Oh God!!!
เลิกทน!!!
เสียงความต้องการที่ร่ำร้องซ้ำไปซ้ำมาราวกับไซเรนที่ปุ่มปิดพังดังขึ้นในสมองของผม จนมันยากที่จะทานทน ผมดึงชานยอลมานั่งบนตักตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆอย่างสบู่เด็ก ไม่เคยทำให้ผมหลงใหลมาก่อน แต่วันนี้มันต่างออกไป กลิ่นที่ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ของชานยอลกำลังดึงดูดให้ผมถล้ำลึกลงไปมากกว่าเดิม
ผมเอื้อมมือไปประคองท้ายทอยชานยอล ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ทาบทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของอีกฝ่าย สัมผัสนุ่มนิ่มของมัน ราวกับชักชวนให้ผมลิ้มลองความหอมหวานในนั้นอีกครั้ง ผมเม้มปากเขาหลายๆที ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปตักตวงขุมทรัพย์ข้างใน ปลายลิ้นของชานยอลที่ถอยหดหลบอยู่ในสุด การกระทำที่สื่อถึงการหลบหนี แต่มันกลับยิ่งเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปทักทาย ผมใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นของชานยอล หยาดน้ำใสภายในปากที่ควรจะจืด แต่กลับหวานอย่างประหลาด จากนั้นผมก็ไล่ลิ้นไปทั่วโพรงปากของเขา ฝ่ามือเรียวผลักผมออกเบาๆ มือไม้ของชานยอลตอนนี้ดูจะไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวยเสียเหลือเกิน
ผมดึงชานยอลเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนสะโพกมนชิดอยู่กับท้องน้อยของผม จังหวะลมหายใจอุ่นๆที่ถี่รัวรวยรินอยู่ที่ปลายจมูกของผม เด็กคนนี้กำลังตื่นเต้น ติดจะกลัวอยู่หน่อยๆด้วยซ้ำ ผมค่อยๆลดความร้อนแรงของรสจูบลง คงไว้ที่การจูบแบบเด็กๆแทน แม้จะขัดใจอยู่นิดหน่อย แต่ถ้ารุกแบบเหมือนกี้ ชานยอลอาจกลัวได้ ผมเลื่อนมือไปลูบไล้แผ่นหลังของชานยอลเพื่อปลุกเร้าและปลอบโยนให้เขาอารมณ์เย็นลง ในขณะที่ริมฝีปากก็มอบรสจูบให้ไปด้วย เราจูบกันไปได้สักพัก ชานยอลก็ผลัก พร้อมกับทุบที่อกของผม ผมค่อยๆผละออกมาอย่างเสียดาย
“ฮึก.....ลง ลงโทษทำไม แค่จั๊กจี้ดัมโบ้เอง ฮึก”
“ชาน!” หยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มเนียน กระตุกหัวใจให้วูบไหว ผมไม่ชอบเห็นคนร้องไห้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนคนนี้ที่ร้องเพราะการกระทำของผม
“ลงโทษ ฮึก ลงโทษอีกแล้ว ทำไมจ้องแต่จะฆ่ากัน”
“ไม่ พี่หมอไม่ได้จะฆ่าชานนะครับ” ชานยอลส่ายหน้ารัว พร้อมกับปีนลงมาจากตักผม ผมรีบรั้งเอวเขาเข้ามา ให้กลับมานั่งที่ตักผมเหมือนเดิม ก่อนจะประคองหน้าเขาเอาไว้ แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกแตะกัน
“พี่หมอไม่ได้จะฆ่านะ พี่หมอแค่.....แค่บอกรัก” ชานยอลมองผมด้วยแววตาที่สั่นระริกทั้งกลัวและทั้งสับสน
“จริงๆนะครับ พี่หมอแค่บอกรัก แต่ใช้ภาษากายน่ะนะ”
“ภาษากาย..... จริงนะ ไม่ได้จะฆ่านะ ไม่ได้โกรธกันนะ”
“ไม่ครับ พี่หมอไม่โกรธชานยอลหรอก ไม่กลัวนะ” ชานยอลหลบตาลงอย่างคนที่กำลังชั่งน้ำหนักคำพูดของอีกฝ่ายอยู่ แต่ครู่ต่อมาก็ยอมตอบรับคำพูดของผม ปากอิ่มจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆก่อนจะค่อยๆผละออกไป การกระทำเหล่านั้นทำให้ผมตกใจจนนิ่งอึ้งไป
“ชาน....”
“ก็บอกรักไง ผม ผมรักพี่หมอ....ก็เลยโป๊ะโปะ” ชานยอลพูดโดยไม่มองหน้าผม ใบหน้านวลซับสีระเรื่อ
“งั้นก็บอกรักตอบพี่หมอเยอะๆ โอเคมั้ย”ผมค่อยๆดันชานยอลให้นอนราบลงกับเตียง แววตาที่มองตอบผมเต็มไปด้วยความประหม่า แม้เราจะเคยทำอย่างนี้กันไปแล้ว แต่นั่นเหมือนเป็นเกมส์เด็กเล่นที่เขาต้องการจะเอาชนะมากกว่าการบอกรักทางกายของกันและกัน
“ก็เหมือนกับเมื่อคืน แค่นั้นเอง” ผมลูบผมชานยอลเบาๆ เป็นเชิงปลอบ พร้อมกับโน้มหน้าลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอ
“แผล แผล ดะ เดี๋ยวพี่หมอติดแผลผมด้วย ไม่เอา”ชานยอลยกมือขึ้นผลักผมให้ออกห่างจากบาดแผลของเขา
“เดี๋ยวพี่หมอรักษาให้เอง” ผมเป่ามันเบาๆก่อนจะจูบซับรอยแผลนั้นช้าๆ ส่วนมือก็เลื่อนไปลูบไล้เรือนร่างชานยอลใต้เสื้อผ้า
“คราวหลัง ห้ามห่างจากพี่หมอ แม้แต่ก้าวเดียว” ชานยอลพยักหน้ารัว ท่าทางไร้เดียงสานั้นทำให้ผมยิ้มออกมาได้ไม่ยาก ผมเลื่อนริมฝีปาก พรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงไหปลาร้าที่ขยับขึ้นลง ตามจังหวะการหายใจของเจ้าของ นิ้วชี้ลูบขึ้นลงลากผ่านสะดือสวย จนร่างข้างใต้เกร็งตัว
“ชอบทำปูไต่ใช่มั้ย”ผมพูดก่อนจะไต่มือขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้ชายเสื้อเลิกขึ้นสูง จากนั้นก็ก้มลงจูบสะดือของชานยอล ไล่ต่ำลงมาจนถึงขอบกางเกง ผมค่อยๆลูบมันเบาๆ ก่อนจะรูดซิปลง ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วฝูงมารก็เข้ามาขัดขวางผม!!!
ก๊อก ก๊อก
“ไอ้พี่คริสโว้ยยยย จะไปตรวจมั้ยเนี่ย ผมยืนรอมาชาติกว่าแล้วนะ” เหมือนดูหนังแล้วไม่จบ เหมือนกินข้าวแล้วถูกคนขโมยจานไป ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างอารมณ์เสีย จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เออ รอแปบ” ผมตะโกนใส่มัน ก่อนจะหันมาพูดกับชานยอล
“ชาน เอาผ้าห่มมาคลุมตัวก่อน” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าโมโหเขา แต่กำลังปี๊ดแตกกับไอ้มารอย่างโอเซฮุนอยู่ ถึงจะหัวเสียแต่จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ความผิดมัน เพราะผมมีนัดต้องพามันกับเสี่ยวลู่ไปดูงานที่นี่ แต่ เฮ้ย จะมาช้ากว่านี้สักแปบก็ไม่มีใครว่านะเว้ย ฮึ่ย ให้ตายเถอะ ผมบ่นนู่นนี่ไป แต่สุดท้ายก็เอื้อมมือไปเปิดประตูให้มัน
“กว่าจะเปิด ฟีทเจอริ่งกันอยู่หรอพี่”
“เออ!!”ผมว่าพร้อมกับยันแขนกับขอบประตู
“จริงป่ะเนี่ย!!!” ผมกลอกตาใส่มัน ก่อนจะหันไปหาลู่หานที่ไม่ได้สนใจชาวบ้านเลย แต่ผมรู้ครับ ว่าภายใต้ใบหน้านั้นมันกำลังจดจำรายละเอียดทุกอย่างอยู่!!!
“จะมาทำงาน หรือจะมายุ่งเรื่องคนอื่นครับ ไอ้โอเซฮุน”
“เอเลี่ยนมาหรอ” ชานยอลพุ่งเข้ามา มุดหัวรอดช่องว่างระหว่างขาผมกับประตูออกมา นี่ผมผิดใช่มั้ยที่ลืมบอกเขาว่าไม่ให้ออกมาด้วยเนี่ย
“อ่า-ห่ะ ชานเท็น ยินดีที่ได้เจอกันอีกรอบ” เซฮุนย่อตัวลงให้หน้าเสมอกับชานยอล พร้อมกับส่งมือไปเช็คแฮนด์ตัวแสบของผม แล้วไอ้ตัวแสบผู้แสนซื่อของผมก็ดันจับมือมันตอบด้วย!!!
“น้อยๆหน่อยไอ้ฮุน” ผมว่าก่อนจะปัดมือมันทิ้ง
“ต้องน้อยกว่านี้หรอพี่หมอ”
“อืม”
“งั้นแบบนี้ น้อยๆ”ชานยอลพูดพร้อมกับยื่นนิ้วเท้าออกมากระดิกดุกดิกให้เซฮุน.....
ทำอะไรน่ะ
“ชาน ทำไร”
“ก็น้อยๆไง น้อยกว่านิ้วมือ ก็ต้องนิ้วเท้า นี่ไง นิ้วเท้าสั้นกว่านิ้วมือจริงๆนะ ดูสิ” ไม่พูดเปล่า แต่ชานยอลวางทาบมือกับเท้าตัวเอง ให้เห็นถึงความแตกต่าง ผมถึงกับกุมขมับ
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“น่ารักดีว่ะ ฮ่าๆ สวัสดี ชานเท็น” เซฮุนพูดพร้อมกับโบกมือทักทายนิ้วเท้าที่ดุกดิกของชานยอล
“เมื่อกี้ว่าไงนะ” ผมกอดอกถามหน้าตาย
“น่าเกลียดก็ได้วะ ไอ้สวยผมยังไม่หึงเท่านี้เลยนะ เนอะ” เซฮุนหันไปพยักเพยิดกับลู่หาน ที่กำลังนั่งดูผลพรีเมียร์ลีคในไอโฟนอยู่
“ดูเหมือนว่านายจะน่าสนใจมากกว่าบอลอีกนะ”ผมหัวเราะ ผลที่ได้จึงเป็นหน้าบูดๆของเซฮุน
“นี่ พี่หมอกับเอเลี่ยน แล้วก็คุณคนนี้ จะไปไหนกันหรอ เที่ยวรึเปล่า”
“ทัวร์โรงพยาบาลน่ะชานเท็น ไปด้วยกันมั้ย”เซฮุนถามส่งๆ ไม่ได้คิดจริงจัง
“ทัวร์ๆ ทัวร์ ทัวร์ ทัวร์หรอ เหมือนเพื่อนอนุบาลต้องสำรวจโรงเรียนก่อนเข้าเรียน งั้นรึเปล่า”
“เอ่อ เอ้อ ก็ถูกล่ะน่ะ แต่พวกเราเป็นหมอ”เซฮุนตอบ
“งั้นรอแปบนึงนะ”ชานยอลพูดก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้อง แล้วออกมาพร้อมกับ........
เชือกสีรุ้ง(ที่หามาได้ไงมิอาจทราบได้)
กระดาษอะไรสักอย่าง
แล้วก็โทรโข่งกระดาษสีแดง
“เอามาไมน่ะ”ผมถามงงๆ
“รอแปบนึงๆ อย่าเพิ่งเร่งสิ”ชานยอลตอบพร้อมกับทำมือปัดๆ เป็นเชิง ว่า อย่าเพิ่งถาม รอดูก่อน ผมก็เลยสั่งให้ปากตัวเองเงียบสักแปบหนึ่ง แล้วรอดูชานยอล
ชานยอลหยิบเอาเชือกมาผูกข้อมือให้ทุกคน ต่อไปผูกเชือกอีกเส้นที่มีความยาวมากกว่ามาก ก่อนจะเอาไปผูกกับของคนอื่นๆ จากนั้นก็แปะป้ายชื่อเข้าที่หน้าอกของแต่ละคน เสร็จแล้วก็วิ่งถือโทรโข่งมายืนข้างหน้าผม
“ทุกคนนนนน ไปเที่ยวกันเถอะ เดี๋ยวผมจะเป็นไกด์ให้เอง”
“ห๊ะ!!!”เราสามคนประสานเสียงพร้อมกัน
“ผมจะเป็นไกด์ให้ไง พี่หมอไม่ต้องกลัวนะ ผมวิ่งเล่นในนี้ทุกซอกทุกมุมละ ผมจำได้ทุกที่เลย ฮิ คุโรรรรร พาทุกคนดูบ้านเรากัน” ชานยอลกอดไอ้เขียวก่อนจะลาก ย้ำครับว่า ลาก เพราะเขาดึงปลายเชือกด้านหนึ่งก่อนจะออกเดินนำพวกเราไป
“พี่ พี่รักษาเขามั่งป่ะเนี่ย ทำไมผมต้องมาอยู่ในนี้ด้วย”
“พูดงี้ต่อยกันดีกว่ามั้ยครับโอเซฮุน” ผมตอบหน้าตาย
“อู่ยยยย ของขึ้น”
“ก็ไปว่าเขานี่นะ ไอ้หล่อ พี่เขาไม่ต่อยจริงก็บุญละ”
“อ้าววววว!!! ทุกคน อย่าคุยกัน ที่แรกนี่เลยๆ ป้อมยามประจำบ้านผมเอง ใหญ่ใช่ม้า”ชานยอลพูดขัด ก่อนจะชี้ไปที่เค้าเตอร์พยาบาล ผมยิ้มแหยๆ ให้ พร้อมกับยกมือเป็นเชิงว่า โทษที ที่พวกคุณกลายเป็นยามไปแล้ว
“คนนี้นะ เป็นหัวหน้ายามของเรา ชื่อว่า พยาบาลจองนะ เวลาใครทำไรผิดว่าฟ้องได้ เขาจะจัดการให้ ผมเคยมาฟ้องด้วยนะ ตอนนั้นพี่หมอ.....”
“ชานยอล! พี่หมออยากไปโซนอื่นแล้ว เราไปที่เอ่อ....โถงกลาง ไม่ก็ห้องตรวจของพี่หมอเลยได้ป่ะครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่งั้นประชาชีคงได้รู้แน่ว่าผมทำอะไรกับเขาไป แค่พยาบาลจองคนเดียวก็ปวดหัวพออยู่แล้ว ยิ่งมีไอ้มหาภัยสองตัวนี้ด้วยอีก ไม่อยากจะคิด!!!
“จะไปโถงกลางหรอ ไม่อะ ไม่อยากไป คนอยู่เยอะ”
“อ้าว ไม่อยากพาพวกเราไปแนะนำกับคนอื่นหรอ”ลู่หานแย้ง
“คุณคนนี้กับเอเลี่ยนอะได้ แต่พี่หมอไม่อยากให้ไป” เราสามคนขมวดคิ้วงงงวยกับคำตอบของชานยอล ไหงผมไปไม่ได้ ผมเป็นหมอต้องดูแลพวกเขานะ
“เพราะผมหวง พี่หมออะไปตรงนู้นนนน ก็มีแต่คนทัก ทักอยู่นั้นล่ะ แล้วพี่หมออะก็จะยิ้มให้ทุกคนที่มาทัก น่าเบื่อ เบื่อมาก ไม่ไป ไปห้องตรวจของพี่หมอกันดีกว่าคนน้อย คนน้อยยยย” ผมถึงกับหลุดขำกับคำพูดของชานยอล เด็กน้อยเอ๊ย
“หวงมากนะเนี่ย”ลู่หานพูดขึ้น
“ใช่ มากกกกกก มากกกกกกกก”ชานยอลพูดพร้อมกับกางมือออกกว้างๆ ก่อนจะหันหลังขวับ แล้วเริ่มออกวิ่ง ผลความลำบากเลยตกที่พวกเราสามคนที่ต้องวิ่งตามต้อยๆอย่างนี้ เฮ้อออออ ภาพพจน์สะกดว่ายังไงนะ ผมชักจะลืมมันไปแล้วสิตอนนี้
ชานยอลวิ่งทะลุตึกนั้นตึกนี้ ระหว่างทางที่เจอผู้คน ก็จะตะโกนผ่านโทรโข่งว่า เด็กใหม่มา หลบไปๆ กำลังนำทัวร์อยู่ อยากจะได้หน้ากากมาปิดหน้าเป็นบ้า ครั้งก่อนก็รถไฟ ครั้งนี้ก็...........รถไฟขยายขนาดเพิ่มมาอีกสองขบวน ให้ตายเถอะ!!! เป็นจิตแพทย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องมาทำอะไรอย่างนี้นะครับ แต่เฮ้อ.....บ่นไปก็เท่านั้น ขัดมากไม่ได้ เดี๋ยวงอนตุ๊บขึ้นมาจะซวยเอา ระหว่างที่ผมกำลังคุยกันอยู่จู่ๆชานยอลก็หยุดกึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้พวกเราสามคนที่วิ่งตามมาชนเข้ากับแผ่นหลังบางอย่างจัง แต่แทนที่เขาจะร้องเจ็บปวด เขากลับนั่งคุยกับคุโรบุตะแทน
“หยุดทำไมล่ะชานยอล”
“นั่นสิ หยุดไม ชานเท็น”
“จุ๊ๆ เงียบๆ คุโรรรรรร บุตะ กำลังกระซิบอะไรบางอย่าง”ชานยอลทำท่าจุ๊ปาก ก่อนจะแนบหูกับปากคุโรรรร บุตะ
“รอแปบนึงนะลูกทัวร์”ผมหันไปพูดกับเซฮุนและลู่หาน ที่ขมวดคิ้วมองการกระทำของเด็กตัวโย่งหน้าขบวน
“อะไรนะ คุโรรรรร บุตะ ว่าไงนะ จริงหรอ ตายแน่ๆ โอเคๆ ได้ๆ เดี๋ยวเราจะบอกทุกคนให้” ชานยอลโวยวายก่อนจะหันมาหาพวกผม
“ทุกคนนนน คุโรรรรรร บุตะบอกว่า ตรงเนี้ย ตรงเนี้ยๆ มันมีวิญญาณอยู่ วิญญาณร้ายมาก เขาไม่อยากให้เราผ่านไป แต่ไม่ต้องกลัวนะ คุโรอะบอกว่า ถ้าเราเต้นบูชาเขา เขาก็จะให้ มา เรามาเต้นบูชาวิญญาณกัน!!!”ชานยอลพูดพร้อมกับชี้ไปที่..........
โรงกำจัดขยะ
โรงกำจัดขยะเนี่ยนะวิญญาณร้าย เอ้อออ......วิญญาณประเภทไหนกันวะเนี่ย
“นี่ อย่ามัวแต่อึ้ง มาเต้นบูชาวิญญาณเร็ว เดี๋ยวท่านไม่ให้เราผ่านไปนะ โอเค ทุกคน หนึ่ง สองงงงง ซั่มมมม!!!” แล้วชานยอลก็กำมือไว้ข้างตัว(ท่าเหมือนเวลาเราทำท่าเยสนั้นแหละครับ) แล้วก็ย่อตัวลง ส่ายก้นดุกดิก สลับกับเหยียดตัวขึ้นตรง ท่านจะบูชาวิญญาณท่านเทพขยะไรนั่นได้ง่ายๆตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น......โอ่ย เจริญล่ะ อู๋อี้ฟาน นี่มันมากไปแล้ว!!!
“ชาน พี่หมอว่ามันไม่มีจริง”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!!”
“ฮ่าๆ เอากับเขาหน่อยน่าพี่ เราจะได้ไปตรวจๆกันสักที”เซฮุนที่นานๆจะยอมข้อให้ใครพูดก่อนจะทำท่าตามชานยอล ผมหันไปข้อความช่วยเหลือจากลู่หาน แต่รายนั้น..........มันเต้นเป็นคนแรก พร้อมยิ้มหน้าเหรอหราประมาณว่า ที่ทำอยู่นี้มันปกติ
ผมถอนหายใจ ยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองสักพัก ก่อนจะจำใจยอมเต้นบูชาขยะ(ที่ชานยอลเชื่อว่าเป็นวิญญาณร้าย) โชคดีหน่อยที่คนเดินผ่านแถวนี้มีน้อย....
“อ้าวววว คุณหมอคริสสสส” ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ล่ะกันครับ มันไม่น้อยละ
“ไงครับ พยาบาลจอง” นี่เธอย้ายร่างตัวเองได้ไวขนาดนี้เลยเรอะ เมื่อกี้ยังอยู่ที่ป้อมยามอยู่เลยนะ แถมนี่ไม่ได้มาคนเดียวนะครับ พาเพื่อนมาด้วยอีก
“นี่ทำอะไรกันคะเนี่ย!!!”
“บูชาวิญญาณร้ายอยู่!!! เรามาเต้น”ชานยอลหันมาตอบ ก่อนจะดึงแขนเธอและคนอื่นๆให้มาเต้นด้วย
และแล้วระบำบูชาขยะของพวกเราก็บังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ ให้ตาย!! นี่ถ้าคนนอกมาเห็นคงคิดว่าเราเป็นคนบ้าด้วย โอ่ย เมื่อไรมันจะพ้นเขตวิญญาณสักทีวะเนี่ย อายจะแย่ หวังว่าคงจะไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาถ่ายรูปผมเก็บไว้นะครับ
แชะ แชะ
“ปิดแฟลชก่อนถ่ายดีมั้ยครับ ผมจะได้ไม่รู้ตัว”ผมตอบหน้าตายให้ยายพยาบาลจองคนเดิม เธอส่งยิ้มแหยๆ มาให้
“แหม นานๆทีคุณหมอของเราจะทำอะไรแบบนี้”
“นานๆทีหรอ!!! ไม่เคยต่างหากครับ เต้นต่อไปได้แล้ว แล้วก็ช่วยลบภาพนั้นออกด้วย ไม่งั้น ผมเอาตาย!!”ผมประกาศเสียงกร้าว เราเต้นต่อกันไปนานเหมือนกัน(ความจริงแค่แปบเดียวครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันนานมากกกกกกกกกก) ในที่สุดก็พ้นจากเขตุโรงกำจัดขยะสักที กลุ่มพยาบาลจองแยกย้ายไป ส่วนพวกผมก็เดินตามชานยอลมาที่สวน กว่าจะมาได้ เล่นเอาแย่
“ทุกคนนนนน ถึงห้องตรวจพี่หมอแล้วววว”
“ไม่เคยถึงที่หมายแล้วรู้สึกดีใจเท่านี้มาก่อนเลยแฮะ”เซฮุนทำหน้าปลาบปลื้มเสียเต็มประดา
“ทุกคนนนน เดี๋ยวจะพาทัวร์ดูรอบๆ เอามะ”ชานยอลพูดโดยไม่รอฟังคำตอบ ขาเรียวออกเดินนำไปแล้ว ผมรีบคว้ากลับมาก่อนจะเจ้าตัวแสบจะเดินไปไกล
“พี่หมอมีธุระ ต้องตรวจนะ”
“ตรวจหรอ งั้นไปเล่นด้วยยยยยย แต่ผมจะไม่ให้พี่หมอเข้าใกล้คนอื่นได้นะ แล้วก็ห้ามยิ้มให้คนอื่นด้วยนะ”
“ครับๆๆๆ จะไม่ทำอะไรแบบนั้นเลย” จะให้ทำได้ไง ในเมื่อคนไข้ที่ว่านั่นคือชานยอล
“ฮิ ดีมาก!!”ชานยอลพูดพร้อมกับจูบปากผมเบาๆ
“โอ้ววววววววววววว// หู้ยยยยยยยยยยยยยย”
“เงียบปากไป เซฮุน ลู่หาน!!!” ผมพูดก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องตรวจ เซฮุนกับลู่หานที่ไม่เห็นคนไข้ที่ผมว่า เลยหันมาถาม
“คนไข้ล่ะพี่ อย่าบอกนะว่า ชานยอลน่ะ”
“ถูกต้อง เมื่อเช้าไปหาอาจารย์คิมมาเรื่องเคสของชานยอล น่าสนใจดี เลยจะให้พวกนายศึกษา ต้องขอบคุณเขานะ”
“ศึกษาผมหรออออออออออ”ชานยอลยื่นหน้าเข้ามากลางวงสนทนา
“ใช่ครับชานยอล ไปนั่งที่ได้แล้ว แล้วเอาไอ้เชือกนี่ออกที”
“แต่ว่า....”
“พี่หมอทำงานไม่ถนัด”
“ก็ได้” ชานยอลตอบเสียงสะบัด ก่อนจะกระโดดไปนั่งเก้าอี้ พร้อมกับนั่งบ่นกับคุโรบุตะ ผมส่ายหน้าเอือมระอานิดหน่อย ก่อนจะแก้ปมเชือก เหลือไว้แต่ส่วนที่ผูกเข้ากับข้อมือของผม ตอนนี้มันก็เลยเหมือนผมใส่กำไรเชือกสีรุ้งอยู่ ติงต๊อง เป็นบ้า!!!
ผมเลิกใส่ใจกำไล ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบเอกสารในลิ้นชัก ที่ได้มาจากอาจารย์หมอของผม เนื้อหาของมันเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ชานยอลเป็นอย่างนี้ อาการของโรค และข้อมูลประกอบการรักษานิดๆหน่อยๆ ผมเรียกเซฮุนกับลู่หานให้มาอ่านข้อมูลคร่าวๆ เพราะถ้าอธิบายให้ฟังเลย ชานยอลจะได้ยิน แล้วมันอาจทำให้เขาเกิดอาการคลุ่มคลั่งได้....
“นี่!!! ขอดาษหนึ่งแผ่น” ผมยื่นกระดาษไปให้ชานยอลที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา มือเรียวรับมันไป ก่อนจะก้มลงวาดไรยุกยิก ผมหันกลับมาหาลู่หานและเซฮุนที่ยืนอ่านใบ Referอยู่ สีหน้าของทั้งคู่ดูจริงจังผิดกับเวลาปกติที่มักจะเฮฮาอารมณ์ดีตลอดเวลา ระหว่างที่รอพวกเขาอ่าน ผมก็นั่งตรวจดูใบReferอันอื่นๆ พร้อมกับคิดวิเคราะห์หาทางรักษาไปด้วย คงต้องปรับเปลี่ยนกลุ่มยาที่ให้ กินน้อยครั้ง แต่ส่งผลดีก็แล้วกัน น่าจะทำให้หายเร็วขึ้น แล้วก็คงต้องพึ่งพวกสัตว์สักหน่อย มันจะทำให้เขาอารมณ์ดี และอ่อนโยนขึ้น อ่า เลี้ยงหมางั้นหรอ เพิ่มภาระให้โรงพยาบาลอีก เปลี่ยนเป็นพาไปเล่นกับมันที่ร้านก็แล้วกัน แล้วก็....
“พี่คริส” เสียงเซฮุนดังขัดจังหวะความคิดผม ผมเงยหน้าขึ้นมาเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“นี่เขา........”
“อืม อย่างที่อ่านนั้นแหละ”ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเหลือบตามองชานยอลที่นั่งวาดรูปไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ข้อมูลของอาจารย์คิมทำให้........เฮ้อ ฉันเริ่มไม่มั่นใจผลการตรวจครั้งก่อนๆแล้ว”
“อาการมันดูผิดปกติ....รึเปล่าครับพี่”ลู่หานถามเสียงเครียด ผมพยักหน้าช้าๆ
“ใช่ ฉันที่เจอเคสมาเยอะ ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้”
“ถ้าเรารักษาโดยเปลี่ยนกลุ่มยาที่กระตุ้นโดปามีนล่ะครับ”เซฮุนพูดขึ้น ผมส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะยื่นรีเฟอร์อีกอันให้ เซฮุนตาโตตกใจกับข้อความที่ปรากฏ ลู่หานฉวยกระดาษไปอ่านเอง ก่อนอุทานออกมา
“พี่ครับ.....นี่มัน!”
“เข้าใจรึยังว่าทำไมยานั่นถึงใช้ไม่ได้”
“เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย นี่มัน เป็นไปไม่ได้นะ”ลู่หานพูดพร้อมกับยื่นกระดาษคืนให้ผม
“ความจริงตรงหน้านายนี่........พอจะเป็นไปได้มั้ย เซฮุน ลู่หาน” ผมหันไปมองชานยอลที่กำลังนั่งวาดรูปอย่างขะมักเขม้นอยู่ พอเห็นผมเข้า ตากลมก็เบิกกว้างตกใจ ก่อนจะก้มลงไปวาดรูปต่อ
“พี่หมอ อย่าเพิ่งขยับนะ ห้ามแอบมองรูปผมด้วย รอแปบนึงๆ”ชานยอลพูด
“โอเค พี่หมอจะอยู่เฉยๆให้วาด” ผมยิ้มบางๆให้ ชานยอลทำมือโอเคก่อนจะก้มไปวาดต่อสักพัก จากนั้นก็ยื่นมันมาให้ผมดู
“สวยมั้ยยยยยยยยยยย ฮิ”
ภาพเหมือนของผม ที่ดูห่างไกลจากคำว่า คริส ชูอยู่ตรงหน้าผม แม้มันจะดูแทบไม่รู้เรื่อง แต่มันก็เรียกรอยยิ้มผมได้ ทันทีที่ผมยิ้มออกมา ชานยอลก็ยิ้มหวานโชว์ฟันสามสิบสองซี่จนตาหยี ก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปรอบๆห้อง คงดีใจที่ผมชอบมัน ท่าทางที่ใสซื่อนั้น ทำให้ผมลืมความเครียดไปได้ชั่วขณะ นี่เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าทำให้คนคนหนึ่งอารมณ์ดีขึ้นได้ง่ายๆ แค่เพียงเขายิ้ม หรือนั่งวาดรูปบ๊องๆสักภาพหนึ่งเท่านั้น
“พี่หมอชอบมั้ยๆ”
“ชอบครับ น่ารักดี แต่เหมือนเอเลี่ยนไปหน่อยนะ” ชานยอลยู่ปากนิดหน่อย ก่อนจะแย้งขึ้นว่า
“ก็พี่หมอเหมือนเอเลี่ยน ก็เลยออกมาเป็นงั้น ฮิ พี่หมอชอบ ดีใจจังเลย” ชานยอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปรอบๆห้อง ผมมองภาพนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเซฮุนและลู่หาน
“พี่จะทำยังไง”เซฮุนเอ่ยถามออกมา ผมนิ่งเงียบไม่ตอบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทุกคนเบนความสนใจไปที่ชานยอลที่กำลังวิ่งเล่นในห้องตรวจของผม
“แล้วสรุปนี่มันคืออะไรกันแน่ครับพี่คริส”ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองตามชานยอลที่กำลังกระโดดโลดเต้นกับคุโรบุตะก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่บ้าซ้ำซ้อน ก็แค่แกล้งบ้า มีอยู่แค่นี้”
เลิกทน!!!
เสียงความต้องการที่ร่ำร้องซ้ำไปซ้ำมาราวกับไซเรนที่ปุ่มปิดพังดังขึ้นในสมองของผม จนมันยากที่จะทานทน ผมดึงชานยอลมานั่งบนตักตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆอย่างสบู่เด็ก ไม่เคยทำให้ผมหลงใหลมาก่อน แต่วันนี้มันต่างออกไป กลิ่นที่ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ของชานยอลกำลังดึงดูดให้ผมถล้ำลึกลงไปมากกว่าเดิม
ผมเอื้อมมือไปประคองท้ายทอยชานยอล ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ทาบทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของอีกฝ่าย สัมผัสนุ่มนิ่มของมัน ราวกับชักชวนให้ผมลิ้มลองความหอมหวานในนั้นอีกครั้ง ผมเม้มปากเขาหลายๆที ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปตักตวงขุมทรัพย์ข้างใน ปลายลิ้นของชานยอลที่ถอยหดหลบอยู่ในสุด การกระทำที่สื่อถึงการหลบหนี แต่มันกลับยิ่งเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปทักทาย ผมใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับลิ้นของชานยอล หยาดน้ำใสภายในปากที่ควรจะจืด แต่กลับหวานอย่างประหลาด จากนั้นผมก็ไล่ลิ้นไปทั่วโพรงปากของเขา ฝ่ามือเรียวผลักผมออกเบาๆ มือไม้ของชานยอลตอนนี้ดูจะไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวยเสียเหลือเกิน
ผมดึงชานยอลเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนสะโพกมนชิดอยู่กับท้องน้อยของผม จังหวะลมหายใจอุ่นๆที่ถี่รัวรวยรินอยู่ที่ปลายจมูกของผม เด็กคนนี้กำลังตื่นเต้น ติดจะกลัวอยู่หน่อยๆด้วยซ้ำ ผมค่อยๆลดความร้อนแรงของรสจูบลง คงไว้ที่การจูบแบบเด็กๆแทน แม้จะขัดใจอยู่นิดหน่อย แต่ถ้ารุกแบบเหมือนกี้ ชานยอลอาจกลัวได้ ผมเลื่อนมือไปลูบไล้แผ่นหลังของชานยอลเพื่อปลุกเร้าและปลอบโยนให้เขาอารมณ์เย็นลง ในขณะที่ริมฝีปากก็มอบรสจูบให้ไปด้วย เราจูบกันไปได้สักพัก ชานยอลก็ผลัก พร้อมกับทุบที่อกของผม ผมค่อยๆผละออกมาอย่างเสียดาย
“ฮึก.....ลง ลงโทษทำไม แค่จั๊กจี้ดัมโบ้เอง ฮึก”
“ชาน!” หยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มเนียน กระตุกหัวใจให้วูบไหว ผมไม่ชอบเห็นคนร้องไห้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนคนนี้ที่ร้องเพราะการกระทำของผม
“ลงโทษ ฮึก ลงโทษอีกแล้ว ทำไมจ้องแต่จะฆ่ากัน”
“ไม่ พี่หมอไม่ได้จะฆ่าชานนะครับ” ชานยอลส่ายหน้ารัว พร้อมกับปีนลงมาจากตักผม ผมรีบรั้งเอวเขาเข้ามา ให้กลับมานั่งที่ตักผมเหมือนเดิม ก่อนจะประคองหน้าเขาเอาไว้ แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกแตะกัน
“พี่หมอไม่ได้จะฆ่านะ พี่หมอแค่.....แค่บอกรัก” ชานยอลมองผมด้วยแววตาที่สั่นระริกทั้งกลัวและทั้งสับสน
“จริงๆนะครับ พี่หมอแค่บอกรัก แต่ใช้ภาษากายน่ะนะ”
“ภาษากาย..... จริงนะ ไม่ได้จะฆ่านะ ไม่ได้โกรธกันนะ”
“ไม่ครับ พี่หมอไม่โกรธชานยอลหรอก ไม่กลัวนะ” ชานยอลหลบตาลงอย่างคนที่กำลังชั่งน้ำหนักคำพูดของอีกฝ่ายอยู่ แต่ครู่ต่อมาก็ยอมตอบรับคำพูดของผม ปากอิ่มจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆก่อนจะค่อยๆผละออกไป การกระทำเหล่านั้นทำให้ผมตกใจจนนิ่งอึ้งไป
“ชาน....”
“ก็บอกรักไง ผม ผมรักพี่หมอ....ก็เลยโป๊ะโปะ” ชานยอลพูดโดยไม่มองหน้าผม ใบหน้านวลซับสีระเรื่อ
“งั้นก็บอกรักตอบพี่หมอเยอะๆ โอเคมั้ย”ผมค่อยๆดันชานยอลให้นอนราบลงกับเตียง แววตาที่มองตอบผมเต็มไปด้วยความประหม่า แม้เราจะเคยทำอย่างนี้กันไปแล้ว แต่นั่นเหมือนเป็นเกมส์เด็กเล่นที่เขาต้องการจะเอาชนะมากกว่าการบอกรักทางกายของกันและกัน
“ก็เหมือนกับเมื่อคืน แค่นั้นเอง” ผมลูบผมชานยอลเบาๆ เป็นเชิงปลอบ พร้อมกับโน้มหน้าลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอ
“แผล แผล ดะ เดี๋ยวพี่หมอติดแผลผมด้วย ไม่เอา”ชานยอลยกมือขึ้นผลักผมให้ออกห่างจากบาดแผลของเขา
“เดี๋ยวพี่หมอรักษาให้เอง” ผมเป่ามันเบาๆก่อนจะจูบซับรอยแผลนั้นช้าๆ ส่วนมือก็เลื่อนไปลูบไล้เรือนร่างชานยอลใต้เสื้อผ้า
“คราวหลัง ห้ามห่างจากพี่หมอ แม้แต่ก้าวเดียว” ชานยอลพยักหน้ารัว ท่าทางไร้เดียงสานั้นทำให้ผมยิ้มออกมาได้ไม่ยาก ผมเลื่อนริมฝีปาก พรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงไหปลาร้าที่ขยับขึ้นลง ตามจังหวะการหายใจของเจ้าของ นิ้วชี้ลูบขึ้นลงลากผ่านสะดือสวย จนร่างข้างใต้เกร็งตัว
“ชอบทำปูไต่ใช่มั้ย”ผมพูดก่อนจะไต่มือขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้ชายเสื้อเลิกขึ้นสูง จากนั้นก็ก้มลงจูบสะดือของชานยอล ไล่ต่ำลงมาจนถึงขอบกางเกง ผมค่อยๆลูบมันเบาๆ ก่อนจะรูดซิปลง ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วฝูงมารก็เข้ามาขัดขวางผม!!!
ก๊อก ก๊อก
“ไอ้พี่คริสโว้ยยยย จะไปตรวจมั้ยเนี่ย ผมยืนรอมาชาติกว่าแล้วนะ” เหมือนดูหนังแล้วไม่จบ เหมือนกินข้าวแล้วถูกคนขโมยจานไป ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างอารมณ์เสีย จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เออ รอแปบ” ผมตะโกนใส่มัน ก่อนจะหันมาพูดกับชานยอล
“ชาน เอาผ้าห่มมาคลุมตัวก่อน” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าโมโหเขา แต่กำลังปี๊ดแตกกับไอ้มารอย่างโอเซฮุนอยู่ ถึงจะหัวเสียแต่จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ความผิดมัน เพราะผมมีนัดต้องพามันกับเสี่ยวลู่ไปดูงานที่นี่ แต่ เฮ้ย จะมาช้ากว่านี้สักแปบก็ไม่มีใครว่านะเว้ย ฮึ่ย ให้ตายเถอะ ผมบ่นนู่นนี่ไป แต่สุดท้ายก็เอื้อมมือไปเปิดประตูให้มัน
“กว่าจะเปิด ฟีทเจอริ่งกันอยู่หรอพี่”
“เออ!!”ผมว่าพร้อมกับยันแขนกับขอบประตู
“จริงป่ะเนี่ย!!!” ผมกลอกตาใส่มัน ก่อนจะหันไปหาลู่หานที่ไม่ได้สนใจชาวบ้านเลย แต่ผมรู้ครับ ว่าภายใต้ใบหน้านั้นมันกำลังจดจำรายละเอียดทุกอย่างอยู่!!!
“จะมาทำงาน หรือจะมายุ่งเรื่องคนอื่นครับ ไอ้โอเซฮุน”
“เอเลี่ยนมาหรอ” ชานยอลพุ่งเข้ามา มุดหัวรอดช่องว่างระหว่างขาผมกับประตูออกมา นี่ผมผิดใช่มั้ยที่ลืมบอกเขาว่าไม่ให้ออกมาด้วยเนี่ย
“อ่า-ห่ะ ชานเท็น ยินดีที่ได้เจอกันอีกรอบ” เซฮุนย่อตัวลงให้หน้าเสมอกับชานยอล พร้อมกับส่งมือไปเช็คแฮนด์ตัวแสบของผม แล้วไอ้ตัวแสบผู้แสนซื่อของผมก็ดันจับมือมันตอบด้วย!!!
“น้อยๆหน่อยไอ้ฮุน” ผมว่าก่อนจะปัดมือมันทิ้ง
“ต้องน้อยกว่านี้หรอพี่หมอ”
“อืม”
“งั้นแบบนี้ น้อยๆ”ชานยอลพูดพร้อมกับยื่นนิ้วเท้าออกมากระดิกดุกดิกให้เซฮุน.....
ทำอะไรน่ะ
“ชาน ทำไร”
“ก็น้อยๆไง น้อยกว่านิ้วมือ ก็ต้องนิ้วเท้า นี่ไง นิ้วเท้าสั้นกว่านิ้วมือจริงๆนะ ดูสิ” ไม่พูดเปล่า แต่ชานยอลวางทาบมือกับเท้าตัวเอง ให้เห็นถึงความแตกต่าง ผมถึงกับกุมขมับ
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“น่ารักดีว่ะ ฮ่าๆ สวัสดี ชานเท็น” เซฮุนพูดพร้อมกับโบกมือทักทายนิ้วเท้าที่ดุกดิกของชานยอล
“เมื่อกี้ว่าไงนะ” ผมกอดอกถามหน้าตาย
“น่าเกลียดก็ได้วะ ไอ้สวยผมยังไม่หึงเท่านี้เลยนะ เนอะ” เซฮุนหันไปพยักเพยิดกับลู่หาน ที่กำลังนั่งดูผลพรีเมียร์ลีคในไอโฟนอยู่
“ดูเหมือนว่านายจะน่าสนใจมากกว่าบอลอีกนะ”ผมหัวเราะ ผลที่ได้จึงเป็นหน้าบูดๆของเซฮุน
“นี่ พี่หมอกับเอเลี่ยน แล้วก็คุณคนนี้ จะไปไหนกันหรอ เที่ยวรึเปล่า”
“ทัวร์โรงพยาบาลน่ะชานเท็น ไปด้วยกันมั้ย”เซฮุนถามส่งๆ ไม่ได้คิดจริงจัง
“ทัวร์ๆ ทัวร์ ทัวร์ ทัวร์หรอ เหมือนเพื่อนอนุบาลต้องสำรวจโรงเรียนก่อนเข้าเรียน งั้นรึเปล่า”
“เอ่อ เอ้อ ก็ถูกล่ะน่ะ แต่พวกเราเป็นหมอ”เซฮุนตอบ
“งั้นรอแปบนึงนะ”ชานยอลพูดก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้อง แล้วออกมาพร้อมกับ........
เชือกสีรุ้ง(ที่หามาได้ไงมิอาจทราบได้)
กระดาษอะไรสักอย่าง
แล้วก็โทรโข่งกระดาษสีแดง
“เอามาไมน่ะ”ผมถามงงๆ
“รอแปบนึงๆ อย่าเพิ่งเร่งสิ”ชานยอลตอบพร้อมกับทำมือปัดๆ เป็นเชิง ว่า อย่าเพิ่งถาม รอดูก่อน ผมก็เลยสั่งให้ปากตัวเองเงียบสักแปบหนึ่ง แล้วรอดูชานยอล
ชานยอลหยิบเอาเชือกมาผูกข้อมือให้ทุกคน ต่อไปผูกเชือกอีกเส้นที่มีความยาวมากกว่ามาก ก่อนจะเอาไปผูกกับของคนอื่นๆ จากนั้นก็แปะป้ายชื่อเข้าที่หน้าอกของแต่ละคน เสร็จแล้วก็วิ่งถือโทรโข่งมายืนข้างหน้าผม
“ทุกคนนนนน ไปเที่ยวกันเถอะ เดี๋ยวผมจะเป็นไกด์ให้เอง”
“ห๊ะ!!!”เราสามคนประสานเสียงพร้อมกัน
“ผมจะเป็นไกด์ให้ไง พี่หมอไม่ต้องกลัวนะ ผมวิ่งเล่นในนี้ทุกซอกทุกมุมละ ผมจำได้ทุกที่เลย ฮิ คุโรรรรร พาทุกคนดูบ้านเรากัน” ชานยอลกอดไอ้เขียวก่อนจะลาก ย้ำครับว่า ลาก เพราะเขาดึงปลายเชือกด้านหนึ่งก่อนจะออกเดินนำพวกเราไป
“พี่ พี่รักษาเขามั่งป่ะเนี่ย ทำไมผมต้องมาอยู่ในนี้ด้วย”
“พูดงี้ต่อยกันดีกว่ามั้ยครับโอเซฮุน” ผมตอบหน้าตาย
“อู่ยยยย ของขึ้น”
“ก็ไปว่าเขานี่นะ ไอ้หล่อ พี่เขาไม่ต่อยจริงก็บุญละ”
“อ้าววววว!!! ทุกคน อย่าคุยกัน ที่แรกนี่เลยๆ ป้อมยามประจำบ้านผมเอง ใหญ่ใช่ม้า”ชานยอลพูดขัด ก่อนจะชี้ไปที่เค้าเตอร์พยาบาล ผมยิ้มแหยๆ ให้ พร้อมกับยกมือเป็นเชิงว่า โทษที ที่พวกคุณกลายเป็นยามไปแล้ว
“คนนี้นะ เป็นหัวหน้ายามของเรา ชื่อว่า พยาบาลจองนะ เวลาใครทำไรผิดว่าฟ้องได้ เขาจะจัดการให้ ผมเคยมาฟ้องด้วยนะ ตอนนั้นพี่หมอ.....”
“ชานยอล! พี่หมออยากไปโซนอื่นแล้ว เราไปที่เอ่อ....โถงกลาง ไม่ก็ห้องตรวจของพี่หมอเลยได้ป่ะครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่งั้นประชาชีคงได้รู้แน่ว่าผมทำอะไรกับเขาไป แค่พยาบาลจองคนเดียวก็ปวดหัวพออยู่แล้ว ยิ่งมีไอ้มหาภัยสองตัวนี้ด้วยอีก ไม่อยากจะคิด!!!
“จะไปโถงกลางหรอ ไม่อะ ไม่อยากไป คนอยู่เยอะ”
“อ้าว ไม่อยากพาพวกเราไปแนะนำกับคนอื่นหรอ”ลู่หานแย้ง
“คุณคนนี้กับเอเลี่ยนอะได้ แต่พี่หมอไม่อยากให้ไป” เราสามคนขมวดคิ้วงงงวยกับคำตอบของชานยอล ไหงผมไปไม่ได้ ผมเป็นหมอต้องดูแลพวกเขานะ
“เพราะผมหวง พี่หมออะไปตรงนู้นนนน ก็มีแต่คนทัก ทักอยู่นั้นล่ะ แล้วพี่หมออะก็จะยิ้มให้ทุกคนที่มาทัก น่าเบื่อ เบื่อมาก ไม่ไป ไปห้องตรวจของพี่หมอกันดีกว่าคนน้อย คนน้อยยยย” ผมถึงกับหลุดขำกับคำพูดของชานยอล เด็กน้อยเอ๊ย
“หวงมากนะเนี่ย”ลู่หานพูดขึ้น
“ใช่ มากกกกกก มากกกกกกกก”ชานยอลพูดพร้อมกับกางมือออกกว้างๆ ก่อนจะหันหลังขวับ แล้วเริ่มออกวิ่ง ผลความลำบากเลยตกที่พวกเราสามคนที่ต้องวิ่งตามต้อยๆอย่างนี้ เฮ้อออออ ภาพพจน์สะกดว่ายังไงนะ ผมชักจะลืมมันไปแล้วสิตอนนี้
ชานยอลวิ่งทะลุตึกนั้นตึกนี้ ระหว่างทางที่เจอผู้คน ก็จะตะโกนผ่านโทรโข่งว่า เด็กใหม่มา หลบไปๆ กำลังนำทัวร์อยู่ อยากจะได้หน้ากากมาปิดหน้าเป็นบ้า ครั้งก่อนก็รถไฟ ครั้งนี้ก็...........รถไฟขยายขนาดเพิ่มมาอีกสองขบวน ให้ตายเถอะ!!! เป็นจิตแพทย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องมาทำอะไรอย่างนี้นะครับ แต่เฮ้อ.....บ่นไปก็เท่านั้น ขัดมากไม่ได้ เดี๋ยวงอนตุ๊บขึ้นมาจะซวยเอา ระหว่างที่ผมกำลังคุยกันอยู่จู่ๆชานยอลก็หยุดกึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้พวกเราสามคนที่วิ่งตามมาชนเข้ากับแผ่นหลังบางอย่างจัง แต่แทนที่เขาจะร้องเจ็บปวด เขากลับนั่งคุยกับคุโรบุตะแทน
“หยุดทำไมล่ะชานยอล”
“นั่นสิ หยุดไม ชานเท็น”
“จุ๊ๆ เงียบๆ คุโรรรรรร บุตะ กำลังกระซิบอะไรบางอย่าง”ชานยอลทำท่าจุ๊ปาก ก่อนจะแนบหูกับปากคุโรรรร บุตะ
“รอแปบนึงนะลูกทัวร์”ผมหันไปพูดกับเซฮุนและลู่หาน ที่ขมวดคิ้วมองการกระทำของเด็กตัวโย่งหน้าขบวน
“อะไรนะ คุโรรรรร บุตะ ว่าไงนะ จริงหรอ ตายแน่ๆ โอเคๆ ได้ๆ เดี๋ยวเราจะบอกทุกคนให้” ชานยอลโวยวายก่อนจะหันมาหาพวกผม
“ทุกคนนนน คุโรรรรรร บุตะบอกว่า ตรงเนี้ย ตรงเนี้ยๆ มันมีวิญญาณอยู่ วิญญาณร้ายมาก เขาไม่อยากให้เราผ่านไป แต่ไม่ต้องกลัวนะ คุโรอะบอกว่า ถ้าเราเต้นบูชาเขา เขาก็จะให้ มา เรามาเต้นบูชาวิญญาณกัน!!!”ชานยอลพูดพร้อมกับชี้ไปที่..........
โรงกำจัดขยะ
โรงกำจัดขยะเนี่ยนะวิญญาณร้าย เอ้อออ......วิญญาณประเภทไหนกันวะเนี่ย
“นี่ อย่ามัวแต่อึ้ง มาเต้นบูชาวิญญาณเร็ว เดี๋ยวท่านไม่ให้เราผ่านไปนะ โอเค ทุกคน หนึ่ง สองงงงง ซั่มมมม!!!” แล้วชานยอลก็กำมือไว้ข้างตัว(ท่าเหมือนเวลาเราทำท่าเยสนั้นแหละครับ) แล้วก็ย่อตัวลง ส่ายก้นดุกดิก สลับกับเหยียดตัวขึ้นตรง ท่านจะบูชาวิญญาณท่านเทพขยะไรนั่นได้ง่ายๆตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น......โอ่ย เจริญล่ะ อู๋อี้ฟาน นี่มันมากไปแล้ว!!!
“ชาน พี่หมอว่ามันไม่มีจริง”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!!”
“ฮ่าๆ เอากับเขาหน่อยน่าพี่ เราจะได้ไปตรวจๆกันสักที”เซฮุนที่นานๆจะยอมข้อให้ใครพูดก่อนจะทำท่าตามชานยอล ผมหันไปข้อความช่วยเหลือจากลู่หาน แต่รายนั้น..........มันเต้นเป็นคนแรก พร้อมยิ้มหน้าเหรอหราประมาณว่า ที่ทำอยู่นี้มันปกติ
ผมถอนหายใจ ยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองสักพัก ก่อนจะจำใจยอมเต้นบูชาขยะ(ที่ชานยอลเชื่อว่าเป็นวิญญาณร้าย) โชคดีหน่อยที่คนเดินผ่านแถวนี้มีน้อย....
“อ้าวววว คุณหมอคริสสสส” ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ล่ะกันครับ มันไม่น้อยละ
“ไงครับ พยาบาลจอง” นี่เธอย้ายร่างตัวเองได้ไวขนาดนี้เลยเรอะ เมื่อกี้ยังอยู่ที่ป้อมยามอยู่เลยนะ แถมนี่ไม่ได้มาคนเดียวนะครับ พาเพื่อนมาด้วยอีก
“นี่ทำอะไรกันคะเนี่ย!!!”
“บูชาวิญญาณร้ายอยู่!!! เรามาเต้น”ชานยอลหันมาตอบ ก่อนจะดึงแขนเธอและคนอื่นๆให้มาเต้นด้วย
และแล้วระบำบูชาขยะของพวกเราก็บังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ ให้ตาย!! นี่ถ้าคนนอกมาเห็นคงคิดว่าเราเป็นคนบ้าด้วย โอ่ย เมื่อไรมันจะพ้นเขตวิญญาณสักทีวะเนี่ย อายจะแย่ หวังว่าคงจะไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาถ่ายรูปผมเก็บไว้นะครับ
แชะ แชะ
“ปิดแฟลชก่อนถ่ายดีมั้ยครับ ผมจะได้ไม่รู้ตัว”ผมตอบหน้าตายให้ยายพยาบาลจองคนเดิม เธอส่งยิ้มแหยๆ มาให้
“แหม นานๆทีคุณหมอของเราจะทำอะไรแบบนี้”
“นานๆทีหรอ!!! ไม่เคยต่างหากครับ เต้นต่อไปได้แล้ว แล้วก็ช่วยลบภาพนั้นออกด้วย ไม่งั้น ผมเอาตาย!!”ผมประกาศเสียงกร้าว เราเต้นต่อกันไปนานเหมือนกัน(ความจริงแค่แปบเดียวครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันนานมากกกกกกกกกก) ในที่สุดก็พ้นจากเขตุโรงกำจัดขยะสักที กลุ่มพยาบาลจองแยกย้ายไป ส่วนพวกผมก็เดินตามชานยอลมาที่สวน กว่าจะมาได้ เล่นเอาแย่
“ทุกคนนนนน ถึงห้องตรวจพี่หมอแล้วววว”
“ไม่เคยถึงที่หมายแล้วรู้สึกดีใจเท่านี้มาก่อนเลยแฮะ”เซฮุนทำหน้าปลาบปลื้มเสียเต็มประดา
“ทุกคนนนน เดี๋ยวจะพาทัวร์ดูรอบๆ เอามะ”ชานยอลพูดโดยไม่รอฟังคำตอบ ขาเรียวออกเดินนำไปแล้ว ผมรีบคว้ากลับมาก่อนจะเจ้าตัวแสบจะเดินไปไกล
“พี่หมอมีธุระ ต้องตรวจนะ”
“ตรวจหรอ งั้นไปเล่นด้วยยยยยย แต่ผมจะไม่ให้พี่หมอเข้าใกล้คนอื่นได้นะ แล้วก็ห้ามยิ้มให้คนอื่นด้วยนะ”
“ครับๆๆๆ จะไม่ทำอะไรแบบนั้นเลย” จะให้ทำได้ไง ในเมื่อคนไข้ที่ว่านั่นคือชานยอล
“ฮิ ดีมาก!!”ชานยอลพูดพร้อมกับจูบปากผมเบาๆ
“โอ้ววววววววววววว// หู้ยยยยยยยยยยยยยย”
“เงียบปากไป เซฮุน ลู่หาน!!!” ผมพูดก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องตรวจ เซฮุนกับลู่หานที่ไม่เห็นคนไข้ที่ผมว่า เลยหันมาถาม
“คนไข้ล่ะพี่ อย่าบอกนะว่า ชานยอลน่ะ”
“ถูกต้อง เมื่อเช้าไปหาอาจารย์คิมมาเรื่องเคสของชานยอล น่าสนใจดี เลยจะให้พวกนายศึกษา ต้องขอบคุณเขานะ”
“ศึกษาผมหรออออออออออ”ชานยอลยื่นหน้าเข้ามากลางวงสนทนา
“ใช่ครับชานยอล ไปนั่งที่ได้แล้ว แล้วเอาไอ้เชือกนี่ออกที”
“แต่ว่า....”
“พี่หมอทำงานไม่ถนัด”
“ก็ได้” ชานยอลตอบเสียงสะบัด ก่อนจะกระโดดไปนั่งเก้าอี้ พร้อมกับนั่งบ่นกับคุโรบุตะ ผมส่ายหน้าเอือมระอานิดหน่อย ก่อนจะแก้ปมเชือก เหลือไว้แต่ส่วนที่ผูกเข้ากับข้อมือของผม ตอนนี้มันก็เลยเหมือนผมใส่กำไรเชือกสีรุ้งอยู่ ติงต๊อง เป็นบ้า!!!
ผมเลิกใส่ใจกำไล ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบเอกสารในลิ้นชัก ที่ได้มาจากอาจารย์หมอของผม เนื้อหาของมันเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ชานยอลเป็นอย่างนี้ อาการของโรค และข้อมูลประกอบการรักษานิดๆหน่อยๆ ผมเรียกเซฮุนกับลู่หานให้มาอ่านข้อมูลคร่าวๆ เพราะถ้าอธิบายให้ฟังเลย ชานยอลจะได้ยิน แล้วมันอาจทำให้เขาเกิดอาการคลุ่มคลั่งได้....
“นี่!!! ขอดาษหนึ่งแผ่น” ผมยื่นกระดาษไปให้ชานยอลที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา มือเรียวรับมันไป ก่อนจะก้มลงวาดไรยุกยิก ผมหันกลับมาหาลู่หานและเซฮุนที่ยืนอ่านใบ Referอยู่ สีหน้าของทั้งคู่ดูจริงจังผิดกับเวลาปกติที่มักจะเฮฮาอารมณ์ดีตลอดเวลา ระหว่างที่รอพวกเขาอ่าน ผมก็นั่งตรวจดูใบReferอันอื่นๆ พร้อมกับคิดวิเคราะห์หาทางรักษาไปด้วย คงต้องปรับเปลี่ยนกลุ่มยาที่ให้ กินน้อยครั้ง แต่ส่งผลดีก็แล้วกัน น่าจะทำให้หายเร็วขึ้น แล้วก็คงต้องพึ่งพวกสัตว์สักหน่อย มันจะทำให้เขาอารมณ์ดี และอ่อนโยนขึ้น อ่า เลี้ยงหมางั้นหรอ เพิ่มภาระให้โรงพยาบาลอีก เปลี่ยนเป็นพาไปเล่นกับมันที่ร้านก็แล้วกัน แล้วก็....
“พี่คริส” เสียงเซฮุนดังขัดจังหวะความคิดผม ผมเงยหน้าขึ้นมาเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“นี่เขา........”
“อืม อย่างที่อ่านนั้นแหละ”ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเหลือบตามองชานยอลที่นั่งวาดรูปไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ข้อมูลของอาจารย์คิมทำให้........เฮ้อ ฉันเริ่มไม่มั่นใจผลการตรวจครั้งก่อนๆแล้ว”
“อาการมันดูผิดปกติ....รึเปล่าครับพี่”ลู่หานถามเสียงเครียด ผมพยักหน้าช้าๆ
“ใช่ ฉันที่เจอเคสมาเยอะ ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้”
“ถ้าเรารักษาโดยเปลี่ยนกลุ่มยาที่กระตุ้นโดปามีนล่ะครับ”เซฮุนพูดขึ้น ผมส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะยื่นรีเฟอร์อีกอันให้ เซฮุนตาโตตกใจกับข้อความที่ปรากฏ ลู่หานฉวยกระดาษไปอ่านเอง ก่อนอุทานออกมา
“พี่ครับ.....นี่มัน!”
“เข้าใจรึยังว่าทำไมยานั่นถึงใช้ไม่ได้”
“เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย นี่มัน เป็นไปไม่ได้นะ”ลู่หานพูดพร้อมกับยื่นกระดาษคืนให้ผม
“ความจริงตรงหน้านายนี่........พอจะเป็นไปได้มั้ย เซฮุน ลู่หาน” ผมหันไปมองชานยอลที่กำลังนั่งวาดรูปอย่างขะมักเขม้นอยู่ พอเห็นผมเข้า ตากลมก็เบิกกว้างตกใจ ก่อนจะก้มลงไปวาดรูปต่อ
“พี่หมอ อย่าเพิ่งขยับนะ ห้ามแอบมองรูปผมด้วย รอแปบนึงๆ”ชานยอลพูด
“โอเค พี่หมอจะอยู่เฉยๆให้วาด” ผมยิ้มบางๆให้ ชานยอลทำมือโอเคก่อนจะก้มไปวาดต่อสักพัก จากนั้นก็ยื่นมันมาให้ผมดู
“สวยมั้ยยยยยยยยยยย ฮิ”
ภาพเหมือนของผม ที่ดูห่างไกลจากคำว่า คริส ชูอยู่ตรงหน้าผม แม้มันจะดูแทบไม่รู้เรื่อง แต่มันก็เรียกรอยยิ้มผมได้ ทันทีที่ผมยิ้มออกมา ชานยอลก็ยิ้มหวานโชว์ฟันสามสิบสองซี่จนตาหยี ก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปรอบๆห้อง คงดีใจที่ผมชอบมัน ท่าทางที่ใสซื่อนั้น ทำให้ผมลืมความเครียดไปได้ชั่วขณะ นี่เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าทำให้คนคนหนึ่งอารมณ์ดีขึ้นได้ง่ายๆ แค่เพียงเขายิ้ม หรือนั่งวาดรูปบ๊องๆสักภาพหนึ่งเท่านั้น
“พี่หมอชอบมั้ยๆ”
“ชอบครับ น่ารักดี แต่เหมือนเอเลี่ยนไปหน่อยนะ” ชานยอลยู่ปากนิดหน่อย ก่อนจะแย้งขึ้นว่า
“ก็พี่หมอเหมือนเอเลี่ยน ก็เลยออกมาเป็นงั้น ฮิ พี่หมอชอบ ดีใจจังเลย” ชานยอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปรอบๆห้อง ผมมองภาพนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเซฮุนและลู่หาน
“พี่จะทำยังไง”เซฮุนเอ่ยถามออกมา ผมนิ่งเงียบไม่ตอบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทุกคนเบนความสนใจไปที่ชานยอลที่กำลังวิ่งเล่นในห้องตรวจของผม
“แล้วสรุปนี่มันคืออะไรกันแน่ครับพี่คริส”ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองตามชานยอลที่กำลังกระโดดโลดเต้นกับคุโรบุตะก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่บ้าซ้ำซ้อน ก็แค่แกล้งบ้า มีอยู่แค่นี้”