0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 18 คืนชีพ

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin


คริสไม่ได้สนใจว่าซุสจะสาปแช่งเขายังไง ตอนนี้มันมาไกลเกินกว่าที่เขาจะใส่ใจกับเรื่องแบบนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่เขาสนใจอยู่ตอนนี้คือ เขาจะไปหาคยองซูทันตอนเวลาหกโมงตรงตามที่ตกลงกันไว้หรือเปล่า เพราะประตูแห่งดอกไม้จะเปิดเป็นเวลาเท่านั้น ถ้าเขาไปช้ากว่านั้นเพียงหนึ่งวินาที ก็จะต้องรอไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าประตูบานต่อไปจะเปิดอีกครั้ง ซึ่งนั่นซุสก็คงจะตามทันพวกเขาพอดี...


ร่างสูงเร่งรุดผ่านเส้นทางแห่งเงาโดยมีซีวอนและเอรีสตามมาด้วย เดิมทีเขาไม่ได้จะทำให้การเดินทางครั้งนี้มันวกวนไปมา ทั้งๆที่มีซีวอนเจ้าของบ้านที่สามารถนำทางไปโดยตรงได้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ เขาจำต้องเปิดประตูแห่งเงาอย่างฉุกละหุกเพื่อพาทุกคนหนีจากซุส มันจึงทำให้เขาต้องเลือกแผนการนี้ แต่ทว่าการพาเทพเจ้า และมนุษย์กึ่งเทพที่พกโล่ศักดิ์สิทธิของซุสผ่านเข้ามาในเส้นทางแห่งเงามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด พลังของทั้งสองแผ่กระจายออกมาตลอดเวลา เขาต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ทำให้เส้นทางแห่งเงาแตกออก เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาทั้งหมดก็จะติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล


“ช่วยข้าทำไม” เสียงของเอรีสดังขึ้น ร่างสูงหันไปสบตา เขาไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าเทพเจ้าแห่งสงครามองค์นี้จะปลื้มปิติหรือยินดีอะไรนักหนากับสิ่งที่เขาทำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าต้องทำ..


“แล้วท่านล่ะ รู้ได้ยังไงว่าเป็นพวกเรา” เขาถามกลับเทพเจ้าหันไปมองซีวอนก่อนจะตอบ


“เพราะสร้อยนั่น...” เอรีสชี้ไปที่สร้อยห้อยจี้หมวกของทหารกรีกที่ซีวอนใส่อยู่ก่อนที่เขาจะอธิบาย


“สร้อยเส้นนั้นที่ฮีซอลให้เจ้ามันมีพลังของข้าแฝงอยู่ในนั้น ดังนั้นข้าจึงรู้ว่าเป็นพวกเจ้า” พวกเขาพยักหน้ารับ ก่อนที่คริสจะพูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“ความเป็นพ่อ...” เป็นอีกครั้งที่คริสตอบในสิ่งที่ไม่่มีใครเข้าใจ เอรีสกับซีวอนมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนที่ร่างสูงจะพูดขึ้น เส้นทางเริ่มมีแสงรำไรส่องสว่างมาที่ปากทาง


“สาเหตุที่ผมช่วยท่าน เพราะความเป็นพ่อ เพราะถ้าลูกของผมเป็นอะไร ผมก็คงอยากรีบไปหาเขาให้เร็วที่สุด” แล้วคริสก็พาทั้งสองออกมาจากประตูแห่งเงา ทั้งหมดมาปรากฏอยู่ในร้านขายดอกไม้ที่มีคยองซูนั่งรออยู่ก่อนแล้วได้อย่างเฉียดฉิว เข็านาฬิกาของสถานีตีบอกเวลาหกโมงเป๊ะ ร่างเล็กรีบวิ่งเข้ามาหาเขา


“ประตูกำลังจะเปิดแล้ว เราต้องรีบไปกันแล้ว!!” คยองซูร้องบอก ก่อนที่เขาจะเปิดประตูดอกอีฟนิ่งพริมโรสออก สายลมยามเย็นพัดหอบ กลีบสีเหลืองของพริมโรสปลิวว่อนไปทั่วก่อนที่พวกเขาจะหายวับเข้าไปในประตู


ทั้งหมดมาปรากฏตัวที่หน้ากระท่อม ณ ตอนนั้นท้องฟ้าเบื้องบนก็มึดครึ้ม เมฆพายุปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบน่าขนลุก อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นโลหะ


“ซุสกำลังตามหาเราแล้ว เราต้องรีบ” ซีวอนพูดขึ้นก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น


“ซีวอน!! ท่านพ่อ!!!!” ฮีซอลที่ออกมาจากบ้านร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าหาเอรีส เทพเจ้ามองเขาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับประคองตัวลูกชายเอาไว้ ไม่ต้องมีคำปลอบโยน ไม่ต้องมีคำพูดสวยหรู เพราะแค่การกอดก็เพียงพอแล้วสำหรับเทพแห่งสงครามที่ขึ้นชื่อเรื่องความป่าเถื่อน และโหดเหี้ยมองค์นี้ เป็นครั้งแรกที่คริสเห็นเอรีสในมุมของพ่อ...


จะโหดเหี้ยมกับคนอื่นอย่างไร
แต่อย่างน้อยกับลูก เขาก็ต้องเป็นคนอ่อนโยนที่สุด


“ทุกคนมากันครบแล้วรึยัง” คริสถามขึ้น แม้จะไม่อยากขัดสองพ่อลูกมากนัก แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจรอให้ฉากเคล้าน้ำตาเหล่านั้นเล่นจบลงได้ ฮีซอลผละออกมาก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม


“ทุกคนพร้อมแล้ว” คริสกับซีวอนหันมาพยักหน้าให้กันอย่างจริงจังก่อนที่คริสจะพูดขึ้นด้วยเสียงสุขุม


“รีบเข้าไปกันเถอะ” แล้วทั้งสองก็เข้าไปในบ้าน ทุกคนนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งเซฮุนที่ยืนพิงหน้าต่าง ชานยอลที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ และลู่หานที่นั่งอยู่ที่หน้าเตาผิง...


ทั้งสามคือคนที่จะช่วยทำให้ความปรารถนาของเมดูซ่าให้เป็นจริง...


บุตรแห่งโพไซดอน!


จู่ๆเสียงเมดูซ่าก็ดังขึ้น อสูรกายลืมตาโพล่ง พวกเขาต้องรีบหลบ ซีวอนรีบลดโล่ไว้อยู่แค่ระดับพื้น


“เขาคือคนที่จะทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริง เขาคือคนที่จะช่วยท่าน อย่าทำร้ายเขา!!” ซีวอนรีบอธิบาย แต่เมดูซ่าไม่ยอมฟัง เอจิสค่อยๆแผ่รังสีน่าขนลุกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบ้านเริ่มสั่นสะเทือน เมดูซ่าแผดเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว


เพราะมัน เพราะมัน เพราะพ่อของมัน ข้าจึงต้องกลายเป็นอย่างนี้ ข้าจึงต้องน่าเกลียดเช่นนี้!!!!


“แต่เขาไม่ใช่โพไซดอน ชานยอลจะช่วยท่าน ชานยอลจะช่วยท่านนะท่านเมดูซ่า!!” ซีวอนพยายามต่อสู้กับแรงกดดันที่แผ่กระจายออกมาอย่างมหาศาล รัศมีสีทองเหลือบเขียวเปล่งออกมาจนแสบตา ถ้าเป็นอย่างนี้อีกสักพักซุสจะต้องรู้ที่อยู่ของเอจิสแน่


เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก!!! ข้าจะฆ่ามัน ข้าจะฆ่ามัน!!


“แต่ท่าน!!”


“ผมจะพูดกับเธอเอง” ชานยอลรั้งแขนของซีวอนเอาไว้ ร่างโปร่งต้องอดทนอย่างหนักต่อพลังกดดันและความเกลียดชังมหาศาลที่เอจิสแผ่ออกมา ร่างกายของเขาค่อยๆถูกดูดกลืนความสวยงาม ใบหน้าของร่างโปร่งค่อยๆคล้ายกับเมดูซ่าทีละน้อย


“ชานยอล” คริสเรียกด้วยความเป็นห่วง แต่ร่างโปร่งกลับส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะคุยกับเมดูซ่าเอง เขาจะสะสางความแค้นเก่าที่พ่อของเขาได้ทำสิ่งเลวทรามไว้กับเธอเอง เขาจะขอแก้ไขมันด้วยตนเอง...


“ผมขอโทษ...” ร่างโปร่งเอ่ยบอกด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสแสงเรืองรองนั้นอย่างแผ่วเบา เขารู้ เขารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าวันหนึ่ง คริสเกิดหักหลังเขา แล้วยัดเหยียดความอัปยศอดสูอันเลวทรามนั้นมาให้ ก่อนจะหนีไปเสวยสุขโดยปราศจากแม้กระทั่งความรู้สึกผิด เป็นเขา เขาก็คงโกรธแค้นเหมือนกัน...


“ผมรู้ว่าท่านโกรธ ท่านเสียใจ ท่านแค้นพ่อของผม เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงรู้สึกไม่ต่างจากท่าน” เสียงของชานยอลค่อยๆเหมือนเมดูซ่ามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเธอกำลังอยากทำให้เขาเป็นเหมือนอย่างที่เธอเป็น พวกที่เหลือต่างสบตากันอย่างระแวดระวัง พวกเขาเตรียมพร้อมเสมอหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน


เอจิสหยุดแผ่รังสีกดดัน เมดูซ่าเริ่มนิ่ง เธอหยุดทำให้ชานยอลแย่ลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกทำร้ายเสียทีเดียว...


อสูรกายหัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้น


เจ้ามันจะไปรู้อะไร คนอย่างเจ้ามันจะไปรู้อะไร ข้าถูกย่ำยี ข้าถูกทำให้แปดเปื้อน พ่อของเจ้าพาข้าไปที่นั่นแล้วก็......


ภาพความทรงจำของเมดูซ่าไหลย้อนเข้ามาในหัวของชานยอลราวกับจิตของทั้งสองเชื่อมโยงกัน ก่อนที่ร่างโปร่งจะเห็นพ่อของเขาพาเมดูซ่าที่ยังคงสะสวยเข้าไปมีสัมพันธ์กันในวิหารของอธีนา...


เขาทำร้ายข้า เขาช่วงชิงความบริสุทธิ์จากข้าไป แล้วยังไงล่ะ!! แล้วสุดท้ายข้าก็ถูกอธีนาสาปให้เป็นอย่างนี้ โดยที่เขา เขา...ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือข้าเลย


เมดูซ่าหัวเราะอย่างสมเพช ทว่าในน้ำเสียงนั้นชานยอลกลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในนั้น...
ข้าต้องทนอยู่กับความอัปยศ ข้าต้องทนอยู่กับความผิดที่ไม่ได้ก่อ ข้าต้องจมอยู่กับความโศกเศร้า ชีวิตของข้าพังทลาย ความงามของข้าถูกขโมย ข้าไม่เหลืออะไร ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว!! ข้าหมดสิ้นซึ่งทุกอย่าง!!!


หึ แต่ก็ดูเหมือนพ่อของเจ้าจะยังไม่สาแก่ใจนะ เขาก็ยังคงทำให้ชีวิตของข้ามันแปดเปื้อนขึ้นเรื่อยๆ


เธอพูดอย่างเคียดแค้นและเจ็บปวด หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ก่อนที่เธอจะพูดในสิ่งที่ทำให้ทั้งห้องเงียบงัน


เขาทิ้งลูกไว้ให้ข้า...


เมดูซ่าร้องไห้... ความเจ็บปวดของเธอถูกถ่ายทอดมายังชานยอล เธอเจ็บปวด เธอทรมาน ชีวิตของเธออัปยศ แต่โพไซดอนก็ยังทิ้งลูกไว้ให้เธอ ยังฝากก้อนเลือดอันน่ารังเกียจนั่นเอาไว้ให้เธอ


เพกาซัส และไครเซออร์


เธอพูดอย่างทรมาน


แล้วอย่างนี้เจ้ายังจะให้ข้าอภัยให้พ่อของเจ้าอยู่รึ แล้วอย่างนี้เจ้ายังจะให้ขออโหสิให้กับผู้ชายคนนั้นอยู่อีกรึ!!!


“ท่านพ่อยังคงคิดถึงท่านอยู่...” จู่ ๆร่างโปร่งก็พูดขึ้น เขาเหลือบมองแสงสะท้อนของเอจิส รัศมีนั้นวูบไหวราวกับเมดูซ่ากำลังหวั่นไหว


หมายความว่ายังไง


“ท่านพ่อไม่เคยลืมท่าน ท่านยังคงคิดถึงท่านอยู่ นานมาแล้วตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก พ่อเคยเล่าเรื่องของท่านให้ผมฟัง...” ร่างโปร่งมองรัศมีนั้นอีกครั้ง เมดูซ่ายังคงนิ่งเฉย


“ท่านบอกว่าท่านรู้สึกผิดมาตลอด ท่านไม่เคยอยากให้มันเป็นอย่างนี้ ท่านเคยพยายามจะช่วยท่าน เคยจะแก้คำสาปให้ แต่มันทำไม่ได้ คำสาป ของอธีนาไม่มีทางจะลบล้างได้”


“ท่านเมดูซ่า... ผมรู้ว่าท่านอาจจะไม่เชื่อคำพูดของผม แต่ผมอยากให้ท่านรู้นะ ว่าท่านพ่อรู้สึกผิดมาตลอด ท่านยังคงนึกถึงท่านอยู่เสมอ และเฝ้ามองดูท่านจากท้องทะเลมาตลอด ไม่มีวันไหนที่ท่านพ่อจะลืมเรื่องราวที่เคยทำไว้กับท่านเลย...”


เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง เมดูซ่าไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของชานยอลก็ไม่ได้แย่ลงแล้ว พวกเขาชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนที่เสียงเมดูซ่าจะดังขึ้น


หึ ข้าไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ข้าไม่เชื่อมันอีกแล้ว...


แล้วจู่ๆก็มีลมทะเลหอบหนึ่งพัดเข้ามาในห้อง แสงสีทองเหลือบเขียวของเธอค่อยๆถูกบดบังด้วยแสงสีน้ำทะเลที่สว่างกว่า ชายสูงวัยคนหนึ่งผู้ที่ทรงพลังที่สุดในมหาสมุทรค่อยๆปรากฏเป็นเรือนร่างอันเลือนลางที่นั่น


“เจ้าอาจจะไม่เชื่อคำของข้าอีกแล้ว...” น้ำเสียงอบอุ่นราวกับคลื่นทะเลในวันที่ท้องฟ้าสงบถูกเปล่งขึ้น เมดูซ่าตกใจจนมองแสงนั้นค้าง โพไซดอนค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาเธอ


“แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าทุกสิ่งที่ข้าจะพูดกับเจ้ามันเป็นเรื่องจริง ข้าขอโทษเมดูซ่า” เทพเจ้าเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวด ตัวเขาเองก็ไม่ได้เจ็บปวดน้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย


โพไซดอน...


เมดูซ่าเรียกชื่อนั้นเสียงเบา โพไซดอนพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน


“ข้ามีเวลาไม่มากนัก... แต่ข้าอยากจะขอโทษเจ้าจากใจจริง ข้าขอโทษกับทุกสิ่งที่ผ่านมา ข้าไม่เคยอยากให้มันเป็นอย่างนี้ แต่ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย ข้าขอโทษ”


ท่าน...


“ข้าจะต้องไปแล้ว...” เทพเจ้าพูดก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มที่น่าเกลียดน่ากลัวของเธออย่างไม่รังเกียจ ก่อนที่เขาจะเลื่อนหน้าเข้ามาจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา


“เจ้ายังคงสวยงามสำหรับข้าเสมอตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน” แล้วเทพเจ้าก็สลายหายไป เมดูซ่าถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เธอร้องไห้เงียบๆอยู่อย่างนั้น ความโกรธแค้น ความเจ็บปวดที่มีถูกสะสางภายในวันนี้ โล่เอจิสค่อยๆลดแสงลงเรื่อย ๆ ร่างของชานยอลค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ปกติช้า ๆ


“ข้าพร้อมแล้ว ข้าพร้อมที่จะให้พวกเจ้าช่วยเหลือแล้ว” เสียงของเมดูซ่าดังขึ้นพร้อมกับที่เธอหลับตาลง ทุกคนหันมายิ้มให้กันอย่างโล่งอก ก่อนที่ลู่หานจะปรับสีหน้าเป็นเคร่งขรึม


“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ”


ทั้งห้องกลับเข้าสู่ความตึงเครียดอีกครั้ง ลู่หานก้าวเข้าไปหาเอจิส เซฮุนเดินตามเข้ามาสมทบ ในขณะที่คริส คยองซู ฮีซอล และเอรีสรออยู่รอบนอก ลู่หานยกมือขึ้นมาก่อนที่เขาจะเรียกมีดเล่มเล็กที่ฉลุลวดลายสวยงามขึ้นมาหนึ่งเล่ม


“เราต้องการของสามสิ่ง หนึ่งคือหนังของผู้ที่มีอำนาจแห่งความงาม สองคือเลือดของผู้ที่ทำให้เกิดคำสาป และสาม....คือกระดูกของผู้ที่ร่ายคำสาป”


“อธีนาไม่มีลูก เราไม่มีทางไปเอากระดูกของอธีน่ามาได้แน่” คริสแย้งขึ้น


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ลู่หานเอ่ยตอบในขณะที่ดวงตาเรืองวาวด้วยแสงสีชมพูมากขึ้นเรื่อยๆ


“พวกนายไปเอามางั้นหรอ” ร่างสูงยังคงถามต่อ แต่ร่างเล็กกลับส่ายหน้าปฏิเสธ คริสถึงกับขมวดคิ้ว


“แล้วนายหมายความว่ายังไง” ลู่หานยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น


“จะไปเอาทำไมล่ะ ในเมื่อในห้องนี้ก็มีสายเลือดของอธีนาอยู่ด้วยแล้ว” เขาพูดก่อนจะเหลือบมองด้านข้างแล้วชี้ไปทางคนคนหนึ่ง คริสถึงกับเบิกตาโพล่งด้วยความประหลาดใจ


“โอเซฮุน นั่นไงล่ะสายเลือดของอธีนา” เด็กหนุ่มกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่างพร้อมกับหัวเราะไปมา ทั้งห้องมองตามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะค่อยๆปลดกระดุมคอเสื้อออก รอยสักสัญลักษณ์ของอธีนาเผยให้เห็นแก่ทุกสายตา


“ความจริงแล้วมันเป็นความลับของผมมาตลอดน่ะ แต่จะว่าผมเป็นสายเลือดของอธีนาเลยก็ไม่ถูกหรอก” เขาพูดด้วยท่าทีสบายๆ


“หมายความว่ายังไง” คริสเอ่ยถาม เซฮุนยกยิ้ม


“ตอนเล็กๆมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมไม่สบายหนักมาก อธีนาก็เลยเข้ามาช่วยผมไว้ เธอมอบพลังชีวิตส่วนหนึ่งไว้ให้ผม นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นอัจฉริยะและถือเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเธอ...”


“นี่มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว” คริสสบถก่อนที่สายฟ้าจะผ่าจนเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท ทั้งห้องเริ่มเข้าสู่ความตึงเครียด


“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเถอะ” เซฮุนพูดขึ้นก่อนจะก้าวไปยืนเคียงลู่หาน ถ้วยสีทองใบเล็กๆค่อยๆปรากฏขึ้นที่มืออีกข้างของลู่หาน ร่างเล็กพยักหน้าก่อนที่ดวงตาของเขาจะกลายเป็นสีชมพูทั้งหมด


“ในนามของข้า ลู่หาน บุตรแห่งอะโฟรไดต์ ข้าขออุทิศเนื้อหนังนี้แก่ท่านเมดูซ่า” แล้วฉับพลันนั้นร่างของลู่หานก็เปล่งแสงสีชมพูอ่อนพร้อมกับที่มือเรียวเฉือนหนังบริเวณหลังมือของตนใส่ถ้วย ร่างเล็กพยายามเก็บงำความเจ็บปวด เขาทำเพื่อเพื่อนของเขา ทำเพื่อผู้หญิงที่น่าสงสาร เขาต้องอดทน


ถ้วยเปล่งแสงสีชมพูเรืองรองก่อนที่ร่างเล็กจะจับข้อมือของชานยอลออกมา


“ในนามของข้า ปาร์คชานยอล บุตรแห่งโพไซดอน ข้าขออุทิศโลหิตนี้แก่ท่านเมดูซ่า” แล้วลู่หานก็กรีดข้อมือชานยอลจนเลือดสีสดหลั่งรินลงมาในถ้วย ภาชนะแห่งความศักดิ์สิทธินั้นเรืองแววแสงสีครามขึ้นมา ก่อนที่เขาจะหันไปหาเซฮุน ดวงตาสวยหวานมองอีกคนอย่างเคร่งเครียด การเฉือนกระดูกออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย ความเจ็บปวดของมันไม่ได้เล็กน้อยเท่าการเฉือนเนื้อ และกรีดเลือด แต่มันทรมานยิ่งกว่านั้นมาก


“ผมทนได้” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะเขยิบเข้ามาหาร่างเล็ก หากเป็นหนังและเลือดคงเฉือนเพียงแค่ข้อมือได้ แต่เมื่อเป็นกระดูก...


มันทำไม่ได้


“ขอโทษนะ” ร่างเล็กเอ่ยอย่างเจ็บปวด ก่อนที่เขาจะแทงมีดลงไปตรงรอยสักของเซฮุน เด็กหนุ่มแผดเสียงร้องลั่นก่อนจะค่อยๆคำรามออกมาเมื่อลู่หานแทงมีดลงไปลึกกว่านั้น ร่างเล็กต้องใช้สมาธิอย่างหนักที่จะไม่แทงใบมีดวิเศษไปผิดที่ เพราะถ้าเมื่อไรที่แทงผิด...นั่นเท่ากับความตาย


ปลายมีดค่อยๆแทงลึกลงไปเรื่อย ๆ ความคมของมันเฉือนผ่านเนื้อ ผ่านลึกลงไป ลึกลงไป ก่อนจะถึงกระดูก ลู่หานสูดลมหายใจลึก ก่อนจะหลับตาข่มความรู้สึก แล้วตัดสินใจบิดใบมีดอย่างแรงขูดเอากระดูกของเด็กหนุ่มออกมา เซฮุนดิ้นพล่านไปมาด้วยความทุรนทุราย ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วจนเกินกว่าที่จะอธิบาย เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย เขาไอโขลกๆออกมาเป็นเลือด ร่างกายเหมือนจะหายใจไม่ออก เขากุมลำคอของเขาเอาไว้แน่น


“เซฮุน!!” ชานยอลพยายามจะเข้าไปหาแต่กลับถูกลู่หานห้ามเอาไว้


“ไม่.... เราต้องทำพิธีของเราต่อ” ร่างเล็กหลับตาพูดด้วยเสียงสั่น เขารู้ เขารู้ว่าเซฮุนเจ็บปวด เซฮุนกำลังทรมาน แต่เขาหยุดไม่ได้ พิธีนี้ต้องทำจนกว่าจะเสร็จ


ร่างเล็กตัดใจปาดชิ้นส่วนกระดูกที่มีรอยสัญลักษณ์ของอธีนาลงไปในถ้วย ทันทีที่ส่วนผสมทุกอย่างรวมตัวกันควันสีเทาก็หมุนวนออกมาจากถ้วย กลิ่นคลื่นเหียนและคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ทุกคนที่อยู่รอบๆต้องรีบปิดจมูก ก่อนที่ลู่หานจะชูถ้วยขึ้นเหนือหัว เขาสวดถ้อยคำอะไรบางอย่างเป็นภาษากรีกโบราณ แล้วฉับพลันนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ใต้แสงสีชมพูเข้มอันน่าขนลุก


“ดื่มมันเพื่อความงามของท่าน” ร่างเล็กพูดขึ้นพร้อมกับจ่อถ้วยที่ปากของเมดูซ่า เขาพยายามที่จะไม่ตื่นกลัวใบหน้าที่แม้จะหลับตาแต่ยังดูน่าเกลียดของเมดูซ่า ก่อนที่อสูรกายจะดื่มมันลงไป ลู่หานเปล่งเวทมนตร์แห่งความลับที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน เวทมนตร์ที่แม่ของเขาประทานให้มาตั้งแต่เล็ก เวทมนตร์แห่งคำพูดที่สั่งได้ทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เชื่อฟังเขา เวทมนตร์แห่งวาจาสิทธิ์!!!


“ด้วยวาจาสิทธิ์ของข้า ข้าขอสั่งให้จงคืนความงามให้แก่เธอ!!!!” ฉับพลันนั้นโล่เอจิสก็เปล่งแสงสีชมพูสว่างจ้า ยาวิเศษนั่นเชื่อฟังเขา มันค่อยๆคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้เมดูซ่า แสงสีนั้นค่อยๆอ่อนแสงลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งที่พวกเขาค่อย ๆ เห็นเรือนร่างหนึ่งปรากฎขึ้น


หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอมเพรียว สวมชุดแบบกรีกสีเขียว กำลังยืนสบตาพวกเขาอยู่กลางห้อง ทุกคนต่างมองเธอด้วยความตกตะลึง


“ท่านสวยมาก...” ลู่หานพูดขึ้นเป็นคนแรก เมดูซ่าที่บัดนี้กลับมาเป็นสาวสวยผู้เพียบพร้อมยิ่งกว่าใคร ๆ ใบหน้าของเธองดงามจนตรึงสายตาผู้พบเห็นให้ละไปไหนไม่ได้ เส้นผมของเธอดกดำและยาวสลวย เธอยิ้มให้เขาก่อนจะจับมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน


“ขอบใจเจ้ามาก” เมดูซ่าบอกด้วยความซาบซึ้ง ร่างเล็กยิ้มตอบคำขอบคุณของเธออย่างจริงใจ ก่อนที่เมดูซ่าจะหันไปขอบคุณชานยอล ร่างโปร่งยิ้มให้เธอย่างยินดี ก่อนที่เมดูซ่าจะก้มลงไปหาเซฮุน


“เขากำลังจะแย่” เธอพูดขึ้น ลู่หานย่อตัวสัมผัสเขาอย่างกังวล ดวงตาสีชมพูอ่อนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะเปล่งวาจาศักดิ์สิทธิออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง


“ด้วยวาจาสิทธิ์ของข้า ความเจ็บปวดใดๆจงมลายสูญ ความทรมานทุกอย่างจงหายไป!!!” แล้วฉับพลันนั้นแสงสีชมพูก็ห่อหุ้มร่างของเซฮุนเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติ


“แค่ก แค่ก คิดว่าจะตายซะแล้ว” เซฮุนไอโขลกๆพร้อมกับจับคอตัวเองเอาไว้ ทั้งห้องหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขาก่อนเมดูซ่าจะหันกลับมาขอบคุณคริสและซีวอน


“ขอบคุณเจ้าทั้งสองมาก ถ้าไม่ได้พวกเจ้าข้าก็คงไม่ได้ร่างเดิมนี้กลับมา” ซีวอนยิ้มบางให้กับเธอในขณะที่คริสพยักหน้ารับ


“หวังว่าท่านจะมีความสุขขึ้น” ซีวอนพูดขึ้น เมดูซ่าแย้มยิ้ม


“แน่นอน เพราะพวกเจ้ามอบความสุขให้แก่ข้าแล้ว” เธอเอ่ยบอกก่อนจะหันมาสบตากับคริสอย่างจริงจัง


“สำหรับเจ้าข้าไม่มีอะไรจะมอบให้นอกเสียจากความช่วยเหลือจากข้า” ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะถาม


“ช่วยเหลืออะไร” เธอยิ้มก่อนจะตอบ


“ลูกของข้ากำลังมาที่นี่ พวกเขาจะช่วยพาพวกเจ้าไปหาของสิ่งต่อไป” สิ้นเสียงนั้นจู่ๆก็เกิดเสียงประหลาดขึ้น มันเป็นเหมือนเสียงของใบพัดอะไรสักอย่างที่ดังตัดอากาศด้วยความเร็วสูง ก่อนที่มันจะฟังดูนุ่มนวลขึ้นเมื่อมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชานยอลผินหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะแย้มยิ้ม เขาจำเสียงนี้ได้ เขาจำความรู้สึกนี้ได้


ฮี่ ฮี่


เสียงม้าร้องดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดผ่างออก เพื่อนเก่าที่เขาไม่เคยลืมปรากฎอยูตรงนั้นแต่ทว่าเขากลับไม่ได้มาคนเดียว เพกาซัสพาใครอีกคนมาด้วย


ม้ามีปีกที่ตัวโตกว่า และเจิดจ้ายิ่งกว่าเพกาซัส ร่างกายของเขาเหมือนทำมาจากทองคำทั้งตัวกำลังมองเมดูซ่าด้วยสายตาตื้นตันอยู่ตรงนั้น เมดูซ่ามองพวกเขาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย ทุกความรู้สึกถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสายตา ทั้งความดีใจ ตื้นตัน และไม่คิดฝัน ในที่สุดเธอก็ได้เจอหน้าลูกแล้ว (ตามตำนานลูกทั้งสองเกิดจากโลหิตของเมดูซ่า ขณะที่เพอร์ซิอุสกำลังตัดคอเธอขาด)


“ไครเซออร์ เพกาซัส” เธอเรียกชื่อทั้งสองก่อนที่จะเดินเข้าไปหาลูก ลูกทั้งสองเดินเข้ามาหาก่อนที่ไครเซออร์จะแปลงกลายเป็นเด็กหนุ่มสวมเกราะทองเข้ากอดแม่


สามคนแม่ลูกกอดกันแน่น ช่วงเวลากว่าพันปีที่ไม่เคยพบหน้ากันถูกชดเชยด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ทว่าเพลานี้ไม่เหลือเวลาให้พวกเขาได้ซาบซึ้งกันนานนัก เมดูซ่าจำต้องผละออกจากลูกๆก่อนจะรีบพูดเจตนาที่ตั้งใจไว้แต่แรก


“เพื่อนของเราต้องการความช่วยเหลือ พวกเจ้าต้องพาเข้าไปหาแอตลาส” ทั้งสองขยับตัวด้วยความไม่สบายใจนัก ก่อนที่ไครเซออร์จะพูดขึ้น


“เพกาซัสจะเป็นคนพาพวกเจ้าไป ส่วนข้าจะพาท่านแม่กลับบ้าน” ไครเซออร์หันมาบอกคริสกับชานยอล คู่รักพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ก่อนที่เมดูซ่าจะพูดขึ้นกับเพกาซัส


“เจ้ารีบพาพวกเขาไปให้ถึงที่อยู่ของแอตลาส เวลาไม่คอยท่าแล้ว” เพกาซัสผงกหัวรับก่อนที่เขาจะย่อตัวลงให้คริสกับชานยอลขึ้นนั่งบนหลัง เจ้าม้ามีปีกสีขาวสยายปีกขนาดมหึมาออก แรงลมค่อยๆตีรวน ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปจากแล้วพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าด้วยความรวดเร็ว


ไปกันเถอะ ได้เวลาไปหายักษ์ผู้แบกโลกจอมงี่เง่าคนนั้นแล้ว


คริสกับชานยอลพยักหน้าก่อนที่เขาจะจมดิ่งเข้าสู่ความกังวล น่านฟ้าคืออาณาเขตของซุส...


พวกเขากำลังเข้ามาในอาณาเขตของศัตรู...


http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ