0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่18

+9
NikyNook
mimiw
akanishibluecat
pachaam_
Sky_fff
FERNERY
:D
t_satsuki
0ctogus
13 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin




สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่18 Ultkr












ใครส่งมากัน หรือว่าจะเป็นตัวผมเองนะ ผมรีบคลี่จดหมายออกอ่าน ไขข้อข้องใจของตัวเอง....



สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่18 Dpkl4




“อะไรเนี่ย ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย!!!” ผมนั่งโวยวายใส่จดหมาย ก็จะไม่ให้โมโหได้ไงล่ะ ในเมื่อจดหมายมันพูดถึงอะไรก็ไม่รู้ มีศัพท์บ้าๆบอๆ เขียนอยู่เต็มไปหมด ดัมโบ้มั่งล่ะ เดินป่ามั่งล่ะ ไอ้สองคำนี้นี่มันคืออะไรกัน หมอโรคจิตนั่นเป็นดัมโบ้ แล้วก็ให้เราขี่หรอ หรือยังไง อะไรอ้ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!!!




ผมขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะฉวยเอาจดหมายฉบับอื่นๆที่กองเป็นภูเขาอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านต่อ ทันทีที่อ่านจบ ผมก็อยากจะตะโกนด่าตัวเอง(ตอนที่บ้า)มาก เพราะไอ้ไดอารี่เล่าอัตชีวประวัติอันนี้มันไม่รู้เรื่องเลย!!! ผมจับใจความหลักๆได้แค่ เมื่อสองสามเดือนก่อนผมไปอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นเจอหมอคนหนึ่งที่หล่อมาก แล้วผมก็ชอบเขา แล้วก็อีกบลาๆ ที่ผมไม่เข้าใจ เพราะมันมีไอ้ศัพท์แสนยากอยู่มากเกินไป จะไปถามหม่าม๊า ถามป้าแม่บ้าน ก็คงไม่ได้อะไร เพราะเขาก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี เผลอๆโดนล้อเรื่องทำอะไรติงต๊องอย่างนี้อีก ตัวเลือกสุดท้ายก็เหลืออยู่คนเดียวที่จะช่วยผมได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่อยู่กับผมตลอดเวลา รู้ทุกอย่างที่ผมเป็น แล้วก็ต้องสนิทกับผมมากๆด้วย ซึ่งนั่นก็คือ.....คือ คือ






ไอ้หมอโรคจิต!!!







“ย๊า ต้องกลับไปหาเขาจริงๆหรอเนี่ย”ผมล้มตัวนอนบนเตียงอย่างแรง หน้าของผมร้อนผ่าวเหมือนอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน รสสัมผัสหวานละมุนละไม และนุ่มนิ่มเหมือนมาชเมลโล่ที่เคยประทับบนริมฝีปากของผมจู่ๆก็กลับมาทำให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง.........





...แค่นึกถึง ก็เป็นซะขนาดนี้แล้วหรอ ชานยอล....




ผมยกหมอนขึ้นปิดหน้า พยายามสั่งให้ตัวเองโมโห แต่เจ้าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกลับสั่งให้ผมยิ้ม แล้วสุดท้ายมันก็ชนะ โอ้ ให้ตายเถอะ แค่นึกถึงเขา หัวใจกับสมองก็สับสนแล้ว ถ้าต้องไปเจออีก.....ไม่อยากจะคิดเลยว่าสงครามระหว่างหัวใจกับสมองจะเป็นยังไง




เพราะฉะนั้นเรื่องจะไปถามเขาตอนนี้...........................พักไว้ก่อนได้เลย




ผมยังไม่แข็งแรงพอจะไปให้เขาฆ่าอีก แค่ครั้งล่าสุดก็เล่นตายมาแบบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ให้ไปอีกคงไม่ไหว แต่ไอ้จะให้นั่งรอเฉยๆอย่างนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน มันเสียเวลาเปล่า เราควรทำอะไรระหว่างที่รอกำลังใจกลับมาบ้าง แต่จะทำอะไรนี่สิ.....ปัญหา.....อ๊ะ!!! เดี๋ยวนะ ทำอะไรระหว่างรอหรอ ฮิ!! นึกออกแล้ว!!!!





ผมรีบกระเด้งขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะวิ่งไปยัดของที่จำเป็นต้องใช้ใส่กระเป๋า กล้องถ่ายรูป กระดาษโน้ต เสื้อฮู๊ดพรางตัว ที่นี้ก็พร้อมแล้ว….





“ได้เวลาสนุกแล้วสิ คุโร” ผมสวมแว่นดำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปปฏิบัติภารกิจลับ...






-----------------------------------------






“คุณหมอคะ เที่ยงนี้ทานข้าวที่ไหนกันดีละคะ ร้านคุณป้าก็ดันหยุดไปอีก ร้านอื่นก็ไม่อร่อย” เสียงพยาบาลคนหนึ่งถามแพทย์หนุ่มร่างสูงที่กำลังเก็บเอกสารอยู่ คนถูกถามนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ




“ผมจะกินที่นี่นี่ละ ไม่อยากออกไปข้างนอก มันร้อน พยาบาลคิมละ”


“ร้อนหรือขี้งกไม่อยากจ่ายค่าอาหารแพงกันแน่คะ คุณหมอออ”


“ใครจะไปรวยแบบคุณพยาบาลคิมละครับบบบ”


“แหมๆ ทำพูดไป ฉันน่ะจนกว่าคุณหมอตั้งเยอะ อุ๊ย!! ตายแล้ว เที่ยงแล้วหรอเนี่ย เดี๋ยวฉันรีบไปดีกว่า เดี๋ยวคนจะเยอะ ขี้เกียจรอคิวนาน คุณหมอจะฝากซื้ออะไรมั้ยคะ”


“ไม่ล่ะครับ รีบไปเถอะ เดี๋ยวยืนรอคิวนานผมไม่รู้ด้วยนะ” นายแพทย์หนุ่มพูดยิ้มๆ



“ค่า งั้นไปละนะค๊า” เธอตอบเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปจากห้องตรวจด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางคิดไปด้วยว่าวันนี้เธอจะกินข้าวร้านไหนดี....




ก๋วยเตี๋ยวก็น่าจะอร่อย แต่ว่าข้าวร้านนั้นก็ถูกดี ถ้ากินร้านนั้น ก็จะได้แวะซื้อขนมที่คุณหมอชอบมาฝากได้ด้วย แต่ว่าก๋วยเตี๋ยวก็ดีนะ ขณะที่สองความคิดกำลังฆ่าฟันกันอยู่ในหัวของหญิงสาว หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายตัวสูงโย่ง สวมฮู๊ดลายพราง และพรางหน้าจากแว่นดำ ที่เห็นแวบแรกก็รู้ทันทีว่ามันไม่น่าไว้ใจ กำลังทำตัวลับๆล่อๆอยู่บนกำแพง!!!




“ทำอะไรน่ะ!!!!!!!”



“ห๊ะ หวา…. มะ ไม่ ฮะ เฮ้ยยยยยยย!!!!!!!!”




ตุ๊บ!!!!!!



เสียงวัตถุดิ่งอิสระลงมาจากกำแพงด้วยความเร็วสูงชนิดที่นิวตันต้องทึ่ง!!!





“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย // น้องชานยอล!!!” สองเสียงประสานพร้อมกัน ตัดสินไม่ขาดว่าเสียงไหนตกใจมากกว่ากัน



“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นคะเนี่ย!!!! // รู้จักผมหรอ!!! ” ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันด้วยความสับสน และรอให้อีกฝ่ายตอบคำถามของตน สุดท้ายหญิง
สาวก็ทนไม่ไหว ถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตกใจระคนตื่นเต้นมากกว่าเดิม


“น้องชานยอลมาทำอะไรที่นี่คะ แล้วทำไมถึงตกลงมาได้ แล้วทำไมจะต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย!!!” เด็กหนุ่มกรอกตาไปมา อ้าปากพะงาบๆอย่างจนปัญหาที่จะหาคำตอบมาให้เธอ หัวสมองของเขาหมุนเร็วจี๋จนแทบจะมีควันลอยออกมาจากกะโหลก จะให้เขาตอบยังไงล่ะ ในเหมือนสาเหตุที่หอบเขามาถึงนี่ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด!!!


“อะ เอ่อ มา มา มา อะ เอ่อ อ๋ออออ!!! มาเป็น อาสาสมัครครับ คือ คือ เพิ่งเรียนปฐมพยาบาลที่โรงเรียนมา เลย เลยเลย ซาบซึ้ง!!!ใช่ๆ ซาบซึ้งมากๆ เลยอยากจะมาทำ” เด็กหนุ่มแสร้งทำหน้าจริงจังจนดูเกินเหตุ ส่งผลให้คำพูดของเขาดูไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย


“ อาสาสมัคร?” เป็นไปตามคาด พยาบาลสาวไม่เชื่อคำพูดเขา ลำพังแค่ไม่มีคำโกหกเธอก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว ยิ่งมีคำโกหกสุดแสนจะไม่น่าเชื่อนั่นก็ยิ่งทำให้เธอไม่เชื่อคำพูดเขามากเข้าไปใหญ่



“ผม ผม ผมพูดจริงนะ ที่ ที่นั่งบนกำแพง เพราะ เพราะ อ๋อออ!!! ผมอยากรู้ว่าบรรยากาศที่ทำงานเป็นไงมั่ง เลย เลย ขึ้นไปถ่ายรูปเก็บไว้ แบบ แบบ วัยรุ่นไงงงง ไปที่ไหนก็ถ่ายอ้ะ” ชานยอลพูดโดยไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย


“อ๋ออออ วัยรุ่น ชอบถ่ายรูป ปกติเขาใช้มือถือถ่ายไม่ใช่หรอคะ แล้วถ้าอยากจะถ่ายจริงๆ ทำไมไม่เดินเข้าทางประตูละคะ จะมาปีนกำแพงทำไม”


“เอ่อออออออ การถ่ายรูปแนวใหม่ไงครับ”


“อ๋อออ ถ่ายรูปแนวใหม่ สงสัยพี่ต้องฝึกถ่ายบ้างนะคะเนี่ย แล้วนี่มาสมัครเป็นอาสาสมัครใช่มั้ยคะ งั้นเดี๋ยวพี่พยาบาลไปถามคุณหมอก่อนดีกว่า ว่ายังรับอาสาสมัครเพิ่มได้อยู่มั้ย”


“ดะ เดี๋ยวครับๆ หมอ หมอนี่ ใช่หมอคริสรึเปล่าครับ” เธอหันมาเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะตีความสีหน้าและน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



“โอ๊ย ไม่ใช่หรอกค่ะ น้องชานยอล คุณหมอคริส เขาไม่ว่างมาสนใจเรื่องยิบย่อยพวกนี้หรอกค่ะ งานเขายุ่งจะตาย” ชานยอลเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก โดยไม่ทันสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ในดวงตาของหญิงสาว เธอลอบยิ้มกับความคิดของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวไปโทรหาหมอ เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ได้แต่ยืนเอ๋อ ลอบมองพยาบาลสาวคนนั้น โดยที่ไม่ทันเอะใจเลยว่าเธออาจจะกำลังโทรหาคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้.....







----------------------------------------------






ผมเหลือบมองพยาบาลคนนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เฮ้ออออ ลุ้นแทบตายแหนะ ว่าจะโดนจับได้มั้ยว่าผมไม่ได้มาสมัครงาน แต่มาสอดแนม ดูลาดเลาสถานที่แห่งความทรงจำของผม ผมรู้นะว่ามันดูไร้สาระและงี่เง่ามากๆเลย แต่ถ้าเป็นคุณ คุณจะไม่สงสัยหรอ ว่าที่ที่คุณเคยอยู่มันเป็นยังไง แน่ล่ะว่าผมสงสัย แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กที่เก็บความอยากรู้อยากเห็นเก่งซะด้วยสิ สุดท้ายผมก็เลยมาโผล่อยู่ที่นี่นี่ละ





ผมเหลือบตามองพยาบาลคนนั้น เมื่อเห็นว่าเธอยังคงโทรศัพท์อยู่ ผมก็ค่อยๆเดินถอยหลัง เตรียมที่จะหนี จะอยู่ทำไมเล่า ผมไม่ได้อยากมาเป็นอาสาสมัครที่นี่แต่แรกนี่นา อีกอย่างถ้าผมเข้าไปในนั้น ผมอาจจะเจอภัยคุกคามก็ได้ ซึ่งนั่น..........ไม่ดีเลย เพราะหัวใจผมยังไม่พร้อมจะตายอีกรอบ




สมองสั่งให้ผมออกเดินเร็วขึ้น ในขณะที่ก้อนเนื้อในอกซ้ายกลับสั่งให้ผมเดินช้าลง พร้อมยังยัดเยียดความรู้สึกอยากเห็นหน้าใครบางคนมาให้ผมรู้สึก ผมพยายามใช้สติต่อต้านมัน แต่สุดท้ายเจ้าดวงตาโตๆที่แสนจะทรยศของผม ก็ดันสอดส่ายมองหาเขาเสียนี่ อาการสับสนวุ่นวายใจของผมดูจะกำเริบหนักขึ้นทุกทีที่ผมเข้าใกล้เขา ใช่!!! มันจะต้องเป็นเพราะเขาแน่ๆ ผมจะต้องไม่เข้าใกล้เขาตอนนี้ มันจะทำให้อาการผมแย่ลง ผมจะต้องหนีไปก่อนที่พี่พยาบาลคนนั้นจะหันกลับมา เพราะฉะนั้นผมก็ต้องงงงงง.........





ชิ่ง!!!





“น้องชานยอลคะ!!!” เหมือนก้อนหินก้อนเบ้อเร่อหล่นลงมาจากฟ้าปิดทางหนีของผม ผมหันมายิ้มแหยๆ ให้เธอ




“คุณหมอบอกว่าให้เข้าไปคุยงานกับคุณหมอได้เลยค่ะ” ผมพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะจำใจเดินตามเธอไป






โอ๊ย ทำไมต้องหันมาตอนกำลังจะหนีด้วยนะ แล้วอย่างนี้ผมก็ต้องเข้าไปในโรงพยาบาลจริงๆใช่มั้ย แล้วจะเจอหมอนั่นรึเปล่า ขออย่าให้เจอเลยนะ หัวใจของผมยังไม่พร้อมจริงๆ แล้วผมก็ยังไม่อยากจะให้อาการ KrisLizm(ศัพท์ใหม่นะ โรคคิดถึงแต่คริส)ของผมกำเริบขึ้นมาต่อหน้าเขาอีกด้วย แค่ลำพังครั้งก่อนมันก็ทำผมอายไปหมดแล้ว ผมยังไม่พร้อมจะอายรอบสองนะ




ถึงจะอย่างนั้นแต่สายตาของผมกลับกำลังสอดส่องหาเขาผ่านฝูงชนที่เดินขวักไขว่ในโรงพยาบาล ก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นคนท่าทางคล้ายเขา แล้วมันก็ห่อเหี่ยวลงทันทีเมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนที่มองหา....





“ไอ้หัวใจไม่รักดี!!!”



“อะไรนะคะ!!”



“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไรๆ”



“อ๋อค่ะ” เธอหันกลับไป ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เกือบไปแล้วมั้ยเล่า...




เชื่อผมรึยังล่ะ ว่ายิ่งเข้าใกล้เท่าไร อาการ KrisLizm ของผมก็จะกำเริบมากขึ้นเรื่อยๆ นี่แค่เข้ามาในโรงพยาบาลที่เขาทำงานนะ ยังไม่ได้เจอแม้แต่เงา สติของผมก็เริ่มวิ่งหนีหายไปละ ความเป็นตัวของตัวเองก็จะเริ่มหายตัว และหัวใจก็ยิ่งไม่รักดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ....




ทั้งหมดนั่น มันเป็นเพราะหมอนั่นคนเดียว



คริส อู๋อี้ฟาน!!!



ภัยคุกคามของกรมอนามัยปาร์คชานยอล!!!



“ถึงห้องคุณหมอแล้วนะคะ” เสียงพยาบาลฉุดผมจากภวังค์


“ถะ ถึงแล้วหรอครับ อ้อ ครับๆ” ผมพยักหน้าหลายๆที เธอหันมายิ้ม ก่อนจะเปิดประตูให้ผม....




ตอนนั้นเอง ผมรู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลงจนผมต้องกลั้นหายใจ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากำลังนั่งยิ้มให้ผมด้วยท่าทางที่ผมคุ้นตาเป็นที่สุด หน้าตาแบบนี้!!! หล่อแบบนี้!!! หุ่นแบบนี้ !!! มัน..................




“คุณหมอคริส!!!!”



“สวัสดีครับ ชานยอล” เขายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แต่เขาจะรู้มั้ยว่ามันเป็นอันตรายต่อหัวใจผม!!!



“พี่พยาบาลครับ ไหน ไหนว่า ไม่ใช่หมอ....”ผมหันไปหาพี่พยาบาล แต่เธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว!!!



“ไม่อยากเจอพี่หมอหรอครับ”


“ไม่ใช่ เอ้ยย ชะ ใช่!! ใช่ ใครจะอยากไปเจอกัน คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาน่าเกลียด เบื่อขี้หน้าจะแย่ ไม่อยากเห็นหรอก”


“งั้น........................พี่หมอไปดีกว่าเนอะ” เขาพูดก่อนจะเดินไปที่ประตู ผมรีบวิ่งไปขวางทันที


“ไม่! ไม่ ยังไม่ได้ไล่เลย” เขาหรี่ตามองผม ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจนปลายจมูกเราแตะชนกัน


“อยากให้พี่หมออยู่หรอครับ” ผมอ้าปากพะงาบๆ ไม่กล้าตอบ หัวใจมันตะโกนปาวๆว่า ใช่ๆ แต่สมอง ดันบอกว่า ไม่ๆ อาการKrisLismมันมาอีกแล้วไง มาทั้งอาการสับสน ทั้งอาการตัวพุ่งปรี๊ดเลย


“ไม่ตอบ คือไม่ปฏิเสธนะครับ” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกจนริมฝีปากเราเฉียดกัน ผมรีบหลับตาลงตามสัญชาตญาณ หัวใจเต้นโครมคราม หน้าร้อนผ่าว เขาจะต้องจูบผมอีกแน่เลย จะต้องจูบแน่เลย ทำไงดี ทำไงดี หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติไว้ๆ ขณะนั้นเองสัมผัสนุ่มนิ่มเหมือนมาชเมลโล่ก็ประทับลงบนริมฝีปากของผมเบาๆเหมือนเป็นเชิงหยอกมากกว่าจะจริงจัง ผมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่ตัวเองมี เพื่อรอสัมผัสต่อไปที่ลึกซึ้งกว่า




1




2




3 จูบ!!!!








เอ่ออออ ทำไม ทำไมไม่มาอะ....




ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเบิกตาโพล่งเมื่อเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว แต่กลับไปนั่งยิ้มอยู่ที่โต๊ะแทน




“รออะไรอยู่หรอครับ” เขาทำด้วยน้ำเสียงล้อๆ



“ไม่ ไม่ ไม่ได้รออะไรสักหน่อย”



“เหรอครับ คิดว่ารอพี่หมอจู..”



“หยุดนะ!!! อาสา อาสาสมัคร!!!”ผมตะโกนเสียงดัง “อาสาสมัคร!!! ผม ผมมาคุยเรื่องอาสาสมัคร” เขานิ่งเงียบไป ก่อนจะหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้ผมอายมากขึ้น จนแทบอยากจะแทรกลงไปในแผ่นดินจริงๆ




เขามองผมด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้าสองสามที ก่อนจะพูด





“โอเคครับ อาสาสมัครก็อาสาสมัคร................. อาสาสมัครงานมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ทำตามที่พี่หมอสั่งก็พอ ส่วนค่าตอบแทน..............ไม่มี เพราะมันเป็นอาสาสมัครไม่ใช่ทำงานจริงๆนะครับ”



“ไม่ได้นะ!!! ต้องมี ต้องมี ไม่มีผมไม่ทำ แล้วค่าตอบแทนผมอะ มันง่ายมากเลยนะ ผมไม่ได้ขอเยอะ ผมแค่ แค่ แค่คุณหมอตอบคำถามทุกข้อที่ผมสงสัย แล้วก็ต้องอธิบายให้ผมเข้าใจด้วยแค่นั้นแหละ” ผมยื่นข้อเสนอ ไหนๆก็ต้องทำงานแล้ว ก็ขอค่าตอบแทนหน่อยแล้วกัน แล้วไอ้คำถามที่ผมถามน่ะ มันก็ไม่ได้ยากอะไรด้วย ผมแค่อยากรู้ศัพท์บ้าบอที่อยู่ในจดหมายเท่านั้นละ



“อะไรนะครับ!!!”



“ ผม ผมขอได้ค่าตอบแทนก่อนทำงานนะ เพื่ออ เพื่อออ.....เป็นกำลังใจในการทำงาน ใช่!!! กำลังใจในการทำงาน เพราะฉะนั้น คุณหมอตอบคำถามผมเลย”


“กำลังใจในการทำงาน? โอเค๊ๆ อยากถามอะไร ถามมาสิครับ” เขายิ้มขำ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายๆ


“แปบนึง!!!” ผมว่าก่อนจะรีบเปิดสมุดโน๊ตของตัวเอง



“ข้อหนึ่ง.......................ดัมโบ้ คืออะ.......”




พร๊วดดดด

คุณหมอสำลักน้ำ




“แค่ก แค่ก อะ อะไรนะครับ”



“ดัมโบ้คืออะไร” ผมย้ำก่อนจะหยิบกระดาษปากกาเตรียมจดคำตอบ



“ดัมโบ้ เอ่ออออ มันคือ...”



“คืออออออ..........” ผมนั่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ



“ดัมโบ้ ดัมโบ้ ดัมโบ้คือ..................ช้างน้อยที่เป็นเพื่อนกับคุโรบุตะครับ” ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปถามเขา



“เพื่อนคุโร?...................แล้วหน้าตาเป็นไงอะ ไม่เคยเห็น วาดให้ดูหน่อยสิ นะ” ผมว่าก่อนจะยื่นกระดาษไปให้เขาวาด เขาทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผม ผมพยักหน้ารัวๆพร้อมกับชี้ไปที่กระดาษ เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆก้มลงวาดรูป แล้วยื่นมาให้ผม...........


นี่มัน

นี่มัน


นี่มัน.....



“เอเลี่ยนชัดๆ!!!”




“แค่ก แค่ก คือ มันเอ่อ ดูดีกว่านั้น แต่พี่หมอ.....”



“มันไม่สมประกอบเลยอะ มันพิการ น่าเกลียดมาก!!! ”ผมพูดพร้อมกับมองรูปอีกครั้ง จะไม่ให้บ่นได้ไง ก็รูปที่เขาวาด มันเหมือนเอเลี่ยนในเบ็นเท็น การ์ตูนที่ผมชอบดูเปี๊ยบเลย



“คือ พี่หมอวาดไม่เก่งน่ะครับ”



“น่าเกลียด น่ากลัว คุโรคบไปได้ไง ตอนนี้มันยังอยู่มั้ย ผมอยากเห็นของจริง”



“เอ่อ ยังอยู่ครับ”



“จริงหรอ งั้นดูหน่อยสิ!!!” ผมแบมือ



“คือ.....................ตอนนี้เขาหลับอยู่ครับ อย่าไปกวนเลย ไว้คราวหน้านะ”



“แต่ว่า....”



“เอ้อออ นี่ได้เวลางานแล้วนะ!!! เรารีบไปทำงานกันดีกว่า เดี๋ยวโดนดุนะครับ” เขาพูดพร้อมกับจูงมือผมออกจากห้องทำงานไป


“ดะ เดี๋ยวสิ ยังไม่เห็นดัมโบ้เลย โห เพื่อนคุโรผมเลยนะ ขอดูหน่อยสิ น้า นะ นะ น้า นะๆๆๆๆ”


“เขาหลับอยู่!”


“หลับก็ปลุกเขาสิ!!!”


“ตื่นมาแล้วใครจะรับผิดชอบ!”


“ผมไง!!!”


“ไม่!!! ไปทำงาน”


“แต่ว่า.....”


“ถ้ายังไม่หยุด พี่หมอจะไม่ตอบคำถามอีกเลย”


“คนใจร้าย!!!” ผมเบ้ปาก ก่อนจะเดินหน้าบูดตามหลังเขาไป ไอ้ใจร้าย ไอ้ขี้งก ไอ้นิสัยไม่ดี ไอ้ภัยคุกคามไม่ได้มาตรฐาน!! แค่นี้ก็ให้ดูไม่ได้ โถะ!! ใจจืดใจดำ หึ!! คอยดูนะ ผมจะไปแอบขโมยดัมโบ้บ้านั่นมาให้ได้เลย หวงมันมากใช่มะ คอยดูนะ คอยดู จะไปขโมยมา แล้วก็จะเอาไปซ่อน เอาให้หาไม่เจอเลย คอยดูสิ!!! คนอย่างปาร์คชานยอล คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว!!!




ผมชกกำปั้นกลางอากาศ ก่อนจะมองรูปดัมโบ้ในกระดาษ....




ฉันจะหาแกให้เจอ



ไอ้ดัมโบ้บ้า!!!





---------------------------------------------------






ผมกำลังลากชานยอลมาทำงานที่ตึกทางฝั่งตะวันออก ตลอดเวลาที่เดินไป ในหัวผมก็คิดถึงเรื่องคำถามสุดป่วงของเขา พระเจ้า!!! ถามมาได้ว่า ดัมโบ้คืออะไร เท่านั้นยังไม่พอยังจะให้วาดรูป แล้วยังจะขอดูมันอีก ผมไม่วิตถารพอจะให้เขาดูมันหรอกนะ พอผมปฏิเสธไป เจ้าตัวแสบก็ไม่ยอมอีก ทั้งเถียง ทั้งอ้อนจะขอดูมัน มีอย่างที่ไหนจะขอดู ไอ้ เอ่อ.....นั่นกัน พระเจ้า ผมอยากจะบ้าจริงๆ




ผมลากชานยอลที่หน้าบูดหน้าบึ้งเหมือนเด็กถูกขัดใจมาถึงหน้าตึก ก่อนจะแนะนำเขาเรื่องทำงาน อธิบายไปเจ้าตัวก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งไม่สนใจคำพูดของผม ถ้าเขารู้ว่าไอ้สิ่งที่อยากเห็นมันคืออะไร ผมอยากจะรู้ว่าเขายังจะโกรธอยู่มั้ย




หลังจากสอนงานชานยอลเสร็จ ผมก็เริ่มตรวจคนไข้ ชั่วโมงแรกๆเจ้าตัวแสบไม่มองหน้าผมเลย แต่พอเริ่มนานขึ้น ก็เริ่มมาเนียนๆคุยได้ แต่สุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยคำพูดที่ว่า ถ้าผมทำงานดี ขอดูดัมโบ้นะ ให้ตาย! นี่มันเป็นรางวัลแบบไหนกัน ผมได้แต่หันไปดุเขาและอ้างไปว่า มันตื่นตอนกลางคืน ถ้าอยากดูก็มาหาพี่หมอตอนกลางคืนสิ ถ้าไม่กลัวว่าพี่หมอจะทำไรน่ะนะ เท่านั้นแหละ ไม่ถามเรื่องดัมโบ้อีกเลย ทั้งยังทำตัวระรื่นยิ้มแย้มเหมือนไม่เคยโกรธกันมาก่อนด้วย ผมละทึ่งกับการเปลี่ยนอารมณ์ของเขาจริงๆ





จากนั้นเราก็ทำงานต่อไปเรื่อยๆจนหมดเวลางาน พอเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็มานั่งพักที่เก้าอี้แถวห้องคนไข้ ชานยอลนั่งหลับตาพิงศีรษะกับกำแพง พอผมนาบกระป๋องน้ำผลไม้ที่แก้ม เจ้าตัวแสบก็ลืมตาตื่นขึ้นทันที เขายิ้มน้อยๆก่อนจะยื่นมือมารับน้ำผลไม้ไป




“ทำงานเก่งเหมือนกันนะเรา” เจ้าตัวแสบยักคิ้วกวนๆกลับมา ผมยิ้มขำก่อนจะลอบมองเสี้ยวหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา......




ทำไมถึงได้สดใสอย่างนี้นะ




ดวงตากลมโตคู่นั้น ที่ทำให้ใจสั่นได้ตลอดเวลา จมูกโด่งที่เชิดรั้นจนน่าหมั่นเขี้ยว กลีบปากอิ่มที่สัมผัสอีกกี่ครั้ง ก็ยังคงน่าจูบไม่เปลี่ยนแปลง....
ผมค่อยๆโน้มหน้าไปจูบปากเขาเบาๆ ก่อนจะเม้มกลีบปากอิ่มซ้ำๆ จากนั้นเราสองคนก็ค่อยๆถล้ำลึกเข้าไปทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด....จากกลีบปากที่สัมผัส เริ่มลึกซึ้งแปรเปลี่ยนเป็นเรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัด สัมผัสไร้เดียงสา และรสจูบที่หวานละมุนละไมเหมือนลูกพีชสดที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความหวานและสดชื่นด้วยกลิ่นหอม ค่อยๆแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของผมอย่างช้าๆ และดึงให้ผมจมดิ่งสู่เสน่ห์ในตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนเนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่ผมตักตวงรสชาติของเขาอย่างนั้น หากไม่มีเสียงเรียกจากด้านหลัง ผมก็ไม่คิดจะละออกมาจากผลไม้สวรรค์นี้....




“คริส!!!” เสียงพี่สาวของผมร้องเรียก ผมผละออกมา ก่อนจะยกมือทักทาย แล้วรีบเดินไปหาเธอ....





-------------------------------------------------






ผมกระพริบตาปริบๆ มองที่ที่คุณหมอเคยยืนอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบริมฝีปากตัวเอง แล้วเลื่อนไปจับแก้มเอาไว้ เมื่อกี้ เมื่อกี้ เราจูบ จูบกัน เราจูบกัน.....แบบ...................ผู้ใหญ่ด้วย…





ผมอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะยกมือปิดหน้าตัวเอง หน้าของผมร้อนผ่าวไปหมด หัวใจผมก็เต้นแรงจนกลัวว่าเสียงจะดังออกมาข้างนอก ความรู้สึกเมื่อกี้มัน มัน มันคืออะไรกันนะ มัน มันเหมือนเราถูกดึงไปอยู่อีกมิติ เหมือนกำลังลอยอยู่บนปุยเมฆ ตัวมันโหวงไปหมด หัวของผมหมุนติ้ว ร่างกายแทบทรงตัวไม่ได้ เพียงแค่รสหวานละมุนจากปลายลิ้นที่ถูกส่งผ่านมาเท่านั้น นะ นี่ นี่เขาทำอะไรกับผมกัน ทำไม ทำไมผมถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ....



ผมเปิดกระป๋องน้ำผลไม้ที่เขาให้มา เพื่อใช้มันดับความเขินของตัวเอง แต่ทันทีที่ความหวานของมันสัมผัสลิ้น ความรู้สึกตอนที่เขาจูบผมแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง...........จูบของเขาหวานกว่านี้อีก...





ดวงตาคมมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม จนผมแทบจะระทวยลงไปกองกับพื้น จมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่กับจมูกของผม จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสที่ริมฝีปากที่ค่อยๆลุกล้ำเข้ามาทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด...





กลีบปากที่สัมผัส เรียวลิ้นที่เชื่อมโยง สายใยสีใสที่หล่อเลี้ยง ดึงดูดเราสองคนเข้าด้วยกัน รสจูบที่ละมุนละไม และอ่อนโยนเหมือนกับเค้กวานิลลาที่สอดไส้ด้วยสตอเบอร์รี่ลูกโตของเขา มันทั้งนุ่มลิ้น ทั้งชุ่มฉ่ำ และสดชื่น จนผมแทบไม่อยากจะหยุดชิมมัน....





นี่ผมหลงใหลสัมผัสของเขาหรอ....




“อ๊า ชานยอล” ผมนั่งจับแก้มตัวเอง ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา แล้วยกซดน้ำผลไม้แก้เขิน ก่อนจะต้องชะงัก เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นคุณหมอกำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนิทสนม




ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ แต่กลัวว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองมาแอบฟังเลยแกล้งทำเป็นดูปลาในตู้เล่นแทน คุณหมอเหลือบมามองผมนิดนึง แล้วก็หันกลับไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นต่อ ทิ้งให้ผมนั่งจ้องตากับปลาในตู้แทน




“พี่สาวคนนี้มาอีกแล้วหรอ โห มาบ่อยเหมือนกันนะเนี่ย”ผมเหลือบตาไปมองต้นเสียง ไอ้คุณตัวขาวนี่นา เป็นหมอหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ แล้วนั่นข้างๆ คุณตัวเล็กนี่นา อันนี้ไม่แปลกเท่าไร พอเดาได้อยู่ แต่เมื่อกี้เขาว่าไงนะ มาบ่อยหรอ มา มาทำไมอะ




“นั่นสิท่าทางสนิทกับพี่คริสด้วยเนอะ โหย จะต้องเป็นคนพิเศษมากแน่ๆเลย ไม่งั้นพี่เขาไม่คุยขนาดนั้นหรอกเนอะ VIPสุดๆอะ เผลอๆ จะ VIPยิ่งกว่าแฟนอีกนะเนี่ย” พิเศษกว่าแฟนอีกหรอ ก็ ก็ ช่างสิ เราไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆนะ ล่ะ .......แล้วทำไมต้องรู้สึกแย่อย่างนี้นะ




“นี่! พี่เขาดูสวยขึ้นป่ะ โหย สวยสุดยอดอะ อิจฉาพี่คริสเนอะ” สวย สวยหรอ ขนาดไหนอะ ผมค่อยๆเหลือบไปมองหน้าเขา โหยยย สวยสุดยอดอะ แล้วดูเราสิ่ เด็กกะโปโล หน้าอย่างกับลิงตีฉาบ หูก็กาง ฟันก็เยอะ ตัวก็เก้งก้าง ไม่เห็นมีไรดีเลย โหย สู้ไม่ได้เลยอ้ะ ผมนั่งเบ้ปากใส่ตัวเองในกระจก พร้อมกับเอานิ้วจิ้มๆตู้เล่น แล้วเหลือบไปมองดูเขาเป็นระยะๆ



“ปลา ปลาสวยเนอะ น่ารักจังเลย ตัวนี้ชื่อไรดี ตัวนี้พองพอง ตัวนั้น ยอลยอล คริส......”ผมชะงักคำพูดเอาไว้ เมื่อได้สติกลับคืนมา โอ่ย จะไปตั้งชื่อตามเขาทำไมเนี่ย เขายิ้มขำผมก่อนจะหันกลับไปคุยต่อ



“เฮ้ยๆ กระซิบกันด้วยอะ กระซิบไรกันอ้ะ” ผมเหลือบตาไปมอง กระซิบกันจริงๆด้วย!!! โอ๊ยๆ ใกล้กันไปแล้วนะ ไม่นะไม่!!!



“เฮ้ยยยยยย นั่นๆ โอ้ววว พระเจ้า!!!! กอดกันด้วยอะ ดูนั่นดิ!!!”




ปึง!!!



ผมทุบตู้ปลาก่อนจะเดินหนีออกมา ไม่ทนแล้ว!!! ไม่ทน!!!



“ชานยอล!!!”


“ไม่ต้องมายุ่ง!!!”ไอ้หมอนิสัยเสีย ไอ้หมอนิสัยไม่ดี ไอ้หมอบ้า ไอ้หมอบอ ไหนว่ารักมากไง แล้วนี่อะไร ห๊ะ!!!! มีกิ๊กได้ไง ไอ้หมอบ้า!! ไอ้ ไอ้ ไอ้บ้าไอ้บอ!! นิสัยไม่ดี ไอ้คนเชื่อไม่ได้ ไอ้ ไอ้ ฮึ่ย!!! ผมไม่ได้หึงเขาหรอกนะ ผมแค่โกรธแทนตัวเองในอดีตเท่านั้นแหละ!!!



“ชาน ชาน เดี๋ยวสิ เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”ไอ้หมอนั่นรีบวิ่งมาดึงแขนผมไว้



“ทำไม!!! จะแก้ตัวรึไง ห๊ะ ไอ้หมอบ้าไอ้หมอบอ”



“แก้ตัวอะไรครับ”



“ไม่ต้องมาทำไขสือ!!! ก็นั่นไง กิ๊กคุณหมอไม่ใช่รึไง”



“ห๊ะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะนะ ฮ่าๆ ชานครับ เขาไม่ใช่กิ๊กพี่หมอ”



“อะ อ่าว แล้ว แล้ว.....”


“นี่หึงฉันกับคริสอีกแล้วหรอ ไม่เปลี่ยนเลยนะ ชานยอล” ระ รู้จักกันด้วยหรอ



“อ้าววววว พี่อลิซ หวัดดีครับ วันนี้มาเยี่ยมน้องชายหรอครับ”ไอ้คุณตัวขาวทำหน้าล้อผม พร้อมกับชี้นิ้วไปที่คุณหมอ เป็นเชิงบอกว่า เนี้ยอะ พี่น้องกัน!!! ฮึ่ย!!! ไอ้นิสัยไม่ดี ทำผมหน้าแตก!!!


“นี่พี่สาวพี่หมอเอง พี่อลิซ”


“รู้แล้วน่า!! ผม ผม ขอโทษนะฮะ พี่อลิซ ผม ผมไม่ได้หึงอะไรพี่เลยนะ ที่ทำไป ผมแค่ แค่โกรธแทนตัวผมในอดีต”ผมยิ้มแหยๆ ให้พี่สาวคนนั้น พี่เขายิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ



“จะโตกว่านี้กี่ขวบ ก็ยังเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิมสินะ วันนี้ฉันต้องไปแล้ว ฝากดูแลคริสด้วยล่ะ” ผมโค้งลาเธอ พอเธอหายลับไป ผมก็หันขวับไปจ้องหน้าไอ้ตัวขาวทันที



“อะไร ไม่ต้องมามองหน้างั้นเลยนะ”


“เพราะนายนั้นแหละ”


“เหรอออออออออ”คุณตัวขาวลอยหน้าลอยตา มันจะน่าหมั่นไส้มากไปแล้วนะ มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้ตัวขาว!!! ฮึ่ย!!! ไม่ทนแล้ว ผมวิ่งไล่เตะไอ้คุณตัวขาวนั่นไปทั่ว ถ้ามันไม่พูดอะไร ผมก็ไม่ต้องหน้าแตกกลางวงอย่างนั้นหรอก เพราะมันคนเดียว!!!



“ไอ้ตัวขาว หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ // ไม่!!! หยุดก็โง่ดิ // ไอ้หล่อ หยุด // ชานยอล มานี่!!!”แล้วเสียงพวกเราก็ตีกันวุ่นวายไปหมด ไอ้หมอวิ่งมาแยกผม พร้อมกับลากผมออกห่างจากไอ้ตัวขาว ส่วนคุณตัวเล็กก็มาลากไอ้ตัวขาวนั่นออกไป


“ลากออกมาไมอ้ะ!!”


“นี่มันโรงพยาบาลนะชานยอล อย่าซนสิ”



“ก็หมอนั่น......”


“ชานยอล” ผมรีบเม้มปากแน่น ผงะถอยหลังออกทันที ความรู้สึกตัวพุ่งปรี๊ดแล่นเข้ามาในร่าง ย๊า นี่เขาแค่พูดเฉยๆนะ จะเขินทำไมเนี่ย!!! ไม่เอาๆ เลิกๆ


“เมื่อกี้............หึงหรอ”


“อะ อะไร มั่วละ ไม่ได้หึง แค่ แค่โกรธแทนตัวเองในอดีต ไม่ได้หึงซะหน่อย ใครจะไปหึงลงกันล่ะ จริงมะ”



“อ๋ออออ ไม่ได้หึง งั้นเดี๋ยวเย็นนี้พี่หมอไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าที่ชอบพี่หมอดีกว่าเนอะ”



“ไม่เอา!!!”



“ไหนว่าไม่หึงไง”


“ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ โอ๊ย กลับบ้านดีกว่า ..............................โอ๊ยยยย!!!!”ผมร้องทันที เมื่อหัวโขกกับประตู


“เดินไม่ดูเลย มานี่” ไอ้หมอบ้านั่นดุ พร้อมกับจับผมให้ไปนั่งอย่างเดิม ก่อนจะลูบบริเวณที่หัวผมโขกกับประตู


“เจ็บมั้ย!!”


“อื้อ!! ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยเล่า”



“แค่ห่วง ไม่อยากเห็นนายเจ็บตัวอีก” ผมพยักหน้ารับ ยอมปิดปากเงียบเพราะสีหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดของเขา เขาลูบแผลเบาๆ ก่อนจะเป่าแผลให้ผม ทำไม ทำไมถึงห่วงเราจังนะ แค่ แค่หัวโขกเอง ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย…


“เดี๋ยวก็หาย แค่ถลอกนิดหน่อย คราวหลังเดินระวังหน่อย รู้มั้ยครับ”


“อะ อื้ม” เขายิ้มบางๆ ก่อนจะจูบซับแผลของผมเบาๆ ฉับพลันนั้นจู่ๆภาพที่ไม่เคยเห็นก็แวบเข้ามา ซ้อนทับกับภาพของคุณหมอ มัน มัน มันเคยเกิดขึ้นแล้ว คุณหมอเคย คุณหมอ เคย เคยทำอย่างนี้กับเรา ที่ ที่โรงพยาบาล เรา เรากำลังนอนอยู่บนเตียง เราเป็นแผลที่หัว....ใช่ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว....



“ชาน! ชาน! เป็นอะไรรึเปล่า!!!” เสียงของคุณหมอดูห่างไกลออกไปทุกที ภาพที่ผมไม่เคยเห็นค่อยๆแจ่มชัดขึ้น เหมือนกับผมย้อนเวลากลับไปดูเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง...

“พี่หมอ ขอโทษนะครับ ชานเท็น” แล้วคุณหมอก็เป่าแผลผมเบาๆ จากนั้นก็จูบซับมัน ผมค่อยๆลืมตาขึ้น มองเสี้ยวหน้าที่จูบผมอยู่เงียบๆ ไม่ยอมส่งเสียง จนคุณหมอหันมาเห็นแล้วถึงได้ยอมพูด


“ชาน!”


“พี่หมอ” ผมยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปโอบกอดเขา จากนั้นภาพนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยเหตุการณ์อื่น




ผมกำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างสแตนด์ดี้ของคุณหมอที่ถูกสวมด้วยเสื้อเชิร์ตสีขาว แบบที่ผมเห็นในตู้เสื้อผ้า มือข้างหนึ่งของผมเอื้อมไปจับมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะเริ่มร้องหาอย่างบ้าคลั่ง...



แล้วทุกอย่างก็หายไป ภาพทุกอย่างไหลเข้ามาในหัวเร็วมาก คำพูดมากมายเข้ามาในหัวจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง




“พี่หมอมีแมลงให้คุโรรรรรรรรรร บุตะของผมมั้ย”



“พี่หมอ อมยิ้มมั้ยยยย ผมให้ฟรี ไม่คิดตังค์นะ แต่พี่ต้องปล่อยผมไป” เออ เอากับมันสิ



“ไม่นะครับ ชานยอล ชานยอลต้องมาเข้าค่ายกับพี่ที่นี่นะครับ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลยล่ะครับ ไม่เบื่อหรอก อยู่กับพี่หมอนะครับ”


“ล่องหน!!!”


“เขาไม่ใช่คนไข้ของผม แต่เขาเป็นแฟนของผม!!!”


“อยู่ไหนๆ เอาสติ มายัดในใจผมเร็ว”


“อยู่ตรงนี้”


“หุบให้โง่สิ อัลทิเมท ดัมโบ้”


“พี่หมอ ผมท้อง!!!”



วี่หวอ วี่หวอ



“พี่หมอ!!!”


“ชาน!!! ชานยอลครับ ชานยอล!! ได้ยินพี่หมอมั้ย!!!” ภาพทุกอย่างหายไป เหลือแต่ผมที่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงเรียกของคนข้างๆดังอยู่ตลอดเวลา ผมกระพริบตาเรียกสติสองสามที ก่อนจะเหลือบขึ้นไปมองเขา....










“พี่หมอ”




http://0ctogus.forumth.com

t_satsuki



โห้ย ชานชานจะจำได้แล้วใช่มั้ยอ่ะ ;___;
จำให้ได้ไวๆนะ

:D

:D

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด -//////////////////-
อิน้องหยอยยยยย แกจำได้แล้วใช่ม๊ายยยยยยย แกทำใจชั้นร่วงง
ลูกแม่ แอ๊แอ๊แอ๊ ;__; แม่รู้ว่าหนูจำได้....
ฮึกกก ไรท์อัพเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่นะ >_____< พี่หมอไฟท์ติ้ง !

FERNERY

FERNERY

อยากจะเห็นดัมโบ้ละสิชานยอล คริคริ ไว้พี่คริสอยากเดินป่าเดี๋ยวชานยอลก็ได้เห็นดัมโบ้
ตื่นขึ้นมาบุกรุกเอกราชของชานยอล 5555555 #หื่นนนนนนนนนน
และชานยอลก็หึงพี่หมอออออออด้วยยยยยย Embarassed
แถมความทรงจำก็กลับมากแล้ว T________T
ดีใจที่สุดเลย ฮืออออออ~ ความทรงจำกลับมาแล้วอย่างนี้
กำลังจะแฮปปี้เอนดิ้งแล้วใช่ไหมเนี่ยยยย > <
กรี๊ดด อ่านไปเขินไปตอนที่ชานยอลรอให้พี่หมอมาจูบ
แต่พี่หมอบอกว่า รอพี่หมอจูบหรอ คืออ่านแล้วเขินมากอ่ะ

Sky_fff

Sky_fff

ชานชานน่ารักไม่เปลี่ยนเลย ยังทำตัวทะเล้นน่ารักเหมือนเดิม -/-

แล้วเรื่องดัมโบ้อ่ะ ถ้าได้รู้ได้เห็นจริงๆอีกครั้งว่ามันคืออะไร น้องคงตกใจมากอ่ะ 555

ดูยังไงชานก็ยังเหมือนเดิม สมองชานนี่โตขึ้นกี่ปีกันนะ ?

เวลาอ่านฟิคเรื่องนี้เราชอบคาเร็กเตอร์ของพี่หมอจัง คือแบบเป็นผู้ชายอ่อนโยนอ่ะ อิจฉาแทนน้องยอล~.~

ชานจะจำพี่หมอได้แล้วใช่มั้ยยยย ฮึ่ยๆ จำได้สักทีเถอะนะ ลุ้นนนๆ ~

pachaam_

pachaam_

ชานชานจำพี่หมอได้แล้วใช่ป่ะ ใช่ดิใช่
โฮลลลลลลลลลลลล ; / / - / / ;
จำกันได้แล้วนะ กรี๊ดเลยกรี๊ดกรี๊ดดดดดดดดดด!
ถามดัมโบ้ .. พี่หมอเงิบ 555555555555
แล้วให้วาดอ่ะ โหยถึงวาดเหมือนลดาก็ดูไม่ออกหรอก
ฝีมือด้านศิลปะพี่หมอห่วยเกินทน 55555555555555555
จำกันได้แล้ว คือตื้นตันสุด / / - / /
รอต่อออ่ะรอๆๆๆ ชอบพี่หมอกะชานชาน
แต่รักไรต์เตอร์สุดขั้วหัวใจ เลิ๊บโบ๊ะ ฮิ้ว 55555555

https://twitter.com/_5Qwc

akanishibluecat

akanishibluecat


เย้ๆๆ ชานชาน จะจำได้แล้ว ขนาดจำไม่ได้ ยังจูบ กะ พี่หมอ ยุนานเลย 555+++ น่ารักอะ

ปล... เอิ่ม แบบว่า ชานชาน หาดัมโบ้ให้เจอ นะ รับรอง ได้ของดีแน่ 555555

mimiw

mimiw

อ๊ากกกกกกกก 5555 อ่านไปขำไป ไอ้โรคเนี่ย KrisLizm สงสัยมันมีมานานแล้วแน่ๆเลย
เราเป็นทุกวันอ่ะ คิกคิก อุว๊ะ คิดได้ไง
แต่ตอนนี้ฮามากอ่ะ ชานยอลจะดูดัมโบ้ แบบภาษาทำให้เห็นภาพ จิ้นระนาวเลย อ๊ากกกกก
ชอบๆๆๆ ย๊ะ!!! ชานยอลจะจำได้แล้วใช่ไหม ชานเท็นนนนนนนนนนนนนนนนนนน bounce

https://twitter.com/MiMiw_Krisexo

NikyNook

NikyNook

ชานนนนน *0*//
ในที่สุดก็เริ่มกลับมาแล้ว #หนีไปร้องไห้ด้วยความปิติฮ่าๆ
พี่คริสดูสุขภาพจิตดีขึ้นนะคึคึ
อ่านแล้วเขินเว่อร์ๆค่ะ ><// ชานมีหึงพี่คริสด้วยน่ารักกกก
เรารอไรเตอร์มาต่อนะสู้ๆ
เมื่อไหร่จะเปิดจองอะไรเตอร์เรารออยู่น้าาา ><Y

watershadow



น้องยอลเริ่มจำ พี่คริสได้แล้ว เย้ๆๆๆ

เซฮุนก็ยุแยง ชี้โพรง ให้น้องยอลหึงพี่คริส ฮ่าๆๆๆๆ แสบทรวง

เป็นกำลังให้ไรเตอร์นะค๊าาาา จะได้มาอัพต่อไวไว อิอิ

theparan

theparan

ชานเท็นเริ่มจำพี่หมอได้แล้ววววว cheers cheers

ChanChan_K



ชานชาน ><//เริ่มจำพี่หมอได้แล้วใช่ป่าววว??
คิคิ...รีบจำให้ได้เร็วๆล่ะ
จำได้ไม่หมดก็ไม่เป็นไรเนอะ...ว่ามั้ย??
ว่าแต่ชานชาน อยากเห็นคุณดัมโบ้จริงๆเหรอ?? คิคิ...
พี่หมอก็อย่าใจร้าย..เนะนำคุณดัมโบ้ให้ชานชานรู้จักหน่อยสิ 555
ชานชานเค้าบอกเเล้วว่า...ถ้าดัมโบ้ตื่น...
'ชานชานรับผิดชอบเอง...' คิคิ ^[+++++]^

bezyenjoy



น้องยอล >[]< ถามหาทำไม ดัมโบ้น่ะ เดี๋ยวเหนื่อยหรอกนะ ๕๕๕

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ