0ctogus
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
0ctogus

0ctogus


You are not connected. Please login or register

สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่14

+9
akanishibluecat
mimiw
YRAUNAJ_YEOL
Kyeore27
pachaam_
watershadow
NikyNook
Sky_fff
0ctogus
13 posters

Go down  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

0ctogus

0ctogus
Admin





สถานีบำบัดคนบ้า ตอนที่14 Cerebrum






ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างพากันมามุงดูซากรถBMW ที่ถูกชนจนสภาพยับเยินไม่ต่างอะไรจากกระป๋องน้ำอัดลมที่ถูกบีบอัดอย่างแรง ด้านข้างและด้านหน้าของรถบุบเข้าไป หลังคารถโกงขึ้นจากการถูกอัด กันชนรถห้อยร่องแร่งเตรียมจะหลุดอยู่รอมร่อ สีของรถถลอกออกเผยให้เห็นสีเหล็กภายใน กระโปงรถเผยอขึ้น เครื่องยนต์ข้างในปล่อยควันฉุนออกมา พร้อมกับน้ำมันที่ไหลไปตามทาง ผสมปนเปเข้ากับเลือดสีสดของผู้บาดเจ็บจนกลายเป็นสีขมุกขมัว ดูแล้วน่าขนลุก ราวกับสารเคมีที่ถูกส่งตรงมาจากความตาย



--------- วี่หวอ วี่หวอ --------------




เสียงไซเรนน่าหนวกหูดังไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงระฆังจากความตายที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้ผู้เคราะห์ร้าย รถพยาบาลและหน่วยกู้ชีพรีบขับเข้ามายังบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ทันทีที่มาถึงเจ้าหน้าที่ก็รีบรุดลงมาที่ผู้ได้รับบาดเจ็บทันที เสียงสั่งการดังระงมไปทั่วบริเวณ ชายฉกรรจ์หลายคนรีบใช้เครื่องมือตัดเศษเหล็กออกด้วยความยากลำบาก ยิ่งปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปนานเท่าไร โอกาสที่จะรอดของคนภายในก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น เจ้าหน้าที่เริ่มมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆเมื่อเศษเหล็กยังตัดไม่ออกเสียที ผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็สามารถตัดได้ เจ้าหน้าที่รีบดึงร่างของผู้บาดเจ็บทั้งสองออกมา ก่อนจะวางลงบนเปล จากนั้นก็รีบหามขึ้นรถพยาบาล




พยาบาลและเจ้าหน้าที่มากมายรีบช่วยปฐมพยาบาลทันที สำลีมากมายถูกหยิบออกมาใช้เช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะและเนื้อตัวของผู้บาดเจ็บ เสียงโทรประสานงานกับโรงพยาบาลดังขึ้นอย่างเร่งรีบสอดประสานไปกับเสียงไซเรนขอทาง ฟังราวกับเสียงโกรธเกรี้ยวของมัจจุราชที่กระหายอยากจะคร่าชีวิตมนุษย์อยู่ทุกขณะจิต มันดังไปเรื่อยๆ กินเวลานานกว่ายี่สิบนาที เจ้าหน้าที่ทั้งหลายเริ่มร้อนรน เป็นห่วงชายผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงยิ่งหนัก แต่พอเห็นว่าเขาค่อยๆขยับตัว พวกเขาก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา เปลือกตาของผู้เคราะห์ร้ายกระตุกวูบไหวอย่างคนที่ไม่สบายตัว ปากได้รูปเม้มแน่นจนซีด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเป็นเส้นเดียว สีหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด



“รู้สึกตัวแล้วหรอคะ คุณ!!!” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูผม ผมพยายามจะมองหน้าเขาแต่ดวงตาของผมก็เปิดยากเหลือเกิน


“ผม.....ชะ ชาน อยู่ไหน” ผมร้องถามเสียงแหบพร่า ลำคอแห้งผากราวกับเส้นเสียงรวมเป็นเนื้อเดียวกับกล้ามเนื้อ แม้จะพูดออกมายากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่สน สิ่งเดียวที่ผมสนตอนนี้คือชานยอล ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง


“คนที่มากับคุณหรอคะ ตอนนี้รถพยาบาลอีกคันรับตัวไปแล้วค่ะ” ผมครางตอบรับในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัว นี่ใครเอาเครื่องปั่นมาปั่นสมองของผม ผมกดนิ้วลงบนขมับเสียจนกลัวว่านิ้วจะจมลงไปในเนื้อ ปวดหัว ปวดหัวไปหมด แถมยังแสบจี๊ดๆที่หน้าผากด้านซ้ายอีก ผมค่อยๆเลื่อนนิ้วไปสัมผัสบริเวณนั้น แต่แล้วฉับพลันนั้นความเจ็บปวดจากแขนก็แล่นแปลบไปทั่วร่าง แขนซ้ายทั้งแขนถลอกปลอกเปลือกไปหมด ผมกัดปากด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกัดฟันยอมขยับ เลื่อนนิ้วไปสัมผัสหน้าผาก เลือดสีสดไหลติดนิ้วมา ประมวลได้ทันทีว่าผมคงหัวแตก






ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะรีบจับเสาขอบเตียง เมื่อรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็หยุด บุรษพยาบาลมากมายเข็นเตียงของผมเข้าห้องฉุกเฉิน หางตาของผมเห็นเตียงของชานยอลถูกเข็นเข้าไปก่อน ด้วยความที่เห็นไม่ชัด ทำให้ภาพของเขากลายเป็นเส้นสีขาวกับแดงผสมปนเปกันไปหมด คลื่นความห่วงเข้าถาโถมหัวใจผมทันที ผมรีบยันตัวลุกขึ้นตั้งท่าจะลงจากเตียง




“คุณครับ!! อย่าลุกสิครับ!!!”


“ผมไม่เป็นไรครับ ผม ผมจะไปหาเขา”ทันทีที่ขยับตัว อาการวิงเวียนก็เข้าครอบงำทันที ดวงตาของผมพร่ามัวไปหมด ทัศนวิสัยเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ภาพชานยอลที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ถูกแทรกแซงด้วยภาพสีดำขมุกขมัว ผมรีบใช้แขนยันตัวเองเอาไว้ไม่ให้พลาดล้มลงไปกองกับพื้น หลับตานิ่งรอให้อาการดีขึ้นเล็กน้อย ก็ตั้งท่าจะลุกเดินต่ออีก


“คุณครับ พอเถอะครับ เดี๋ยวคุณจะอาการแย่นะครับ”บุรุษพยาบาลรีบเข้ามาจับตัวผมเอาไว้ ผมยอมจำนนแต่โดยดี ตอนนี้ไม่มีแรงแม้กระทั่งจะยืนด้วยซ้ำ จังหวะนั้นเอง ที่ผมกำลังจะล้มตัวนอนบนเตียง เสียงแหบพร่าของชานยอลก็ดังขึ้น แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ผมก็รู้ว่ามันเขาเรียกผม


“พี่หมอ....ใช่มั้ย” มือเรียวค่อยๆยกขึ้นไขว่คว้าหาผมกลางอากาศ ผมกระเสือกกระสนร่างไปหาเขา ก่อนจะคว้ามือเรียวมาจับเอาไว้


“พี่หมอเอง นี่ พี่หมอครับ” รอยยิ้มบางๆถูกวาดขึ้นที่กลีบปาก ดวงตาปรือปรอยมองผมอย่างยากลำบาก นิ้วเรียวกระดิกเล็กน้อย ปากอิ่มสั่นเล็กน้อยเหมือนต้องการจะพูดอะไรกับผม


“คุ..............โร”


“เดี๋ยวพี่หมอไปเอามาให้นะครับ แต่ แต่ชานต้องไปทำแผลก่อนนะ”หยาดน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ผมกระชับมือที่จับกันเอาไว้เพื่อย้ำคำพูดของตัวเองว่ามันจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ลมปากที่เอ่ยปลอบใจเขา แต่ผมจะทำมันจริงๆ ชานยอลพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหมดสติไป จากนั้นเตียงของเขาก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป มือที่จับกันค่อยๆหลุดออก ผมมองไล่ตามเตียงของเขาเข้าไป จากนั้นภาพทั้งหมดก็พร่าเลือนลงเรื่อยๆ เหมือนทีวีที่สัญญาณภาพไม่ชัด มือของใครบางคนผลักผมลงกับเตียง แล้วจากนั้นผมก็เห็นทุกอย่างเป็นภาพดวงขาวๆมัวๆ นายแพทย์มากมายวิ่งเข้ามาหา กลุ่มพยาบาลทำงานกันให้วุ่น แล้วจากนั้นภาพทั้งหมดก็ค่อยๆดับวูบไปพร้อมกับสติของผม....





ภายในห้องฉุกเฉินวุ่นวายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนกระวีกระวาดเข้ามาดูอาการของคนทั้งสอง เครื่องมือเครื่องไม้ลอยไปลอยมา เหมือนกำลังเริงระบำอยู่ในท้วงทำนองที่เร็วและอันตรายที่สุด เสียงประสานงานของแพทย์และพยาบาลดังโหวกเหวกอย่างรีบเร่งไปทั่วห้อง ผู้คนวิ่งเข้าวิ่งออกกันให้วุ่นวายไปหมด




“ พยาบาลคิม ลงไปชั้นล่างเบิก normal saline 0.9 มาเพิ่ม!!!”เสียงนายแพทย์คนหนึ่งสั่งพยาบาลโดยที่สายตากำลังจับจ้องอยู่กับการเช็ดเลือดร่างสูงอยู่



“atraumatic needle” นายแพทย์อีกคนบอกพยาบาลข้างๆ ก่อนจะลงฝีเข็มที่แผลของร่างโปร่ง จากนั้นเสียงสั่งการมากมายก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆภายในห้องฉุกเฉินแห่งนี้....






-----------------------------------------





เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปจากค่ำคืนวนกลับมาหากลางวันอีกครั้ง แสงจากพระอาทิตย์ดวงโตสาดส่องอาบไล้ไปทั่วพื้นฟ้า ความอบอุ่นของมันค่อยๆปัดเป่าความหนาวเย็นจากช่วงกลางคืนออกไปอย่างช้าๆ และแทรกซึมความมีชีวิตชีวาลงไปแทนที่ความง่วงเหงา นาฬิกาธรรมชาติในตัวของสิ่งมีชีวิตมากมายกำลังถูกปลุกให้กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง...





ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ในเปลือกตาค่อยๆวูบไหวไปมาเล็กน้อย เมื่อแสงอาทิตย์เข้ามาทักทายเขาถึงในห้อง เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาสงสัย...





ผมกำลังมองภาพเบื้องหน้าพร้อมกับวิเคราะห์ไปด้วย ตอนนี้ผมคงจะอยู่ในห้องพักผู้ป่วยสักห้องของโรงพยาบาลนี้ ผมหันไปมองรอบๆตัว ชานยอลไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้น สมองก็สั่งให้ผมลุกขึ้นทันที แต่เพราะเคลื่อนที่ผิดท่า ทำให้ความเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่บาดแผล เหมือนกับหมอกำลังลงฝีเข็มอยู่จริงๆ ผมยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเอง ก่อนจะเลื่อนมาจับแผลที่แขนข้างซ้าย แต่ยังไม่ทันทำอะไรมาก ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน




“คริส คริส ตื่นแล้วหรอ”เสียงหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรอร้น



“ครับ พี่ อ่ะ ชานล่ะ”


“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยนะคริส” ผมยิ้มบางๆแทนคำตอบ


“เฮ้อ รายนั้นปลอดภัยแล้วล่ะ นอนอยู่ห้องข้างๆ” ทันทีที่พูดจบ ผมก็ยันตัวลุกขึ้น ตั้งท่าจะเดินไปทันที


“นี่ จะไปไหน!”


“ผมจะไปหาเขา”


“แล้วขาตัวเองดีแล้วหรอ อย่าลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่” ผมเหลือบมามองขาตัวเอง จริงอย่างที่พี่สาวผมว่า แต่มันก็เป็นเพียงแค่แผลธรรมดาไม่ใช่หรอ ไม่ได้ขาหักหรือเอ็นขาดสักหน่อย


“ผมจะไปหาเขา ชานยอลอาจกลัวถ้าไม่เห็นผม” ผมว่าก่อนจะเดินออกไป


“คริส!!! ฟังกันบ้างสิ”ถ้าอยู่ในสถานการณ์อื่น รับรองว่าผมจะไม่ดื้อกับพี่แน่นอน แต่ถ้าเป็นตอนนี้......ชานยอลสำคัญกว่า




ผมมองซ้ายมองขวา อ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้องข้างๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเมื่อเห็นห้องของชานยอล เจ้าตัวแสบกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง แม้ใบหน้าจะไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้มีความสุขอะไรมากนัก ผมทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาข้างเตียง ก่อนจะจับจ้องไปที่ร่างของเขา




ชานยอลบาดเจ็บที่ศีรษะ กับขาอีกเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ถ้าเทียบกับผมแล้วก็ยังถือว่าน้อย ซึ่งนั้นก็ถือว่าดีแล้ว ผมคงจะไม่สบายใจมากถ้าเขาเป็นอะไรไปมากกว่านี้ เพราะลำพังแค่นี้หัวใจผมก็กระตุกวูบ สั่นไหวมากพออยู่แล้ว



“เขาคงสำคัญกับนายจริงๆใช่มั้ยคริส”พี่สาวถามผม โดยสายตาจับจ้องไปที่ชานยอล


“ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าห่วงมากๆถ้าเขาเป็นอะไรไป”


“ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเพลย์บอยด์อย่างนายนะ” พี่สาวหันหน้ามามองผม ผมยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ



“เขาคงสำคัญมากจริงๆล่ะมั้ง”



“จบเรื่องนี้ก็ขอแต่งงานซะเลยสิ”พี่แซวติดตลกก่อนจะเอ่ยต่อ “พี่ไปบอกแม่ดีกว่า ว่านายตื่นแล้ว ป่านนี้คงห่วงกันแย่” ผมพยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็หันกลับมามองชานยอลต่อ





แผลที่เขาได้รับ ถ้าเป็นผมคงไม่เจ็บเท่าไรหรอก แต่ถ้าเป็นเด็กน้อยอย่างเขา จะทนได้มั้ยนะ จะกลัวรึเปล่า เขาคงตกใจมากที่จู่ๆก็มาเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ไม่สิ บางทีอาจจะคิดว่านี้เป็นแค่ฉากในการ์ตูนขำๆ ที่เอเลี่ยนตัวร้าย มาบุกโลก ทำลายพระเอกอย่างเขาก็ได้ เขาคงจะคิดอย่างนั้นแน่นอน




“เด็กน้อยจริงๆ”ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมเขาเบาๆ จากนั้นก็ไล้นิ้วไปตามผ้าที่ปิดแผลช้าๆ


“เจ็บมากรึเปล่า”มีเพียงสายลมหายใจสม่ำเสมอตอบกลับผมมา ผมมองหน้าที่มีรอยถลอกน้อยๆของเขา ก่อนจะลูบแผลนั้นเบาๆ


“พี่หมอขอโทษนะครับ ชานเท็น”ผมพูดกับเขา ก่อนจะเลื่อนหน้าไปเป่าแผลของเขา จากนั้นก็จูบซับเบาๆ ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ นิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมอย่างนั้นสักพัก ปล่อยความรักและความห่วงใยของตัวเองให้ค่อยๆแทรกซึมผ่านจูบที่บางเบานั้น แม้มันจะไม่ได้ช่วยให้เขาหายจริงๆ แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะทำอะไรให้เขาบ้าง ผมจูบซับซ้ำๆสองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆผละออกมา ตามกลมใส่แป๋วกำลังจ้องหน้าผมอยู่ นี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!


“ชาน!”


“พี่หมอ”ชานยอลยิ้มกว้าง ก่อนจะเอื้อมมือมาโอบรอบคอผมเอาไว้แน่น จนตัวผมแทบจะล้มลงไปทับร่างเขา


“ชาน ตื่นตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมไม่บอก”ผมขืนตัว จะผละออกมาคุยกับเขา แต่เจ้าตัวแสบก็ล็อกตัวผมเอาไว้เสียจนขยับไม่ได้ ท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่อยากให้พ่อแม่ไปไหน


“ชาน..”


“พี่หมอ”เสียงชานยอลเจือไปด้วยความกลัว จนผมใจหาย ผมลูบผมปลอบเขาเบาๆ เจ้าตัวแสบคงกำลังกลัว


“กลัวหรอ”ชานยอลพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม ผมโน้มหน้าลงไปจูบปลอบเขาเบาๆที่หน้าผาก ร่างโปร่งหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาจูบปลายคางผมเบาๆ จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก ตอนนี้ชานยอลคงอยากอยู่เงียบๆ และกอดผมอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆสักพัก พอให้มีกำลังใจขึ้นอีกนิดแล้วคงค่อยผละออกมา ผมปล่อยให้เขากอดผมอย่างนั้น หลังจากผ่านไปหลายนาที เจ้าตัวแสบก็ค่อยๆผละออกมา


“ดีขึ้นมั้ย ไม่ต้องกลัวนะ คนเก่ง พี่หมออยู่ทั้งคน”


“ผมกลัว กลัวว่าพี่หมอจะหายไป ถ้าพี่หมอหาย กลัวตามกลับไม่เจอ กลัวหายไปนานเหมือนสติของผม”


“ไม่เอาสิครับ พี่หมอไม่หายไปไหนหรอกนะ ไม่กลัวนะ”ชานยอลพยักหน้าซ้ำๆ ตากลมคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำตา มือเรียวคลำสะเปะสะปะไปทั่วเตียงเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่


“หาอะไรหรอครับ”


“คุโร คุโร ไม่เจอ คุโร” ความตกใจฉายชัดอยู่ในดวงตากลม ชานยอลขยับไปมา ควานหาไอ้เขียวนั้น


“ชาน ชาน ไม่ขยับ เดี๋ยวแผลเปิด คุโรเดี๋ยวพี่หมอไปหาให้ หยุดหาก่อน”ผมร้องห้าม การขยับตัวขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด


“ไม่ ไม่ คุโร คุโร คุโร”มือเรียวควานหาตุ๊กตาอย่างบ้าคลั่ง ผมรีบคว้ามือเข้าเอาไว้ ไม่ให้ขยับตัวไปมากกว่านี้ ฉับพลันนั้นเจ้าตัวแสบเบี่ยงตัวมาหา ชนเข้ากับแผลที่แขนของผมเต็มๆ ความเจ็บแล่นไปทั่วร่าง


“โอ๊ย อัส”


“พี่หมอ พี่หมอ!”ชานยอลรีบพุ่งเข้ามาหาผม มือไม้จับไปทั่วตัวผม โดนแผลบ้าง ไม่โดนแผลบ้าง จากที่เจ็บเล็กน้อย ตอนนี้เลยยิ่งเจ็บหนักเข้าไปมากกว่าเดิม


“ดื้อ เห็นมั้ยพี่หมอเลยเจ็บเลย”ผมหันไปดุ ชานยอลหน้าเจื่อน ก้มหน้างุดๆ เหมือนเด็กที่กำลังรู้สึกผิด


“ไม่ดื้อก็ได้ ถ้าดื้อมาก พี่หมอจะเจ็บมาก งั้นจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน สัญญา”เจ้าตัวแสบพูดเสียงอ่อย ก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นมา ผมเหลือบตามองนิ่งๆ ไม่แสดงท่าทีอะไร นานจนชานยอลเริ่มร้อนรน ยื่นนิ้วก้อยเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก ผมหรี่ตามองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ


“สัญญาแน่นะครับ”ชานยอลพยักหน้ารัวก่อนจะเอ่ยตอบ


“อื้อ! สัญญาเลย ไม่ดื้อไม่ซน”


“งั้นก็ได้ พี่หมอจะเชื่อ”ผมพูดก่อนจะเกี่ยวนิ้วก้อยกับเขา ชานยอลคลี่ยิ้มกว้าง จนแก้มแทบปริ เดือดร้อนจนต่อมรับรู้ความน่ารักผมสั่นไหว จนต้องยื่นมือไปขยี้ผมเขาเบาๆ แต่ระวังไม่ให้โดนแผล เจ้าตัวแสบหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่ เตรียมจะหันหน้าไปพูดกับไอ้เขียวตามนิสัย แต่พอนึกได้ว่าไม่มี ปากอิ่มก็งับลง ก่อนจะก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างเศร้าสร้อย


“แต่ว่าก็อยากได้คุโรนะ”


“ตอนนี้ไม่....”ผมรีบกลืนคำพูดตัวเองลงไป ขืนบอกว่าไม่ได้ ชานยอลคงได้ร้องไห้แน่ ผมนิ่งคิดหาทางออก ก่อนจะหันไปเห็นกระดาษกับปากกาที่พยาบาลคงลืมไว้ในห้อง ผมดีดนิ้วดังเปาะ ก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะจรดปากกาวาดรูปทันที….คิดอะไรดีๆออกแล้วล่ะ


“พี่หมอทำอะไรอะ”



“จุ๊ๆ ถ้าเสียงดัง พี่หมอไม่สมาธิตามหาคุโรบุตะของชานนะครับ”ผมหันไปพูด ชานยอลยกมือขึ้นปิดปากทันที ผมหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเขา ก่อนจะก้มลงจัดการกับกระดาษต่อ เขียนเพิ่มอีกหลายๆแผ่นก็คงจะดี ว่าแล้วผมก็ลงมือทำต่ออย่างไม่ลังเล ไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จ



“Complete.”ผมพูดก่อนจะยื่นกระดาษให้ชานยอลดู ตากลมเบิกกว้าง ก่อนจะรีบคว้ากระดาษไปอ่านชัดๆอีกที



“ประกาศตามหา!!! ”ใช่ครับผมทำประกาศตามหาไอ้เขียวนั้น หน้าตาของประกาศมันก็เหมือนประกาศทั่วๆไปนั้นแหละ แค่ขึ้นหัวข้อว่าประกาศตามหา เสร็จก็วาดรูปคุโรบุตะใส่ลงไป แล้วก็ให้ที่อยู่ติดต่อกลับ พร้อมกับบอกเงินรางวัลกับผู้ที่เจอ



“พี่หมอ......”ชานยอลอ้าปากค้าง กระพริบตาปริบๆมองผม พร้อมกับหันกระดาษมาทางผม



“ชอบล่ะสิ” ผมยิ้ม รับรองว่าภายใน5วินาทีนี้ ชานยอลจะต้องขอบคุณผม ที่ผมทำให้เขา



5


4


3


2


1




“พี่หมอ” นั่นไง คิดไว้ไม่มีผิด



“นี่มันคุโรหรือจิ้งจก คุโรรรรร บุตะ ผมไม่ขาดสารอาหารนะ ผมเลี้ยงดีนะพี่หมอ” ถ้าชีวิตคนเราใส่เสียงเอฟเฟ็คเสียงลมพัดปลิว และการ้องได้อย่างในการ์ตูนญี่ปุ่นตอนที่กำลังเยาะเย้ยตัวละครแล้ว ป่านนี้ผมก็กำลังประสบพบเจออะไรแบบนั้นอยู่ แต่ถึงจะไม่มีเสียงอย่างนั้นในห้องนี้ แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่าไรนักหรอก


“มันก็เหมือนๆกันล่ะ ก็กบ” ชานยอลตีหน้ายุ่ง มองค้อนผมเล็กน้อย ก่อนจะหยิบปากกามาวาดรูปใหม่ แล้วยื่นให้ผมดู


“นี่ต่างหาก คุโรรรรรร บุตะ ของผม”


“ฮ่าๆ คือกันล่ะ”เจ้าตัวแสบเบ้ปาก ก่อนจะกำมือคว่ำนิ้วโป้งใส่ผมซ้ำๆ บอกตามตรงว่ามันไม่ดูน่าโมโหเลยสักนิด มันดู.....น่ารักมากกว่า ผมนั่งมองชานยอลอยู่อย่างนั้นสักพัก ขณะนั้นเองเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัด พี่สาวผมเดินเข้ามาพร้อมกับแม่


“อลิซ อินวันเดอร์แลนด์ กับคุณแม่มด ไม่ใช่ๆ นางฟ้า ฮิ”ชานยอลทำท่าเสกของ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบใบประกาศ แล้วยื่นให้พี่สาว และแม่ของผม


“ช่วยตามหาให้หน่อย”ชานยอลเลือกที่จะหันไปบอกความต้องการกับพี่สาวผมมากกว่าจะหันไปบอกแม่


“ฮ่าๆ ตุ๊กตาหายหรอ โอเค ไว้ฉันจะช่วยดูให้ละกัน”พี่สาวผมพูด ตาก็มองใบประกาศสลับกับเจ้าตัวแสบ


“ยังมีอารมณ์มานั่งนะ คนเจ็บ”แม่พูดก่อนจะเดินเข้าไปหาชานยอลที่นอนอยู่บนเตียง


“เจ็บนิดเดียว พี่หมอเป่าเพี้ยง หายแล้ว”เจ้าตัวแสบอย่างคงกล้าๆกลัวๆที่จะตอบ


“ได้ยาดีว่างั้นเถอะ”พี่สาวผมแซว ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างๆผม


“ฉันจะช่วยดูตุ๊กตาที่หายไปแล้วกัน แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง เควิน”


“ก็ดีครับ ยังเจ็บแผลนิดหน่อย แต่ก็พอไหวอยู่”แม่พยักหน้าก่อนจะพูดต่อ


“ไม่ปวดหัวใช่มั้ย”


“ครับ ก็โอเค ไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไรครับ”


“อืม งั้นก็ดี”สีหน้าของแม่ดูเคร่งขรึมขึ้นจนผมนึกแปลกใจ


“มีเรื่องอะไรหรอครับ” แม่เหลือบตาไปมองชานยอลที่กำลังคุยเล่นอยู่กับพี่สาวผมอยู่ ก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยแววตาจริงจัง


“ออกไปคุยกับแม่ข้างนอกหน่อย”แม่พูดก่อนจะเดินนำออกไป ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น ถึงจะเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากพอจะฉุดรั้งผมเอาไว้ได้ ผมเดินตามมาออกไปยังนอกห้อง แม่นิ่งเงียบไปสักพัก ดวงตาที่จริงจังของแม่จับจ้องไปยังชานยอลที่กำลังหัวเราะอยู่กับพี่สาวผมผ่านช่องหน้าประตู ก่อนจะค่อยๆหันกลับมามองผม


“เมื่อเช้าแม่ขอให้สแกนสมองของลูกกับชานยอล เพราะกลัวว่าจะได้รับการกระทบกระเทือน ของลูกปกติดี แต่ของชานยอล.......”


“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ เขาก็ยังดูปกติอยู่ไม่ใช่หรอครับ”


“ผลการสแกน.....มีเลือกคลั่งอยู่ในสมองส่วน Temporal lobe และ frontal lobe เราต้องรีบผ่าตัดเขาให้เร็วที่สุด”


“วะ ว่าไงนะครับ แม่”


“มีเลือดคลั่งในสมองส่วน Temporal lobe และ frontal lobe”


“มะ ไม่จริงน่า เขายังดูปกติอยู่....”


“แม่คะ!!! ชานยอล อ้วก”พี่สาวพูดแทรกขึ้นมา ผมรีบหันไปมองในห้องทันที ภาพชานยอลกำลังอ้วกอยู่กับพื้นฉายชัดอยู่ในแววตาของผม ความตกใจเข้าเขย่าจิตใจผม ผมรีบถลาร่างเข้าไปหาเขาทันที


“ชาน ชาน! เป็นยังไงบ้าง ชาน”ผมรีบลูบหลังให้เขา แต่ชานยอลก็ยังคงอ้วกออกมาอย่างหนัก


“พี่.......”ชานยอลพูดได้เพียงเท่านั้น ก่อนจะอ้วกออกมามากขึ้น จนหน้าของเขาแดงก่ำไปหมด


“แม่ แม่ครับ”


“เควิน เราต้องรีบแล้ว”แม่วิ่งเข้ามาดูอาการของชานยอล ก่อนจะเงยหน้าพูดกับผม


“ลูกอยู่ดูชานยอลไปก่อน เดี๋ยวแม่จะไปจัดการเรื่องผ่าตัด”แม่รีบออกจากห้องไป เหลือแต่พี่สาวกับผมเท่านั้นที่รับหน้าที่ดูแลชานยอล หัวใจของผมเต้นถี่รัวและเริ่มเต้นผิดจังหวะ ผมรู้ดีว่าอาการอย่างนี้บ่งบอกถึงอะไร มันไม่ใช่แค่การอ้วกธรรมดา แต่มันเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงความผิดปกติในสมอง ยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไร อาการก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นมากเท่านั้น ตอนนี้ต้องรีบให้ชานยอลผ่าตัดเอาเลือดที่คลั่งอยู่ในสมองออกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้




ผมลูบหลังให้ชานยอลซ้ำๆ ร่างโปร่งทั้งอ้วกทั้งไอ จนน้ำตาไหล มือเรียวกุมมือผมแน่นอย่างหาที่พึ่งพิง พี่สาวผมรีบวิ่งไปเอาน้ำและทิชชู่มาให้ ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าชานยอลจะเริ่มดีขึ้น ตัวแสบเอนตัวมาพิงผมอย่างอ่อนล้า ผมลูบผมเขาเบาๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้เขา




“พี่หมอ”


“ครับ ชาน กินน้ำก่อนนะ อย่าเพิ่งพูด” ผมยื่นน้ำให้เขาดื่ม ชานยอลดื่มไปสองสามอึกก่อนจะพูดต่อ


“ปวดหัว”


“คริส....”พี่สาวผมเรียกเสียงเบาหวิว พร้อมกับจ้องมองผมเหมือนต้องการคำตอบว่าเธอเข้าใจอาการชานยอลผิดไปใช่มั้ย ผมพยักหน้าย้ำความคิดของพี่สาวช้าๆ


“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวก็หายนะ อดทนนะ”


“ฮึก ปวดจังเลย พี่หมอ”ชานยอลร้องไห้อยู่กับอกของผม ผมกอดเขาเอาไว้แน่น พร้อมกับ ลูบหลัง และจูบปลอบโยนเขาซ้ำๆ


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายนะ คนเก่ง ต้องอดทนนะ”


“ฮึก ฮือ พี่หมอ พี่หมอ”ชานยอลฝังหน้าลงกับอกผม หยดน้ำตาค่อยๆชุ่มให้เสื้อคนป่วยของผมเปียก ยิ่งความชื้นของมันแผ่วงไปมากเท่าไร ผมก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น ชานยอลกำลังทรมาน กำลังเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากอดปลอบเขาเท่านั้น ถ้าผมเป็นหมอทางด้านสมอง ผมคงทำอะไรได้มากกว่านี้ คงช่วยเขาได้มากกว่านี้!!!


“อดทนนะคนเก่ง อดทนไว้ เดี๋ยวคุณแม่มดก็มาช่วยแล้วนะครับ สู้นะ”ผมจูบไรผมเขาซ้ำๆ ชานยอลพยักหน้าช้าๆ มือเรียวกำเสื้อผมจนยับยู่ยี่ไปหมด ก่อนจะร่ำไห้เพราะความเจ็บปวดอยู่ในอ้อมกอดของผม ตลอดเวลาผมได้แต่กอดปลอบ และภาวนาให้แม่กลับมาเร็วๆ เวลาผ่านไปได้ราวๆสิบนาทีเสียงในอ้อมกอดของผมก็เงียบไป


“ชาน!”ไม่มีเสียงตอบกลับ ชานยอลคงทรมานจนสลบไปแล้ว ผมหันหน้าไปมองพี่สาวทันที


“เขาจะต้องไม่เป็นอะไรคริส เราต้องเชื่ออย่างนั้น”ผมพยักหน้ารับช้าๆ จากนั้นไม่นานแม่ก็เข้ามาพร้อมกับเตียงเข็นคนไข้ บุรุษพยาบาลสองคนช่วยกันอุ้มชานยอลขึ้นไปบนเตียง แม่สั่งให้ผมรออยู่ที่นี้ก่อนจะรีบพาชานยอลไปที่ห้องผ่าตัด ผมทรุดลงกับพื้น มองเตียงคนไข้ที่ถูกเข็นไปจนลับตาไปเรื่อยๆด้วยแววตาเลื่อนลอยเหมือนคนไร้สติ


“ชานยอล....”


“คริส”เสียงของพี่สาวดูเบามากจนส่งมาไม่ถึงผม ผมหอบหายใจหนัก จนต้องใช้ปากช่วยหายใจ มือไม้ของผมสั่นเทาจนกำเข้าหากันไม่ได้ ผมมองไปยังที่ที่ชานยอลถูกเข็นไป น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากหางตา...

จิตใจของผมสั่นระริกเหมือนเกิดแผ่นดินไหวกับหัวใจ ผมจะไม่เครียดเลย จะไม่ร้องเลย ถ้าสมองสองส่วนนั้นไม่ใช่ส่วนที่ทำหน้าที่...


ควบคุมการคิดแบบตรรกะ














และ.....




ความทรงจำ

http://0ctogus.forumth.com

Sky_fff

Sky_fff

จะได้รักษา ก็ดันมาเกิดอุบัติเหตุซะก่อน-*-

อ่านแรกๆก็นึกว่าทั้งชานและพี่คริสจะไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องร้ายๆจะผ่านไปแล้วซะอีก

แต่ไหงมีเรื่องให้เครียดกว่าเก่าอ่ะ TT

สงสารทั้งชานยอลทั้งพี่หมอ อยากอ่านตอนหวานๆน่ารักๆแล้ววว 555

หวังว่าชานยอลจะไม่เป็นไรนะ กลัวรักษาแล้วเกิดอะไรขึ้นน้องจำพี่คริสไม่ได้อ่ะ Crying or Very sad

NikyNook

NikyNook

;__________________;
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยฮือออออออ
พี่คริสกับน้องยอลอุตส่าห์ปลอดภัยแล้วแท้ๆ
เลือดคั่งในสมองส่วนที่เกี่ยวกับความทรงจำ!!!
ขอให้คุณแม่ผ่าตัดได้ด้วยดีเถอะ พี่คริสเป็นห่วงมากเลยอะ
อ่านแล้วทรมานแทนเลย แง๊งงงงงงงน้องยอลอย่าเป็นอะไรเลยน้า

watershadow



หน่วงนิดๆ แต่ยังพอรับไหว
ตอนแรกคิดว่า ฟื้นขึ้นมาน้องยอลจะกลับมาปกติ
แต่กลับเลือดคลั่งในสมองหนักกว่าเดิมอีก T____________T
แอบกลัวและกังวลเหมือนพี่หมอซะแล้ว กลัวว่าน้องยอลจะลืมพี่หมอ อ่ะ Y_Y

pachaam_

pachaam_

โหยไม่เอาไม่มันไม่ใช่ความจริงไม่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !
screammmmmmmmmmmmmmmm. T - T
เลือดคลั่งในสมอง สมองที่มีแต่ความทรงจำอ่ะ
ความทรงจำของพี่หมอกับชานชาน
แม่มดกับพี่อลิสช่วยชานชานด้วยนะ
จะร้องอ่ะ สติหายแล้วยังโชคร้ายแบบนี้อีก T - T

https://twitter.com/_5Qwc

Kyeore27



ไม่เป็นไร ทุกอย่างต้องไม่เป็นไร! ใช่มั้ยคะไรต์เตอร์ T^T

เข้มแข็งไว้นะพี่หมอคริส เข้มแข็งไว้อย่าล้มไปอีกคน ใจเย็นๆ
กลัวก็กลัวถ้าน้องเป็นอะไรไปอีก แต่มาคิดอีกที
ระหว่างความทรงจำหายไปกับการที่ไม่มีชานยอลอยู่อีกเลย ขอเลือกอย่างแรกยังทรมานน้อยกว่า
อย่างน้อยๆ ความทรงจำก็สร้างใหม่ได้
ผ่านบททดสอบบทนี้ไปให้ได้นะชานชานของขุ่นแม่ พี่หมอคริสด้วย ขุ่นแม่เอาใจช่วยอยู่นะคะ!

YRAUNAJ_YEOL

YRAUNAJ_YEOL

T______T

หยอยอย่าเป็นไรน๊า ถ้าหยอยเป็นอะไรไปเราจะดูแลเฮียให้เอง >,,<

mimiw

mimiw

T^T ฮึก ชาน ชานจะต้องไม่เป็นอะไรนะ

แงๆๆ แล้วอย่างนี้ชานขะลืมพี่คริสไหม? ไม่น้าาาาา

สู้ๆน้าชาน เราอ่านตอนนี้ร้องไห้เลยอ่ะ ฮือๆๆๆๆ

https://twitter.com/MiMiw_Krisexo

akanishibluecat

akanishibluecat

อ่านแล้วอยากจะร้องไห้ สงสาร ชานชาน ตอนแรกคิดว่าดีแล้วที่ไม่เปนไร

แต่ที่ไหนได้ ชานชาน กลับเปนหนักซะงั้น พี่หมอด้วย อดทนเอานะ ทั้งสองคนเลย

เดวเรื่องร้ายๆ คงผ่านไป เอาใจช่วยทั้ง 2 เลย

ChanChan_K



ความคิด...ความทรงจำ...เฮ้ยยยยย!!!
แล้วๆๆๆ...ถ้าผ่าตัดเสร็จแล้ว..T___T;;
ฮือออออๆ แล้วชานๆจะหายมั้ยอ่าาาาา ชานๆจะหายมั้ยเนี่ย
เกิดเรื่องซะเเบบนี้อีก ...ฮรือออ
ชานๆสู้ๆนะ คุโรรรรร เอาใใจช่วยชานๆด้วยนะๆๆ
ชานๆต้องไปกู้โลกอีกไม่ใช่เหรอ?? Y..Y

:D

:D

กรรม กรรม ;-; น้องหยอยซวยซ้ำซวยซ้อน...
ไอ่เรารึก็นึกว่าตื่นมาแล้วจะหาย ที่ไหนได้...หนักกว่าเดิมอีก
แง๊ TTOTT น้องหยอยยยยยย หายไวๆนะลูก
พี่หมอก็อย่างอแง .. อยากเห็นหน้าอลิซจัง ต้องน่ารักมากแน่ๆ T////////T
ฮืออออ ตามต่อค่ะตามต่อ

plengklui



ควบคุมความทรงจำ!! ㅠㅠㅠㅠ ไม่นะ ไม่นะ

ชอบตอนที่อลิซคุยกับพี่หมอ ดูเป็นพี่น้องที่น่ารักดีเนอะ

mind2bj



ว่าจะดีอยู่แล้วเชียว มีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอดจริงๆ
สงสารชานยอลอ่า อย่าเป็นอะไรไปนะ ฮือๆ TT
ขอให้ความทรงจำเหมือนเดิมนะชานยอล อย่าลืมพี่หมอล่ะ

ขึ้นไปข้างบน  ข้อความ [หน้า 1 จาก 1]

Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ