0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

ตอนที่ 20 น้ำตาแห่งแอตลาต

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin

ชานยอลพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดและกังวลไว้ขณะที่เดินลงมาจากเขาที่ร้องครืนครานอยู่ตลอดเวลา คริสกำลังลำบาก แต่เขาหันหลังกลับไปช่วยไม่ได้ ทางเดียวที่เขาจะช่วยคริสได้ตอนนี้คือต้องรีบ ร่างโปร่งพาแอตลาสลงมาได้ถึงตีนเขา เขาเงยหน้าหาทิศเหนือก่อนจะเคาะรองเท้าเข้าหากันสามครั้งแล้วพูดขึ้น


“ข้าขอสาบานว่าข้าคือมนุษย์กึ่งเทพผู้โง่เง่าเต่าตุ่นที่สุดในศตวรรษ ประตูล่องหนแห่งตัวโกงจงเปิดออก” ฉับพลันนั้นประตูหน้าตาผิดรูปสีเละเทะเหมือนถูกถังสีทุกถังในโรงงานสาดใส่ก็ปรากฏขึ้น ชานยอลเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูที่แทบจะหลุดออกมาจากขั้วดังคลิ๊ก


“ประตูแห่งทิศใต้จงนำทางข้าไป” สิ้นเสียงนั้นประตูก็เปลี่ยนสีเป็นสีเขียวพร้อมกับเปิดผ่างออกภายในนั้นคือสีดำทมิฬที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง ชานยอลสูดหายใจลึกก่อนจะเดินนำเข้าไป แล้วเขาก็ล่วงหล่นลงไปในนั้นทันที เส้นทางสุดประหลาดของเซฮุนพาเขาไหลไปตามทางราวกับกำลังนั่งสไลเดอร์ มันไหลเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเขาแทบจะหัวใจวาย ร่างโปร่งเหลียวหลังกลับไปมองเพกาซัสและแอตลาส สำหรับม้าบินนั่นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับแอตลาสนั่นมีแน่...


ช่องทางนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อยักษ์


เส้นทางหลังจากที่แอตลาสร่วงลงมาค่อย ๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับที่คนวิ่งไปบนพื้นน้ำแข็งที่เปราะบาง มันแตกตามหลังเขามาเรื่อยๆ เศษซากของช่องทางหลุดกระจายไปหลายพื้นที่ ทั้งทะเล ทั้งเกาะ ทั้งป่าเขา ชานยอลแทบไม่รู้เลยว่ามันใช้หลักเกณฑ์อะไรในการกระจายไปตกในแต่ละที่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องนั้นมันก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าพวกเขาจะไปถึงทันก่อนที่เส้นทางจะพังมั้ย


เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!!


“ประตูรออยู่ตรงนั้นแล้ว!!” ร่างโปร่งตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่บานประตูสีเขียวที่อยู่ไม่ไกล แอตลาสคำรามก้อง พลังเสียงของเขายิ่งไปเร่งให้เส้นทางแตกเร็วขึ้นอีก


“เร็ว!!!” ชานยอลร้องอีกแค่ไม่กี่เมตรเขาก็จะถึงแล้ว


เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ


เสียงทางแตกไล่ตามหลัง ร่างโปร่งเอื้อมมือไปข้างหน้าก่อนที่ขาจะเปิดประตูผ่างออก พวกเขาตกลงมาอยู่บนพื้นทรายสีขาวสะอาดก่อนที่ประตูจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพกาซัสกับชานยอลหันกลับไปมอง


ดูท่าว่าเราจะไม่มีทางให้กลับไปแล้ว


เพกาซัสพูดขึ้น ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรกลับก่อนที่เสียงร้องไห้จะดังขึ้นพวกเขาหันไปมองตาม ต้นเสียงนั้นมาจากภายในเกาะ


“คาลิปโซ่... ข้าจำเสียงนั้นได้” แอตลาสพึมพำก่อนจะเดินเข้าไปในเกาะ


เกาะนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างตั้งแต่วันที่พวกเขามาฮันนีมูน มันสวยงาม และเลิศเลอราวกับออกมาจากความฝัน รีสอร์ทของเซฮุนยังตั้งอยู่ที่ด้านหลัง และแน่นอนว่าคาลิปโซ่ต้องไม่รู้เรื่องนี้ เพราะรีสอร์ทนั้นเป็นรีสอร์ทล่องหน ทุกการมีอยู่ของมัน และทุกการเข้าออกถูกทำให้ล่องหน เซฮุนไม่อยากให้คาลิปโซ่รู้สึกว่าถูกรบกวน แต่เมื่อชานยอลมาเห็นที่พำนักของเธอ ร่างโปร่งก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว...


ด้านหน้าเกาะดูเงียบเหงาเกินไป แม้จะมีสวนดอกไม้ที่สวยงามและกลิ่นหอมอย่างที่ไม่มีพืชพันธุ์ใดในโลกจะทำได้แต่ตัวเลขที่เขียนอยู่บนกระถางทำให้เขาเศร้า


วันที่1 โอดิสซิอุสจากไป


วันที่2 ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน


วันที่3 ขอให้ท่านกลับมาได้มั้ย


.

.


วันที่2800 ข้าก็ยังคงรักท่าน


วันที่2801 ข้าก็ยังคงรักท่าน


วันที่2802 ข้าก็ยังคงรักท่าน


แอตลาสหยิบมันขึ้นอ่านด้วยมืออันสั่นเทา ลูกของเขาเจ็บปวด เจ็บปวดเพราะชายคนหนึ่ง เธอจมอยู่กับความสูญเสียมานานกว่าสองพันปีโดยที่ไม่ลืมแม้กระทั่งความรู้สึกของวันแรกที่มีต่อเขา เป็นความรักที่มิอาจสมหวัง เป็นความรักที่มีแต่ความเจ็บปวด


เขาวางมันลงอย่างช้าๆ ก่อนจะมองไปที่บ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท้ายสวน เสียงร้องไห้ของคาลิปโซ่ดังมาจากที่นั่น


“ฮึก...ข้าคิดถึงท่าน ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” เธอสะอึกสะอื้น ชานยอลไม่เคยรู้ว่าการเจ็บปวดเพราะคนที่รักมากว่าพันปีเป็นอย่างไร แต่สำหรับเขาการเศร้าโศกเพียงวันเดียวมันก็ทรมานพออยู่แล้ว


“ทำไมกัน ทำไมข้าต้องทรมานขนาดนี้” เธอยังคงตัดพ้อต่อโชคชะตา เธออยู่คนเดียวมาตลอด ตื่นมาคนเดียว ทำอะไรเองคนเดียว และเข้านอนเพียงคนเดียว เธอไม่เคยได้คุยกับใคร แม้ว่าจะมีลูกเวทมนตร์นั้นคอยช่วยงาน แต่นั่นก็ไม่ใช่คน


แอตลาสค่อยๆดันประตูเปิดเข้าไปในบ้าน เสียงสะอึกสะอื้นดังมาจากห้องครัว เขาเดินตรงไปที่นั่นก่อนที่ความตกใจจะพุ่งจู่โจมหัวใจของเขา แอตลาสยืนนิ่ง คาลิปโซ่ของเขา ลูกสาวตัวน้อยของเขา ที่เขาเคยอุ้มเคยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ยายบ้าเสียสติ


คาลิปโซ่ซูบผอม ที่คอกับที่แขนมีรอยกรีดเต็มไปหมด เธอคงจะพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จเพราะเธอเป็นอมตะ และตอนนี้เธอก็กำลังจะทำอีกครั้ง!!!


“ให้ข้าตายสักที!!! ให้ข้าตายสักที!!!” เธอเงื้อมีดขึ้นจะแทงท้อง เทพเจ้าวิ่งเข้าไปคว้าร่างเธอมากอดไว้แน่น


“คาลิปโซ่...อย่าทำ อย่าทำอย่างนั้น..” แอตลาสพร่ำบอก หัวใจของคนเป็นพ่อแหลกสลาย


ทันใดนั้น สิ่งที่ชานยอลไม่คาดฝัน สิ่งที่ชานยอลรอคอยมาตลอด สิ่งที่เขากับคริสเฝ้าฝันหา นั่นน้ำตาของแอตลาส น้ำตาของเทพเจ้าผู้ที่ร่ำไห้ออกมาได้ยากที่สุด มันกำลังอยู่ตรงหน้าเขา มันกำลังหยดลงมาอยู่ตรงหน้าเขา


เทพเจ้าค่อยๆหลั่งน้ำตา ทันที่มันตกลงบนพื้นมันก็กลายเป็นคริสตัลทันที ชานยอลรีบเก็บมันเอาไว้


“ท่าน...ท่านพ่อหรอ” หญิงสาวถามอย่างเลื่อนลอย เทพเจ้าผละออกมาลูบใบหน้าของเธออย่างรักใคร่โดยไม่สนใจว่าตอนนี้เธอจะน่าเกลียดแค่ไหน


“จำพ่อได้มั้ย จำพ่อได้มั้ยคาลิปโซ่”


“ท่านพ่อ... ไม่ ไม่ ไม่ทาง นี่คือภาพหลอนใช่มั้ย หรือมีเทพที่ไหนส่งมา อธีนาใช่มั้ย! หรือว่าซุส!!!” เธอหุนหันลุกขึ้นชี้ท้องฟ้าราวกับเทพพวกนั้นอยู่บนนั้น


“บอกให้เขาฆ่าข้าที บอกให้เขาฆ่าที!!!” เธอแผดเสียงอย่างคนที่หมดหวังก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น แอตลาสสวมกอดลูกไว้แน่น


“นี่พ่อของเจ้า พ่อของเจ้าแท้ๆ ข้า แอตลาส พ่อของเจ้าจริงๆมิใช่ใครอื่น” ชานยอลยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างอดไม่ได้


“ท่านพ่อ ท่านพ่อตัวจริงๆ ท่านพ่อ ท่านจริงๆหรอ” คาลิปโซ่ยังคงทวนคำพูด แอตลาสพยักหน้าก่อนจะประคองใบหน้าของลูกสาวอย่างทนุถนอม


“ใช่ พ่อของเจ้าจริงๆ ข้าคือพ่อของเจ้าจริงๆ” คาลิปโซ่มองเขาอย่างพินิจ เธอกวาดตามองตั้งแต่เส้นผม ดวงตา จมูก ปาก และใบหน้าราวกับค่อยๆขุดความทรงจำเมื่อพันปีออกมา ฝ่ามือที่บอบบางค่อยๆสัมผัสใบหน้าของผู้เป็นพ่ออย่างแผ่วเบา


“เป็นท่านจริงๆหรือ เป็นท่านจริงหรือ...” แอตลาสพยักหน้าทั้งน้ำตา


“ใช่ พ่อเอง พ่อของเจ้า”


“ท่านพ่อ!!!” คาลิปโซ่โผเข้ากอดผู้เป็นพ่อแน่น เธอเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมเธอถึงชอบมองท้องฟ้า วันนี้เธอรู้คำตอบแล้ว เพราะว่าพ่อของเธอถูกลงทัณฑ์ให้ต้องแบกมันเอาไว้ เธอมักจะจินตนาการมาตลอดว่าบนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ วันนี้เธอรู้แล้วว่าเขาคือใคร


เขาคือพ่อของเธอ พ่อแท้ๆที่เธอไม่ได้เจอหน้ามานานกว่าพันปี


“ฮึก ข้าคิดถึงท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านพ่อ” เธอพร่ำบอก แอตลาสกอดลูกสาวเอาไว้แน่น


“พ่อก็คิดถึงเจ้า ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ” เทพเจ้าจูบหน้าผากของเธอ ชานยอลปาดน้ำตาอย่างเสียไม่ได้ ถึงอย่างไรลูกสำหรับพ่อแม่ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยและงดงามอยู่เสมอ ต่อให้ลูกจะโตสักแค่ไหน หน้าตาน่าเกลียดสักเท่าไร คนทั้งโลกจะรังเกียจเดียดฉันท์สักแค่ไหน ก็ยังมีชายหญิงคู่เดียวบนโลกที่จะรัก และห่วงใยเขาอยู่เสมอ สองคนนั้นก็คือ..


พ่อและแม่


ร่างโปร่งปล่อยให้ทั้งคู่ได้กอดกันอยู่อย่างนั้น วันเวลากว่าพันปีที่ผ่านมาถูกชดเชยด้วยอ้อมกอดและคำบอกรักของพ่อและลูก ร่างโปร่งคอยปาดน้ำตาออกจากแก้ม ถ้าคริสกับเขาได้เจอลูกก็คงจะกอดโยดากับโยฟานไว้แน่นเท่านี้เหมือนกัน


ครืนนนน!!


จู่ๆก็เหมือนฟ้าจะถล่ม ชานยอลหันขวับไปหา


“คริส...” หัวใจของเขาร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คริสกำลังจะรับน้ำหนักไว้ไม่ไหวแล้ว


“เราต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!!!” ร่างโปร่งแผดเสียงขึ้น แอตลาสผละออกจากลูกอย่างเสียดาย ก่อนที่เขาจะยอมถอยกลับออกมา


“คริสกำลังจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว พวกเราต้องรีบกลับไป!!!” เขาฉุดแขนของแอตลาส ประตูล่องหนของเซฮุนเปิดขึ้น แอตลาสหันกลับไปหาลูก


“แล้วข้าจะเฝ้ามองเจ้าจากบนนั้น...” คาลิปโซ่พยักหน้าพร้อมกับแย้มยิ้ม


“ข้ารักท่านพ่อนะ” แอตลาสคลี่ยิ้ม ประตูทิศตะวันออกเปิดออก ชานยอลต้องเลือกใช้บานที่อ้อมกว่า


“ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน” แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปสู่ประตูทิศตะวันออกแล้วหายลับไปในพริบตา



โลกกำลังจะถล่ม ท้องฟ้ากำลังร้องลั่น แผ่นดินกำลังสั่นไหว คริสกำลังจะตาย แรงกดดันทุกอย่างกดทับร่างของเขาจนเข่าจมลงไปในดินข้างหนึ่ง ก่อนที่มันจะจมลงไปอีกข้างอย่างรวดเร็วเมื่อเขารับน้ำหนักไม่ไหว ท้องฟ้าสั่นสะเทือนอีกครั้ง เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสนั่น ร่างสูงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาถูกเผาไหม้จนแทบระเบิด เขากำลังจะทนไม่ไหว เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว


“อั่ก!” ร่างของเขาทรุดฮวบ แขนข้างหนึ่งกล้ามเนื้อฉีก ความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วร่างแต่ตอนนี้สติกลับรับรู้ได้แต่แรงที่กดทับลงมาเรื่อยๆ ร่างกายของเขากำลังจะถึงขีดสุด เข็มวินาทีในร่างกายกำลังนับถอยหลัง


5 แรงดันในร่างกายของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ


4 เส้นเลือดฝอยแตกเป็นจำนวนมาก


3 กล้ามเนื้อต่างๆฉีกขาด ร่างกายปวดร้าว


2 โลหิตสีแดงไหลทะลักออาจากทวารทั้งห้า


1 ร่างกายเตรียมตัวระเบิด...


.


.


.


0


“เจ้าเป็นลูกที่แย่มาก”


“ท่านพ่อ!” คริสอุทานอย่างอ่อนแรง ฮาเดสแปลงกายมาในร่างจริงของเทพเจ้าที่สูงเกือบเท่าไททัน เขาเข้ามาช่วยค้ำยันผืนฟ้าให้กับคริสที่ด้านหลัง แต่ทว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว..


“คุณพ่อ!”


“คุณป่าป๊า!!!”


เสียงโยดากับโยฟานดังขึ้น เด็กน้อยทั้งสองรีบเข้ามาพยุงแขนของพ่อเอาไว้คนละข้าง เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของทั้งสองเปล่งแสง ตาข้างหนึ่งเป็นสีน้ำทะเล ในขณะที่อีกข้างเป็นสีทอง ไอพลังสีน้ำเงินละดำแผ่กระจายออกมาจากเด็กทั้งสองก่อนจะเข้ารวมกันเป็นหนึ่งจนก่อเกิดเป็นร่างเสมือนจริงของเทพเจ้า ฮาเดสและโพไซดอนขนาดเท่าตอนคืนร่างจริงกำลังช่วยคริสแบกท้องฟ้าเอาไว้


“มา... มาได้ ....ยังไง!!!” ร่างสูงถามอย่างตกใจ เด็กน้อยทั้งสองเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นเครือ


“พวกเราฝันเห็นคุณพ่อกำลังตาย หนูเลยรีบไปหาคุณปู่!” โยดาตอบ โยฟานพยักหน้ารับ


“เราเห็นคุณปู่กำลังจะขึ้นมาพวกเราเลยแอบขึ้นมาด้วย” โยฟานตอบ ฮาเดสขมวดคิ้วก่อนจะตอบ


“ข้ารับรู้ได้ว่าเจ้ากำลังจะตาย” เขาบอกก่อนที่ท้องฟ้าจะสั่นคลอนเหมือนโลกยังไม่กลับมามั่นคง ชัดเจนว่าแม้แต่พวกเขาก็มิอาจจะรั้งโลกไว้ไม่ได้นานนัก แอตลาสจะต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุด


“อีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะกลับมา” ฮาเดสถาม คริสส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เทพเจ้ายิ่งกลัดกลุ้ม ไม่มีทางที่พวกเขาจะทานน้ำหนักนี้ได้นาน สุดท้ายพวกเขาจะอ่อนล้าแล้วก็พ่ายแพ้ให้กับท้องฟ้าและผืนดิน....ขืนเป็นอย่างนี้โลกจะต้องถล่มแน่


“ข้าไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นหรอก...”


จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้นห่างออกไปไม่ไกล เธอสวมชุดสีขาวสง่างามและกำลังมองมาที่พวกเขาอย่างเคร่งเครียด


“ท่านเฮรา...” คริสพึมพำ เฮราตวัดมือกลางอากาศไอหมอกสีขาวลอยออกมาก่อนที่มันจะรวมตัวกันแล้วค่อยๆกลายเป็นนกยูงขนาดยักษ์


“ข้าไม่มีวันให้ของขวัญจากข้าต้องแตกสลาย” เทพีลั่นวาจาก่อนที่นกยูงตัวนั้นจะบินเข้ามาหา ฉับพลันนั้นอีกร่างหนึ่งก็ซ้อนทับ ยักษ์ร้อยตาที่เมื่อครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้เฝ้าอุทยานผู้ซื่อสัตย์ของเทพีก่อนที่จะถูกเฮอร์มีสปลิดชีพนามว่าอาร์กัสปรากฏให้เห็นสู่สายตาก่อนที่เขาจะช่วยพยุงผืนฟ้าไว้


“อาร์กัส..” คริสพึมพำอาร์กัสไม่ใช่ยักษ์ผู้เฝ้าอุทยานธรรมดา แต่เขาคือสาเหตุของการที่นกยูงทุกตัวในปัจจุบันมีลักษณะเหมือนดวงตาที่หาง เพราะเมื่อครั้นที่เขาถูกสังหาร องค์เทพีจึงเกิดความสงสารจึงนำดวงตาทั้งร้อยดวงที่อยู่บนตัวของเขามาติดที่หางของนกยูงที่เลี้ยงไว้จึงเกิดเป็นสัญลักษณ์หางของนกยูงในปัจจุบัน
ท้องฟ้ากับผืนดินกลับมาอยู่ในความสมดุลอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดรวมพลังกันค้ำยันมันเอาไว้ ความรู้สึกนึกย้อนไปถึงแอตลาส เขาทนได้ยังไงกัน เขารับน้ำหนักที่มากมายมหาศาลอย่างนี้บนบ่าของเขาเพียงคนเดียวได้ยังไงกัน นี่มันไม่ใช่งานของนักโทษ แต่มันเป็นงานของผู้ทรงพลัง...


“พวกเขากำลังมา...” อาร์กัสพูดขึ้น ดวงตาสามสี่ดวงที่แขนขวาของเขากำลังมองไปทางทิศตะวันออก
“อีกสามนาที” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนนับเวลาถอยหลัง


3 นาที


2 นาที


และ...


1 นาที


ประตูสีแดงปรากฏขึ้นที่ทิศตะวันออก ชานยอลกับแอตลาสวิ่งออกมาจากในนั้นก่อนที่ชานยอลจะอุทานเสียงหลงเมื่อเห็นลูกๆ เขารีบตรงเข้ามาหาก่อนจะหันไปหาแอตลาส


“ท่านเป็นคนเดียวที่จะแบกน้ำหนักโลกนี้ได้ อีกไม่นานพวกเขาจะทนไม่ไหว” ยักษ์ไททันมองทุกคนด้วยสายตาว่างเปล่า เห็นชัดว่าเขาไม่อยากกลับไปทำหน้าที่เดิมเมื่อถึงเวลา


“ท่านจะไม่เล่นลิ้นกับผมใช่มั้ย” ร่างโปร่งถามย้ำ แอตลาสนิ่ง เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งราวกับว่าเตรียมจะหนี


“ข้าแบกมันมานานกว่าพันปี...” เขาพูดขึ้นความทรงจำที่ได้อยู่กับลูกไหลเข้ามาในหัว ตอนนั้นมันมีความสุข ร่างกายไม่ต้องแบกรับอะไร และในเมื่อเขาหลุดพ้นมันมาได้แล้ว ทำไมเขาจะหลุดพ้นไปตลอดไม่ได้ล่ะ...


“และข้าก็จะไม่แบกมันอีกแล้ว!” เขาวิ่งหนี แล้วจู่ๆคริสก็พูดขึ้น


“แต่นี่คือหน้าที่อันทรงเกียรติที่สุดของเทพเจ้า..” เทพเจ้าชะงักแต่ยังไม่หันกลับมามอง


“ท่านอาจคิดว่านี่คืองานของนักโทษ ไร้เกียรติยศและยากลำบาก แต่ท่านรู้มั้ยว่าท่านคือคนเดียวที่สามารถทำงานนี้ได้” คริสพูด ท้องฟ้าเริ่มสั่นเล็กน้อย ในขณะที่แอตลาสก็ยังคงนิ่ง


“มีแค่ท่านคนเดียวที่สามารถรับน้ำหนักไหว มีแค่ท่านคนเดียวที่ทรงพลังมากพอ มีแค่ท่านคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้” แววตาแอตลาสเริ่มวูบไหว


“ท่านอาจจะไม่รู้....ว่างานของท่านมันทรงเกียรติมากแค่ไหน...”


“น้อยนักที่ชื่อของเทพเจ้าจะเป็นที่จดจำของมนุษย์รุ่นใหม่ ต่อให้พวกนักวิทยาศาสตร์จะเอาไปตั้งชื่อดาว ยานอวกาศหรืออะไรก็ตาม แต่ก็น้อยคนที่จะรู้และจำได้ แต่กับชื่อของท่าน.....ท่านรู้มั้ยว่าท่านสำคัญมากแค่ไหน..” ดวงตาของเทพเจ้ากับคริสสบตากันก่อนที่ร่างสูงจะพูดในขณะที่ฟ้าก็สั่นคลอนทีละนิด


“ชื่อของท่านถูกตั้งเป็นหนังสือภูมิศาสตร์ มนุษย์ทุกคนต้องเรียกมันว่าแอตลาส ไม่มีใครเรียกมันว่าหนังสือแผนที่สักคน แล้วนอกจากนี้ชื่อของท่านยังถูกตั้งเป็นชื่อของกระดูกสันหลังชิ้นแรกที่ค้ำยันระหว่างกระโหลกกับลำคอของมนุษย์ แล้วท่านรู้มั้ยว่าทำไมพวกเขาถึงตั้งชื่ออย่างนั้น...” เขาสบตากับเทพเจ้าอีกครั้ง


“ก็เพราะว่าสิ่งที่ท่านทำและกระดูกส่วนนั้นต้องทำมันมีหน้าที่เหมือนกันไงล่ะ มันต้องแบกรับน้ำหนักส่วนที่สำคัญที่สุดของมนุษย์!” แอตลาสชะงักงัน เขามองคริสด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก แต่คริสก็ยังคงไม่หยุดความตั้งใจ


“ทีนี้ท่านเข้าใจหรือยัง” เทพเจ้าสบตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับทุกคน ท้องฟ้าเริ่มสั่นคลอนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับพูดขึ้น


“ถอยออกไปซะ...” แอตลาสว่าก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาแบกรับน้ำหนักของท้องฟ้าและค้ำยันผืนดินเอาไว้แทน


ทุกคนถอยออกห่าง ชานยอลโผเข้ากอดลูกพร้อมถามไถ่ว่าพวกเขามาได้ยังไง ฮาเดสรักษาลูกชาย นกยูงอาร์กัสกลับไปหาเฮรา ในขณะที่แอตลาสกำลังรับน้ำหนักที่หล่นทับลงมาจากฟากฟ้าแต่เพียงผู้เดียว คริสหันไปสบตากับเขา บัดนี้ไม่ได้แสดงสีหน้าอมทุกข์อมโศกอีกแล้วแต่เขากลับทรงไว้ซึ่งเกียรติและพลังอย่างมหาศาล ร่างสูงก้มศีรษะลงคำนับก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น


“ท่านคือเทพเจ้าผู้เสียสละที่สุด และเรื่องเล่าของท่านจะถูกเล่าขานสู่มนุษย์กึ่งเทพรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งไปตลอดกาล” แอตลาสสบตาเขาด้วยแววตาที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยความขลัง


“และพวกเจ้า...” เขาเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงอันดังกึกก้อง


“จะเป็นมนุษย์กึ่งเทพพวกแรกและพวกสุดท้ายที่ได้น้ำตาแห่งแอตลาสไป” เทพเจ้ายื่นมือไปแตะหน้าผากของโยดากับโยฟาแสงสีทองสว่างวาบประกาศรัศมีเปล่งประกายรอบตัวเด็กทั้งสอง ก่อนที่เสียงอันทรงพลังจะดังขึ้น


“จงมีชัยอยู่เหนือซุส” ฉับพลันนั้นท้องก็ฟ้าสั่นสะเทือน แผ่นดินไหวเป็นระลอก ราวกับว่าโลกเป็นสักขีพยานให้กับการอวยพรครั้งนี้ โยดากับโยฟานก้มลงคำนับยักษ์ไททันผู้ยิ่งใหญ่แม้พวกเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรก็ตามชานยอลกับคริสต่างโค้งศีรษะขอบคุณแอตลาสอย่างซาบบซึ้งก่อนที่ฮาเดสจะพูดขึ้น


“ซุสกำลังมา...” คำพูดของเทพเจ้าทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่ความเครียด เทพเจ้าหันมาสบตากับพวกเขา


“เราต้องรีบไปกันแล้ว” หมอกสีดำค่อย ๆ ปกคลุมพวกเขาเอาไว้ ชานยอลที่กอดลูกอยู่ร้องถาม


“ท่านจะพาพวกเราไปที่ไหน” ฮาเดสสบตาพร้อมกับที่ฟ้าเริ่มกลายเป็นสีครึ้ม สายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่ว


“ลงไปทาร์ทารัส หาของชิ้นต่อไปของพวกเจ้าไง...” แล้วฉับพลันนั้นพวกเขาก็หายไปพร้อมกับสายหมอก...


http://0ctogus.forumth.com

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ