” เกิดความเงียบขึ้น ไม่มีปฏิกริยาอะไรตอบโต้จากโล่ เอจิสเงียบสงบราวกับไม่รับรู้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเขารับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนไปคือ...


โล่ไม่ได้เปล่งรังสีน่ากลัวออกมาอีกแล้ว


เอจิสลดแสงลงพอที่จะไม่สร้างแรงกดดันพวกเขา ทว่าเมดูซ่ายังคงนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น คริสกับซีวอนหันมาสบตากันก่อนที่จะเกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อจู่ๆเมดูซ่าก็ยิ้ม พร้อมกับหลับตาที่เบิกโพล่งมาตลอดหลายพันปีลง
ถ้าอย่างนั้นก็จงพาเราไป


ซีวอนยิ้มอย่างลิงโลดก่อนที่เขาจะเข้าไปหยิบโล่ เขาเผลอกลั้นหายใจตอนที่เห็นด้านหน้าของโล่ทั้งหมด ความพรั่นพรึงแวบเข้ามาในความรู้สึก เขาจะถูกทำให้กลายเป็นหินมั้ย เขาจะตายตั้งแต่สัมผัสมันเลยรึเปล่า แต่ทว่าเมื่อเขาหยิบโล่ขึ้นมา ปรากฏว่าไม่เป็นอันตรายใด ๆ แม้แต่น้อย ร่างสูงยิ่งยิ้มกว้างขึ้น เขาตัดสินใจสวมมันไว้ที่แขน


“ฉันทำได้แล้ว” ซีวอนพูดขึ้นด้วยความภูมิใจ รอบตัวเขาเปล่งแสงรัศมีสีทองของโล่ ก่อนที่ความยินดีของเขาจะหายไป เมื่อเสียงสายฟ้าผ่าดังขึ้นอีก เสาอีกสองต้นหักโคร่ม ซุสกำลังต่อสู้กับเอรีสอย่างหนัก ร่างสูงหันกลับมาคว้ารุ่นน้อง


“เราต้องรีบไป อีกไม่นานซุสจะรู้ตัว แล้วที่นี่ก็จะถล่มแล้วด้วย” จริงอย่างที่ ซีวอนว่า ตอนนี้โครงสร้างเริ่มไม่มั่นคงแล้ว เพดานด้านบนร่วงหล่นลงมาราวกับฝนแห่งก้อนหิน พวกเขารีบวิ่งฝ่าออกไปอย่างทุลักทุเล พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใช้ประตูแห่งเงาหรือสายลมที่นี่ เขาจะกลับออกไปอย่างที่ไม่มีใครรู้เหมือนตอนแรก
โคร่ม!!!


เสาด้านหน้าถล่ม เอรีสถูกจับฟาดจนอิคอร์สีทองไหลโชก หนทางด้านหน้าถูกเปิด ประตูรออยู่อีกไม่ไกล ซีวอนรีบพาคริสไปที่นั่น แต่แล้วจู่ๆคริสก็รั้งแขนเขาไว้


“เดี๋ยว” ร่างสูงพูดขึ้น


“อะไร!? นายลืมอะไร! ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้วนะ!!!” ซีวอนถามด้วยความเร่งรีบ เมื่อโครงสร้างทั้งหมดกำลังจะพังทลายลงมาเรื่อยๆแล้ว


“เราต้องไปช่วยเอรีส เขาต้องอยากไปหาลูกของเขา” เสาหักโครมลงมาอีกต้น พวกเขาต้องเกือบจะถูกมันทับร่างแล้ว


“นายจะบ้าหรอ เอรีสเป็นอมตะ!!! เขาไม่มีวันตาย แต่พวกเรานี่แหละที่จะตายเพราะถูกทับ!!!!” เขากระชากคริสให้ออกมา


“เพราะเขาช่วยเหลือเรา...” นั่นเป็นคำพูดสั้นๆของคริสก่อนที่เขาจะวิ่งกลับเข้าไปสู่ท้องพระโรงที่กำลังจะพังลงมา และซุสที่กำลังต่อสู้อยู่กับเอรีส ซีวอนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจวิ่งตามเข้าไป


นี่มันบ้า นี่มันบ้าแล้วจริงๆ!!! เขากู่ร้องในใจ


เอรีสกำลังถูกซุสจับทุ่มลงกับพื้น ก่อนที่มหาเทพจะเงื้ออัสนีบาตขึ้น ความรุนแรงของมันมากพอที่จะช็อตร่างของพวกเขาไปด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นคริสก็ยังคงเข้าไปใกล้ เขาวิ่งฝ่าซากประหลักหักพังทั้งหลาย และหลบคานที่ถล่มลงมาได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่เขาจะรอดตัวจากช่องแคบๆระหว่างซากแล้วเข้าถึงตัวเอรีส
ซุสกำลังจะฟาดสายฟ้าลงมาแล้ว พวกเขาเหลือเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที คริสรีบสัมผัสตัวเอรีสก่อนที่พวกเขาจะล่องหน ร่างสูงเปิดประตูแห่งเงาก่อนที่พวกเขาจะหายไปพร้อมกัน มหาเทพกู่ร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาฟาดสายฟ้าใส่อย่างคลุ้มคลั่งก่อนจะหันกลับไปมองหาโล่เอจิส...


มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว..


เทพเจ้ากู่ร้องอย่างคลั่งแค้น สายฟ้าฟาดไปทั่วทุกทิศทาง ก่อให้เกิดเป็นภาพอันน่าขนลุก ซากปลักหักพังถล่มลงมาก่อนจะปิดฉากความอัปยศของซุสภายใต้ท้องพระโรงที่พังทลาย


http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ